xs
xsm
sm
md
lg

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 2

ด้านอนุพันธ์พยายามข่มอารมณ์สุดขีด เดินหนีดารณีนุชตรงไปยังห้องทำงาน แต่ถูกภรรยาเดินมาดึงตัวไว้

“ทำไม ไม่พอใจหรือ ถ้าคุณไม่พอใจ ก็ให้มันไปอยู่วังเทวพรหมซิ แต่ที่นี่วังกิตติวงศ์ เป็นบ้านของฉัน ฉันมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้!”
อนุพันธ์นิ่งอึ้ง ดารณีนุชยิ้มเยาะที่อนุพันธ์พูดไม่ออก
“คุณคงลืมไปแล้วสิว่า ที่คุณอยู่ได้อย่างมีเกียรติทุกวันนี้ ก็เพราะมีฉันช่วยค้ำชูอยู่”
“ผมอยู่อย่างมีเกียรติเพราะผมทำงานรับใช้แผ่นดิน ไม่ใช่เพราะอาศัยเงินทองหรือชื่อเสียงวงศ์ตระกูล คุณคงไม่เข้าใจคำว่า เกียรติยศศักดิ์ศรี อยู่แล้วนี่ ไม่งั้นวันนี้คุณคงไม่แล่นไปไปที่วังจุฑาเทพแต่เช้าหรอก”
“คุณพูดให้ดีๆ นะ คุณชาย”
“ทางผู้ชายก็แสดงท่าทีอยู่แล้วว่า ไม่เต็มใจที่จะหมั้นหมายกับยายนุช แต่คุณก็ยังเอาลูกสาวไปประเคนให้ ไม่รู้จักรักศักดิ์ศรีเอาเสียเลย”
“เอ๊ะ คุณนี่ หม่อมป้ามาทาบทามลูกนุชเองนะ ฉันไปประเคนให้ที่ไหน ถ้าไม่ได้ลูกนุชไปเป็นหลานสะใภ้ หม่อมป้าก็ต้องจำยอมให้คุณชายพีร์แต่งงานกับแม่วิไลรัมภา โถๆ ทางโน้นตัวสั่นอยากดองกับทางจุฑาเทพเต็มที ก็จนกรอบไม่มีจะกินอยู่แล้วนี่ เทียบกับทางเราที่มีฐานะมีสกุลรุณชาติ ดีพร้อมไปทุกด้าน มีหรือว่าทางโน้นจะไม่เต็มใจ”
“คุณชายเล็กคงจะเต็มใจมาก แค่นัดเจอตัววันแรก ก็เผ่นหนีแทบไม่ทัน แต่เอาเถอะ ถ้าเมื่อคืนยังอับอายขายขี้หน้ายังไม่พอ ก็เชิญดันดุรังต่อไป”
อนุพันธ์เดินเข้าห้องทำงานไป ดารณีนุชยืนหงุดหงิดและโมโห

