สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 8
รัชชานนท์ ชัชวีร์และสร้อยวิ่งย้อนกลับมา เจอศินีนุชวิ่งหลับหูหลับตากรี๊ดๆๆ สวนทางมารัชชานนท์ต้องรีบคว้าตัวไว้ก่อนที่จะวิ่งหนีเตลิดไป
"พี่ได้ยินเสียงปืน เกิดอะไรขึ้น"
ศินีนุชละล่ำละลักบอก
"ทหารเวียงค่ะ พวกทหารเวียง"
"เจอพวกทหารเวียงเหรอ พวกมันอยู่ที่ไหน"
"พวกมันจับพวกคุณชายไปแล้วใช่บ่ พวกเฮาฟ่าวไปช่วยพวกเพิ่นกัน ไป"
" ดูถูกกันไปแล้ว สร้อยฟ้า"
รัชชานนท์ สร้อย ชัชวีร์และศินีนุชหันไปตามเสียงของรณพีร์ที่เดินออกมาพร้อมกับลากตัวทหารเวียงที่ถูกมัดไขว้หลังมาด้วย
ธราธรกับพุฒิภัทรตามหลังมาพร้อมกับลากทหารเวียงอีกคน
"พวกเราไม่มีวันยอมให้จับตัวได้ง่ายๆหรอก แต่ก็ขอบใจที่ยังมีน้ำใจคิดจะไปช่วยพวกเรา ไม่คิดแต่จะหนีเอาตัวเองรอด"
ธราธรกับพุฒิภัทรจัดการมัดทหารเวียงไว้กับต้นไม้ รณพีร์อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองศินีนุชที่ต้องนิ่งอึ้งรู้สึกผิด
"นุช..นุชไม่ได้หนีเอาตัวรอดนะคะ นุช..นุชวิ่งออกมาหาคนช่วยต่างหาก แล้วนี่เราจะทำยังไงดีคะ พวกมันคงไม่ได้มากันแค่นี้แน่ แล้วถ้าเราเจอพวกมันอีก เราจะทำยังไงคะ"
"เราต้องทำตามที่นายชัชแนะนำแล้วล่ะ เราต้องแยกกันเป็นสองกลุ่ม ใครที่ชำนาญการเดินป่าเดินทางได้เร็วกว่า ให้ไปเป็นกลุ่มแรก ส่วนที่เหลือก็ค่อยๆเดินทางตามไป" ธราธรบอกรัชชานนท์ไม่เห็นด้วย
"แต่ผมว่า"
"ทำตามพี่ชายใหญ่บอกเถอะ ไม่งั้นเราไม่ได้ออกไปจากป่านี้แน่"
รัชชานนท์มองพวกพี่ๆอย่างจำยอม
เรือนหม่อมเอียดในตอนเช้า อนุพันธ์เลื่อนเก้าอี้ให้หม่อมเอียดนั่งลงที่โต๊ะสนาม ย่าอ่อนนั่งลงเองอย่างร้อนใจ ดารณีนุชเดินนำสมศรีที่ประคองชุดน้ำชาชุดใหญ่มาวางไว้บนโต๊ะ
"ไปได้แล้ว เดี๋ยวฉันจัดการเอง"
ดารณีนุชจัดแจงรินน้ำชาให้ทุกคนอย่างเจ้ากี้เจ้าการ
"ดื่มน้ำชากันก่อนนะคะ หม่อมป้าทำใจให้สบายๆเถอะค่ะ ไม่มีอะไรที่ต้องน่าเป็นห่วงหรอกค่ะ เราได้ข่าวคุณชายเล็กก็ถือว่าเป็นข่าวดีแล้ว"
"แต่ฉันรู้ว่า คุณชายยังมีเรื่องกังวลใจอยู่ ถ้าชีวิตหลานของฉันทั้งสี่คนตกอยู่ในอันตราย ฉันไม่มีสิทธิ์รับรู้หรือคะ คุณชาย"
"นั่นน่ะซิคะ คุณพี่ คุณชายบอกมาเถอะค่ะ ถ้าหากหลานๆออกจากป่าในวันนี้ไม่ได้ มันจะเกิดอะไรขึ้น อย่าทรมานคนแก่อีกต่อไปเลย"
อนุพันธ์นิ่งคิดแล้วจำยอมต้องบอกเท่าที่จะบอกได้
"ตอนนี้ทางชายแดนไทยกับเวียงภูคำมีปัญหากระทบกระทั่งกันอยู่น่ะครับ ป่าที่คุณชายเล็กหายเข้าไปก็เป็นเขตที่ทางทหารไทยกับทหารเวียงภูคำปะทะกันบ่อยครั้ง"
"โอ๊ย ป่าออกจะกว้างใหญ่ คนของเราคงไม่โชคร้ายไปเจอพวกทหารเวียงภูคำง่ายๆหรอกมั้ง" ย่าอ่อนบอก
"นั่นน่ะซิคะ คุณชายก็กังวลมากไป พวกเราคิดในทางแง่ดีไว้ก่อนดีกว่านะคะ ตอนนี้ผู้ใหญ่ทางโน้นก็คงวิ่งวุ่นหาทางช่วยพาคนของเราออกจากป่าอยู่ มีแต่ผู้ใหญ่ทางนี้ไม่รู้ว่าคิดจะช่วยกันบ้างหรือเปล่า"
ดารณีนุชปรายตามองอนุพันธ์อย่างเหน็บๆ
"ที่ผู้ใหญ่ทางโน้นวิ่งวุ่นช่วยเหลือคนของเราอยู่ ก็เพราะผู้ใหญ่ทางนี้สั่งการไป ฉันเชื่อว่า คุณชายไม่ได้นิ่งนอนใจหรอก จริงมั้ยล่ะคะ"
"ครับ ผมก็พยายามเท่าที่ผมทำได้"
อนุพันธ์นิ่งเครียดยังไม่นอนใจจนกว่าจะเห็นทุกคนกลับมา
ในเวลาต่อมา หม่อมเอียดกับย่าอ่อนเดินออกมาส่งอนุพันธ์และดารณีนุชที่หน้าเรือน
"เราต้องส่งข่าวถึงกันทุกระยะเลยนะคะ หม่อมป้า ดิฉันเชื่อค่ะว่า ยังไง วันนี้เราต้องได้ข่าวจากพวกคุณชายอีก เผลอๆอาจจะกลับมากันวันนี้ เลยก็ได้นะคะ" ดารณีนุชบอก
"ถ้าชายใหญ่ติดต่อกลับมา ฉันจะส่งข่าวไปบอกทันที นี่ฉันยิ่งคิดก็ยิ่งไม่สบายใจ ฉันไม่ควรยอมให้หนูนุชไปกับพวกพี่ๆเลย ฉันตัดสินใจผิดไปจริงๆ ไม่รู้ว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่"
"อุ๊ย ก็ตอนนั้นเราไม่รู้นี่คะว่า ชายเล็กหายไปในป่าที่อยู่ในเขตชายแดน แล้วก็ไม่รู้เรื่องทหารเวียงคำพูอะไรนั่นด้วย ไม่ใช่ความผิดของคุณพี่หรอกนะคะ"
"เป็นความผิดของทางเรามากกว่าครับ หม่อมป้า เราควรห้ามไม่ให้ยายนุชไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่ช่างเถอะครับ เราจะถือว่าเป็นบทเรียน เหตุการณ์อย่างนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก เพราะถ้าหากเกิดอะไรกับลูก มันได้ไม่คุ้มเสีย"
"แต่ฉันว่าคุ้ม ! ตอนนี้คุณชายเล็กคงอยู่กับลูกนุช ทั้งสองคนคงได้รู้จักมักคุ้นกันไปแล้ว ยังไงคุณชายเล็กก็ไม่มีทางที่จะมองข้ามผู้หญิงที่ดีพร้อมอย่างลูกนุชไปได้ ทีนี้พอเด็กๆกลับมา เราจะได้คุยเรื่องหมั้นหมายกันเสียเลย ดีมั้ยคะ หม่อมป้า"
"ผมว่า มันเร็วเกินไป ยังไงผมก็ต้องขอคุยกับคุณชายเล็กก่อน เราไม่ควรจะรีบร้อนเกินไป ความสุขทั้งชีวิตของลูกเราเชียวนะ คุณหญิง"
ดารณีนุชอ้าปากจะคัดค้าน อนุพันธ์รวบรัดตัดความลากลับเลย
"เรากลับกันเลยดีกว่า รบกวนหม่อมป้ามานานแล้ว ลานะครับ"
อนุพันธ์ยกมือไหว้หม่อมเอียดกับย่าอ่อน ดารณีนุชจำใจต้องรีบยกมือไหว้ลาย่าทั้งสองไปด้วย
"ลานะคะ หม่อมป้า คุณป้าอ่อน"
อนุพันธ์เดินออกไป ดารณีนุชเดินตามไปอย่างหงุดหงิด
"คุณนี่ขัดไปเสียทุกเรื่องเลยนะ แต่อย่าหวังว่า จะขัดขวางเรื่องคุณชายเล็กกับลูกนุชได้"
"คุณนั่นแหละ อย่าหวังให้มันมากนัก คุณชายเล็กไม่ใช่ผู้ชายที่คุณจะจับได้ง่ายๆ นอกจากเสียจากว่า ยายนุชจะทำให้คุณชายรักได้ แต่ยายนุชก็เหมือนคุณเสียเหลือเกิน ผมก็เลยคิดว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้"
"คุณชายอนุพันธ์"
อนุพันธ์เดินออกไป ทิ้งให้ดารณีนุชยืนโกรธอยู่อย่างนั้น
ทุกคนมาพักเอาแรงตรงบริเวณลำธารในป่า ก่อนเดินทางต่อ ธราธร พุฒิภัทร และรณพีร์ต่างล้างหน้าล้างตากันที่ริมลำธาร
รณพีร์มองหารัชชานนท์ พอเห็นพี่ชายเข้าก็ยิ้มขำ พยักเพยิดให้ธราธรกับพุฒิภัทรหันไปดู ศินีนุชนั่งเบียดเกาะแจอยู่กับรัชชานนท์ ทั้งสองนั่งอยู่บนขอนไม้ใหญ่
"พี่ชายเล็กคะ นุชยังกลัวไม่หายเลย ภาพที่พวกทหารเวียงเอาปืนจ่อมาที่นุช มันน่ากลัวเหลือเกินค่ะ ต่อไปนี้นุชจะไม่ยอมอยู่ห่างพี่ชายเล็กแม้แต่ก้าวเดียว พี่ชายเล็กต้องคอยคุ้มครองนุชนะคะ"
"แต่พี่ว่า คนที่คุ้มครองน้องนุชได้ดีที่สุดก็คือ นายชัชนะ หรือชายพีร์ก็ได้ สองคนนั้นเขาเป็นทหาร เก่งกว่าพี่เยอะ"
"ไม่ค่ะ นุชอยู่กับพี่ชายเล็กอุ่นใจกว่า"
สร้อยถือปลาสด 2-3 ตัวที่ร้อยกันเป็นพวงเดินผ่านมาแล้วมองรัชชานนท์แค่แวบเดียวแล้วเดินผ่านเลยไป ไม่อยากจะสนใจ แม้ใจจะหงุดหงิดอยู่ก็ตาม
"เดี๋ยวก่อน สร้อยฟ้า เธอจะไปไหน"
"เอาปลาไปย่าง ! คุณชายใหญ่สั่งมาว่า ให้ฟ่าวกินข้าวกินปลาแล้ว ฟ่าวออกเดินทาง ! ดูเหมือนเจ้าเว้าสาวอิ่มแล้ว คงบ่ต้องกินอะหยังแล้วล่ะมั้ง"
สร้อยพูดไป เอามือที่เปื้อนเมือกปลาเช็ดกับกางเกงไป ศินีนุชมองเสื้อผ้าของตัวเองที่สร้อยนุ่งอยู่ เริ่มมอมแมมขึ้นเรื่อยๆอย่างเหลือทน
"เว้าสาวอะไรกัน! มา..มีอะไรให้ฉันช่วยมั้ย"
รัชชานนท์พยายามแยกตัวจากศินีนุชแต่ถูกเธอดึงตัวไว้อีก
"ไม่ต้องช่วยหรอกค่ะ พี่ชายเล็ก เรื่องหาเสบียงอาหารหรือหาบน้ำตัดฟืน น่าจะให้พวกคนอยู่ป่าอยู่เขาทำไป ไม่ใช่งานสำหรับคนระดับอย่างเราๆ"
"เจ้าบ่อยากช่วยข้อย แต่คุณชายอยากช่วยนี่ จังสั้นกะได้เลย ! เอาปลาไปย่างให้ข้อยกะแล้วกันเด้อ"
สร้อยโยนปลาสดทั้งพวงใส่รัชชานนท์แต่เหมือนแกล้ง พวงปลาสดกลับหล่นตุ๊บไปที่ตักศินีนุช ฌธอร้องเสียงดัง
"ว้าย ! อะไรกันเนี่ย"
ศินีนุชกรี๊ดตกใจขยะแขยงปลาสดๆที่เหม็นคาวที่เต็มไปด้วยเลือดปลา
ศินีนุชผงะหงายหลังแล้วดึงตัวรัชชานนท์ให้หงายผึ่งไปจากขอนไม้ที่นั่งกันอยู่พร้อมกัน
"เฮ้ย !"
ศินีนุชยังกรี๊ดอยู่
"เอามันออกไปๆๆ"
ศินีนุชเกาะรัชชานนท์ไว้แน่นไม่ให้ลุกขึ้น สร้อยยืนมองรัชชานนท์กับศินีนุชที่ดิ้นขลุกขลักอยู่กับพื้นอย่างสะใจจริงๆ
จันทากับจ่อยล้างหน้าล้างตาที่ลำธารอีกมุมซึ่งห่างจากคนอื่นๆ ทั้งสองล้างหน้าล้างตาเสร็จก็พากันเดินไปรวมกับคนอื่นๆ จ่อยมองจันทาอย่างเป็นห่วงเป็นใย
"เจ้าเดินต่อไหวบ่ ถ้าบ่ไหวกะบอกเด้อ บ่ต้องเกรงใจ"
"ไหวซิจ๊ะ เป็นหยังสิบ่ไหว เจ้าสร้อยเดินไหว ข้อยกะเดินไหว"
"อีสร้อยมันบ่ใช่ผู้หญิงคือเจ้า มันเดินป่าปีนต้นไม้ได้เป็นวันๆ บ่มีเหน็ดเหนื่อย มันแข็งแฮงยังกะควายเถิก ถ้าเจ้าบ่ไหว กะอย่าฝืนกำลังตัวเอง เดี๋ยวสิเป็นลมไปอีก เข้าใจบ่ แล้วกะอย่าลืมกินน้ำเยอะๆ"
จ่อยส่งกระติกน้ำของตัวเองให้จันทา แต่ชัชวีร์เข้ามาแทรกยื่นกระติกน้ำของตัวเองให้แทน
"ดื่มนี่ดีกว่า อย่าลืมซิว่า พี่ชายภัทรสั่งให้จันทาดื่มแต่น้ำต้มสะอาดนะ"
"ข้อยเพิ่งตักน้ำที่ต้นลำธารโพ้นมา บ่ต้องต้มกะกินได้"
"จันทายังไม่แข็งแรงนัก ฉันว่าอย่าเสี่ยงเลยดีกว่า"
"เจ้าบ่ต้องมายุ่ง ไปดูแลน้องสาวปากมากของเจ้า ไป"
"บ่ต้องเถียงกัน ข้อยบ่หิวน้ำ ยังบ่อยากกินตอนนี้ เฮาฟ่าวกลับกันไปเถอะ" จันทาบอก
จันทาเดินแยกออกไป ชัชวีร์จะเดินตาม จ่อยขวางทางไว้อย่างกวนๆ
"ข้อยถามหน่อยเถอะ เจ้าเป็นอะหยัง เดี๋ยวกะมาป้วนเปี้ยนกับจันทา เดี๋ยวกะไปป้วนเปี้ยนกับอีสร้อย"
"ก็ไม่ทำไมหรอก ฉันก็มีเหตุผลเดียวกับบักจ่อยแหละ"
"แปลว่า อะหยังวะ"
ชัชวีร์มองจ่อยด้วยสีหน้ายิ้มๆไม่ยอมขยายความ จ่อยมองด้วยความหมั่นไส้แล้วนึกได้ว่าจันทาเดินออกไปแล้ว
"จันทา...จันทาไปไสแล้ว"
ชัชวีร์กับจ่อยหันไปมองหาจันทา เห็นเธอรีบร้อนเดินออกไปไม่ไกล
พริบตาเดียวจันทาเดินสะดุดหกล้มลงไปนั่งกับพื้น
"ว้าย !"
ชัชวีร์กับจ่อยร้องด้วยความตกใจทั้งคู่
"จันทา"
ชัชวีร์กับจ่อยพากันวิ่งไปหาจันทา ชัชวีร์จะเข้าไปประคองจันทาแต่ถูกจ่อยกันตัวออกไป
"ลุกไหวบ่"
"เจ็บตรงไหนหรือเปล่า"
จ่อยประคองจันทาให้ลุกขึ้น จันทาเหยียบเท้าขวาลงพื้นเต็มแรงไม่ไหว
"โอ๊ย !"
