ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เป้าหมายที่จะพา นช.ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านแบบเท่ๆของบรรดาลิ่วล้อส.ส.พรรคเพื่อไทย ยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อนผ่อนเกมเอาง่ายๆ ซึ่งหากจะแบ่งเป็น 2 ร่างหลักๆก็คือ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และ ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของนายวรชัย เหมะ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่กำลังจะถูกบรรจุเข้าสภาผู้แทนราษฎร ในการประชุมสมัยสามัญที่จะเริ่มขึ้นในเดือนสิงหาคมที่จะถึง
อย่างไรก็ตาม แผนช่วยนายใหญ่แห่งดูไบ ของแก๊ง ส.ส.เพื่อไทย ก็เรียกว่าแสบสันไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อถูก นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแฉว่า ที่นายวรชัยเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยระบุว่าเป็นคนละหลักการกับร่างของ ร.ต.อ.เฉลิม แต่สุดท้ายนายวรชัยกลับมาร่วมลงนามสนับสนุนร่างของ ร.ต.อ.เฉลิม
ขณะที่นายวรชัยเองก็เรียกได้ว่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ออกมายอมรับแต่โดยดีว่า ได้ลงชื่อสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง จริง ร่วมกับ ส.ส.อีกหลายคนที่เข้าชื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็นการลงชื่อเพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น พร้อมอ้างว่า ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะเป็นแค่การเข้าชื่อเสนอกฎหมายเท่านั้น แต่กฎหมายจะได้รับการ เห็นชอบหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเสียงในสภาฯ
เรียกว่าชัดเจนในเป้าหมายไม่มีเปลี่ยนแปลง สำหรับบรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เชื่อขนมกินได้เลยว่า แม้จะขยันโยกไปมา เปลี่ยนแผนกันวุ่นวายสารพัด เป็นกลยุทธ์สำหรับนักโทษหนีคุกทักษิณ ที่ทำมาเพื่อหลอกล่อคนเสื้อแดง รวมไปถึงเป็นแผนให้ ส.ส.เพื่อไทยตีกิน ทำเนียนออกมาเล่นตามเกมตามบทเพื่อหลอกล่อสังคมกันยกใหญ่
แถมด้วย ยังมีกลุ่มคนเสื้อแดงบางคนยังตกหลุมพรางของเกมที่จะพา นช.ทักษิณกลับบ้านแบบไม่รู้ตัวอีกด้วย อาทิ นายณัทพัช อัคฮาด น้องชาย น.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตในวัดปทุมวนารามในเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 2553 ที่บอกว่า ทางกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตไม่เห็นด้วยทั้งร่าง พ.ร.บ.ปรองดองของ ร.ต.อ.เฉลิม และร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของนายวรชัย ที่รอพิจารณาเป็นวาระแรกในสมัยประชุมหน้า เพราะร่างของร.ต.อ.เฉลิมเปรียบเสมือนล้างผิดทั้งผู้สั่งฆ่าและมือปืน ส่วนร่างของนายวรชัยนั้นแม้ก่อนหน้านี้ทางญาติผู้เสียชีวิตจะเห็นด้วยกับเนื้อหาร่างเพราะเป็นการนิรโทษประชาชนออกจากคุก ไม่รวมแกนนำ ผู้สั่งการ แต่ภายหลังทราบจากนายวรชัยว่าเนื้อหาร่างนิรโทษให้กับเจ้าหน้าที่ทหารด้วย ดังนั้นร่างของนายวรชัยเท่ากับเป็นการนิรโทษกรรมให้มือปืน ก้าวข้ามประชาชนไม่ต่างจากร่าง พ.ร.บ.ของ ร.ต.อ.เฉลิม