รณพีร์เดินตามตื๊อชัชวีร์มาตลอดทางจนถึงรถของชัชวีร์ที่จอดอยู่
“อะไรวะ ไปด้วยกันแค่นี้ ไม่ได้เหรอ ไหนๆนายก็ยอมช่วยแล้ว ก็ช่วยให้ตลอดซิวะ”
“เฮ้ย ฉันไปช่วยตอนไหน ฉันบอกแล้วว่า เรื่องนี้ฉันไม่ขอยุ่งด้วย”
“ก็เมื่อวานนายช่วยปิดเรื่องที่พี่ชายเล็กหนีไป ก็เท่ากับนายร่วมมือกับฉันด้วยแหละ ไหนๆเราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว เราก็ต้องร่วมมือกันต่อไป”
“อย่ามาตีขลุมโว้ย ฉันไม่หลงกลหรอก”
รณพีร์ไม่ฟัง
“ฉันไปลางานให้นายแล้ว เรารีบจับรถไฟกันพรุ่งนี้เช้าเลยนะ เราต้องตามตัวพี่ชายเล็กให้เจอก่อนคนอื่น พาพี่ชายเล็กหนีไปหลบที่ไหนซักสามสี่เดือน น้องนุชทนคำครหาไม่ไหว รับรองต้องรีบหาคู่หมายใหม่แก้หน้าแน่นอน ว่าไง แผนของฉันยอดมั้ยล่ะ”
ชัชวีร์มองรณพีร์อย่างหน่ายใจที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจจริงๆ
“เออ แผนของนายยอดเยี่ยมมาก ได้ ฉันจะช่วยนาย ดีเหมือนกัน ฉันก็อยากเห็นเพื่อนเป็นฝั่งเป็นฝาเต็มทีเหมือนกัน”
“เฮ้ยๆ ใครบอกว่า ฉันจะแต่งงาน”
“ถ้าพี่ชายเล็กรอดพ้นจากการแต่งงานครั้งนี้ เหยื่อรายต่อไปก็คือนายไม่ใช่หรือ น้องวิไลรัมภานี่ น่ารักช่างฉอเลาะ นางในฝันของนายเลยนี่ เหมาะสมกับนายไม่เบา ยินดีล่วงหน้าเลยนะ เพื่อน”
ชัชวีร์ยิ้มขำตบไหล่รณพีร์อย่างแรงจนไหล่แทบทรุด รณพีร์นิ่งอึ้งลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย

ท่ามกลางบรรยากาศความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้และสัตว์ป่า รัชชานนท์ถ่ายภาพป่าเขียวชะอุ่ม ภาพกวางเยื้องย่าง นกแปลกตา ฯลฯ อย่างเพลิดเพลิน
พรานเจ้ยกับลูกหาบ 2 คนเดินตรวจตราระแวดระวังอยู่วงนอก เขาหันกล้องมาถ่ายรูปจันทาที่ยืนเหม่อมองกล้วยไม้สวยๆบนต้นไม้ใหญ่ หลังถ่ายรูป 3-4 ใบก็ลดกล้องลงและมองจันทาที่สวยหวานน่ามอง เธอเห็นเขาจ้องมองมาก็สะเทิ้นอายทำอะไรไม่ถูก
“ถ้าในป่านี้มีเจ้าหญิงมาแอบซ่อนอยู่จริง ก็คงเป็นจันทานี่แหละ”
“คุณชายพูดอย่างนี้ เดี๋ยวเหาจะกินหัวเอา จันทาเป็นแค่สาวบ้านนอกความรู้ก็ไม่มี ไปเปรียบเป็นเจ้าหญิงได้ยังไงจ๊ะ”
“ไม่แน่นะ จันทาอาจจะเป็นเจ้าหญิงเวียงพูคำก็ได้ แต่เกิดพลัดหลงกับเจ้าพ่อตอนที่หนีข้ามมาที่ฝั่งไทย”
เขาพูดล้อๆ จันทาต่อไป
“นี่ถ้าฝ่าพระบาทได้กลับสู่บังลังก์เวียงพูคำเมื่อไหร่ ก็อย่าลืมเกล้ากระหม่อมเสียล่ะพะย่ะค่ะ”
จันทาค้อนควัก
“คุณชายไม่เชื่อที่จันทาเล่า ก็ไม่เห็นจะต้องมาล้อกันเลย”
“ไม่ได้ล้อ จันทาสวยเหมือนเจ้าหญิงจริงๆ ไป เราไปถ่ายรูปกันต่อดีกว่า ฉันอยากถ่ายรูปจันทาเก็บไว้เป็นที่ระลึก”
รัชชานนท์ลืมตัวฉวยจับมือจันทาไว้จะดึงตัวให้เดินไปด้วยกัน พรานเจ้ยเดินเข้ามาจ้องมองที่มือรัชชานนท์ที่จับมือลูกสาวไว้ จันทารีบดึงมือออกทันที
“ไปเตรียมข้าวเย็น ไป”
จันทารีบเดินก้มหน้างุดๆ ออกไป รัชชานนท์ยิ้มเจื่อนๆให้พรานเจ้ย
“ขอโทษนะครับ พรานเจ้ย ผมไปใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกเสียนาน บางครั้งผมก็ลืมธรรมเนียมไทยไปบ้าง”
“ก็อย่าลืมให้บ่อยนักนะครับ คุณชาย ถึงเราจะเป็นคนบ้านป่าเมืองเถื่อน แต่เราก็เคร่งครัดขนบธรรมเนียมประเพณี ชายหญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน ถูกเนื้อต้องตัวกัน ถือเป็นการผิดผี แล้วผู้ชายที่พลั้งเผลอทำผิดผี ก็กลายเป็นผีไปซะหลายคนแล้ว”
พรานเจ้ยขยับปืนในมือเล็กน้อยเป็นการข่มขวัญแล้วดึงตัวจันทาออกไป รัชชานนท์ยืนนิ่งอึ้ง อยากเขกหัวตัวเองที่มือไวได้ทุกทีสิน่า