"อย่างนี้สงสัยเดินไม่ไหวแน่ คงต้องอุ้มไปแล้วล่ะ"
ชัชวีร์ขยับเข้าไปใกล้ จ่อยอาศัยที่ประคองจันทาไว้อยู่แล้ว คว้าจันทาขึ้นอุ้มแล้วเดินดุ่มๆออกไป ชัชวีร์ได้แต่มองตาม แต่ไม่ถือโกรธนักที่จ่อยกันท่าเหลือเกิน
ธราธร พุฒิภัทรและรณพีร์พามองไปทางลำธารเหมือนกำลังมองอะไรน่าขำอยู่
"ชายเล็กเอ๊ย ทนๆไปก่อนเถอะ" ธราธรบอก
"อีกวันเดียวเอง เดี๋ยวก็กลับกรุงเทพฯแล้ว" พุฒิภัทรว่า
"ทนไปทำไม บอกไปเลยว่า ได้เมียแล้ว จะได้เลิกมาตอแยกันเสียที" รณพีร์บอก
รัชชานนท์อุ้มศินีนุชเดินไปที่ลำธารด้วยหน้าตาบูดบึ้งอย่างเซ็งอารมณ์ที่สุด
"น้องนุชเดินไม่ไหวจริงๆ หรือครับ"
“นุชเดินไม่ไหวจริงๆค่ะ ตอนนี้นุชเจ็บยอกไปทั้งตัว มือเท้าไม่มีแรงเลยล่ะค่ะ พี่ชายเล็กเดินเร็วๆหน่อยซิคะ นุชเหม็นคาวปลาเหลือจะทนแล้ว”
“แต่พี่ว่า น้องนุชลองเดินดูหน่อยดีมั้ย ล้มลงไปแค่นั้น คงไม่ถึงกับเดินไม่ไหวหรอกล่ะมั้ง เดี๋ยวพี่ช่วยประคองให้”
ศินีนุชกอดคอรัชชานนท์แน่นเข้าไปอีก
“ไม่ค่ะ นุชเดินไม่ไหวจริงๆ”
จ่อยอุ้มจันทาเดินพรวดๆผ่านรัชชานนท์ไป มีชัชวีร์เดินตามมาติด
“จันทา ! จันทาเป็นอะไรเหรอ บักจ่อย” รัชชานนท์ถาม
รัชชานนท์รีบวางศินีนุชลงแล้วเดินตามจ่อยกับชัชวีร์ไป
“พี่ชายเล็ก ! ทิ้งนุชไม่ได้นะ นุชบอกแล้วว่านุชเดินไม่ไหว”
รัชชานนท์ห่วงจันทาจริงๆและแกล้งทำไม่ได้ยินที่ศินีนุชโวยวาย ก้าวยาวๆออกไป
“พี่ชายเล็ก”
ศินีนุชนิ่งชะงักเมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจมองมาเลย เธอยืนอยู่คนเดียวริมลำธาร มองซ้ายมองขวาแล้วค่อยๆขยับเดินไปที่ลำธาร วักน้ำขึ้นมาลูบเนื้อลูบตัว
ศินีนุชมองเสื้อผ้าที่เหม็นและยับเยินอย่างขยะแขยงสุดจะทนจริงๆ
ในเวลาต่อมา พุฒิภัทรพันผ้าที่ข้อเท้าขวาของจันทาให้จนเสร็จ
“แค่ข้อเท้าแพลงเท่านั้น ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก”
จันทายกมือไหว้พุฒิภัทรอย่างนอบน้อม
“ขอบคุณคุณชายมากจ้ะ”
“พาจันทาไปนั่งพักก่อน ไป ให้ยกเท้าไว้สูงๆซักพัก เดี๋ยวก็คงดีขึ้น”
จ่อยรีบแทรกตัวเข้ามาประคองจันทาออกไป ก่อนที่ชัชวีร์จะขยับเข้ามา รณพีร์ศอกใส่ชัชวีร์อย่างล้อๆ
“เรื่องแบบนี้มันต้องไว ช้าอย่างนี้ไม่ทันกิน แล้วนี่ตกลงตกหลุมรักสาวบ้านป่าเข้าอีกคนแล้วเหรอ”
“เฮ้ย อย่าพูดอะไรเหลวไหล ผู้หญิงเขาเสียหายได้”
รณพีร์ไม่ฟัง
“แล้วก็ไม่บอก ปล่อยให้พี่ชายเล็กหึงเมียอยู่เป็นนาน”
“ไอ้บ้า ! ใครว่าฉันหึงเมีย”
รณพีร์แหย่ต่อ
“ผมเห็นใครก็ไม่รู้ มองไอ้ชัชตาขวางมาตลอดทาง แล้วที่ขัดคอไอ้ชัชไปทุกเรื่อง ไม่ใช่เพราะหึงสร้อยฟ้าหรอกเหรอครับ”
พุฒิภัทรช่วยซ้ำ
“ชายพีร์พูดมีเหตุผล”
ธราธรซ้ำย้ำเข้าไปอีก
“นั่นน่ะซิ เราน่าจะแยกกันเป็นสองกลุ่มอย่างที่นายชัชแนะนำตั้งแต่แรกแล้ว คนที่เคยมีเหตุผลดันมาไม่มีเหตุผลเอาดื้อๆ”
ทุกคนหันมามองรัชชานนท์เป็นตาเดียว จนเจ้าตัวอึกอัก
“เออ.. ขัดทุกเรื่องที่ไหน เรื่องแยกกันไป ผมก็ตกลงเห็นด้วยแล้ว แล้วนี่สร้อยฟ้าหายไปไหนของเขา”
รัชชานนท์ทำมองไปมองมาแล้วรีบเดินฉากออกไปอย่างไม่เนียนเท่าไรนัก
“ทั้งห่วงทั้งหวงเมียขนาดนี้ ยังมาทำปากแข็ง” รณพีร์ว่า
ชัชวีร์มองตามแล้วยิ้มขำที่ทุกคนแหย่รัชชานนท์จนต้องหลบออกไป รณพีร์ไม่หยุด“ไม่ต้องยิ้ม ! ไอ้ชัช ตกลงเรื่องจันทานี่ ว่ายังไง”
ธราธร พุฒิภัทร และรณพีร์รุมแกล้งหันมาจ้องหน้าชัชวีร์อย่างคาดคั้น
รัชชานนท์เดินมาตามทางในป่าห่างมาจากทางลำธาร เขาเดินมองหาสร้อยฟ้าไปตลอดทาง
“ไปไหนของเขานะ”
รัชชานนท์นึกได้ เงยหน้ามองไปบนต้นไม้แล้วหยุดชะงัก เมื่อเห็นกิ่งไม้กระเพื่อมผิดปกติ เขาขยับไปใกล้จนเห็นสร้อยยืนเกาะอยู่บนต้นไม้ สร้อยมองสำรวจรอบๆทางอยู่
“อยู่นี่เอง ตาเราบ้างล่ะนะ”
รัชชานนท์ก้มลงหยิบลูกไม้ป่าขึ้นมาเตรียมขว้างใส่ แต่สร้อยขว้างลูกไม้พุ่งเฟี้ยวใส่หัวเขาได้ก่อน รัชชานนท์สะดุ้งโหยงเจ็บ
“โอ๊ย !”
“สมน้ำหน้า”
สร้อยปีนลงมาจากต้นไม้อย่างรวดเร็ว
“มาทำอะไรที่นี่คนเดียว เดี๋ยวถ้าเจอพวกทหารเวียงเข้า จะทำยังไง ทีหลังจะไปไหนล่ะก็ ต้องบอกฉันก่อน เข้าใจมั้ย”
รัชชานนท์บ่นไม่หยุดแล้วคว้ามือสร้อยเดินออกไป สร้อยสะบัดมือออก
“บ่ต้องมายุ่งกับข้อย ไปดูแลแม่คู่หมั้นของเจ้า ไป”
“บอกกี่สิบครั้งแล้วว่า น้องนุชไม่ได้เป็นคู่หมั้น ไม่ได้เป็นอะไรกับฉันทั้งนั้น ถ้าไม่เชื่อ เราไปบอกเขาตอนนี้เลยมั้ยล่ะว่า เราสองคนเป็นอะไรกัน เธอจะได้เลิกระแวงสงสัยฉันเสียที”
“ข้อยบ่ได้ระแวงสงสัย พวกเจ้าสิเฮ็ดอะหยัง ข้อยกะบ่สนใจ”
“ไม่สนใจ แล้วทำไมต้องแกล้งกันด้วย หึงใช่มั้ยล่ะ เธอไม่ต้องหึงฉันเลยนะ ยังไงฉันก็เลือกเธอ ยิ่งฉันได้รู้จักน้องนุช ฉันก็ยิ่งดีใจที่ได้แต่งงานกับเธอ”
รัชชานนท์ดึงมือสร้อยมากุมไว้
“เจ้าอย่าลืมว่า เฮาบ่ได้แต่งงานกันจริงๆ”
รัชชานนท์ดื้อ
“ไม่รู้ล่ะ เราแต่งงานกันอย่างถูกต้องตามประเพณีแล้ว ฉันจะถือว่าเธอเป็นเมียฉัน”
“เจ้าเห็นข้อยเป็นผู้หญิง บ่ได้เห็นเป็นลิงแล้วเรอะ”
รัชชานนท์ดึงสร้อยเข้ามาใกล้
“ฉันเห็นเธอเป็นผู้หญิงแล้ว เป็นผู้หญิงที่สวยน่ารัก เธอกล้าหาญและมีหัวใจที่งดงาม เป็นผู้หญิงที่ฉันไม่อยากปล่อยให้หลุดมือไป”
สร้อยเผลอฟังคำหวานของรัชชานนท์จนถูกเขาดึงเข้าไปกอดโดยไม่ทันรู้ตัว
“ฉันอยากบอกทุกคนได้อย่างเต็มปากว่า เราแต่งงานเป็นผัวเมียกันจริงๆ”
สร้อยดึงสติกลับมา ผลักเขาออกไป ทำใจแข็งไม่ยอมเชื่อง่ายๆ
“เจ้าเว้าคำหวานหลอกให้ข้อยเข้าหอกับเจ้าล่ะซิ เจ้านี่ มีโอกาสมื้อใด๋เอาเปรียบข้อยทุกทีไป ข้อยถามเจ้าจริงๆ ถ้าหากเฮาบ่เฮ็ดผิดผีบ้านผีเฮือน เจ้าเคยคึดจะแต่งงานพาข้อยกลับไปกับเจ้าด้วยบ่”
รัชชานนท์นิ่งอึ้ง ยังไม่ทันจะตอบอะไรได้
“เจ้าบ่เคยคึดล่ะซิ ถ้าข้อยบ่ได้ไปหาเจ้าในคืนนั้น คนที่ยืนอยู่กับเจ้าตอนนี้คงบ่ใช่ข้อย แต่ว่าเป็นจันทา เจ้าแต่งงานกับไผกะได้ ขอให้แค่ช่วยเจ้ารอดพ้นจากการถูกจับแต่งงานกะพอ”
สร้อยเดินผละออกไปอย่างไม่ไยดี ปล่อยให้รัชชานนท์หงุดหงิดใจที่ว่าที่เมียรักไม่ยอมฟัง
บริเวณทางเดินในป่า ธราธรยืนเป็นคนสั่งแบ่งกลุ่มเป็นสองกลุ่มสำหรับการเดินทางต่อไป
ธราธร พุฒิภัทร และรณพีร์ยืนอยู่ด้วยกัน,ทั้งสามหันไปมองศินีนุชที่เกาะแขนรัชชานนท์แน่นอยู่
สร้อย จ่อยและจันทาอยู่กันเป็นอีกกลุ่มอย่างชัดเจน ชัชวีร์ยืนห่างออกมายังไม่รวมกับกลุ่มไหน
ธราธรบอก
“เราแบ่งกลุ่มกันอย่างนี้เป็นการดีที่สุดแล้ว เราแยกกันคนละทาง สร้อยฟ้าจะพาไปเส้นทางลัด ส่วนกลุ่มเราจะไปทางคนเดินป่าปกติ แล้วเราไปเจอกันที่ชายป่า ถ้าไปถึงแล้วไม่เจอ ก็ไม่ต้องรอ ตรงเข้าเมืองไปรอที่ร้านเหล้าพรานเจ้ยได้เลย”
“กลุ่มเราคงไปถึงก่อน ยังไงเราก็จะรอครับ แล้วค่อยเข้าเมืองไปด้วยกัน” รัชชานนท์บอก
รัชชานนท์แกะมือศินีนุชออกไปแล้วเดินไปรวมกับกลุ่มของสร้อย พุฒภัทรช่วยจับศินีนุชไม่ให้เกาะแขนแทนรัชชานนท์ ก่อนที่ศินีนุชจะคว้าเกาะรัชชานนท์ไว้อีก
“พี่ชายเล็ก ! นุชขอไปกับกลุ่มพี่ชายเล็กไม่ได้เหรอคะ”
ธราธรบอก
“ไม่ได้หรอก เส้นทางลัดเป็นทางที่ไปลำบาก น้องนุชไปไม่ไหวหรอก”
“อ้าว ! แม่จันทาก็เดินขากะเผลกๆอยู่ ยังไปกับกลุ่มพี่ชายเล็กได้เลย”
“คืออย่างนี้นะครับ น้องนุช ถ้าน้องนุชไม่เจ็บหนักขนาดนี้ พี่ก็คงให้ไปกับกลุ่มพี่ชายเล็กแล้ว แต่มาคิดดูแล้ว จะให้พี่เขาดูแลผู้หญิงบาดเจ็บตั้งสองคน มันจะไม่ไหวนา” รณพีร์บอก
ศินีนุชกลับลำทันที
“ที่จริงนุชก็ไม่ได้เจ็บมาก ยังพอเดินไหวอยู่”
ธราธรรีบตัดบท
“พอเดินไหวก็ดีแล้ว เราจะได้ออกไปจากที่นี่เร็วๆ นายชัช นายไปกับชายเล็ก ไป”
รัชชานนท์บอก
“ให้นายชัชคอยดูแลน้องนุชไม่ดีกว่าหรือครับ”
“เราสามคนดูแลน้องนุชไหว ก่อนหน้านี้พวกนายก็เดินเกาะกลุ่มกันอย่างนี้อยู่แล้ว ก็ดูลงตัวพอดีแล้ว” พุฒิภัทรว่า
“เราจะได้มีนายทหารเก่งๆไว้คุ้มกันกลุ่มละคนไงล่ะ เอาล่ะ ไปกันได้แล้ว”
ธราธรตบไหล่รัชชานนท์
“ระวังตัวด้วย แล้วเจอกัน”
รัชชานนท์มองธราธร พุฒิภัทรและรณพีร์อย่างให้คำมั่น
“แล้วเจอกันครับ”
สร้อยเดินปรู๊ดปร๊าดออกไปทันที จ่อยประคองพาจันทาเดินตามไป รัชชานนท์กับชัชวีร์ขยับพร้อมกัน มองหน้ากันอย่างเอาเชิงแล้วเดินตามสร้อยไป
“พี่ชายเล็ก”
ศินีนุชปราดเดินตามไปสองสามก้าว ได้แต่หยุดยืนมองตามอย่างหงุดหงิดใจสุดๆ
“อ้าว ! พี่ชายเล็กไม่อยู่ก็เดินปร๋อเลย แปลกดีแท้”
ธราธรกับพุฒิภัทรมองรณพีร์อย่างปรามๆ ศินีนุชหันมาค้อนควักใส่รณพีร์แล้วเดินเชิดออกไป
“ทางนี้ครับ น้องนุช”
ธราธรเดินนำไปอีกทาง รณพีร์รีบเดินตามไป ศินีนุชกระฟัดกระเฟียดเดินกลับมา พุฒิภัทรรอเดินไปพร้อมกับศินีนุช
สร้อยเดินนำทางมาตามทางที่หญ้ารกครึ้ม เป็นทางที่ไม่ค่อยมีคนผ่านมา รัชชานนท์เดินตามหลังมาพลางคอยมองไปทางจ่อยที่คอยประคองจันทาอยู่ ชัชวีร์เดินตามปิดท้าย สร้อยหันมามองรัชชานนท์ แล้วรีบเมินหน้าหนีเมื่อเขาหันมามอง
การเดินทางเต็มไปด้วยความยากลำบาก ต้องปีนเขา ข้ามห้วยที่แห้งขอด ข้ามลำธารที่เชี่ยวกรากไป
สร้อยเดินข้ามลำธารน้ำไหลเชี่ยวจนเกือบเซล้ม รัชชานนท์เข้ามารับตัวไว้ได้ เธอสะบัดมือออก แต่เขาจับมือเธอไว้มั่นแล้วพาเดินไปด้วยกัน
จ่อยพาจันทาเดินตามมา จ่อยขยับจะอุ้มจันทาแต่ชัชวีร์เข้ามาแทรกเสียบแทนได้ทันควัน ชัชวีร์อุ้มจันทาหมับแล้วเดินออกข้ามลำธารไป จ่อยมองตามอย่างเจ็บใจ
ธราธรเดินนำมาตามทางราบที่ถางเป็นทางเดินเท้าของคนเดินป่า ที่เดินได้อย่างสบายๆ รณพีร์เดินตามธราธรมาติดๆ และพยายามก้าวให้ห่างจากศินีนุช
ศินีนุชเดินเกาะแขนพุฒิภัทรมาอย่างเหนื่อยอ่อน ปากก็บ่นกระปอดกระแปดมาตลอดทาง
“นุชเหนื่อยแล้วล่ะค่ะ เราต้องเดินอีกไกลแค่ไหนคะเนี่ย นุชเหงื่อท่วมตัวไปหมดแล้ว เสื้อที่ใส่ก็เหม็นเหลือเกิน รู้อย่างนี้ไม่น่าทิ้งกระเป๋าเดินทางไปเลย ไม่มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยนใหม่ แล้วนี่นุชก็หิวแล้ว นี่มีใครติดเสบียงมาบ้างคะ อาหารป่าไม่เอานะคะ ขออะไรที่นุชกินได้หน่อย”
ทุกคนยังเดินไปเรื่อยๆทำเหมือนไม่ได้ยินที่ศินีนุชบ่น, เธอหยุดชะงักดึงให้พุฒิภัทรหยุดไปด้วย ศินีนุชเรียกเสียงดังลั่น
“พี่ๆคะ”
ธราธรกับรณพีร์หยุดกึกหันมามอง
“ไม่มีใครสนใจนุชเลยหรือคะ นุชจะเป็นจะตายก็ไม่ห่วงใช่มั้ยคะ ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ให้นุชไปกับพี่ชายเล็กล่ะ อย่างน้อยพี่ชายเล็กก็เป็นห่วงนุช”
“ความจำน้องนุชคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ก่อนหน้านี้ยังต่อว่าพี่ชายเล็กที่ไม่มาดูดำดูดีน้องนุชอยู่เลย แล้วพี่จะบอกให้นะ ที่พวกเราเดินกันไม่หยุดพัก ก็เพราะเป็นห่วงน้องนุชที่สุด” รณพีร์บอก
“พวกพี่ๆไม่ถามนุชซักคำว่า นุชเหนื่อยมั้ย หิวมั้ย เอาแต่เดินๆๆ อย่างนี้หรือคะ เรียกว่า ห่วง พวกพี่ๆไม่อยากให้นุชมาด้วย ทำไมไม่บอกกันตั้งแต่แรก นุชจะได้ไม่มาให้ถูกทิ้งๆขว้างๆอย่างนี้”
รณพีร์โพล่งอย่างสุดทน
“ถ้าหม่อมย่าไม่บังคับพวกเราล่ะก็ เราก็คงไม่ให้น้องนุช...”
