สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 7
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนนั่งอยู่ที่มุมรับแขกในโถงใหญ่ของตึกทำงาน สองพี่น้องหารือกันเรื่องหลานชาย
"แม่อ่อน..ฉันไม่แน่ใจว่า วิธีนี้จะทำให้คุณชายอนุพันธ์มั่นใจในคนของเรา อีกอย่างเราก็ยังไม่ได้ข่าวคราวชายเล็กเลย ไม่รู้ว่า คุณหญิงจะรีบร้อนอะไรนักหนา"
"ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ ทางชายใหญ่ก็ตามตัวชายเล็กไป ส่วนทางเราก็จัดการกรุยทางให้กับชายเล็กไปก่อน คุณพี่คิดดูให้ดีๆ นะคะ ถ้าเราทำหนูนุชหลุดมือไป เราก็ต้องให้ชายพีร์แต่งงานกับหนูรัมภา"
"แล้วยังไงล่ะ ไม่ว่าคู่ไหนได้แต่งงานกัน ก็ถือว่าเราได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับทางเทวพรหมแล้ว"
"คุณพี่คะ หนูนุชเป็นสาวนักเรียนนอก ลูกสาวนายพล มีเชื้อมีสายทั้งทางพ่อ ทางแม่ แล้วท่านตายังทิ้งมรดกไว้ให้มหาศาลอีก เทียบกับหนูรัมภา ลูกสาวคุณชายเทวพันธ์ ที่มีฐานะการเงินง่อนแง่น มีเกียรติแต่ไม่มีกินก็ไม่ไหวนะคะ คุณพี่"
"ไหนเธอเคยบอกว่า หนูรัมภาน่ารักน่าเอ็นดูนักไม่ใช่เหรอ"
"ค่ะ เธอก็น่ารักน่าเอ็นดูอยู่หรอก แต่ถ้าเลือกได้ ตอนนี้น้องขอเลือกหนูนุชไว้ก่อนแล้วกันนะคะ หนูรัมภาเลือกไว้เป็นตัวสำรอง แต่หนูรัมภาก็ดูหัวอ่อนว่าง่ายดี หนูนุชออกจะกระโดกกระเดกไปนิด เอ๊ะยังไงดีคะ คุณพี่"
ย่าอ่อนลมเพลมพัดเอาแน่เอานอนไม่ได้ตามนิสัย เธอนิ่งคิดอีกเทียบระหว่างวิไลรัมภากับศินีนุช
ดารณีนุชเดินหน้าบานมากับสามี นายพลอนุพันธ์เดินตรงเข้ามาไหว้หม่อมเอียดกับย่าอ่อนด้วยท่าทางแปลกใจมาก
"สวัสดีครับ หม่อมป้า สวัสดีครับ ย่าอ่อน..มาหาผมถึงที่นี่ มีเรื่องด่วนอะไร ได้ข่าวคุณชายเล็กแล้วหรือครับ"
หม่อมเอียดอึกอักๆ รู้สึกว่าไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ย่าอ่อนกระซิบเพื่อกระตุ้น
"สาวนักเรียนนอก ลูกนายพลมีเชื้อมีสาย หาไม่ได้แล้วนะคะ คุณพี่"
"เรายังไม่ได้ข่าวชายเล็กหรอก เรามาที่นี่ก็เพื่อที่จะมาเจรจาทาบทามหนูนุชมาเป็นสะใภ้ของจุฑาเทพอย่างเป็นทางการ"
อนุพันธ์มองหม่อมเอียดแล้วนิ่งอึ้ง ไม่น่าใช่เวลาที่จะมาคุยกันเรื่องนี้
บริเวณที่พักแรมในป่า บุญโฮมกับเกิ้นที่นั่งจับเจ่ากันอย่างเฉาและเหงา ผุดลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นสองคุณชาย ธราธรกับพุฒิภัทรเดินเข้ามา
บุญโฮมกับพรานเกิ้นเรียกขึ้นพร้อมกัน
"คุณชาย"
"คุณชายกลับมาแล้ว! นี่คุณชายพีร์ออกไปตามพวกคุณๆ เจอกันไหมครับ อย่าบอกนะครับว่า หายกันไปอีกแล้ว กลับมาสอง หายไปอีกสอง แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะเจอกันครบเสียที" บุญโฮมว่า
"คราวนี้ไม่มีใครหายไปอีกแล้ว เรากลับกันมาครบ"
พุฒิภัทรย้ำ
"มากันครบจริงๆนะ บุญโฮม มากันครบเกินคาดเลยล่ะ"
รณพีร์กอดคอรัชชานนท์เดินเข้ามา
"คุณชายรัชชานนท์ !"
บุญโฮมโผเข้าไปหารัชชานนท์อย่างดีใจ มีพรานเกิ้นโผตามไปด้วยทั้งๆที่ไม่รู้จักรัชชานนท์
"ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง"
"เห็นคุณชายกลับมาอย่างปลอดภัย ผมก็ดีใจจนพูดไม่ออกแล้วล่ะครับ"
"ข้อยกะดีใจหลายคือกัน ! “ขวัญเอ๊ยขวัญมาเด้อ เจ้าอย่าไปอยู่ไพรสณฑ์ เจ้าอย่าไปอยู่ปนในเถื่อน กับทั้งไม้ตะเคียน แป้นแอ้ม..” พรานเกิ้นสวดสู่ขวัญ
พรานเกิ้นลูบไหล่ลูบหลังรัชชานนท์อย่างตีซี้มาก เขากระถดถอยหนีอย่างไม่รู้จัก
"หยุดๆ หยุดเลย พรานเกิ้น แทนที่จะเรียกขวัญ แต่กลับจะทำให้พี่ชายของฉันขวัญหนีดีฝ่อมากกว่า ... นี่พรานเกิ้นครับ พรานมือหนึ่งของที่นี่ครับ ฝีมือนำทางยอดเยี่ยมไม่เหมือนใคร!" รณพีร์แนะนำแบบฉบับประชดสุดๆ
"คุณชายครับ แล้วพรานเจ้ยล่ะครับ"
รัชชานนท์ชะงักกึกไป ความรู้สึกผิดกลับมาอีกครั้ง สร้อย จันทาและจ่อยเดินเข้ามา จันทาชะงักนิ่ง ได้ทันฟังคำถามของบุญโฮม
"จันทา ! แล้วพ่อเจ้าล่ะ"
"พ่อ...พ่อตายแล้วจ้ะ"
บุญโฮมตกใจ
"พรานเจ้ยตายแล้วเรอะ โธ่ ไม่น่าเลย แล้วพรานเจ้ยตายได้จังได๋ เกิดอะหยังขึ้น จันทา"
ศินีนุชก้าวพรวดพราดเข้ามา ชัชวีร์พยายามจะรั้งตัวไว้
"ตกลงแม่นี่ชื่อ จันทา! แล้วแม่นี่ชื่ออะไร พี่ชายเล็กไปเจอแม่สองคนนี้ที่ไหน ทำไมต้องตามมาด้วย นุชไม่เข้าใจ"
"พี่ก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้น้องนุชฟังแล้ว" ชัชวีร์บอก
"แต่นุชก็ยังไม่เข้าใจ พี่ชัชบอกว่า คนพวกนี้มีบุญคุณกับพี่ชายเล็ก มีบุญคุณแค่ไหนเชียว ถึงจะต้องพากลับไปเลี้ยงดู เล่ามาให้ละเอียดเลยนะคะ ในฐานะที่นุชเป็นคู่หมั้นของพี่ชายเล็ก นุชจะได้ช่วยตัดสินใจไงคะ"
สร้อยจ้องหน้ารัชชานนท์ตาขวางแล้วเดินหนีออกไปทันที ชัชวีร์รีบตามสร้อยไป
รัชชานนท์นิ่งอ้ำอึ้งกำลังจะอ้าปากค้านศินีนุช สร้อยก็เดินลิ่วๆ ไปแล้ว
อนุพันธ์ก้มหัวยกมือไหว้หม่อมเอียดอย่างขออภัย แต่ก็ขึงขังเอาจริงไม่คิดว่าทำเรื่องผิด
"ผมขอโทษนะครับ หม่อมป้า ผมยังรับปากเรื่องนี้ในตอนนี้ไม่ได้"
หม่อมเอียดหันไปสบตากับย่าอ่อน นึกอยู่แล้วว่า จะต้องเจอสถานการณ์น่าขายหน้าอย่างนี้
"คุณชายคะ ปกติถ้าไม่มีเรื่องสำคัญจริงๆ คุณพี่จะไม่ก้าวเท้าออกจากวังจุฑาเทพเป็นอันขาด แต่นี่คุณพี่ให้เกียรติมาหาคุณชายด้วยตัวเอง คุณชายจะไม่ให้เกียรติคุณพี่บ้างเชียวเหรอ"
"ผมขอบพระคุณครับที่หม่อมป้าให้เกียรติผม แต่ยังไงผมก็ไม่เห็นด้วย เรื่องที่หม่อมป้าคิดจะเตรียมงานแต่งงานไว้ก่อน ทั้งๆที่เจ้าตัวยังไม่รู้เรื่องอะไรด้วย"
ดารณีนุชรีบเสนอหน้าเข้ามาทันที
"ไม่เห็นด้วยไม่ได้หมายความว่าปฏิเสธนะคะ หม่อมป้า เอาเป็นว่า ทางเรารับรู้เรื่องที่หม่อมป้ามาทาบทามสู่ขอลูกนุชไปเป็นหลานสะใภ้ งั้นดิฉันขออนุญาตไปกราบเรียนเรื่องนี้กับทางญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเรา หรือว่าเราจะจัดงานเลี้ยงน้ำชาเล็กๆซักงาน แล้วประกาศเรื่องนี้ให้รู้กันให้ทั่วๆ"
"เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง คนรู้มากก็ยิ่งดี ลูกชายบ้านไหนก๊กไหนที่กำลังคิดจะมาตัดหน้าชายเล็กก็จะได้ถอยออกไป ให้รู้กันไปว่า ใครเป็นคู่หมายตัวจริงของหนูศินีนุช เราจะประกาศข่าวดีนี้เมื่อไหร่กันดีคะ คุณหญิง" ย่าอ่อนถาม
"ตอนนี้ผมไม่หวังเรื่องข่าวดี หวังเพียงแค่ไม่ได้รับข่าวร้ายก็พอ"
หม่อมเอียดใจหาย
"คุณชายไปได้ข่าวอะไรมาหรือ"
"ผมพูดอะไรมากไม่ได้หรอกครับ ผมคงเรียนหม่อมป้าได้แค่ว่า ถ้าหากคนของเราไม่ออกจากป่าภายในพรุ่งนี้ พวกเขาอาจจะไม่ได้ออกมาอีกเลย"
หม่อมเอียดมองอนุพันธ์นิ่งอึ้งตกใจไม่ใช่น้อย
รัชชานนท์มองศินีนุชอย่างยุ่งยากใจ
"ไม่เข้าใจค่ะ ยังไงนุชก็ไม่เข้าใจ"
ธราธร พุฒิภัทร และรณพีร์มองศินีนุชอย่างปวดหัวแทนรัชชานนท์
"น้องนุชจะให้พี่อธิบายกี่รอบ สร้อยฟ้ากับบักจ่อยชีวิตพี่ไว้ ไม่งั้นพี่ก็ถูกทหารเวียงฆ่าตายไปแล้ว พี่ถึงต้องตอบแทนบุญคุณเขาทั้งสองคน ส่วนจันทา...พ่อเขาต้องตายเพราะพี่ พี่ก็ต้องรับผิดชอบชีวิตของเขา"
"พี่ชายเล็กก็ให้เงินพวกมันไปซักก้อนซิคะ ไม่จำเป็นที่จะต้องพากลับไปกรุงเทพฯด้วยเลย"
"น้องนุชคิดว่า ชีวิตของพี่ชายเล็กมีค่าซักกี่บาทล่ะ บอกราคาค่าตัวพี่ชายเล็กมา เราจะได้เอาเงินฟาดหัวพวกนั้นได้ถูก" รณพีร์แขวะแดกดัน
"นุชก็ไม่ได้หมายความว่า ชีวิตของพี่ชายเล็กไม่มีค่า นุชเพียงแต่คิดว่า..."
ธราธรบอก
"ชายเล็กตัดสินใจไปแล้ว แล้วพี่ก็เห็นด้วย คนพวกนั้นไม่ใช่มีบุญคุณกับชายเล็กเท่านั้น แต่ยังมีบุญคุณกับจุฑาเทพทุกคนด้วย"
"เรายินดีที่จะช่วยเหลือพวกเขาทุกอย่าง แค่รับพวกเขาไปอุปการะเลี้ยงดูเทียบไม่ได้กับการที่พวกเขาเสี่ยงชีวิตช่วยชายเล็กไว้เลย" พุฒิภัทรพูดเสริม
ศินีนุชพูดอะไรไม่ออกอีก
"จบเรื่องซักที เฮ้อ รู้อย่างนี้ หนีไปกับไอ้ชัชดีกว่า ไม่ต้องมาฟังเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่นาน" รณพีร์บอก
รัชชานนท์นึกถึงชัชวีร์ที่ออกไปกับสร้อยได้
สร้อยง่วนอยู่กับการใช้มีดเหลาท่อนไม้ให้เป็นไม้ปลายแหลม ชัชวีร์เดินตามหาจนมาเจอสร้อย
"หนีมาอยู่นี่เอง ทำอะไรอยู่น่ะ"
"เหลาไม้...เอาไว้แทงคนขี้ตั๋ว คุณชัชว่า ข้อยควรแทงตรงไหนดีตรงที่ปากหรือที่หัวใจ"
"อย่าไปฟังน้องนุชให้มากนักเลยนะ ผู้ใหญ่ก็แค่หมายมั่นให้เขาแต่งงานกับพี่ชายเล็ก เขาถึงเรียกว่าเป็นคู่หมาย แต่เขาก็ชอบตีขลุมเป็นคู่หมั้นพี่ชายเล็กอยู่เรื่อย"
"ถ้าคุณชายเล็กบ่ต้องแต่งงานกับข้อย เพิ่นกลับไป เพิ่นกะต้องแต่งงานกับน้องสาวคุณชัชใช่บ่ล่ะ"
"พี่ชายเล็กไม่ยอมแต่งงานกับน้องนุชแน่ แค่หม่อมย่าจับตัวไปเจอกับน้องนุช พี่ชายเล็กยังเผ่นหนีมาไกลถึงชายแดน ถ้าหากถูกจับแต่งงานจริงๆ คงได้หนีไปสุดขอบโลกแน่"
สร้อยเผลอยิ้มขำเมื่อนึกภาพรัชชานนท์ที่หนีลนลาน
"บักคุณชายนี่ขี้ขลาดแท้ เป็นหยังต้องย่านเฮื่องแต่งงานนัก บ่อยากแต่งงาน กะบอกผู้ใหญ่ไป หนีมาจังซี้ เฮ็ดโตเป็นเด็กน้อยไปได้"
ชัชวีร์เอื้อมมือไปแตะหัวสร้อยอย่างเอ็นดูโดยไม่รู้ตัว
"ฉันได้ข่าวมาว่า ตอนที่เธอถูกจับแต่งงานก็อาละวาดใหญ่ไม่ใช่เหรอ อย่างนี้ไม่ทำตัวเป็นเด็กกว่าเหรอ ทีนี้เข้าใจแล้วนะว่า พี่ชายเล็กไม่ได้อยากแต่งงานกับน้องนุชเลย"
" ขอบใจนะ นายชัช"
ชัชวีร์หันไปเห็นรัชชานนท์ยืนมองมาก็รีบถอยห่างออกจากสร้อยตามสัญชาตญาณ รัชชานนท์เดินเข้ามามองชัชวีร์อย่างขัดลูกตา
"ขอบใจที่ช่วยพูดให้สร้อยฟ้าเข้าใจ แต่ฉันว่า ฉันขอคุยกับเมียฉันเองดีกว่าให้คนอื่นพูดแทนให้ นายคิดว่าอย่างนั้นมั้ย"
"เข้าใจแล้วครับ พี่ชายเล็ก"
ชัชวีร์เดินเลี่ยงออกไป สร้อยมองรัชชานนท์อย่างหมั่นไส้จะเดินเลี่ยงไปอีกทาง
"สร้อยฟ้า"
รัชชานนท์รีบตามสร้อยไป
สร้อยเดินหนีรัชชานนท์มาอีกด้านหนึ่งของที่พักแรม เขาเดินตามจนทันแล้วรีบจับแขนเธอไว้ สร้อยสะบัดแขนออก
"มีอะหยัง"
"เรื่องน้องนุช"
"ข้อยเข้าใจเหมิดแล้ว บ่ต้องอธิบายอะหยังอีก"
"เพราะนายชัชเป็นคนอธิบายให้เธอฟังใช่มั้ย ถ้าเป็นฉันพูด เธอคงไม่เข้าใจง่ายเร็วขนาดนี้"
"แม่นแล้ว บ่ฮู้เป็นอะหยัง คุณชัชเว้าสั้นๆ ข้อยกะเข้าใจแล้ว ถึงคุณชัชบ่ต้องเว้าเลย เฮามองหน้ากัน กะเข้าใจกัน ฮู้ใจกันได้ แปลกอีหลีเด้อ"
"เธอจะไปเข้าใจรู้ใจกับผู้ชายคนอื่นได้ยังไง เธอเป็นเมียฉันนะ สร้อยฟ้า"
