xs
xsm
sm
md
lg

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 6

ขบวนของเจ้าบ่าวเจ้าสาวเคลื่อนขบวนมาตามทางในหมู่บ้าน กลุ่มชาวบ้านพากันยืนเรียงรายสองข้างทาง รอดูเจ้าบ่าวเจ้าสาวอย่างตื่นเต้นยินดี

รัชชานนท์กับสร้อยเดินไปทางไหน กลุ่มชาวบ้านก็โปรยปรายดอกไม้ให้
สร้อยเหลียวหน้าแลหลังตลอดทางมองหาพ่อใหญ่ เห็นมีแต่แม่เฒ่าที่เดินนำ แต่พ่อใหญ่กับไกสอนไม่ได้ตามมาด้วย ส่วนแฮรี่ที่เพิ่งตามมาสมทบ พอสร้อยขยับจะถาม แฮรี่ก็ยกกล้องขึ้นถ่ายรูป
รัชชานนท์หันมาจับตามองสร้อยที่ดูสวยแปลกกว่าทุกวันสร้อยหันขวับมาจ้องหน้าแล้วถาม
"มองอะหยัง !"
รัชชานนท์ยิ้มบอก
"ก็มองเจ้าสาวของฉันน่ะซิ"
สร้อยยิ้มมั่น
"เห็นข้อยเป็นผู้หญิงแล้วล่ะซิ"
"ไม่ล่ะ ยังไงฉันก็ไม่มีวันเห็นเธอเป็นผู้หญิงไปได้"
"บ่เป็นหยัง ข้อยเก่งกล้าบ่แพ้ผู้ชาย บ่มีไผเห็นข้อยเป็นผู้หญิงอยู่แล้ว"
"ฉันก็ไม่เคยเห็นเธอเป็นผู้ชายนะ"
สร้อยชักเอะใจ
"แล้วเห็นข้อยเป็นอะหยัง"
รัชชานนท์ก้มหน้าลงไปมองสร้อยใกล้ๆอย่างพิจารณา
"ก็เห็นเป็นลิงน่ะซิ! ฉันยังไม่เคยเห็นเธออยู่เฉยๆ... เพ่นพล่านไปทั่วหมู่บ้าน จับไม่ได้ไล่ไม่ทันซักที ปีนต้นไม้ได้ปรู๊ดปร๊าดๆ มือเท้าก็ไวเหลือเกิน เหมือนลิงไม่มีผิด"
"แล้วเป็นหยังยอมมาแต่งงานกับลิงอย่างข้อย! ไปหาแม่หญิงงามๆผู้อื่นแต่งซิ ไป๊"
สร้อยโกรธงอนสะบัดหน้าเดินออกไป แต่ไปได้ไม่ไกลเพราะมีด้ายขาวผูกมือกันไว้ต้องเด้งกลับมาใหม่ รัชชานนท์จับแขนสร้อยไว้ไม่ให้เดินหนีไปอีก
"ฉันตัดสินใจไม่ผิดหรอกที่แต่งงานกับเธอ ฉันไม่มีวันได้เจอใครเหมือนเธออีก ต่อไปนี้ชีวิตของเธอผูกติดกับฉันแล้วนะ ไม่ว่าฉันจะไปไหน เธอก็ต้องไปกับฉันด้วย..สร้อยฟ้า"
รัชชานนท์เลื่อนมือลงไปจับมือสร้อยไว้แน่น เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาเห็นแววตาคู่นั้นดูจริงใจเหลือเกิน

ขบวนเจ้าบ่าวเจ้าสาวเคลื่อนขบวนมาถึงหน้าเรือนตาจั่น ทุกคนแยกกันยืนสองข้างทาง
แม่เฒ่าเดินนำรัชชานนท์กับสร้อยเดินมาตามทางเดินตรงกลาง ผู้คนสองข้างทางโปรยดอกไม้ให้ สร้อยยังคงเหลียวหาพ่อใหญ่ทางด้านหลัง เธอเห็นแต่แฮรี่เดินตามมาเท่านั้น
"แฮรี่...พ่อใหญ่ไปไส เป็นหยังยังบ่ตามมา...เกิดเฮื่องอะหยังบ่"
"วันนี้เป็นวันดีของเจ้ากับคุณชาย เจ้าไม่ต้องไปคิดเรื่องอื่น ไม่มีเรื่องไหนสำคัญไปกว่างานแต่งงานของเจ้าแล้ว เจ้าสร้อย"
สร้อยไม่ฟังอีกตามเคย
"มีไผฮู้บ้างว่า พ่อใหญ่หายไปไส ไปเฮ็ดอะหยัง"
สร้อยถามไปรอบๆตัวอย่างเริ่มร้อนใจ รัชชานนท์บีบมือสร้อยให้ใจเย็นๆ
"ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกน่า พ่อใหญ่อยู่บนเรือนโน่นแล้ว พ่อใหญ่คงจะเดินไม่ค่อยสะดวก ก็เลยมารอเราอยู่ที่นี่"
สร้อยเงยหน้าขึ้นมองไปบนชานเรือน พ่อใหญ่กับไกสอนยืนรออยู่แล้ว
แม่เฒ่าพารัชชานนท์กับสร้อยมายืนอยู่บนแผ่นหินที่ปูด้วยใบตอง แล้วตักน้ำล้างเท้าให้คนทั้งสองพลางบ่นพึมพำสวดให้ศีลให้พรไป...
“ขวัญเอย มาอยู่เฮือนหลังใหญ่ เพิ่นปลูกใส่เป็นเฮือนหอ..ปลูกลูกยอเป็นของอ่อน..”
แม่เฒ่าสวดไม่จบดี สร้อยก็รีบร้อนก้าวขึ้นบันไดไปก่อนเพราะเจอพ่อใหญ่ จนก้าวพลาดเกือบล้มหัวคะมำไปที่บันได ดีที่รัชชานนท์คว้าตัวสร้อยไว้ได้ทัน
"อีสร้อยเอ๊ย ฟ่าวไปไส เดี๋ยวกะได้เข้าหอกับคุณชายแล้ว เจ้านี่ใจฮ้อนหลายเด้อ" แม่เฒ่าบอก
ทุกคนที่ยืนอยู่รอบๆ หัวเราะกันครืน
สร้อยรู้สึกเขินอาย
"ข้อย ข้อย บ่ได้ฟ่าวไปเข้าหอ ข้อยสิขึ้นไปหาพ่อใหญ่"
"เอ้า ฟ่าวขึ้นเฮือนไปได้แล้ว เดี๋ยวสิบ่ทันฤกษ์"
แม่เฒ่ายิ้มขำแล้วเดินนำคู่บ่าวสาวขึ้นไป แฮรี่เดินตามไป
สร้อยยืนขัดๆเขินๆไม่กล้าก้าวดุ่มๆขึ้นเรือนอีก รัชชานนท์เห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้
"ฉันเริ่มเห็นเธอเป็นผู้หญิงแล้วล่ะ ตอนนี้เลยรู้สึกอยากรีบเข้าหอแล้วเหมือนกัน...ไปๆ รีบไปเข้าหอกัน"
รัชชานนท์แกล้งดึงสร้อยเดินขึ้นบันไดไปด้วยกัน
"บักคุณชายนี่"
รัชชานนท์ไม่ยอมให้สร้อยบิดพลิ้วหลุดมือไปได้ เขาพาสร้อยขึ้นไปบนเรือนจนได้

บนเรือนตาจั่น รัชชานนท์กับสร้อยนั่งอยู่ที่หน้าฟูกนอนท่าทางเอี้ยมเฟี้ยม เมื่อถึงเวลาต้องเข้าหอกันจริงๆ ทั้งสองต่างก็เก้อเขินไม่แพ้กัน แม่เฒ่าปูที่นอนแล้วก็ประพรมน้ำมนต์ลงไป
"เอาล่ะ ได้เวลาส่งตัวแล้วล่ะ พ่อใหญ่"
พ่อใหญ่นั่งอยู่กลาง มีไกสอนกับแฮรี่ประกบซ้ายขวา
สร้อยนึกได้ปราดเข้าไปเกาะเข่าพ่อใหญ่ ด้ายขาวที่ผูกไว้ลากเอารัชชานนท์ไปด้วย
"พ่อใหญ่ พ่อใหญ่หายไปไสมา มีอะหยังเกิดขึ้น"
"บ่มีอะหยัง มื้อนี้มีแต่เฮื่องมงคลเกิดขึ้น..เจ้าออกเฮือนแล้วเด้อ เจ้าสร้อย นับตั้งแต่มื้อนี้ไป เจ้าต้องเป็นผู้ใหญ่แล้ว อย่าหุนหันพลันแล่น อย่าเอาแต่ใจตัว ต่อไปสิต้องเชื่อฟังคุณชาย ผู้นำชีวิตของเจ้าเด้อ"
สร้อยจะค้าน
"เป็นหยังข้อยต้องเชื่อ"
ไกสอนเตือน
"อีสร้อย"
สร้อยสงบปากสงบคำไป แต่หันมามองรัชชานนท์ทำหน้าทะมึนใส่ หมายให้รู้ว่าไม่มีทางเชื่อฟังแน่
"คุณชายรัชชานนท์...ผมขอมอบลูกสาวของผมให้กับคุณชาย"
พ่อใหญ่ดึงมือรัชชานนท์มา แล้วดึงมือสร้อยวางไว้ในอุ้งมือของรัชชานนท์
"ผมเชื่อว่า ผู้ชายที่กล้าหาญและมีความรับผิดชอบอย่างคุณชายจะต้องดูแลปกป้องเจ้าสร้อยได้ และเพื่อนตายก็ไม่มีวันทิ้งกัน ไม่ว่าวันข้างหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้น ขอให้มือสองมือนี้ผูกเกี่ยวกันไว้ตลอดไป"
พ่อใหญ่กุมมือของรัชชานนท์และสร้อยไว้แน่น ก่อนตัดใจปล่อยมือแล้วลุกขึ้น ไกสอนกับแฮรี่ลุกขึ้นตาม แฮรี่วางกล้องถ่ายรูปไว้คืนรัชชานนท์
"พ่อใหญ่"
สร้อยงอแงผวาจะลุกตาม รัชชานนท์ดึงตัวสร้อยไว้ พ่อใหญ่เดินออกไปพร้อมกับไกสอนกับแฮรี่
"ห้ามออกจากห้องหอจนกว่าสิเถิงมื้อเช้าเด้อ" แม่เฒ่าบอก
แม่เฒ่าเดินออกเป็นคนสุดท้ายแล้วปิดประตูห้องไป
สร้อยนั่งนิ่งอย่างใจหาย อดน้ำตาคลอไม่ได้ รัชชานนท์ดึงสร้อยมากอดปลอบใจ เธอเผลอตัวให้รัชชานนท์กอดไปเดี๋ยวเดียวก็รู้สึกตัว ก็รีบผลักรัชชานนท์ออกไป
"อย่ามาแตะตัวข้อย"
สร้อยจะลุกขึ้นหนีแต่รัชชานนท์ดึงสร้อยไว้
"จะหนีไปไหน ยังไงวันนี้ก็หนีกันไม่พ้นหรอก"
รัชชานนท์ชูมือที่ถูกด้ายขาวผูกติดกันไว้อยู่ สร้อยนั่งหันหลังให้รัชชานนท์อย่างทำอะไรไม่ได้ เขาจะตามไปตอแยต่อแต่เปลี่ยนใจนั่งหันหลังให้สร้อย

ทั้งสองต่างนั่งหันหลังให้กันคิดหนักว่าจะทำอะไรต่อไปล่ะทีนี้ เมื่อได้เข้าหอกันจริงๆ แล้ว!

ธราธร พุฒิภัทร และชัชวีร์ยังคงเดินตามรอยเท้าที่พาไปยังเข้าใกล้ตัวหมู่บ้าน ชัชวีร์รู้สึกเหมือนมีอะไรเคลื่อนไหวอยู่หลังต้นไม้และหลังพุ่มไม้

"หยุดก่อนครับ"
ธราธรกับพุฒิภัทรชะงักหยุดอย่างระวังตัว
"มีอะไร นายชัช !"
ชัชวีร์ดึงปืนจากเอวออกมาอย่างเตรียมพร้อม, ธราธรกับพุฒิภัทรรีบชักปืนออกมาตาม
"ผมรู้สึกมีบางอย่างเคลื่อนไหวผิดปกติ"
ทั้งสองถอยเข้ามารวมตัวกันต่างระวังให้กันและกัน พลางมองกราดไปรอบๆ
"พวกพรานป่าหรือเปล่า" พุฒิภัทรว่า
"ถ้าเป็นพวกพรานป่าก็น่าจะแสดงตัวออกมา หลบๆซ่อนๆอย่างนี้ไม่ได้มาดีแน่ ! ระวังตัวด้วยนะครับ"
ลูกดอกยาสลบพุ่งมาปักที่แขนของพุฒิภัทรอย่างไม่มีใครได้ทันตั้งตัว
"โอ๊ย"
ชัชวีร์ยิงปืนสวนไปทางที่เห็นลูกดอกพุ่งเข้ามา ลูกดอกพุ่งสวนกลับมาอีกหลายดอกแต่ไม่โดนใคร พุฒิภัทรมึนงงจากพิษยาสลบของลูกดอก ธราธรรีบเข้าประคองพุฒิภัทรที่ทรุดตัวลง
"ชายภัทร"
"พาพี่ชายภัทรออกไปก่อนครับ" ชัชวีร์บอก
ธราธรประคองพุฒิภัทรออกไปแล้วต้องหยุดชะงัก เมื่อทับทิมกับลูกน้อง 2 คนโผล่เข้ามายืนขวางทางไว้
"เข้ามาแล้ว ออกไปบ่ได้"
ธราธรต้องปล่อยพุฒิภัทรลงนอนไปบนพื้น ชัชวีร์เข้ามายืนหยัดเคียงข้างธราธร ทั้งสองฝ่ายต่างจ้องมองกันอย่างรอจังหวะ ทุกคนกระชับอาวุธที่อยู่ในมือ
จ่อยกับจันทาเดินทะเล่อทะล่าเข้ามาอย่างตกอกตกใจ
“จันทา เจ้ากลับไปเฮือนก่อนไป”
จ่อยบอกกับทับทิม
“ข้อยได้ยินเสียงปืนเกิดอะหยังขึ้น เฮ้ย! แล้วไอ้พวกนี้มันเข้ามาได้จังได๋”
ชัชวีร์พยักหน้าให้ธราธรได้จังหวะที่ทุกคนเผลอตัวเพราะการมาของจ่อยกับจันทา ทั้งคู่พุ่งเข้าเล่นงานทับทิมกับลูกน้องจนลูกน้องสองคนกระเด็นไป ฝ่ายลูกน้องสองคนจะโผเข้าไปเล่นงานต่อ แต่จ่อยเอามือกางกั้นห้ามไว้
“บ่ต้อง ข้อยเอง ! พวกเจ้าพาแม่หญิงกลับไปก่อน ไป”
จ่อยตรงเข้าไปช่วยทับทิมจัดการกับชัชวีร์กับธราธร จ่อยเข้าฟาดหมัดฟาดแข้งกับชัชวีร์ที่พอมีฝีมือ แต่ทับทิมจัดการธราธรที่ไม่ได้ถนัดทางบู๊ได้ไม่ยากนัก แลกหมัดกันไม่กี่หมัดก็ล็อกตัวธราธรลงกับพื้นได้
ชัชวีร์หันไปมองธราธรอย่างเป็นห่วง สวนหมัดใส่จ่อยให้หงายหลังไปแล้วพุ่งไปช่วยธราธร
“พี่ชายใหญ่”
ทับทิมฟาดมือเข้าหลังคอของธราธรอีกครั้งจนผล็อยร่วงลงไปกองกับพื้น ชัชวีร์พุ่งเข้ามาก็ทำอะไรไม่ทันแล้วหันหน้ามาจะเล่นงานทับทิม แต่ก็โดนจ่อยเอาหน้าไม้ฟาดหัวเข้าให้ ชัชวีร์หันไปมองจ่อย แต่ภาพสุดท้ายที่เห็นกลับเป็นจันทาที่ยืนอยู่เบื้องหลังจ่อย
จันทายังไม่ยอมไปยืนอยู่กับลูกน้องของทับทิมที่ประกบอย่างระแวดระวังให้อยู่ จันทามองชัชวีร์อย่างไม่ได้เห็นเป็นศัตรู และไม่ได้คิดว่าพวกชัชวีร์จะเป็นพวกทหารเวียง
ภาพจันทาในสายตาของชัชวีร์เลือนๆแล้วดับวูบลง
ชัชวีร์โงนเงนล้มลงไปคว่ำหน้าลงพื้น ทับทิมกับจ่อยช่วยกันลากธราธรกับพุฒิภัทรให้มากองรวมกับชัชวีร์ ทั้งสามหนุ่มนอนหมดสติอย่างหมดสภาพไปแล้ว