รณพีร์ยังพูดไม่หมดประโยค ธราธรก็รีบพูดขัดจังหวะขึ้น
“เราต้องรีบออกจากป่าให้เร็วที่สุด เพราะเรากลัวว่าอาจจะเจอกับ ทหารเวียงเข้าอีก”
“ทหารพวกนี้เป็นทหารรับจ้าง พวกมันก็เป็นโจรดีๆนี่เอง ที่ชายเล็กต้องบาดเจ็บเกือบตายก็เพราะพวกมัน” พุฒิภัทรบอก
“ทหารที่ซื้อได้ด้วยเงินทำตัวเป็นโจรนี่ ส่วนใหญ่เพิ่งออกจากคุกมาทั้งนั้น ไอ้พวกนี้ปล้นฆ่าเป็นว่าเล่น ฉุดคร่าผู้หญิงไปกระทำชำเราไม่รู้เท่าไหร่แล้ว ถึงได้รับคำสั่งมาไม่ให้ยุ่งกับคนไทย แต่ไอ้พวกขี้คุกที่อดอยากปากแห้งมาเป็นปีๆ ถ้าอยู่ๆก็เจอผู้หญิงสวยๆโผล่มาในป่าอย่างนี้ มีหรือว่ามันจะไม่หน้ามืดตามัว เข้าใจหรือยังว่า ที่บอกว่าเป็นห่วงน่ะ เป็นห่วงน้องนุชอยู่คนเดียว และห่วงจริงๆ โอ๊ย เหนื่อย!” รณพีร์พูดจนเหนื่อย
ศินีนุชนิ่งอึ้ง เมื่อนึกถึงสายตาทหารเวียงที่มองมาก็รู้สึกขนลุกขนพอง
“ถ้าน้องนุชเหนื่อย...อยากจะพักก็พักได้นะ” พุฒิภัทรว่า
“ไม่พักแล้วค่ะ ไปกันเลยค่ะ”
“น้องนุชหิวหรือเปล่า ถ้าหิวล่ะก็...” ธราธรถาม
“ไม่หิวค่ะ ไม่หิวแล้ว เราไปต่อกันเลยค่ะ”
ธราธรกับรณพีร์เริ่มเดินทางออกไปต่อ ธราธรมองหน้ารณพีร์
“ไม่ได้โกหกนะ พูดเรื่องจริง”
ศินีนุชปล่อยมือจากพุฒิภัทรเดินได้เอง เธอเดินเร็วๆแทรกตัวอยู่กลางคุณชายทั้งสาม
ทุกคนเร่งรีบเดินทางต่อไปอย่างไม่มีปัญหาอะไรอีก
อ่านต่อหน้า 2
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 8 (ต่อ)
สร้อยกับรัชชานนท์เดินนำทางมาที่เป็นทางราบปกติแล้ว ชัชวีร์กับจ่อยเดินประกบจันทามาด้วยกัน จันทาเดินสะดุดนิดเดียว ชัชวีร์กับจ่อยผวาเข้าไปจะไปประคองรับ แต่จันทาไม่ได้ล้มลงไป เดินไปได้อย่างปกติ
“เดินไหวมั้ย จันทา”
ชัชวีร์กับจ่อยต่างพยายามจะช่วยประคองจันทา
“ไหวจ๊ะ จันทาเดินเองได้ ขาก็ไม่เจ็บเท่าไหร่แล้ว”
รัชชานนท์ถอยกลับมาดึงจันทาออกจากชัชวีร์และจ่อย
“ฉันดูแลจันทาเอง”
รัชชานนท์พาจันทาเดินห่างออกไป สร้อยหยุดยืนมองมาอย่างรำคาญใจแกมขำ จ่อยจ้องชัชวีร์อย่างเหม็นหน้า ชัชวีร์เดินหลีกออกไปไม่อยากมีเรื่อง
“เจ้าบอกเหตุผลของเจ้ามาซิ”
ชัชวีร์ชะงัก หันกลับมามองจ่อยเป็นเชิงถาม
“กะที่ข้อยถามเจ้าว่า เป็นหยังถึงชอบมายุ่งวุ่นวายกับทั้งอีสร้อยทั้งจันทา เจ้าบอกว่า เจ้ามีเหตุผลเดียวกับข้อย เหตุผลอะหยัง”
“ฉันก็เดาๆเอาน่ะ เราน่าจะมีความรู้สึกคล้ายๆกัน นายรู้สึกผูกพันรู้สึกว่า ต้องปกป้องสร้อยฟ้า ฉันก็รู้สึกอย่างนั้น แม้ว่าเราจะเพิ่งรู้จักก็ตาม”
“แล้วจันทาล่ะ”
ชัชวีร์ยิ้ม
“ฉันคงต้องบอกกับจันทาเขาเองว่า ฉันรู้สึกยังไง นายตัดใจจากสร้อยฟ้าได้ไม่ยาก ถ้าต้องอกหักเพราะจันทาอีก ก็คงจะทำใจได้ไม่ยากเหมือนกัน”
ชัชวีร์เดินออกไปตามหลังกลุ่มสร้อย รัชชานนท์ และจันทา
“ไอ้บักดากนี่ ! คึดเหรอว่าจันทาจะเลือกเจ้า”
จ่อยยืนคิดต่อไป... อีกหน่อยก็ไม่แน่ใจนักเหมือนกัน
ทางด้านธราธร พุฒิภัทร รณพีร์ และศินีนุชเดินมาตามทางอย่างไม่หยุดพัก รณพีร์หันมามองศินีนุชอย่างทึ่งๆที่เดินอย่างไม่รู้จักเหนื่อย หน้าตาศินีนุชเครียดเอาจริงมาก
“ผมเข้าใจแล้วว่า ที่ว่า เวลาคนเจอไฟไหม้บ้านแล้วสามารถยกตุ่มออกมาได้ทั้งใบน่ะเป็นยังไง” รณพีร์ว่า
พุฒิภัทรในฐานะนายแพทย์หนุ่มบอกว่า
“ตอนนี้น้ำตาลในเลือดของน้องนุชขึ้นสูงปรี๊ดแล้ว หัวใจเต้นแรง ความดันขึ้นสูง ดีไม่ดีได้เป็นลมไปเพราะความเครียดจัด”
“ก็หวังว่าจะไม่มีอะไรให้น้องนุชกลัวไปมากกว่านี้ ถ้าน้องนุชหัวใจวายไป เราได้ถูกคุณป้าหญิงเอาตายแน่ๆ” ธราธรบอก
เสียงสวบสาบดังมาจากพงไม้ข้างหน้า ยังไม่ทันที่จะเห็นว่าอะไรเป็นอะไร ศินีนุชก็ร้องกรี๊ดสุดเสียงแล้วกระโดดกอดธราธรไว้แน่น!!
“ทหารเวียงค่ะ พวกทหารเวียงแน่ๆ”
“เงียบก่อน”
ศินีนุชตะครุบปิดปากตัวเองไว้แน่น ทุกคนขยับดึงปืนออกมาเตรียมตัวพร้อม พรานป่าถือของป่าในมือเดินแหวกพงไม้ออกมาหน้าตาเหรอหรา
“เกิดอะหยังขึ้น มีไผเป็นอะหยัง ไผถูกผึ้งต่อยเอาแม่นบ่ ร้องลั่นป่าจังซี้”
“ไม่ใช่ทหารเวียงนี่คะ”
“ไอ้พวกทหารเวียงมันบ่ค่อยมาแถวนี้ดอกครับ พวกมันชอบไปเส้นทางที่คนบ่ไปกัน พวกคุณคงกำลังหาทางออกจากป่าแม่นบ่ ข้อยพาไปได้เด้อ ข้อยสิกลับอยู่พอดี”
รณพีร์บอก
“เสียงกรี๊ดของน้องนุชมีประโยชน์จริงๆ ได้พรานนำทางมาช่วยชีวิต”
“ลุงจะช่วยนำทางใช่มั้ย ก็รีบนำไปเลย ไป ฉันอยากออกไปจากที่นี่เร็วๆ แล้วฉันขอสาบานเลยว่า ฉันจะไม่เข้าป่าอีกเลยตลอดชีวิต”
พรานป่าเดินนำทางออกไป ศินีนุชเดินตามไปไม่สนใจใครแล้ว รณพีร์จะเดินไปแล้วเห็นธราธรกับพุฒิภัทรมองหน้ากันอย่างกังวลใจ
“เส้นทางที่คนไม่ค่อยไปกันนี่มันเป็นเส้นทางไหนกัน หวังว่าคงไม่ได้หมายถึงเส้นทางลัดของสร้อยฟ้าหรอกนะ”
ธราธร พุฒิภัทร และรณพีร์เริ่มเป็นกังวลใจ
กลุ่มรัชชานนท์ยังคงเดินทางต่อไปเรื่อยๆ โดยมีสร้อยกับจ่อยเดินนำทางไป รัชชานนท์กับชัชวีร์ประกบจันทาเดินตามหลังมาอย่างไม่เร่งรีบมาก สร้อยกับจ่อยชะงักเกือบๆจะพร้อมกัน ทั้งคู่ถอยร่นออกมาอย่างรวดเร็ว
รัชชานนท์รับขยับเข้าไปหาสร้อยกับจ่อย
“มีอะไร”
“มีคนอยู่ข้างหน้า เฮาต้องไปทางอื่นแล้วล่ะ” สร้อยบอก
“เฮาสิไปทางไสได้ ถ้ากลับไปทางเดิมกะสิเสียเวลาโพด” จ่อยว่า
“งั้นเรารอดูลาดเลาอยู่ที่นี่ก่อนก็ได้ เราพักเสียหน่อยก็ดีนะ จันทาเริ่มจะเหนื่อยแล้ว อีกแค่ไม่กี่กิโลก็ถึงชายป่าแล้ว เราน่าจะไปถึงทันก่อนมืด”
“พวกเจ้าพักอยู่หม่องนี้แหละ ข้อยสิไปเบิ่งว่า พวกมันเป็นไผ”
รัชชานนท์รีบดึงสร้อยไว้ไม่ให้ไปแล้วพูดเสียงเครียด
“ไม่ต้องไปดูแล้วล่ะ”
สร้อยหันไปเห็นจ่อยยืนตัวแข็ง มือแตะที่ปืนแต่ชักปืนออกมาไม่ทัน ชัชวีร์จับมือจันทาไว้แน่นอย่างให้กำลังใจ มีทหารเวียง 2 คนถือปืนจ่ออยู่ข้างหลัง
“บ่ต้องไปย่าน พวกมันมากันแค่สองคน”
กลุ่มทหารเวียงภูคำอีก 5 คนพร้อมอาวุธครบครันเดินมาสมทบกับทหาร 2 คนที่ยืนจ่อปืนอยู่ ชั่วอึดใจ กลุ่มของรัชชานนท์ถูกล้อมรอบด้วยทหารเวียงภูคำนับสิบ มองไปทางไหนก็ไม่เห็นว่าจะหนีไปไหนพ้น
สร้อยกับรัชชานนท์สบตากันอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี
ศินีนุชเดินตรงลิ่วมาทรุดตัวหมดแรงที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ บริเวณนั้น เห็นป้ายบอกทางไปน้ำตก ทางไปบ้านพักป่าไม้ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าที่ใกล้ถนนเข้าเมืองแล้ว
ธราธร พุฒิภัทร และรณพีร์เดินตามๆกันมา ธราธรส่งเงินให้พรานป่าไปเป็นสินน้ำใจ
พรานป่ายกมือไหว้ท่วมหัวแล้วเดินแยกออกไป รณพีร์มองหากลุ่มรัชชานนท์อย่างไม่สบายใจ
“ทำไมพวกพี่ชายเล็กยังมาไม่ถึงอีก พวกเขาน่าจะมาถึงก่อนเรานี่ครับ”
“พวกชายเล็กอาจจะตรงเข้าเมืองไปแล้วก็ได้” ธราธรบอก
“ไม่มีทางครับ ยังไงพี่ชายเล็กก็ต้องรอพวกเรา ผมให้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง ถ้าพวกพี่ชายเล็กไม่กลับออกมา ผมจะเข้าไปตาม”
ธราธรถาม
“นายจะไปเข้าไปตามที่ไหน เราไม่รู้ว่า พวกนั้นไปทางไหนกัน เราต้องรีบกลับไปส่งข่าวให้หม่อมย่าโดยเร็วที่สุด ตอนนี้ท่านคงเป็นห่วงพวกเราแย่แล้ว”
พุฒิภัทรเสนอว่า
“งั้นพี่ชายใหญ่เข้าเมืองไปก่อนดีมั้ยครับ ผมกับชายพีร์จะรออยู่ที่นี่เอง ยังไงเราก็ต้องรอครับ เราจะกลับไปโดยไม่มีชายเล็กไม่ได้”
ศินีนุชเดินโผเผเกือบหมดแรงเข้ามา ผมยุ่งเหยิง เสื้อผ้ายับเยิน สภาพดูไม่ได้
“เราจะเข้าเมืองกันแล้วใช่มั้ยคะ ไปค่ะ ไปกันเถอะค่ะ นุชทนเห็นป่าไม่ได้แม้แต่นาทีเดียวแล้ว นุชอยากออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
“พี่จะพาน้องนุชกลับไปพักที่โรงแรม แล้วจะไปรอที่ร้านเหล้าพรานเจ้ย พาชายเล็กกลับไปให้ได้ ยังไงเราต้องกลับไปพร้อมกันทุกคน”
ธราธรตัดสินใจพาศินีนุชออกไปก่อนที่จะสติแตกกว่านี้ พุฒิภัทรกับรณพีร์มองเข้าไปในทางเข้าป่าอย่างมีความหวัง
กลุ่มรัชชานนท์ยังถูกกลุ่มทหารเวียงล้อมรอบตัวอยู่
“พวกแกคิดจะทำอะไร คิดจะปล้นกันหรือยังไง” รัชชานนท์ถาม
“วางปืนลงก่อนดีมั้ย มีอะไรเราน่าจะคุยกันได้” ชัชวีร์ว่า
“บ่ต้อง...”