"อย่าเสียงดังไป เดี๋ยวคู่หมายของเจ้ากะได้ยินดอก ความกะแตกพอดี ตอนนี้ข้อยบ่ได้เป็นเมียเจ้า แต่เป็นผู้มีบุญคุณกับเจ้า อย่าลืมๆ"
"รอให้ถึงกรุงเทพฯก่อนเถอะ"
"เจ้าสิเฮ็ดอะหยัง"
รัชชานนท์ดึงสร้อยมาใกล้และใกล้อีก
"รอให้ฉันพาเธอไปถึงกรุงเทพฯก่อน แล้วเราจะได้กลับไปเป็นผัวเมียกันเหมือนเดิมไง อย่าลืมเงื่อนไขที่เราตกลงกันไว้ล่ะ เธอจะต้องเป็นเมียฉันให้สมบทบาท ถ้าไม่รู้ว่า ต้องทำยังไง ฉันจะสอนให้"
รัชชานนท์ดึงสร้อยเข้ามาใกล้อีกแล้วต้องชะงักก้มลงที่พุงตัวเอง สร้อยเอาไม้ปลายแหลมจิ้มพุงของเขาอยู่
"เจ้าแน่ใจเรอะว่าสิไปฮอดกรุงเทพฯ"
รัชชานน์ยึดไม้ปลายแหลมไว้ไม่ให้จิ้มพุงตัวเอง
"มือไวปานวอกจังซี้ ระวังไว้ เจ้าสิตายก่อนออกไปจากที่นี่"
สร้อยสะบัดตัวหลุดออกไป ทิ้งให้รัชชานนท์ถือไม้ปลายแหลมอย่างเหวอๆไป
นายพลอนุพันธ์เดินกลับเข้ามาถึงหน้าห้องทำงาน ทหารคนหนึ่งเดินอย่างเร่งรีบเข้ามาหาอนุพันธ์ หยุดทำความเคารพ
"ฉันได้รับรายงานใหม่แล้ว นี่มันอะไรกัน ยังไม่ทันข้ามวันเลย ทำไมเกิดการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วอย่างนี้ ไปสืบข่าวมาให้แน่ว่า พวกทหารเวียงภูคำข้ามมาฝั่งไทยแล้วจริงๆ"
"ผมตรวจสอบแล้วครับ ท่าน ทหารเวียงภูคำราวห้าสิบนายได้ข้ามมาฝั่งไทยแล้วจริงๆ แต่คาดว่าจะกบดานอยู่แต่ในป่า"
"มันเป็นไปได้ยังไง เราเพิ่มกำลังตามชายแดนแทบทุกตารางนิ้ว พวกมันยังแอบเล็ดรอดเข้ามาได้"
"ทหารเวียงภูคำกลุ่มนี้น่าจะเป็นพวกทหารรับจ้างที่รู้จักพื้นที่ในป่าของเราเป็นอย่างดี ถึงได้เคลื่อนพลได้รวดเร็วกว่าที่เราคาดการณ์"
"นายพลเซกองถึงกับยอมเสียเงินมหาศาลจ้างทหารพวกนี้ แสดงว่า คราวนี้เป้าหมายไม่ใช่แค่ตามไล่ล่ากองกำลังกู้ชาติ"
"มีข่าวลือว่าเจ้าหลวงสุริยวงศ์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ครับ"
"ข่าวลือที่ว่า เจ้าหลวงซ่องสุมกำลังอยู่ชายแดนไทยงั้นเหรอ ก็เห็นลือมาเป็นสิบปี ถ้าเป็นเรื่องจริงนายพลเซกองน่าจะตามตัวเจ้าหลวงเจอไปนานแล้ว แต่นี่อะไร ไม่เจอแม้แต่เงา"
"แต่กองกำลังกู้ชาติของเวียงภูคำเข้มแข็งขึ้นทุกวัน ผู้คนที่จงรักภักดีพากันรวมตัวกันเป็นจำนวนทวีคูณ ไม่ใช่เพราะพวกเขาเชื่อว่า เจ้าหลวงทรงยังอยู่หรือครับ"
"เชื่อก็ส่วนเชื่อ แต่ความเป็นจริง มันเป็นอีกเรื่อง"
"แต่มีข่าวลืออีกข่าวที่น่าเชื่อถือได้นะครับ มีข่าวลือว่าเจ้ารัชทายาทยังอยู่ครับ และทรงแอบซ่อนตัวอยูในแผ่นดินของไทยมาเป็นสิบปีแล้วด้วยครับ"
"เจ้ารัชทายาท...เจ้ารังสิมันตุ์"
อนุพันธ์นิ่งคิดไป แอบเป็นกังวลอยู่เหมือนกัน
บนเรือน พ่อใหญ่นิ่งคิดหนัก คาดไม่ถึงว่าทหารเวียงจะบุกเข้ามาเร็วขนาดนี้
"เป็นอย่างที่เฮาคึดไว้จริงๆ ไอ้เซกอง มันบ่ยอมวางมือจากเฮา"
ไกสอนกับแฮรี่ยืนรอรายงานอยู่ ท่าทางกระวนกระวายใจมาก พ่อใหญ่หันไปเห็นทับทิมเดินดุ่มๆ เข้ามา
"เป็นหยังเจ้าถึงกลับมา เจ้าสร้อยออกไปจากป่าอย่างปลอดภัยแล้วเรอะ"
"พ่อใหญ่ ไอ้พวกทหารเวียง..." ทับทิมบอก
"เฮาฮู้เฮื่องนี้แล้ว คนของเฮาจับทหารเวียงที่น้ำตกมาได้สองคน ไอ้พวกทหารรับจ้าง รบแบบกองโจร และกะเฮ็ดโตคือโจร"
"เจ้าฮู้บ่ว่า พวกมันมากันมากน้อยปานใด๋" ไกสอนบอก
"ข้อยกะบ่ฮู้แน่ เทื้อนี้พวกมันแอบข้ามมาทางแม่น้ำ ข้ามมาทางภูเขากะมีพวกมันมากันจากทุกทิศทุกทาง ตอนนี้พวกมันคงกำลังกระจายค้นหาหมู่บ้านของเฮาอยู่ อีกบ่โดนพวกมันคงมาฮอดที่นี่แน่"
"เฮาถามเจ้าเฮื่องเจ้าสร้อย ! เจ้ายังบ่ตอบ"
"อีสร้อยยังอยู่ที่พักใกล้ลำธาร มื้ออื่นคงสิออกไปพ้นจากป่านี้"
"พ่อใหญ่วางใจเถอะครับ พวกคุณชายปกป้องเจ้าสร้อยได้แน่ ตอนนี้พวกทหารเวียงไม่กล้ามีเรื่องกับคนไทย ยิ่งทหารไทยด้วยแล้ว ยิ่งไม่กล้าใหญ่" แฮรี่บอก
"ไอ้พวกทหารเถื่อนซื้อได้ด้วยเงินพวกนี้ มันบ่มีสำนึกคึดอะหยังได้ดอก"
"แต่จังได๋เฮาต้องอพยพไปจากที่นี่ และต้องไปเดี๋ยวนี้ด้วยนะ พ่อใหญ่"
"สั่งให้ชาวบ้านทุกคนอพยพไปให้เหมิดเดี๋ยวนี้"
"แล้วพ่อใหญ่ล่ะ"
พ่อใหญ่นิ่งไม่ยอมตอบอะไร ทุกคนมองพ่อใหญ่อย่างเป็นกังวลใจ
สร้อยเดินกลับมาที่พักแรมตามลำพัง เธอชะงักหยุดรู้สึกเหมือนบรรยากาศรอบๆตัวผิดปกติไป ซักพักฝูงนกบินแตกตื่นอย่างผิดปกติ สร้อยมองไปรอบๆตัว เหมือนสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตมีอาการตื่นกลัว
"พ่อใหญ่"
สร้อยวิ่งพรวดพราดออกไปไม่หยุดอย่างรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
บริเวณทางเข้าหมู่บ้านวลาหก กลุ่มทหารเวียงพูคคำราว 50 คนกระจายกันหาทางเข้าเพื่อหาเบาะแสของกองกำลังกู้ชาติ ทหารเวียง 3 คนเดินวนเวียนไปมาแล้วก็สังเกตเห็นปากถ้ำของทางเข้าหมู่บ้าน
ทหารเวียงทั้งสามคนเดินมาถึงปากถ้ำ มองเห็นทางที่เข้าไปในทางหมู่บ้านที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ทหารคนที่ 1 บอก
"เฮ้ย ! เจอแล้ว ทางนี้โว้ย"
ทหารคนที่ 2 ย้ำยืนยัน
"ใช่จริงๆ ด้วยโว้ย"
ทหารคนอื่นๆ มารวมกันเป็นกลุ่มก้อนเป็นกลุ่มใหญ่ขึ้นทุกทีๆจนเป็นกลุ่มก้อนสีดำทะมึนอยู่หน้าปากถ้ำทางเข้าหมู่บ้าน
"บุกโว้ย!"
กลุ่มทหารกรูกันเข้าไปในถ้ำอย่างไม่ขาดสาย เหมือนเขื่อนพังน้ำทะลักทลายเข้าไปจนถึงบริเวณทางเข้าหมู่บ้าน แล้วกระจายออกไปทุกทิศทุกทาง
บุญโฮมกับพรานเกิ้นเดินช้าๆ มาตามทาง ทั้งสองสะพายกระเป๋าและย่ามผ้ามาด้วย บุญโฮมมองท่าทางเลิ่กลั่กของพรานเกิ้นอย่างไม่วางใจ
"ไปทางนี้แม่นบ่ พรานเกิ้น บ่แน่ใจกะบอกมา สิได้ช่วยกันเบิ่งทาง"
"บ่ต้องห่วง ข้อยพาเจ้าไปฮอดเฮือนพักป่าไม้ได้แน่ ว่าแต่เจ้าเถอะ คุณชายใหญ่สั่งให้เฮ็ดหยัง จำได้แม่นบ่" พรานเกิ้นถาม
"ข้อยจำได้อยู่แล้ว เพิ่นสั่งให้เฮาฟ่าวไปให้ฮอดเฮือนพักป่าไม้ภายในมื้อนี้ ไปฮอดแล้วกะให้เจ้าหน้าที่ช่วยวิทยุไปบอกท่านผอ.วิชัยให้ฮู้ว่า ทางเราเจอตัวคุณชายรัชชานนท์แล้ว คืนนี้ให้พวกเฮาพักที่เฮือนพักป่าไม้ แล้วมื้ออื่นให้เจ้าหน้าที่เพิ่นพาไปส่งในเมือง"
"บ่! บ่ต้องเลย ข้อยพาเจ้ากลับเข้าเมืองเองได้ ข้อยฮู้จักป่าที่นี่คือฮู้จักเส้นลายมือข้อยเอง ให้ข้อยหลับตาเดินออกไปจากที่นี่ยังได้ อย่าหาว่าคุยเลยเด้อ"
สร้อยรีบวิ่งมาทางด้านหลังบุญโฮมกับเกิ้นแล้ววิ่งแซงหน้าไปอย่างไม่สนใจใคร
"นั่น...นั่น แม่หญิงที่มากับคุณชายที่หลงป่า ชื่ออะหยังหว่า"
จ่อยรีบเร่งเดินมาจากทางเดียวกับสร้อย เห็นหลังสร้อยไวๆ จ่อยร้อนรน
"นั่น...นั่นอีสร้อยแม่นบ่"
"แม่นแล้ว เพิ่นชื่อ..อีสร้อย..ป๊าดโธ่ บ่น่าลืมเลย แล้วกะยังมีแม่หญิงอีกคนที่ตามคุณชายมาด้วย เพิ่นชื่อ ชื่อ...อะหยังหว่า ชื่อติดอยู่ปากนี่..แต่คึดจังได๋กะคึดบ่ออก"
"เวลานี้บ่ใช่เวลามาถามชื่อไผ อีสร้อยวิ่งไปทางโพ้นแม่นบ่"
"แม่นแล้ว บ่ฮู้เพิ่นฟ่าวไปไส หรือว่าเพิ่นสิออกไปจากป่าพร้อมพวกเฮา" บุญโฮมว่า"ทางโพ้นบ่ใช่ทางออกไปจากป่า แต่เป็นทางเข้าป่าต่างหากล่ะ อีสร้อยมันกำลังกลับไปที่หมู่บ้านของเฮา"
จ่อยรีบเร่งตามสร้อยไป บุญโฮมหันมามองหน้าเกิ้น
"บ่ใช่ทางออกไปจากป่า จังสั้นกะบ่ใช่ทางไปเฮือนพักป่าไม้ แล้วนี่ตกลงทางไสทางออกทางไสทางเข้าป่า หา ตาเกิ้น"
เกิ้นเหลียวซ้ายแลขวา เอานิ้วแตะน้ำลายตัวเอง ชูให้นิ้วชี้ขึ้นเพื่อดูทิศทางลม
"เออ...ลมมาจากทางทิศเหนือ เฮาต้องไปทิศเหนือ ไปทางโพ้นกะแล้วกัน แต่ เฮือนพักป่าไม้อยู่ทางทิศตะวันตก งั้นไปทางนี้สิดีกว่า"
"บ่ต้อง ! ข้อยนำทางเองดีกว่า! ถ้าให้เจ้านำทาง มีหวังเฮาได้หลงทางตายอยู่ในป่าอีหลี นี่นะ พรานป่าที่เก่งที่สุดของจังหวัด" บุญโฮมบอกอย่างเหนื่อยใจจริงๆ
บุญโฮมหันกลับเดินไปทางเดิม พรานเกิ้นรีบเดินตามไปอย่างงกๆเงิ่นๆ
สร้อยเร่งรีบเดินทางมาตามทางในป่า จ่อยวิ่งกวดตามมาจนถึงตัวแล้วรีบคว้าแขนสร้อยไว้
"อีสร้อย ! หายออกมาเฮ็ดอะหยังตั้งนาน แล้วนี่ เจ้าสิไปไส"
"ข้อยสิกลับไปหาพ่อใหญ่ ! ข้อยฮู้สึกบ่ดี ข้อยเว้าบ่ถูก ฮู้แต่ว่า พ่อใหญ่กำลังตกอยู่ในอันตราย ข้อยต้องกลับไปช่วยพ่อใหญ่"
"เจ้าคึดมากไปเอง มีคนของเฮาคอยปกป้องคุ้มครองพ่อใหญ่อยู่แล้ว บ่ว่าไผกะแตะต้องพ่อใหญ่บ่ได้ดอก"
"ข้อยบ่ได้คึดไปเอง เจ้าฟังสิ...ป่ากำลังบอกอะหยังกับเจ้า เทื้อที่แล้วเฮาได้ยินเสียงนกบินแตกพืงจังซี้ เกิดอะหยังขึ้น ไอ้พวกทหารเวียงบุกเข้ามาแม่นบ่"
"จังได๋เจ้ากะกลับไปบ่ได้ เจ้ากลับไป พ่อใหญ่กะไล่เจ้ากลับมาอยู่ดี เจ้าต้องโตได้แล้ว อีสร้อย เจ้าสิเฮ็ดทุกอย่างตามใจชอบบ่ได้ บ่จังสั้นเจ้าสิเฮ็ดการใหญ่ได้จังได๋"
"บ่ฮู้ล่ะ ข้อยสิกลับไปเบิ่งพ่อใหญ่"
สร้อยสะบัดตัวออกจากจ่อยแล้วจะรีบไป จ่อยรีบรั้งตัวไว้ก่อน รู้สึกเหมือนมีสิ่งเคลื่อนไหวใกล้เข้ามา
"มีคนมา"
จ่อยกับสร้อยต่างรีบดึงมีดออกมาถือรอตั้งรับไว้
ในทันใดมีดที่ยังอยู่ในปลอกก็จ่อเข้าที่หลังของจ่อยให้ต้องสะดุ้งเล่นซะงั้น จ่อยตกใจ
"เฮ้ย ! ไผวะ"
จ่อยกับสร้อยหันขวับจะรุมผู้ที่มาจู่โจมมาด้านหลัง แต่ต้องรีบลดมือลงเมื่อเห็นว่า เป็นทับทิม !
"ข้อยเอง"
"เจ้ามาเฮ็ดหยัง พ่อใหญ่ ! เกิดอะหยังขึ้นกับพ่อใหญ่แม่นบ่"
"พ่อใหญ่ปลอดภัยดี ถ้าหากเกิดอะหยังขึ้นกับพ่อใหญ่ ข้อยบ่ยืนอยู่หม่องนี้ดอก พ่อใหญ่ให้ข้อยมาเตือนพวกเจ้า อย่าได้คึดกลับไป ตอนนี้บ่มีหมู่บ้านวลาหกอีกต่อไปแล้ว"
"เกิดอะหยังขึ้นกับหมู่บ้านของเฮา แล้วพ่อใหญ่ล่ะ ตอนนี้พ่อใหญ่อยู่ไส"
สร้อยจ้องมองทับทิมอย่างเป็นกังวลมาก
กลุ่มทหารเวียงภูคำทั้งหมดพากันบุกเข้ามาตามทางเข้าหมู่บ้าน กลุ่มทหาร 10 คนกลุ่มแรกกำลังระห่ำย่ามใจรี่บุกเข้าไปโดยเร็ว แล้วกลุ่มทหารก็ต้องชะงักกึก เมื่อเข้าไปในเขตด่านป้องกันตัว ไม้ไผ่แหลมนับสิบพุ่งเข้าใส่กลุ่มทหารกลุ่มแรกล้มลง
กลุ่มทหารที่เหลือเฮกันเข้าไปเหยียบข้ามกลุ่มทหารที่บาดเจ็บนอนร้องครวญครางอย่างไม่สนใจ
ทหารที่เหลือรอดมาได้พากันบุกเข้ามาในหมู่บ้าน แล้วแยกย้ายกันออกค้นหาชาวบ้านในหมู่บ้าน กลุ่มทหารวิ่งพล่านตามหาผู้คนอย่างกระหายเลือด กลุ่มทหารบุกผ่านแปลงผัก นาข้าว บ้านเรือนผู้คน วิ่งขึ้นลงจากเรือน กลุ่มทหารอีกกลุ่มวิ่งขึ้นไปบนเรือนพ่อใหญ่
กลุ่มทหารทั้งหมดมาหยุดรวมอยู่ที่กลางหมู่บ้าน ทั้งหมดมองไปรอบๆตัว เพิ่งสังเกตเห็นความเงียบสงัด ไม่หลงเหลือเสียงสิ่งมีชีวิตอยู่เลย เพิ่งค้นพบว่า พวกมันยืนอยู่ในหมู่บ้านร้างที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่แม้แต่คนเดียว !!
