ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ช่างเป็นความบังเอิญที่มาพ้องกันโดยมิได้นัดหมาย เพราะขณะที่ปรากฏการณ์ “หน้ากาก V” ที่ประชาชนคนไทยจำนวนไม่น้อยร่วมกันเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลเพื่อไทยภายใต้ “ระบอบทักษิณ” ที่มีปัญหาการใช้อำนาจโดยมิชอบและมีการคอร์รัปชั่นกันอย่างมโหฬาร ซึ่งการเคลื่อนไหวผ่านช่องทางสังคมออนไลน์ดังกล่าวนั้นกำลังกระหึ่มทั้งในโลกไซเบอร์และเป็นประเด็นร้อนที่มีการกล่าวถึงอย่างกว้างขวางในสังคมไทย แม้กระทั่งเจ้ากระต่ายตัวแสบในแฟนเพจ “Jaytherabbit” ก็ยังทำหน้ากระต่ายสัญลักษณ์ของตัวเองเป็นหน้ากาก V กับเขาด้วย
อีกด้านหนึ่ง ละครหลังข่าวที่จัดว่าฮิตและโด่งดังไปทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่ในขณะนี้ อย่าง “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายรัชชานนท์” ก็เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของชาวเวียงภูคำที่ร่วมกันต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการของ “นายพลเซกอง” ซึ่งหลังจากยึดอำนาจไปจากกษัตริย์ นายพลเซกองก็ใช้อำนาจกดขี่ห่มเหงประชาชน และส่งทหารออกไล่ล่าสังหารชาวเวียงภูคำที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์
ประหนึ่งคุณชายรัชชานนท์เดินไปหยิบหน้ากาก V ซึ่งเป็นหน้ากากที่ใช้เป็นสัญลักษณ์ต่อต้านระบบทักษิณมาใส่กระตุ้นจิตสำนึกคนไทยอย่างไรอย่างนั้น กระทั่ง “เจ๊เพ็ญ-จักรภพ เพ็ญแข” เปิดฉากวิพากษ์วิจารณ์ “ช่อง 3” และ “พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง” ซึ่งเป็นผู้กำกับว่า “ซ่อนมีด” และกำลังทำภารกิจ “ทาสีบ้านพ่อที่จางลง”
แต่ที่น่าหัวร่อก็คือบรรดา “ควายแดง” ก็จัดทำ “หน้ากาก V สีแดง” เพื่อตอบโต้และโจมตีศัตรูทางการเมืองในโลกออกไลน์กับเขาด้วยเช่นกัน ทั้งๆ ที่ “ลูกโอ๊ค-พานทองแท้” เพิ่งแสดงสติปัญญาอันสูงส่งว่า หน้ากากขาวกาย ฟอว์กส์เป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศอังกฤษ
**กู้ชาติยุคไซเบอร์ กับปฏิบัติการหน้ากาก V
สำหรับปฏิบัติการ “หน้ากาก V” หรือ หน้ากากขาวของ “กาย ฟอว์กส์" (Guy Fawkes) ที่มีต้นแบบมาจากภาพยนตร์เรื่อง “V for Vendetta” ของผู้คนในสังคมออนไลน์ในครั้งนี้นั้น นับเป็นปรากฏการณ์ที่ต้องถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยเพราะเป็นการร่วมกันต่อสู้ทางการเมืองผ่านสังคมออนไลน์ที่ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมมากที่สุด โดยบรรดาคนไทยที่รักชาติได้นำหน้ากาก V มาใช้เป็นสัญลักษณ์ในการเคลื่อนไหวต่อต้านการใช้อำนาจอันไม่ชอบธรรมของรัฐบาล “เพื่อไทย” ภายใต้ระบอบทักษิณ ผ่านช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ด้วยการตั้งรูปโปรไฟล์ในเฟซบุ๊กเป็นรูปหน้ากาก V อีกทั้งยังเข้าไปตีแสกหน้าประกาศเจตนารมณ์บนเว็บไซต์ของพรรคเพื่อไทย ด้วยข้อความว่า “ขณะนี้กองทัพประชาชนได้ลุกขึ้นมาแล้ว ข้าขอประกาศว่า ข้าจะล้มล้างระบบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย” !!