รัชชานนท์รีบเอามือปิดปากสร้อยไว้
“พวกเราไม่ใช่คนที่พวกแกกำลังตามหาตัวอยู่หรอก พวกเรามาจากกรุงเทพฯ แล้วเราก็ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา ผู้ชายที่พวกแกจ่อปืนใส่อยู่นี่คือ เรืออากาศโทชัชวีร์ เทวพรหม พวกแกคงไม่อยากจะมีปัญหากับทหารไทยหรอกใช่มั้ย”
ทหารเวียงภูคำคนที่ 1 ที่เป็นหัวหน้าชะงักมองชัชวีร์อย่างพิจารณา
“แล้วเจ้าเป็นไผ”
“ฉันเป็นข้าราชการไทย ทำงานเป็นวิศวกรโยธา เราต่างแยกกันไปดีกว่า ให้เรื่องมันจบตรงนี้ ฉันรับรองว่าฉันจะไม่ไปร้องเรียกทางการเรื่องของพวกแก น้องสาวของฉันมาเที่ยวป่าแล้วไม่สบาย เราต้องรีบพาไปหาหมอ”
ทหารคนที่ 1 หันขวับมามองสร้อยกับจันทา สร้อยจ้องกลับด้วยความเจ็บใจที่ทำอะไรไม่ได้
“เจ้าเว้าแต่ปาก บ่มีหลักฐานอะหยัง ค้นตัวพวกมันสิ”
ทหารคนที่ 2 ท่าทางหื่นๆ บอก
“จังสั้นข้อยขอค้นตัวแม่หญิงสองคนนี้ก่อน”
ทหารคนที่ 2 กับทหารอีกสามคนกรูเข้าไปจะไปจับตัวสร้อยกับจันทา ด้วยท่าทางคึกคะนองน่าขนลุก ชัชวีร์ดึงจันทาเข้ามาในอ้อมกอด ปกป้องอย่างเต็มที่แล้วรีบดึงปืนออกมา
รัชชานนท์เข้าขวางทหารเวียงไม่ให้ใกล้ตัวสร้อย รีบชักปืนออกอย่างเร็วเหมือนกัน
จ่อยถือหน้าไม้ฟาดไปฟาดมา ไม่ยอมให้ทหารเวียงคนไหนเข้ามาใกล้
“ไผเข้ามา ตาย”
ทหารคนที่ 1 เห็นสร้อยตะวันที่จ่อยใส่อยู่หลุดรอดออกมา
“พวกมันเป็นชาวเวียง ไอ้พวกขบถ”
กลุ่มรัชชานนท์ต้องชะงักตกใจที่ยื้อเรื่องต่อไปไม่ได้
“วางอาวุธ แล้วยอมให้จับเสียโดยดี”
กลุ่มทหารเวียงทั้งหมดหยุดเพื่อเตรียมโจมตี ทุกคนพร้อมกันยกปืนขึ้นจ่อกลุ่มของรัชชานนท์
รัชชานนท์จับมือสร้อยไว้แน่น ชัชวีร์กับจ่อยขยับเข้าเอาตัวปกป้องบังจันทาไว้
“สู้แค่ตาย” สร้อยบอก
“ใช่ สู้แค่ตาย” รัชชานนท์ว่า
ทั้งสองฝ่ายขยับปืนขึ้นมาเล็งฝ่ายตรงข้ามอย่างแน่วแน่อีกครั้ง ปลายกระบอกปืนนับสิบเล็งไปที่รัชชานนท์ สร้อย ชัชวีร์และจ่อย และถ้ายิงพร้อมๆกันคงยิงพรุนไม่มีพลาดเป้าแน่
บรรยากาศเงียบกริบจนไม่ได้ยินแม้แต่เสียงหายใจ และก่อนที่ใครจะเหนี่ยวไกปืนคนแรก ปลายปืนของตชด.ก็มาจ่อที่ด้านหลังทหารคนที่ 1 จนต้องตกใจชะงักเกร็ง
ตชด.นับ 30 นายตบเท้าเข้ามาเป็นทิวแถวแล้วแตกกระจายเป็นวงล้อมรอบกลุ่มทหารเวียงทั้งหมดที่รู้ชะตาของตัวเองแล้ว
“ทุกคนวางอาวุธ”
กลุ่มทหารเวียงทุกคนค่อยๆวางปืนลงบนพื้น กลุ่มตชด.ทั้งหมดกรูกันเข้าจับทหารเวียงเอามือไขว้หลัง ทั้งเตะหรือจับตัวให้คุกเข่าลง ตรวจค้นอาวุธและจับกุมใส่กุญแจมือ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วดูขึงขัง
กลุ่มรัชชานนท์ยืนมองเหตุการณ์อย่างงุนงงและรู้สึกปลอดภัยขึ้นอีกครั้ง
จันทายืนตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของชัชวีร์ รัชชานนท์ดึงสร้อยเข้ามากอดอย่างไม่เคยรู้สึกห่วงและกลัวขนาดนี้มาก่อน จ่อยชูมือขึ้นอย่างดีใจก่อนที่จะชะงักกลางอากาศเมื่อเห็นภาพบาดตาตรงหน้า จันทาเพิ่งรวบรวมสติได้ค่อยๆ ผลักชัชวีร์ออกไปเบาๆอย่างเขินอาย
เมื่อสร้อยเห็นทุกคนมองมาที่ตัวเธอก็รีบผลักรัชชานนท์ออกไป แต่รัชชานนท์กลับดึงสร้อยเข้ามากอดอีกราวกับกลัวสร้อยจะหายไป
ภายในห้องทำงาน นายพลอนุพันธ์นั่งอ่านเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงานแล้วผุดลุกขึ้นอย่างเป็นกังวล เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามาได้”
ทหารคนที่ 1 เข้ามาทำความเคารพแล้วรีบยื่นโทรเลขให้ อนุพันธ์รีบเปิดซองโทรเลขออกมาอ่านรวดเดียว แล้วอ่านอีกรอบอย่างช้าๆ
“ข่าวดีใช่มั้ยครับ ท่าน”
อนุพันธ์ยิ้ม
“ใช่ ข่าวดี หน่วยตำรวจตระเวนชายแดนของเราผลักดันทหารเวียงภูคำออกไปได้หมดแล้ว...แต่ก็คงมีบางคนเล็ดรอดไปได้ แต่ก็ถือว่าหมดปัญหาคาราคาซังนี้ซักที ต่อไปจะไม่มีทหารเวียงภูคำเพ่นพ่านในแผ่นดินของเราตามใจชอบอีกแล้ว”
“แล้วท่านจะให้ผมตามข่าวหมวดชัชวีร์ต่ออีกไหมครับ”
“ไม่ต้องแล้ว ไม่มีทหารเวียงเป็นอุปสรรคแล้ว ก็ไม่ต้องมีอะไรน่าห่วงแล้ว ทุกคนต้องกลับมาอย่างปลอดภัย”
สีหน้าอนุพันธ์สบายใจขึ้นอย่างมาก
อ่านต่อตอนต่อไป
ธราธรผุดลุกผุดนั่ง ท่าทีเป็นกังวลใจอยู่ในร้านเหล้าของพรานเจ้ย บุญโฮมกับพรานเกิ้นช่วยกันยกจานอาหารที่หนักไปทางกับแกล้มเหล้า มาวางไว้บนโต๊ะ บุญโฮมจะรินเหล้าให้ ธราธรยกมือขึ้นห้าม
“ฉันไม่ดื่ม แล้วก็คงกินอะไรไม่ลงด้วย”
“คุณชายใจเย็นๆ เถอะครับ เดี๋ยวพวกคุณชายคนอื่นๆ ก็คงจะตามมา คุณชายรัชชานนท์รอดตายมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ครั้งนี้ก็คงรอดอีก” บุญโฮมบอก
“ถ้าหากคุณชายบ่รอดกลับมา กะเฮ็ดใจซะเถอะครับ เพิ่นคงทำบุญมาน้อย กะเลยประสบเคราะห์กรรมจังซี้ คึดดูกะแปลกนะครับ คุณชายเพิ่นอยู่ไกลถึงกรุงเทพฯ แต่เป็นหยังถึงเอาชีวิตมาทิ้งที่ป่าหนองคายนี่ได้” พรานเกิ้นบอก
“ตาเกิ้น ! ปากเจ้าคือหมาแท้ เฮายังบ่ฮู้ว่า คุณชายเป็นตายร้ายดีจังได๋ ดันมาแช่งกันได้ คนที่สิสิ้นชีวิตชะตาขาดกะมีแต่เจ้านั่นแหละ ถ้ายังบ่เลิกอวดเก่งพาคนไปเดินป่าอีก เทื้อหน้าได้เดินหลงเข้าไปในดงเสือแน่” บุญโฮมด่า
รณพีร์กับพุฒิภัทรเดินเข้ามาในร้าน ธราธรรีบตรงเข้าไปหาทั้งสอง
“ชายเล็กล่ะ ได้เจอชายเล็กหรือเปล่า”
รณพีร์กับพุฒิภัทรมองหน้ากันเหมือนจะเกี่ยงกันให้พูด
“ไม่เจอเหรอ แล้วนี่พี่จะเรียนหม่อมย่าว่ายังไง” ธราธรว่า
รัชชานนท์ สร้อย ชัชวีร์ จ่อยและจันทาทยอยเดินเข้ามาทีละคน
“ก็เรียนหม่อมย่าว่า ผมกำลังจะไปกราบท่านเร็วๆนี้น่ะซิครับ”
“ชายเล็ก”
ธราธรตรงเข้าไปกอดรัชชานนท์ แล้วหันไปตบไหล่ชัชวีร์อย่างดีใจ สร้อยกับจ่อยมองไปรอบๆ เมื่อเข้ามาในที่แปลกถิ่น ทั้งคู่สำรวจทุกอย่างอย่างรวดเร็ว รัชชานนท์หันไปมองสร้อยแล้วเพิ่งคิดได้ในสิ่งที่ต้องทำอีกเรื่อง ซึ่งหมายถึงการจดทะเบียนและทำให้สร้อยมีบัตรประชาชนไม่เป็นคนต่างด้าวต่อไป
ภายในห้องรับแขก วังจุฑาเทพ หม่อมเอียดกำลังคุยโทรศัพท์ทางไกลกับธราธรอยู่
“ย่าดีใจจริงๆ ดีใจจนพูดอะไรไม่ออกเลย ชายใหญ่รีบพาชายเล็กกลับมาเลยนะ จับรถไฟเที่ยวแรกมาเลย บอกชายเล็กนะว่า ย่ารออยู่ ขอบใจนะชายใหญ่ ขอบใจที่ช่วยต่อชีวิตของย่า”
หม่อมเอียดวางโทรศัพท์พลางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นเช็ดน้ำตาที่รื้นขึ้นมาด้วยความดีใจ
ย่าอ่อนเช็ดน้ำตาที่ไหลพรากๆด้วยความดีใจสุดขีด
“เจอชายเล็กแล้วใช่มั้ยคะ คุณพี่ พรุ่งนี้ชายเล็กจะกลับมาแล้ว ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวงที่คุ้มครองหลานๆของอิฉัน แล้วชายพีร์ล่ะ ชายพีร์ไม่ได้เป็นอะไรใช่มั้ยคะ”
“ทุกคนปลอดภัยดี พ่อชายพีร์ของเธอ ถ้าไม่หาเรื่องใส่ตัวอีก ก็คงจะรอดปลอดภัยกลับมาพร้อมพวกพี่ๆนั่นแหละ”
ดารณีนุชโผเข้ามาอย่างไม่ต้องให้ใครเชิญนำ
“หม่อมป้าขา ทราบข่าวดีแล้วใช่มั้ยคะ ลูกนุชเพิ่งโทรศัพท์มาจากโฮเต็ลที่พักอยู่ มาเมื่อครู่นี้เองค่ะ ลูกนุชบอกว่า ทุกคนปลอดภัยดีแล้ว ดิฉันจะซักถามรายละเอียด แต่ลูกนุชก็เหนื่อยเหลือเกิน ก็เลยให้นอนพักไป ยังไง พรุ่งนี้เราก็จะได้เจอกันแล้ว”
“ขอบคุณคุณหญิงจริงๆนะ ที่คอยตามข่าวคราวให้มาตลอด”
“โถ หม่อมป้าไม่ต้องเกรงใจดิฉันหรอกค่ะ ตอนนี้เรียกได้ว่า เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว พรุ่งนี้ดิฉันกับคุณชายอนุพันธ์จะมารอรับลูกนุชที่นี่นะคะ เราจะได้ช่วยกันต้อนรับคู่หมั้นคู่หมายคู่ใหม่ด้วยกัน คุณชายจะได้เห็นกับตาว่า คุณชายเล็กกับลูกนุชเหมาะสมกันแค่ไหน”
“ดีค่ะ ฉันเห็นด้วยที่สุด คุณหญิงช่างมีความคิดที่วิเศษจริงๆ”
หม่อมเอียดนิ่งคิดตามประสาคนที่สุขุมกว่ายังไม่แน่ใจอะไรทั้งนั้น!!
บริเวณร้านเหล้าพรานเจ้ย มีบรรยากาศฉลองกันอย่างสนุกสนานผ่อนคลายของทุกคน
“ห้าสิงห์จุฑาเทพ !”
“ชายรุจไม่อยู่นี่ จะเป็นห้าสิงห์ได้ยังไง” ธราธรบอก
“ถือว่าไอ้ชัชได้ทำหน้าที่แทนพี่ชายรุจก็แล้วกัน เอ้า ห้าสิงห์จุฑาเทพ” รณพีร์บอก
ทุกคนชนแก้วกันอีกครั้ง แล้วรณพีร์ก็หันไปชนแก้วกับชัชวีร์สองคน
“สองเสืออากาศ”
รัชชานนท์ ธราธร พุฒิภัทร รณพีร์และชัชวีร์นั่งกินนั่งดื่มกันอยู่
“พี่เป็นยังไงบ้าง พี่ชายเล็ก” รณพีร์ถาม
“เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ว่ะ”
“ชายพีร์เสียดายมากที่ไม่ได้ไปกับเรา” ชัชวีร์ว่า
“ถ้าผมไปด้วย ได้ดวลปืนกันสนั่น ตายกันหลายศพแน่” รณพีร์บอก
“งั้นก็ดีแล้วที่นายไม่ไปด้วย เพราะคนที่จะเป็นศพอาจจะเป็นนายก็ได้” พุฒิภัทรว่า
ธราธรบอก
“คิดจะทำอะไร ให้คิดถึงย่าอ่อนด้วย พ่อหลานรัก อย่าทำให้คุณย่าท่านต้องหัวใจสลายเพราะนาย บาปกรรมนะโว้ย”
“เสืออากาศอย่างผมไม่ตายง่ายๆหรอกครับ”
บุญโฮมเดินไปทั่วร้านเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มไม่ได้ขาด รัชชานนท์ดึงบุญโฮมไว้แล้วกระซิบนัดแนะอะไรบางอย่าง บุญโฮมพยักหน้ารับอย่างตื่นๆ
ธราธรจับตามองรัชชานนท์
“มีแผนอะไรอีก ชายเล็ก อย่าได้คิดหนีไปไหนอีกเชียวนะ”
“ผมไม่หนีแล้วล่ะค่ะ คราวนี้ผมจะเดินหน้าสู้ปัญหา ตอนนี้ไม่มีแค่ผมคนเดียวแล้วนี่ครับ ผมยังมีสร้อยฟ้าอีกคน”
สร้อยนั่งนิ่งเครียด มองจ่อยกับเกิ้นชนแก้วกันครั้งสุดท้าย
“เอ้า ชนแก้ว”
จ่อยกับพรานเกิ้นฟุบหลับไปพร้อมกัน สร้อยเดินออกไปอย่างใจลอยเพราะมีเรื่องให้คิดมากมาย รัชชานนท์เห็นสร้อยก็รีบเดินตามไปทันที
ชัชวีร์มองตามแล้วก็พบว่าจันทาก็ไม่ได้อยู่ในร้านอีกคน
ส่วนสร้อยเดินไปเดินมาอยู่หน้าร้าน มองทุกอย่างรอบๆ อย่างแปลกตาไม่คุ้นเคย รัชชานนท์เดินมาหาแล้วจะถอดแจ็กเก็ตมาคลุมให้ สร้อยจับมือรัชชานนท์ไม่ให้ถอด
“ข้อยบ่หนาว อยู่ในป่าหนาวกว่านี้อีก เฮาสิต้องเฮ็ดอะหยังต่อไป”
“แล้วเธอก็จะค่อยๆเรียนรู้ทุกอย่างไปเอง”
“ข้อยสิต้องเฮ็ดให้หม่อมย่าของเจ้ายอมรับข้อยเป็นหลานสะใภ้ให้ได้ใช่บ่ ถ้าข้อยเฮ็ดบ่ได้ล่ะ”
“เธอต้องทำได้แน่ เธอมีฉันที่จะอยู่ข้างๆเธอ คอยช่วยเธอทุกอย่าง เธอไม่ต้องกลัวไปนะ ทุกอย่างจะต้องไปด้วยดี”
“ที่จริงข้อยกะบ่ต้องห่วง ข้อยกะมีคุณชัชอีกคนด้วยที่ปรึกษาได้”
รัชชานนท์ดึงสร้อยเข้ามากอดทันทีโดยไม่ให้ตั้งตัว
“เจ้าสิเฮ็ดหยัง”
“อย่าพูดชื่อนายชัชได้มั้ย”
“เป็นหยังพูดถึงคุณชัชบ่ได้”
รัชชานนท์กอดสร้อยแน่นเข้าไปอีก
“ตอนนี้ไม่อยากได้ยินชื่อนี้”
“กะคุณชัชเป็นหมู่ของข้อย”
รัชชานนท์กอดสร้อยแน่นเข้าไปอีก แล้วจูบที่ผมยุ่งของสร้อยอย่างอดไม่ได้ เธอนิ่งเงียบหาเรื่องด้วยการพูดชื่อชัชวีร์อีก
“พูดไม่เชื่อ ก็ต้องถูกลงโทษอย่างนี้ เข้าใจมั้ย”
รัชชานนท์ก้มลงมองสร้อยที่ไม่ผลักไส สร้อยแนบหน้าฟังหัวใจที่เต้นแรงของรัชชานนท์
สร้อยพึมพำ
“หัวใจของเจ้ายังเต้นอยู่”
“สร้อยฟ้า...นี่เธอกำลังหาทางเล่นงานฉันกลับอยู่ใช่มั้ย”
“บ่”
“คิดอะไรอยู่”
รัชชานนท์รีบปล่อยมือจากสร้อย แล้วดึงสร้อยให้หันหน้ามา
“มื้อนี้ข้อยเกือบพาเจ้า พาทุกคนไปตาย ถ้าข้อยบ่อวดดีพาทุกคนไปทางลัด เฮากะคงบ่ไปเจอพวกทหารเวียง ถ้าทหารไทยมาช่วยเฮาไว้บ่ทัน พวกมันคงฉุดข้อยกับจันทาไป แล้วกะคงฆ่าทุกคน”
“เธอไม่ได้อวดดี เธอหวังดีอยากพาพวกเราออกจากป่าเร็วๆต่างหาก เรื่องก็ผ่านไปแล้ว เราทุกคนก็กลับออกมาปลอดภัยกันทุกคน”
รัชชานนท์ดึงสร้อยเข้ามากอดไว้
“ลงโทษอะหยังอีก ข้อยบ่ได้พูดชื่อคุณชัชซักหน่อย”
“ไม่ได้ลงโทษ แค่อยากให้เธอกอดฉันไว้ ฟังเสียงหัวใจของเราสองคน เรายังมีชีวิตอยู่ต่อไป และจะไม่มีใครมาทำร้ายเราได้อีก เธอไม่มีหน้าที่ที่จะต้องคุ้มครองใครแล้ว ไม่มีชาวบ้านวลาหก ตอนนี้มีแต่เธอกับฉัน ฉันจะคุ้มครองเธอเอง...สร้อยฟ้า”
สร้อยยืนนิ่งให้รัชชานนท์กอด แล้วค่อยๆ เอื้อมมือไปกอดรัชชานนท์ไว้อย่างอุ่นใจ เป็นครั้งแรกที่เธอยอมปล่อยวางภาระหน้าที่ต่อชาวเวียงภูคำลง
แต่ก็คงเป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น
อ่านต่อหน้า 3
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 8 (ต่อ)
ในยามค่ำมีเสียงเฮฮาดังแว่วๆ ออกมาจากร้านเหล้าพรานเจ้ยเป็นระยะ จันทากำลังเก็บเสื้อผ้าข้าวของส่วนตัวใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็ก เธอมองรอบๆห้องอย่างใจหาย ยังไม่รู้อนาคตของตัวเองว่าจะเป็นยังไงต่อไป
ชัชวีร์เดินเข้ามาเคาะประตูที่เปิดทิ้งไว้อยู่ จันทาเงยหน้ามองชัชวีร์ที่ยืนอยู่ที่ประตู
“จะไปกันแล้วหรือคะ รอประเดี๋ยวนะคะ”
จันทารีบเก็บของใช้กระจุกกระจิกบนโต๊ะเครื่องแป้งใส่กระเป๋าไป
“ฉันไม่ได้มาเร่งจันทาหรอกนะ เห็นจันทาหายเงียบไปนาน เลยเข้ามาดูน่ะ ...พรุ่งนี้เธอก็ต้องไปจากที่นี่แล้วนะ รู้สึกยังไงบ้าง”
“กลัวค่ะ จันทาไม่รู้ว่าจะต้องไปเจอกับอะไรบ้าง ถ้าจันทาอยู่ที่นั่นไม่ได้คงต้องกลับมาที่นี่ แต่พ่อก็ไม่อยู่แล้ว” ขันทานิ่งอย่างเศร้าใจ
ชัชวีร์ลืมตัวขยับเข้ามาในห้อง เข้ามาใกล้จันทา
“จันทาต้องอยู่ได้ซิ คุณชายทุกคนก็ยอมรับจันทาแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ ทุกคนจะช่วยดูแลจันทาเอง รวมทั้งฉันด้วย ฉันจะหมั่นแวะไปเยี่ยมจันทาที่วังจุฑาเทพ ถ้าจันทาอนุญาต”
“จันทาเป็นคนอาศัยนะคะ ไม่ใช่เจ้าของบ้าน คุณชัชคงต้องไปขออนุญาตคุณชายเล็กหรือไม่ก็คุณชายคนอื่นๆ”
ชัชวีร์ยิ้ม
“ฉันต้องขออนุญาตจันทาก่อน ถ้าจันทาอนุญาต เรื่องอื่นก็ไม่มีปัญหา อนุญาตให้ฉันไปเยี่ยมจันทานะ แล้วก็ต้องยอมให้ฉันไปหาบ่อยๆด้วย รับปากฉันสิ”
จันทายิ้มอายๆได้แต่พยักหน้ารับ แล้วรีบคว้ากระเป๋าเดินทางขึ้นมาแก้ขวยเขิน ชัชวีร์เข้าช่วยยกกระเป๋าให้ มือชัชวีร์ทาบไปบนมือจันทาอย่างไม่ตั้งใจ จันทารีบปล่อยมือให้ชัชวีร์หิ้วกระเป๋าให้ไป เธอยิ่งเขินหนักขึ้นไปอีกเลยรีบผละออกไป ชัชวีร์มองตามอย่างอดยิ้มไม่ได้
สร้อยเดินจ้ำหนีรัชชานนท์จะกลับเข้าร้าน รัชชานนท์เดินตามมาติดๆมาโอบไหล่สร้อยไว้
“จะรีบเดินไปไหน เธอต้องอยู่ใกล้ๆฉันไว้ ไม่งั้นฉันจะคุ้มครองเธอได้ยังไง”
เธอเบี่ยงตัวออกจากเขาอย่างเก้อเขิน รู้สึกเสียฟอร์มที่เผลอตัวไปเมื่อกี้ชั่วขณะ
“คนอย่างอีสร้อย บ่ต้องให้ไผคุ้มครอง”
“แต่เธอกำลังจะไปเจอกับโลกใหม่ กรุงเทพฯเป็นเมืองใหญ่ที่เธอไม่คุ้นเคยเหมือนบ้านป่าที่เธอเคยอยู่ แล้วใครจะคุ้มครองเธอได้ดีเท่าเจ้าถิ่นอย่างฉันล่ะ”
“บ่ต้อง ! ข้อยดูแลตัวเองได้ เจ้าอยู่ห่างๆ ข้อยไว้ ข้อยสิปลอดภัยกว่า ผู้ชายคนเมืองอย่างเจ้าร้ายยิ่งกว่าเสือ ไปๆ ไปอยู่ห่างๆเลย ไป”
สร้อยผลักรัชชานนท์ออกไปแล้วรีบเดินจนชนกับชายคนหนึ่งเข้า
“โอ๊ย ! ขอโทษ...ขอโทษเด้อ”
ชายคนนั้นยัดกระดาษใส่มือสร้อยอย่างรวดเร็วแล้วรีบเดินออกไป
“อะหยังล่ะเนี่ย”
สร้อยคลี่กระดาษในมือออกมาดูอย่างงงๆ กระดาษในมือของสร้อยเป็นรูปลายเส้นของหมู่บ้านวลาหกและสัญลักษณ์นกเงือก สร้อยมองปราดเดียวก็อ่านความหมายของสัญลักษณ์ทั้งหมดออก
“พ่อใหญ่!”