กลุ่มชาวบ้านราวห้าสิบคนอพยพกันเป็นครอบครัว ผู้หญิงและเด็กนั่งบนเกวียนไป กลุ่มผู้ชายเดินเท้าเป็นส่วนใหญ่ มีกลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบคนคุมการอพยพไป
กลุ่มพ่อใหญ่ ไกสอนและแฮรี่ขี่ม้าตามมารั้งท้าย พ่อใหญ่อยู่กลาง ไกสอนและแฮรี่ขนาบข้าง ทั้งมีกลุ่มชายฉกรรจ์อีกห้าคนคุมท้ายปิดขบวน
พ่อใหญ่หันไปมองด้านหลังที่เป็นหมู่บ้านวลาหก เห็นกลุ่มควันโขมงสีดำลอยฟุ้งเต็มฟ้า
“..เดินทางบ่สุดเส้น อย่าถอยหลังให้เขาเหยียบ ตายขอให้ตายหน้าพู้น เขาสิเอิ้นว่าหาญ..” (ไปให้สุดทาง อย่าถอยให้ต้องอาย สู้ยอมตายเอาข้างหน้าถึงเรียกได้ว่าผู้กล้าหาญ)
กลุ่มของพ่อใหญ่เคลื่อนตัวต่อไปเข้าเขตชายป่าที่แห้งแล้ง เพื่อตั้งมั่นที่เขตชายแดนใกล้เวียงภูคำ
อ่านต่อหน้า 2
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
สร้อยยืนมองท้องฟ้าไกลเห็นควันสีดำลอยอยู่เหนือหมู่บ้านวลาหก ทับทิมกับจ่อยมองสร้อยที่พยายามสงบสติอารมณ์อยู่
"พวกมันคงเผาหมู่บ้านของเฮาสิ้นซากไปเหมิดแล้ว" สร้อยพึมพำ
"บ่ต้องห่วง พวกเฮาหนีออกมาทัน ทุกคนปลอดภัยแล้ว..พวกเจ้าฟ่าวกลับที่พัก ไป เดี๋ยวสิมืดค่ำเสียก่อน อย่าลืมที่พ่อใหญ่สั่งมา เจ้าต้องออกไปจากป่านี่ให้เร็วที่สุด" ทับทิมบอก"แล้วเฮาแน่ใจได้จังได๋ว่า ไอ้พวกทหารเวียงที่บุกไปหมู่บ้านเฮาสิบ่มาทางนี้ พวกมันบ่เจอพวกเฮาทางโพ้น กะต้องกลับมาค้นหาที่ป่าทางนี้" จ่อยบอก
"พวกมันบ่มาทางนี้แน่ เฮาแกล้งทิ้งร่องรอยไว้ให้มันแกะรอยตามไป กว่ามันสิฮู้ว่า ถูกหลอกให้ไปทางอื่น พวกเจ้ากะคงออกไปจากป่านี่แล้ว แต่กะบ่ฮู้ว่า ไอ้เซกองสิส่งทหารมาอีกบ่ จังได๋เจ้ากะต้องระวังตัวไว้ด้วย" ทับทิมบอก
"เจ้าเองกะคือกัน ระวังตัวให้ดีเน้อ แล้วนี่ข้อยสิแน่ใจได้จังได๋ว่า พ่อใหญ่ไปฮอดที่ตั้งกองกำลังชายแดนได้อย่างปลอดภัย" สร้อยบอก
"แล้วข้อยสิส่งข่าวไปบอก เฮามีสายคอยตามข่าวเจ้าอยู่ ยิ่งเจ้าแต่งงานคุณชายสูงศักดิ์จังซี้ บ่ยากที่สิฮู้ว่าเจ้าไปอยู่ที่ไส"
"เฮื่องนั้นข้อยฮู้อยู่ พวกเจ้าสิติดต่อข้อยเอง แต่ข้อยยังบ่ฮู้ว่า ข้อยสิติดต่อพ่อใหญ่ได้จังได๋"
"สายข่าวติดต่อกับเจ้ามื้อใด๋ เจ้ากะฮู้เอง"
ทับทิมผละออกจะรีบออกไป
"บักทับทิม"
ทับทิมหันกลับมา
"บ่ต้องเป็นห่วง ข้อยสิคุ้มครองพ่อใหญ่ด้วยชีวิตของข้อยเอง"
ทับทิมเร่งรีบเดินออกไป สร้อยกับจ่อยมองตามอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้
บริเวณที่พักแรมในป่า ธราธรกับพุฒิภัทรช่วยกันขนฟืนเข้ามา
"ป่านนี้ไม่รู้บุญโฮมกับตาเกิ้นไปถึงไหนแล้วนะครับ ผมล่ะไม่วางใจเลย จริงๆ งานนี้น่าจะเหลวเสียมากกว่า" พุฒิภัทรบอก
"นี่เป็นวิธีส่งข่าวที่เร็วและดีที่สุดในตอนนี้ ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ต้องมีวิทยุสื่อสารติดต่อกับทางจังหวัดอยู่แล้ว บ้านพักป่าไม้ก็อยู่ห่างจากที่นี่ไม่น่าไกลเท่าไหร่...ตอนนี้ก็หวังแต่ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่ที่นั่น" ธราธรบอก
"แล้วสังขารอย่างตาเกิ้นนี่จะไปถึงเหรอ ไม่ต้องให้ไปถึงในวันนี้หรอกครับ อีกสามวันก็ไม่รู้จะไปถึงหรือเปล่า ที่จริงน่าจะให้ผมกับชายพีร์ไปแทน" พุฒิภัทรบอก
"ไม่ได้หรอก พวกนายจะต้องอยู่ที่นี่ ตอนนี้เรามีผู้หญิงตั้งสามคนที่จะต้องดูแล ดูแลทั้งเรื่องความปลอดภัยและเรื่องปวดหัวที่กำลังจะตามมา"
รณพีร์กับชัชวีร์หลังช่วยกันขึงดึงให้เต็นท์มั่นคงก็โผล่หัวออกมาจากหลังเต็นท์ใหญ่ รณพีร์ได้ยืนไม่ถนัดหูนัก
"เรื่องปวดหัวอะไรหรือครับ"
รณพีร์มองตามสายตาของธราธร พุฒิภัทรและชัชวีร์มองไปที่รัชชานนท์ ศินีนุชตามไปนั่งกระแซะอยู่กับรัชชานนท์
"โถๆ นุชสงสารพี่ชายเล็กเหลือเกิน ต้องหลงอยู่ในป่าเสียหลายวัน นี่คงอยู่อย่างลำบากยากแค้น ถึงได้ผอมโกรก หน้าตาซูบเซียวอย่างนี้ ดูๆ ! โถ..ดูสิคะ เนื้อตัวเปื้อนดินเปื้อนฝุ่นเต็มไปหมด เดี๋ยวนุชเช็ดหน้าให้นะคะ"
ศินีนุชดึงผ้าเช็ดหน้าขลิบลูกไม้จากเอวออกมาจะเช็ดหน้าเช็ดตาให้รัชชานนท์
"ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ เดี๋ยวพี่ก็จะอาบน้ำแล้ว"
"อุ๊ย ! ดีเลยค่ะ เดี๋ยวเราไปอาบน้ำด้วยกันเลยนะคะ"
สร้อยกับจ่อยเดินเข้ามา รัชชานนท์รีบขยับออกห่าง แต่ศินีนุชยังถดตัวตามไปกระแซะไม่เว้นวรรค ธราธร พุฒิภัทร และชัชวีร์จ้องมองสร้อยอย่างกลัวใจ มีแต่รณพีร์เท่านั้นที่ยังไม่รู้เรื่อง
"ไปๆ ไปค่ะ ไปอาบน้ำกัน แล้วนี่พี่ชายเล็กผูกอะไรไว้ที่ข้อมือรุงรังไปหมด ด้ายดำๆสกปรกๆ อี๋ยๆ แกะทิ้งนะคะ นุชแกะให้ค่ะ แล้วนี่แหวนอะไรคะ!"
ศินีนุชคว้ามือซ้ายของรัชชานนท์หมับ จ้องมองที่แหวนแต่งงานของรัชชานนท์อย่างสงสัย สร้อยกับจ่อยชะงักยืนมอง ธราธรและพุฒิภัทรหยุดชะงักไปด้วย มีแต่รณพีร์ที่หน้ายังเหวออยู่
"แหวนอะไรคะ แหวนแต่งงานหรือคะ ถึงได้ใส่ที่นิ้วนางข้างซ้าย"
รณพีร์ทันเห็นสร้อยรีบเอามือซ้ายที่ใส่แหวนแต่งงานไว้เหมือนกันหลบทันที ชัชวีร์รีบเข้าดึงศินีนุชออกมาจากรัชชานนท์
"พี่ชายเล็กจะใส่แหวนอะไรก็เป็นเรื่องส่วนตัวนะ น้องนุช นี่ก็เย็นมากแล้ว น้องนุชรีบไปอาบน้ำดีกว่า ไปครับ ไป"
"แต่ว่าพี่ชายเล็กยังไม่ตอบคำถามของนุชเลย"
"ไปเถอะ น้องนุช"
ชัชวีร์ดึงศินีนุชออกไปก่อนที่จะอ้าปากถามอะไรอีก รณพีร์จับสังเกตรัชชานนท์ที่ขยับตัวจะไปหาสร้อยแต่ก็ไม่ทันแล้ว สร้อยขยับไปหาธราธรกับพุฒิภัทรที่ช่วยกันขนฟืนมาวางไว้ สร้อยทำเหมือนไม่มีรัชชานนท์อยู่ตรงนั้น
"ฟืนแค่นี้บ่พอดอก เฮาไปหามาเพิ่มให้เอง ไป บักจ่อย"
สร้อยดึงจ่อยออกไป จ่อยมองซ้ายมองขวา
"จันทาล่ะ จันทาไปไส"
สร้อยฉุดจ่อยไปก่อนที่จะมองหาจันทาเจอ รัชชานนท์ได้แต่มองตามสร้อย
ชัชวีร์เดินพาศินีนุชมาใกล้แอ่งน้ำในป่า
"เดินเร็วๆ หน่อย น้องนุช รีบอาบน้ำแล้วจะได้รีบเข้านอน พรุ่งนี้เราจะต้องออกเดินทางแต่เช้าตรู่"
"พี่ชัชรู้อะไรที่นุชไม่รู้ใช่มั้ย"
ชัชวีร์ชะงักนิ่งอึ้ง มองศินีนุชอย่างระมัดระวังตัวไม่ให้พลาดได้
"น้องนุชพูดถึงอะไรครับ"
"ก็เรื่องพี่ชายเล็กน่ะซิคะ นุชว่า พี่เขาดูแปลกๆไป"
"นี่ น้องนุช เธอเคยเจอพี่ชายเล็กตอนเด็กๆแค่ไม่กี่ครั้ง พี่รู้จักพี่ชายเล็กดีกว่าเธอ ยังไม่รู้สึกว่าพี่เขามีอะไรผิดแปลกไปเลย"
"ยังไงก็แปลก! พี่ชายเล็กน่าจะมีท่าทีดีใจกว่านี้ที่ได้เจอนุช นุชสู้อุตส่าห์ทนลำบากตรากตรำเดินทางมาตามหาพี่ชายเล็กถึงในป่า แล้วยังเรื่องแหวนที่เขาใส่อยู่ ตามธรรมเนียมฝรั่งเขาจะใส่แหวนแต่งงานที่นิ้วนาง"
"ไปสนใจธรรมเนียมฝรั่งทำไม เราเป็นคนไทย พี่ชายเล็กคงใส่แหวนตามชอบใจ ผู้ชายไม่คิดเล็กคิดน้อยเหมือนผู้หญิงหรอกน่า"
"แต่สัญชาตญาณความเป็นผู้หญิงบอกนุชว่า พวกพี่ๆ ต้องมีเรื่องอะไรปิดบังนุชอยู่แน่ๆ อย่าคิดนะว่า จะปิดศินีนุชคนนี้ได้"
"รีบไปอาบน้ำซะ ที่นี่มืดเร็วมาก ถ้ามัวชักช้า เดี๋ยวก็ได้มีงูเลื้อยมาอาบน้ำเป็นเพื่อนอีกหรอก"
"พี่ชัช ! อย่ามาขู่กันอย่างนี้ นุชไม่ชอบ"
ศินีนุชหันขวับไปจะเดินลงไปในแอ่งน้ำ แต่ต้องชะงัก เมื่อเห็นจันทาที่อาบน้ำเสร็จเดินสวนขึ้นมา จันทาผมเปียกลู่ มือถือย่ามผ้า
"แก ! แกมาอาบน้ำที่ได้ยังไง"
จันทาพูดอย่างเกรงๆ
"เออ...คุณชายใหญ่บอกว่า ถ้าอยากอาบน้ำให้มาอาบน้ำที่นี่ค่ะ"
"พี่ชายใหญ่อนุญาตได้ยังไง ที่นี่เป็นที่อาบน้ำส่วนตัวของฉัน ฉันมีสิทธิ์อาบได้คนเดียว"
"จันทา...จันทาไม่รู้จริงๆค่ะ จันทาขอโทษ"
สร้อยกับจ่อยเดินเข้ามาขัดจังหวะ
"บ่ต้องไปขอโทษ ไผบอกเจ้าว่า เจ้ามีสิทธิ์ผู้เดียว เจ้าบ่ใช่เป็นเจ้าของป่า ไผกะอาบน้ำที่นี่ได้ ข้อยกับบักจ่อยกะอาบน้ำที่นี่ได้ มีปัญหาอะหยังบ่"
สร้อยยืนจ้องกับศินีนุชอย่างเอาเรื่อง
รัชชานนท์ ธราธรและพุฒิภัทรนั่งอยู่หน้ากองไฟ รณพีร์เข้ามานั่งแทรกข้างรัชชานนท์แล้วตบไหล่รัชชานนท์อย่างรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว
"นี่เองเรื่องปวดหัวที่พี่ชายใหญ่พูดถึง คนนึงก็เมีย อีกคนก็คู่หมั้น"
"แค่คู่หมายโว้ย ยังไม่ได้หมั้น แล้วฉันก็ยังไม่เคยตกลงอะไรด้วย ฉันตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ไม่ไปงานเลี้ยงดูตัว แม่คุณก็ยังตามมาได้ถึงที่นี่ นายนี่ไม่ได้เรื่องจริงๆ ชายพีร์"
"อ้าว ! ไหงมาลงที่ผมได้ ผมอุตส่าห์ช่วยพี่ชายเล็กหนีงานเลี้ยง แล้วพอความแตก ผมก็ยังรีบตัดหน้าจะมาช่วยพี่หนีต่อ แต่พี่ดันไปหลงป่าซะนี่ แต่หลงป่าแล้วได้เมียกลับมา ก็คุ้มแล้วล่ะครับ ทีนี้หม่อมย่าคงจะจับพี่แต่งงานไม่ได้แล้ว"
"มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น ถ้ามันเป็นการแต่งงานจริงๆ" ธราธรบอก
"แต่ชายเล็กกับสร้อยฟ้าก็แต่งงานกันตามประเพณีแล้วนะครับ" พุฒิภัทรว่า "แต่การแต่งงานที่มีเงื่อนไข มีการกำหนดว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่นี่ พี่ไม่ถือว่าเป็นการแต่งงานจริงๆหรอกนะ การแต่งงานต้องเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่เพราะถูกสถานการณ์บีบบังคับ"
"แต่ผมว่า พี่ชายเล็กเต็มใจแต่งงานนะครับ เพราะพี่ชายผมคนนี้ไม่เคยยอมให้ใครบังคับใจได้ง่ายๆ ถามจริงๆเถอะ หลงรักสาวบ้านป่าเข้าแล้วล่ะซิ" รณพีร์พูดล้อ
"อาจจะไม่ถึงกับหลงรัก แต่คงต้องมีใจกับเขาบ้างล่ะ ถึงยอมแต่ง" พุฒิภัทรแหย่บ้าง
รัชชานนท์ยังปากแข็ง
"มีใจอะไรกันครับ ผมยอมแต่งงานเพราะเหตุผลหลายข้อ แต่ไม่ใช่เพราะผมมีใจกับสร้อยฟ้าแน่ เราต่างต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน สร้อยฟ้าช่วยให้ผมไม่ต้องถูกหม่อมย่าจับแต่งงาน ส่วนผมก็ช่วยเขาตามหาเจ้ารัชทายาทของเวียงภูคำ"
"งั้นผมคงต้องรีบหาเมียบ้างดีกว่า เหลือผมเป็นเหยื่อรายสุดท้ายแล้วนี่ พี่ชายเล็กช่วยแนะนำผมหน่อยซิ ต้องไปหลงป่าแถวไหนถึงจะได้เจอผู้หญิงอย่างสร้อยฟ้าของพี่ชายเล็ก"
"เงียบไปเลย ไอ้ชายพีร์"
รัชชานนท์เอาขวดเหล้าดีบุกยัดใส่ปากรณพีร์ให้เงียบไป
รัชชานนท์พึมพำบอก
"นายไม่มีวันหาเจอหรอก ไม่มีวันได้เจอผู้หญิงอย่างสร้อยฟ้าอีกแน่...ไม่ว่าในป่าไหนๆ"
รัชชานนท์นึกถึงสร้อยทีไรต้องยิ้มขึ้นมาทุกทีไป
บริเวณแอ่งน้ำในป่า สร้อยยังคงยืนจ้องศินีนุชเขม็ง จ่อยยืนอยู่ข้างๆขยับตัวไปมาแกล้งทำหน้าดุดันเข้าไว้ ศินีนุชค่อยๆขยับมาแอบอยู่หลังชัชวีร์
"พี่ชัชไล่พวกมันไปให้ที นุชไม่อยากลดตัวไปเสวนากับคนบ้านป่าพวกนี้"
"พูดจาให้ดีๆหน่อย น้องนุช"
"ข้อยกะบ่อยากสิเสวนากับเจ้านักดอก ข้อยขอบอกให้ฮู้ไว้นะ บ่ว่าคนเมืองหรือคนบ้านป่ากะเป็นคนคือกัน บ่มีไผสูงไผต่ำกว่าไผ ถ้าหากอาบน้ำที่เดียวกับคนบ้านป่าบ่ได้"
"เจ้ากะไปอาบน้ำที่น้ำตกทางโพ้น เดินไปอีกสองกิโลกะฮอดแล้ว" จ่อยเสริม
"ใครจะโง่ไปอาบน้ำถึงโน่นล่ะ พวกแกนั่นแหละไปอาบน้ำที่น้ำตกโน่น แล้วอย่ามาอาบน้ำที่นี่อีกเป็นอันขาด"
"เจ้าเป็นไผ เป็นหยังข้อยต้องเชื่อเจ้า ! บักจ่อย เจ้าบ่นอยากอาบน้ำเย็นๆแม่นบ่ จังสั้นกะแก้ผ้าอาบน้ำซะตอนนี้เลย"
ศินีนุชกรี๊ด
"แอร๊ย... อย่านะ อย่า"
จ่อยแกล้งขยับจะถอยเสื้อออก จันทารีบดึงจ่อยไว้
"อย่า ! อ้ายจ่อย เฮาไปกันเถอะ อย่ามีเฮื่องกันเลย เพิ่นเป็นเพื่อนของคุณชายเล็กนะเด้อ"
"ไม่ใช่เป็นแค่เพื่อน แต่ฉันเป็นคู่หมั้นของพี่ชายเล็ก"
"อีโธ่ เจ้าเป็นแค่คู่หมั้น..แต่อีสร้อยน่ะเป็นมะ.."
สร้อยรีบเอามือตะปบปิดปากจ่อยไว้ได้ทัน!!