จันทาก่อกองไฟเตรียมทำอาหารเย็นตรงที่พักริมลำธาร ลูกหาบ 2 คน ล้างปลาขอดเกล็ดอยู่ไม่ไกลนัก พรานเจ้ยหอบกิ่งไม้มาเพิ่มแล้วนั่งลงช่วยจันทาก่อกองไฟ
“พ่อเห็นหรือยัง พี่ดำได้ปลามาตัวเบ้อเริ่มเลย แต่ไม่รู้คุณชายจะเบื่อหรือเปล่านะ กินปลาแทบทุกมื้อ แต่คุณชายกินง่ายอยู่ง่ายเนอะ พ่อ ทำอะไรให้กิน ก็ไม่เคยเห็นบ่นอะไรซักคำ ดูไม่เหมือนคนเป็นเจ้าเป็นนายเลย”
พรานเจ้ยเสียงเข้มขรึม
“แต่ยังไงเค้าก็เป็นเจ้าเป็นนาย”
จันทาหยุดชะงักมองหน้าพรานเจ้ยที่พูดต่อ
“เค้าเป็นคุณชายสูงส่งแตกต่างกับเราราวฟ้ากับดิน เราต้องรู้จักเจียมตัว เค้าเป็นใคร แล้วเราเป็นใคร เอาตัวไปใกล้ชิดสนิทสนม คิดว่ามันถูกมันควรแล้วหรือ จันทา”
“ฉันก็...ก็แค่อยากตอบแทนพระคุณคุณชายเท่านั้น ฉันคงมีโอกาสรับใช้คุณชายได้แค่เวลานี้ แค่นี้ก็ไม่ได้หรือจ๊ะ พ่อ”
“ไม่ได้! พ่อกลัวเจ้าจะถลำตัวลึกลงไปกว่านี้ ต่อไปนี้อยู่ห่างๆ คุณชายไว้จะเป็นผลดีต่อตัวเจ้าเอง”
จันทารีบเดินหนีออกไปด้วยความน้อยใจในความต่ำต้อยของตัวเอง รัชชานนท์เดินสวนเข้ามาพอดี
“จะไปไหน จันทา”

จันทาเดินลิ่วๆ ออกไป รัชชานนท์มองตามแล้วหันมามองพรานเจ้ย เดาว่าเธอทะเลาะกับพ่อแน่

จันทาเดินมาสงบสติอารมณ์อีกมุมหนึ่งไกลออกมาจากที่พักแรมพอควร รัชชานนท์เดินเข้ามา เขาเอื้อมมือจะแตะไหล่จันทาแล้วรีบหดมือกลับเมื่อนึกถึงคำที่พรานเจ้ยเตือน