ภายในเรือนหม่อมเอียด วังจุฑาเทพ ถ้วยน้ำชาในมือหม่อมเอียดหลุดร่วงลงพื้นแตกละเอียด หม่อมยกมือทาบอกอย่างตกใจ
“ตายจริง ! อยู่ดีๆก็เกิดมือไม้อ่อนขึ้นมาเสียเฉยๆ”
สมศรีกำลังจัดเตรียมเครื่องสังฆทานอยู่รีบเข้าไปเก็บเศษแก้ว และเช็ดทำความสะอาดพื้นไป
“ฉันคงไม่มีแรงช่วยหยิบจับแล้วล่ะนะ ยายศรี แกช่วยจัดเตรียมเครื่องถวายสังฆทานเสียให้เสร็จในวันนี้เลยนะ”
“ได้ค่ะ คุณท่าน นี่ตั้งแต่คุณท่านรู้ข่าวว่า คุณชายเล็กหายตัวไป คุณท่านรับประทานไม่ได้นอนก็ไม่หลับ แล้วจะมีเรี่ยวแรงที่ไหนล่ะคะ”
“ฉันรู้สึกใจคอไม่ดียังไงชอบกล เดี๋ยวไปสวดมนต์ในห้องพระเสียหน่อยดีกว่า วันนี้ฉันไม่รับแขกนะ ไม่ว่าใครมา ก็เชิญให้เค้ากลับไปก่อนให้มาใหม่วันหลัง”
ย่าอ่อนพาวิไลรัมภาเดินเข้ามาพลางส่งเสียงมาแต่ไกล
“คุณพี่ขา...ดูซิว่า ใครมากราบเยี่ยมคุณพี่”
“สงสัยจะไม่ทันแล้วล่ะค่ะ คุณท่าน” สมศรีบอก
สมศรีรวบเก็บเศษแก้วแล้วเดินค้อมหลังผ่านย่าอ่อนกับวิไลรัมภาออกไป
วิไลรัมภาเข้าไปกราบที่ตักหม่อมเอียดอย่างอ่อนน้อมน่ารัก
“สวัสดีค่ะ หม่อมย่า”
“หนูรัมภาเป็นห่วงชายพีร์น่ะค่ะ คุณพี่ เลยแวะเข้ามาถามข่าวคราว”
“ชายใหญ่เจอตัวชายพีร์แล้ว ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง”
“แต่ตอนนี้ทุกคนเข้าไปในป่าตามหาพี่ชายเล็กอยู่ไม่ใช่เหรอคะ แล้วก็ยังไม่มีใครส่งข่าวกลับมาเลย อย่างนี้แล้วจะไม่ให้รัมภาเป็นห่วงได้ยังไงล่ะคะ แล้วรัมภาก็เป็นห่วงหม่อมย่าด้วย ในเวลาอย่างนี้หม่อมย่าคงจะต้องการกำลังใจเป็นที่สุด”
วิไลรัมภาดึงมือย่าเอียดมาจับไว้อย่างให้กำลังใจ ดูน่ารักน่าเอ็นดูมากๆ
“อนุญาตให้รัมภามาอยู่เป็นเพื่อนหม่อมย่าทุกวันนะคะ”
“เราคนกันเอง ไม่ต้องขออนุญาตหรอก หนูรัมภาอยากมาก็มาได้ทุกวันเลยจ้ะ”
“แต่ดิฉันไม่เห็นด้วยค่ะ”
ดารณีนุชก้าวเข้ามาก้มหัวยกมือไหว้หม่อมเอียดกับย่าอ่อน แล้วยกมือรับไหว้จากวิไลรัมภาอย่างเสียไม่ได้ พลางจ้องมองวิไลรัมภาอย่างเหนือกว่า หมายจะกดหัวเอาไว้ไม่ให้เทียบเท่าศินีนุชได้
“หนูรัมภาเป็นผู้หญิงจะมาบ้านผู้ชายทุกวัน โดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นอะไรกัน มันดูไม่งามเอาเสียเลยนะคะ”
“ถึงจะไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นอะไรกัน แต่วังเทวพรหมกับวังจุฑาเทพก็สนิทชิดเชื้อเสียยิ่งกว่าญาติ เราทั้งสองฝ่ายไปมาหาสู่กันไม่ได้ขาด คุณอาหญิงเสียอีกที่หายหน้าหายตาไปนานเชียว รัมภาเพิ่งเห็นคุณอาหญิงแวะมาเยี่ยมเยียนหม่อมย่า ก็ตอนที่ยายนุชกลับจากปีนังนี่แหละค่ะ”
วิไลรัมภาพูดจานอบน้อมยิ้มหวาน ไม่ได้จิกกัดแต่ประการใด
“เธอเอาอะไรมาพูด ฉันก็มากราบหม่อมป้าอยู่บ่อยๆ เธอเป็นยามเฝ้าอยู่หน้าวังจุฑาเทพหรือไง ถึงได้รู้ว่า มีใครไปใครมาที่นี่บ้าง”
หม่อมเอียดลุกขึ้นอย่างรำคาญใจ
“ขอโทษทีนะ วันนี้ไม่สะดวกที่จะต้อนรับใคร ถ้าอยากรู้ข่าวคราวอะไรก็ถามแม่อ่อนแล้วกัน”

หม่อมเอียดเดินออกไป ปล่อยให้ย่าอ่อนมองดารณีนุชกับวิไลรัมภาอย่างไม่รู้จะเข้าข้างใครดี

หม่อมเอียดเดินหนีมาถึงหน้าห้องพระ ดารณีนุชและวิไลรัมภายังคงเดินตามมา ย่าอ่อนตามมารั้งท้ายอย่างทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าห้ามทั้งสองคน

“หม่อมป้าจะเข้าห้องพระหรือคะ ดิฉันขอเข้าไปสวดมนต์ด้วยคนนะคะ ดิฉันก็ไม่สบายใจเหมือนกัน เป็นห่วงคุณชายเล็กกับลูกนุชเหลือเกิน เออ..คุณชายใหญ่ คุณชายภัทร คุณชายพีร์ก็ห่วงนะคะ ห่วงทุกคนเลยล่ะค่ะ หม่อมป้าขา”
“แล้วพี่ชัชล่ะค่ะ ไม่ห่วงหรือคะ ตายจริง คุณอาไม่น่าลืมลูกชายตัวเองเลยนะคะ เป็นไปได้ยังไง หม่อมย่าขา รัมภาก็ขอเข้าไปไหว้พระสวดมนต์ด้วยคนนะคะ รัมภาจะช่วยสวดมนต์ภาวนาให้พวกพี่ๆกลับมาอย่างปลอดภัยเร็วๆ”
“ก่อนที่จะเข้าไปในห้องพระ ก็ควรทำจิตใจให้สงบ สำรวมกายวาจาใจก่อน ถ้ากายพร้อมใจพร้อมแล้วค่อยตามเข้าไป”
หม่อมเอียดเดินเข้าห้องพระไป ย่าอ่อนอยู่ในอาการละล้าละลัง
“ให้ตามเข้าไปหรือไม่ให้เข้าล่ะนี่ เออ..ขอเข้าไปดูคุณพี่ก่อนนะ ระหว่างนี้ก็ทำจิตใจให้สงบ สำรวมกายวาจาใจอย่างที่คุณพี่ว่าล่ะกัน”
ย่าอ่อนผลุบเข้าไปในห้องพระ ดารณีนุชมองวิไลรัมภอย่างเหยียดหยาม
“กลับไปซะเถอะ รัมภา ถึงเธอจะเอาชนะใจหม่อมป้าได้ แต่ถ้าชนะใจคุณชายพีร์ไม่ได้ มันก็เปล่าประโยชน์ สู้เอาเวลาไปช่วยแม่เกษขายขนมหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องดีกว่า ไม่ก็ไปหางานหาการทำซะ แต่อย่าสิ้นคิดไปเป็นเมียเก็บใครเหมือนแม่มารตีก็แล้วกัน”
“รัมภาไม่เคยทำอะไรสิ้นคิดอยู่แล้วล่ะค่ะ ไม่เคยคิดจะเอาชนะใจผู้ชายโดยไปตามไล่ล่ากลับมา ทั้งๆที่ผู้ชายไม่ได้สนใจไยดีอะไรเลย รัมภาไม่แน่ใจนะคะ ถึงตามหาพี่ชายเล็กกลับมาได้ ก็ไม่รู้ว่าจะหนีไปอีกเมื่อไหร่ แปลกนะคะ ยายนุชก็ออกจะเพียบพร้อม ทำไมพี่ชายเล็กถึงได้รังเกียจนักก็ไม่รู้ !”
“ยายรัมภา”
“เราเข้าไปกันเลยดีมั้ยคะ การไหว้พระสวดมนต์จะช่วยให้เราจิตใจสงบได้ คุณอาหญิงทำใจให้นิ่งได้ก็จะได้คิดแผนจับพี่ชายเล็กได้ใหม่ไงล่ะคะ”
วิไลรัมภาเดินลอยชายเข้าไปอย่างสบายใจ ปล่อยให้ดารณีนุชโมโหฮึดฮัดอยู่

ภายในห้องพระ หม่อมเอียดพนมมือสวดมนต์อยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชาที่มีพระพุทธรูปน้อยใหญ่ ย่าอ่อนนั่งพนมมือนั่งเยื้องหลังพี่สาว วิไลรัมภาคลานเข้ามากราบพระอย่างงดงาม ดารณีนุชคลานตามเข้ามา รีบกราบพระสามครั้งอย่างรวดเร็วแล้วขยับตัวไปนั่งใกล้หม่อมเอียด
“หม่อมป้าค่ะ ถึงตอนนี้เรายังไม่ได้ข่าวคราวอะไรจากทางโน้น แต่อย่าเพิ่งหมดหวังนะคะ คุณชายอนุพันธ์น่ะกว้างขวาง...”
หม่อมเอียดหยิบหนังสือสวดมนต์ส่งให้ ดารณีนุชรับหนังสือสวดมนต์มาอย่างงงๆ ทำให้หยุดปากไปโดยปริยาย
“หนังสือสวดมนต์”
“หนังสือสวดมนต์ก็มีไว้ให้สวดมนต์”
ย่าอ่อนสะกิดดารณีนุชให้คลานถอยลงมาอยู่ข้างๆ เธอ วิไลรัมภาคลานเข้ามารับหนังสือสวดมนต์จากหม่อมเอียดอย่างรู้งาน
วิไลรัมภาคลานออกไปหยุดอยู่ห่างออกไป พนมมือและทำหน้ามุ่งมั่นมองไปที่พระพุทธรูป
วิไลรัมภาพึมพำแต่แน่ใจว่าทุกคนได้ยิน
“ขอให้เจอพี่ชายเล็กเร็วๆ ด้วยเถอะ แล้วก็ขอให้ทุกคนกลับมาอย่างปลอดภัยด้วย พี่ชายพีร์คะ รัมภารออยู่นะคะ”
ย่าอ่อนมองวิไลรัมภาอย่างเอ็นดูมากขึ้น ดารณีนุชแอบค้อนควักใส่วิไลรัมภา
ดารณีนุชเปิดหนังสือสวดมนต์พลางพึมพำสวดไปอย่างอดทน ขยับตัวไปมาอย่างเมื่อยขบ วิไลรัมภานั่งตัวตรงสวดมนต์อย่างดูมีกิริยางดงาม
หม่อมเอียดสวดมนต์เพื่อดับความว้าวุ่นใจที่เป็นห่วงหลานๆเหลือเกิน

ที่พักแรมในป่า รณพีร์กำลังเอากระสุนออกจากปืนจิ๋วของศินีนุชจนหมด ฝ่ายศินีนุชกุมถ้วยน้ำไว้ด้วยสองมือทำห่อตัว ยังคงสั่นกลัวจากเหตุการณ์ปืนลั่นอยู่
“พี่ชายพีร์คะ ดูซิคะ มือของนุชยังสั่นอยู่เลย”
“หูของพี่ก็ยังดับอยู่ นี่ไม่รู้หูของพี่จะกลับมาใช้การได้หรือเปล่า”
“อยู่ๆทำไมปืนถึงลั่นออกมาก็ไม่รู้ กระสุนนะคะเฉียดเท้านุชไปนิดเดียว นี่ถ้านุชกระโดดหลบไม่ทัน เท้าคงขาดไปแล้ว นุชไม่เคยนึกเลยว่า การเข้าป่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายขนาดนี้”
“การเข้าป่ามันไม่อันตรายหรอก แต่การที่มีน้องนุชมาด้วย เอ๊ย การที่พกปืนมาด้วยแต่ใช้ปืนไม่เป็น มันอันตรายมาก เอ้า เอาปืนคืนไป พี่เอากระสุนออกหมดแล้ว”
“ไม่ต้องคืนหรอกค่ะ นุชมีปืนสำรองอีกกระบอก”
ศินีนุชควักปืนเล็กจิ๋วออกจากกระเป๋าสะพายมาชูให้ดูอีกกระบอก รณพีร์สะดุ้งเฮือก
“เฮ้ย ! มีอีกเรอะ”
รณพีร์ตกใจกระโดดดึงปืนจากศินีนุชมาแล้วรวบเก็บใส่กระเป๋าตัวเองไป รณพีร์อึดอัดใจอยากฟาดเข้าให้
“น้องนุช !”
ศินีนุชแอ๊บแบ๊วทำไม่รู้เรื่อง
“อะไรหรือคะ ก็นุชบอกแล้วว่า นุชจะไม่ทำตัวเป็นภาระให้พวกพี่ๆ นุชก็เลยต้องพกปืนมาเพื่อปกป้องตัวเอง พวกพี่ๆจะได้ไม่ต้องคอยเป็นห่วงนุชอยู่ตลอดเวลา”
“น้องนุชจะไม่ทำตัวเป็นภาระใช่มั้ย งั้นดีแล้ว พี่จะไม่เป็นห่วงอีกต่อไป”
รณพีร์ลุกขึ้นจะเดินออกไป
“พี่ชายพีร์จะไปไหนคะ”
“ไปตามหาพี่ชายเล็กน่ะซิ”
“แล้วจะทิ้งให้นุชอยู่ที่นี่คนเดียวหรือคะ ปืนหรืออาวุธอะไรก็ไม่มี”
รณพีร์มองซ้ายมองขวาแล้วมองพื้นก้มลงหยิบท่อนไม้จากพื้นส่งให้ศินีนุช
“เอ้า ! นี่อาวุธป้องกันตัวสำหรับน้องนุช ไอ้นี่เหมาะที่สุดแล้ว ทำหลุดมือ หล่นใส่เท้าใครก็คงไม่ถึงตายแน่”
“แต่...แต่นุชอยู่คนเดียวไม่ได้หรอกนะคะ”
“โน่น ลุงบุญโฮมกับตาเกิ้นกลับมาแล้ว น้องนุชไม่ต้องอยู่คนเดียวแล้วล่ะ”
บุญโฮมกับพรานเกิ้นถือนกร้อยเป็นพวงที่ยิงมาได้เข้ามา
“ฝากดูคุณผู้หญิงด้วยนะครับ”
รณพีร์รีบเดินออกไปทันที
“พี่ชายพีร์”
ศินีนุชมองรอบๆข้างอย่างหวาดๆแล้วสายตามาหยุดที่บุญโฮมกับพรานเกิ้น ยิ่งให้รู้สึกว่ายิ่งไม่ปลอดภัยไปกันใหญ่

“พี่ชายพีร์”

รณพีร์เดินแกะรอยเท้าของกลุ่มธราธรมาถึงทางแยก

“พวกพี่ชายใหญ่ไปทางนั้น เราแยกไปอีกทางดีกว่า”
รณพีร์เดินออกไปทางซ้าย แล้วเดินลัดเลาะไปตามทางในป่าเรื่อยๆ แล้วหยุดชะงักรู้สึกเหมือนมีเสียงคนเดินตามมาข้างหลัง เขาค่อยๆดึงปืนออกมาอย่างเตรียมพร้อมแล้วหันขวับไปทางด้านหลัง
รณพีร์ถือปืนเล็งไปที่พุ่มไม้ที่ไหวไปมาเหมือนมีคนอยู่
“นั่นใคร ! ถ้าไม่บอก ฉันยิง”
“อย่ายิงค่ะ อย่ายิง”
ศินีนุชใช้ท่อนไม้แหวกพุ่มไม้ออกมา เนื้อตัวครูดไปกับกิ่งไม้จนต้องสะบัดมือสะบัดเท้าด้วยความเจ็บแสบและคัน
“โอ๊ย! เจ็บๆ”
“น้องนุช !! ตามพี่มาทำไม !!
“นุชตามมา..มาช่วยพี่ชายพีร์ตามหาพี่ชายเล็กไงคะ”
“แล้วไปแอบอยู่หลังพุ่มไม้ทำไม”
“ก็นุชกลัวพี่ชายพีร์ไล่นุชกลับ นุชก็เลยแอบตามมา ให้นุชไปด้วยเถอะนะคะ นุชไม่อยากอยู่เฉยๆ นุชอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้าง”
บุญโฮมจูงพรานเกิ้นเดินเงอะงะเข้ามา
“ขอโทษทีครับ คุณชาย พวกผมมัวแต่ก่อไฟอยู่ พอหันมาอีกทีคุณผู้หญิงก็หายไปแล้ว แต่ยังดีที่ไล่ตามมาทัน เดี๋ยวพวกผมจะพาคุณผู้หญิงกลับไปเองครับ” บุญโฮมว่า
“ฉันไม่กลับ ! ใจคอพี่ชายพีร์จะให้นุชอยู่กับอีตาสองคนนี้จริงๆหรือคะ”
“คุณผู้หญิงบ่อยากกลับ จังสั้นพวกเฮาก็ไปด้วยกันหมดนี่เลยดีบ่ ไปกันหลายๆคน จังซี้ต้องตามหาคนหายเจออีหลี ไปครับ ข้อยสินำทางให้เอง ก่อนอื่นข้อยขอเฮ็ดพิธีเปิดป่าก่อน พอข้อยเปิดป่าได้แล้ว ต่อไปสิบ่มีอุปสรรคใดๆมากีดขวางทางพวกเฮา แต่ข้อยขอไปหาผลหมากรากไม้มาเป็นเครื่องเซ่นปวงเทวดาก่อนเด้อ...” พรายเกิ้นว่า
พรานเกิ้นเดินกระย่องกระแย่งออกไปแล้วเขย่งตัวพยายามสอยลูกไม้หรือผลไม้ในป่าลงมา
“บักโฮมเอ๊ย มาช่วยกันหน่อย เร็ว”
บุญโฮมตามไปช่วยพรานเกิ้นอย่างงๆ
รณพีร์มองพรานเกิ้นกับบุญโฮมที่ช่วยกันสอยลูกไม้อยู่ มองศินีนุชที่ยืนกุมท่อนไม้แน่นอย่างหน่ายใจ
“ฉันยอมแพ้แล้ว”
ศินีนุชดีใจ
“พี่ชายพีร์ยอมให้นุชไปด้วยแล้วใช่มั้ยคะ”
“ใครว่า พี่ยอมกลับไปเฝ้าแคมป์ตามเดิมต่างหากล่ะ”
รณพีร์เดินย้อนกลับไปทางเดิมอย่างเซ็งสุดๆ ศินีนุช บุญโฮมและเกิ้นตามติดไปเป็นขบวน