กระแสที่จุดติดเพียงชั่วข้ามคืนนี้ได้แผ่ขยายลุกลามราวไฟลามทุ่ง ผู้คนจำนวนมหาศาลพากันเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ในเฟซบุ๊กของตัวเองเป็นรูปหน้ากาก V เพื่อร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวได้สร้างความหวาดหวั่นปั่นป่วนให้แก่รัฐบาลหุ่นเชิดอย่างหนัก แต่คนที่ดิ้นพล่านเดือดดาลมากที่สุดนั้นหาใช่นายกฯยิ่งลักษณ์ หากแต่เป็นเจ้าของพรรคตัวจริง “นช.ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งเผ่นหนีคดีคอร์รัปชั่นไปกบดานถึงดูไบ โดยครั้งนี้นายใหญ่จัดหนักด่ากราดทีมพีอาร์ของพรรคผ่านเฟซบุ๊ก Pheu Thai Party หนึ่งในเพจที่รัฐบาลใช้เผยแพร่กิจกรรมต่างๆ ว่า “พวกโง่ๆ เพจ พรรคแท้ๆ ยังปล่อยให้พวกสวะมันเข้ามาหยาม” ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าประโยคดังกล่าวนั้นเท่ากับเป็นคำสั่งให้จัดการกับปฏิบัติการหน้ากาก V ก่อนที่ลูกโอ๊ค-พานทองแท้จะมานั่งยัน นอนยันและยืนยันผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Oak Panthangtae Shinawatra” ว่า เป็นตัวปลอม
อย่างไรก็ตาม กว่าที่ลูกโอ๊คจะมาปฏิเสธแทนพ่อ ประกาศิตดังกล่าวทำเอาลิ่วล้อเครือข่ายนั่งกันไม่ติด ตั้งแต่ระดับแกนนำพรรค ไปจนถึงมวลชนคนรากหญ้า ต่างแห่แหนออกมาตอบโต้ด้วยสารพัดวิธี แต่ที่ง่ายที่สุดสำหรับ “รัฐบาลเผด็จการที่เพรียกหาประชาธิปไตย” ก็คือการงัดกฎหมายออกมาใช้จัดการคนที่คัดค้านตำหนิติติงรัฐบาลเพราะเสียงสะท้อนของประชาชนย่อมส่งผลต่อภาพลักษณ์และเสถียรภาพทางการเมือง
โฆษกพรรคเพื่อไทย อย่าง “นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์” ไม่รอช้ารีบออกมาประกาศกร้าวว่า จะเล่นงานกลุ่มหน้ากาก V ที่โพสต์ข้อความโจมตีนายใหญ่ทักษิณ โดยอ้างว่าการโพสต์ข้อความดังกล่าวอาจเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเกินขอบเขต และเป็นการโพสต์ข้อความเท็จ ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เป็นความผิดทางอาญา !!
“ วันนี้กลับหนักข้อโพสต์โจมตีมายังพรรคเพื่อไทยนี่คือสิ่งที่สะท้อนว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ไม่มีจริยธรรมในการใช้คอมพิวเตอร์ ซึ่งตนจะประชุมกับทีมกฎหมายว่าเรื่องดังกล่าวเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์หรือไม่ รวมถึงผิดกฎหมายอาญาอื่นหรือไม่ ถ้าผิดจะดำเนินการร้องเอาผิดทางกฎหมายทันที รวมทั้งกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ต้องออกมาตรวจสอบด้วย คนกลุ่มนี้ใช้วิธีการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเป็นพวกจิตไม่ปกติ กลุ่มเหล่านี้เป็นนักรบไซเบอร์ได้ทุนมาส่วนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังตรวจสอบอยู่ว่าโยงไปยังกลุ่มการเมืองหรือพรรคการเมืองหรือไม่ กลุ่มเหล่านี้นอกจากบิดเบือนข้อเท็จจริงแล้ว ยังหวังผลทางการเมือง พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคของประชาชนไม่ใช่พรรคของใครคนใดคนหนึ่ง คนเหล่านี้เป็นพวกหนักแผ่นดิน” นายพร้อมพงศ์ระบุ