"บักจ่อย บ่ต้องเว้าโพด"
"ฉันขอโทษแทนน้องนุชด้วยนะ เขาพูดอะไรไปโดยไม่ทันได้คิดน่ะ" ชัชวีร์บอก
"นี่เห็นแก่คุณชัชดอกนะ ข้อยสิบ่เอาเฮื่องเจ้ามื้อนี้ แต่อย่าได้รังแกจันทาอีก บ่จังสั้นเจ้าได้เจ็บตัวแน่ ไป จันทา"
สร้อยดึงจันทาออกไป จ่อยหันมาทำหน้าขู่ใส่ศินีนุชแล้วรีบตามไป
"ป่าเถื่อนที่สุด ไม่มีความศิวิไลซ์เอาเสียเลย นุชอยากไปจากที่นี่เร็วๆ จะได้ไม่ต้องทนอยู่กับคนบ้านป่าชั้นต่ำพวกนี้"
"คนบ้านป่าชั้นต่ำที่เธอพูดถึง..คือคนที่ช่วยชีวิตพี่ชายเล็กไว้ พี่ชายเล็กคงไม่พอใจแน่ถ้ารู้ว่า เธอไปดูถูกดูหมิ่นผู้มีพระคุณของเขา"
"ผู้มีพระคุณ..ตายล่ะ! พวกมันคงไม่ไปฟ้องพี่ชายเล็กใช่มั้ย พี่ชัช"
ศินีนุชนิ่งอึ้งไป นึกกลัวว่ารัชชานนท์จะไม่พอใจที่ดูเธอไม่เป็นกุลสตรีที่ดีพอ
สร้อยดึงจันทาให้เดินมาจากทางแอ่งน้ำ จ่อยเดินตามหลังมา
"เจ้าบ่ต้องไปย่านแม่นกแก้วปากแดงนั่นดอก จันทา เจ้ากะมีมือมีตีนคือกัน อย่าไปยอมให้เพิ่นรังแก เข้าใจบ่ ถ้าเจ้าบ่กล้า บอกข้อย ข้อยสิช่วยเจ้าเอง ถือว่าข้อยเป็นพี่สาวเจ้า เว้นแต่ว่าเจ้าบ่อยากเป็นน้องสาวข้อย ข้อยฮู้...เจ้าบ่ได้ชอบหน้าข้อยนักดอก"
"ไผบอกว่า ข้อยบ่ชอบหน้าเจ้า"
"ข้อยฮู้ว่า เจ้ากับคุณชาย"
"เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เจ้าสร้อย คุณชายเห็นข้อยเป็นเพียงน้องสาว..ตอนนี้ ข้อยดีใจหลายที่เจ้าแต่งงานกับคุณชาย บ่จังสั้นข้อยคงได้แม่นกแก้วปากแดงเป็นพี่สะใภ้แทน เจ้าคงบ่คึดว่า ข้อยอาจเอื้อมที่ขอเป็นคนในครอบครัวเดียวกับเจ้าเด้อ เจ้าสร้อย"
"อย่าเว้าจังสั้น ! อาจเอื้อมอะหยังกัน คุณชายรับปากดูแลเจ้าเป็นน้องสาวไปตลอดชีวิต แต่ข้อย ข้อยบ่ฮู้ว่าสิอยู่เป็นพี่สะใภ้เจ้าไปได้นานปานใด๋"
จันทามองสร้อยอย่างสงสัย เพราะยังไม่รู้เรื่องเงื่อนไขการแต่งงานของสร้อยกับรัชชานนท์
"บ่ต้องถามอะหยัง แล้วอีกหน่อยเจ้าสิฮู้เอง บักจ่อยๆ เป็นหยังถึงเงียบไป มีไผอุดปากเจ้าอยู่"
สร้อยกับจันทาหันไปมองจ่อยที่เดินตามหลัง แต่ได้หยุดยืนนิ่งไปแล้ว จ่อยมองไปทางข้างหน้าที่เป็นเนินดิน จ่อยสีหน้าขรึมลง
"จันทา ข้อยอยากพาเจ้าไปที่ๆหนึ่งW
สร้อยกับจันทามองจ่อยอย่างสงสัย
จ่อยเดินนำสร้อยและจันทามาที่หลุมฝังศพของพรานเจ้ยและลูกหาบสองคน ทั้งสามชะงัก เมื่อเห็นรัชชานนท์ยืนอยู่หน้าหลุมฝังศพอยู่แล้ว
รัชชานนท์หันไปมองจันทาอย่างเห็นใจและสงสาร สร้อยหันไปมองจ่อยเป็นเชิงถาม
"เพิ่นถามตั้งแต่ออกจากหมู่บ้านแล้ว ข้อยกะต้องบอก"
"ฉันตั้งใจไว้แล้วว่า จะต้องมาที่นี่ให้ได้ ฉันอยากมาแสดงความเคารพต่อผู้ที่มีพระคุณต่อฉันเป็นครั้งสุดท้าย...ถ้าไม่มีพรานเจ้ย ฉันก็คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้"
รัชชานนท์คุกเข่าลงหน้าหลุมศพ จันทาขาอ่อนทรุดตัวนั่งลงเมื่อรู้ว่าเป็นหลุมศพของพรานเจ้ย
"พ่อ...พ่อเจ้ยของจันทา"
"บักทับทิมบอกเฮาไว้แล้วว่า ได้ฝังพรานเจ้ยกับลูกน้องไว้หม่องนี้ บ่ได้ไกลจากที่เพิ่นสิ้นลม...เจ้าสิได้หาเจอบ่ยากนัก" จ่อยบอก
"บักทับทิมได้เฮ็ดสัญลักษณ์ไว้ด้วย...รูปนกเงือก สัตว์ประจำเวียงภูคำ"
หลุมศพของชาวเวียงภูคำทุกคน จะมีสัญลักษณ์รูปนกเงือกนี่อยู่ แม้แต่สุสานของเจ้าส่องดาวที่อนุพันธ์ฝังที่สุสานในกรุงเทพฯ ก็จะมีสัญญลักษณ์นกเงือกเช่นเดียวกัน
สร้อยดึงไม้ซึ่งสลักรูปนกเงือกที่ปักหลังเนินดินมีกิ่งไม้ใบไม้คลุมพรางอยู่
"รอให้เฮากลับเข้าเมืองไปก่อนเด้อ แล้วเฮาค่อยหาคนมาพาพ่อเจ้ากลับไปเฮ็ดพิธีตามธรรมเนียมประเพณีของเจ้า" สร้อยบอก
"บ่ต้องดอกจ้ะ พ่อฮักป่า ป่าคือชีวิตของพ่อ พ่อได้อยู่ในที่ที่พ่อฮักแล้ว..พ่อ คงบ่อยากไปอยู่ที่ไสอีก หลับให้สบายนะ พ่อ"
"พรานเจ้ย...ฉันสัญญาว่า ฉันจะรักและดูแลจันทาเหมือนน้องสาวแท้ๆของฉันเอง ทางนี้ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงแล้ว ไปสู่สุขคติเถอะนะ พรานเจ้ย"
รัชชานนท์ก้มลงกราบหลุมศพ จันทาลูบบนเนินดินเบาๆอย่างเศร้าใจ รัชชานนท์ถอยออกมายืนกับสร้อยและจ่อย
"เราไปกันก่อนเถอะ จันทาคงอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ"
จ่อยส่ายหน้าไม่ไปด้วย รัชชานนท์พาสร้อยเดินออกไปจนได้ จันทามองไปที่ป้ายรูปสลักนกเงือก...
"นกเงือก...เวียงภูคำ"
จันทาดึงสร้อยพระจันทร์ออกมาจากย่ามมาสวมใส่ไว้
"ข้อยคงหนีเวียงภูคำบ่พ้น ข้อยสิใส่สร้อยพระจันทร์นี่ไว้นะ พ่อ ใส่ไว้ให้ฮู้ว่า ข้อยบ่มีวันลืมพ่อ"
จันทาหันหลังให้จ่อย จ่อยมองมาเห็นแต่ด้านหลังของจันทา และไม่เห็นว่าจันทาหยิบใส่อะไรมาใส่
รัชชานนท์ดึงมือสร้อยพาเดินมาด้วยกัน สร้อยสลัดมือออกจากรัชชานนท์
"ปล่อย"
สร้อยจะเดินหนี แต่รัชชานนท์ดึงแขนสร้อยไว้
"อย่าเพิ่งไป... เรื่องน้องนุชน่ะ ฉันอยากให้เธออดทนไปอีกซักหน่อย"
"ข้อยกะอดทนอยู่ บอกแม่หญิงของเจ้าให้ไปอยู่ห่างๆ ข้อยไว้กะแล้วกัน"
"ฉันกับเขาเพิ่งรู้จักกันก็วันนี้แหละ แล้วเขาจะเป็นแม่หญิงของฉันได้ยังไง"
"เว้าให้งึดตายหลาย ข้อยกะบ่เชื่อ เพิ่นแทบขึ้นไปนั่งบนตักเจ้าอยู่แล้ว ถึงเนื้อถึงตัวปานนั้น ยังมีหน้ามาบอกว่าเพิ่งฮู้จักกัน"
"แล้วเธอกับนายชัชล่ะ ไม่ยิ่งกว่าเหรอ รู้จักกันกี่วันเชียว แต่ทำตัวราวกับรู้จักมาเป็นแรมปี ต่อไปนี้อยู่ห่างๆ นายชัชไว้ ไอ้หมอนี่มันยังไง ก็รู้อยู่ว่า เธอเป็นเมียฉัน"
"บ่ได้เป็น ! ข้อยบ่ได้เป็นเมียเจ้า"
"แล้วนี่อะไร"
รัชชานนท์ดึงมือซ้ายที่สวมแหวนแต่งงานของสร้อยขึ้นมา
"ไม่ว่าจะยังไง เราก็แต่งงานกันแล้ว เธอเป็นของฉัน ห้ามไปใกล้ผู้ชายคนอื่น ฉันไม่ชอบ !"
"ข้อยบ่ได้เป็นเมียเจ้า บ่ได้เป็นผู้หญิงของเจ้า อย่าลืมเงื่อนไขที่เฮาตกลงกันไว้สิ"
รัชชานนท์ดึงสร้อยเข้ามาจ้องหน้าแล้วทำท่าขบคิด แกล้งทำท่าคิดไม่ออก
"เราตั้งเงื่อนไขไว้ว่ายังไงนะ...ฉันเริ่มลืมๆไปแล้วล่ะ ตอนนี้ฉันรู้แต่ว่า เราสองคนแต่งงานกันแล้ว เราจะทำอะไรก็ไม่ผิดผีบ้านผีเรือนแล้วใช่มั้ย"
รัชชานนท์อดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าเข้าไปใกล้แก้มใสๆของสร้อย
"ถ้าลืม...ข้อยสิเตือนให้เอง"
อีกนิดเดียวปากของรัชชานนท์ก็จะแตะที่แก้มของสร้อยแล้ว แต่ทว่ารัชชานนท์ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อสร้อยกระทืบตีนใส่เท้ารัชชานนท์อย่างเต็มแรงและแถมด้วยหมัดแย๊บใส่พุงอีกหมัด
"โอ๊ย ! อ๊าก"
"ความจำสั้นนัก ! กะต้องเจอจังซี้"
สร้อยผลักรัชชานนท์ออกไปแล้วเดินดุ่มๆออกไป ทิ้งให้รัชชานนท์ยืนตัวงออยู่คนเดียว
วังกิตติวงศ์ในยามค่ำดูเงียบเหงา ยินเสียงวิทยุรายงานข่าวดังคลออยู่ เห็นมีกองหนังสือพิมพ์อยู่ข้างวิทยุเครื่องนั้น
“นายพลเซกอง สะหวันนาวงส์ ได้ลงนามในคำประกาศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างอาณาจักรเวียงภูคำกับประเทศไทย...ส่วนคำถามเรื่องการสถาปนาเจ้าวีระวงส์ขึ้นเป็นประมุขแทนเจ้าหลวงสุริยวงศ์นั้น..”
อนุพันธ์อ่านหนังสือพิมพ์ ค้นเปิดอ่านแต่ข่าวเวียงภูคำ ดารณีนุชในเสื้อคลุมชุดนอนเดินมาปิดวิทยุเสีย
"นี่คุณหญิง ผมกำลังฟังข่าวอยู่"
"ข่าวอะไรก็ไม่รู้ ฟังแล้วปวดหัวจะตายไป"
"ตอนนี้ทางชายแดนไทยกับเวียงภูคำกำลังมีปัญหากันอยู่"
"เวียงอะไรนะคะ เวียงคำพู เหมือนฉันจะเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน"
อนุพันธ์แก้ให้
"อาณาจักรเวียงภูคำ"
"อ๋อ นึกออกแล้ว คุณโซเฟียภรรยาท่านฑูตอังกฤษก็พูดถึงประเทศนี้อยู่เหมือนกัน เวียงคำพู เวียงภูคำอะไรเนี่ยแหละ เห็นว่าสถานการณ์ในประเทศดีขึ้นแล้วนี่คะ เร็วๆนี้ก็จะส่งคณะฑูตมาประจำที่ประเทศไทย เห็นคุณหญิงกลอยตาวิ่งวุ่นเตรียมจัดงานเลี้ยงต้อนรับอยู่"
อนุพันธ์มองเมียอย่างหน่ายใจที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาเลย อนุพันธ์ตัดบท
"คุณมีธุระอะไรกับผม"
"เรื่องที่คุณพูดกับหม่อมป้า จริงเท็จแค่ไหนคะ หรือคุณแค่ต้องการตัดบท ไม่อยากให้หม่อมป้าพูดเรื่องแต่งงาน ก็เลยหาเรื่องแกล้งขู่ท่าน"
"ผมไม่เอาเรื่องคอขาดบาดตายมาพูดเล่นหรอกนะ คุณหญิง"
"ถ้าลูกเรากำลังตกอยู่อันตราย ทำไมคุณยังนั่งเฉยอยู่ได้ล่ะคะ ทำไมไม่รีบส่งคนไปช่วย คุณเองมีทหารเป็นกองร้อยกองพัน"
"ผมรู้น่ะว่า ผมควรทำยังไง ผมขอให้คุณรู้ไว้นะ ผมได้ทำทุกอย่างสุดความสามารถภายในขอบข่ายอำนาจที่ผมมี หวังเพียงแต่ว่าทุกอย่างจะทันการ"
ดารณีนุชเอื้อมมือไปแตะมืออนุพันธ์อย่างนึกกลัวขึ้นมาจับใจ
"ลูกนุชจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยใช่มั้ยคะ"
"ผมเชื่อว่านายชัชจะต้องพายายนุชกลับมาได้แน่"
ดารณีนุชชักมือออกอย่างไม่พอใจ
"ลูกชายคนนี้ไม่เคยทำให้ผมต้องผิดหวัง"
อนุพันธ์เดินออกไปพร้อมกับหยิบนาฬิกาพกที่วางอยู่ใกล้มือ ออกไปด้วย
ดารณีนุชพูดไล่หลัง
"ถ้านายชัชพาลูกนุชกลับมาไม่ได้ล่ะก็ ฉันเอาลูกของคุณตายแน่"
ดารณีนุชตามมาอย่างขวางตาขัดใจแหลือเกิน
บรรยากาศในตอนค่ำของที่พักแรมในป่า ชัชวีร์ยืนเฝ้าอยู่หน้าเต็นท์หลังเล็ก ศินีนุชในชุดเสื้อคลุมชุดนอนเดินออกมาจากเต็นท์
"เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย คืนนี้อากาศหนาว น้องนุชรีบเข้านอนเลยดีไหม"
ศินีนุชเดินผ่านชัชวีร์ไปเสียเฉยๆไม่สนใจฟังที่เขาพูด ชัชวีร์มองตามว่าเดินไปไหน ศินีนุชเดินฉับๆไปนั่งข้างสร้อยที่นั่งเขี่ยกองไฟให้คุอยู่
"นี่เธอ"
สร้อยหันมามองหน้าศินีนุช ในมือแกว่งท่อนฟืนที่ติดไฟไปมาเล่นๆ แต่ศินีนุชมองแล้วเสียวไส้
"มีอะหยัง"
"ฉัน...ฉันยังไม่ได้ขอบใจที่เธอช่วยชีวิตพี่ชายเล็กไว้ ขอบใจนะ แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นที่แอ่งน้ำ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดเล็กๆน้อยๆ ฉันจะไม่ถือสาหาความเธอ ยังไงเธอก็เป็นผู้มีพระคุณต่อพี่ชายเล็ก ฉันไม่ได้ติดเงินมาเสียด้วย ฉันให้นี่ก็แล้วกัน เป็นรางวัลที่พาพี่ชายเล็กกลับมาให้ฉัน"
ศินีนุชส่งเข็มกลัดพลอยส่งให้สร้อย ชัชวีร์มองศินีนุชอย่างไม่เห็นด้วย
"มันอาจจะดูหรูหราเกินไปสำหรับเธอ เอาไปขายก็ได้นะ"
รัชชานนท์เดินเข้ามาหยุดฟัง
"เข็มกลัดอันนี้น่าจะขายได้ซักห้าร้อยบาทเป็นอย่างน้อย ขายได้ก็เก็บเป็นเงินทุนไว้ดูแลตัวเองจะได้ไม่ต้องไปเป็นภาระใครไงจ๊ะ"
สร้อยยังคงยิ้มใจเย็นและแกว่งท่อนฟืนไปมา ชัชวีร์ดุ
"น้องนุช ! นี่ไม่ใช่เรื่องของเธอ"
"รับไปเลย ไม่ต้องเกรงใจ"
ศินีนุชดึงมือสร้อยมาแล้วยัดเยียดเข็มกลัดใส่มือสร้อย
"น้องนุช ! กำลังทำอะไร" รัชชานนท์ถาม
"นุชก็กำลังให้รางวัลสร้อยฟ้าเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณสร้อยฟ้าน่ะซิ"
ศินีนุชบอกรัชชานนท์แล้ว หันมาพูดกับสร้อยต่อ
"ชอบใช่มั้ยล่ะ เกิดมาคงไม่เคยมีของสวยๆอย่างนี้ใช้ล่ะซิ ไม่ต้องห่วง เรากลับไปถึงกรุงเทพฯเมื่อไหร่ ฉันจะให้เธอเพิ่ม เธออยากได้เงินหรือได้อะไรก็บอกมาได้เลย หนี้บุญคุณที่มีต่อกันจะได้จบสิ้นกันไปไงล่ะ"
"พอได้แล้ว น้องนุช ! สร้อยฟ้าเขาไม่อยากได้หรอก" รัชชานนท์บอก
"ไผว่า ข้อยบ่อยากได้ ! ขอบใจหลายเด้อ ที่เฮ็ดบุญเฮ็ดทานให้กับสาวบ้านป่าอย่างข้อย คู่หมั้นของเจ้าช่างมีน้ำใจงามแท้เน้อ คุณชายเล็ก ตกรางวัลให้ข้อยแล้วกะบ่ต้องถือว่าเป็นบุญคุณกันอีก จังซี้สิได้ซำบายใจกันทุกฝ่าย ดีบ่"