ภายในเรือนตาจั่น รัชชานนท์กับสร้อยยังนั่งหันหลังให้กันอยู่ สร้อยขยับตัวยุกยิกอย่างไม่เป็นสุข
“นี่เธอ...ชาวเวียงภูคำส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอแต่หัววันอย่างนี้เหรอ... ลูกหลานชาวเวียงภูคำไม่เต็มบ้านเต็มเมืองหรือเนี่ย” รัชชานนท์พูดพลางหัวเราะขำ
“บ่ใช่ ! ที่จริงพิธีแต่งงานของชาวเวียงภูคำต้องจัดสามมื้อสามคืน แต่นี่ บ่ใช่เวลาที่มาฉลองกัน พวกเฮาต้องเตรียมการอพยพไปจากที่นี่ สู้เก็บเสบียงอาหารไว้ดีกว่าเอามาเลี้ยงฉลองงานแต่งงานที่บ่ได้สำคัญอะหยัง”
“งานแต่งงานของลูกสาวพ่อใหญ่จะไม่สำคัญได้ยังไง เอาอย่างนี้นะ กลับไปกรุงเทพฯเมื่อไหร่ ฉันจะจัดงานแต่งงานของเราอีกครั้ง คราวนี้จะจัดให้ครบถ้วนสมบูรณ์เลย”
สร้อยหันขวับมามองรัชชานนท์
“ข้อยบ่ต้องการ”
รัชชานนท์หันมาประจันหน้ากับสร้อย
“ข้อยต้องการตามหาเจ้ารัชทายาทให้เจอเท่านั้น อย่าลืมสิว่า..ข้อยกับเจ้าแต่งงานเพราะความจำเป็น บ่ใช่เพราะความเต็มใจ”
คุณชานรัชชานนท์แกล้งจ้องตาสร้อย
“แต่ไหนๆ เราก็แต่งงานร่วมหอลงโรงกันแล้ว เราก็เลยตามเลยเถอะนะ สร้อยฟ้า”
“เจ้าคึดสิเฮ็ดอะหยัง”
รัชชานนท์รวบมือสร้อยมาจับไว้แน่น
“ฉันกำลังคิดว่า...ไหนๆเราก็แต่งงานเป็นผัวเป็นเมียกันแล้ว เราก็ต้องแสดงให้สมบทบาท ฉะนั้นเราต้องรู้จักกันมากกว่านี้ เธอยังไม่รู้จักฉันกับครอบครัวเลยนี่”
สร้อยดึงมือออกอย่างโล่งใจ นึกว่ารัชชานนท์จะทำอะไรตัวเธอ
“บักคุณชายนี่”
รัชชานนท์เล่าอย่างไม่รู้ไม่ชี้ที่ทำให้สร้อยหายใจไม่ทั่วท้อง
“คนในครอบครัวฉันจะเรียกฉันว่าชายเล็ก ฉันมีพี่น้องห้าคนเป็นผู้ชายทั้งหมด พี่ชายใหญ่ พี่ชายคนโตชื่อ คุณชายธราธร...พี่ชายคนรองชื่อ คุณชายปวรรุจ...ตอนนี้อยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์..เดี๋ยวๆย้อนกลับไปที่พี่ชายใหญ่ก่อน..พี่ชายใหญ่ของฉันเป็นนักโบราณคดี...”
รัชชานนท์เล่าครอบครัวไปเรื่อย สร้อยฟังไปงั้นๆแต่หูผึ่งจับรายละเอียด

ท้ายหมู่บ้านวลาหก ธราธร พุฒิภัทร และชัชวีร์ถูกจับเอามือไขว้หลังมัดตัวอยู่ ทั้งหมดนอนกองรวมกันอยู่ที่พื้น จ่อยกับทับทิมยืนมองเชลยทั้งสามที่นอนไม่ได้สติอยู่
“ไอ้พวกนี้บ่น่าใช่พวกทหารเวียง” ทับทิมบอก
“มันกะบ่แน่ พวกมันอาจเป็นพวกทหารรับจ้างของเวียงภูคำกะได้”
“ข้อยไปรายงานพ่อใหญ่ก่อน เจ้าเฝ้าพวกมันอยู่หม่องนี้”
“เซาๆ...อย่าเพิ่งไป”
ทับทิมที่กำลังจะรีบเดินออกไป หันมามองจ่อยเป็นเชิงถาม
“งานแต่งงานของอีสร้อยเป็นจังได๋บ้าง”
“งานแต่งงานกะคืองานแต่งงาน สิเป็นจังได๋ได้”
ทับทิมเดินออกไปอย่างไม่เห็นสาระที่จ่อยถาม
“บักกึ่มเอ๊ย ไอ้คนบ่มีหัวใจ ! ฮู้จักแต่เฮื่องรบบ่ฮู้จักเฮื่องฮัก กะเป็นจังซี้”
จันทาเดินมาชะเง้อมอง จ่อยหันมองไปที่ชาย 2 คนที่ยืนเฝ้าอยู่
“พวกเจ้าเฝ้าพวกมันไปก่อน เดี๋ยวข้อยมา”
จ่อยรีบเดินไปหา จันทามองไปที่กลุ่มธราธรอย่างรู้สึกห่วงใย
“เป็นหยังบ่ฟ่าวกลับไปเฮือนล่ะ จันทา ตามมาเฮ็ดหยัง”
“ผู้ชายพวกนั้นบ่ใช่คนร้ายดอก อ้ายจ่อย”
“พวกมันถือปืนบุกเข้ามาในหมู่บ้านเฮา สิบ่ใช่คนร้ายได้จังได๋”
“ข้อยกะบ่ฮู้สิเว้าจังได๋ดี แต่ข้อยคึดว่า พวกเพิ่นมาดีบ่ได้มาร้าย เจ้าอย่าเฮ็ดอะหยังเพิ่นเลยเด้อ อ้ายจ่อย”

จ่อยมองจันทาอย่างไม่ค่อยจะเชื่อตามสักเท่าไหร่

อ่านต่อหน้า 2

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 6 (ต่อ)

สร้อยเดินวนไปวนมาในห้อง รัชชานนท์เดินตามไปเล่าเรื่องครอบครัวไม่ได้หยุด

“แล้วที่บ้านฉันก็ยังมีหม่อมย่าเอียดกับย่าอ่อน หม่อมย่านี่เป็นคนสำคัญที่สุดในบ้าน ท่านเป็นคนชี้เป็นชี้ตายทุกเรื่องในบ้าน โดยเฉพาะเรื่องหลานสะใภ้ของท่านนี่ เป็นเรื่องคอขาดบาดตายมาก เดี๋ยวไล่มาตั้งแต่พี่ชายใหญ่เลยนะ ตอนแรกท่านก็หมายมั่นให้พี่ชายใหญ่แต่งงานกับคุณเกษรา ซึ่งเป็นลูกสาวของคุณลุงเทวพันธ์ ฉันคงต้องท้าวความไปถึงตอนที่ท่านพ่อยังมีชีวิตอยู่ ท่านพ่อกับคุณลุงเป็นเพื่อนสนิทกัน”
“เซาๆ พอได้แล้ว ข้อยฮู้ว่า ครอบครัวของเจ้ามีไผบ้างกะพอแล้ว บ่ต้องการฮู้อะหยังให้รกหัวอีก ข้อยมีเฮื่องอื่นให้คึดหลาย ข้อยว่า ข้างนอกต้องมีเฮื่องอะหยังอีหลี”
สร้อยชะโงกตัวออกไปนอกหน้าต่าง ลากพาตัวรัชชานนท์ติดมือไปด้วย
“ข้อยสิออกไปดู”
รัชชานนท์ดึงตัวสร้อยเข้ามาใกล้
“แต่แม่เฒ่าสั่งไว้ว่า ห้ามออกไปจากห้องหอจนกว่าจะเช้า”
“เฮาบ่ได้เข้าหอด้วยกันอีหลีนี่ เป็นหยังข้อยสิออกไปบ่ได้”
รัชชานนท์แหย่
“งั้นเราก็มาเข้าหอกันจริงๆเลยมั้ยล่ะ”
“อยากตายบ่”
“ถ้าเธอออกไป ฉันก็ต้องออกไปด้วย”
รัชชานนท์ชูมือที่ทั้งสองผูกด้ายขาวด้วยกันไว้
“เธอต้องเข้าใจนะ สร้อยฟ้า ฉันทำเรื่องผิดผีบ้านผีเรือนมาแล้ว ฉันไม่อยากทำอะไรให้ผู้ใหญ่ไม่พอใจอีก ยังไงคืนนี้เราต้องอยู่ที่นี่ด้วยกัน และต้องอยู่ด้วยกันถึงเช้าด้วย” รัชชานนท์ตั้งใจแหย่ เขาดึงสร้อยเข้ามาใกล้ได้อีก สร้อยผลักอกรัชชานนท์ออกไปอย่างไม่ออมแรง
“แต่ข้อยบ่อยู่”
สร้อยผลุนผลันไปเปิดประตูห้องพารัชชานนท์ติดไปด้วย
แม่เฒ่านั่งอยู่หน้าห้องพร้อมกับผู้เฒ่าผู้แก่กำลังช่วยกันเก็บจัดพานขันหมาก แม่เฒ่าเงยหน้าขึ้นจ้องมองสร้อย สร้อยตกใจถอยหลังมาปะทะอกรัชชานนท์
รัชชานนท์รวบตัวสร้อยไว้ไม่ให้หงายหลังล้ม สร้อยสะบัดตัวออกจากรัชชานนท์
“ป๊าดโธ่โว้ย”
รัชชานนท์มองสร้อยอย่างอดขำไม่ได้

ธราธร พุฒิภัทร และชัชวีร์ต่างค่อยๆได้สติขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ต่างมองหน้ากันอย่างมึนงง
“ที่นี่มันที่ไหน ในป่าอย่างนี้ มีที่แบบนี้อยู่ด้วยเหรอ”
พุฒิภัทรพูดกับชัชวีร์
“รู้มั้ยว่า พวกมันเป็นใคร”
ชัชวีร์มองไปที่จ่อยและชาย 2 คนที่เฝ้าอยู่ห่างออกไป
“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน...น่าจะเป็นพวกต่างด้าวที่ข้ามชายแดนมาฝั่งไทย แต่ไม่น่าเป็นพวกชาวบ้านธรรมดา ดูวิธีที่มันใช้อาวุธ มีการฝึกมาอย่างดี” ชัชวีร์บอก
“ข่าวที่มีว่ากองกำลังกู้ชาติซ่อนตัวอยู่ในป่าของไทยก็เป็นความจริงน่ะซิ”
“กองกำลังกู้ชาติที่ไหน” พุฒิภัทรถาม
“กองกำลังกู้ชาติของเวียงภูคำ” ชัชวีร์บอก
พ่อใหญ่ก้าวเดินเข้ามาอย่างสุขุมเยือกเย็น ไกสอนและแฮรี่ตามมาเบื้องหลัง จ่อยกับชาย 2 คนรีบหลีกทางให้พ่อใหญ่เข้ามา
“เฮาจับมาได้สามคน พ่อใหญ่สั่งการมาได้เลย สิจัดการกับพวกมันจังได๋ดี”
ทับทิมหอบปืน 3-4 กระบอกและมีดพก 3 ด้ามมาวางไว้บนโต๊ะให้พ่อใหญ่ดู
“พวกมันบ่ได้พกอาวุธมาหลายนัก น่าสิเป็นพวกคนเดินป่าหลงทางเข้ามา”
“ฮู้บ่ว่า พวกเพิ่นเป็นไผ” พ่อใหญ่ถาม
“พวกมันบ่มีหลักฐานอะหยังติดตัวมาเลย ข้อยรอให้พวกมันฟื้น แล้วสิ สอบปากคำพวกมันครับ พ่อใหญ่”
“พวกมันต้องเป็นคนที่ไอ้เซกองส่งมาอีหลี พ่อใหญ่ บ่จังสั้นพวกมันสิกล้าฝ่ามนต์หมอกของแม่เฒ่าเข้ามาในหมู่บ้านเฮาเรอะ”
“เข้าใจผิดแล้ว พวกเราไม่ใช่คนของใครทั้งนั้น” ธราธรบอก
พ่อใหญ่หันไปมองธราธรที่พูดโพล่งออกมาแล้วเลื่อนสายตามองไปทีละคน
“เฮายังบ่ถาม บ่ต้องตอบ” ไกสอนบอก
“ฟังพวกเขาก่อนน่า ท่านไกสอน เรายังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรเลย อย่าเพิ่งปฏิบัติกับพวกเขาเป็นนักโทษ” แฮรี่ว่า
พ่อใหญ่เลื่อนสายตาจากพุฒิภัทรมาหยุดอยู่ที่ชัชวีร์แล้วต้องชะงักงัน!!
“เฮาสิสอบปากคำเอง”
พ่อใหญ่ชี้ไปที่ชัชวีร์,ตาก็จ้องมองชัชวีร์แทบไม่กะพริบ
“พาเจ้าคนนี้ไป !”
พ่อใหญ่เดินออกไป ไกสอนกับแฮรี่หันไปมองชัชวีร์แล้วก็ต้องเข้าใจ
“บ่น่าใช่..เป็นไปบ่ได้”
“รีบพานายคนนี้ไปซิ ทับทิม” แฮรี่บอก
ชัชวีร์งุนงงขณะที่ถูกทับทิมฉุดตัวออกไป

สร้อยเดินพล่านไปทั่วห้องยิ่งกว่าเดิม รัชชานนท์ก็ถูกลากตัวตามไปด้วย
“จังได๋ข้อยกะต้องออกไปอย่างที่นี่”
สร้อยโผไปที่หน้าต่าง จ้องมองหาทางปีนลงไป
“อย่าบอกนะว่า จะกระโดดลงไปน่ะ ได้คอหักตายทั้งสองคนแน่”
“เป็นหยังต้องมาแต่งงานกันมื้อนี้ด้วย พ่อใหญ่มีเฮื่อง กะออกไปช่วยบ่ได้”
รัชชานนท์มองออกไปนอกหน้าต่าง
“เธอแน่ใจได้ยังว่า ข้างนอกเขามีเรื่องกัน ฉันก็ไม่เห็นว่า มีอะไรผิดปกติเลย”
หน้าเรือนมีผู้คนเดินไปมาปกติ ถ้าดูดีๆจะเห็นความเร่งรีบของกลุ่มผู้ชายชาววลาหก
“ถ้าบ่มีอะหยัง เป็นหยังแม่เฒ่าต้องมาเฝ้าที่หน้าห้องด้วย แล้วเจ้าเบิ่งดีๆ พวกผู้ชายเดินไปทางท้ายหมู่บ้านบ่ได้ขาดสาย สิต้องเกิดอะหยังขึ้นแน่ ข้อยลงไปล่ะ”
“เฮ้ย ! เดี๋ยวๆ เราจะลงไปยังไงทั้งสองคน อย่าลืมซิว่า ตอนนี้เธอไปไหน ฉันก็ต้องไปด้วย เรายังตัดด้ายขาวออกจากกันไม่ได้จนกว่าจะถึงพรุ่งนี้เช้า แล้วต้องให้แม่เฒ่ามาตัดให้ด้วย เราแต่งงานกันแบบเวียงภูคำ เราก็ต้องปฏิบัติตามธรรมเนียมประเพณีอย่างเคร่งครัด”
ทันใด รัชชานนท์ก็ชะงักกึก สร้อยชักมีดจากที่ซ่อนไว้ที่สายรัดข้อเท้าออกมาชูให้ดู
“นี่เธอพกมีดมาในงานแต่งงานด้วยเหรอ”
สร้อยไม่ตอบ ชูมือที่ผูกด้ายขาวติดกับรัชชานนท์ขึ้น ขึงด้ายให้ตึงเปรี๊ยะแล้วฟันฉับให้ขาดลง
“บ่ต้องรอไผ ข้อยตัดเองได้”
สร้อยรีบปีนออกไปทางหน้าต่าง
“สร้อยฟ้า”
สร้อยเกาะขอบหน้าต่างโผล่หน้าขึ้นมา
“คืนนี้เจ้าเข้าหอไปผู้เดียวเถอะ คุณชายเล็ก”
สร้อยปีนหายลงไปจากเรือนอย่างรวดเร็ว รัชชานนท์ยังยืนงงมองด้ายขาวที่ขาดรุ่งริ่ง
“เป็นไง เป็นกัน”

รัชชานนท์ได้สติ ตัดสินใจปีนตามสร้อยลงไป

สร้อยวิ่งมาตามทางอย่างไม่สนใจว่าชาวบ้านที่ผ่านมาจะมองอย่างประหลาดใจ เธอหยุดอยู่กลางทางแล้วตัดสินใจวิ่งไปทางท้ายหมู่บ้าน รัชชานนท์วิ่งก้าวยาวๆ ไล่มาจนตามทันและรีบดึงตัวสร้อยไว้

รัชชานนท์พูดด้วยอาการหอบเหนื่อย
“รอด้วยๆ จะไปไหน ฉันไปด้วย”
“บ่ต้องตามมา เจ้านี่เฮ็ดให้ข้อยต้องเสียเวลา”
“ถ้ามีอะไร จะได้ช่วยกันไง แล้วอย่าลืมที่พ่อใหญ่สอนไว้ซิ ต่อไปนี้เธอต้องเชื่อฟังฉัน ตอนนี้ฉันเป็นผู้นำชีวิตของเธอแล้วนะ”
“ฝันไปเถอะ ! ชาตินี้อย่าได้หวังว่าข้อยสิเชื่อฟังเจ้า แล้วข้อยกะบ่ต้องให้เจ้ามานำชีวิต ข้อยมีมือมีตีน ข้อยบ่ต้องพึ่งอะหยังเจ้า”
“เอ้า ไม่พึ่งก็ไม่พึ่ง เอาอย่างนี้ เธอไปที่ท้ายหมู่บ้านดูว่า มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนฉันจะไปถามพ่อใหญ่ให้เอง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ เราจะยังไม่ไปจากหมู่บ้าน ถึงเธอไม่อยากพึ่งฉัน แต่ฉันก็อยากจะช่วยเธอปกป้องทุกคนที่นี่”
“ขอบใจ”
จันทาเดินเข้ามาชะงักมองรัชชานนท์ที่กำลังมองสร้อยอย่างเอ็นดูที่ยอมหลุดปากพูดดีๆออกมา
“คุณชาย..ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ”
รัชชานนท์กับสร้อยหันไปมองจันทา โดยไม่ได้สังเกตท่าทีของจันทาเลย
“จันทา ! เจอจันทาก็ดีแล้ว รู้หรือเปล่าว่า เกิดอะไรขึ้นในหมู่บ้าน”
“มีคนบุกเข้ามาในหมู่บ้านค่ะ แต่อ้ายทับทิมกับอ้ายจ่อยจับตัวไว้ได้”
“ไผ? ไผบุกเข้ามา ไอ้พวกทหารเวียงใช่บ่”
“บ่ใช่”
จันทาหันไปพูดกับรัชชานนท์
“จันทาคิดว่า น่าจะเป็นคนไทยนะคะ แต่ดูเหมือนไม่ใช่คนท้องถิ่น ไม่รู้ว่ากล้าเสี่ยงตายมาถึงที่นี่ได้ยังไง”
“พวกมันคงมาหาที่ตายล่ะมั้ง ข้อยไปเฮ็ดให้พวกมันสมหวังเอง”
สร้อยรีบเดินออกไปอย่างอยากเห็นหน้าเต็มทน รัชชานนท์รีบตามไป ทิ้งให้จันทามองตาม