แต่การงัดมาตรการทางกฎหมายขึ้นมาขู่นั้นนอกจากจะไม่สามารถทำให้เครือข่ายหน้ากาก V เกรงกลัวแล้ว ยังเป็นการเติมเชื้อไฟ ส่งผลให้ผู้ที่ไม่พอใจในการใช้อำนาจเผด็จการของรัฐบาลออกร่วมปฏิบัติการหน้ากาก V กันมากขึ้น พร้อมกับการโพสต์ข้อความว่า “ประชาชนไม่ควรที่จะเกรงกลัวรัฐบาล...รัฐบาลต่างหากที่ควรจะเกรงกลัวประชาชน” ซึ่งเป็นประโยคหนึ่งที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่อง 'V for Vendetta'
ทั้งนี้ แรงกระเพื่อมที่ขยายวงออกไปเป็นระลอกฉายให้เห็นถึงพลังของภาคประชาชนที่ไม่ยอมจำนนต่อข่มขู่ของรัฐบาลนั้นย่อมทำให้ภาพความเป็นเผด็จการของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ฉายชัดขึ้นในสายตาต่างชาติ
เนื่องเพราะ 'หน้ากาก V' นั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อต้านผู้ปกครองเผด็จการ ต่อต้านรัฐบาลที่ใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงประชาชน เป็นสัญลักษณ์สากลซึ่งเข้าถึงคนทั่วโลก ดังนั้นใครก็ตามที่ถูก 'หน้ากาก V' ต่อต้าน ย่อมแสดงว่าคนนั้น กลุ่มนั้นเป็นทรราช เป็นเผด็จการรัฐสภา ส่งผลให้ปฏิบัติการโลกล้อมประเทศ ที่ นช.ทักษิณพยามดำเนินการตลอดหลายปีที่ผ่านมา รวมถึง “ปาฐกถาอูลานบาตอร์” ของ นายกฯยิ่งลักษณ์ ที่เรียกร้องความเห็นใจจากต่างชาติโดยอ้างว่าพี่ชายถูกใส่ร้าย ถูกยึดอำนาจนั้นหมดราคา ไร้ความหมาย ไปโดยสิ้นเชิง
ข้างฝ่ายทักษิณจึงต้องแก้เกมด้วยการปลุกพลังมวลชน และสร้างปรากฏการณ์จอมปลอมออกมาปกป้องรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยใช้ชื่อว่าปรากฏการณ์ “หน้ากากวีสีแดง” โดยจัดอีเว้นท์ให้เหล่าสาวกไพร่แดงที่เชิดชูบูชาระบอบทักษิณเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นหน้ากากวีสีแดง มีการนัดแนะกันไปโจมตีเฟซบุ๊กของผู้ที่ต่อต้านระบอบทักษิณ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการคัดค้านการเคลื่อนไหวของหน้ากากวีสีขาว อาทิ เพจ “พี่คนดี” ที่แต่งกลอนวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานของรัฐบาล นอกจากนี้ยังเข้าไปก่อกวนเพจของพรรคขั้วตรงข้ามอย่างเฟซบุ๊กของ ศิริโชค โสภา ส.ส.ประชาธิปัตย์ เพื่อบิดเบือนให้คนเข้าใจผิดคิดว่าแท้จริงแล้ว ปรากฏการณ์'หน้ากาก V สีขาวนั้นเป็นเรื่องของกลเกมทางการเมือง ซึ่งเป็นอีกวิธีหนึ่งในการดิสเครดิตและใส่ร้ายประชาชนที่เคลื่อนไหวแสดงความไม่พอใจการใช้อำนาจของรัฐบาล
ขณะที่ 'พานทองแท้ ชินวัตร' ลูกชายหัวแก้วหัวขวดของ นช.ทักษิณ ก็ออกมาตอกย้ำในบริบทเดียวกัน โดยเขาได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว Oak Panthongtae Shinawatra เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มเสื้อหลากสีเป็นผู้อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการ 'หน้ากาก V'