สร้อยกระโดดกอดรัชชานนท์อย่างลืมตัว
“พ่อใหญ่ ลุงไกสอน แฮรี่ ทุกคนปลอดภัยแล้ว”
“ดีใจด้วยนะ สร้อยฟ้า สายข่าวของพ่อใหญ่นี่เก่งจริงๆ ตามเรามาถึงนี่ได้”
ธราธร พุฒิภัทรและรณพีร์เดินออกมาจากร้าน ชะงักมองทั้งสองคนแล้วแอบอมยิ้มกันเป็นแถว
“ผมบอกพี่ชายใหญ่แล้ว ว่าไม่ต้องรีบกลับๆ ก็ไม่เชื่อ...” รณพีร์ว่า
สร้อยเพิ่งรู้ตัวว่ากอดกับรัชชานนท์อยู่ เธอรีบผละออกจากรัชชานนท์อย่างเก้อเขิน
“เออ...จะกลับกันแล้วหรือครับ”
“ข้อย...ข้อยไปตามบักจ่อยกับจันทาก่อนล่ะ”
สร้อยรีบเดินเข้าไปในร้านอย่างเก้อเขิน ธราธร พุฒิภัทร และรณพีร์เบนสายตากลับมาที่รัชชานนท์ที่เก้อเขินไม่แพ้สร้อย
รัชชานนท์กับสร้อยประคองจ่อยที่เมากรึ่มๆอยู่เข้าไปนั่งท้ายรถจี๊ป จันทาขึ้นรถตามหลังจ่อยไป สร้อยยืนเก้ๆกังๆอยู่แล้วค่อยๆโหนตัวขึ้นรถไปนั่งข้างคนขับ
รัชชานนท์หันกลับมาสบตากับธราธรอย่างรู้กัน
“ผมกลับบ้านพักก่อนนะครับ แล้วเจอกัน”
ธราธรตบไหล่รัชชานนท์อย่างหนักหน่วงแล้วย้ำ
“แล้วเจอกัน”
พุฒิภัทรยิ้มอย่างเข้าใจ รู้กันสามคนว่า รัชชานนท์ยังจะไม่กลับกรุงเทพฯในวันพรุ่งนี้ ชัชวีร์มองจันทาไม่วางตา รณพีร์มองตามสายตาของเพื่อน
รถจี๊บที่รัชชานนท์ขับแล่นออกไป ชัชวีร์ยังคงยืนมองตามรถไป จนรณพีร์ต้องตบไหล่ชัชวีร์อย่างแรงให้หันมา รณพีร์แหย่
“ไอ้ชัช ! มองตามตาละห้อยเชียว ดีแล้วที่ตัดใจจากพี่สะใภ้ของฉันได้ ฉันว่า จันทาเหมาะกับนายมากกว่าว่ะ”
“เฮ้ย ! ฉันไม่เคยคิดอะไรกับสร้อยฟ้า พี่ชายเล็กคิดมากไปเอง”
“ก็จะไม่ทำให้พี่ชายฉันคิดมากได้ยังไง นายกับสร้อยฟ้าดูสนิทสนมกันเกินไปหน่อย รู้ไว้ด้วย ผู้หญิงของใคร ใครก็หวง”
“ต่อไปฉันจะระวังตัวมากขึ้นก็แล้วกัน แต่นายก็รู้ไว้ด้วยว่า ฉันไม่มีวันคิดเกินเลยกับสร้อยฟ้า กับผู้หญิงคนนี้มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ฉันรู้สึกผูกพันเหมือนเราเคยรู้จักกันมาก่อน”
รณพีร์หัวเราะขำ
“ประโยคจีบสาวชัดๆ แน่ใจนะว่า นายไม่ได้คิดอะไรจริงๆ”
“เออ...ฉันพูดไป นายก็ไม่เข้าใจหรอก”
“แล้วกับจันทาล่ะ อย่าบอกนะว่า มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกอีก”
“ฉันกำลังถามใจตัวเองอยู่นี่แหละ ถ้าฉันได้คำตอบเมื่อไหร่ ฉันจะไปบอกกับเจ้าตัวเอง คนอื่นไม่เกี่ยว เข้าใจมั้ย ไอ้คุณชายพีร์!”
ชัชวีร์เดินไปสมทบกับธราธรกับพุฒิภัทร ปล่อยให้รณพีร์ยืนเหวอไป
รถจี๊ปแล่นมาจอดที่หน้าบ้านพัก รัชชานนท์ลงจากรถแล้วอ้อมจะมารับสร้อย แต่สร้อยกระโดดลงจากรถเสียก่อน
“แล้วพวกคุณชายคนอื่นๆล่ะ เป็นหยังบ่ตามมาด้วย”
“ที่นี่มันคับแคบเกินไป พวกพี่ชายใหญ่เลยแยกไปพักที่โรงแรมในเมือง จะได้ช่วยนายชัชคุมน้องนุชเธอด้วย แล้วเอายังไงกับบักจ่อยดี”
สร้อยหันไปมองจ่อยที่ยังเมาหลับ คอพับคออ่อนพิงจันทาอยู่ในรถ
“สงสัยจะต้องช่วยกันแบกเข้าบ้านแล้วมั้ง” รัชชานนท์บอก
“ข้อยจัดการเอง ! จันทา..ลงมาก่อน”
จันทาลงจากรถอย่างงงๆ สร้อยหยิบกระติกน้ำเทพรวดๆ ใส่หน้าจ่อยจนจ่อยสะดุ้งโหยงตื่นทันที จ่อยพรวดพราดลงจากรถแทบไม่ทัน
“เฮ้ย ! อะหยังกันวะเนี่ย อีสร้อย ปลุกกันดีๆ กะได้ ข้อยบ่ใช่หมาเด้อ ถึงสาดน้ำใส่จังซี้”
“ปลุกดีๆ เจ้าคงตื่นดอก กินเหล้ามื้อใด๋กะเมาหลับเป็นตาย จังซี้เจ้าสิปกป้องไผได้ พ่อใหญ่บ่น่าให้เจ้ามาด้วยเลย บ่ได้เฮื่อง”
จ่อยถึงกับจ๋อยไป
“ข้อย...ข้อยขอโทษ”
“อย่าไปว่าบักจ่อยเลย เรารอดตายมาได้ ก็ต้องฉลองกันหน่อย … แล้วนายก็ไม่เคร่งเครียดกับหน้าที่ที่พ่อใหญ่มอบหมายมานักหรอก ต่อไปก็ไม่ต้องตามดูแลสร้อยฟ้าทุกฝีก้าว ตอนนี้สร้อยฟ้ามีฉันแล้ว”
“บ่ได้ ! พ่อไกสอนสั่งมา อีสร้อยอยู่ไส ข้อยกะอยู่ด้วย ข้อยมีหน้าที่ดูแลทั้งอีสร้อยและ...กะจันทา ฮู้ไว้ด้วย”
รัชชานนท์มองจ่อยที่หายเมาเป็นปลิดทิ้ง แล้วยืนกั้นขวางไว้อย่างระอาใจหน่อยๆ
รัชชานนท์พาสร้อยกับจันทาเดินมาถึงห้องนอนชั้นบนในบ้านพัก จ่อยตามประกบมาติดๆ อย่างไม่ให้คลาดสายตา รัชชานนท์เปิดประตูให้สร้อยกับจันทาเข้าไปในห้อง
“คืนนี้เธอสองคนนอนห้องนี้นะ”
รัชชานนท์เดินตามมาและจะตามเข้าไปในห้องนอนด้วย จ่อยขวางทางไว้ด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฉันยังมีเรื่องที่จะต้องคุยกับสร้อยฟ้า”
“เป็นผู้ชายเข้าห้องนอนผู้หญิงบ่ได้ มีเฮื่องอะหยังกะเอาไว้ไปคุยกันมื้ออื่น เฮ็ดหยั่งกับว่าสิบ่ได้เจอกันอีก”
“นี่ บักจ่อย ตอนนี้ฉันกับสร้อยฟ้าแต่งงานกันแล้วนะ”
“แต่งงานแล้วเป็นหยัง อีสร้อยแต่งงานกับเจ้าเพราะถูกผู้ใหญ่บังคับ ข้อยถือว่า บ่ใช่การแต่งงานที่ถูกต้อง”
สร้อยชะงักหันมองไปที่รัชชานนท์กับจ่อยที่ถกเถียงกันอยู่
“ฉันกับสร้อยฟ้าแต่งงานกันถูกต้องตามธรรมเนียมประเพณีทุกอย่าง นายจะบอกว่า ไม่ถูกต้องได้ยังไง หลีกทางไปดีกว่า ฉันจะคุยกับสร้อยฟ้าเรื่องแผนการเดินทางของวันพรุ่งนี้”
รัชชานนท์ชะโงกมองเข้าไปในห้อง หวังว่าสร้อยจะหันมาสนใจบ้าง สร้อยรีบหันกลับไปทำเป็นไม่สนใจ เธอช่วยจันทาจัดที่นอน หยิบเสื้อผ้าข้าวของออกจากกระเป๋าไป
“มื้ออื่นกะมีเวลาถมเถไป บ่จำเป็นต้องคุยกันคืนนี้”
“นี่ ! บักจ่อย”
จ่อยดึงบานประตูห้องปิดฉับทันที แล้วยืนปักหลักขวางอยู่หน้าประตูห้องนอน รัชชานนท์มองจ่อยอย่างฮึดฮัดทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เดินออกไป … จ่อยยิ้มสะใจ
สร้อยล้มตัวลงนอนทำเป็นไม่สนใจรัชชานนท์ จันทาเดินมานั่งบนเตียงมองสร้อย
“เจ้าน่าสิออกไปคุยกับคุณชายเพิ่นเน้อ เพิ่นอาจมีเฮื่องสำคัญกะได้”
“ข้อยบ่อยากคุยด้วย บ่มีอะหยังดอก เพิ่นกะคุยเฮื่องเดิมๆว่า ข้อยสิต้องพึ่งพาเพิ่นจังได๋บ้าง ชอบเฮ็ดโตว่าเป็นคนสำคัญ”
“แต่ตอนนี้คุณชายกะเป็นคนสำคัญของเจ้าจริงๆ บ่ว่าเจ้าแต่งงานกับคุณชายเพราะอะหยัง ตอนนี้เจ้ากับคุณชายกะเป็นผัวเมียแล้วเน้อ”
สร้อยรีบเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วเจ้าล่ะ ตอนนี้ไผเป็นคนสำคัญของเจ้า บักจ่อยหรือว่าคุณชัช”
จันทาเริ่มเก้อเขิน
“เจ้าเว้าอะหยังของเจ้า”
สร้อยแกล้งบ่น
“สงสารบักจ่อยมันหลายเด้อ มันเป็นคนบ้านป่า คงสู้นายทหารคนเมืองบ่ได้ แต่บักจ่อยกะเป็นคนซื่อตรงจริงใจ ฮักไผกะฮักอีหลี รับรองว่า มันบ่มีวันปันใจไปให้ผู้หญิงอื่น”
“เจ้าสร้อย”
“แต่ถ้าเจ้าเลือกคุณชัช ข้อยกะบ่ว่าอะหยัง เพิ่นกะดูเป็นคนดี”
จันทาแกล้ง
“ถ้าข้อยบ่เลือกทั้งสองคน แต่อยากเลือกคนอื่นล่ะ”
จันทาหลบหน้าหลบตาเดินหนีไปที่หน้าต่าง สร้อยลุกพรวดจากเตียงเดินตามไปอย่างนึกระแวง จันทาแอบยิ้ม
“ถ้าหากว่าข้อยยังคงตัดใจบ่ได้...ตั้งแต่เกิดมา นอกจากพ่อแล้วกะบ่มีไผดีกับข้อยเท่าเพิ่น ตอนนี้เพิ่นเป็นคนสำคัญที่สุดสำหรับข้อย”
สร้อยใจหายวูบ
“เจ้าหมายถึง...หมายถึงคุณชายแม่นบ่”
“แม่นแล้ว ! ตอนนี้ข้อยบ่มีไผแล้ว นอกจากคุณชายเล็ก ข้อยเชื่อว่าเพิ่นสิเป็นพี่ชายที่ดีของข้อย เพิ่นต้องดูแลข้อยแทนพ่อได้อีหลี”
สร้อยโล่งใจอย่างไม่รู้ตัว
“พี่ชาย”
“แม่นแล้ว ข้อยฮักและนับถือคุณชายคือพี่ชาย แค่นี้ข้อยกะอาจเอื้อมเกินตัวแล้ว แล้วเป็นหยังเจ้าถึงหน้าซีดหน้าเซียวจังซี้ เจ้าย่านว่า ข้อยสิคึดอะหยังกับคุณชายแม่นบ่”
“บ่ ! ข้อยบ่ได้คึดจังสั้น คุณชายสิคึดอะหยังกับไผ ข้อยกะบ่เคยสนใจ”
จันทามองไปที่ข้างล่าง สร้อยชะโงกมองตาม
“สงสารคุณชายเพิ่นหลายเด้อ เพิ่นเดินไปเดินมาบ่ยอมหลับยอมนอน บ่ฮู้ว่าเพิ่นกำลังคึดฮอดไผอยู่”
รัชชานนท์เดินวนเวียนอยู่หน้าบ้านใต้หน้าต่างของห้องนอน สร้อยชะโงกมองไปแล้วรีบหลบออกมาก่อนที่รัชชานนท์จะเงยขึ้นมาเห็น
ค่ำต่อเนื่อง รัชชานนท์ยังคงเดินวนเวียนอยู่ที่หน้าบ้านพัก เขาเงยขึ้นมองไปที่ห้องนอนชั้นบนอีกครั้ง ไฟในห้องดับวูบไป เขาจะเดินกลับเข้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงของหนักๆหล่นดังตุ๊บอยู่ด้านหลัง
รัชชานนท์รีบหันขวับกลับมา สร้อยยืนรออยู่แล้ว
“มาได้ยังไงเนี่ย”
“กะปีนลงมา บ่อยากปลุกบักจ่อยมัน เดี๋ยวมันได้โวยวายหนวกหูอีก เจ้ามีเฮื่องอะหยังสิเว้ากับข้อย กะว่ามา ! เดินทางมาด้วยกันทั้งวันทั้งคืนบ่เว้า จำต้องมาเว้าตอนนี้ มันอะหยังนักหนา”
“เรื่องของเราสองคน”
“เฮื่องของเฮา เฮากะตกลงกันไปแล้วตั้งแต่ก่อนเข้าพิธีแต่งงานหลอกๆ ที่หมู่บ้านแล้ว เจ้ายังคาใจอะหยังอีก”
“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวนะ เราต้องมาตกลงกันใหม่แล้ว เราสองคนแต่งงานกันจริงๆ ไม่ใช่แต่งงานกันหลอกๆ หลังจากที่หม่อมย่ารับรู้เรื่องของเราแล้ว ฉันจะขอให้ท่านจัดงานแต่งงานให้อีกครั้ง”
“บ่จำเป็น ! เจ้ากะฮู้อยู่แก่ใจว่า เฮาแต่งงานเพราะอะหยัง”
“แต่ไหนๆเราก็แต่งงานกันไปแล้ว เราก็ทำทุกอย่างเสียให้ถูกต้อง เราอาจจะต้องอยู่ด้วยกันปีสองปีหรือสิบปีก็ได้ แล้วถ้าหากว่าเราตามหาเจ้ารัชทายาทไม่เจอ เธอก็ต้องอยู่กับฉันไปตลอดชีวิต”
“ถ้าหากเฮามุ่งมั่นตั้งใจตามหากันจริงๆ เป็นหยังสิหาบ่เจอ บ่ว่าข้อยสิต้องอยู่กับเจ้าไปอีกกี่ปี เฮากะบ่เป็นอื่นไปได้ นอกจากเป็นเสี่ยวกัน”
สร้อยดึงมือซ้ายของรัชชานนท์ซึ่งยังมีด้ายขาวเพียงเส้นเดียวผูกไว้
“บักจ่อยเว้าถูกเล้ว การแต่งงานของเฮามันบ่ถูกต้อง”
รัชชานนท์กลับรวบมือทั้งสองของสร้อยแล้วดึงตัวสร้อยเข้ามาใกล้
“ไม่ถูกต้องยังไง”
“คนที่แต่งงานกันต้องฮักกัน เฮาแต่งงานกันเพราะความจำเป็น บ่ใช่เพราะความฮัก แม่นบ่ เฮาสองคนบ่ได้ฮักกัน ข้อยบ่มีวันฮักเจ้า เจ้ากะบ่มีวันฮักข้อยคือกัน เฮาแตกต่างกันเกินไป”
สร้อยดึงมือออกจากรัชชานนท์พร้อมๆกับดึงด้ายขาวเส้นสุดท้ายของรัชชานนท์หลุดออกไปด้วย
“สร้อยฟ้”
สร้อยหันหลังเดินออกไปพร้อมกับดึงด้ายขาวที่ผูกข้อมือตัวเองเมื่อวันแต่งงานออกหมด
สร้อยขว้างด้ายขาวของเธอและรัชชานนท์ออก รัชชานนท์มองตามใจหายวับ
ท่ามกลางบรรยากาศในสถานีรถไฟตอนเช้าตรู่ เวลานี้ยังไม่มีผู้คนมากนัก ธราธร พุฒิภัทรและรณพีร์ยืนรออยู่ที่ชานชาลารถไฟ รณพีร์มองนาฬิกาข้อมืออย่างหงุดหงิดใจ
“ยังไม่มากันอีก เดี๋ยวก็ได้ตกรถไฟหรอก ผมเตือนพี่ชายใหญ่แล้ว ให้มารถคันเดียวกัน ก็ไม่เชื่อ นี่ไม่รู้ว่า คุณศินีนุชเธอจะแต่งตัวกี่ชั่วโมง แล้วจะมาถึงเมื่อไหร่ นายชัชคนเดียวคุมคุณเธออยู่เสียที่ไหน”
“ก็ฉันให้นายช่วยนายชัชดูแลน้องนุช นายก็กระโดดหนีขึ้นรถมาทันที แล้วยังกล้ามาบ่นอีก ถ้าเราต้องตกรถไฟก็เป็นเพราะนายนั่นแหละที่ทิ้งเพื่อน!” ธราธรบอก
“เราไม่ตกรถไฟกันแล้ว โน่น..นายชัชพาน้องสาวมาแล้ว เฉียดฉิวทันเวลาพอดี” พุฒิภัทรว่า
ศินีนุชที่แต่งตัวสวยปิ๊งเดินมาแต่ไกล ชัชวีร์หิ้วกระเป๋าเดินทางสองใบตามหลังมา
รณพีร์ถามชัชวีร์
“ทำไมมาช้านักวะ”
ชัชวีร์สีหน้าเหนื่อยหน่าย
“ขอร้อง...อย่าถาม”
ศินีนุชโบกมือให้ทุกคนอย่างสาวหัวนอก
“Good morning ค่ะ พี่ชายใหญ่ พี่ชายภัทร พี่ชายพีร์ นุชดีใจจริงๆที่เราจะได้กลับบ้านกันเสียที อากาศวันนี้ก็สดชื่นดีจริงๆ อากาศดีเป็นใจอย่างนี้ ให้นั่งรถไฟเป็นสิบชั่วโมง นุชก็ไม่เบื่อ แล้วยิ่งได้นั่งไปกับพี่ชาย..เล็ก”
ศินีนุชชะงักกึก มองหารัชชานนท์อย่างแปลกใจ
“พี่ชายเล็ก..พี่ชายเล็กล่ะคะ”
“นั่นซิ ทำไมพี่ชายเล็กยังไม่มา ผมก็มัวแต่เป็นห่วงว่า น้องนุชจะมาไม่ทัน ก็เลยลืมพี่ชายเล็กไปเลย นี่เราลืมนัดเวลากับพี่ชายเล็กหรือครับ” รณพีร์ถาม
“เราไม่ได้ลืมหรอก” ธราธรบอก
“เพราะชายเล็กจะกลับพรุ่งนี้” พุฒิภัทรว่า
“ทำไมล่ะคะ ทำไมพี่ชายเล็กไม่กลับพร้อมเรา”
“แล้วสร้อยฟ้า...กับคนอื่นๆก็กลับพรุ่งนี้ด้วยหรือครับ” ชัชวีร์ถาม
ชัชวีร์ใจแป้วลงนิดหน่อยที่ไม่ได้กลับพร้อมจันทา แต่ศินีนุชปรี๊ดแตกทันที
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมพี่ชายเล็กกลับพร้อมพวกคนบ้านป่า แต่ไม่กลับไปกับพวกเรา ใครก็ได้อธิบายให้นุชฟังเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นนุชก็จะไม่ยอมกลับเหมือนกัน”
ธราธรกับพุฒิภัทรหันหน้ามองกัน นึกถึงเรื่องรัชชานนท์ขอร้องเมื่อคืน