ภายในเรือน พ่อใหญ่นั่งอยู่ที่ตำแหน่งเดิม ไกสอนกับแฮรี่เดินมานั่งประกบซ้ายขวา
ทับทิมพาชัชวีร์เดินเข้ามาแล้วจะกดไหล่ให้ชัชวีร์คุกเข่าลง
“บ่ต้อง !” พ่อใหญ่สั่ง
ทับทิมชะงักหยุดมือ ถอยไปยืนห่างๆแต่ยังมองชัชวีร์อย่างไม่วางใจ ชัชวีร์ยืดตัวลุกขึ้นยืนตรงประจันหน้าพ่อใหญ่อย่างไม่เกรงกลัว พ่อใหญ่จ้องมองชัชวีร์อย่างไม่วางตา ยิ่งมองก็ยิ่งคลับคล้ายลูกชายที่หายไป
“ผมขอโทษนะครับ ถ้าหากพวกผมได้รุกล้ำเข้ามาในเขตหวงห้าม แต่ผมแน่ใจว่า ผมยังยืนอยู่บนผืนแผ่นดินไทย ผมไม่คิดว่า คุณจะมีสิทธิ์จับพวกผมคุมขังไว้อย่างนี้ เพราะพวกคุณยังอาศัยอยู่บนแผ่นดินของผม”
“ไอ้เจ้านี่ ! เจ้าเว้าอยู่กับผู้ใด ฮู้บ่” ไกสอนว่า
พ่อใหญ่เตือน
“ท่านไกสอน”
ไกสอนนิ่งไปมองชัชวีร์อย่างไม่ชอบใจ แต่แฮรี่กลับมองอย่างสนใจ
“คุณไม่ปฏิเสธ แสดงว่าพวกคุณเป็นชาวเวียงภูคำที่ลี้ภัยมาจริงๆ”
“คุณรู้ว่า พวกผมเป็นใคร แล้วผมขอรู้บ้างได้มั้ยว่า คุณเป็นใคร” พ่อใหญ่ถาม
“ผม..เรืออากาศโทชัชวีร์ เทวพรหม”
“ขอโทษทีเถอะนะ คุณพ่อคุณแม่ของคุณเป็นใคร”
“ผมจำเป็นต้องตอบคำถามนี้ด้วยหรือครับ”
“กรุณาตอบคำถามนี้ด้วยเถอะครับ คุณชัชวีร์” แฮรี่บอก
ชัชวีร์มองพ่อใหญ่และทุกคนอย่างไม่เข้าใจ
“คุณพ่อของผมคือ พลตรีหม่อมราชวงศ์อนุพันธ์ เทวพรหม”
“เป็นลูกนายทหารไทย แล้วยังมีเชื้อมีสายอีก บ่ใช่ดอก พ่อใหญ่” ไกสอนบอก
พ่อใหญ่มองชัชวีร์อย่างผิดหวัง แม้รู้ว่าเป็นไปได้ยากแต่ก็อดหวังไม่ได้
“ถึงผมจะเป็นนายทหาร ผมขอยืนยันว่า ผมมาที่นี่ด้วยเรื่องส่วนตัว และก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างไร ผมมาช่วยเพื่อนตามหาพี่ชายของเขาที่หายมาในป่านี่”
พ่อใหญ่ชักเอะใจ
“คุณมาตามหาใคร”
“เรามาตามหาคุณชายรัชชานนท์ น้องชายของคุณชายธราธรและคุณชายพุฒิภัทรที่พวกคุณจับตัวไว้อยู่”
“คุณชายรัชชานนท์”
พ่อใหญ่นิ่งอึ้งไป คาดไม่ถึง

จ่อยเดินกร่างเล็กๆไปเดินมา พลางจ้องมองธราธรกับพุฒิภัทรอย่างเอาเรื่อง
“บอกมา ! พวกเจ้าเป็นไผ ถ้าบ่อยากตาย กะฟ่าวบอกมา พวกเจ้าเป็นไผ มาเฮ็ดหยังที่นี่”
“นายก็บอกมาก่อนว่า พาน้องชายของเราไปไหน ไปทำอะไร”
“เจ้าบ่มีสิทธิ์ถาม ข้อยถามไป เจ้ากะตอบมา”
“เรายังไม่ตอบอะไรนาย จนกว่าเราจะเห็นคนของเรากลับมาอย่างปลอดภัยก่อน” พุฒิภัทรบอก
“วอนเสียแล้ว ! บ่ได้ย่านกันเลย เดี๋ยวปั๊ด”
จ่อยยกปืนขึ้นทำท่าขู่ว่า จะฟาดปากพุฒิภัทรไปอย่างนั้น แต่ไม่คิดจะทำจริงแต่ต้องชะงัก
“บักจ่อย ! หยุดเดี๋ยวนี้”
ธราธรกับพุฒิภัทรหันไปมองตามเสียง
“ชายเล็ก”
รัชชานนท์กับสร้อยรีบเร่งเดินเข้ามา ชะงักมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“พี่ชายใหญ่ พี่ชายภัทร”
สร้อยกับจ่อยอุทานขึ้นพร้อมกัน
“พี่ชาย”

รัชชานนท์ยืนอึ้งตะลึงก่อนรีบตรงเข้าไปแก้เชือกให้พี่ชายทั้งสอง

ธราธรดึงรัชชานนท์มากอดอย่างดีใจไม่หาย ฝ่ายชายเล็กผละจากธราธรหันไปกอดพุฒิภัทร

รัชชานนท์หันไปตบไหล่ขอบใจชัชวีร์
“ขอบใจโว้ย นายชัช อุตส่าห์มาตามหาฉัน ขอบคุณพี่ชายใหญ่ พี่ชายภัทรอีกครั้งนะครับ ผมเลยทำให้ทุกคนต้องมาลำบาก ผมขอโทษจริงๆครับ”
พ่อใหญ่มองภาพพี่น้องกลับมาเจอกันอย่างปลื้มใจแทน ทุกเรื่องคลี่คลายลงแล้ว
“ผมต้องขออภัยด้วยสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกคุณคงต้องเข้าใจ เรากำลังถูกพวกทหารเวียงตามล่าอยู่ ก็เลยต้องระวังตัวไว้ให้มาก”
สร้อยขยับตัวเข้ามาแทรกแซง
“เฮาบ่เฮ็ดอะหยังผิดซักหน่อย พ่อใหญ่ เป็นหยังต้องขอโทษ พวกเพิ่นบุกรุกเข้ามาที่ของเฮา เฮากะต้องจับตัวไว้ มันกะถูกแล้ว”
“เจ้าสร้อย” แฮรี่ปราม
แฮรี่ที่นั่งข้างพ่อใหญ่ดุเข้าให้ ชัชวีร์ ธราธรและพุฒิภัทรต่างหันมามองสร้อยอย่างสนใจ
“พวกผมเองก็ต้องขอโทษพ่อใหญ่ครับ ที่ล่วงล้ำเข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน ถ้าพวกเรารู้ว่าที่นี่เป็นหมู่บ้านลี้ภัยของชาวเวียงภูคำ เราคงจะเข้ามาอย่างระมัดระวังมากกว่านี้”
“ระวังยังไง ก็ต้องลงเอยแบบนี้แหละ พี่ชายใหญ่ ไม่มีใครเข้ามาในหมู่บ้านวลาหกได้ง่ายๆ อย่างผมนี่ต้องเจ็บปางตายถึงได้มีบุญมาอยู่ที่นี่”
“ขอบคุณนะครับที่ช่วยชีวิตน้องชายของผมไว้ ชายเล็กคงมีบุญจริงๆ ถึงได้มาอยู่ในความดูแลของชาวเวียงภูคำที่มีน้ำใจอย่างนี้” พุฒิภัทรบอก
“พวกคุณคงต้องขอบคุณเจ้านี่ เจ้าลูกสาวของผมเป็นคนช่วยชีวิตคุณชายไว้ ส่วนผมก็แค่ทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี”
พ่อใหญ่ตบหัวสร้อยเบาๆ อย่างเอ็นดูแล้วหันไปมองชัชวีร์
“เราเป็นหนี้บุญคุณแผ่นดินไทย ถ้าหากมีอะไรที่เราพอจะตอบแทนได้ เราไม่รอช้าที่จะทำ เราหลบหนีลี้ภัยมาไกลถึงนี่ก็เพื่อที่จะอยู่อย่างสุขสงบ เราไม่เคยคิดทำร้ายใคร โดยเฉพาะคนไทยที่เป็นเจ้าของบ้านที่แท้จริง”
ชัชวีร์รีบทรุดตัวลงยกมือไหว้พ่อใหญ่
“พ่อใหญ่ครับ ถ้าหากผมพูดจาล่วงเกินอะไรไป ผมก็ต้องขออภัยด้วย”
“ผมไม่ได้โกรธอะไรเลย คุณชัชวีร์ เพราะคุณพูดความจริง ผมสำนึกอยู่เสมอว่า ผมมีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะมีผืนแผ่นดินไทยให้อาศัยอยู่”
“อีกบ่โดน เฮากะได้กลับเวียงภูคำแล้วเด้อ พ่อใหญ่..คุณชายพาข้อยไปฮอดกรุงเทพฯมื้อใด๋ ข้อยสิไปตามหาเจ้ารัชทายาททันที”
ธราธร พุฒิภัทร และชัชวีร์หันมามองรัชชานนท์ที่ยิ้มเก้อๆ
“เออ...คือ สร้อยฟ้าจะกลับไปกับผมด้วยน่ะครับ เออ..คือเราสองคนแต่งงานกันแล้ว..เมื่อเช้านี้เองครับ”
รัชชานนท์มองพวกพี่ๆกับชัชวีร์อย่างทำหน้าไม่ถูก

บริเวณหน้าเรือนพ่อใหญ่ จ่อยเตะก้อนหินระบายอารมณ์ไป ไกสอนยืนมองอย่างเข้าใจลูกชาย
“เป็นหยังเฮื่องถึงเป็นจังซี้ไปได้ล่ะ พ่อ ไอ้พวกที่เฮาจับมาดันกลายเป็นพี่ชายบักคุณชาย แล้วนี่เฮาสิเฮ็ดจังได๋กันต่อไป ถ้าพวกเพิ่นเข้ามาที่นี่ได้โดยง่าย ผู้อื่นกะต้องตามเข้ามาได้คือกัน”
“คุณชายสิพาอีสร้อยไปจากที่นี่มื้ออื่น หลังจากนั้นบ่เกินสองมื้อเฮากะคงอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว”
“อีสร้อยสิไปจากที่นี่แล้ว ข้อยกับมันเห็นกันตั้งแต่ยังจ้อย บ่คึดเลยว่าต้องมาจากกันจังซี้ ข้อยบ่อยากให้มันไปเลย พ่อ”
“ไผบอกว่า เจ้าต้องจากอีสร้อยมัน พ่อใหญ่ให้เจ้าไปกับอีสร้อยด้วย”
จ่อยดีใจมาก
“เป็นหยังเพิ่งมาบอกล่ะ พ่อ ข่าวดีอีหลีเด้อ”
“เจ้าต้องไปช่วยดูแลอีสร้อย มันไปไส เจ้ากะต้องไปด้วย อย่าได้อยู่ห่างมันเชียว แล้วที่สำคัญเจ้าต้องไปช่วยตามหาเจ้ารัชทายาทด้วย แล้วนี่...”
ไกสอนหยิบสร้อยตะวัน เป็นจี้รูปพระอาทิตย์ออกมาส่งให้จ่อย
“สร้อยตะวัน”
“สร้อยตะวัน สร้อยอะหยัง”
“สร้อยตะวันคู่กับสร้อยพระจันทร์ สร้อยพระจันทร์อยู่ที่น้องสาวของเจ้า ถ้าหากเฮายังมีบุญวาสนา เจ้าอาจสิเจอน้องสาวที่หายไปได้”
“ข้อยมีน้องสาวอีหลีบ่ พ่อกะเว้าเล่นไปได้ เฮื่องจริงเรอะพ่อ นี่ข้อยต้องไปตามหาเจ้ารัชทายาท แล้วต้องไปตามหาน้องสาวอีก ยากแท้น้อ”
ไกสอนมองจ่อยอย่างกึ่งๆไว้ใจดี ไม่ดี

สองคุณชายและชัชวีร์ยังงงงันกับเรื่องที่รัชชานนท์แต่งงานกับสร้อย เขามองพี่ๆและชัชวีร์อย่างไม่รู้จะอธิบายยังไงดี
“ตอนนี้สร้อยฟ้าเป็นภรรยาของผมโดยถูกต้องตามประเพณีแล้วครับ เรื่องมันยาวน่ะครับ แล้วเดี๋ยวผมจะค่อยๆเล่าให้ทุกคนฟัง”
พ่อใหญ่กับแฮรี่จับตาดูปฏิกิริยาของธราธรกับพุฒิภัทรอยู่ เมื่อเห็นทั้งสองทำหน้างงงันแต่ก็ไม่ได้ตั้งท่ารังเกียจก็รู้สึกโล่งใจ
“พวกคุณชายคงมีเรื่องต้องคุยกันเป็นการส่วนตัว เดี๋ยวผมจะให้คนจัดที่พักให้ เชิญพักผ่อนตามสบาย คิดเสียว่าเป็นบ้านของพวกคุณเอง”
“ให้พวกคุณชายไปพักที่เรือนของผมก็ได้ครับ พ่อใหญ่” แฮรี่บอก
“บ่ต้องไปพักที่เฮือนของไผให้มันวุ่นวายดอก กะให้พวกคุณชายไปพักที่เฮือนตาจั่นนั่นแหละ ที่นอนหมอนมุ้งกะมีอยู่แล้ว ไป ไปเดี๋ยวนี้ได้เลย”
“เรือนตาจั่น เรือนที่ฉันพักอยู่น่ะเหรอ แต่ตอนนี้มันเป็นเรือนหอของเรานะ สร้อยฟ้า”
“ข้อยบ่ฮู้ล่ะ คืนนี้ข้อยสินอนเฮือนนี้ เจ้าไปอยู่กับพี่ชายของเจ้าไป เวลานี้ยังมีใจคึดเฮื่องห้องหออีก บักคุณชายนี่”
ธราธรตบไหล่น้องชายจนไหล่แทบทรุด
“ให้สร้อยฟ้านอนค้างที่นี่แหละ อย่าลืมซิ พรุ่งนี้เขาต้องไปจากพ่อใหญ่แล้ว นายควรจะให้โอกาสพ่อลูกเขาได้อยู่ด้วยกัน”
พุฒิภัทรตบไหล่รัชชานนท์อีกข้าง
“แล้วเราจะได้มีโอกาสฟังเรื่องของนายด้วย ไอ้ที่ว่าเรื่องมันยาวน่ะ มันยาวซักแค่ไหน”
“ผมอยากให้ไอ้พีร์มาด้วยจริงๆ มันไม่น่าพลาดเรื่องสนุกๆอย่างนี้เลย”
ชัชวีร์มองรัชชานนท์อย่างขำๆ พ่อใหญ่ยังคงอดจับตามองชัชวีร์ไม่ได้ ก็ได้แต่แอบถอนใจ
สร้อยโผเข้ากอดเอวพ่อใหญ่ไว้อย่างดีใจ
“ข้อยบ่ต้องเข้าหอแล้วเด้อ พ่อใหญ่”

รัชชานนท์มองสร้อยเป็นเชิงฝากไว้ก่อน

ภายในเรือนตาจั่นขณะนั้น คุณชายทั้งสองและชัชวีร์ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างรัชชานนท์กับสร้อยจนจบ

รัชชานนท์ทำหน้าเหนื่อยเหลือเกินที่ต้องมาอธิบายเรื่องยืดยาว
“เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ผมก็เลยต้องตกกระไดพลอยโจนแต่งงานกับสร้อยฟ้า บอกตรงๆ ผมก็ยังรู้สึกมึนๆงงๆอยู่ ก็ได้แต่แก้ไขปัญหาไปทีละเปลาะๆ ผมเชื่อว่า ทุกอย่างต้องมีทางออกของมันเอง”
“แต่ที่ฉันเห็นนี่ ดูนายไม่ได้มึนๆงงๆ อย่างที่ว่าเลย เห็นชวนเจ้าสาวเข้าหอยิกๆ แต่ที่จริงก็ดีเหมือนกัน ไอ้ชายโสดไม่เคยพร้อมที่จะลงหลักปักฐานกับใครเค้าเนี่ย มันต้องเจออย่างนี้แหละ”
“เดี๋ยวก่อนนะครับ พี่ชายใหญ่... ชายเล็ก ! นี่แสดงว่า ตอนที่พวกฉันกำลังถูกจับตัว อยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน เป็นตายไม่รู้ เป็นเวลาเดียวกับที่นายได้เข้าหอกับสร้อยฟ้างั้นเหรอ” พุฒิภัทรว่า
“โธ่ ! พี่ชายภัทร ผมได้เข้าหอจริงๆเสียเมื่อไหร่ ที่เล่าให้ฟังเสียยืดยาวนี่ ไม่ได้กระจ่างขึ้นหรือครับ”
“ก็เข้าใจขึ้นมาก เออ ไอ้เรื่องที่นายต้องไปช่วยเมียตามหาเจ้ารัชทายาทนี่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะ” ธราธรบอก
“อย่าเพิ่งไปถึงเรื่องตามหาเจ้าชายเวียงภูคำเลยครับ เรามาคิดถึงเรื่องที่ต้องเจอก่อนดีกว่า พี่ชายเล็กจะเรียนหม่อมย่าเอียดเรื่องสร้อยฟ้าว่ายังไงครับ” ชัชวีร์ว่า
รัชชานนท์นิ่งอึ้ง ตอบไม่ได้ ยังไม่คิด แปะไว้ก่อน

พ่อใหญ่เปิดสมุดบันทึกปกหนังออกมา หยิบรูปเจ้าส่องดาวออกมาดูอีกครั้ง
“บ่ใช่..เพิ่นบ่ใช่ลูกชายของเฮา”
ภาพชัชวีร์ในความทรงจำทำให้พ่อใหญ่ขบคิดว่า ทำไมชัชวีร์จึงดูคล้ายลูกชายเหลือเกิน
“เป็นหยัง..หน้าตาถึงได้เหมือนเหลือเกิน”
สร้อยเปลี่ยนชุดใหม่โผเข้ามากอดเอวพ่อใหญ่ไว้
“เฮ็ดเป็นเด็กน้อยไปได้ มาออดอ้อนขออะหยังอีก ที่เจ้าหนีออกจากห้องหอ พ่อยังบ่ได้ลงโทษเลย แต่กะบ่ทันแล้ว”
“มื้ออื่นข้อยกะบ่อยู่แล้ว บ่อยู่ให้พ่อใหญ่ลงโทษ บ่อยู่ให้พ่อใหญ่บ่นว่าอะหยังอีก พ่อใหญ่ต้องคึดถึงข้อยแทบขาดใจ คอยดูซิ”
“เจ้าเว้าจังได๋ พ่อกะเปลี่ยนใจบ่ได้”
“ข้อยบ่ได้เว้าให้พ่อใหญ่เปลี่ยนใจ ข้อยเต็มใจไปกับบักคุณชาย ข้อยฮู้แล้วว่า ลูกของพ่อใหญ่มีภาระหน้าที่อะหยัง ข้อยสิบ่เฮ็ดให้พ่อใหญ่ต้องผิดหวัง เชื่อคำข้อยได้”
“พ่อเชื่อคำของเจ้า..เจ้าสร้อย...เจ้าสร้อยฟ้า” คำหลังนี้เสียงของพ่อใหญ่แผ่วเบาลงจนเหมือนพึมพำกับตัวเอง
พ่อใหญ่ลูบหัวสร้อยอย่างรักและอาวรณ์ อีกมือยังคงถือรูปของเจ้าส่องดาวไว้