สร้อยรับเข็มกลัดจากศินีนุชมาแล้วเดินหนีออกไป
"สร้อยฟ้า"
"ไม่ต้องขอบคุณนุชหรอกนะคะ พี่ชายเล็ก ที่ช่วยปลดเปลื้องหนี้บุญคุณให้ เราไปเดินเล่นชมจันทร์ให้สบายใจกันดีกว่าค่ะ ไปค่ะ ไป"
ศินีนุชดึงกระชากรัชชานนท์ออกไป รัชชานนท์มองสร้อยที่ไม่สนใจมองมาเลย เขาตัดสินใจเดินออกไปกับศินีนุช
จ่อยกับจันทาเดินสวนเข้ามามองศินีนุชที่ดึงรัชชานนท์ไปอย่างแปลกใจ หันไปเห็นสร้อยเดินไปขนฟืนอยู่อีกมุมแล้วก็อดเหลือบมองรัชชานนท์ไม่ได้
ชัชวีร์ยืนมองด้วยความเห็นใจ
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
ฝ่ายรัชชานนท์กับศินีนุชเดินออกมาจากทางเต็นท์ที่พักแรม เธอเกาะแขนเขาอย่างเต็มตื้นไปด้วยความสุข
"คืนนี้พระจันทร์สวยจังเลยนะคะ นุช รู้สึกราวกับฝันไป นุชไม่นึกเลยว่า เราจะมีวันนี้วันที่เราได้เดินด้วยกันใต้แสงจันทร์"
ท้องฟ้ามืดมิดหาพระจันทร์ไม่เจอ
รัชชานนท์ดึงมือศินีนุชออก แล้วหันมามองเธออย่างเอาจริงเอาจังไม่ได้มีอารมณ์โรแมนติกแม้แต่น้อย
"น้องนุชครับ เรื่องของเราสองคน พี่อยากให้น้องนุชทำใจเผื่อไว้ด้วย มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่น้องนุชคิดฝันไว้"
"พี่ชายเล็กเป็นกังวลเรื่องคุณพ่ออยู่ใช่มั้ยคะ ไม่ต้องเป็นห่วงเลย คุณพ่อไม่ได้โกรธอะไรพี่ชายเล็กเลยล่ะค่ะ ทุกอย่างยังเป็นไปตามที่ทางเราสองฝ่ายได้สัญญาต่อกันไว้"
"ที่จริงสัญญาของท่านพ่อกับคุณลุงเทวพันธ์ไม่ได้เกี่ยวกับทางคุณลุงอนุพันธ์เลย น้องนุชไม่น่าจะต้องมารับภาระ"
ศินีนุชเอานิ้วแตะปากให้รัชชานนท์หยุดพูด
"โถ...พี่ชายเล็กห่วงความรู้สึกของนุชขนาดนี้เลยหรือคะ นุชไม่เห็นว่าการแต่งงานกับพี่ชายเล็กเป็นภาระหน้าที่เลยค่ะ นุชเต็มใจค่ะ..นุชแทบรอไม่ไหวที่จะกลับไปบอกข่าวดีกับหม่อมย่าเอียดเรื่องเราสองคน..นุชไม่อยากเชื่อเลยว่า Love at first sight…รักแรกพบจะมีจริง" ศินีนุชยิ้มเพ้อ
รัชชานนท์นิ่งอึ้ง งงงันมองเธอที่เพ้อเจ้อไปคนเดียว จนไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว
สร้อยมองไปที่ท้องฟ้ามืดมิดที่เห็นเมฆมืดครึ้มมีแต่ดาวไม่มีพระจันทร์ เธอพึมพำ
"เดินเล่นชมจันทร์..คืนข้างแรมเนี่ยนะ เฮอะ"
ชัชวีร์เดินมานั่งข้างสร้อย
"ฉันต้องขอโทษแทนน้องนุชด้วยนะ"
"ขอโทษเฮื่องอะหยัง เฮื่องนี้บ่"
สร้อยชูเข็มกลัดที่ศินีนุชให้ชัชวีร์ดู สร้อยพูดประชด
"บ่ต้องขอโทษดอก ของแพงมีราคาหลาย ไผบ่อยากได้เล่า"
"ไม่ว่าของมีค่าราคาแพงแค่ไหนก็ตอบแทนบุญคุณที่เธอช่วยพี่ชายเล็กไม่ได้หรอก น้องนุชคิดอะไรตื้นเขินเกินไป เขาไม่รู้หรอกว่า เธอเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายแค่ไหนถึงได้ช่วยชีวิตพี่ชายเล็กไว้ได้"
"ข้อยบ่น่าช่วยเพิ่นเลย น่าสิปล่อยให้ทหารเวียงฆ่าตายไปซะ"
"ถ้าเธออยากให้พี่ชายเล็กตายจริงๆ คงไม่มานั่งหงุดหงิดใจอยู่อย่างนี้หรอก เดี๋ยวสองคนนั้นก็กลับมาแล้ว พี่ชายเล็กไม่น่าอยู่กับน้องนุชได้เกินสิบนาที" ชัชวีร์พูดพลางยิ้มขำ
สร้อยแก้ตัวเป็นพัลวัน
"ข้อยบ่ได้รอเพิ่นซักหน่อย! ข้อยบ่ง่วงกะเลยบ่อยากนอนต่างหาก แล้วคุณชัชล่ะ เป็นหยังบ่นอน"
"ฉันก็อยากชมจันทร์กับเขาบ้างเหมือนกันนี่"
"คืนนี้คืนข้างแรมฟ้ามืดตื๋อ บ่เห็นพระจันทร์ดอก"
ชัชวีร์เผลอตัว
"มีซิ ทำไมจะไม่มี"
สร้อยมองตามสายตาของชัชวีร์ เห็นจันทากำลังเก็บเสื้อผ้าใส่ย่าม จ่อยอยู่ใกล้ๆคอยเป็นเพื่อนอยู่ จ่อยหันมาเห็นชัชวีร์มองมาก็รีบขยับยืนบังจันทาไว้ทันที สร้อยมองทั้งจ่อยและชัชวีร์ไปมา
สร้อยยิ้มขำ
"คุณชัชอยากชมพระจันทร์ดวงนี้ กะคงต้องข้ามศพบักจ่อยไปก่อนเด้อ"
ชัชวีร์เก้อๆเขินๆ
"เราพูดกันคนละเรื่องแล้วมั้ง"
สร้อยมองจ่อยกับชัชวีร์สลับไปมาอย่างชั่งใจ คิดว่าใครเหมาะสมกับจันทา
ตามที่ชัชวีร์คาดหมาย รัชชานนท์เดินเร็วๆย้อนกลับมาทางที่พักแรม ศินีนุชรีบเดินตามมาตะครุบเกาะแขนรัชชานนท์ไว้
"อย่าเพิ่งกลับไปที่พักเลยค่ะ พี่ชายเล็ก เราน่าจะใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักกันไว้ให้มากขึ้น เพราะอีกไม่นานเราก็จะได้ใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว พี่ชายเล็กรู้มั้ยคะว่า ตอนนี้นุชกำลังนึกถึงอะไร..นุชกำลังนึกถึงภาพเราสองคนในวันแต่งงาน"
รัชชานนท์อึดอัดใจมากขึ้นทุกที
"วันนั้นคงไม่มีวันมาถึง"
"หมายความว่ายังไงคะ...พี่ชายเล็กยังไม่แน่ใจความรู้สึกของตัวเองใช่มั้ยล่ะคะ ทุกอย่างคงเกิดขึ้นเร็วเกินไป แต่ที่เราสองคนผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน น่าจะพอพิสูจน์ได้แล้วว่า เราสองคนเหมาะสมกันแค่ไหน"
"ผู้หญิงที่ผ่านความเป็นความตายมากับพี่ ไม่ใช่เธอ น้องนุช ฟังพี่ดีๆนะ สร้อยฟ้าไม่ได้เพียงแต่เป็นคนที่ช่วยชีวิตพี่ไว้เท่านั้น เขายังเป็น..."
รัชชานนท์ยังพูดไม่จบดี เสียงรณพีร์ก็ร้องเรียกขึ้น
" พี่ชายเล็ก"
รัชชานนท์กับศินีนุชหันไปตามเสียง เห็นรณพีร์เดินมากับธราธรและพุฒิภัทร
"ชายพีร์ ! ไปไหนกันมา"
"ชายพีร์ไปสำรวจเจอห้างดักสัตว์บนต้นไม้ เลยมาชวนให้ไปส่องไฟดูสัตว์ป่ากัน" ธราธรบอก
"เจ้านี่มันหาเรื่องสนุกได้ตลอดเวลา อยู่เฉยๆ กับเขาไม่เป็นหรอก" พุฒิภัทรว่า
"แล้วพวกพี่ๆจะต้องขอบคุณผมในภายหลัง เชื่อเถอะครับ ถ้าคนไทยยังล่าสัตว์ไม่บันยะบันยัง อีกไม่เกินห้าปีสิบปีจะไม่มีสัตว์ป่าให้ได้ดูอย่างตื่นตาตื่นใจอย่างนี้ ที่จริงผมว่าจะชวนพี่ชายเล็กไปด้วยอยู่เหมือนกัน แต่คิดว่าพี่น่าจะอยากอยู่กับ..เมีย" รณพีร์หลุดปาก
"เฮ้ย !" ธราธรกับพุฒิภัทรร้องขึ้น
"พี่ชายพีร์พูดว่าอะไรนะคะ"
"พี่ว่า...ว่า พี่ชายเล็กคงจะเพลีย ไม่อยากไปด้วยแน่ โอ๊ย ลมแรงขึ้นแล้วนะเนี่ย หนาวๆ หนาวจริงๆเลยนะ เรากลับกันดีกว่ามั้ย"
"นุชไม่หนาวค่ะ นุชไม่อยากให้คืนวันนี้จบลงเลยล่ะค่ะ พี่ชายเล็กอยู่กับนุชต่อไปอีกซักหน่อยนะคะ"
"ให้ชายพีร์อยู่เป็นเพื่อนน้องนุชแล้วกันนะ พวกพี่ๆต้องไปวางแผนการการเดินทางพรุ่งนี้ ฝากด้วยนะ ชายพีร์"
รัชชานนท์รีบจ้ำเดินออกไปทันที พี่ๆทุกคนได้ที ทิ้งรณพีร์ไว้กับศินีนุชหน้าตาเฉย
ธราธรยิ้มบอก
"ฝากด้วยนะ ชายพีร์"
พุฒิภัทรยิ้มขำอีกคน แล้วตบไหล่รณพีร์ก่อนเดินตามธราธรกับรัชชานนท์ออกไป
"อ้าว ! เดี๋ยวซิครับ ทำไมทำกันอย่างนี้ล่ะ"
รณพีร์กับศินีนุชมองหน้ากันอย่างไม่ชอบใจทั้งคู่
"น้องนุชไม่อยากกลับที่พัก แล้วอยากทำอะไรล่ะครับ พี่พาไปส่องสัตว์ดีมั้ย เมื่อกี้พี่ว่า พี่เห็นเสือโคร่งอยู่ตัวนะ กลับไปดูให้ถนัดๆตาอีกทีดีกว่า..ไปกัน ไป อยู่ใกล้ๆ พี่ไว้นะ เวลามันกระโจนใส่ จะได้หนีทัน"
"ไม่...ไม่ดีกว่าค่ะ นุชอยากกลับไปนอนแล้ว"
ศินีนุชจ้ำเดินออกไปทั้งกลัว ทั้งขัดใจเป็นที่สุด แล้วพบว่าตัวเองเดินไกลห่างจากรณพีร์
เธอรีบจ้ำเดินกลับไปเกาะแขนรณพีร์ไว้
"เดินไปกับนุชด้วยซิคะ อยากให้นุชถูกเสือกัดตายหรือยังไง กลับที่พักเร็วค่ะ เดินเร็วๆ ซิคะ"
ศินีนุชเกาะรณพีร์ติดหนึบพากันเดินออกไป
ด้านสร้อยยืนทำหน้าเซ็ง มีจ่อยกับจันทายืนอยู่ด้วย ศินีนุชยืนขวางทางอยู่หน้าเต็นท์เล็กของตัวเอง
"ไม่ค่ะ ยังไงก็ไม่ นุชไม่นอนรวมกับใครเป็นอันขาด โดยเฉพาะพวกคน..."
ศินีนุชปราดมองสร้อยกับจันทาอย่างรังเกียจ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นรัชชานนท์มองมา
"เออ..โดยเฉพาะคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกัน แล้วนุชก็คิดว่าแม่สองคนนี้ คงไม่อยากนอนรวมกับใครเหมือนกัน นุชง่วงแล้ว ขอไปนอนก่อนนะคะ"
ศินีนุชผลุบเข้าไปในเต็นท์เล็กของตัวเองทันที รณพีร์กับชัชวีร์ยืนมองศินีนุชอย่างอ่อนใจ
"ไอ้ชัช..น้องสาวนายนี่ นอกจากสร้างเรื่องปวดหัวแล้ว ทำอะไรอย่างอื่นเป็นบ้างมั้ยวะ"
รัชชานนท์หันไปมองสร้อยกับจันทาอย่างรู้สึกไม่ดี ธราธรและพุฒิภัทรหันมองหน้ากันอย่างตริตรองและสุขุม
"ที่จริงมันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร เราก็ให้สร้อยฟ้ากับจันทานอนในเต็นท์ใหญ่ไป ส่วนพวกผู้ชายก็นอนกันข้างนอก จะได้ช่วยผลัดกันเป็นเวรยามเฝ้ากองไฟด้วย"
"แต่จันทาไม่อยากให้พวกคุณชายต้องมาลำบาก"
"เจ้าบ่ต้องไปห่วงแทนผู้อื่น ถ้าพวกเพิ่นทนความลำบากบ่ได้ กะบ่ใช่ลูกผู้ชายแล้ว ไป ไปนอนได้แล้ว เจ้ายิ่งบ่แข็งแฮงอยู่"
สร้อยดึงจันทาเข้าไปในเต็นท์หลังใหญ่อย่างไม่สนใจใคร
"ข้อยขอนอนหน้าเต็นท์ ! ห้ามไผเข้าออกเป็นอันขาด"
จ่อยปักหลักนั่งลงอยู่หน้าเต็นท์ใหญ่ รัชชานนท์กับชัชวีร์มองตามสร้อยกับจันทา รัชชานนท์เหล่มองชัชวีร์คิดว่า ชัชวีร์กำลังจับตามองสร้อยอยู่ จ่อยเงยหน้ามองรัชชานนท์กับชัชวีร์ไปมา
"พวกเจ้าสิไปนอนกะไป มายืนเฮ็ดหยังหม่องนี้"
"ไปนอน ไป ไอ้ชัช ผมกับไอ้ชัชขอเฝ้าผลัดสุดท้ายแล้วกัน นะครับ"
รณพีร์ลากตัวชัชวีร์ไปห่างออกไป
"ผมเฝ้าผลัดแรกเองครับ พวกพี่ๆ ไปนอนเถอะครับ ผมอยู่คนเดียวได้"
ธราธรกับพุฒิภัทรเดินแยกออกไป รัชชานนท์มองไปที่เต็นท์หลังใหญ่ เห็นแต่เงาของสร้อยและจันทาและมีจ่อยนั่งหน้าทะมึนเฝ้าอยู่
ท้องฟ้าที่มีแต่ดวงดาวเริ่มระยิบระยับเต็มท้องฟ้า รัชชานนท์หยิบขวดเหล้าดีบุกขึ้นมาจะจิบแล้วก็เปลี่ยนใจหันไปหยิบกระติกน้ำเปล่ามาดื่มแทน
พุฒิภัทรเดินมานั่งข้างรัชชานนท์ มองพิจารณาน้องชายร่วมแม่เดียวกันคนนี้
"นายรู้ตัวมั้ยว่า นายเปลี่ยนไป"
"นั่นน่ะซิครับ ถ้าอยู่กรุงเทพฯ ป่านนี้คงถูกชายพีร์ลากไปเที่ยวไหนต่อไหนแล้ว แต่ผมไม่คิดถึงชีวิตแบบนั้นเลยซักนิด ถ้าผมไม่ต้องกลับกรุงเทพฯ ผมคงอยู่ทำงานที่หนองคายได้อย่างสบายๆ เลย แต่ผมคงต้องพักเรื่องงานไว้ก่อน ตอนนี้เรื่องของสร้อยฟ้าสำคัญกว่า"
"เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับสร้อยฟ้าสำคัญต่อนายทั้งนั้น ผู้ชายที่แต่งงานแล้วก็อย่างนี้แหละ ต้องคิดถึงคู่ชีวิตก่อนตัวเอง"
"มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย ผมกับสร้อยฟ้าแต่งงานกันก็เหมือนไม่ได้แต่ง ผมเข้าใกล้เขาทีไร ถูกถีบออกมาทุกที"
"นี่แสดงว่า นายอยากใกล้ชิดเขาล่ะซิ"
รัชชานนท์ตะกุกตะกัก
"เออ ก็ คือ มันไม่เชิงอยากใกล้ชิด แต่มันไปของมันเอง เออ..พูดไป คุณหมอพุฒิภัทรคงไม่เข้าใจหรอกครับ"
พุฒิภัทรยิ้มอย่างเข้าใจแต่ไม่ตอแยต่อ เขาดึงสร้อยจี้หยกออกมาส่งให้น้องชาย
"เอ้า..สร้อยหยกของนาย"
"ไม่น่าเชื่อ...ไปเจอได้ยังไงครับเนี่ย ผมทำใจไปแล้วว่า คงจะไม่ได้คืนแน่ๆ โชคดีจริงๆ ที่พี่ชายภัทรเก็บได้"
"อะไรที่เป็นของเราก็จะกลับมาเป็นของเราวันยันค่ำแหละ หม่อมแม่อยากให้เรามอบสร้อยหยกนี่ให้กับผู้หญิงที่เรารัก นายลองไปคิดดูให้ดีว่านายเจอผู้หญิงคนนั้นแล้วหรือยัง"
พุฒิภัทรเดินออกไป รัชชานนท์มองสร้อยหยกในมืออย่างครุ่นคิด
บริเวณชายป่า ค่ำต่อเนื่องมา กลุ่มชาวบ้านที่อพยพมากับพ่อใหญ่นอนพักกันเป็นกลุ่มๆเห็นเป็นเงาตะคุ่มๆ พ่อใหญ่กับไกสอนนั่งอยู่หน้ากองไฟ ทั้งสองดูแผนที่กันอยู่
พ่อใหญ่ใช้กิ่งไม้ชี้ลากทางในป่าทางฝั่งไทยไปที่เขตชายแดนที่ติดกับเวียงภูคำ