ที่ร้านเหล้าพรานเจ้ย รัชชานนท์ดึงบุญโฮมไปคุยได้ยินกันแค่สองคน บุญโฮมถาม“คุณชายพูดจริงหรือครับ ได้ซิครับ ทำไมจะไม่ได้ ผมยินดีรับใช้ครับ ผมถือเป็นเกียรติมากๆเลยล่ะครับ”
บุญโฮมท่าทางตื่นๆพยักหน้ารับอย่างไม่คาดไม่ฝัน
ธราธรจับตามองรัชชานนท์
“มีแผนอะไรอีก ชายเล็ก อย่าได้คิดหนีไปไหนอีกเชียวนะ”
“ผมไม่หนีแล้วล่ะค่ะ คราวนี้ผมจะเดินหน้าสู้ปัญหา ตอนนี้ไม่มีแค่ผมคนเดียวแล้วนี่ครับ ผมยังมีสร้อยฟ้าอีกคน”
พุฒิภัทรเดินเข้ามาสมทบช่วยธราธรซักฟอกรัชชานนท์อีกคน
“ถ้านายคิดแผนอะไรอยู่ ก็เลิกล้มซะ ยังไงนายก็ต้องกลับกรุงเทพฯ พร้อมพวกเรา เรื่องที่จะได้ทำงานที่นี่ต่อ ก็ลืมไปได้เลย”
“เรื่องนั้นผมรู้แล้วล่ะครับ ป่านนี้คำสั่งย้ายผมกลับไปกรุงเทพฯคงมาถึงแล้ว แต่ผมยังไม่พร้อมน่ะครับ”
“นายอย่าถ่วงเวลาเลย ช้าเร็วนายก็ต้องกลับไปหาหม่อมย่า พวกเรามีงานการต้องทำ ไม่มีเวลามาลากตัวนายกลับไปอีกหรอกนะ” ธราธรบอก
“เพราะเรื่องหม่อมย่านี่แหละ ทำให้ผมต้องขออยู่ที่นี่ต่อไปอีกวัน ผมจะต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อมที่สุด ผมจะต้องทำให้หม่อมย่าปฏิเสธสร้อยฟ้าไม่ได้ ผมขอร้องล่ะ พี่ๆ ช่วยผมอีกซักครั้งเถอะนะครับ”
รัชชานนท์มองธราธรกับพุฒิภัทรอย่างอ้อนวอนสุดๆ
ธราธรกับพุฒิภัทรสรุปอธิบายเรื่องรัชชานนท์ไม่กลับไปอย่างเท่าที่บอกได้ และยังไม่ให้ศินีนุชรู้ทั้งหมด
“ชายเล็กจำเป็นต้องอยู่ต่อเพื่อรอชี้แจงกับท่านผอ.ฯเรื่องที่ต้องย้ายกลับไปกรุงเทพฯอย่างกะทันหัน แล้วก็ยังต้องมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องจัดการอีกหลายเรื่อง” ธราธรบอก
“แต่ชายเล็กรับปากว่า เขาจะกลับถึงกรุงเทพฯไม่เกินพรุ่งนี้แน่” พุฒิภัทรว่า
ศินีนุชหน้าหงิก หน้างอยังคงไม่พอใจกับคำอธิบาย
“เรื่องที่พี่ชายเล็กต้องอยู่สะสางงานน่ะ นุชเข้าใจ แต่เรื่องส่วนตัวที่ต้องจัดการน่ะ มันเรื่องอะไรกันคะ”
“ก็เรื่องสร้อยฟ้ายังไงล่ะ”
ชัชวีร์กับรณพีร์มองหน้ากัน นึกว่าธราธรจะบอกความจริงเรื่องสร้อยแต่งงานกับรัชชานนท์แล้ว รณพีร์ขัดอย่างไม่รู้จริง
“พี่ชายใหญ่ครับ ผมว่า เรื่องส่วนตัวก็เก็บเป็นเรื่องส่วนตัวต่อไปดีมั้ยครับ ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับสร้อยฟ้าแล้วล่ะก็...”
“เรื่องนี้เกี่ยวกับสร้อยฟ้าและจ่อยด้วย คือ...สองคนนั้นต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตในเมืองอีกมาก ชายเล็กก็เลยอยากให้พวกเขาได้ลองปรับตัวใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ก่อน ซักวันก็ยังดี” พุฒิภัทรบอก
“ทำไมพี่ชายเล็กต้องห่วงพวกบ้านป่านักล่ะคะ แค่รับไปอยู่ด้วยก็เป็นบุญแค่ไหนแล้ว คนพวกนี้มีข้าวให้กินมีหลังคาคุ้มหัวก็พอแล้วล่ะค่ะ แล้วแม่จันทานั่นอีกคน ไม่รู้ว่าพี่ชายเล็กรับไปเป็นภาระทำไม”
“น้องนุชก็เห็นความโหดเหี้ยมของพวกทหารเวียงแล้ว ถ้าเวลานั้นสร้อยฟ้ากับจ่อยมาช่วยพี่ชายเล็กไม่ทัน เธอคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น ส่วนจันทาก็เหมือนกัน” ชัชวีร์บอก
“พอเถอะ นายชัช เก็บแรงไว้ดีกว่า เมื่อถึงเวลาแล้วค่อยอธิบายทุกอย่างเลยทีเดียว”
“พี่ชายพีร์พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง มีเรื่องอะไรที่นุชยังไม่รู้อีกหรือคะ ที่พี่ชายเล็กไม่ยอมกลับไปพร้อมเรานี่ มันมีอะไรมากกว่าที่บอกใช่มั้ยคะ”
ศินีนุชพูดแล้วเผลอแว้ดใส่
“พี่ชายใหญ่คะ”
ธราธรดุนิ่มๆ
“พี่บอกเท่าที่บอกได้ เพราะเป็นเรื่องภายในครอบครัว พูดแค่นี้ น้องนุชคงเข้าใจนะครับ”
ธราธรมองศินีนุชด้วยสายตานิ่งดุ จนศินีนุชต้องสงบปากไปเอง
ท่ามกลางบรรยากาศสุขสงบของหน้าวัดแห่งหนึ่งในหนองคาย เวลาเช้า พระภิกษุเดินมาเป็นทิวแถว ชาวบ้านยืนอยู่สองข้างทางพากันตักบาตรให้พระภิกษุ
สร้อยกับจันทาอยู่ในชุดชาวบ้านปกติ
รัชชานนท์ สร้อย จ่อยและจันทายืนรอตักบาตรอยู่ สร้อยกับจ่อยยืนจดๆ จ่อๆ อย่างเริ่มไม่ถูก ได้แต่ทำตามรัชชานนท์กับจันทาไป
รัชชานนท์กับจันทาถอดรองเท้าเตรียมพร้อม สร้อยกับจ่อยถอดรองเท้าตาม
จันทาดึงจ่อยออกมา ปล่อยให้รัชชานนท์กับสร้อยยืนคู่กัน ทุกคนย่อตัวยกมือไหว้นิมนต์พระ
รัชชานนท์กับสร้อยช่วยกันตักบาตรด้วยข้าวเหนียว มีจ่อยกับจันทาเป็นผู้ช่วยส่งอาหารและดอกไม้ธูปเทียนให้ บรรยากาศไม่ได้แตกต่างจากคู่บ่าวสาวที่ตักบาตรร่วมกัน
พระภิกษุเดินออกไป รัชชานนท์หันไปมองสร้อย ทั้งคู่ต่างเผลอยิ้มให้กัน
บนขบวนรถไฟ ศินีนุชนั่งปั้นปึ่งอยู่คนเดียวตรงนั่งริมหน้าต่าง ชัชวีร์ขยับมานั่งด้วย
“นุชอยากอยู่คนเดียว”
ชัชวีร์ชะงักถอยออกไปนั่งกับรณพีร์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับธราธรและพุฒิภัทร
ธราธรกับพุฒิภัทรนั่งอ่านหนังสือพิมพ์กันไปเงียบๆ ชัชวีร์กับรณพีร์มองหน้ากันแล้วหันไปมองพี่ชายทั้งสองที่อ่านหนังสือพิมพ์อย่างไม่รู้ไม่ชี้ ธราธรถามอย่างไม่เงยหน้า
“ข้องใจเรื่องอะไรหรือ ชายพีร์”
พุฒิภัทรไม่เงยหน้าเหมือนกัน
“ถามได้ แต่จะตอบหรือเปล่านี่ อีกเรื่องนะ”
“โธ่ พี่ ! ทำไมผมต้องรู้เรื่องเป็นคนสุดท้ายอยู่เรื่อยล่ะครับ พี่ชายเล็กขออยู่ต่ออีกวันนี่ ต้องมีแผนการอะไรแน่ๆใช่มั้ยครับ”
ชัชวีร์พูดกับรณพีร์
“ฉันอยู่ด้วย อาจจะคุยกันไม่สะดวก”
ชัชวีร์ขยับจะไปนั่งที่อื่นอย่างเกรงใจ ธราธรกับพุฒิภัทรเงยหน้าแล้วพับหนังสือพิมพ์เก็บ
“นายไม่ต้องไปหรอก ไหนๆนายก็มาล่มหัวจมท้ายกับเราตั้งแต่ต้นแล้ว เราก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังนาย”ธราธรบอก
“ผมต่างหากที่ล่มหัวจมท้ายกับพี่ชายเล็กมาตั้งแต่ต้น เขาหนีงานดูตัวที่วังกิตติวงศ์ได้เพราะใคร พอหาทางหลุดจากการถูกจับแต่งงานไปได้ ก็ลืมผมไปเลย” รณพีร์ว่า
“ชายเล็กยังไม่หลุดพ้นไปได้ง่ายๆหรอก เขาถึงต้องอยู่จัดการทุกอย่างให้ถูกต้อง หม่อมย่าจะได้บิดพลิ้วไม่ได้ยังไงล่ะ” พุฒิภัทรบอก
“ยังไงหรือครับ” ชัชวีร์ถาม
“ชายเล็กแต่งงานกับสร้อยฟ้าที่หมู่บ้านวลาหก ไม่มีใครรับรู้นอกจากผู้ใหญ่ทางฝ่ายของสร้อยฟ้า หม่อมย่าอาจจะไม่ยอมรับรู้ด้วย แล้วเหลือทางไหนอีกล่ะที่ทำให้หม่อมย่าเชื่อว่าชายเล็กกับสร้อยฟ้าแต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้วจริงๆ” ธราธรอธิบาย
รณพีร์หันมามองชัชวีร์แล้วต่างนิ่งคิดๆๆ ธราธรกับพุฒิภัทรมองกันอย่างขำๆไป
ที่ว่าการอำเภอเล็กๆในหนองคาย สร้อยยืนนิ่งอึ้งเมื่อรู้ว่า รัชชานนท์พามาจดทะเบียนสมรส สร้อยมองไปที่รัชชานนท์ที่ยืนรออยู่ เธอมองไปรอบๆที่ว่าการอำเภอและมองไปที่จ่อยที่ยังคิดไม่ตกอยู่เหมือนกัน แล้วหันไปมองจันทาที่มีท่าทีสนับสนุนรัชชานนท์
“เป็นหยังเฮาต้องจดทะเบียนกันด้วย”
“ฉันบอกเธอแล้วว่า ฉันจะทำให้การแต่งงานของเราเป็นไปอย่างถูกต้องทุกอย่าง เราแต่งงานถูกต้องตามประเพณีแล้ว ขั้นต่อไปก็ให้ถูกต้องตามกฎหมายด้วย ไม่มีอะไรยากหรอก เซ็นชื่อแกร็กเดียวก็เรียบร้อยแล้ว”
“ข้อยว่ามันบ่จำเป็น ! เฮากะเข้าพิธีแต่งงานกันแล้ว”
“แต่ฉันว่าจำเป็น เธอต้องทำตามที่ฉันบอก ไม่งั้นฉันก็ไม่พาเธอเข้ากรุงเทพฯด้วย”
“เจ้านี่ ! เผด็จการชัดๆ อย่าคึดนะว่าสิบังคับอีสร้อยได้”
“เจ้าสร้อย...เจ้าอย่าดื้อรั้นนักเลย เฮ็ดตามที่คุณชายบอกเถอะ คุณชายต้องมีเหตุผลของเพิ่น บ่จังสั้นคงบ่พาเจ้ามาจดทะเบียนให้ยุ่งยากดอก”
สร้อยนิ่งคิดทบทวน รู้อยู่ว่าควรทำตามรัชชานนท์
“คุณชายนี่บ่ฮู้เฮื่องอีหลี เจ้าจดทะเบียนกับอีสร้อยได้จังได๋ อีสร้อยบ่ใช่คนไทย บ่มีบัตรประชาชน บ่มีอะหยังซักอย่าง จดบ่ได้ๆ เป็นถึงคุณชายจบจากประเทศนอกด้วยใช่บ่ เป็นหยังเฮื่องแค่นี้บ่ฮู้ เซ่อหลายแท้”
“เรื่องนั้นฉันรู้ แล้วฉันก็หาทางแก้ปัญหาไว้แล้วด้วย โน่น คนที่จะมาช่วยฉันแก้ปัญหา มาโน่นแล้ว”
บุญโฮมใส่ชุดหล่อ เดินผึ่งผายเข้ามาอย่างภาคภูมิ สร้อย จ่อยและจันทาหันไปมองบุญโฮมอย่างแปลกใจ รัชชานนท์ยิ้มอย่างมั่นมาก
สร้อยนั่งมึนงงเมื่อรับใบเหลืองจากนายอำเภอ
“ใบเหลืองนี่ใช้แทนบัตรประชาชนไปก่อนนะครับ ยินดีด้วยนะครับ คุณบุญโฮมที่ตามหาลูกสาวเจอ”
สร้อยนั่งคู่กับรัชชานนท์ มีบุญโฮมนั่งยิ้มปลื้มอยู่ด้วย
“ผมก็ดีใจปลื้มใจเหลือเกินเลยล่ะครับ”
รัชชานนท์หันไปมองนายอำเภอ เป็นการบอกให้ดำเนินการต่อไป บุญโฮมเซ็นยินยอมให้สร้อยแต่งงาน รัชชานนท์กับสร้อยเซ็นในสมุดจดทะเบียน เธอเซ็นเอกสารตามที่นายอำเภอชี้ให้เซ็นอย่างงงๆเบลอๆ
จ่อยกับจันทาที่ยืนอยู่ห่างออกมาจ่อยมองอย่างเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“เป็นหยังอีสร้อยกลายไปเป็นลูกสาวตาบุญโฮมไปได้”
“ลุงบุญโฮมเพิ่นเคยมีลูกสาว แต่เมียพาหนีไปตั้งแต่ลูกสาวยังแบเบาะ เพิ่นเลยมาแจ้งว่าเจอลูกสาวแล้ว ทางอำเภอกะเลยออกบัตรประชาชนให้”
“ให้อีสร้อยสวมรอยเป็นลูกสาวตาบุญโฮมจังซี้ มันเล่นขี้โกงนี่หว่า”
“คุณชายคงบ่มีวิธีอื่นแล้ว กะถือว่าลุงบุญโฮมรับเจ้าสร้อยเป็นลูกบุญธรรมล่ะกัน คุณชายช่วยให้เจ้าสร้อยบ่ต้องเป็นคนเถื่อน มันบ่ดีจังได๋”
จ่อยนิ่งอึ้งไปอย่างเถียงไม่ออก
สร้อยมองใบเหลืองในมืออย่างเป็นงงอยู่
“สร้อยฟ้า ทาไทสง”
รัชชานนท์กับบุญโฮมนั่งประกบสร้อยอยู่ มองสร้อยที่ไม่รู้ว่าเซ็นอะไรต่ออะไรไปบ้างแล้ว
บุญโฮมน้ำตารื้นเป็นปลื้มเริ่มอินกับการเป็นพ่อของสร้อยมาก
“ก็พ่อชื่อบุญโฮม ทาไทสงไง ลูกเอ๊ย เจ้ากะต้องใช้นามสกุลเดียวกับพ่อ”
“ไม่ใช่แล้วล่ะ บุญโฮม ตอนนี้ต้องเป็นสร้อยฟ้า จุฑาเทพ ณ อยุธยา ต่างหาก”
นายอำเภอส่งใบทะเบียนสมรสสองใบให้รัชชานนท์กับสร้อยไว้ สร้อยรับใบทะเบียนสมรสมาดูแล้วยิ่งรู้สึกว่าการแต่งงานเหมือนจริงเข้าไปอีกขั้น
“เธอเป็นจุฑาเทพอย่างสมบูรณ์แล้วนะ สร้อยฟ้า”
นายอำเภอบอก
“ผมขอแสดงความยินดีกับคุณทั้งสองด้วยนะครับ และต้องขอยินดีกับคุณบุญโฮมอีกครั้ง วันนี้เป็นวันดีจริงๆ ได้ลูกสาวกลับคืนมาแล้วยังได้ลูกเขยแถมมาอีกคน วันนี้คงมีการเลี้ยงฉลองครั้งใหญ่เลยนะครับ”
“เราไม่ต้องมีการฉลองอะไรกันใหญ่โตหรอกครับ”
บุญโฮมยังคงอินในบทบาทต่อไป ดึงมือรัชชานนท์มาจับมือสร้อยไว้
“ขอเพียงแต่ให้ลูกทั้งสองคนรักกันยืนยาว ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร มีลูกหัวปีท้ายปี คิดหวังอะไรก็เป็นไปตามที่หวัง มั่งมีด้วยลาภยศ สรรเสริญ มีชีวิตครอบครัวที่ผาสุขตลอดไป”
รัชชานนท์เตือน
“บุญโฮม”
บุญโฮมเริ่มรู้สึกตัว ดึงสติตัวเองกลับมาใหม่
“เออ...คือ ผมตามท่านผอ.ไปงานแต่งงานบ่อยน่ะครับ ก็เลยจำเขามา แต่ผมก็คิดอย่างที่อวยพรไปจริงๆ ไม่คิดฝันเลยว่า คุณชายจะมาเจอรักแท้กลางป่า แล้วก็ไม่คิดเลยว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตผมจะได้เป็นพ่อตาของคุณชายรัชชานนท์ จุฑาเทพ”
บุญโฮมเช็ดน้ำตาด้วยความปลาบปลื้มไม่หาย
รัชชานนท์กับสร้อยมองใบทะเบียนสมรสในมืออีกครั้ง
อ่านต่อหน้า 4
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 8 (ต่อ)
ในเวลาต่อมา รัชชานนท์พาสร้อย จ่อยและจันทาเดินเที่ยวในตลาด เพื่อให้สร้อยได้เจอผู้คนและบรรยากาศในเมือง บริเวณมุมขายของต่างๆ ในตลาด จันทาช่วยเลือกเสื้อผ้าให้สร้อย
รัชชานนท์พาสร้อยเดินเที่ยว เธอมองทุกอย่างอย่างจับสังเกต จ่อยเดินหิ้วของตามจันทามาตลอดทาง
ภายในร้านอาหาร รัชชานนท์พาสร้อย จ่อยและจันทามานั่งที่โต๊ะในร้านอาหาร บริกรเข้ามาเสิร์ฟอาหาร เขาหยิบจับช้อนส้อมให้ดู สร้อยกับจ่อยไม่สนใจใช้ แต่ช้อนตักข้าวกินไปตามถนัด
จากนั้น … รัชชานนท์ก็พาเที่ยวสถานที่สวยๆของจังหวัดในอีสาน วัดที่มีภาพเขียนผนังโบราณสวยๆขลังๆ ไปดูชาวบ้านทอเสื่อ ทอผ้า ปั้นเครื่องดินเผา ปั้นเทียน
สุดท้ายจบด้วยการไปดูชาวบ้านทำเรือไฟแบบยุคก่อน ที่ใช้เพียงไม้ไผ่และต้นกล้วยเพื่อเตรียมสำหรับพิธีไหลเรือไฟในตอนกลางคืน
รัชชานนท์พาทุกคนเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวส่งท้ายจนลืมเรื่องทุกอย่างไปชั่วขณะ !