“จันทา...พรานเจ้ยพูดอะไรกับเธอหรือ”
“ไม่มีอะไรจ๊ะ พ่อแค่...แค่เตือนจันทาเท่านั้น”
“เรื่องฉันใช่มั้ย”
จันทาเสียใจจนน้ำตาจะไหล ได้แต่พยักหน้ารับ
“ที่จริงเป็นความผิดของฉันเอง ถ้าฉันไม่ทำตัวรุ่มร่าม พรานเจ้ยก็คงไม่เป็นห่วงจันทาอย่างนี้ จันทาอย่าไปโกรธพ่อเลย พ่อสั่งสอนอะไรก็ต้องเชื่อฟัง เข้าใจมั้ย”
“แม้แต่สั่งให้อยู่ห่างๆ คุณชายงั้นหรือจ๊ะ”
รัชชานนท์หัวเราะขำ
“พรานเจ้ยหวงลูกสาวขนาดหนักเลยนะเนี่ย โธ่เอ๊ย ฉันแค่แหย่จันทาเล่น พรานเจ้ยคิดมากไปไกลโน้น ฉันไม่มีทางมองเธอไปเป็นอื่น นอกจากน้องสาวหรอก”
จันทาใจหายวูบ
“คุณชายเห็นจันทาเป็นแค่น้องสาว”
“ก็ฉันมีแต่พี่น้องผู้ชาย ก็อยากมีน้องสาวซักคนเหมือนกัน”
รัชชานนท์ลูบผมจันทาอย่างเอ็นดู
“ว่าไง มาเป็นน้องสาวฉันมั้ยล่ะ จันทา”
สร้อยที่แอบดูอยู่หลังต้นไม้ ขยับหยิบหน้าไม้ขึ้นมา
“ไอ้วอกนี่ เจ้าชู้หลาย!”
จันทาแอบน้อยใจเบี่ยงหัวหนีออก
“จันทาเป็นผู้หญิงต้อยต่ำ คงเป็นได้แค่บ่าวรับใช้คุณชาย ไม่อาจเอื้อมที่จะไปเป็นอื่นหรอกจ้ะ”
“คนจะสูงจะต่ำอยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่อยู่ที่ฐานะหรือชาติตระกูล แต่ถ้าเธอเห็นฉันสูงศักดิ์จนคบหาไม่ได้ ฉันคงบังคับใจไม่ได้”
รัชชานนท์แกล้งทำไม่พอใจจะเดินออกไป จันทาตกใจเดินตามไปจับแขนรัชชานนท์ไว้
“คุณชายอย่าโกรธซิจ๊ะ ถ้าหากคุณชายไม่รังเกียจ”
รัชชานนท์หันมาจับมือจันทาที่เกาะแขนตัวเองอยู่ ยิ้มนึกอยู่แล้วว่าจันทาต้องเรียกตัวไว้
“ไม่รังเกียจเลย ไม่ว่าฐานะเราจะแตกต่างกันแค่ไหน เราก็คบกันได้ ไม่ว่าจะคบเป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อน หรือเป็นมากกว่าเพื่อน...”
รัชชานนท์รีบดึงมือออก แทบจะตบปากตัวเองที่ปากไวตามนิสัย เขารีบกลับลำทันที “มากกว่าเพื่อน..ก็เป็นเพื่อนตายกันไง”
รัชชานนท์แก้ตัวไม่ทันเสียแล้ว จันทาฟังอะไรไม่ได้ยินอีกเลย หูอื้ออึงรู้สึกเหมือนถูกบอกรัก สร้อยหมั่นไส้ หมั่นเขี้ยวรัชชานนท์มาก เล็งยิงลูกดอกเตรียมยิงใส่หัวอีกซักดอก
สร้อยชะงักมือนิ่ง ก้มลงแนบหูที่พื้นฟังเสียงแล้วผลุนผลันออกไปโดยเร็ว รัชชานนท์เหลียวมองไปรอบๆ รู้สึกเหมือนมีคนอื่นอยู่ด้วยนอกจากจันทา