เช้าวันใหม่ ที่ทำงานของนายพลอนุพันธ์ เทวพรหม ณ ตึกบัญชาการของกองทัพบก
อนุพันธ์ยืนนิ่งมองแฟ้มเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ วางนาฬิกาพกลงบนโต๊ะ เขานั่งลงที่โต๊ะทำงาน เปิดแฟ้มรายงานการเคลื่อนไหวของชายแดนหนองคาย บนโต๊ะมีหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าว“เซกองยกเจ้าวีระวงส์ขึ้นแทนเจ้าหลวง” พร้อมรูปเซกองเป็นรูปประกอบ
นายทหารยศร้อยเอกยืนรอรายงานอยู่
บนโต๊ะมีแผนการวางกองกำลังของนายพลเซกองตามชายแดนหนองคาย/เอกสารบางแผ่นมีตราราชสกุลของพูคำวงศ์ แห่งเวียงภูคำ อยู่ที่หัวกระดาษ
“ทางเวียงภูคำยังไม่มีการเคลื่อนไหวเลยหรือ”
ทหารรายงานบอก
“นายพลเซกองไม่ได้หยุดการเคลื่อนไหวเสียทีเดียวหรอกครับ ตอนนี้ทหารของเวียงภูคำไม่ได้ผ่านเข้ามาทางด่านตรวจคนเข้าเมืองของเรา แต่แอบเล็ดรอดเข้ามาทางอื่น คาดว่า น่าจะข้ามมาถึงฝั่งไทยในอีกสองสามวัน”
“ถ้าอย่างนั้นคงจะแอบข้ามแม่น้ำเข้ามา นี่พวกมันยังคงไล่ล่าตามหากองกำลังกู้ชาติเวียงภูคำไม่เลิก ! นี่มันกี่ปีแล้ว กี่ปีๆก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คนบริสุทธิ์ต้องมาตายเพราะสงครามที่ไม่ได้ก่อ”
อนุพันธ์มองนาฬิกาพกที่มีรูปเจ้าส่องดาวที่ไม่ได้ปิดสนิทนัก
“ถ้าทางเรายังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบาย”
“นโยบายไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น ไม่ว่าจะเรื่องการทหารหรือเรื่องการเมือง ถ้าหากเวียงภูคำยังส่งทหารมาเพ่นพล่านตามชายแดนของเราอย่างนี้ เราคงอยู่นิ่งเฉยต่อไปไม่ได้แน่ ไปได้ที่เหลือฉันจะอ่านเอง”
ทหารยังยืนรีรออยู่ อนุพันธ์เงยหน้าขึ้นมองเป็นเชิงถาม
“เรื่องที่ท่านให้คอยตามสืบข่าวคราวของหมวดชัชวีร์ สองวันแล้วนะครับที่ไม่มีข่าวคืบหน้าอะไรเลย ผมเกรงว่า...”
“ไปได้...ฉันเชื่อว่า ลูกชายของฉันเอาตัวรอดได้ ! แค่อยากรู้ว่า เขาอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่เท่านั้นแหละ”
อนุพันธ์ก้มหน้าอ่านรายงาน ทหารทำความเคารพแล้วเดินออกไป
“ทหารเวียงเริ่มกลับเข้ามาใหม่...ถ้าชัชวีร์ยังไม่ออกจากป่า”
อนุพันธ์เริ่มเป็นกังวลว่า ชัชวีร์จะไปเจอกับทหารเวียงเข้าให้อีก

แม่เฒ่าส่งย่ามผ้าให้กับจันทาที่หน้าเรือน
“แม่เฒ่าบอกว่า ข้อยเป็นคนเวียงภูคำ จังสั้นข้อยสิอยู่ที่นี่ต่อไป”
“บ่ได้ เจ้าต้องไปกับมงกุฎแห่งเทพ เจ้ามากับเพิ่น เจ้ากะต้องกลับไปกับเพิ่น แล้วเมื่อถึงเวลา เจ้าสิได้กลับมาอยู่กับครอบครัวของเจ้า จันทา..จันทา..เจ้าบ่น่าใช่ชื่อนี้..บ่ใช่จันทา”
แม่เฒ่าเดินพึมพำบอกตัวเองไป แต่ยังคิดไม่ตกกับเรื่องของจันทาเพราะไม่ได้รู้ทุกเรื่อง
“ข้อยบ่มีครอบครัวแล้ว แล้วข้อยสิกลับไปหาไผได้ ไผที่เป็นครอบครัวของข้อย บ่มีแล้ว บ่มีพ่อเจ้ย ข้อยกะบ่มีไผแล้ว”
จันทาพูดไล่หลังแม่เฒ่าที่ไม่ได้หันกลับมาอีก
จันทาทรุดตัวลงนั่งอย่างคนไม่มีที่ไป เธอดึงสร้อยพระจันทร์จากอกเสื้อมาดูแล้วดึงสร้อยออกยัดใส่ย่ามผ้าไปอย่างไม่อยากเห็นอีก
“ข้อยบ่มีพ่อบ่มีแม่ เพิ่นบ่ต้องการข้อย เพิ่นถึงทิ้งข้อยไป แล้วข้อยสิกลับไปหาเพิ่นเฮ็ดหยัง จังได๋ข้อยกะชื่อจันทา บ่มีชื่ออื่นไปได้ ข้อยชื่อจันทาได้ยินบ่ แม่เฒ่า ข้อยชื่อจันทา”
จันทาร้องไห้สะอึกสะอื้น รู้สึกอ้างว้างพึ่งใครไม่ได้ มือของไกสอนมาแตะไหล่จันทา
“จันทา”
จันทาหันมาตามเสียงแล้วโผเข้ากอดไกสอนอย่างไม่รู้ตัว
“แม่นแล้ว ข้อยชื่อจันทา..อย่าให้ไผมาเปลี่ยนชื่อข้อย แค่นี้ข้อยกะบ่มีตัวตนในโลกนี้แล้ว”
“เจ้านี่เองที่ชื่อจันทา”
จันทาชะงักเพิ่งรู้ตัวค่อยๆผละออกมา จ่อยโผล่มาด้านหลังไกสอน
“กะนี่แหละ จันทาของข้อย เออ...จันทาของคุณชาย เออ บ่ใช่ จันทา แม่หญิงที่มาที่นี่พร้อมกับคุณชาย เสียดายแท้เนาะ มาฮู้จักกันแล้วกะต้องมาจากกันแล้ว”
“พ่อใหญ่ฮู้ว่า เจ้าคงบ่อยากไปกับคุณชาย แต่จังได๋เจ้ากะต้องไปเพื่อตัวเจ้าเอง จันทา บ่ต้องย่านไป บักจ่อยสิไปเป็นหมู่กับเจ้าแล้วกะสิดูแลเจ้าด้วย”

จันทามองไกสอนท่าทีอ้ำอึ้ง แล้วต้องพยักหน้ารับอย่างจำยอม

อ่านต่อหน้า 3

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 6 (ต่อ)

สร้อยก้มลงกราบที่เท้าของพ่อใหญ่ จ่อยรีบก้มลงกราบพ่อใหญ่แล้วคลานไปกราบไกสอน ไกสอนดึงตัวจ่อยขึ้นมายืน จึงเห็นจันทายืนอยู่ด้านหลัง

“เจ้าไปอยู่ต่างบ้าน บ่อนเข็ดให้ยำ บ่อนขะลำให้ย่าน…(ให้มีสัมมาคารวะ รู้จักที่ต่ำที่สูง) บุญรักษาเจ้าเด้อ”
พ่อใหญ่ประคองสร้อยให้ลุกขึ้นยืน สร้อยกลั้นน้ำตาไม่ยอมร้องไห้ออกมา
รัชชานนท์ยืนมองสร้อยอย่างเข้าใจ พ่อใหญ่บอกกับสร้อย
“บ่ต้องบอกลากัน บ่ต้องฮ้องไห้..ลูกสาวของพ่อต้องเข้มแข็งอดทน”
“และต้องกล้าหาญด้วย”
“เฮาจากกัน แล้วกะต้องเจอกัน ขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง”
“พ่อใหญ่”
สร้อยโผเข้ากอดพ่อใหญ่แน่น จันทามองสองพ่อลูกอย่างสะเทือนใจ เมื่อคิดถึงตัวเอง
สร้อยปล่อยมือจากพ่อ มองพ่อนิ่งอึดใจแล้วตัดใจถอยหลังออกมายืนเคียงข้างรัชชานนท์
ธราธร พุฒิภัทร ชัชวีร์ยืนอยู่ข้างรัชชานนท์ แฮรี่ ทับทิมและแม่เฒ่ายืนอยู่เบื้องหลังของพ่อใหญ่ ทุกคนมารอส่งกันพร้อมหน้า
พ่อใหญ่พูดกับคนอื่นๆ
“ขอให้ทุกคนเดินทางปลอดภัย...ไม่ว่าจะมีอุปสรรคกีดขวางแค่ไหน ก็ขอให้ผ่านพ้นไปได้ แล้วหวังว่าจะได้เจอกันอีก”
ธราธร และพุฒิภัทร และชัชวีร์ยกมือไหว้รับพรจากพ่อใหญ่ รัชชานนท์ก้าวไปหาพ่อใหญ่
“ผมลานะครับ พ่อใหญ่ ขอบคุณในความเมตตาที่มีต่อผม ผมจะถือว่า ภาระหน้าที่ที่พ่อใหญ่มอบให้สร้อยฟ้า เป็นภาระหน้าที่ของผมเอง”
“ขอบคุณครับ คุณชาย ทุกอย่างที่ผมอยากพูด ผมก็พูดไปหมดแล้ว แต่ผมคงต้องขอพูดอีกครั้ง ฝากเจ้าสร้อยฟ้าของผมด้วย”
รัชชานนท์ยิ้มดีใจ
“ครับ ผมจะดูแลเจ้าสร้อยฟ้าให้ดีที่สุด”
ไกสอนกับแฮรี่มองหน้ากัน รู้ความนัยถึงชื่อจริงของสร้อยที่ชื่อเจ้าสร้อยฟ้า ! พ่อใหญ่ตบไหล่รัชชานนท์แล้วแตะไหล่รัชชานนท์ จ้องมองลูกเขยชั่วอึดใจ
“รีบออกเดินทางเถอะครับ มีคนที่ห่วงใยรอพวกคุณอยู่”
รัชชานนท์ก้มลงไหว้พ่อใหญ่อย่างนับถือศรัทธา ธราธร พุฒิภัทร และชัชวีร์ไหว้ลาพ่อใหญ่ กลุ่มธราธร พุฒิภัทร และชัชวีร์เดินออกไปกลุ่มแรก จันทายกมือไหว้ลาทุกคนแล้วเข้าไปกราบแม่เฒ่าที่อก
“ขอบคุณหลาย แม่เฒ่า..ข้อยสิบ่ลืมแม่เฒ่าไปจนวันตาย”
แม่เฒ่าลูบหัวจันทาอย่างเมตตา จ่อยเข้ามาไหว้แม่เฒ่าเร็วๆแล้วดึงจันทาออกไป
“ข้อยไปแล้วเด้อ แม่เฒ่า”
แม่เฒ่ามองทุกคนที่กำลังไปจากหมู่บ้านพักเดียวแล้วเดินหายออกไป สร้อยยกมือไหว้พ่อใหญ่ ไกสอนและแฮรี่อีกครั้ง แฮรี่ส่งหนังสือเล่มหนาให้สร้อย
“แฮรี่...ข้อยยังต้องอ่านหนังสืออีกเรอะ” สร้อยโอดตรวญ
“ความรู้ในโลกนี้มีให้เรียนไม่จบไม่สิ้นหรอก แล้วเจ้าจะรู้ว่า ทุกอย่างที่เจ้าเรียนมา ไม่เสียเปล่า เดินทางปลอดภัยถึงจุดหมายที่เจ้าต้องการ”
สร้อยยัดหนังสือลงย่ามผ้าแล้วเดินออกมา แต่ก็ต้องหันไปมองพ่อใหญ่อีก สร้อยหันไปมองทับทิมที่พยักหน้าให้อย่างรับรู้ว่า ต้องทำหน้าที่ปกป้องทุกคน
“บ่ต้องสั่ง ข้อยฮู้”
สร้อยยังยืนเฉยมองทุกคนอยู่จนรัชชานนท์ต้องดึงสร้อยให้เดินออกไป กลุ่มชาวบ้านค่อยมาสมทบยืนส่งสร้อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นกลุ่มใหญ่
รัชชานนท์เดินออกไปกับสร้อยที่ห่างไปจากพ่อใหญ่ทุกทีๆ

ธราธร พุฒิภัทรและชัชวีร์เดินกันมาตามทางถึงทางเข้า-ออกของหมู่บ้าน จ่อยกับจันทาเดินตามมา รัชชานนท์กับสร้อยเดินตามรั้งท้าย
สร้อยหยุดยืนมองไกลไปทางหมู่บ้านอย่างอาลัยอาวรณ์
“ไปกันเถอะ สร้อยฟ้า”
รัชชานนท์แตะแขนสร้อยให้เดินต่อไป สร้อยตัดใจเดินออกไป จ่อยก้มลงจะหยิบก้อนหินสองก้อนวางไว้เป็นสัญลักษณ์ว่า มีคนออกไปจากหมู่บ้านสองคน
สร้อยเดินผ่านจ่อยหยุดยืนมอง
“บ่ต้องดอก บักจ่อย เฮาคงบ่ได้กลับมาที่นี่อีก นี่เป็นเทื้อแรกที่ข้อยต้องจากพ่อใหญ่ แต่ข้อยต้องได้เจอพ่อใหญ่อีก ! แต่บ่ได้เจอกันที่นี่ เฮาสิไปเจอกันที่แผ่นดินเกิด..เวียงภูคำ”
ธราธร พุฒิภัทรและชัชวีร์เดินมาถึงถ้ำทางเข้าออกที่ยังมีมนต์หมอกอยู่ จ่อยกับจันทาเดินตามมา พร้อมๆกับรัชชานนท์และสร้อย
ทันทีที่รัชชานนท์ก้าวเท้าเข้ามา มนต์หมอกค่อยๆจางลงจนเห็นทางออกได้ชัด พร้อมๆกับเสียงคำนายของแม่เฒ่า
“...เมื่อกษัตริย์ผู้สวมมงกุฎแห่งเทพมาเยือน เสียงเรียกจะทำให้หมอกคุ้มภัยจางหาย... เมื่อถึงเวลานั้น วลาหกจะเสียแก้วตาไป แต่จะได้ดวงใจของเวียงภูคำกลับคืนมา..”
ธราธรและพุฒิภัทรก้าวเดินออกไปอย่างมั่นใจ ชัชวีร์หันมามองจันทาอย่างจำได้ลางๆ แต่เห็นจ่อยดึงย่ามผ้าของจันทาถือให้ก็เห็นความสนิทสนมของคนทั้งสอง ชัชวีร์ก้าวเดินออกไป จันทาดึงย่ามผ้าจากจ่อยมาถือไว้เอง
จ่อยกับจันทาเดินผ่านเข้าถ้ำไป สร้อยมองมนต์ที่กำลังจางหายไปอย่างกังวลใจ
รัชชานนท์ดึงสร้อยเดินออกไป มนต์หมอกที่ลอยตัวอยู่รอบๆปิดทางเข้าออกของถ้ำค่อยๆจางลงเรื่อยๆ จนหายไปหมด หมดสิ้นมนต์หมอกในคราวนี้ไปจริงๆ

ทับทิมแอบเดินมาส่ง ยืนมองอยู่ไกลๆ เห็นมนต์หมอกหายไปหมดสิ้น อาณาจักรของหมู่บ้านวลาหกที่ทุกมุมที่เคยมีมนต์หมอกหายวับไปหมด!

บริเวณที่พักแรมในป่า กองไฟที่ลุกโพลงมาทั้งคืนจวนจะมอดในยามเช้า รณพีร์เดินพล่านไปมาอย่างคนนั่งไม่ติด ท่าทางอิดโรยเพราะไม่ได้หลับมาทั้งคืน

ขณะที่บุญโฮมขนฟืนมาสุมกองไฟให้คุกรุ่นอยู่ต่อไป ส่วนพรานเกิ้นนั่งหลับสัปหงกอยู่ข้างๆ กองไฟ
รณพีร์คว้ากระติกน้ำยัดใส่กระเป๋าสะพาย แล้วตรวจดูปืนอีกครั้ง เพื่อพร้อมเตรียมเดินทาง ศินีนุชโผล่ออกมาจากเต๊นท์ ทันเห็นรณพีร์ก่อนที่จะชิ่งหนีออกไป
"พี่ชายพีร์คะ พี่ชายพีร์จะไปไหน"
บุญโฮมกับพรานเกิ้นรีบลุกพรวดมองไปยังรณพีร์พร้อมกัน
บุญโฮมกับพรานเกิ้นประสานเสียงพร้อมกัน
"คุณชายจะไปไหนครับ” / “คุณชายสิไปไสครับ"
"ไปตามพวกพี่ๆของฉันน่ะซิ ทุกคนหายไปทั้งคืนอย่างนี้ ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ"
"สงสัยพวกเพิ่นคงหลงเข้าไปในป่าอาถรรพ์แล้ว ถึงกลับมาบ่ได้" พรานเกิ้นผู้ชราภาพบอก
"ป่าอาถรรพ์?! นี่หมายความว่า ป่าอาถรรพ์มีจริงๆหรือ พี่ชายพีร์คะ เราออกไปจากป่านี้เถอะค่ะ เรา...เราไปรอที่บ้านพักก็ได้ ถ้าพวกพี่ๆตามหาพี่ชายเล็กเจอ ยังไงก็ต้องพากลับไปที่บ้านพัก จริงมั้ยล่ะคะ"
ศินีนุชลุกลี้ลุกลนด้วยความกลัว รี่จะกลับเต็นท์ไปเก็บข้าวของ
"ก็จริงครับ น้องนุช งั้นก็ไปเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อยเลย แล้วเดี๋ยวพี่ให้ลุงบุญโฮมกับตาเกิ้นพากลับเข้าไปในเมือง"
รณพีร์พูดสั่งกับบุญโฮม
"เก็บข้าวของเท่าที่จำเป็นแล้วรีบพาน้องนุชออกไปจากที่นี่ทันที"
รณพีร์สั่งการเสร็จจะเดินออกไป ศินีนุชหันมาเห็นก็รีบขวางไว้
"พี่ชายพีร์จะให้นุชกลับไปคนเดียวหรือคะ ไม่ได้นะ ยังไงเราต้องกลับไปด้วยกัน แล้วถ้าพี่ชายพีร์ไป แล้วเกิดหายตัวไปอีกคน นุชจะทำยังไง ไม่ได้นะคะ ยังไงพี่ชายพีร์ต้องอยู่กับนุช ! นุชกลัว"
ศินีนุชเกาะแขนรณพีร์ประกบติดไม่ให้ไปไหน บุญโฮมกับพรานเกิ้นก็ขยับมารวมกระจุกกันที่รณพีร์ เขาทั้งอึดอัด ทั้งเซ็งที่ทำอะไรไม่ได้ อยากจะบ้าตายจริงๆ !