ผ่านเวลามา ณ วังจุฑาเทพในยามค่ำ หม่อมเอียดและย่าอ่อนนั่งรอการกลับมาของหลานๆ อย่างใจจดใจจ่อ นายพลอนุพันธ์นั่งรออย่างใจเย็น แต่ดารณีนุชนั่งรออย่างกระสับกระส่าย
สมศรีเดินถือถาดชุดน้ำชามาเปลี่ยนให้ใหม่ เพราะกาน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะเย็นชืดไปแล้ว ขนมของว่างยังเต็มจานไม่มีใครแตะด้วยความตื่นเต้นและกังวลใจกับการรอคอยการกลับมาของพวกเหล่าคุณชายและศินีนุช
สมศรียกถาดชุดกาน้ำชาเก่าออกไป ย่าอ่อนขยับจะรินน้ำชาให้พี่สาว
“ไม่ต้อง...ฉันกินอะไรไม่ลง จนกว่าจะได้เห็นหน้าหลานๆของฉัน”
“คุณพี่อย่าเป็นกังวลมากไปเลยนะคะ อีกประเดี๋ยวหลานๆก็คงกลับมาแล้วล่ะค่ะ ใช่มั้ยคะ คุณชายอนุพันธ์”
“ครับ ถ้าจับรถไฟเที่ยวเช้าทัน ก็น่าจะกลับมาถึงค่ำนี้แหละครับ”
“คุณชายใหญ่รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะทางโทรศัพท์แล้วไม่ใช่หรือคะ ว่าจะรีบกลับมาทันที ยังไงทุกคนต้องกลับมาในวันนี้แน่นอนค่ะ” ดารณีนุชว่า
“แล้วนี่ได้คุยกับคุณชายเล็กบ้างหรือเปล่าครับ”
“ไม่ได้คุยค่ะ ชายเล็กคงมัวแต่คอยดูแลหนูนุชอยู่มั้งคะ ก็นี่เป็นโอกาสดีที่ชายเล็กจะได้แก้ตัวที่พลาดงานเลี้ยงต้อนรับหนูนุชเมื่อคราวก่อน คอยดูเถอะค่ะ ชายเล็กได้รู้จักหนูนุชแล้ว คราวนี้คงไม่ยอมทำอะไรผิดพลาดอีกแล้วแน่ๆค่ะ”
สมศรีเดินหน้าตื่นๆ เข้ามา
“คุณท่านคะ”
ย่าอ่อนถาม
“คุณชายกลับมากันแล้วหรือ”
หม่อมเอียด ย่าอ่อน และดารณีนุชลุกขึ้นยืนพร้อมกัน พลอยทำให้อนุพันธ์ต้องยืนตามด้วย ผิดคาด …. กลายเป็น วิไลรัมภาเดินเข้ามา ทุกคนที่ยืนรอมองอย่างผิดหวัง
วิไลรัมภาก้มลงไหว้ผู้ใหญ่ทุกคนอย่างอ่อนน้อม
“รัมภากราบสวัสดีค่ะ ขอประทานโทษนะคะที่รัมภามาช้าไปหน่อย นี่พวกพี่ๆยังมากันไม่ถึงหรือคะ ค่อยโล่งใจหน่อย รัมภานึกว่าจะมาต้อนรับพวกพี่ๆ ไม่ทันเสียแล้ว”
ทุกคนไม่ฟังวิไลรัมภาที่พูดเจื้อยแจ้วน่ารักไปเรื่อย แต่พากันหันไปมองยังทางเข้าเป็นตาเดียว สมศรีน้ำเสียงตื่นเต้นอีกครั้ง
“คุณท่านคะ”
ย่าอ่อนน้ำตารื้นขึ้นมาทันที
“หลานย่ากลับมาแล้ว”
วิไลรัมภาชะงักหันไปมองด้านหลัง
ธราธร พุฒิภัทร และรณพีร์เดินมาเป็นกลุ่มแรกด้วยหน้าตาเหนื่อยล้าไม่หล่อเนี้ยบเหมือนเคย หม่อมเอียดดีใจที่สุด
“ทุกคนกลับมาแล้ว”
คุณชายทั้งสามเข้าไปกราบที่ไหล่หม่อมเอียดและย่าอ่อน ผลัดกันกอดรับขวัญกันไปมา
ย่าอ่อนกอดรณพีร์หลานรักไว้นานและแน่นที่สุด
“ชายพีร์ของย่า”
ชัชวีร์พาศินีนุชเดินเข้ามา ศินีนุชยังคงหงุดหงิดใจไม่หายเรื่องรัชชานนท์ไม่กลับมาด้วย
“ลูกนุชของแม่”
“คุณแม่”
ดารณีนุชโผเข้ากอดศินีนุชทันที
ฝ่ายอนุพันธ์มองชัชวีร์อย่างโล่งใจ ชัชวีร์เข้าไปยกมือไหว้พ่อ อนุพันธ์ตบไหล่ลูกชาย แค่สายตาก็บอกถึงความห่วงใยที่มีต่อชัชวีร์ ศินีนุชแทรกกลางเข้ามากอดอนุพันธ์ไว้ จนชัชวีร์ต้องถอยออกไป
“คุณพ่อขา นุชนึกว่าจะไม่ได้เห็นหน้าคุณพ่อแล้ว”
ดารณีนุชปรายตามองชัชวีร์อย่างเหยียดหยามเช่นเคยและเมินหน้าไม่รับไหว้จากชัชวีร์
วิไลรัมภาขยับจะไปหารณพีร์แต่ยังหาจังหวะไม่ถูก เพราะทุกคนยังชุลมุนตื่นเต้นที่ได้เจอกัน
อนุพันธ์กอดปลอบใจรับขวัญศินีนุชไปพลาง แล้วชะงัก ก่อนกวาดตามองไปทั่วๆ
“คุณชายเล็กล่ะ คุณชายเล็กไม่ได้กลับมาด้วยหรอกเหรอ”
บรรยากาศในห้องดูจะเงียบกริบไปในทันที หม่อมเอียดและย่าอ่อนชะงักอย่างนึกได้ ทุกคนเบนสายตามามองที่ธราธร พุฒิภัทร และรณพีร์ให้รู้สึกหนาวๆร้อนๆทั่วกัน
ยามค่ำ บรรยากาศริมแม่น้ำโขงที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาลอยเรือไฟ รัชชานนท์ สร้อย จ่อยและจันทาเดินแทรกอยู่ในหมู่ผู้คน
รัชชานนท์กำลังสำเริงสำราญใจอย่างเต็มที่ เขาคว้ามือสร้อยมาจับไว้แล้วพาเดินลิ่วๆออกไป รัชชานนท์พูดกับจ่อย
“แล้วเจอกันที่สถานีรถไฟนะ”
จ่อยต้องจับมือจันทาวิ่งตามไป แต่รัชชานนท์จับมือสร้อยไว้แน่นวิ่งลัดเลาะแทรกไปตามหมู่ผู้คน จ่อยพาจันทาที่เดินช้าก็เลยตามไม่ทัน เห็นแต่รัชชานนท์โบกมือให้อยู่ไกลๆ
รัชชานนท์ยิ้มกริ่ม สร้อยก้มลงมองมือที่ถูกเขาจับอยู่ เขารู้ตัวรีบปล่อยมือแต่แล้วก็เปลี่ยนใจกลับคว้ามือสร้อยมาจับไว้อีก สร้อยจะดึงมือออกแต่เขาไม่ยอมจับมือสร้อยไว้มั่น
รัชชานนท์จับมือสร้อยเดินไปตามทางริมแม่โขงที่สวยด้วยแสงวิบวับดูโรแมนติก
ในเวลาต่อมา รณพีร์เดินออกมาส่งวิไลรัมภา
“รัมภายังไม่อยากกลับเลยล่ะค่ะ พี่ชายพีร์ นี่ตกลงพวกพี่ๆตามหาพี่ชายเล็กเจอหรือเปล่าคะ ทำไมถึงไม่กลับมาพร้อมกัน นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ ไม่งั้นพวกพี่ๆไม่มองหน้ากันอย่างมีลับลมคมในอย่างนี้หรอก”
“น้องรัมภาคิดไปเองหรือเปล่า พี่ชายเล็กต้องสะสางงานที่โน่นก่อน แล้วก็จะตามกลับมาในวันพรุ่งนี้ ไม่ได้มีเรื่องลับลมคมในอะไรหรอก”
“ที่จริงรัมภาก็ไม่ได้อยากรู้เรื่องพี่ชายเล็กหรอกนะคะ รัมภาห่วงพี่ชายพีร์มากกว่า รัมภามารอฟังข่าวที่นี่ทุกวันเลยนะคะ พี่ชายพีร์กลับมาอย่างปลอดภัย รัมภาดีใจเป็นที่สุด แล้วพี่ชายพีร์ไปเจอพี่ชายเล็กได้ยังไง ไปผจญภัยในป่าตั้งหลายวัน พี่ชายพีร์ต้องมีเรื่องมากมายที่อยากเล่าให้รัมภาฟังแน่ๆ”
“ถ้าน้องรัมภาอยากรู้อะไร ไปถามน้องนุชดีกว่านะ ตอนนี้พี่เหนื่อยหมดแรงจนยืนแทบจะไม่ไหวแล้ว น้องรัมภากลับไปก่อนเถอะนะครับ”
ชัชวีร์กับศินีนุชเดินออกมา วิไลรัมภาขยับไปใกล้รณพีร์อย่างอวดให้ศินีนุชดู
“งั้นรัมภากลับก่อนนะคะ ขอบคุณพี่ชายพีร์ที่ออกมาส่ง แล้วเราคงได้เจอกันอีกนะคะ แหม... ที่จริงรัมภาไม่ต้องพูดประโยคนี้เลย”
วิไลรัมภาปรายตามองศินีนุชพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
“พี่ชายพีร์ไม่เคยหนีหน้ารัมภา ไม่ต้องให้รัมภาต้องไปไล่ตาม ยังไงเราก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว รัมภาไปล่ะค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ทุกคน”
วิไลรัมภาเดินผ่านศินีนุชที่ยืนคอแข็งหน้าตึงด้วยความโกรธ
“รีบกลับไปเถอะย่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปช่วยพี่เกษขายขนมไม่ใช่เหรอ เห็นว่าเปิดร้านใหม่อีกร้าน งั้นทางวังเทวพรหมคงพอลืมตาอ้าปากได้แล้ว ก็ดี ! คุณลุงจะได้ไม่ต้องส่งลูกสาวมาไล่จับผู้ชายดึกๆดื่นๆอย่างนี้”
“น้องนุช”
“ใครกันแน่ที่ไปไล่ตามจับผู้ชายถึงในป่าในเขา โถ...อุตส่าห์ทุ่มแรงกาย แรงใจไปขนาดนี้ ผู้ชายยังไม่ยอมตามกลับมาด้วย ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันคงอายจนแทรกแผ่นดินหนีไปแล้ว”
วิไลรัมภาเดินยิ้มสะใจออกไป ศินีนุชยืนโกรธจนพูดไม่ออก
“ข้างในเป็นยังไงบ้าง” รณพีร์ถาม
“สถานการณ์ไม่ค่อยดีว่ะ”
ชัชวีร์กับรณพีร์มองหน้ากันอย่างหนักใจ
นายพลอนุพันธ์นั่งนิ่งขึ้งอย่างไม่ชอบใจ แม้จะได้รับฟังคำอธิบายจากธราธรแล้ว ธราธรกับพุฒิภัทรมองหน้ากันอย่างเป็นกังวลใจ
“ผมต้องกราบขอโทษแทนชายเล็กด้วยนะครับ ที่กลับมาในวันนี้ไม่ได้” ธราธรบอก
“ก็อย่างที่พี่ชายใหญ่ได้กราบเรียนไปน่ะครับ ชายเล็กมีความจำเป็นจริงๆ” พุฒิภัทรบอก
“ผมหวังว่า คุณลุงจะเข้าใจนะครับ เราไปเจอเรื่องที่ไม่คาดคิดหลายเรื่อง ชายเล็กก็เลยต้องอยู่สะสางทั้งเรื่องงานและเรื่อง...เออ...เรื่องอื่นๆอีกหลายเรื่องน่ะครับ”
ดารณีนุชฝืนยิ้มให้ทุกคน แม้จะไม่พอใจนักก็ตาม
“คุณลุงเขาต้องเข้าใจอยู่แล้วล่ะ”
ดารณีนุชหันมาพูดกับอนุพันธ์
“เราจะไปโทษชายเล็กก็ไม่ได้ ถ้าเขารู้ว่า เรามารอเจอตัวที่นี่ เขาก็คงจะรีบกลับมาพร้อมทุกคนแล้ว เรารู้ว่า คุณชายเล็กปลอดภัยกลับมาแน่นอน ก็ดีแล้วนะคะ คุณ”
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนมองอนุพันธ์อย่างเกรงใจ อนุพันธ์ยังคงนิ่งเงียบอยู่
“ฉันขอรับผิดแทนชายเล็กเอง ฉันไม่ได้กำชับให้รีบกลับมา ไม่งั้นคุณชายคงไม่ต้องมารอเก้ออย่างนี้”
“ฉันรับรองได้เลยค่ะ คุณชาย เราได้ตัวชายเล็กเมื่อไหร่ เราจะรีบพาตัวชายเล็กไปกราบขอโทษคุณชายทันที” ย่าอ่อนว่า
“ผมว่า ไม่จำเป็นหรอกครับ คุณชายเล็กไม่ได้ทำอะไรผิด ผมผิดเองที่คาดหวังว่า คุณชายเล็กจะกลับมาพร้อมกับยายนุช ลูกสาวผมอุตส่าห์เสี่ยงอันตรายไปตามหาถึงในป่าในเขา อย่างน้อยก็น่าจะมีน้ำใจดูแลลูกสาวผมบ้าง ไม่ทราบเอาความเป็นสุภาพบุรุษจุฑาเทพไปทิ้งไว้ที่ไหนเสีย”
ธราธรกับพุฒิภัทรนิ่งอึ้งไป เหมือนถูกตบหน้าอย่างแรง!