“ ผมได้รับทราบจากทีมงานว่า บรรดา “สาบ-สลิ่ม” ทั้งหลาย นัดแนะกันใช้โพรไฟล์ หน้ากากล้มเจ้า บอกว่าจะมาโจมตีเพจนี้ ในคืนนี้นะครับ ผมก็อุตส่าห์ตกอกตกใจนึกว่าจะมาแฮกหรือทำไรกับเพจผม ปรากฏทีมงานบอกว่าจะแห่กันเข้ามาคอมเมนต์พร้อมๆ กันในเพจเฉยๆ 555555 ยู อาร์ เวลคัม ครับ นี่รออยู่ชั่วโมงกว่าแล้วครับ มีมาแค่หยิบมือเดียวเอง หน้ากากสีแดงเข้ามาเยี่ยมชมยังเยอะกว่าอีก เพื่อแสดงการเป็นเจ้าบ้านที่ดี สร้างความอบอุ่น-คุ้นชินให้กับเพื่อนใหม่ ผมเลยโพสต์รูปให้เหมือนเป็นพวกเดียวกันเลยครับ หน้ากากล้มเจ้าใส่หมวกหลากสีสายรุ้ง ที่สาบ-สลิ่มทั้งหลายคุ้นเคยและรู้กันดีว่า ใครเอ่ย?เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากกากกากอันนี้ ตามด้วยประชากรแมลงสาบ ที่แพ้ซ้ำซากจึงต้องคิดสั้น” ส่วนหนึ่งของจ้อความที่ 'ลูกโอ๊ค' โพสต์ไว้ในเฟซบุ๊ก
แถมยังอวดฉลาดให้ข้อมูลว่า แท้ที่จริงแล้วหน้ากากขาวกาย ฟอว์กส์เป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศอังกฤษ
“ไม่รู้ประวัติศาสตร์ ดันไปเอาคนล้มเจ้ามาเป็นฮีโร่ มาชวนกันใส่เป็นโลโก้แทนหน้าตัวเอง สลิ่มก็เฮตามกันไปอีก”
ทว่า ภูมิปัญญาของลูกโอ๊คคงไปไม่ถึงคนเสื้อแดงดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เพราะข้าทาสของระบอบทักษิณได้เปิดฉากปฏิบัติการหน้ากาก V สีแดงเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะตรงกับจริตของประชาชนแห่งรัฐไทยใหม่ กระทั่งมีผู้จัดทำภาพหน้ากาก V สีแดงเสียใหม่ด้วยการเติม “เขา” เข้าไปอีกสองข้าง
**หน้ากาก V ของ “คุณชายรัชชานนท์”
กระนั้นก็ดี หากใครอยากหลีกหนีจากโลกความจริงอันโดหร้ายภายใต้การปกครองของรัฐบาลเผด็จการทุนนิยม แล้วหยิบรีโหมตเปิดโทรทัศน์เพื่อหาความสำราญจากละครสุดฮอตในช่วงนี้ ก็คงได้พบกับละครพีเรียดเรื่อง “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายรัชชานนท์” ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ของ “ตระกูลมาลีนนท์” ซึ่งงดงามละเมียดละไมทั้งเรื่องของฉาก เสื้อผ้า และเนื้อหาบทประพันธ์ แต่ที่น่าสนใจที่สุดเห็นจะเป็นเนื้อเรื่องของละครที่มีบางช่วงบางตอนละม้ายคล้ายกับสถานการณ์การเมืองไทยในปัจจุบันโดยมิได้นัดหมาย
ประหนึ่งคุณชายรัชชานนท์เดินไปหยิบหน้ากาก V ซึ่งเป็นหน้ากากที่ใช้เป็นสัญลักษณ์ต่อต้านระบบทักษิณมาใส่กระตุ้นจิตสำนึกคนไทยอย่างไรอย่างนั้น