ธราธร พุฒิภัทรและชัชวีร์เดินนำดุ่มๆ มาตามทางในป่า ชัชวีร์หันมามองจันทาที่ตามหลังมากับจ่อยเป็นพักๆ อย่างเป็นห่วงรู้ว่า จันทาอ่อนแอที่สุดในกลุ่ม จ่อยมองตามสายตาของชัชวีร์ พอรู้ว่าชัชวีร์คอยมองจันทาก็ตาเขียวไม่พอใจ คุณชายรัชชานนท์กับสร้อยเดินปิดท้ายขบวน สร้อยหยุดกึกมองทิศทางในป่าอีกครั้ง
สร้อยตะโกนบอก
"คุณชายๆ บ่ใช่ทางโพ้น ไปอีกทางเน้อ"
กลุ่มธราธรที่เดินนำหน้าอยู่ ชะงักหยุดหันมามอง สร้อยก้าวสวบๆ เข้าไปหา
"ที่พักของคุณชายอยู่ใกล้ลำธารใช่บ่ ถ้าจังสั้นกะต้องไปทางทิศตะวันออกมาๆ ข้อยนำทางให้เอง ฟ่าวกันหน่อย อีกครึ่งมื้อกะฮอดแล้ว ไป บักจ่อย"
สร้อยดึงตัวจ่อยให้ช่วยเดินนำทางไปด้วย โดยไม่มีทีท่าเหน็ดเหนื่อย ทั้งคู่คล่องแคล่วว่องไวมาก ชัชวีร์พูดขึ้น แล้วหันไปหาธราธร
"เดี๋ยวๆ เราพักกันหน่อยดีมั้ย ... เราเดินเท้ากันมาเป็นชั่วโมงๆ ท่าทางบางคนจะไม่ไหวแล้ว"
ชัชวีร์หันไปมองจันทาที่ยืนเหนื่อยแทบขาดใจ แต่อดทนได้อยู่
"ไผ ไผบ่ไหว ป่าบ่ใช่ตลาด บ่ใช่ที่ย่างเล่น ถ้าบ่แน่อีหลีกะอย่าเข้าป่ามา จังซี้เอิ้นว่าเป็นตัวถ่วงแท้ เดินๆเซาๆ เสียเวลาหลาย พวกคนเมืองนี่บ่มีน้ำอดน้ำทนเอาซะเลย" จ่อยบอก
จ่อยพูดลอยๆหวังกระทบพวกคุณชายทั้งหลายโดยเฉพาะชัชวีร์
"บักกึ่มเอ๊ย บ่ใช่พวกคนเมืองที่เดินบ่ไหวไ สร้อยบอก
"อ้าว ! ถ้าบ่ใช่พวกคนเมืองแล้วเป็นไผ"
"นายก็ลองหันไปมองคนข้างๆ..คนที่นายเดินมากับเขาตลอดทาง"
จ่อยสะดุ้งรีบหันไปมองจันทาที่ยืนหน้าซีดเหงื่อแตกอยู่ จ่อยหน้าแตกเพล้ง
"อ้าว ! จันทาดอกเรอะ"
"จันทาเดินไหวจ้ะ เราไปกันต่อเถอะ ไม่ต้องพักดอกจ้ะ"
"จันทาก้าวขาจะไม่ออกอยู่แล้ว ถ้าขืนไปต่อได้เป็นลมล้มลงกลางทางแน่" งั้นก็พักกันดีกว่า โน่นไปพักแถวใต้ร่มไม้แถวนั้น ไป นายจ่อยพาจันทาไป นั่งพักก่อน ไป" ธราธรบอก
"มา...ข้อยช่วย"
สร้อยเข้าช่วยจ่อยประคองจันทาเดินออกไป จันทามองสร้อยด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้น
"จันทาเพิ่งฟื้นตัวได้ไม่นานต้องมาเดินทางไกลอย่างนี้ เราคงรีบเร่งเดินทางไม่ได้แล้วล่ะครับ พี่ชายใหญ่" พุฒิภัทรบอก
"ถึงที่พักช้าหน่อยไม่เป็นไรหรอก กลัวแต่ชายพีร์จะเป็นห่วงน่ะซิ"
พุฒิภัทรขำ
"ชายพีร์ไม่มีเวลามาเป็นห่วงเราหรอกมั้งครับ คงยุ่งวุ่นวายอยู่กับน้องนุช ตอนนี้คงกำลังเสิร์ฟอาหารกลางวันให้เธออยู่ ก่อนที่จะเตรียมน้ำชาตอนบ่ายให้"
ชัชวีร์บอก
"ชายพีร์ไม่ใจดีตามใจน้องนุชอย่างพี่ชายภัทรหรอกครับ ผมว่า ป่านนี้ชายพีร์แอบหาทางหนีน้องนุชทุกวิถีทางมากกว่า อยู่ที่จะหนีพ้นหรือไม่พ้นนี่แหละ"
รัชชานนท์ฟังอยู่นาน ก่อนที่จะเข้าใจว่าศินีนุชมาด้วย
"เดี๋ยวๆ นี่กำลังพูดถึงใครกัน น้องนุช น้องนุช น้องสาวของนายมาด้วยหรือ นายชัช"
"เออ...เราลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย ใช่แล้ว ชายเล็กน้องนุช น้องศินีนุชคู่หมั้นคู่หมายของนายตามมาด้วย แล้วนี่นายจะบอกเรื่องนี้กับเมียนายยังไงล่ะทีนี้"

รัชชานนท์หันไปมองสร้อยที่ช่วยประคองให้จันทานั่งลง มีจ่อยคอยดูใกล้ๆอย่างห่วงใย

อ่านต่อตอนต่อไป

ธราธรกับพุฒิภัทรพากันเดินมาสุมหัวคิดกันอีกมุมหนึ่งใต้ร่มไม้ในป่า ห่างจากมุมที่สร้อยและจ่อยอยู่

รัชชานนท์เดินตามมาช้าๆ คิดทบทวนไปด้วย ชัชวีร์ติดร่างแหตามมาด้วย
"ผมไม่จำเป็นต้องบอกอะไรกับสร้อยฟ้านี่ครับ ผมกับน้องนุชไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย ถึงทางผู้ใหญ่เคยทาบทามอะไรกันไว้ ก็ไม่ได้เกี่ยวกับผม"
"อย่ามาปัดสวะให้พ้นตัว เพราะยังไงปัญหาเรื่องนี้ก็จะไม่พ้นตัวนายไปง่ายๆ ถ้าสร้อยฟ้าเจอกับน้องนุชเมื่อไหร่ เกิดเรื่องใหญ่แน่" ธราธรบอก
"น้องนุชเธอถือว่านายเป็นคู่หมายแล้ว นายก็รู้ว่า เรื่องสัญญายังไม่จบสิ้น พวกเรากับทางเทวพรหมยังหนีกันไม่พ้น ตอนนี้ก็เหลือนายกับน้องนุช แล้วก็ชายพีร์กับน้องรัมภา" พุฒิภัทรพูดเสริม
"นี่ไม่ใช่เวลาที่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่เป็นเวลาที่จะต้องหาทางป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น ถ้าน้องนุชรู้ว่านายแต่งงานกับสร้อยฟ้าแล้ว ได้กรี๊ดป่าแตกแน่นอน แล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นรู้มั้ย"
"เธอต้องแล่นไปฟ้องหม่อมย่า เรื่องการแต่งงานของนายกับสร้อยฟ้าไม่ควรจะรู้จากปากของคนอื่น นายต้องเป็นคนเรียนเรื่องนี้กับท่านเอง ไม่งั้นสร้อยฟ้าไม่มีวันได้เข้าวังจุฑาเทพแน่" พุฒิภัทรบอก
"แล้วนี่ผมจะต้องเริ่มต้นตรงไหนดี"
ชัชวีร์แนะนำ
"ผมว่า พี่ชายเล็กน่าจะเริ่มต้นด้วยการบอกสร้อยฟ้าเรื่องน้องนุชนะครับ"
สร้อยโผล่เข้ามากลางวงอย่างไม่ได้รู้อะไรด้วย
"เว้าอะหยังกันอยู่"
ทุกคนแตกฮือกระจายถอยตัวออกมา จ้องมองสร้อยอย่างทำหน้าไม่ถูก
"พวกเจ้าเว้าเฮื่องข้อยอยู่ใช่บ่ มีอะหยังกะเว้ากันตรงๆ บ่อยากให้ข้อยนำทางล่ะสิ บ่เชื่อฝีมือกัน เพราะข้อยเป็นผู้หญิง แม่นบ่"
"พวกเราเชื่อฝีมือเธออยู่แล้ว ใครจะรู้จักป่านี้ได้เท่าเธอ คืออย่างนี้นะ สร้อยฟ้า ฉันมีเรื่องที่จะบอกเธอ"
ทุกคนลุ้นให้รัชชานนท์บอกเรื่องศินีนุชเร็วๆ สร้อยจ้องมองรัชชานนท์ไม่รู้จะบอกเรื่องอะไร ทำไมหน้าตาดูตื่นๆ

ใต้ร่มไม้ในป่า จันทาจิบน้ำอย่างช้าๆ พุฒิภัทรแตะชีพจรที่ข้อมือจันทา จ่อยชะเง้อมองมาอยู่
"ตอนนี้เธออยู่ในภาวะขาดน้ำ ค่อยๆจิบน้ำไป เดี๋ยวนอนพักซักหน่อยก็คงจะดีขึ้น แล้วต่อไปดื่มแต่น้ำสะอาดที่ต้มแล้วเท่านั้นนะ ร่างกายเธอยังไม่แข็งแรงดี ภูมิคุ้มกันก็ต่ำ ต้องระวังไว้ให้มากๆ"
"ฮู้หลายแท้ เว้าอย่างกับว่าเป็นหมอ เฮอะ"
ชัชวีร์เดินถือกระติกน้ำเข้ามา
"อ้าว ! นี่ไม่รู้หรอกเหรอว่า พี่ชายภัทรเป็นหมอ"
จ่อยทำหน้าไม่ถูกที่พูดผิดทำตัวเองหน้าแตกอีกครั้ง
"เรามีหมอเก่งๆมาด้วยอย่างนี้ คงไม่เห็นว่า พวกเราเป็นตัวถ่วงอีกแล้วนะ" ชัชวีร์บอก"จันทาต่างหากล่ะจ๊ะที่เป็นตัวถ่วง"
"ก็จันทาเป็นผู้หญิง" ชัชวีร์บอก
"เจ้าสร้อยก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่แข็งแรงคล่องแคล่วว่องไวกว่าจันทามากนัก ถ้าไม่มีจันทามาด้วย ป่านนี้ทุกคนคงไปถึงที่พักแล้ว"
ธราธรขนฟืนเข้ามาเพื่อก่อกองไฟ
"อย่าพูดอย่างนั้น จันทา ตอนนี้เธอเป็นคนในครอบครัวของเราแล้ว เราจะทิ้งให้เธออยู่ที่หมู่บ้านวลาหกได้ยังไง"
"ชายเล็กเล่าเรื่องเธอให้เราฟังหมดแล้ว แล้วเดี๋ยวเราจะเล่าเรื่องของเราให้เธอฟังบ้าง จะได้รู้ว่า พี่ชายแต่ละคนของเธอเป็นใครกันบ้าง" พุฒิภัทรบอก
"แต่ไม่รู้ว่า พี่ชายคนต้นเรื่องนี่เป็นยังไงแล้วบ้างนะครับ" ชัชวีร์ว่า
สร้อยแผดเสียงดัง
"บ่ต้องมาเว้า บ่อยากฟัง คนขี้ตั๋ว"
ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่กกับเสียงของสร้อยที่ดังแผดเข้ามา

สร้อยเดินหนีรัชชานนท์อยู่
"ไป ไปให้พ้น บ่ต้องตามมา ข้อยบ่อยากเห็นหน้าเจ้า คนขี้ตั๋ว"
"เดี๋ยวซิ ฉันโกหกเรื่องอะไร ฉันแค่ไม่ได้บอกเธอเรื่องน้องนุชเท่านั้น"
"บ่ได้บอกกะคือการโกหก ถ้าเจ้ามีคู่ฮักอยู่แล้ว เป็นหยังถึงมาแต่งงานกับข้อย คนอย่างข้อยบ่มีวันแย่งผู้ชายจากไผ"
รัชชานนท์นึกได้
"ที่จริงวันที่เราเข้าหอกัน ฉันตั้งใจเล่าเรื่องทุกอย่างให้เธอฟัง แต่เธอไม่ยอมฟังเอง ฉะนั้นฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังเรื่องศินีนุชกับเธอ แล้วขอบอกเป็นครั้งที่ร้อยว่า เขาไม่ได้เป็นคู่รักของฉัน เขาเป็นแค่คู่หมาย"
"ก็คือกัน"
"มันเหมือนกันเสียที่ไหน ฉันกับเขาเจอกันตอนเด็กๆแล้วก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ไม่เคยคบหาดูใจกัน มันเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ตกลงกันเอง เพราะอย่างนี้ถึงต้องให้เธอช่วยให้ฉันรอดพ้นจากการถูกจับแต่งงาน"
สร้อยคิดๆ
"คู่หมายบ่ใช่คู่ฮัก"
"เข้าใจทุกอย่างแล้วใช่มั้ย ฉันไม่ได้มีคนอื่นก่อนที่จะมาแต่งงานกับเธอ เราสองคนแต่งงานอย่างถูกต้องตามประเพณีทุกอย่าง แต่ปัญหามันอยู่ที่เราจะให้ศินีนุชรู้เรื่องการแต่งงานของเราไม่ได้!"
"เป็นหยัง"
"เถอะน่า แล้วฉันจะอธิบายให้ฟังทีหลัง ตอนนี้ทำตามที่ฉันบอกไปก่อน ฉันขอร้องล่ะนะ ถ้าเจอศินีนุชก็อย่าบอกเรื่องแต่งงานของเราเชียว นะ สร้อยฟ้านะ"
"บ่ ข้อยบ่ใช่คนขี้ตั๋วอย่างเจ้า ข้อยโกหกไผบ่เป็น ถ้าบ่กล้าบอกผู้อื่นว่าเฮาแต่งงานกัน กะถือว่าเฮาบ่ได้แต่งงานกันกะได้ ข้อยกะบ่อยากเป็นเมียเจ้าอยู่แล้ว"

สร้อยเดินพรวดๆออกไปอย่างอารมณ์เสีย ปล่อยให้รัชชานนท์คิดหนักในการแก้ปัญหานี้

ท้ายหมู่บ้านวลาหกยามนั้น กลุ่มชาวบ้านที่ส่วนใหญ่เป็นคนแก่ ผู้หญิงและเด็กขนสัมภาระพากันอพยพออกไปบางกลุ่มไปด้วยเกวียน บางกลุ่มเดินเท้าไปโดยมีกลุ่มชายหนุ่ม 5- 6 คนคุมการอพยพครั้งนี้

พ่อใหญ่ ไกสอนและแฮรี่ยืนเฝ้ามองกลุ่มชาวบ้านที่พากันอพยพไป หญิงชราพาหลานตัวเล็กถือช่อดอกไม้มาวางลงที่แทบเท้าพ่อใหญ่แล้วก้มลงกราบ
"พ่อใหญ่...อย่าทิ้งพวกเฮาเด้อ"
"บ่ต้องห่วง แล้วเฮาสิฟ่าวตามไป ขอให้ทุกคนเดินทางโดยปลอดภัยเด้อ"
หญิงชรากราบพ่อใหญ่อย่างดีใจแล้วดึงหลานตัวเล็กออกไป หลานหันมาโบกมือให้พ่อใหญ่
"ฟ่าวตามไปเร็วๆ เด้อ พ่อใหญ่"
หญิงชราดึงหลานตัวเล็กไปร่วมขบวนการอพยพที่เคลื่อนออกไปอย่างช้าๆ
พ่อใหญ่มองกลุ่มคนที่กำลังอพยพออกไป

ในเวลาต่อมา พ่อใหญ่ ไกสอน และแฮรี่เดินกลับมาจากท้ายหมู่บ้าน
"เฮายังเหลือคนอยู่ที่นี่เท่าไหร่" พ่อใหญ่ถาม
"ราวๆอีกยี่สิบหลังคาเรือน ก็หกสิบกว่าคนน่ะครับ พ่อใหญ่ วันนี้เราให้พวกคนแก่ ผู้หญิงและเด็กอพยพกันไปก่อน พอเราอพยพเป็นกลุ่มสุดท้ายจะได้เดินทางคล่องตัวกันมากขึ้น และจะได้คุ้มครองพ่อใหญ่ได้ง่ายขึ้นด้วย" แฮรี่บอก
"ข้อยอยากให้พ่อใหญ่ไปซะมื้อนี้เลย ไหนๆพ่อใหญ่กะเลื่อนการอพยพให้เร็วขึ้น พ่อใหญ่ควรไปจากที่นี่เป็นคนแรกบ่ใช่คนสุดท้ายเด้อ" ไกสอนว่า
"ให้พวกอาสาที่สิไปสมทบกับกองกำลังที่ชายแดนไปก่อน ส่วนเฮา...เฮาสิรอจนกว่าบักทับทิมกลับมา เฮาถึงสิไปจากที่นี่ได้"
"พ่อใหญ่บ่ต้องห่วงอีสร้อยมันดอก พวกคุณชายมีกันตั้งหลายคน ทหารเวียงกะบ่มาป้วนเปี้ยนแถวนี้นานแล้ว อีกบ่เกินมื้ออื่น พวกเพิ่นต้องออกไปจากป่าอีหลี" ไกสอนบอก "ถ้าจะห่วง พวกเราห่วงพ่อใหญ่มากกว่า มนต์หมอกของแม่เฒ่าเสื่อมสลายไปแล้วนะครับ" แฮรี่ว่า
"แม่นแล้ว บ่มีมนต์หมอกของแม่เฒ่าปกป้องหมู่บ้านเฮาแล้ว ถึงพวกทหารเวียงบ่ได้ข้ามมาฝั่งไทยมาพักใหญ่ แต่ไอ้เซกองบ่มีวันหยุดตามหาเฮา ป่าที่นี่ยังมีอันตรายอยู่ ตราบใดที่เจ้าสร้อยยังบ่ออกไปจากป่านี้ เฮากะบ่ไปจากที่นี่คือกัน !"
พ่อใหญ่นิ่งเอาจริงเอาจังจนไม่มีใครกล้าค้านอีก