สร้อยเดินหลุดจากที่แอบเฝ้ามองรัชชานนท์ เดินสำรวจตรวจตรามาตามทาง เธอนิ่งชะงักได้ยินเสียงเดินสวบสาบเข้ามา สร้อยหลบวูบไปที่หลังต้นไม้ทันที เธอดึงมีดที่เหน็บที่เอวออกมาเตรียมตัวพร้อม เพียงพริบตาสร้อยพุ่งจากที่ซ่อน กระโดดถีบคนที่เซ่อซ่าเข้ามากระเด็นหงายท้องไป
“เฮ้ย ! ไผวะ”
สร้อยปราดเข้าไปเอาเท้ายันอกเขาไว้ แต่ต้องชะงักมือที่เตรียมปักมีดใส่
“ป๊าดโธ่ ไอ้ควายเถิกนี่เอง”
จ่อยตะเกียกตะกายลุกขึ้นอย่างเสียฟอร์มสุดๆ
“คน ! บ่ใช่ควาย ! ทีหลังสิถีบไผ กะดูตาม้าตาเรือก่อน บ่ใช่ถีบส่งเดช”
“ข้อยกะต้องป้องกันตัวก่อน ถ้ามัวรีรอคึดก่อน เป็นพวกทหารเวียง ข้อยกะตายเป็นผีเฝ้าป่าไปแล้ว แล้วนี่มาผู้เดียวใช่บ่”
“แล้วสิมีไผอีกนอกจากข้อย คนทั้งหมู่บ้านกลัวเจ้าหัวหดหมด บ่มีใครกล้าตามเจ้ามาหรอก”
“มีคนมา !”
สร้อยรีบเดินออกไปตามหาเสียงฝีเท้าที่ได้ยิน จ่อยรีบตามไปติดๆ

จันทาเดินนำรัชชานนท์มาถึงน้ำตกสูงตระหง่าน
“นี่ไงจ๊ะ คุณชาย น้ำตกที่สวยที่สุดในป่านี้”
“จันทามาเที่ยวป่าบ่อยเหรอ ดูชำนาญทางไม่แพ้พรานเจ้ยเลย”
“ตอนเด็กๆ พ่อพาจันทามาบ่อยจ้ะ แต่พอโตแล้ว ก็ไม่ค่อยมาแล้ว เชิญคุณชายตามสบายเลยนะจ๊ะ จันทาต้องรีบไปก่อน เดี๋ยวพ่อจะว่าอีก”
“อ้าว ไม่เล่นน้ำด้วยกันเหรอ”
จันทายิ้มเขินส่ายหน้าทันทีแล้วรีบจ้ำเท้าเดินออกไป รัชชานนท์ตะโกนไล่หลังหยอกล้อ “น่า มาเล่นน้ำด้วยกัน รับรองฉันจะไม่แอบมองเธอหรอก”
จันทารีบจ้ำเดินเร็วขึ้น รัชชานนท์มองตามอย่างเอ็นดู เขาเริ่มถอดรองเท้า ถุงเท้าและถอดเสื้อตามลำดับ สร้อยค่อยๆ ย่องมาที่หลังโขดหินใหญ่ รัชชานนท์ถอดกางเกงเป็นชิ้นเกือบสุดท้าย ท่อนบนของรัชชานนท์เผยให้เห็นสร้อยคอที่มีจี้หยกอยู่
สร้อยตาโต ตกใจรีบหันหลังให้กับร่างเปลือยของรัชชานนท์ แต่ก็แอบชำเลืองมองเป็นระยะๆเขากระโจนลงน้ำและอาบน้ำอย่างสบายใจ สร้อยเพิ่งมีโอกาสได้เห็นรัชชานนท์อยู่คนเดียว เธอมองรัชชานนท์อย่างพินิจพิเคราะห์
ใบหน้าของรัชชานนท์หล่อเหลาคมคาย กล้ามเนื้อทุกสัดส่วนอันแข็งแรง ดูวาบหวิว สร้อยมองเขาอย่างนิ่งงัน เหมือนโดนมนต์เสน่ห์ไปชั่ววูบ
จ่อยโผล่พรวดมาข้างหลัง ชะโงกมองตามว่า สร้อยมองอะไร
“มาทำอะหยังตรงนี้ อีสร้อย เฮ้ย เบิ่งผู้ชายแก้ผ้าอาบน้ำ!”
สร้อยเอาศอกกระทุ้งใส่จ่อยจนตัวงอแทบจุก
“เสียงดังไปได้ ! เจอไผหรือเปล่า”
“บ่มีไผเลย เจ้าหูฝาดไปมั้ง”
“เจ้าไปลาดตระเวนอีก ไป ข้อยได้ยินเสียงฝีเท้าคนมาหลายอยู่”
“แล้วเจ้าล่ะ จะเบิ่งผู้ชายแก้ผ้าอยู่ตรงนี้เรอะ”
“เจ้าไปก่อน เดี๋ยวข้อยจะตามไป”
“เพิ่งฮู้นะเนี่ย ชอบเบิ่งผู้ชายแก้ผ้า”
สร้อยหันไปจ้องหน้าจ่อยอย่างเอาเรื่อง จ่อยถอยไปตั้งหลักแล้วรีบไปโดยเร็ว เธอหันกลับไปแอบมองรัชชานนท์อีก
“ไผกันที่ตามมาสมทบอีก ใช่คนของไอ้บักอันนี่หรือเปล่า”
รัชชานนท์กำลังว่ายน้ำอยู่เพลินๆ ก็หยุดชะงักมองไปด้านบนที่สร้อยแอบอยู่ “ทำไมรู้สึกแปลกๆอีกแล้ววะ”