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายรัชชานนท์ เป็นเรื่องราวของชาวเวียงภูคำที่ร่วมกันต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการของ 'นายพลเซกอง' ซึ่งก่อกบฏยึดอำนาจจากกษัตริย์จนบ้านเมืองลุกเป็นไฟ เมื่อขึ้นปกครองประเทศนายพลเซกองก็ใช้อำนาจกดขี่ห่มเหงประชาชน และส่งทหารออกไล่ล่าสังหารชาวเวียงภูคำที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์และหลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ในป่า โดยปฏิบัติการกู้ชาติครั้งนี้มี “พ่อใหญ่” ผู้นำหมู่บ้าน ซึ่งแท้จริงคือ “เจ้าหลวงสุริยวงศ์” ที่ถูกนายพลเซกองโค่นอำนาจ เป็นศูนย์รวมที่ยึดเหนี่ยวของชาวเวียงภูคำ และมี “มล.ชัชวีร์ เทวพรหม” หรือ “เจ้าชายรังสิมันต์” องค์รัชทายาทของเวียงภูคำ ที่พลัดหลงกับเจ้าหลวงสุริยวงศ์ในช่วงสงคราม เป็นผู้นำในการต่อสู้ ขณะที่คุณชายรัชชานนท์ พระเอกของเรื่อง พร้อมด้วยบรรดาพี่น้องแห่งตระกูลจุฑาเทพ ซึ่งมีความสนิทสนมกับ มล.ชัชวีร์ เป็นกำลังหลักที่เข้าไปช่วยชาวเวียงภูคำกู้ชาติ
การหลบหนีไปซ่อนตัวในป่าของชาวเวียงภูคำ โดยอาศัยมนต์หมอกของแม่เฒ่าปกคลุมหมู่บ้านวลาหกไว้ โดยสุ่มฝึกอาวุธและสะสมเสบียงกรังเพื่อรอเวลาที่กองกำลังของพวกเขาเข้มแข็งพอ และรอให้องค์รัชทายาทที่หายสาบสูญไปกลับมาเป็นผู้นำในการกู้ชาตินั้น นับเป็นการต่อสู้ด้วยหัวใจของผู้กล้าซึ่งยอมพลีชีวิตเพื่อกอบกู้แผ่นดินเกิด แม้มีกำลังน้อย ไร้ซึ่งอาวุธปืนไฟที่ทันสมัย แต่พวกเขาก็หาญกล้าที่จะลุกขึ้นต่อกรกับ 'นายพลเซกอง' ผู้นำจอมเผด็จการที่มักใหญ่ใฝ่สูง โค่นอำนาจกษัตริย์เพราะต้องการเป็นใหญ่เพื่อจะได้เสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทองและทรัพยากรของประเทศ โดยใช้กองกำลังทหารที่มาจากนักโทษในเรือนจำคอยคุ้มกันและค้ำจุนอำนาจ ทหารเล่านี้จึงมีพฤติกรรมถ่อยเถื่อน ชอบใช้กำลังห่มเหงชาวบ้าน เพราะย่ามใจว่ามีอาวุธอยู่ในมือ
หลายคนปฏิเสธไม่ได้ว่าเนื้อหาของละครเรื่องนี้นั้นได้ดูได้อ่านครั้งใดก็ให้สะท้อนจุกอก ตื้อขึ้นมาถึงหัวใจ และอดไม่ได้ที่จะนึกเหตุการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทย คิดถึงภาพประชาชนสองมือเปล่าที่ออกมาชุมนุมคัดค้านการกระทำที่มิชอบขอบงรัฐบาลหลายครั้งหลายครา คิดถึงกองกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งใช้ระเบิดแก๊สน้ำตาเข้าสลายการชุมนุม คิดถึงพี่น้องเสื้อแดงที่ถูกยุยงปลุกปั่นให้ใช้ความถ่อยเถื่อนเผาบ้านเผาเมืองและทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง
ไม่นับรวมถ้อยคำบางช่วงบางตอนที่ปรากฏอยู่ในบทละครซึ่งทำให้ย้อนนึกพฤติกรรมของผู้มีอำนาจบางคนในเมืองไทย อาทิ
“ คนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ทำผิดแล้วแทนที่จะสำนึกผิด กลับมาตามแก้แค้น”.... ตอนหนึ่งที่ 'พ่อใหญ่' พูดถึงทหารของนายพลเซกอง ที่ตามมาทำร้ายคุณชายรัชชานนท์ เพราะแค้นใจที่ฉุดคร่าผู้หญิงไทยไม่ได้ หนำซ้ำยังถูกคุณชายจับส่งตำรวจ