ชัชวีร์เดินตามหาสร้อยอยู่ เขามองตามรอยเท้าที่มีมาตลอดทางแล้วก็หายไปเสียเฉยๆ
จู่ๆ ลูกไม้ก็หล่นร่วงใส่หัว ชัชวีร์เงยหน้าขึ้นไปมองบนต้นไม้ สร้อยนั่งอยู่บนนั้น
"ลงมาก่อน สร้อยฟ้า เรามีเรื่องต้องคุยกัน"
"บักคุณชายใช้ให้เจ้ามาเว้าให้แม่นบ่"
ชีชวีร์พูดอย่างไม่เต็มหากนัก
"ฉันไม่ได้มาพูดให้พี่ชายเล็ก แต่ฉันมาพูดกับเธอในฐานะที่ฉันเป็น... เป็นพี่ชายของน้องนุช ผู้หญิงที่เป็นคู่หมายของพี่ชายเล็ก"
สร้อยกระโดดตุ๊บลงจากต้นไม้มายืนตรงหน้าชัชวีร์
"เจ้าบ่ต้องเป็นห่วง ข้อยสิบ่แย่งคุณชายจากน้องสาวเจ้าแน่"
"เธอไม่ได้แย่งผู้ชายของใคร ที่น้องนุชยังรู้เรื่องเธอกับพี่ชายเล็กไม่ได้ในตอนนี้ เพราะถ้าเขารู้ เรื่องต้องไปถึงหูหม่อมย่าเอียดแน่ พี่ชายเล็กเล่าเรื่องหม่อมย่าให้ฟังแล้วใช่มั้ย"
"แล้วเป็นหยังหม่อมย่าฮู้เรื่องของเฮาบ่ได้"
"ยังไม่ควรรู้ในตอนนี้ แต่ควรจะรู้ในโอกาสที่เหมาะสม เราควรให้ท่านได้มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจก่อน ตอนที่พ่อใหญ่ต้องรับพี่ชายเล็กเป็นลูกเขย ท่านก็ไม่ได้ยอมรับได้ทันทีทันใดไม่ใช่เหรอ"
สร้อยฟังแล้วนิ่งคิด
"เธอมีภาระหน้าที่จะต้องไปทำในวันข้างหน้าอีกนะ เรื่องเล็กแค่นี้...เธอยังอดทนอดกลั้นไม่ได้ แล้วถ้าเธอเจอเรื่องใหญ่กว่านี้ เธอจะรับมือได้ยังไง สร้อยฟ้า"
สร้อยนิ่งอย่างยอมรับฟัง ชัชวีร์ที่พูดมามีเหตุผลทุกอย่าง

ใต้ร่มไม้ในป่า จ่อยส่ายหน้าดิกๆ อย่างโมโห จันทาอยู่ข้างๆแตะแขนจ่อยๆให้ใจเย็นๆ
"บ่ได้ๆ ข้อยบ่ยอมโกหกให้ไผ แล้วไผกะอย่าคึดว่า สิปิดปากข้อยได้"
"พวกคุณชายกะบ่ได้ให้เฮาโกหก แค่ให้เฮาอยู่เฉยๆ อย่าเว้าเฮื่องคุณชายกับเจ้าสร้อยออกไป"
"เป็นหยังสิเว้าเฮื่องแต่งงานบ่ได้ บ่ฮู้ล่ะ ไผถาม ข้อยกะสิบอกความจริง เจ้าแต่งงานแล้ว มาเฮ็ดปิดๆบังๆ จังซี้มันบ่ใช่ลูกผู้ชาย"
รัชชานนท์ ธราธรและพุฒิภัทรมองหน้ากันอย่างหนักใจ
"บักจ่อย ! นายฟังดีหรือเปล่า ฉันขอให้ปิดเรื่องฉันกับสร้อยฟ้าไปก่อน จนกว่าเราจะไปถึงกรุงเทพฯเท่านั้นแหละ ใช่ว่าจะให้ช่วยปิดเป็นความลับตลอดไปเสียเมื่อไหร่"
"ฉันว่า เรื่องนี้ให้สร้อยฟ้าเป็นคนตัดสินใจเองดีกว่า เราเพียงแต่มาบอกบักจ่อยกับจันทาให้รับรู้เรื่องนี้ไว้เท่านั้น" ธราธรบอก
"ถ้าสร้อยฟ้าตัดสินใจยังไง ก็ให้เป็นไปตามนั้น ขออย่าได้มีปัญหาอีก" พุฒิภัทรว่า"อีสร้อยบ่มีวันยอมดอก เฮ็ดจังซี้มันหยามเกียรติกัน ถ้าอีสร้อยบ่ตำปากคุณชายแตก กะมากระทืบข้อยได้เลย"
สร้อยกับชัชวีร์เดินเข้ามา
"อีสร้อย ! เจ้าฮู้เรื่อง..."
"ฮู้แล้ว นอกจากพี่น้องของคุณชายและคุณชัชแล้ว เฮาสิให้ไผฮู้เฮื่องแต่งงานของข้อยกับคุณชายบ่ได้ ตกลงกันตามนี้"
จ่อยอ้าปากเหวอไป รวมทั้งคนอื่นๆ ด้วย
รัชชานนท์นิ่งอึ้ง หันไปมองสร้อยกับชัชวีร์อย่างแปลกใจ ที่ชัชวีร์กล่อมสร้อยได้ง่ายดาย
คุณชายธราธรกับพุฒิภัทรแกล้งขยับตัวขยับเท้าเล็กน้อย จ่อยถดถอยออกไปตามสัญชาตญาณ

รัชชานนท์จับจ้องสร้อยอย่างไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 6 (ต่อ)

บริเวณกองไฟ ใต้ร่มไม้ในป่า สร้อยจัดแจงเทน้ำที่ต้มแล้วเทใส่กระติกน้ำส่งให้ โดยไม่ได้มองหน้าคิดว่ารัชชานนท์คิดว่าเป็นจ่อย

"เอ้า บักจ่อย เอาน้ำไปให้จันทา ไป"
รัชชานนท์รวบทั้งมือของสร้อยทั้งกระติกน้ำไว้แน่น เธอหันขวับไปมองและพยายามดึงมือออก แต่เขายังรวบมือไว้อยู่
"ปล่อย"
"ยังไม่ปล่อย ฉันไม่เข้าใจ ฉันขอร้องเธออยู่เป็นนานสองนาน ยังไงเธอก็ไม่ยอมร่วมมือด้วย แต่นายชัชไปพูดกับเธอประเดี๋ยวเดียว เธอก็ยอมตกลงด้วยง่ายๆ นายชัชมันไปพูดอีท่าไหนเหรอ ฉันอยากรู้จริงๆ"
สร้อยดึงมือออกจากรัชชานนท์จนได้
"คุณชัชเว้ามีเหตุผล"
"แล้วฉันพูดไม่มีเหตุผลตรงไหน "
"เจ้าบ่ยอมอธิบายอะหยัง เอะอะกะให้เฮ็ดตามไปก่อน เจ้าคงเห็นข้อยเป็นคนโง่ เว้าไปกะบ่เข้าใจล่ะซิ จังได๋เจ้ากะเห็นข้อยเป็นสาวบ้านป่าบ่มีการศึกษา แต่คุณชัชบ่เห็นจังสั้น เพิ่นเห็นข้อยเป็นคนคือกัน เพิ่นให้เกียรติข้อย บ่คือเจ้า"
"เออ...นายชัชมันดี มันประเสริฐ เข้าใจเธอดีทุกอย่าง ถ้ามันเป็นคนที่เธอต้องแต่งงานด้วยก็คงจะดี จะได้ไม่ต้องมีปัญหาบ้าบอตามมาอย่างนี้"
"ข้อยกะคึดอยู่คือกัน ! ข้อยสิน่าเจอคุณชัชก่อนเจ้า ถ้าจังสั้นพ่อใหญ่บ่ต้องบังคับ ข้อยกะเต็มใจแต่งงานกับเพิ่น ข้อยมันบ่มีวาสนาถึงต้องมาแต่งงานผู้ชายขี้ตั๋วอย่างเจ้า"
สร้อยเดินสะบัดออกไปอย่างโมโหที่ถูกประชด รัชชานนท์โกรธตัวเองที่พูดประชดออกไปก่อน

จันทานั่งพักอยู่กับจ่อย ฝ่ายจ่อยกำลังคุ้ยข้าวของหาเสบียงจากย่ามผ้า
"รอเดี๋ยวๆ รอเดี๋ยวนะ จันทา ข้อยว่า ข้อยติดเสบียงมาหลายอยู่"
สร้อยกับรัชชานนท์เดินเข้ามาแล้ว ต่างแยกกันไปอยู่คนละมุม เมินหน้าจากกัน
"อยู่ไสหว่า"
จ่อยยังง่วนหาอาหารให้จันทาไม่ได้ ธราธรกับพุฒิภัทรถือกระติกน้ำหลายใบเข้ามา ชัชวีร์เดินตามมาแล้วเอาลูกไม้ผลไม้ป่ามาให้จันทา
"กินนี่รองท้องไปก่อนนะ จันทา"
จ่อยกางกั้นทันทีทันใด
"กินบ่ได้ จันทาท้องว่างอยู่ กินไปสิเสาะท้อง เดี๋ยวข้อยหาของกินให้จันทาเอง เจ้าบ่ต้องมายุ่ง"
สร้อยนึกได้
" ข้อยมีเสบียงติดมาด้วย"
สร้อยดึงข้าวต้มมัดที่มัดติดกันเป็นพวงใหญ่จากย่ามผ้าขึ้นมาโชว์อย่างภูมิใจมาก
"ข้าวต้ม ! กินแล้วอยู่ท้องถึงมื้อแลงเลย ไผสิกินบ้าง"
รัชชานนท์กับจ่อยโพล่งขึ้นพร้อมกัน
"ไม่ล่ะ/บ่เอา"
"ดีเหมือนกัน ! ฉันแกะให้นะ จันทา" ชัชวีร์บอก
รัชชานนท์ปราดเข้าไปดึงข้าวต้มมัดจากจันทายัดใส่มือชัชวีร์
"นายเอาไปกินเอง ไป จันทากินผลไม้น่ะดีแล้ว กินข้าวเหนียวมันย่อยยาก เดี๋ยวจันทาจะไม่สบายไปอีก"
จ่อยรีบสนับสนุน
"เออ..แม่นแล้ว จันทากินผลไม้นี่ดีกว่า บ่ได้หิวหลายนี่ กินของเบาๆรองท้องไปก่อน"
ชัชวีร์ค่อยๆแกะข้าวต้มมัดออก พลางมองรัชชานนท์กับจ่อยที่มองลุ้นๆมา รู้สึกมีอะไรตะหงิดๆ ธราธรกับพุฒิภัทรเข้ามาหยิบข้าวต้มมัดไปคนละห่อ
"ขอกินหน่อยนะ สร้อยฟ้า"
"เรามัวแต่รีบร้อนออกเดินทาง เลยลืมเรื่องเสบียงเสียสนิท ไม่น่าพลาดเลยจริงๆ ดีที่สร้อยฟ้าเตรียมเสบียงมาด้วย" พุฒิภัทรบอก
ธราธรกับพุฒิภัทรคุยกันไปแกะข้าวต้มมัดไป ชัชวีร์กัดข้าวต้มมัดเป็นคนแรก แล้วนิ่งอึ้งไป รัชชานนท์กับจ่อยหันไปยิ้มให้กัน เป็นครั้งแรกที่เริ่มหันมาเป็นมิตรกันได้
ธราธรกับพุฒิภัทรกำลังจะกัดกินข้าวต้มมัดเป็นสองรายต่อไป
"อย่าครับ ! อย่า"
"อร่อย ! อร่อยมากเลย สร้อยฟ้า" ชัชวีร์บอก
รัชชานนท์กับจ่อยมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
"นี่เธอทำเองเลยเหรอ ฝีมือไม่เลวเลยนะ"
"บ่ ข้อยบ่ได้เฮ็ดจ้ะ คุณชาย แม่เฒ่าเป็นคนเฮ็ดมาให้"
รัชชานนท์เข้าใจแล้ว แล้วมองชัชวีร์อย่างเหม็นหน้า
"มิน่าล่ะ.. โชคดีไปนะ นาย"
"โชคดีอะไร ชายเล็ก" พุฒิภัทรถาม
"โชคดีที่สร้อยฟ้าติดเสบียงมาเยอะน่ะครับ เราได้รอดตายไปมื้อนึง"
รัชชานนท์เอื้อมมือจะไปหยิบข้าวต้มมัด สร้อยดึงข้าวต้มมัดหนีมือรัชชานนท์
"ข้อยเตรียมเสบียงมาเผื่อทุกคนยกเว้นเจ้า ถ้าหิวกะไปหากินเอง"
รัชชานนท์กับสร้อยจ้องหน้ากันยังโกรธกันไม่หาย

บริเวณที่พักแรมในป่า รณพีร์โผล่หน้าออกมาจากเต็นท์หลังใหญ่ พลางมองซ้ายมองขวา จนเห็นว่า ปลอดคนแล้ว ก็ค่อยๆก้าวเท้าออกมา เขากระชับกระเป๋าสะพายและแตะปืนที่เอวอย่างรอบคอบ รณพีร์ยังไม่ทันก้าวเดินต่อไป
"พี่ชายพีร์"
รณพีร์หยุดชะงัก สีหน้าเหนื่อยหน่ายเป็นที่สุด เขาหันมาประจันหน้าศินีนุชอย่างตัดสินใจแน่วแน่แล้ว
"พี่ต้องไป! พี่ไม่ยอมอยู่เฉยๆ ขณะที่พวกพี่ๆกำลังตกอยู่ในอันตราย แล้วนายชัชอีกล่ะ นายชัชเป็นเพื่อนรักของพี่ แล้วก็เป็นพี่ชายของเธอด้วย เธอไม่คิดห่วงบ้างหรือยังไง"
"ห่วงค่ะ ห่วง นุชห่วงพวกพี่ๆจะแย่อยู่แล้ว แต่เราเหลือกันอยู่แค่นี้ เราจะไปทำอะไรได้ค่ะ นุชว่าเรารีบกลับเข้าเมืองไปแจ้งทางการให้มาช่วยดีกว่านะคะ รับรองเลยค่ะ ถ้าหากข่าวคุณชายจุฑาเทพสามคนหายตัวไปกระจายออกไป ทหารตำรวจทั้งจังหวัดต้องมาช่วยตามหาแน่ๆ"
"เราต้องพยายามให้สุดกำลังของเราก่อน ก่อนที่จะไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น พี่จะต้องไป ใครก็ห้ามพี่ไม่ได้"
"งั้นนุชไปด้วยค่ะ"
บุญโฮมกับพรานเกิ้นโผล่เข้ามา
"ผมก็ขอไปด้วยครับ" บุญโฮมบอก
"ข้อยกะขอไปด้วยเด้อ ข้อยสินำทางให้เอง"
"ไม่ต้อง ฉันไม่มีเวลามาทำพิธีเปิดป่าด้วยหรอกนะ พรานเกิ้น ฉันต้องรีบไปเดี๋ยวนี้เลย ป่าจะเปิดจะปิด ฉันก็ต้องลุยไปล่ะคราวนี้"
"ไม่นะคะ พี่ชายพีร์อย่าทิ้งนุชไว้กับอีตาสองคนนี้ ได้โปรดเถอะ พี่ชายพีร์ให้นุชไปด้วย นุช..นุชจะไม่ก่อเรื่องอะไรอีก"
ศินีนุชมองซ้ายมองขวาแล้วคว้าท่อนไม้ประจำตัวมาถือไว้ ทำท่าขึงขังเอาจริง
"นุช...นุชรู้หน้าที่ของตัวเองดีแล้วค่ะ นุชจะเป็นผู้ช่วยที่ดีของพี่ชายพีร์ นุชรับรอง นุชจะไม่ทำให้พี่ชายพีร์ผิดหวังเป็นอันขาด"

คุณชายรณพีร์มองศินีนุชอย่างหนักใจเป็นที่สุด

สร้อยกับชัชวีร์เดินนำทางไปด้วยกัน ตามมาด้วยรัชชานนท์ที่พาจันทาเดินตามมา ธราธรกับพุฒิภัทรเดินตามสองคู่อย่างสงสัย

"นี่มันผิดฝาผิดตัวหรือเปล่าเนี่ย"
"สร้อยฟ้าคงยังงอนชายเล็กอยู่น่ะครับ เห็นเก่งกล้าแก่นทโมนอย่างนี้..." พุฒิภัทรบอก
"ยังไงก็ผู้หญิง" ธราธรกับพุฒิภัทรพูดพร้อมกัน
สร้อยกับชัชวีร์เร่งรีบเดินไปด้วยกัน
"คุณชัชเป็นทหารอากาศดอกเรอะ ข้อยอยากขึ้นเครื่องบิน ถ้าไปฮอดกรุงเทพฯ คุณชัชพาข้อยขึ้นเครื่องบินได้บ่ แล้วต้องเป็นเครื่องบินที่ติดปืนกลด้วยนะ ข้อยอยากฮู้ว่า ยิงปืนอยู่กลางอากาศสิเป็นจังได๋"
รัชชานนท์พาจันทาเดินตามเยื้องหลังอยู่ รัชชานนท์เงี่ยหูฟังทุกคำ ชัชวีร์หัวเราะ
"นั่นมันเครื่องบินรบ ฉันคงพาเธอขึ้นไปด้วยไม่ได้หรอก ถ้าเป็นเครื่องบินธรรมดา น่าจะเป็นไปได้อยู่ นี่ไม่แน่นะ พี่ชายเล็กอาจจะพาเธอไปหาพี่ชายรุจที่สวิตเซอร์แลนด์ ทีนี้ได้ขึ้นเครื่องบินสมใจแน่"
"ข้อยบ่อยากขึ้นเครื่องบินกับเพิ่นดอก ข้อยอยากขึ้นเครื่องบินกับคุณชัชมากกว่า ขึ้นเครื่องบินกับทหารอากาศ โก้กว่าหลายเด้อ"
"พี่ชายเล็กเป็นวิศวกร...โก้ไม่แพ้ทหารหรอก"
รัชชานนท์พาจันทาเดินแทรกกลางแยกสร้อยออกจากชัชวีร์
"นี่จะคุยเรื่องไร้สาระอีกนานมั้ย เธอยังไม่ต้องฝันไปไกลถึงกรุงเทพฯเลย คิดเรื่องกำลังจะเกิดขึ้นก่อน"
รัชชานนท์พูดกับชัชวีร์
"นายเตรียมสร้อยฟ้าให้รับมือกับน้องสาวนายหรือยัง เรื่องนี้น่าจะสำคัญกว่าการที่คิดจะพาเมียฉันไปเที่ยวไหนนะ นายชัช"
จันทาเบี่ยงตัวออกจากรัชชานนท์ เพราะรู้ว่ารัชชานนท์กำลังหวงสร้อย จันทาเดินนำหน้าออกไป จ่อยเดินตามรั้งท้ายขบวนมา และเดินตามจันทาไปที่เดินล้ำหน้าทุกคนไป
"เจ้ามีหน้าที่ช่วยข้อยรับมือแม่หญิงของเจ้า บ่ใช่หน้าที่ของคุณชัช"
รัชชานนท์มองหน้าสร้อยและย้ำหนักแน่น
"ฉันไม่รู้จักศินีนุชซักนิดเดียว เขาไม่ใช่แม่หญิงของฉัน ที่พยายามยัดเยียดศินีนุชให้เป็นมากกว่าคู่หมายของฉันนี่ เพราะเธอเองก็มีเป้าหมายใหม่หรือเปล่า สร้อยฟ้า"
รัชชานนท์เดินโกรธงอนออกไป ธราธรกับพุฒิภัทรเดินตามน้องชายไป
สร้อยกับชัชวีร์มองหน้ากันอย่างงงๆไม่เข้าใจรัชชานนท์