รัชชานนท์กวาดตามองไปรอบๆ พยายามหาว่ามีอะไรผิดปกติ

จันทาเดินยิ้มอารมณ์ดีกลับมา พรานเจ้ยกับลูกหาบ 2 คน ช่วยกันปิ้งปลาจนเสร็จเรียบร้อย ลูกหาบรับปลาย่างแยกออกไปนั่งกินที่อื่น จันทาเข้ามาดึงปลาย่างในมือพรานเจ้ยไป

“ฉันช่วยแกะปลาให้นะ พ่อกินปลาทีไร ก้างติดคอทุกที”
เจ้ยมองจันทาที่ค่อยๆ บรรจงแกะปลาให้ ดูอารมณ์ดีผิดกว่าเมื่อครู่
“ไปคุยอะไรกับคุณชายมา” พรานเจ้ยรู้ทัน
“เราก็คุยกันเรื่อยเปื่อย พ่อไม่ต้องเป็นห่วง ฉันเป็นลูกพ่อ ยังไงฉันก็จะต้องเชื่อฟังคำสอนของพ่อ”
“พ่อไม่ห่วงไม่ได้หรอก ถึงเจ้าจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่พ่อก็รักเจ้ายิ่งชีวิตของพ่อเอง พ่อสัญญากับตัวเองว่า จะดูแลเจ้าอย่างดีจนกว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของเจ้ามารับเจ้ากลับไป”
“พวกเค้าไม่มีวันกลับมารับฉันหรอก พ่อ ถ้าพวกเค้าต้องการฉัน ก็คงไม่ทิ้งฉันไว้ในป่าแต่แรก พ่อไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีกนะ ฉันไม่อยากฟัง”
พรานเจ้ยมองจันทาอย่างไตร่ตรองชั่งใจแล้วตัดสินใจหยิบสร้อยจี้รูปพระจันทร์ออกมาส่งให้จันทา
“เจ้าดูนี่ นี่เป็นสร้อยที่ติดตัวเจ้ามา ตอนที่พ่อไปเจอเจ้าถูกทิ้งไว้กลางป่า”
จันทามองสร้อยที่มีจี้รูปพระจันทร์ในมืออย่างแปลกใจ พรานเจ้ยดึงสร้อยจากมือจันทาแล้วสวมใส่คอให้ลูกไว้
“เก็บเอาไว้ สร้อยเส้นนี้จะพาเจ้าไปพบพ่อแม่ที่แท้จริงของเจ้า พ่อเชื่อว่า พวกเค้าไม่ได้ตั้งใจทิ้งเจ้าหรอก ช่วงสิบห้าปีก่อนที่พ่อพบเจ้า เป็นช่วงที่เวียงพูคำกำลังระส่ำระสาย ผู้คนบ้านแตกสาแหรกขาด ครอบครัวนับพันนับหมื่นต้องพลัดพรากจากกัน เจ้าอาจจะเป็นหนึ่งในนั้น”
จันทาแปลกใจ
“พ่อ คิดว่า ฉันเป็นคนเวียงพูคำหรือจ๊ะ”
ลูกหาบ1เสียงดังตกใจดังเรียกเข้ามา
“ลุงเจ้ยๆ !”
พรานเจ้ยกับจันทาหันไปมองที่มาของเสียงร้องตกใจ
ทหารเวียงพูคำ 3 คนพาพวกอีกสองคนบุกกันเข้ามา พรานเจ้ยลุกขึ้นยืนกางกั้นป้องกันจันทาไว้ทันที ลูกหาบ 2 คนรีบคว้ามีด คว้าปืนอย่างตื่นกลัว จันทากลัวจนตัวสั่น
“พ่อ...”
พรานเจ้ยกับจันทาค่อยๆ ถอยกรูดอย่างระวังตัว