“ นี่คุณหญิง ผมไม่มีอำนาจจะไปสั่งการหน่วยงานไหนก็ได้ตามใจชอบนะ แล้วที่สำคัญเครื่องบินของทางกองบินฯ เค้าไว้ใช้สำหรับงานราชการไม่ใช่ไว้ใช้สำหรับเรื่องส่วนตัว …...คุณหญิง ! หยุดเอาความคิดผิดๆใส่หัวลูกเสียที ท่านพ่อของคุณไม่เคยใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปในทางที่ไม่ชอบ ลูกน้องของท่านทุกคนที่ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง ก็ด้วยความสามารถและคุณงามความดี ท่านไม่เคยต้องการให้ใครทดแทนบุญคุณ สิ่งที่เราทุกคนต้องทดแทน ก็คือทดแทนคุณแผ่นดินเท่านั้น !” ….ตอนหนึ่งที่ พลตรี ม.ร.ว. อนุพันธ์ เทวพรหม นายทหารใหญ่แห่งกองทัพอากาศ พูดกับคุณหญิงดารณีนุช ซึ่งเป็นภรรยา ซึ่งต้องการให้เขาใช้อำนาจสั่งการให้กองทัพนำเครื่องบินลำเลียงบินจากกรุงเทพฯไปส่งบรรดาคุณชายของตระกูลจุฑาเทพที่ จ.หนองคาย เพื่อตามหาคุณชายรัชชานนท์คู่หมายของลูกสาวซึ่งหลงป่า
ปฏิเสธไม่ได้ว่าพฤติกรรมดังกล่าวข้างต้นนั้นเป็นสิ่งที่เราพบเห็นอยู่บ่อยครั้ง และมักจะเกี่ยวพันกับนักการเมืองผู้มีอำนาจ และคิดแต่จะใช้แต่อำนาจเพื่อแสวงประโยชน์ ใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์นั้น โดยไม่คำนึงถึงผิดชอบชั่วดี และแม้ทำผิดแล้วถูกจับได้ก็ไม่สำนึก แต่มักจะฟูมฟายอาฆาตและทำทุกอย่างเพื่อให้ได้กลับมามีอำนาจอีกครั้ง
ที่สำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้ก็คือ ละครเรื่องนี้มีพี่อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจงเป็นผู้กำกับการแสดง
เป็นพี่อ๊อฟพงษ์พัฒน์คนเดียวกับที่ประกาศบนเวทีนาฏราชครั้งที่ 1 ในปี 2552ว่า “พ่อ เป็นเสาหลักของบ้านนะครับ บ้านของผมหลังใหญ่นะครับ ใหญ่มาก เราอยู่กันหลายคนนะครับ ผมเกิดมาในบ้านหลังนี้ก็สวยงามมากนะ สวยงามและอบอุ่น แต่กว่าจะเป็นแบบนี้ได้ บรรพบุรุษของพ่อ เสียเหงื่อ เสียเลือด เอาชีวิตเข้าแลกกว่าจะได้บ้านหลังนี้ขึ้นมานะครับ จนมาถึงวันนี้ พ่อคนนี้ก็ยังเหนื่อยที่จะดูแลบ้าน และก็ดูแล…ความสุขของทุก ๆ คนในบ้าน ถ้ามีใครซักคน โกรธใครมาก็ไม่รู้ ไม่ได้ดั่งใจเรื่องอะไรมาก็ไม่รู้ และก็พาลมาลงที่พ่อ เกลียดพ่อ ด่าพ่อ คิดจะไล่พ่อออกจากบ้าน ผมจะเดินไปบอกกับคน ๆ นั้นว่า ถ้าเกลียดพ่อ ไม่รักพ่อแล้ว จงออกไปจากที่นี่ซะ เพราะที่นี่คือบ้านของพ่อ เพราะที่นี่คือแผ่นดินของพ่อ ผมรักในหลวงครับ และผมเชื่อว่าทุกคนที่อยู่ในที่นี้รักในหลวงเหมือนกัน พวกเราสีเดียวกันครับ ศีรษะนี้มอบให้พระเจ้าแผ่นดิน”
แถมชื่อ “รัชชานนท์” ยังมีความหมายว่า “ยินดีในความเป็นพระราชา” อีกต่างหาก
ไม่รู้ว่า งานนี้ช่อง 3 ของตระกูลมาลีนนท์ที่เพิ่งเผชิญกับเหตุการณ์ร้อนอย่าง “ละครเหนือเมฆ” ซึ่งได้รับคำสั่งให้จบลงอย่างดื้อๆ จนผู้คนก่นด่ากันทั้งบ้านทั้งเมืองจะเต้นเป็นเจ้าเข้าอีกหรือไม่ที่อยู่ๆ ประมาณว่า คุณชายรัชชานนท์เดินไปหยิบหน้ากาก V ซึ่งเป็นหน้ากากที่ใช้เป็นสัญลักษณ์ต่อต้านระบบทักษิณมาใส่กระตุ้นจิตสำนึกคนไทยอย่างไรอย่างนั้น