"ถ้าเฮาเดินทางลัดเลาะไปตามชายป่าเรื่อยๆ อีกสามมื้อกะถึงกองกำลังที่ชายแดน ส่งข่าวไปให้บักโพนโฮงบ่ต้องข้ามฝั่งมา คนของเซกองมันสิสงสัยได้ พวกเฮาพร้อมมื้อใด๋ เฮาสิข้ามไปรวมกำลังที่เวียงภูคำเอง"
"พ่อใหญ่อยากรอให้เจอเจ้ารังสิมันตุ์ก่อนแม่นบ่" ไกสอนถาม
"เฮาคงรอบ่ได้ เฮาบ่ฮู้ว่าเจ้าสร้อยสิตามหาเจ้ารังสิมันตุ์เจอมื้อใด๋"
"แต่ตอนนี้ชาวเวียงภูคำทุกคนฝากความหวังและชีวิตไว้กับเจ้ารัชทายาท ถ้าหากตามหาพระองค์บ่เจอ เฮาอาจสิชิงบัลลังก์คืนจากไอ้เซกองได้ยาก แต่เฮายังมีพระธิดาของเจ้าหลวง"
"บ่ได้...เฮาบ่เห็นด้วย เจ้าอย่าพูดเฮื่องนี้อีกเป็นอันขาด"
แฮรี่เดินเร็วๆกลับมา พ่อใหญ่เงยหน้าขึ้นมองแฮรี่เป็นเชิงถาม แฮรี่ส่ายหน้า
"ยังครับ บักทับทิมยังไม่กลับมา จากที่พักของเจ้าสร้อยคงต้องใช้เวลาเป็นวันกว่าจะกลับมาถึงที่นี่ พ่อใหญ่วางใจเถอะครับ เจ้าสร้อยต้องออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัยแน่ บางครั้งการไม่ได้รับข่าวอะไรเลยก็คือข่าวดีอย่างนึงนะครับ พ่อใหญ่"
แฮรี่พูดตามสำนวนฝรั่งที่ว่า No news is good news
พ่อใหญ่นิ่งขรึม ได้แต่หวังว่า สร้อยจะไม่ไปปะทะกับทหารเวียงเข้าอีก
รัชชานนท์ยังคงถือสร้อยหยกอยู่ในมือท่าทีคิดไม่ตก สร้อยย่องมาทางด้านหลัง รัชชานนท์เริ่มรู้สึกตัวว่ามีคนเดินมาข้างหลัง เขาค่อยๆ เอื้อมมือหยิบปืนที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมา มีดของสร้อยฟาดลงข้อมือรัชชานนท์อย่างไม่ออมแรง
"อ๊าก! โอ๊ย"
สร้อยรีบตะปบปิดปากรัชชานนท์ไว้โดยเร็ว
"ป๊าดโธ่! อย่าร้อง เดี๋ยวคนอื่นกะตื่นดอก"
สร้อยเอามือออกมา รัชชานนท์ทำปากพะงาบๆร้องแบบไม่มีเสียง ยังเจ็บพอน้ำตาเล็ดอยู่
"เล่นอะไรของเธอ"
"ทดสอบฝีมือเจ้าดู บ่ได้เฮื่อง ข้อยปาดคอเจ้าได้ซำบายๆ จังซี้บ่ต้องมาเฝ้ายามดอก ไปนอนเอาแฮงไว้มื้ออื่นสิดีกว่าเด้อ"
"ฉันจะไปสู้เธอได้ยังไง ไวยังกับลิง ต่อให้ทหารอย่างนายชัชก็ต้องพลาดท่าเหมือนฉันนี่แหละ"
"เป็นหยังต้องไปเว้าเถิงคุณชัชด้วย"
"แล้วทำไมฉันจะพูดถึงไอ้นายชัชไม่ได้ ทำไมไม่นอน นอนไม่หลับคิดถึงใครงั้นเหรอ"
"บ่ได้คึดถึงไผ นอนในนั้น มันอึดอัด หายใจบ่ออก แล้วข้อยกะมีเฮื่องคาใจกับเจ้าอยู่ ถ้าบ่เว้าคืนนี้ คงนอนบ่หลับทั้งคืนอีหลี"
สร้อยดึงมือขวาของรัชชานนท์มาแล้วใช้มีดตัดด้ายขาวที่ผูกข้อมือทิ้งจนหมด เขามองสร้อยอย่างง ได้สติเมื่อสร้อยจะคว้ามือซ้ายของรัชชานนท์จะมาตัดด้ายทิ้งอีก
"เฮ้ยๆ เธอตัดด้ายทิ้งทำไม"
"คู่หมั้นของเจ้าสิได้บ่สงสัยอีกจังได๋เล่า แล้วแหวนแต่งงานนั่น เจ้าสิถอดทิ้งกะได้ จังได๋เฮากะบ่แต่งงานกันอีหลี"
"หยุดๆ หยุดเดี๋ยวนี้ ห้ามตัด ห้ามยุ่ง โดยเฉพาะด้ายเส้นนี้ เส้นที่เธอผูกให้ฉัน ห้ามตัดทิ้งเด็ดขาด"
รัชชานนท์ยกมือซ้ายหนี สร้อยชะงักนิ่งไป
"เจ้าจำได้"
"จำได้ซิ ไม่มีใครผูกด้ายได้ขยุกขยุยน่าเกลียดได้เท่าเธออีกแล้ว เธอตัดด้ายเส้นนี้ไม่ได้ เราผูกเสี่ยวกันไว้ด้วยด้ายเส้นนี้ แล้วเธอจะมาตัดทิ้งหมายความว่า เธอจะตัดความเป็นเพื่อนของเรางั้นเหรอ"
"ข้อยบ่อยากเป็นเสี่ยวกับเจ้าแล้ว บ่อยากให้เจ้าคึดว่า เจ้าติดหนี้บุญคุณข้อย ถ้าเจ้าอยากเปลี่ยนใจกลับไปหาคู่หมั้นคู่หมายของเจ้า นี่สิเป็นโอกาสของเจ้าแล้ว"
"บอกว่า ห้ามตัด"
"ข้อยสิตัด ! บ่ต้องมาห้าม"
รัชชานนท์ยกมือซ้ายหนีพลางแกล้งมองไปทางด้านหลังสร้อย
"บักจ่อยตื่นแล้ว"
"บ่ต้องมาหลอก"
"เฮ้ย ! บักจ่อย มาช่วยที"
รัชชานนท์เล่นเหมือนจริงพยักเพยิดกับลมกับแล้งทางด้านหลังของสร้อย เธอหันขวับไปมองด้านหลังให้แน่ใจ รัชชานนท์พุ่งเข้ารวบมือดึงมีดออกจากมือสร้อยทันที
สร้อยหันกลับมาอย่างเร็วจนหยุดไม่ทัน พร้อมๆกับที่รัชชานนท์เข้ารวบตัวกอดสร้อยไว้
สร้อยหันมาปะทะกับหน้าของรัชชานนท์ ปากของรัชชานนท์แตะปากของสร้อยเบาๆ ทั้งรัชชานนท์กับสร้อยนิ่งไปอึดใจ สร้อยมองอึ้งตะลึงด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
"ฉันเต็มใจที่จะติดหนี้บุญคุณเธอไปจนตาย...สร้อยฟ้า...ฉันไม่มีวันเปลี่ยนใจไปแต่งงานกับคนอื่น ไม่มีวัน"
รัชชานนท์มองสร้อยที่ยังนิ่งอึ้งและอึ้งอยู่ เริ่มย่ามใจก้มลงจะจูบสร้อยอีกครั้ง
สร้อยได้สติ
"บักคุณชาย"
สร้อยพุ่งหมัดเข้าหน้ารัชชานนท์อย่างจังเต็มแรงจนเขาหงายหลังผลึ่งไป เธอกระโดดลุกหนีไปอย่างเก้อเขิน ข้ามตัวจ่อยไปได้แล้วแหวกเปิดกลับเข้าเต็นท์ไป
จ่อยลุกขึ้นนั่งอย่างงงๆเหมือนมีคนผ่านหน้าไป รัชชานนท์ลุกขึ้นมานั่งได้ใหม่ นิ่งมึนงงแต่ก็มีความสุขชอบกลอยู่
กระท่อมชายป่าในบรรยากาศตอนเช้ามืด บุญโฮมเดินอย่างเหนื่อยหอบมาถึงกระท่อมชายป่าที่เป็นบ้านพักป่าไม้หลังเก่าที่เคยพาชัชวีร์และรณพีร์มา
"ฮอดเสียทีเด้อ"
บุญโฮมหันไปมองพรานเกิ้นที่เดินลากขามาอย่างช้าๆ
"ฟ่าวย่างมาไวๆ ตาเกิ้น ย่างบ่ไหวแล้วล่ะซิท่า รอหม่องนี้แหละ เดี๋ยวข้อยไปหาเจ้าหน้าที่เอง เดี๋ยวเจ้าสิตายเสียก่อน"
บุญโฮมไม่รอเกิ้นแล้ว รีบจ้ำเดินมาหยุดมองกระท่อมชายป่าที่ทรุดโทรม บุญโฮมหันกลับมาจ้องพรานเกิ้นอย่างงงงันและเริ่มจะเดือดดาล
"ตาเกิ้น ! นี่มันอะหยัง เจ้าเบิ่งคักๆแล้วบอกข้อยว่า นี่มันใช่เฮือนพักป่าไม้บ่"
เกิ้นเดินลากขาตามมา เขม้นตามองไปที่กระท่อมอย่างพิจารณา
"ตายล่ะหว่า"
"มื้อนี้เจ้าสิต้องตายอีหลี เจ้าบอกว่า เฮือนพักป่าไม้อยู่ทางตะวันตกจังได๋เล่า เป็นหยังถึงได้เป็นเฮือนป่าช้าจังซี้"
พรานเกิ้นยิ้มแหย
"นี่มันเฮือนบ้านพักป่าไม้อีหลี แต่เป็นเฮือนหลังเก่า ข้อยจำได้แล้ว เฮือนพักป่าไม้หลังใหม่อยู่ทางตะวันออกเด้อ ไปๆ เฮาไปต่อกัน"
"บ่ต้องไปแล้ว ! กว่าสิไปฮอดที่โพ้น พวกคุณชายกะคงกลับฮอดในเมืองแล้ว ข้อยรับปากคุณชายใหญ่อย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า สิฟ่าวส่งข่าวให้ เจ้าคึดฮอดใจคนที่รอบ้างบ่ ลูกหลานหายเข้าป่ากันเหมิด ป่านนี้พวกเพิ่นคงห่วงใจแทบขาดไปแล้ว..เฮ้อ"
"บักโฮมเอ๊ย"
"กลับๆ ! บ่ต้องมาเว้า"
"เบิ่งก่อนๆ"
"เบิ่งอะหยัง มีอะหยังให้เบิ่ง นอกจากเฮือนป่าช้าผุๆ"
บุญโฮมบ่นไปแล้วชะงัก เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้สองคนกำลังเดินตรงเข้ามาที่บ้านพักป่าไม้เก่า เจ้าหน้าที่ป่าไม้มีปืนและวิทยุสื่อสารเหน็บเอวพร้อมสรรพ
บุญโฮมกับเกิ้นยิ้มกว้างอย่างดีใจและโล่งอก
ส่วนอีกฟากหนึ่ง ภายในห้องพระ เรือนหม่อมเอียด เวลาเช้ามืด หม่อมเอียดก้มลงกราบพระพุทธรูปในห้องพระแล้วยืดตัวนั่งนิ่งอย่างสงบสติไม่ให้ห่วงกังวลจนฟุ้งซ่าน หม่อมเอียดรีบหยิบหนังสือสวดมนต์ขึ้นมาสวด
ย่าอ่อนเข้ามาในห้องพระแล้วรีบคลานเข่าอย่างรวดเร็วปราดไปถึงตัวพี่สาว
"คุณพี่คะ ข่าวใหญ่ค่ะ"
หม่อมเอียดทำหนังสือสวดมนต์ร่วงหลุดมืออย่างตกใจ ใจนึกพะวงว่าจะเป็นข่าวร้าย
"ข่าวใหญ่ ข่าวอะไร แม่อ่อน ! ข่าวร้ายเหรอ ใคร..ใครส่งข่าวมา ชายใหญ่ติดต่อกลับมาแล้วเหรอ"
"ไม่ใช่ชายใหญ่ค่ะ คุณชายอนุพันธ์ค่ะ คุณชายมาบอกข่าวด้วยตัวเองเลยนะคะ อ้อ ! เออ เป็นข่าวดีค่ะ ทางโน้นเจอตัวชายเล็กแล้วนะคะ คุณพี่"
"ยายอ่อน ! แล้วทำไมไม่รีบบอก เธออยากให้ฉันหัวใจวายตายหรือยังไง"
หม่อมเอียดฟังข่าวอย่างโล่งใจมากทีเดียว
อนุพันธ์กับดารณีนุชนั่งอยู่ด้วยกันในห้องรับแขก
"ผมก็ไม่อยากเรียกว่า เป็นข่าวดีเสียทีเดียวนะครับ หม่อมป้า"
"เราเจอตัวคุณชายเล็กแล้ว เราจะไม่เรียกว่า เป็นข่าวดีได้ยังไง"
ย่าอ่อนจับมือหม่อมเอียดอย่างให้กำลังใจ มุ่งมั่นจะเชื่อว่า มันเป็นข่าวดีแน่ๆ
"ข่าวที่เราได้มา เป็นข่าวจากลูกน้องของคุณวิชัยที่เป็นผู้อำนวยแขวงการทางฯ ข่าวส่งผ่านกันหลายต่อจนมาถึงมือของผม ถ้าหากผมได้ข่าวโดยตรงจากคุณชายใหญ่ ผมคงจะสบายใจได้มากกว่านี้"
"เอาเถอะๆ แค่ขอให้ได้รู้ข่าวคราวบ้าง ก็พอจะใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง ฉันเชื่อนะ ฉันเชื่อว่า ชายใหญ่จะไม่มีวันยอมแพ้ จะต้องหาทางพาน้องๆ กลับมาจนได้"
"น้องก็เชื่อมั่นอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ คุณพี่ ชายใหญ่สุขุมรอบคอบไม่เคยทำอะไรผิดพลาด ชายภัทรกับชายพีร์ก็ไปด้วย พี่ๆน้องๆเขาต้องช่วยกันสุดกำลังแหละค่ะ คุณชายอาจจะไม่มั่นใจในความสามารถของลูกชาย แต่ฉันมั่นใจในตัวหลานชายของฉัน"
"ดิฉันก็มั่นใจค่ะ ไม่งั้นพวกคุณชายคงไม่ได้ชื่อว่า ห้าสิงห์จุฑาเทพ หรอกนะคะ ถึงขาดคุณชายรุจไปคน แต่เชื่อได้ว่า ทุกคนจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัย ดิฉันว่า ตอนนี้เรามารอฟังข่าวดีกันต่อไปดีกว่านะคะ"
ดารณีนุชมองอย่างคาดคั้นกับอนุพันธ์
"ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามการคาดหมาย พวกคุณชายน่าจะเริ่มเดินทางต่อกันแล้ว เร็วที่สุดคงจะส่งข่าวมาถึงเราได้ภายในเย็นวันนี้ แต่ถ้าไม่มีการส่งข่าวอะไรเลย ผมคงจะต้องเดินทางไปด้วยตัวเองแล้วล่ะครับ"
"ทำไมล่ะคะ เพราะคุณชายกลัวว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่ได้คาดหมายหรือยังไงคะ คุณชายกำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ ช่วยบอกฉันหน่อยได้มั้ย"
อนุพันธ์นิ่งไปไม่อยากจะบอกเรื่องกลุ่มทหารเวียงภูคำที่เริ่มบุกป่าหนองคายอีกครั้ง
ทับทิมเดินเร่งรีบทั้งคืน ทั้งวันจนเช้าเพื่อกลับไปหาพ่อใหญ่ แต่แล้วก็ต้องนิ่งชะงัก เมื่อรู้สึกได้ว่า มีคนเดินตามมา เขารีบปีนหาที่หลบซ่อนตัวได้ในทันที
กลุ่มทหารเวียงภูคำนับสิบคนกรูกันเดินกระจายค้นทั่วป่า
ทหารเวียงคนหนึ่งบอก
"รอยเท้าไปทางโพ้น"
กลุ่มทหารกรูกันออกไปจนหมด ทับทิมเดินออกมาจากที่หลบซ่อน ยิ้มอย่างพอใจที่หลอกล่อทหารเวียงภูคำไปได้
บริเวณที่พักแรมในป่า ธราธรกับพุฒิภัทรกำลังเก็บเต็นท์หลังใหญ่อยู่ รัชชานนท์ยืนเก็บสัมภาระอีกทาง มือเก็บข้าวของไปแต่ตาจ้องไปทางข้างหน้าเขม็ง
ชัชวีร์กำลังสอนสร้อยชงกาแฟหม้อใหญ่อยู่ ท่าทางกระหนุงกระหนิงสนุกสนานกันอยู่
"ใจเย็นๆ ค่อยๆเทน้ำร้อนลงไป อย่าเทพรวดเดียวอย่างนี้ซิ"
"ข้อยเฮ็ดเป็น ข้อยเคยชงกาแฟให้พ่อใหญ่จังซี้แหละ"
สร้อยเงยหน้ามองรัชชานนท์แล้วเมินหน้าหนีทำไม่สนใจ เธอเทกาแฟจากหม้อต้มกาแฟลงถ้วยพรวดจนกาแฟกระเด็นใส่มือ สร้อยวางถ้วยกาแฟลง สะบัดมือเร่าๆด้วยความแสบร้อน
"โอ๊ย ฮ้อนๆ ! แสบหลายๆ"
"อยากดื้อก็เลยต้องเจ็บตัวอย่างนี้แหละ ไหนเอามือมาดูซิ"
ชัชวีร์กำลังเอื้อมไปจับมือสร้อย รัชชานนท์ก้าวขายาวๆพรวดๆมาจับมือสร้อยไว้ได้ก่อน
"ไม่ต้อง ! ให้พี่ชายภัทรดู พี่ชายภัทร"
รัชชานนท์แหกปากเรียกพี่ชาย มือจับสร้อยแน่น แต่ตาจ้องชัชวีร์อย่างเหม็นหน้า
"พี่ชายภัทร ! มาตรงนี้หน่อยครับ มาดูสร้อยฟ้าให้หน่อย"
รัชชานนท์พูดไม่ทันจบประโยค พุฒิภัทรก็ยื่นหลอดยาทาแผลน้ำร้อนลวกมาตรงหน้ารัชชานนท์จะเอื้อมมือดึงหลอดยา แต่สร้อยดึงหลอดยาไปได้ก่อน
"บ่ต้องยุ่ง ! ข้อยทาเองได้"
ธราธรเดินตามมาทีหลังมองหน้ารัชชานนท์อย่างเพิ่งสังเกตเห็น
"ช่วยดูชายเล็กให้หน่อยซิ ไม่รู้หน้าไปโดนอะไรมา"
"เออ จริงด้วย ผมเพิ่งสังเกตเห็น นายไปโดนอะไรมา"
รัชชานนท์จ้องสร้อยแล้วลูบหน้าทำท่าคิดไปอย่างนั้น เขาแอบยิ้มกวนใส่สร้อย
"เมื่อคืนโดนลิงต่อยมา ! เจ็บแต่ก็คุ้ม"