อย่างไรก็ตาม แผนการอันแยบยลของ นช.ทักษิณที่หลอกคนเสื้อแดง หรือแม้แต่สั่งงานให้ส.ส.เพื่อไทยเล่นเกมสองหน้าก็มาจบลงตรงที่ นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ได้สั่งให้บรรจุร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติของ ร.ต.อ.เฉลิมเข้าระเบียบวาระการประชุมสภา และยืนยันว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวไม่ใช่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงิน พร้อมเสนอให้ยึดร่าง พ.ร.บ.ปรองดองของ ร.ต.อ.เฉลิมเป็นหลัก แล้วนำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของนายวรชัยมารวม เรียกว่าตรงตามเป้าหมายของนายใหญ่แห่งดูไบแบบไม่มีผิดเพี้ยนทุกระเบียดนิ้ว
ทั้งนี้ คงจะต้องกางรายละเอียดของพ.ร.บ.ทั้งสองฉบับ กล่าวถึง ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับครึ่งซอยของ นายวรชัย มีสาระสำคัญต่างจากร่างฉบับสุดซอยของ ร.ต.อ.เฉลิม เพราะมุ่งนิรโทษกรรมความผิดเฉพาะบรรดามวลชนทุกกลุ่มทุกสีตั้งแต่หลังเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อปี 2549 จนถึง พ.ค.ปี 2554 เป็นหลัก โดยไม่ครอบคลุมถึงบรรดาแกนนำ ผู้สั่งการ รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งใช้ความรุนแรงทำให้เกิดการสูญเสีย นั่นหมายความว่าไม่ครอบคลุมถึง นักโทษหนีคุกทักษิณ และเหล่าแกนนำคนเสื้อแดงที่เป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมือง ขณะที่ร่างฉบับสุดซอยของ ร.ต.อ.เฉลิม มุ่งฟอกโทษความผิดทั้งหมดให้กับระดับแกนนำ และผู้สั่งการของทุกสีทุกกลุ่ม
จากผลประโยชน์ขัดกันระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงกับ นช.ทักษิณ จึงถือเป็นวิบากกรรมกลืนไม่เข้าคายไม่ออกสำหรับ นช.ทักษิณ ที่อยากฟอกโทษความผิดให้ตัวเองใจจะขาดเพื่อจะได้กลับบ้านแบบเท่ๆ เสียที แต่ก็ไม่สามารถแตกหักเพราะต้องอาศัยมวลชนเสื้อแดง เพื่อใช้เป็นฐานกำลังสำคัญ ดังนั้น เมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาต่อต้านร่างฉบับสุดซอยของ ร.ต.อ.เฉลิม ฝ่าย นช.ทักษิณจึงต้องหาทางเอาตัวรอดด้วยการหลอกว่าสนับสนุนร่างฉบับครึ่งซอยของนายวีรชัย เพื่อซื้อเวลาไปพลางก่อน แต่คำตอบสุดท้ายก็ออกมาจากนายเจริญแล้วว่า จะนำเข้าสภาทั้งสองฉบับเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ดี ที่ต้องจับตามองแบบกระพริบตาไม่ได้ก็คือ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองของเป็ดเหลิมที่นายเจริญและเป็ดเหลิมออกมาแท็กทีม ว่าอย่างไรเสียก็ไม่เกี่ยวกับการคืนเงินให้ นช.ทักษิณนั้น ชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว Chuchart Srisaeng ขยายความ ร่างพ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติฉบับ ร.ต.อ.เฉลิม ถึงคดีที่พ.ต.ท.ทักษิณถูก คตส. กล่าวหาว่ากระทำความผิดและถูกดำเนินคดีมาแล้วทุกคดี เมื่อ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้แล้วคดีต่างๆที่ศาลเคยพิพากษามาจะจบสิ้นกันไปเลยหรือสามารถดำเนินคดีใหม่ได้อีก
ข้อความที่เขียนไว้ในร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เป็นภาษาไทยแท้ ๆ คนที่อ่านภาษาไทยออกและสามารถเข้าใจได้ไม่จำเป็นต้องเรียนกฎหมายมาก็สามารถเข้าใจได้ว่า หมายความว่าอย่างไร