นอกจากนี้ ยิ่งเมื่อได้ฟังความเห็นของ “เจ๊เพ็ญ-จักรภพ เพ็ญแข” หัวหอกตัวเอ้ของกลุ่มคนเสื้อแดงไม่เอาสถาบันซึ่งขณะนี้หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศก็ยิ่งตอกย้ำ สิ่งที่อาจจะเป็น ความนัยที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังของ “หน้ากากคุณชายรัชชานนท์” ก็เป็นได้
ในหน้าเพจเฟซบุ๊กของนายจักรภพ เพ็ญแข - Jakrapob Penkair ได้แสดงความเห็นเอาไว้ในบางช่วงบางตอนว่า “ละครอย่างตระกูลจุฑาเทพกำลังทำตรงข้าม เอาเรื่องของหม่อมราชวงศ์ที่ในตระกูลเขาเองถือว่าเป็นเจ้าหางแถว (ยังจำอาจารย์รัฐศาสตร์ จุฬาฯ ท่านหนึ่งที่อยู่ในสายสกุล “สนิทวงศ์” ท่านเรียกตัวเองว่า “หางวงศ์”) มายั่วให้คนในสังคมคิดถึงชาติตระกูล ฐานันดร มรดกตกทอดที่ไปเบียดเบียนเขามามากกว่าจะคิดถึงความเป็นมนุษย์ที่มีสิทธิเท่าเทียมกันในความสุขและความสำเร็จแห่งชีวิต เจ้าจะดีงามหรือตกต่ำเสื่อมถอยขนาดไหนขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของเจ้าเอง ไม่ได้อยู่ที่ละครช่อง ๓ ถ้าจะซ้ำซากกันเอา บ้านทราย ทองมาทำซ้ำเป็นครั้งที่ห้าร้อยเสียยังดีกว่าเพราะบ้านทรายทอง เป็นเรื่องของคนกลุ่มหนึ่งที่แสร้งว่าเป็นมาตรวัดอันสูงส่งแห่งสังคม ขนาดที่คนทั่วไปควรกราบไหว้เพราะต่ำกว่า แต่เอา เข้าจริงก็คนธรรมดาที่เปี่ยมไปด้วยรัก โลภ โกรธ หลงเท่านั้นเอง ชาวบ้านเขาถึงชอบดูกันนัก พึงรู้ด้วยว่า เขาไม่ได้ดูเพราะประทับใจในความเป็นสว่างวงศ์ แต่เขาดูเพราะอยากรู้ว่าสว่างวงศ์โดยเนื้อแท้มีวิสัยอย่างไร ก็เพื่อความสะใจของคนที่ถูกบังคับให้เคารพบูชาสว่างวงศ์มาตลอดชีวิตของการดูมหรสพนั่นเอง
“แถมยังเลือกคนแบบ นายพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง มาเป็นผู้กำกับฯ ส่วนหนึ่งเสียด้วย คนๆ นี้ไล่คนไทยที่ไม่เห็นด้วยกับเขาออกจากบ้านพ่อมาแล้ว ช่อง ๓ เลือกคนที่มีแนวคิดแบบนี้มาทำอะไร หรือละครที่กำลังนำเสนออยู่นี้เป็นเพียงภารกิจทาสีบ้านพ่อที่สีจางลงเท่านั้นเอง จึงต้องการนักระบายสีรุ่นใกล้ชรามาทดแทนนักระบายสีรุ่นเก่าที่ชราภาพหมดแรงไปแล้ว”
ชัดเสียยิ่งกว่าชัดว่า เจ๊เพ๊ญหมายความว่าอย่างไร
ถึงตรงนี้....กล่าวได้ว่า ชาวเวียงภูคำที่ส่องสุมกำลังอยู่ในป่า รอวันที่ลุกขึ้นมากู้ชาตินั้นเป็นปฏิบัติการกู้ชาติยุค 2500 ต้นๆ หากแต่ ปฏิบัติการหน้ากาก V ที่แฝงกายในโลกไซเบอร์ขณะนี้นั้น เป็นปฏิบัติการ “กู้ชาติ” ในยุค 2556 ในยุคที่โซเชียลเน็ตเวิร์กถูกใช้เป็นอาวุธที่ทรงพลัง ไม่ต่างจากคันศรของ “หน้าไม้” ที่ถูกกระหนำยิงจากทุกทิศทุกทาง และที่สำคัญแต่ละดอกนั้นแหลมคม แม่นยำ ชนิดยิงทะลุหัวใจของผู้ชายชื่อ “ทักษิณ”
ล้อมกรอบ//
จุดเริ่มของ 'หน้ากาก V' ในไทย
หลายคนคงสงสัยว่า “หน้ากาก V” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อต้านผู้ปกครองเผด็จการนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร ? ….