จันทาเดินดุ่มนำหน้ากลุ่มมาคนเดียว จ่อยรีบเดินตามมาจนทันและดึงแขนจันทาไว้
"ย่างช้าๆ เด้อ จันทา เดี๋ยวสิเหนื่อยเกินไป"
"ข้อยบ่ได้อ่อนแออย่างที่เจ้าคึด ข้อยเดินไหวเด้อ บ่ต้องห่วงข้อยหลายนัก"
"ถ้าข้อยบ่ห่วงเจ้าแล้วสิไปห่วงไผ เจ้าบ่อยากให้ข้อยคอยเป็นห่วง เพราะเจ้ามีอ้ายเพิ่มมาใหม่ตั้งสี่ห้าคน แล้วยังถึงเป็นเจ้าคนนายคน เจ้าคงบ่อยากมีอ้ายเป็นคนบ้านป่าอย่างข้อยแล้ว"
"พวกคุณชายกะแค่เมตตาสงสารข้อยกะซำนั้น จังได๋ข้อยกะบ่อาจเอื้อมคึดเป็นน้องสาวของพวกเพิ่นอีหลี คนที่ข้อยนับถือเป็นอ้ายมีเพียงผู้เดียวกะคือเจ้า อ้ายจ่อย"
จ่อยผิดหวัง
"เจ้า...เจ้าคงเห็นข้อยเป็นได้แค่อ้ายจ่อย"
"เจ้ากะเห็นข้อยเป็นแค่น้องสาวคือกัน เจ้าบ่มีวันมองข้อยอย่างที่มองเจ้าสร้อย...ข้อยบ่อยากเป็นตัวแทนของไผ"
"เป็นหยังคึดจังสั้น...ข้อยบ่เคยคึดอะหยังกับอีสร้อย เออ ที่จริงข้อยกะเคยคึดล่ะนะ แต่พ่อสั่งข้อยมาตั้งแต่ข้อยฮู้ความว่า ข้อยมีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองอีสร้อย ห้ามคึดเป็นอื่น พออีสร้อยแต่งงานกับคุณชายไป ข้อยกะเฮ็ดใจได้ แล้วเจ้าล่ะ จันทา เจ้าเฮ็ดใจได้บ่"
จันทาหันไปมองรัชชานนท์ที่เดินหน้าหงิกตามหลังมา มีธราธรกับพุฒิภัทรเดินประกบ
"ข้อยบ่ฮู้ ข้อยเคยคึดว่า ข้อยคงทนเห็นคุณชายอยู่กับเจ้าสร้อยบ่ได้ แต่แล้วข้อยกะทนได้ ข้อยอาจสิเฮ็ดใจได้แล้วล่ะมัง"
จ่อยดึงมือจันทามากุมไว้
"ยิ้มไว้จังซี้ ข้อยบ่อยากเห็นเจ้าเศร้าอีกต่อไปแล้ว เจ้ากำลังสิได้เริ่มต้นชีวิตใหม่เด้อ ชีวิตของเจ้าต้องดีกว่าเก่า เชื่อข้อย"
"จ้ะ ข้อยเชื่อ เจ้าเป็นอ้ายของข้อย ข้อยสิต้องเชื่ออยู่แล้ว"
"มื้อนี้ข้อยยอมเป็นอ้ายจ่อยของเจ้า แล้วมื้อหน้าข้อยสิเฮ็ดให้เจ้าเปลี่ยนใจ"
จันทาดึงมือออกจากจ่อย แล้วส่ายหน้าอย่างไม่ให้ความหวัง จ่อยมุ่งมั่นกับจันทา แต่บางแวบก็ไม่มั่นใจนัก

รณพีร์เดินแกะรอยเท้ามาเรื่อยๆ อย่างมุ่งมั่น
"พี่ชายพีร์ พี่ชายพีร์ รอนุชด้วย"
รณพีร์หยุดชะงักหันไปมองด้านหลัง ศินีนุชถือท่อนไม้เดินขาลากเหงื่อโทรมตัวตามมา
"เดินเร็วๆ หน่อยซิ น้องนุช"
ศินีนุชลากขาเข้ามาหารณพีร์แล้วโยนท่อนไม้ทิ้ง ประมาณว่าถืออะไรไม่ไหวแล้ว เธอเหนื่อยหอบ
"เราเดินกันมาสิบกิโลเห็นจะได้แล้วนะคะ ไม่เห็นมีวี่แววของพวกพี่ๆเลย เรา...เรากลับไปตั้งหลักที่แคมป์กันดีกว่านะคะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยออกมาตามหากันใหม่"
"เราจะไม่กลับไปให้เสียเวลา เราจะมุ่งหน้าต่อไปเรื่อยๆ ถ้ามืดจนมองไม่เห็นทางก็ค่อยพัก แล้วพรุ่งนี้เราก็จะไปต่อแต่เช้ามืดเลย"
"แล้วเราจะพักกันที่ไหนคะ ไม่เห็นมีตรงไหนที่เราจะพักกันได้เลย"
ศินีนุชมองซ้ายมองขวามีแต่ป่าและป่า
"หาทำเลเหมาะๆซักที่ ก่อกองไฟซักกอง ก็เป็นที่พักได้แล้ว คราวนี้เธอจะได้รู้รสชาติของการใช้ชีวิตอยู่ในป่าจริงๆ แต่ถ้าเธอนอนกลางดินกินกลางทรายไม่ไหว ก็กลับไปเฝ้าแคมป์กับลุงบุญโฮมและตาเกิ้นแล้วกัน"
"แล้วนุชจะกลับไปได้ยังไงคนเดียวคะ พี่ชายพีร์ต้องไปส่งนุชซิคะ"
"ก็พี่บอกแล้วว่าอย่าตามมา"
"ก็นุชอยู่คนเดียวไม่ได้"
"พี่จะไม่มาเสียเวลากับเธออีกแล้ว ไป ไปกันต่อ ไป"
"นุชไม่ไปแล้ว นุชเหนื่อย นุชเดินไม่ไหว นุชจะเป็นลมแล้วนะคะ"
รณพีร์เดินต่อไปโดยไม่สนใจศินีนุชอีก แม้เธอจะแสดงท่าอ่อนแอเรียกร้องความสนใจ
"นุชจะเป็นลมจริงๆนะคะ นุชรู้สึกหน้ามืด วิงเวียน คล้ายจะเป็นลม ไม่ใช่ค่ะ นุชกำลังจะเป็นลมจริงๆ"
ศินีนุชจะโชว์ลีลาการเป็นลมอยู่แล้ว ก็ต้องชะงักกึก เมื่อเห็นอะไรไหวๆอยู่หลังพุ่มไม้
"นั่นอะไรคะ พี่ชายพีร์ เสือหรือเปล่า"
"เข้าป่าใครเขาถามถึงเสือกัน"
"มีตัวอะไรอยู่ตรงนั้นจริงๆ นะคะ"
ศินีนุชหายเป็นลมเป็นปลิดทิ้ง โผเข้าเกาะหลังรณพีร์อย่างหวาดหวั่น รณพีร์ดึงปืนออกมาตั้งรับไว้
"พี่ชาย"

รณพีร์หันไปมองศินีนุชอย่างดุๆ เธอปิดปากตัวเอง รีบสงบปากสงบคำไว้

เสียงเคลื่อนตัวของกลุ่มคนดังขึ้นท่ามกลางเสียงธรรมชาติของป่า รณพีร์สับไกปืนเตรียมตัวพร้อม ดันศินีนุชให้หลบไปแล้วก้าวพรวดไปทางป่าทึบ พร้อมๆ กันนั้น ชัชวีร์ก็ถือปืนพรวดออกมา

ทั้งรณพีร์และชัชวีร์เล็งปืนใส่กัน อีกนิดเดียวก็จะยิงใส่กันแล้ว
"ไอ้พีร์"
"ไอ้ชัช"
ชัชวีร์ตะโกนบอก
"ไม่มีอะไรแล้วครับ ปลอดภัยแล้วครับ ออกมาได้"
ธราธรกับพุฒิภัทรเดินออกมาจากทางป่าทึบ
"พี่ชายใหญ่ พี่ชายภัทร"
รณพีร์โผเข้ากอดพี่ชายทั้งสองคน ศินีนุชออกจากที่หลบซ่อน
"พวกพี่รู้มั้ยว่า ผมเป็นห่วงแค่ไหน มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า มีใครได้รับบาดเจ็บหรือยังไง ถึงได้เพิ่งกลับมาเอาป่านนี้" รณพีร์ถาม
"เราทุกคนปลอดภัยดี ! กลับมาครบสามสิบสองกันทุกคน"
"นายลืมถามคำถามสำคัญไปข้อนึงนะ ชายพีร์" พุฒิภัทรบอก
"พี่ชายเล็ก ! พวกพี่เจอพี่ชายเล็กมั้ยครับ"
ธราธรกับพุฒิภัทรมองหน้ากันแล้วหันไปยิ้มให้รณพีร์ ให้รู้ว่าเป็นข่าวดี
"เราไม่กลับมามือเปล่าอยู่แล้ว" ธราธรบอก
"พวกพี่ๆ ตามหาพี่ชายเล็กเจอแล้วหรือคะ ไหนล่ะคะ พี่ชายเล็ก พี่ชายเล็กของนุชอยู่ที่ไหน"
ศินีนุชรีบจัดเสื้อปัดเผ้าผมให้เข้าที่ เตรียมต้อนรับรัชชานนท์เต็มที่
ศินีนุชที่มองไปที่คุณชายทั้งหลายทีละคน,ธราธร พุฒิภัทร รณพีร์..
"พี่ชายเล็ก"
ศินีนุชโผเข้าไปกอดชายที่เดินออกมาทันที ยังไงต้องเป็นรัชชานนท์แน่ๆ
"พี่ชายเล็ก ! พี่ชายเล็กของนุช... รู้มั้ยคะว่า นุชรอวันนี้มานานแค่ไหนแล้ว"
ศินีนุชนิ่งชะงัก รู้สึกว่ารอบๆตัวไม่มีการเคลื่อนไหวรวมทั้งชายหนุ่มที่เธอกอดไว้ แต่มีเสียงกลั้นหัวเราะของใครหลายๆคนรอบๆตัวเธอ เธอเงยหน้าขึ้นมอง เพิ่งเห็นว่าผู้ชายที่เธอกอดไว้แน่นคือ บักจ่อย !
ศินีนุชสะดุ้งเฮือกกระโดดถอยหลังออกมาทันที รณพีร์กลั้นหัวเราะไม่ไหว หัวเราะพรื่ดออกมา
"แอร๊ย... นี่แกเป็นใคร กล้าดียังไงมากอดฉัน"
"ไผไปกอดเจ้า เจ้ามากอดข้อยเอง ขนลุกขนพองหลาย"
"แล้วพี่ชายเล็กอยู่ที่ไหน พี่ชายเล็ก"
รัชชานนท์เดินออกมา ศินีนุชปัดเนื้อปัดตัวขยะแขยงจ่อยมากแล้วรีบยิ้มกว้างให้รัชชานนท์ เธอขยับจะไปหาคุณชายแล้วต้องชะงัก รณพีร์แทรกคิววิ่งไปกอดรัชชานนท์ไว้
รัชชานนท์ตบไหล่ รณพีร์มองพี่ชายอย่างดีใจมาก และกอดรัชชานนท์อีกครั้ง
"วันหลังอย่าหนีไปเที่ยวป่าคนเดียว ชวนผมด้วยนะครับ"
"เออ รู้แล้ว"
ศินีนุชยิ้มหวาน
"พี่ชายเล็ก"
รัชชานนท์มีท่าทางไม่เต็มใจนัก
"เออ...น้องนุชใช่มั้ยครับ"
ศินีนุชยื่นมือออกอย่างกระชดกระช้อย
"ในที่สุดเราก็ได้พบกัน"
รัชชานนท์ยิ้มให้ศินีนุชอย่างเจื่อนๆ มีอาการกระสับกระส่ายมองไปด้านหลัง
เธอรีบคว้ามือรัชชานนท์มาจับไว้เอง เขาจับมือเธอตามมารยาทแล้วรีบปล่อย สร้อยพาจันทาเดินตามมาสมทบเป็นสองคนสุดท้าย
รณพีร์มองคนแปลกหน้าที่มากับพวกพี่ๆ อย่างงงๆ แต่ศินีนุชเอาเรื่องมากกว่า
"นี่มันอะไรกัน ทำไมมีคนอื่นมากับพี่ชายเล็กด้วย"
ศินีนุชชี้หน้าจ่อย พูดต่อ
"นายคนนี้หน้าโง่ๆ เซ่อๆ คงเป็นพวกลูกหาบ แต่ผู้หญิงสองนี้เป็นใครกัน"
สร้อยจ้องมองรัชชานนท์ว่าจะจัดการยังไงต่อไป

อีกฟากหนึ่ง บนกุฏิวัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ หม่อมเอียดกับย่าอ่อนกำลังถวายเครื่องสังฆทานให้พระภิกษุ 5-7 รูป สมศรีและแจ๋วคนรับใช้ประจำตัวย่าอ่อน คอยช่วยส่งเครื่องสังฆทานให้ย่าเอียดและย่าอ่อนประเคนถวาย
หม่อมเอียดและย่าอ่อนกล่าวถวายสังฆทาน พระภิกษุให้ศีลให้พร มีการกรวดน้ำเป็นลำดับต่อไป เป็นอันจบพิธี จากนั้นหม่อมเอียดและย่าอ่อนก็ก้มลงกราบพระภิกษุอีกครั้งแล้วถอยออกมา
หม่อมเอียดขยับตัวหันจะเตรียมตัวกลับก็ชะงัก ดารณีนุชอยู่ที่บริเวณทางเข้าคลานเข้ามาหาหม่อมเอียดอย่างคล่องแคล่ว

หม่อมเอียดมองจ้องหน้าน้องสาวทันที ย่าอ่อนส่ายหน้าว่าไม่รู้เรื่อง

หม่อมเอียดกับย่าอ่อนเดินออกมาจากทางกุฎิลงไปยังสวนภายในวัด ดารณีนุชเดินตามมาประจ๋อประแจ๋

สมศรีกับแจ๋วเดินถือร่ม ถือกระเป๋าของหม่อมเอียด ย่าอ่อนเดินหลังมา
"คุณหญิงเธอได้ข่าวคุณชายเล็กมาหรือยังไง ถึงต้องตามมาถึงนี่" แจ๋วบอก
"โอ๊ย ไม่ต้องมีอะไร เธอก็เทียวไปเทียวมาหาคุณท่านได้ทุกวี่ทุกวัน นี่เธอคงกลัวคุณชายเล็กจะหลุดมือ ก็เลยต้องมาคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด" สมศรีพูดพลางชะเง้อเงี่ยหูฟังอย่างสนใจ หม่อมเอียดปรายตามองย่าอ่อนอย่างคาดโทษ
"ไม่ใช่น้องนะคะ น้องไม่ทราบเลยจริงๆว่า คุณหญิงจะตามมา"
"ดิฉันแวะไปที่วังจุฑาเทพมาน่ะค่ะ ก็เลยทราบว่า หม่อมป้ามาทำบุญที่วัด ดิฉันก็กำลังอยากทำบุญอยู่พอดีก็เลยตามมา ไหนๆเราก็มาถึงวัดแล้ว ก็น่าจะขอฤกษ์แต่งงานเสียเลยนะคะ หม่อมป้า"
"ขอให้ได้เจอตัวชายเล็กก่อน แล้วจะจัดการเรื่องชายเล็กกับหนูนุชยังไงก็ว่ากันไป ฉันน่ะยินดีที่จะรับหนูนุชเป็นหลานสะใภ้อยู่แล้ว"
"ทางเราไม่มีปัญหาอะไรเลย รับรองตามชายเล็กกลับมาได้เมื่อไหร่ จัดงานแต่งงานได้ทันที ถ้าจะมีอะไรติดขัดก็คงเป็นทางท่านนายพลอนุพันธ์นั่นแหละ รู้สึกว่าจะตั้งแง่กับทางเราเสียเหลือเกิน"ย่าอ่อนบอก
"โถๆ คุณชายไม่ได้ตั้งแง่อะไรหรอกค่ะ เธอเพียงแต่เป็นห่วงลูกนุช แหม ก็ตั้งแต่ลูกนุชกลับมาจากปีนัง ก็มีหนุ่มๆลูกผู้ดีมีสกุลแวะเวียนมาเยี่ยมไม่ขาดสาย บางรายเห็นลูกนุชแค่ครั้งเดียว ก็ส่งผู้ใหญ่มาทาบทามเลยนะคะ คุณชายก็เลยอยากให้ลูกนุชมีโอกาสได้เลือกคู่ชีวิตที่คู่ควรที่สุด"
ย่าเอียดกับย่าอ่อนนิ่งอึ้งไป
"แต่ดิฉันยังยืนยันกับคุณชายว่า คุณชายเล็กเป็นผู้ชายที่เหมาะสมคู่ควรกับลูกนุชที่สุดแล้ว แต่ทั้งนี้หม่อมป้าก็ควรจะช่วยให้ความมั่นใจกับคุณชายด้วยนะคะ"
"แล้วคุณหญิงจะให้คุณพี่ทำยังไง คุณชายอนุพันธ์ถึงจะมั่นใจ"
"ถ้าหม่อมป้าจะกรุณา...ก็ช่วยฟังคำเสนอแนะของดิฉันซักนิดนะคะ"

หม่อมเอียดมองดารณีนุชรอว่า ดารณีนุชจะพูดยังไงต่อไป

อ่านต่อตอนที่ 7
กำลังโหลดความคิดเห็น