สร้อยมองรัชชานนท์อย่างเข็ดเขี้ยว แอบเหยียบเท้าของรัชชานนท์ก่อนเดินออกไป รัชชานนท์กระโดดเหย็งๆสูดปากด้วยความเจ็บ
"อ๊าก ! โอ๊ย"
ชัชวีร์ยืนแอบขำรัชชานนท์แล้วต้องรีบเดินหลบฉากไป
"ที่แท้โดนเมียต่อยมา" ธราธรบอก
"ไปทำอะไรรุ่มร่ามเข้าล่ะ"
รัชชานนท์อึกอัก
"ไม่ได้ทำอะไร"
ธราธรกับพุฒิภัทรประสานเสียง
"คงเชื่อหรอก"
รัชชานนท์ทำหน้าตายไม่ยอมพูดอะไรต่อ
อ่านต่อหน้า 4
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
เต็นท์และกระเป๋า ตลอดจนสัมภาระข้าวของหลายอย่าง ถูกเก็บเรียบร้อยกองอยู่รวมกัน สร้อยตั้งต้นชงกาแฟใหม่อย่างใจเย็น ต้มกาแฟหม้อใหญ่แล้วกรองกระดาษอีกที
จากนั้นรินกาแฟใส่ถ้วยกาแฟ 4- 5 ใบ แล้วตักเกลือที่เธอคิดว่าเป็นน้ำตาลใส่ถ้วยกาแฟ
ชัชวีร์ยืนมองสร้อยสนุกกับการต้มกาแฟอย่างเอ็นดู เธอรีบส่งถ้วยกาแฟให้ชัชวีร์
"คุณชัชเป็นคนสอน คุณกะต้องเป็นคนชิมคนแรกเด้อ"
รัชชานนท์รีบเข้ามาคว้าถ้วยกาแฟไปจากมือชัชวีร์
"กาแฟถ้วยแรกควรจะชงให้สามีนะ สร้อยฟ้า"
รัชชานนท์ดื่มกาแฟพรวดเข้ามาแล้วนิ่งอึ้งด้วยความเค็มปี๋
"แซบบ่"
รัชชานนท์พูดไม่ออกได้แต่พยักหน้าหงึกๆ
"แซ่บกะกินให้เหมิดถ้วย กินให้ไวๆ กิน"
รัชชานนท์ค่อยละเลียดดื่มกาแฟไปอย่างพะอืดพะอม สร้อยรีบส่งกาแฟให้ชัชวีร์อีกแก้ว
"นี่กาแฟของคุณชัช"
ชัชวีร์รับถ้วยกาแฟมาจากสร้อย เมื่อเห็นท่าทีของรัชชานนท์แล้วก็พอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ชัชวีร์ค่อยๆจิบกาแฟไปช้าๆ อย่างทรมาน ธราธรกับพุฒิภัทรเดินเข้ามา
"เก็บของหมดเรียบร้อยแล้วนะ ขาดแต่สัมภาระของน้องนุช เราขนไปเท่าที่ขนไหวแล้วกัน" ธราธรบอก
"ผมว่าปัญหาใหญ่คือ เราจะทำยังไงกับน้องนุชดีครับ พี่ชายใหญ่ อย่าลืมว่า ขามาเรามีบุญโฮมกับตาเกิ้นยอมเป็นลูกหาบแบกเสลี่ยงหามน้องนุชมาให้ แล้วขากลับนี่ เราจะทำยังไงดี" พุฒิภัทรว่า
ธราธรกับพุฒิภัทรปรึกษากันไปก็ฉวยถ้วยกาแฟไปคนละแก้วแล้วดื่มพรวดเดียวก่อนที่รัชชานนท์กับชัชวีร์จะห้ามไว้ทัน
"เดี๋ยวครับ"
ธราธรกับพุฒิภัทรไม่ทันตั้งตัวใดๆ ทั้งสิ้น ดื่มกาแฟพรวดเข้าไปแล้วก็พรวดทิ้งออกมาอย่างรวดเร็ว
สร้อยหน้าตาตื่น
"เป็นหยัง ! ฮ้อนไปแม่นบ่"
"ใช่แล้วๆ มันร้อนไป พวกพี่ๆไม่ชอบดื่มกาแฟร้อนๆ" รัชชานนท์บอก
ธราธรกับพุฒิภัทรมองหน้ากันอย่างพูดไม่ออก รัชชานนท์ขยับเข้าไปใกล้พี่ๆและชัชวีร์
"คืออย่างนี้นะครับ คือว่า เมียผมเค้ามีปัญหาทางประสาทการรับรส แยกน้ำตาลกับเกลือไม่ค่อยออก"
สร้อยวางกาแฟที่รินใหม่อีกสองถ้วยส่งให้ธราธรกับพุฒิภัทร
"เอ้า ! ข้อยรินให้ใหม่แล้ว บ่ฮ้อนแล้ว"
สร้อยยืนหน้าเหรอหราที่ทุกคนมองมาที่เธออย่างน้ำท่วมปากพูดไม่ออก
บริเวณหลุมฝังศพพรานเจ้ย จันทานั่งคุกเข่าอยู่ที่หลุมศพของพ่อบุญธรรม แล้วก้มลงกราบลา จันทาเอื้อมมือไปแตะที่เนินดินเบาๆ
"พ่อจ๋า ข้อยมาลาพ่อเด้อ ถ้าชาติหน้ามีจริง ข้อยขอเกิดเป็นลูกแท้ๆ ของพ่อ แล้วขอให้พ่ออยู่จนแก่จนเฒ่า ให้ข้อยได้มีโอกาสตอบแทนพระคุณของพ่อ..หลับให้ซำบายนะ พ่อ"
จันทาถอยออกมายืนมองหลุมศพของพรานเจ้ย พอหันกลับมาก็เห็นชัชวีร์ยืนมองมาอยู่
"สร้อยฟ้าบอกว่า ตามหาตัวเธอได้ที่นี่ เพราะเธอต้องมาลาพ่อก่อนไปแน่ๆ เสียดายจริงๆ ที่ฉันไม่มีโอกาสได้รู้จักกับพ่อของเธอ พี่ชายเล็กบอกว่า พรานเจ้ยเป็นนายพรานที่มีฝีมือมาก"
"จันทาก็เสียดาย...เสียดายที่มารู้ว่าพ่อรักจันทาแค่ไหน พ่อก็ไม่อยู่กับจันทาแล้ว มีเรื่องอีกตั้งหลายเรื่องที่จันทาไม่เคยบอกพ่อ จันทาไม่เคยบอกรักพ่อ"
"ไม่ต้องบอก พ่อของจันทาก็รู้ จันทาโชคดีมากนะ ถึงพรานเจ้ยไม่ใช่พ่อแท้ๆของจันทา แต่เขาก็รักจันทายิ่งกว่าชีวิต ไม่ว่าเวลาที่จันทาได้อยู่กับพ่อจะน้อยแค่ไหน แต่ก็เป็นเวลาที่น่าจดจำทุกนาที"
"ขอบคุณคุณชัชมากนะจ๊ะ คุณชัชทำให้จันทาพร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วล่ะ ไม่ว่าวันข้างหน้าจันทาจะต้องเจอกับอะไร"
"จันทาไม่ต้องกลัวอะไรเลย อย่าลืมนะ ตอนนี้เธอมีพี่ชายตั้งสี่คน ถ้าพี่ชายรุจกลับมา ก็รวมเป็นห้าคนแล้ว ไม่มีใครกล้ารังแกจันทาแน่ๆ"
"แล้วคุณชัชจะมาเป็นพี่ชายของจันทาอีกคนหรือเปล่าจ๊ะ"
"ไม่ล่ะ"
จันทามองชัชวีร์อย่างแปลกใจและไม่เข้าใจ ชัชวีร์ยิ้มกริ่ม
"ฉันไม่อยากเป็นพี่ชายของจันทา แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่า เราสองคนควรจะคบกันในฐานะอะไรดี จันทาล่ะคิดออกมั้ย"
จันทายิ้มเขินที่ชัชวีร์พูดจาเลี้ยวลดอย่างมีชั้นเชิง จ่อยถือช่อกล้วยไม้ป่าเดินเทิ่งๆ เข้ามาชัชวีร์ที่กำลังขยับเข้าใกล้จันทาต้องรีบถอยออกไป
"จันทา ข้อยหาดอกไม้มาให้เจ้าได้แล้ว พอบ่!"
"พอจ้ะ ขอบใจหลายเด้อ อ้ายจ่อย"
จันทารับช่อกล้วยไม้ป่าจากจ่อยมาแล้วคุกเข่าหน้าหลุมศพ วางช่อกล้วยไม้ลงที่หลุมศพ
จ่อยหันมาเหล่มองชัชวีร์อย่างไม่ชอบใจ
"มาเฮ็ดหยังหม่องนี้"
"มาตามจันทา เรากำลังจะเดินทางกันแล้ว"
"ข้อยกำลังพาจันทากลับไปอยู่แล้ว บ่เห็นต้องมาตาม"
จ่อยชะงักมองไปที่ทางหลุมศพ แล้วปราดไปดูตามพื้นบริเวณใกล้เคียงทั้งหมด
ชัชวีร์รีบตามไปดูร่องรอยตามพื้นด้วยอีกคน
"รอยเท้าใคร รอยใหม่ด้วย"
จ่อยหยิบป้ายที่สลักรูปนกเงือกที่ถูกหักเป็นสองท่อนทิ้งอยู่กับพื้นขึ้นมาดู
"นายคิดว่า พวกมันเป็นใคร"
"ทหารเวียงภูคำ"
ชัชวีร์ จ่อยและจันทานิ่งอึ้งอย่างตกใจ ที่จู่ๆ ก็มีร่องรอยทหารเวียงโผล่มา!
ด้านรณพีร์เดินเร็วรีบมาจากทางแอ่งน้ำ หน้ามุ่ยรำคาญใจที่ต้องมากับศินีนุช เธอในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำที่ถือกระเป๋าและอุปกรณ์อาบน้ำเดินไล่ตามหลังมา
"พี่ชายพีร์ๆ พี่ชายพีร์จะรีบไปไหน รอกันบ้างซิค ถ้าพี่ชายพีร์ไม่เต็มใจไปเป็นเพื่อนนุช ก็น่าจะให้พี่ชายเล็กไปแทน"
รณพีร์หลุดปากอีก
"พี่ชายเล็กว่างที่ไหน เขาก็มีผู้หญิงของเขาที่จะต้องดูแล"
"ก็นุชนี่ไงคะ ผู้หญิงของพี่ชายเล็ก หรือว่าพี่ชายพีร์หมายถึงใครคนอื่นอีก"
ศินีนุชจ้องเขม็งอย่างเค้นคอเอาเรื่อง ผิดหูเป็นไม่ได้เชียว
"เออ คือ พี่ชายใหญ่สั่งให้พวกพี่ๆช่วยกันดูแลพวกผู้หญิง พี่ก็เลยต้องมากับน้องนุชนี่ยังไงเล่า"
"นุชฟังแล้วก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ทำไมต้องเป็นพี่ชายพีร์ไม่ใช่พี่ชายเล็ก"
"อีกไม่นานน้องนุชก็จะรู้เอง รีบๆ เดินเร็วเข้า เราเสียเวลามามากแล้ว ที่จริงเราควรออกเดินทางกันไปเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว"
"นุชก็รีบอยู่นี่ยังไงคะ พี่ชายพีร์เร่งจนนุชหายใจหายคอไม่ทันอยู่แล้ว"
รณพีร์พึมพำ
"นี่ขนาดรีบนะ ยังอาบน้ำเป็นชั่วโมง"
รณพีร์เร่งรีบเดินต่อไปทันที ศินีนุชรีบเร่งฝีเท้าตามไป
"รอด้วยค่า พี่ชายพีร์"
รณพีร์ไม่ฟัง ยังคงรีบเดินเป็นการเร่ง ไม่ให้ศินีนุชโอ้เอ้ต่อไปได้
ธราธรกำลังสั่งการ หลังจากรู้เรื่องร่องรอยของทหารเวียงภูคำจากชัชวีร์และจ่อย
สร้อยกับจ่อยช่วยกันดับกองไฟอยู่ ส่วนรัชชานนท์ พุฒิภัทร และชัชวีร์ช่วยกันลากผ้าใบของเต็นท์และข้าวของอื่นๆที่ไม่คิดจะเอาไปด้วยมากองไว้รวมกัน มีจันทาช่วยหยิบจับเล็กๆน้อยๆ
"เราเอาแต่ข้าวของจำเป็นติดตัวไปก็พอ ส่วนสัมภาระอื่นๆคงต้องทิ้งไว้ที่นี่ เพื่อให้การเดินทางคล่องตัวขึ้น"
รณพีร์กับศินีนุชเดินมาถึงที่พักแรม มองทุกคนที่กำลังรีบร้อนเก็บข้าวของ
"ผมว่า เราควรแยกกันเป็นสองกลุ่มด้วยนะครับ ถ้าเราไปพร้อมๆกัน ต้อง รอกันไปรอกันมา จะยิ่งเสียเวลา" ชัชวีร์บอก
รัชชานนท์ขัดคอ
"แต่ฉันว่า เราเดินทางไปพร้อมๆกันนี่แหละ"
รณพีร์กับศินีนุชมองทุกคนอย่างงงันและรู้สึกถึงบรรยากาศที่เคร่งเครียด
"นี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือครับ"
"มีร่องรอยว่า พวกทหารเวียงมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้"ธราธรบอก
"พวกมันเจอหมู่บ้านวลาหกแล้ว แต่พ่อใหญ่พาคนหนีออกไปได้ทัน ตอนนี้มันคงกระจายกำลังค้นหาทั่วทั้งป่าแน่"
"บ่ต้องห่วงดอก บักทับทิมหลอกพวกมันไปทางอื่นแล้วล่ะ กว่าพวกมันสิมาทางนี้ พวกเฮากะฮอดในเมืองแล้ว" จ่อยว่า
แต่ยังไงเราก็ประมาทไม่ได้" พุฒิภัทรบอก
สร้อยเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ทุกคนเงยหน้ามองตาม เห็นนกพิราบสื่อสารบินเร็วไปทางชายป่า
"สายข่าวในเมืองส่งข่าวมาอีกแล้ว...บ่ใช่ข่าวดีแน่"
สร้อยสบตากับรัชชานนท์รู้สึกผิดที่ทำให้ทุกคนมาเดือดร้อนด้วย
บริเวณชายป่า กลุ่มชาวบ้านที่อพยพมาพร้อมพ่อใหญ่เริ่มเคลื่อนพลออกไป พ่อใหญ่ ไกสอนและแฮรี่ขี่ม้า ปิดท้ายขบวนไปอย่างช้าๆ
"พ่อใหญ่ครับ ผมว่า พวกเราแยกกับกลุ่มชาวบ้านตรงนี้เลย จะไม่ดีกว่าหรือครับ พวกเราจะได้เดินทางตรงไปรวมกับกองกำลังของเราได้เลย" แฮรี่บอก
"ข้อยกะเห็นด้วยกับแฮรี่ พ่อใหญ่บ่ต้องตามไปส่งพวกชาวบ้านดอก หมู่บ้านใหม่อยู่บนเขาโพ้น เทื้อนี้ชาวบ้านได้อยู่อาศัยอย่างสุขสงบอีหลี บ่ต้องย่านว่าพวกทหารเวียงสิตามไปฮอด" ไกสอนบอก
"ตอนนี้เรามีกำลังแค่หยิบมือ ถ้าหากเราหลบหลีกพวกทหารเวียงไปได้ตลอด เราก็รอดไป แต่ถ้าหากเราต้องปะทะกับพวกมันล่ะก็ ผมเกรงว่า เราจะคุ้มครองพ่อใหญ่ไม่ได้ เราถึงต้องรีบไปถึงที่หมายให้เร็วที่สุด"
"บ่ได้ ! บ่ว่าจังได๋เฮากะต้องไปกับพวกชาวบ้าน ไปเบิ่งให้เห็นกับตาว่าทุกคนอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว ถ้าเฮาทิ้งชาวเวียงภูคำ เฮากะบ่สมควรเป็นพ่อใหญ่ของพวกเพิ่น"
ทุกคนหันไปเห็นทับทิมที่เร่งรีบเดินเข้ามา ไกสอนบอก
"บักทับทิม ! ฝีเท้าบ่เคยตกเลยเด้อ ตามมาทันจนได้"
"เจอเจ้าสร้อยบ่"
"เจอครับ.. เฮื่องที่พ่อใหญ่เป็นห่วงเห็นสิเป็นจริงแล้ว"
ทับทิมรีบส่งม้วนกระดาษที่ติดมากับนกพิราบสื่อสาร
"ข้อยเพิ่งรับได้ก่อนที่สิมาเจอพ่อใหญ่"
พ่อใหญ่รีบคลี่ม้วนกระดาษออกอ่าน
"ไอ้เซกองมันส่งทหารเข้ามาอีก...นี่คงเป็นเพราะข่าวลือเฮื่องเจ้ารัชทายาทแน่ ไอ้เซกองถึงดิ้นพล่านพยายามสิตามจับตัวพวกเฮาให้ได้"
พ่อใหญ่ถามทับทิม
"พวกเจ้าสร้อยสิเดินทางมื้อใด๋"
"ตอนนี้พวกเพิ่นคงเดินทางกันไปแล้ว พวกทหารเวียงกลุ่มแรกที่มากะหลงไปทางอื่นแล้ว พวกกองกำลังเสริมบ่น่าสิตามมาทัน บ่ต้องห่วงดอกพ่อใหญ่ พวกเพิ่นสิต้องไปรอดปลอดภัย"
พ่อใหญ่นิ่งเครียดด้วยความเป็นห่วงสร้อย
อีกครั้งที่รณพีร์เคร่งเครียดไม่เห็นด้วย เมื่อรับรู้เรื่องทหารเวียงภูคำแล้ว
"เราไม่เห็นจะต้องไปกลัวไอ้พวกทหารเวียงเลยนี่ครับ ผมกับไอ้ชัชก็เคยจัดการพวกมันมาแล้ว! ถ้าเจอพวกมัน ก็สู้กันซักตั้ง เรามากันตั้งหลายคน ปืนเราก็มี"
ธราธรกับพุฒิภัทรมองน้องชายอย่างปรามๆ ชัชวีร์ตบไหล่ให้รณพีร์ใจเย็นลง
"แต่นายอย่าลืมซิว่า คราวที่เราเจอกับพวกทหารเวียง มันมากันแค่สองคน แล้วก็ยังเป็นทหารอ่อนหัดอีก เราถึงจัดการมันไม่ยาก แต่คราวนี้พวกมันน่าจะมากันเป็นสิบหรืออาจจะเป็นร้อยก็ได้"
"แล้วเราก็มีผู้หญิงมาด้วย ถึงพวกมันตั้งใจไล่ล่าแต่ชาวเวียงภูคำ ไม่กล้าแตะต้องคนไทย แต่ไอ้พวกทหารเวียงพวกนี้ มันเชื่อใจได้ที่ไหน" รัชชานนท์บอก
ศินีนุชในชุดเดินป่ายืนฟังรวบรวมข้อมูลอยู่นานกว่าจะเข้าใจ
"เดี๋ยวๆ เดี๋ยวนะคะ นี่คนพวกนี้..."