“ไม่ว่าเป็นการกล่าวหาในข้อหาใด ให้การกล่าวหาการกระทำความผิดนั้นเป็นอันระงับไป โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้กระทำความผิด”
ก็หมายความว่า ไม่มีการกล่าวหาว่ามีการกระทำความผิดในทุกข้อหาที่ถูกกล่าวหา และผู้นั้นมิได้กระทำความผิด ซึ่งก็เท่ากับว่า คดีที่ คตส กล่าวหาทักษิณทุกคดีให้ถือว่า ทักษิณไม่เคยถูกกล่าวหาและให้ถือว่าทักษิณมิได้กระทำความผิด
ส่วนข้อความที่ว่า “ถ้ามีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ให้ถือว่าผู้นั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำผิด ถ้าผู้นั้นรับโทษอยู่ก็ให้การลงโทษสิ้นสุดลง” ก็หมายความว่า ถ้ามีคำพิพากษาแล้วก็ให้ถือว่าไม่เคยถูกศาลพิพากษาว่าได้กระทำผิด ก็เท่ากับว่า คดีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษทักษิณทุกคดีให้ถือว่าทักษิณไม่เคยถูกศาลพิพากษาว่าได้กระทำความผิด
ดังนั้น คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ลงโทษ นช.ทักษิณแล้ว 2 คดี คือคดีที่ดินรัชดาให้ลงโทษจำคุก 2 ปี และคดีที่ได้ทรัพย์สินมาโดยมิชอบให้ยึดเงิน 46,000 ล้านบาท ถ้าร่าง พ.ร.บ ปรองดองแห่งชาติ มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมาย คดีที่ดินรัชดาที่ศาลลงโทษจำคุก 2 ปี ก็ต้องถือว่า นช.ทักษิณไม่ได้กระทำผิดและไม่เคยถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิด เมื่อไม่มีความผิดก็ไม่มีโทษ จึงลงโทษจำคุกทักษิณ 2 ปีไม่ได้
เช่นเดียวกับคดีที่ถูกฟ้องว่า ได้ทรัพย์มาโดยมิชอบและศาลมีคำพิพากษาให้ยึดเงินทักษิณจำนวน 46,000 ล้านบาท ก็ต้องถือว่า ไม่ได้กระทำความผิดและไม่เคยถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิด เมื่อไม่มีความผิดก็ยึดเงินไม่ได้ เมื่อยึดไม่ได้เงินจำนวน 46,000 ล้านบาทที่ถูกยึดมาเป็นของรัฐย่อมเป็นการยึดโดยไม่มีกฎหมายหรือคำพิพากษาศาลให้อำนาจที่กระทำได้ ก็ต้องคืนให้แก่ทักษิณแน่นอน
เมื่อรัฐต้องจ่ายเงินให้แก่ทักษิณจำนวน 46,000 ล้านบาทดังกล่าวแล้ว ร่าง พ.ร.บ ฉบับนี้ จึงเป็น ร่าง พ.ร.บ. ที่เกี่ยวกับการเงิน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 143 (2) จะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาได้ก็ต่อเมื่อมีคำรับรองของนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 142 วรรคสอง
ดังนั้น เมื่อชัดเจนในเป้าหมายอันชั่วร้ายขนาดนี้แล้วขนาดนี้ จึงอย่าแปลกใจที่จะต้องเจอแรงคัดค้านจาก กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ประกาศชัดเจนว่า ไม่ว่ากรณีไหนพันธมิตรฯยืนกรานไม่เอาการแก้กฎหมาย หรือตรากฎหมายใดๆ เพื่อล้างความผิดให้ใครเลยแม้แต่พันธมิตรฯก็ตาม
เมื่อพันธมิตรฯ ส่งสัญญาณเช่นนี้ รัฐบาลต้องคิดหนักว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร
มาถึงตรงนี้แล้วก็ต้องบอกว่าประเทศไทยคงจะต้องเกิดสถานการณ์การเมืองที่ร้อนแรงขึ้นอย่างแน่นอน เพราะจับสัญญาณของ นช.ทักษิณ แล้วจะเห็นได้ว่าเผาจริง พร้อมจะเดินหน้าสุดซอยอย่างไม่ต้องสงสัยที่จะต้องดันพ.ร.บ.ปรองดอง และพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้ผ่านสภาให้จงได้ ไม่พ้นบ้านเมืองต้องอยู่ในสถานการณ์อันวุ่นวายเพราะความกระสันอยากกลับมามีอำนาจของ นช.ทักษิณ อีกเช่นเคย