ในบรรยากาศงานไหลเรือไฟที่ริมน้ำโขง ผู้คนต่างถือเรือไฟที่ทำขึ้นเองหลั่งไหลกันมา เรือไฟนับร้อยลำล่องลอยตามกระแสในแม่น้ำโขง เห็นแสงระยิบระยับไปทั่วบริเวณในยามค่ำคืน
รัชชานนท์ดึงสร้อยมาอยู่ที่มุมที่ห่างไกลจากคนอื่น ทั้งสองมองภาพที่สวยงามตรงหน้า
“ประเพณีงานบุญของชาวอีสานมักจะเกี่ยวกับ “ไฟ”..งานบุญบั้งไฟ งานแห่เทียนพรรษา แล้วก็งานประเพณีไหลเรือไฟ..ตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ เทพอัคคีสามารถเผาผลาญสิ่งชั่วร้ายและขจัดความทุกข์ยากให้ดับสลายไปได้”
รัชชานนท์หันกลับมามองสร้อยที่ยืนฟังนิ่งไม่ตอบอะไร
“ฉันก็เล่าให้ฟังเฉยๆ..ไม่ได้คิดจะโอ้อวดว่า ฉันมีความรู้มากกว่าเธอ ฉันรู้ว่า เธอก็ได้เรียนกับแฮรี่มาไม่ใช่น้อย”
“ข้อยกะบ่ว่าอะหยัง แค่กำลังคึดว่า ข้อยคงสิต้องไปเฮียนฮู้เรื่องของไทยอีกหลาย ที่แฮรี่เคยสอนมาคงบ่พอแล้ว”
“ฉันเตือนไว้ล่วงหน้าเลยนะ การเป็นสะใภ้ของจุฑาเทพไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไม่เชื่อ เธอไปถามคุณกรองแก้ว พี่สะใภ้ของฉันได้เลย”
“ข้อยบ่ย่านดอก บ่มีอะหยังที่อีสร้อยเฮ็ดบ่ได้”
“ถ้าอย่างนั้นเธอต้องเริ่มหัดพูดภาษากลางก่อนอื่นเลย พ่อใหญ่ยังพูดได้เลย เธอก็น่าจะพูดได้ นี่คือเรื่องแรกที่เธอจะต้องปรับตัว”
สร้อยไม่สนใจฟังต่อ
“เรือไฟลำนั้นงามแท้น้อ เจ้าเบิ่งซิ เบิ่งๆ”
สร้อยตบไหล่รัชชานนท์ฉาดใหญ่แล้วผลักตัวให้หันไปมองทางแม่น้ำ
“งามอะหยังจังซี้ งามโพดๆ แม่นว่าพญานาคโผล่จากน้ำมา”
รัชชานนท์หันไปมองเรือไฟแล้วหันกลับมามองสร้อยนิ่ง จนเธอต้องหันมาสบตากับเขา
“มองอะหยัง”
รัชชานนท์ยิ้ม
“มองเรือไฟที่งามโพดๆของเธอยังไงล่ะ”
รัชชานนท์ยังคงมองสร้อยจนเธอต้องยอมหลบตาเป็นครั้งแรก
ยามค่ำต่อเนื่อง จ่อยกับจันทาถือกระเป๋าและสัมภาระยืนรออยู่ที่สถานีรถไฟ จ่อยมีสีหน้าบูดบึ้งมองไปยังทางเข้า จนรัชชานนท์กับสร้อยเดินเข้ามาแต่ไกลหน้าตาถึงได้แจ่มใสชื่นบานมากขึ้น
“บักคุณชายเจ้าเล่ห์แสนกล” จ่อยบอก
“อ้ายจ่อยอย่าไปว่าคุณชายเพิ่นเลย เพิ่นกะคงอยากไปเที่ยวกับเจ้าสร้อยสองต่อสองบ้าง คนเพิ่งแต่งงานข้าวใหม่ปลามัน”
“เจ้าบ่ฮู้อะหยัง ! บักคุณชายกับอีสร้อยบ่ได้เต็มใจแต่งงานกัน”
“ข้อยกะพอฮู้มาบ้าง พวกคุณชายคุยเฮื่องเจ้าสร้อยมาตลอดทาง เจ้าเบิ่งคุณชายกับเจ้าสร้อยให้ดีๆ”
รัชชานนท์กับสร้อยเดินเข้ามา ทั้งสองหลีกทางผู้คนจนเดินชนกัน ทั้งคู่มองกันแล้วแล้วเดินแยกกันอย่างเร็ว แต่ก็อดมองหน้ากันอีกครั้งไม่ได้
“เจ้าเห็นอะหยัง เบิ่งจังได๋กะเป็นผู้บ่าวผู้สาวที่เหมาะสมกัน ถ้าสองนั้นบ่ใช่เป็นเนื้อคู่กัน โชคชะตาคงบ่พาให้ทั้งสองมาพบกันดอก”
จ่อยยิ้มกว้างบอก
“โชคชะตากะพาเฮาสองคนมาเจอกัน จังสั้นกะ...”
จันทาส่ายหน้า
“บ่คือกันดอก บ่ว่าจังได๋ เจ้ากะเป็นอ้ายจ่อยของข้อย”
จ่อยเซ็งยิ่งขึ้นไปอีก รัชชานนท์กับสร้อยเดินมาถึงตัวจ่อยกับจันทา
“มาถึงกันนานหรือยัง”
จ่อยบอก
“นานโพด ! ไปเที่ยวกันสองคน ม่วนหลายล่ะซิ ข้อยยอมให้เทื้อนี้เทื้อเดียว อย่าได้คึดเชียวว่า สิลักตัวอีสร้อยไปได้อีก”
รัชชานนท์ยิ้ม
“พนันกันมั้ยล่ะ บักจ่อย”
รัชชานนท์กับจ่อยยืนประจันหน้า จ่อยเริ่มเหม็นหน้ารัชชานนท์ขึ้น
เจ้าหน้าที่ตีระฆังบอกสัญญาณรถไฟจะออก ผู้คนกรูกันขึ้นรถไฟ
“พอได้แล้ว เฮื่องบ่เป็นเฮื่อง นี่รถไฟสิออกแล้วใช่บ่” สร้อยว่า
“งั้นก็ไปกันได้แล้ว พร้อมเดินทางกันแล้วใช่มั้ย”
รัชชานนท์มองสร้อย จ่อยและจันทาหน้าจ๋อยลงถึงเวลาที่จะต้องไปแล้วจริงๆ สร้อยทำขึงขัง
“พร้อม”
รัชชานนท์พาสร้อยกับจันทาขึ้นรถไฟไป จ่อยเดินตามขึ้นรถไฟรั้งท้าย
รถไฟเคลื่อนขบวนจากสถานีที่หนองคาย สร้อยนั่งอยู่ริมหน้าต่างคู่กับรัชชานนท์ จ่อยกับจันทานั่งอยู่ที่นั่งฝั่งตรงกันข้าม และมีผู้โดยสารประปรายในตู้รถไฟ
สร้อยกำมือแน่นอย่างตื่นเต้นที่ได้ออกเดินทาง รัชชานนท์เอื้อมไปบีบมือสร้อยอย่างให้กำลังใจ เขาหดมือกลับอย่างรวดเร็วก่อนที่สร้อยจะแว้ดใส่
จันทาหันไปมองจ่อยพยักหน้าเป็นเชิงให้มองท่าทีใกล้ชิดของรัชชานนท์กับสร้อย
สร้อยมองเหม่อออกไปทางนอกหน้าต่างรถไฟ มองออกไปเห็นป่าและเขาไกลๆ
“พ่อใหญ่...ข้อยไปล่ะเน้อ”
รถไฟผ่านเส้นทางต่างๆ ผ่านป่า ผ่านภูเขาและแม่น้ำและเข้าสู่เมือง
ขบวนรถไฟแล่นไปในเวลากลางคืน จนแสงทองทาบแผ่นฟ้า ย่างสู่เช้าวันใหม่
พระอาทิตย์เริ่มขึ้นจากขอบฟ้าค่อยๆขับความมืดไปจนเห็นป่าเขาอันกว้างใหญ่ พ่อใหญ่ยืนมองไปที่บนเขาสูงที่จะส่งชาวบ้านที่ไม่ใช่กองกำลังขึ้นไปอยู่
“เจ้าสร้อย”
ไกสอนกับแฮรี่เดินเข้ามา ที่ด้านหลัง กลุ่มชาวบ้านเริ่มเคลื่อนไหวดับกองไฟ เก็บข้าวของ
“เวลานี้เจ้าสร้อยน่าจะเดินทางถึงกรุงเทพฯแล้วล่ะครับ พ่อใหญ่” แฮรี่บอก
“ท่านแน่ใจได้จังได๋ เฮายังบ่ได้รับข่าวจากไผเลย” ไกสอนว่า
“ผมเชื่อมั่นในความเป็นจุฑาเทพ”
ไกสอนยังไม่เชื่อนัก
“ท่านกะยังยึดมั่นถือมั่นกับความเป็นมงกุฎแห่งเทพ”
“นั่นก็เป็นเหตุผลนึง และผมยังเชื่อมั่นในตัวคุณชายรัชชานนท์ เจ้าสร้อยเดินทางไปครั้งนี้มีคุณชายจุฑาเทพไปด้วยถึงสามคน..ถ้ารวมคุณชายอีกคนที่รออยู่ที่แคมป์ในป่า ก็เป็นสี่คน แล้วก็ยังมีคุณชัชวีร์ที่เป็นนายทหารอากาศอีก”
พ่อใหญ่นิ่งชะงักเมื่อนึกถึงชัชวีร์ที่พบหน้ากันครั้งแรก
พ่อใหญ่พยายามสลัดความคิดเรื่องชัชวีร์ออกไป
“บักทับทิมบอกว่า ไอ้เซกองส่งทหารไล่หลังมาอีกบ่ฮู้กี่สิบกี่ร้อยคน ตราบใดสายข่าวยังบ่ส่งข่าวมา ข้อยกะบ่วางใจ หรือพ่อใหญ่คึดว่าจังได๋” ไกสอนบอก
พ่อใหญ่มองแฮรี่
“เจ้าเชื่อมั่นในความเป็นจุฑาเทพ เฮากะเชื่อมั่นในตัวเจ้าสร้อย พวกทหารเวียงบ่มีวันแตะต้องลูกสาวของเฮาได้ เจ้าสร้อยสิต้องไปรอดปลอดภัย..เพิ่นสิต้องตามหาดวงใจของเวียงภูคำจนเจอ”
ทับทิมเดินเข้ามาหาพ่อใหญ่ด้วยท่าทีกังวลใจ
“เฮาต้องออกเดินทางกันต่อแล้ว พ่อใหญ่ นี่เฮาคงไปฮอดกองกำลังที่ชายแดนช้ากว่าที่คึดไว้ ถ้าหากพ่อใหญ่สิเปลี่ยนใจ”
พ่อใหญ่ตัดบท
“พร้อมกันแล้วใช่บ่ เดินทางต่อไปได้”
พ่อใหญ่เดินนำออกไปอย่างช้าๆแต่มั่นใจ
“เจ้าคงเปลี่ยนใจพ่อใหญ่ไม่ได้หรอก ยังไงพ่อใหญ่ก็ต้องพาชาวบ้านกลุ่มสุดท้ายไปส่งถึงหมู่บ้านใหม่ สองหรือสามวันก็น่าจะถึง” แฮรี่บอก
“แต่กว่าเฮาสิพาพ่อใหญ่ไปฮอดชายแดนกะกินเวลาอีกหลายมื้อ” ไกสอนว่า
“พวกทหารเวียงบ่ได้ตามมาทางนี้เลย พวกมันคงบ่คึดว่าพวกเฮาสิกล้าไปตั้งกองกำลังที่ชายแดนเวียงภูคำ แต่บ่ว่าจังได๋เฮาสิต้องระวังตัวทุกฝีก้าว บ่ให้ไอ้พวกขายชาติเข้ามาใกล้พ่อใหญ่ได้” ทับทิมบอก
ทุกคนหันไปมองพ่อใหญ่ที่เดินอยู่ท่ามกลางกลุ่มชาวบ้านที่ภักดียิ่ง
รถไฟแล่นเข้าจอดที่ชานชาลา
บริเวณโถงวังจุฑาเทพ พุฒิภัทรเดินออกมายืนเตร่รออยู่ สมศรีถือกระเป๋าเดินทางเข้ามา รณพีร์โผล่พรวดจากข้างในด้วยท่าทางตื่นเต้นอย่างลุ้นๆ
“พี่ชายเล็กกลับมาแล้วหรือครับ”
กรองแก้วเดินตามหลังสมศรีมา รณพีร์ยืนเหวอเมื่อเห็นว่าเป็นกรองแก้ว
“อ้าว ! คุณแก้วเองเหรอครับ”
กรองแก้วจะดึงกระเป๋าเดินทางไปจากสมศรีอย่างเกรงใจตามนิสัย
“ฉันถือเองได้จ้ะ กระเป๋าก็ไม่ได้หนักอะไรนัก”
พุฒิภัทรเข้ามาดึงกรองแก้วแล้วพยักหน้าให้สมศรีไปได้
“สมศรี...เอากระเป๋าไปเก็บที่ห้อง ไป”
สมศรีรีบหิ้วกระเป๋าเดินทางออกไป พุฒิภัทรจับมือกรองแก้วไว้อย่างคิดถึงมาก
“ไหนว่าจะไปเยี่ยมพ่อแค่สามสี่วัน นี่หายไปเป็นอาทิตย์เลย ส่งข่าวบอกมาซักนิดก็ไม่มี”
“แก้วต่างหากล่ะคะที่ต้องต่อว่าคุณชาย แก้วโทรศัพท์มากี่ครั้งๆ คุณย่าก็บอกว่า คุณชายติดงานที่โรงพยาบาล งานยุ่งมากเลยหรือคะ หรือว่าแอบหนีไปเที่ยวคุณชายเล็ก..หรือไม่ก็ไปกับคุณชายพีร์”
กรองแก้วแกล้งมองมาที่รณพีร์อย่างจับผิด แต่ไม่ได้จริงจังเพราะรู้ดีแก่ใจว่า พุฒิภัทรอยู่ในกรอบไม่เที่ยวไหน
“ฉันไม่ได้ติดงานที่โรงพยาบาล แล้วก็ไม่ได้หนีไปเที่ยวไหนด้วย ย่าอ่อนคงกลัวเธอเป็นห่วง ก็เลยไม่ได้บอกความจริงกับเธอ”
“เรื่องนี้ต้องเล่ากันยาวเลยล่ะครับ คุณแก้ว เดี๋ยวรอคนต้นเหตุก่อนนะครับ” รณพีร์ว่า
ธราธรเดินเข้ามา
“พี่ส่งสมบุญไปรับที่สถานีรถไฟแล้ว เดี๋ยวก็คงมาถึงกันแล้ว ทุกคนเตรียมรับมือไว้ให้ดี วันนี้อาจจะมีระเบิดลงที่วังจุฑาเทพได้ โชคดีจริงๆที่คุณแก้วกลับมาได้ทันเวลาพอดี งานนี้นางสาวศรีสยามน่าจะช่วยได้ นายว่าอย่างนั้นมั้ย ชายภัทร” ธราธรบอก
“นี่พูดเรื่องอะไรกันอยู่หรือคะ คุณชายใหญ่จะให้แก้วช่วยเรื่องอะไร แก้วงงไปหมดแล้วล่ะค่ะ”
“ก็อย่างที่ชายพีร์บอกแหละ เรื่องนี้ต้องเล่ากันยาว เราสามคนเกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งไว้ในป่าแล้ว แล้วเจ้าคนที่ก่อเรื่องทั้งหมดก็คือ เจ้าชายเล็ก”
กรองแก้วนิ่งอึ้งตกใจคิดไม่ถึง คุณชายทั้งสามเหนื่อยใจแต่ก็อดขำกับเรื่องแปลกที่เกิดมาตลอดหลายวันนี้ไม่ได้ !
รถของวังจุฑาเทพแล่นมาจอดที่หน้าตึกอย่างช้าๆ สมบุญนั่งตัวแข็งมองไปที่จ่อยซึ่งนั่งข้างๆอย่างหวาดๆ รัชชานนท์ลงจากรถแล้วมาตบที่กระจกรถข้างคนขับ
“นั่งรออะไรอยู่ สมบุญ”
สมบุญรีบเปิดประตูรถออกมา ยืนรอรับคำสั่งจากรัชชานนท์
“เดี๋ยวช่วยขนกระเป๋าและสัมภาระไปไว้ที่ห้องฉันก่อนแล้วกัน... ยังไงต่อดีล่ะวะเนี่ย”
ท้ายประโยค รัชชานนท์พึมพำและเริ่มรู้สึกถึง ความยุ่งยากใจที่จะจัดการเรื่องห้องพักของพวกสร้อย สมบุญรีบไปเปิดท้ายรถแล้วขนกระเป๋าและสัมภาระของทุกคนลงจากรถ
รัชชานนท์ก้มลงมองไปที่รถ สร้อยกับจันทาที่นั่งอยู่ด้านหลังรถยังคงนั่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก
“ลงมาจากรถได้แล้ว”
รัชชานนท์เปิดประตูรถให้แล้วส่งมือให้ สร้อยปัดมือรัชชานนท์ออกแล้วลงจากรถ จันทาค่อยๆลงจากรถ แล้วตามมาด้วยจ่อยมายืนเคียงข้างสร้อย
สมบุญขนกระเป๋าออกไป พร้อมมองมาที่สร้อย จ่อยและจันทาอย่างงงๆว่า มาจากไหนกัน ทั้งสามเงยหน้าขึ้นมองตึกของวังจุฑาเทพอันใหญ่โต
“นี่แหละบ้านของฉัน แล้วต่อไปก็จะเป็นบ้านของเธอทุกคนด้วย”
จ่อยกับจันทามองหน้ากันแล้วรู้สึกตัวเล็กลงๆทุกที
“บ้านอะหยังใหญ่โตจังซี้ นี่มันวังชัดๆ” จ่อยบอก
“กะวังน่ะซิ นี่กะคือวังจุฑาเทพของพวกคุณชายจังได๋เล่า” จันทาบอก
สร้อยรู้สึกใจฝ่อเพียงชั่วครู่แล้วฮึดสู้ต่อ
“ข้อยพร้อมแล้ว เจ้าสิให้ข้อยเฮ็ดอะหยังกะบอกมา”
รัชชานนท์มองสร้อยอย่างทึ่งๆ
อ่านต่อตอนที่ 9