ศินีนุชชี้กราดไปที่สร้อย จ่อยและจันทาที่ยืนรวมกันอยู่
"คนพวกนี้..นี่เป็นชาวเวียงภูคำที่ลี้ภัยมาหรือคะ ต๊าย ! เป็นคนบ้านป่าไม่พอยังเป็นพวกคนเถื่อนอีกด้วย แล้วก็ยังมาพลอยทำให้พวกเราเดือดร้อน นุชช่วยแก้ปัญหาให้เอง เราก็แยกกันเดินทาง ให้พวกคนบ้านป่าหาทางเข้าเมืองกันเอง แล้วค่อยไปนัดเจอกันอีกทีที่ไหนซักแห่ง"
"ได้ ! เฮาต่างคนต่างไป พวกเฮากะบ่อยากให้ให้พวกคุณมาเสี่ยงชีวิตด้วยคือกัน" สร้อยบอก
"ข้อยเห็นด้วย พวกเฮาไปกันเองสิเร็วกว่าไปกับพวกเจ้า" จ่อยบอก
"อ้ายจ่อย...เฮาฟ่าวไปกันเลยดีบ่ เฮายิ่งไปจากพวกคุณชายเร็วเท่าไหร่ พวกเพิ่นสิยิ่งปลอดภัยเด้อ" จันทาบอก
"พวกเฮาไปกันเลย"
สร้อยดึงจันทาเดินออกไป จ่อยจะเดินตามแต่โดนรัชชานนท์ขวางทางไว้
"ไม่ได้ ! เราต้องไปด้วยกัน สร้อยฟ้า เราต้องไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ เราจะไม่มีวันทิ้งกัน"
"พี่ชายเล็กคะ เรื่องบุญคุณก็ส่วนเรื่องบุญคุณเถอะค่ะ ถ้าพวกเขารอดชีวิตออกไปได้ ก็ค่อยไปทดแทนกันตอนนั้น ตอนนี้เราควรหาทางออกไปจากที่นี่โดยไม่ต้องเสี่ยงอันตรายจะดีกว่า" ศินีนุชบอก
"พวกพี่ไม่มีวันหนีเอาตัวรอด แล้วทิ้งคนอื่นไปเผชิญอันตรายตามลำพังหรอกนะ น้องนุช ถึงสร้อยฟ้าจะไม่ใช่คนที่ช่วยชีวิตชายเล็ก เป็นแค่คนแปลกหน้าผ่านมา เราก็จะไม่ทิ้งพวกเขา"ธราธรบอก
รณพีร์แขวะ
"น้องนุชรู้จักคำนี้มั้ยครับ มนุษยธรรม พวกสร้อยฟ้าไม่ใช่พวกคนเถื่อนคนที่ไม่คิดจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน นั่นแหละครับ พวกคนเถื่อนที่แท้จริง"
ศินีนุชโกรธจี๊ด
"พี่ชายพีร์ว่านุชหรือคะ"
รณพีร์จงใจกวน
"น้องนุชคิดว่ายังไงล่ะ"
"เอาล่ะๆ นอกเรื่องกันไปแล้ว ตกลงว่าเราจะไปด้วยกันทั้งหมด แต่ก่อนที่เราจะเดินทาง เราจะต้องเตรียมตัวไว้ให้ดีก่อน" พุฒิภัทรว่า แล้วหันไปถามรัชชานนท์
"นายว่าพวกทหารเวียงไม่กล้าแตะต้องคนไทยใช่มั้ย"
พุฒิภัทรจับตามองสร้อยกับจันทาและจ่อยด้วย
รัชชานนท์ ธราธร รณพีร์และชัชวีร์ต่างมองไปที่กลุ่มของสร้อยอย่างครุ่นคิดและดูเหมือนจะคิดได้เหมือนกัน !
ศินีนุชยืนกระฟัดกระเฟียดอารมณ์เสียอยู่หน้าเต็นท์เล็ก เสียงสร้อยร้องโวยวายออกมาจากในเต็นท์
"โอ๊ย บ่เอาแล้ว ใส่ยากใส่เย็นจังซี้"
"เจ้ากะยืนเฉยๆซิ ดิ้นไปดิ้นมาจังซี้ ไผสิใส่ให้ได้"
รัชชานนท์ ธราธร พุฒิภัทร เดินมาหยุดยืนรอที่หน้าเต็นท์เล็ก จันทาเดินหนีบออกมาจากเต็นท์ ท่าทางอายๆกับเสื้อผ้าที่ไม่เคยใส่มาก่อน สร้อยเดินปึงปังออกมา ขยับเสื้อขยับกางเกงอย่างรำคาญมาก ทั้งคู่อยู่ในชุดของศืนีนุชเพื่อให้ดูเป็นคนเมือง ธราธรบอก
"ดูเป็นสาวกรุงเทพฯ ขึ้นมาทีเดียว"
"ก็พอไหวล่ะค่ะ แต่อย่าให้อ้าปากพูดก็แล้วกัน"
สร้อยโวย
"ข้อยบ่เห็นว่า เฮ็ดจังซี้แล้วสิช่วยอะหยังได้"
"พูดยังไม่ทันขาดคำ ! นี่แม่สร้อยฟ้า ไม่ต้องโวยวายไป ถ้าพวกพี่ๆไม่ขอร้อง ฉันก็ไม่อยากจะบริจาคเสื้อผ้าดีๆให้พวกเธอนักหรอกนะ เอาไปแล้วก็ไม่ต้องคืนนะ เพราะถ้าคืนมาฉันก็คงต้องเอาไปเผาทิ้งอยู่ดี"
ศินีนุชเดินเชิดหน้าออกไป สร้อยหันไปโวยกับบรรดาคุณชายและชัชวีร์
"ข้อยสิไปถอดทิ้ง คึดว่าเพิ่นขี้เดียดฝ่ายเดียวเหรอ ข้อยกะขี้เดียดเพิ่นหลายคือกัน"
"เจ้าสร้อย ! ใจเย็นๆสิ เฮาแต่งตัวเป็นคนเมืองสิได้ปลอดภัยจากทหารเวียงเด้อ" จันทาบอก
"ข้อยฮู้ ! แต่ข้อยบอกแล้ว ข้อยบ่ย่านพวกทหารเวียง ข้อยบ่ต้องการปลอมตัวเป็นไผ ให้มันฮู้ไปเลยว่า ข้อยเป็นชาวเวียงภูคำ ! พวกมันมากันกี่คน ข้อยกะบ่ย่าน มาเลย มาสู้กันตายไปข้างนึง"
"ถ้าข้างที่ตายเป็นฝ่ายเราล่ะ เธออยากให้ทุกคนเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่เพราะความดื้อรั้นของเธองั้นเหรอ" รัชชานนท์ถาม
"พวกเราออกไปจากป่านี่โดยไม่ต้องมีเรื่องกับทหารเวียงเป็นการดีที่สุด" ธราธรบอก"พวกนั้นจะได้ไม่ระแคะระคายเรื่องภารกิจของเธอด้วยยังไงล่ะ" พุฒิภัทรบอก
สร้อยทำนิ่งดื้อเงียบแต่ก็คิดตาม รู้ว่าทุกคนมีเหตุผลที่ต้องทำตาม รณพีร์กับชัชวีร์เดินเข้ามา
"ยอมฟังพวกพี่ๆเขาหน่อยเถอะนะ ตอนนี้เราคงต้องยอมหลบเลี่ยงการปะทะกับพวกมัน แต่โอกาสหน้ายังมี" รณพีร์บอก
"ยังไงสร้อยฟ้าก็ต้องไปอยู่กรุงเทพฯ ก็ถือว่านี่เป็นการซักซ้อมก่อนที่จะไปเป็นสาวกรุงเทพฯเต็มตัวก็แล้วกันนะ" ชัชวีร์บอก
"กะได้ ข้อยยอมแต่งตัวเหมือนแม่นกแก้วปากแดงกะได้"
สร้อยพยักหน้าหงึกหงักให้ชัชวีร์อย่างจำยอม ชัชวีร์มองสร้อยแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู รัชชานนท์หมั่นไส้อีก
"เออ ดี คนอื่นพูดไม่ฟัง แต่ฟังไอ้ชัชเนี่ยนะ"
"เราออกเดินทางกันได้แล้ว นี่เราขาดใครหรือเปล่า" ธราธรถาม
"น้องนุชยืนหน้างอเป็นม้าหมากรุกอยู่โน่นแน่ะ" รณพีร์บอก
"ยังขาดใครอีกคน" พุฒิภัทรถาม
"อ้ายจ่อยจ้ะ จันทายังไม่เห็นอ้ายจ่อยเลยจ๊ะ"
ทุกคนชะเง้อมองหาจ่อย ซักพักเห็นจ่อยในชุดเดินป่าของชัชวีร์ ที่ไม่พอดีตัวเอาเสียเลยจ่อยเดินกระมิดกระเมี้ยนออกมา
"โอ้โห บักจ่อย โก้ไม่เบาเลยนะเนี่ย" รณพีร์บอก
ทุกคนมองจ่อยที่เริ่มมั่นใจแล้วยืนยืดนิดๆ ชักจะชอบชุดคนเมืองเข้าแล้ว
สร้อยเดินเร็วพรวดๆ นำทางมาอย่างผู้เชี่ยวชาญทางในป่า รัชชานนท์กับชัชวีร์เดินตามหลังมาเหมือนเดินแข่งกันมา จ่อยเดินมากับจันทา ดูแลกันมาตลอดทาง
"เดินช้าๆ หน่อย สร้อยฟ้า คนอื่นตามมาไม่ทันแล้ว" รัชชานนท์บอก
"พวกเจ้ากะเดินเร็วกว่านี้หน่อยซิ เฮาต้องออกจากป่านี้ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน บ่จังสั้นกะเสียเวลาไปอีกมื้อ"
"พี่ชายเล็กครับ อย่างที่ผมบอกก่อนหน้านี้ เราควรจะแยกกันเป็นสองกลุ่มสร้อยฟ้ากับบักจ่อยชำนาญการเดินป่า ใช้เวลาไม่มากก็ออกไปจากป่านี่ได้แล้ว ให้ผมกับชายพีร์ไปด้วยก็ได้"
"ไม่ ! เราเดินทางไปด้วยกันแบบนี้แหละ มีอะไรเกิดขึ้นจะได้ช่วยๆกัน"
"แต่ข้อยอยากแยกกลุ่มออกไป ข้อยฮู้เส้นทางลัด แต่ทางไปมันลำบาก แม่หญิงของเจ้าไปบ่ไหวดอก"
"ข้อยกะคึดจังสั้นคือกัน ข้อยกับอีสร้อยสิพาจันทาเดินทางล่วงหน้าไปก่อน จันทาเข้มแข็งอดทนบ่ได้สำรวยสวยกรากเหมือนแม่หญิงคนเมือง เพิ่นไปกับพวกเฮาไหว ส่วนเจ้ากะไปกับพวกเจ้าไป" จ่อยว่า
"ไม่ ! ยังไงเราต้องไปด้วยกัน"
"แล้วพวกเฮาต้องเดินๆเซาๆจังซี้ไปอีกนานแค่ไหน เบิ่งซิ คุณชาย เบิ่งซิ บ่มีวี่แววว่าสิมีไผตามมาเลย เดินช้ายิ่งกว่าเต่าคลานจังซี้"
รัชชานนท์มองตามไปด้านหลังเห็นทางเดินไปไกลที่ยังไร้วี่แววว่ากลุ่มธราธรจะตามมาได้ทัน
รณพีร์เดินนำทางมา ตามมาด้วยธราธรกับพุฒิภัทรที่เดินประกบศินีนุชที่เดินขาลากอย่างช้าๆอย่างเหนื่อยหอบ ศินีนุชสะพายกระเป๋าใบและหิ้วกระเป๋าอีกใบ
"พี่ถือกระเป๋าให้เอง น้องนุช" ธราธรบอก
"ไม่เป็นไรค่ะ นุชถือเองได้ค่ะ"
"ของอะไรที่ไม่จำเป็นก็ทิ้งไปเถอะ อย่าไปเสียดายเลย ยิ่งเรามีสัมภาระน้อยเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเดินทางไปได้เร็วขึ้นเท่านั้น" พุฒิภัทรแนะนำ
"นุชทิ้งไม่ได้หรอกค่ะ ของทุกอย่างในกระเป๋านี่เป็นของจำเป็นสำหรับนุช แล้วนุชก็แบกข้าวของๆนุชเอง ไม่ได้รบกวนใคร เห็นมั้ยคะว่า นุชก็แข็งแกร่งไม่แพ้แม่พวกสาวบ้านป่านั่นเลย"
"แต่พวกสาวบ้านป่าเขาเดินลิ่วๆไปโน่นจนเราตามไม่ทันแล้วนะครับ ปกติเดินตัวเปล่า น้องนุชก็เดินแทบไม่ไหวอยู่แล้ว นี่ยังจะแบกสมบัติบ้าพวกนี้ไปอีก แล้วเราจะออกไปจากที่นี่ได้เมื่อไหร่กัน" รณพีร์ว่า
"งั้นพวกพี่ๆ ก็ไปกันเลย ไม่ต้องรอนุช ทิ้งนุชให้ตายในป่านี่แหละ ตอนนี้ไม่มีใครเห็นนุชอยู่ในสายตาแล้ว โดยเฉพาะพี่ชายเล็ก ดูเป็นห่วงแม่พวกสาวบ้านป่าเหลือเกิน ดูซิคะ แทนที่จะมาดูแลนุช แต่กลับเดินประกบแม่สร้อยฟ้าไม่ได้ห่าง"
ศินีนุชเริ่มน้ำตาคลอ พวกผู้ชายมองหน้ากันเริ่มทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นน้ำตาของผู้หญิง
"ทำไมไม่มีใครเห็นความดีของนุชบ้างเลย นุชอุตส่าห์ตามมาช่วยพี่ชายเล็กถึงในป่าที่แสนจะอันตราย ไม่ว่าจะต้องเจอความยากลำบากแค่ไหน นุชก็สู้อดทน ไม่เคยทำตัวเป็นภาระให้พวกพี่ๆ"
รณพีร์เริ่มรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติที่พงป่าด้านหลังศินีนุช เขาจุ๊ปากเตือน
"ชูว์...เงียบก่อน...น้องนุช"
ศินีนุชฟูมฟายมากขึ้น
"นุชขอระบายความรู้สึกในใจ...ก็ไม่ได้หรือคะ พวกพี่ๆ จะให้นุชอดทนอดกลั้นไปอีกนานแค่ไหนกัน..นุชก็มีหัวใจ มีความรู้สึก"
รณพีร์พุ่งเข้าไปดึงตัวศินีนุชให้ไปหลบอยู่หลังธราธรกับพุฒิภัทร
ศินีนุชกรี๊ดตกใจ
"ว้าย พี่ชายพีร์"
รณพีร์ดึงปืนออกมาเตรียมจ่อยิงทุกเมื่อ ธราธรกับพุฒิภัทรรีบดึงปืนออกมาเตรียมรับมือทันที
"เฮ้ย ! ใครอยู่ตรงนั้น ออกมา"
ทหารเวียงภูคำ 2 คนถือปืนเดินแหวกพงไม้ออกมา ทั้งสองฝ่ายต่างเล็งปืนเข้าหากัน
ทหารคนที่ 1กระซิบบอกทหารคนที่ 2
"คนไทย"
"เออ ! ก็คนไทยน่ะซิ ! คนไทยที่เป็นเจ้าของแผ่นดินที่พวกแกกำลังเหยียบอยู่ พวกแกกำลังรุกล้ำดินแดนของคนอื่น"
พุฒิภัทรบอกกับรณพีร์
"ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งหุนหัน"
ทหารคนที่ 2 บอก
"บ่ใช่ชาวเวียง ปล่อยไปเถอะ"
ทหารคนที่ 1 ยังคงมองสำรวจที่พื้น เห็นว่า ยังมีร่องรอยของรอยเท้าอื่นๆอีก
"พวกเจ้าบ่ได้มากันแค่นี้ มากันกี่คน"
"เห็นว่า เรามีกันอยู่กี่คนล่ะ" ธราธรถาม
รณพีร์บอก
"เก็บปืน แล้วไปซะ แล้วเราจะไม่เอาเรื่องพวกแก"
ศินีนุชหลบอยู่หลังธราธรมองทหารเวียงสองคนอย่างหวาดหวั่น ทหารเวียงภูคำทั้งสองคน ยังคงจ้องมองกลุ่มธราธรอย่างสงสัย ขยับปืนไปมาอย่างชั่งใจ ทหารคนที่ 1มองศินีนุชอย่างโลมเลียหื่นเล็กๆ ศินีนุชเริ่มทนสถานการณ์กดดันต่อไปไม่ไหว
"พวกแก...พวกแกมาตามหาชาวเวียงภูคำใช่มั้ย พวกมันไปทางโน้นโน่น ถ้าจะไปจับก็ไปจับเลย แต่ขอบอกนะว่า พวกเราไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย"
ธราธร พุฒิภัทรและรณพีร์หันมามองศินีนุชอย่างคาดไม่ถึง ทุกคนต่างมองไปที่กลุ่มรัชชานนท์ที่เดินนำหน้าไปอย่างไม่ตั้งใจ ทหารเวียงทั้งสองมองตามสายตาของทุกคน
ทหารเวียงทั้งสองขยับตัวเดินออกไปทันที รณพีร์พุ่งเข้าไปชาร์ตตัวทหารคนที่ 1 จนล้มลงไป ทหารคนที่ 2 หันมาจะยิงรณพีร์ แต่ธราธรกับพุฒิภัทรพุ่งเข้าใส่ก่อน จนเสียงปืนลั่นแต่ไม่โดนใคร
ศินีนุชกรี๊ดแตกด้วยความตกใจ ทิ้งขว้างกระเป๋าที่แบกมาตลอดทางลงพื้นอย่างไม่สนใจ แล้ววิ่งหน้าตั้งหนีเตลิด พลางร้องกรี๊ดๆ ไปตลอดทาง
รัชชานนท์ได้ยินเสียงปืนดังลั่นขึ้นกลางป่าที่เงียบงัน ทุกคนหันมองหน้ากันอย่างตกใจ
"สร้อยฟ้า จันทา รออยู่ที่นี่นะ" รัชชานนท์สั่ง
รัชชานนท์และชัชวีร์วิ่งออกไป จ่อยวิ่งตามไปด้วยแต่โดนสร้อยดึงตัวไว้
"เจ้าบ่ต้องไป อยู่คุ้มกันจันทาที่นี่"
"อ้าวเฮ้ย! อีสร้อย เจ้าเป็นผู้หญิง เจ้าสิต้องรออยู่ที่นี่ ข้อยสิต้องเป็นคนไป ป๊าดโธ่ เว้าบ่ฮู้ฟังเลย"
สร้อยไม่ฟังเสียงจ่อยโกยอ้าวตามรัชชานนท์กับชัชวีร์ไปอย่างรวดเร็ว
อ่านต่อตอนที่ 8