หน้ากาก V มีที่มาจากภาพยนตร์เรื่อง “วี ฟอร์ เวนเดตตา(V for vendetta)” หรือชื่อไทยว่า “เพชฌฆาตหน้ากากพญายม” ดัดแปลงจากนิยายภาพของอลัน มัวร์ เป็นเรื่องราวสมมุติที่เกิดขึ้นในอนาคตของประเทศอังกฤษซึ่งถูกปกครองโดยรัฐบาลเผด็จการ โดย 'V' ซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่อง คือคนหนึ่งที่ลุกขึ้นมาต่อต้านอำนาจรัฐ พร้อมทั้งจุดประกายความเชื่อและความคิดของผู้คนที่ถูกกดขี่ข่มเหง ด้วยบุคลิกที่แปลกประหลาด เต็มไปด้วยความลับ แต่ก็แหลมคมไปด้วยอุดมการณ์ ภายใต้หน้ากากสีขาวซึ่งรูปหน้าของหน้ากากดังกล่าวนั้นมีต้นแบบมาจากกบฏคนหนึ่งซึ่งมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์อังกฤษที่มีชื่อว่า “กาย ฟอว์กส์”
และวีรกรรมของ V ชายผู้สวมหน้ากาก จากภาพยนตร์เรื่อง วี ฟอร์ เวนเดตตา(V for vendetta) นี่เองที่ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ในการต่อสู้กับผู้ปกครองเผด็จการในหลายประเทศทั่วโลกในเวลาต่อมา อาทิ ในประเทศอเมริกามีการนำหน้ากาก V มาใช้ในการ เหตุการณ์ประท้วงตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ที่เรียกว่า “Occupy Wall Street” ที่กลุ่มนักศึกษาไปร่วมประท้วง
อย่างไรก็ดี สำหรับปฏิบัติการหน้ากาก V ในประเทศไทยนั้น หากย้อนกลับไปจะพบว่าครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการนำหน้ากาก V มาใช้เป็นสัญลักษณ์ในการเคลื่อนไหว โดยก่อนหน้านี้กลุ่มแนวร่วมนิสิตนักศึกษาคัดค้านมหาวิทยาลัยนอกระบบ ก็ได้มีการนำหน้ากากนี้มาใช้ในการรณรงค์ของกลุ่ม เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2555 ที่หน้ารัฐสภา และยังมีการตั้งเพจในเฟซบุ๊กชื่อ "V for Vendetta หน้ากากปฏิวัติ" ด้วย จากนั้นต่อมาก็มีการนำหน้ากาก V มาใช้ในการชุมนุมต่อต้านการตัดจบ หรือแบนละครเรื่อง “เหนือเมฆ 2” ตอนมือปราบจอมขมังเวทย์ ที่ในเนื้อเรื่องนั้นมีการวิพากษ์วิจารณ์และพูดถึงการคอร์รัปชั่นและการใช้อำนาจโดยมิชอบนักการเมืองชั่ว ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์นั้นล้วนอยู่ในยุครัฐบาลเพื่อไทยภายใต้การนำของ “นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี น้องสาวสุดที่รักของ “นช.ทักษิณ” ทั้งสิ้น