รัชชานนท์ว่ายน้ำออกไปหันหลังให้กับฝั่ง สร้อยเห็นทางสะดวกค่อยๆไต่ลงจากโขดหินไปถึงกองเสื้อผ้าของเขาที่ถอดทิ้งไว้ เธอลงมือรื้อค้นจนเจอกระเป๋าสตางค์ในกางเกงของรัชชานนท์
“เดี๋ยวกะฮู้ว่าไอ้บักนี่เป็นไผ”
เสียงปืนดังลั่นขึ้นกลางป่าเงียบ สร้อยชะงัก ตกใจยืนนิ่งฟังว่า เสียงมาจากไหน รัชชานนท์รีบหันกลับมา แล้วว่ายน้ำมาอย่างรวดเร็วเดินโทงๆขึ้นมาจากน้ำ
รัชชานนท์กับสร้อยต่างยืนชะงักมองหน้ากัน สร้อยมองรัชชานนท์ขึ้นๆลงๆ อย่างตะลึงพรึนพรืด
รัชชานนท์และสร้อยต่างร้องกันเสียงหลง
“เฮ้ย !”
เสียงปืนดังอีก 2-3 นัด,สร้อยถือกระเป๋าสตางค์ของรัชชานนท์เผ่นแน่บออกไปทันที
“เฮ้ย อย่าหนี !”
รัชชานนท์รีบใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็วว่องไวพลางวิ่งไล่กวดสร้อยออกไป

พรานเจ้ยพาตัวจันทาถอยหนีพลางยิงปืนใส่กลุ่มทหารเวียงพูคำอย่างไม่ยั้ง กลุ่มทหารแตกฮือพากันหลบกระสุน แล้วยิงโต้กลับ ลูกหาบคนที่ 1 ทนไม่ไหวโผล่จากที่หลบ ยิงใส่ทหารแต่ถูกยิงกลับล้มหงายหลังไป
ทหาร1บอก
“เฮ้ย ระวัง อย่าให้โดนผู้หญิง”
“มื้อนี้ต้องเอามันทำเมียให้ได้ !” ทหารคนที่ 2 บอก
พรานเจ้ยดึงจันทามาหลบที่หลังโขดหิน
“หนีไปก่อน ลูก หนีไป”
“พ่อนั่นแหละหนีไป”
จันทาขยับจะออกไป พรานเจ้ยดึงตัวจันทาไว้
“เจ้าจะทำอะไร”
“ฉันจะไปบอกพวกมันให้ปล่อยเราทุกคนไป แล้วพวกมันจะทำอะไรฉัน ฉันก็ยอมทั้งนั้น ฉันจะไม่ให้ทุกคนมาตายเพราะฉัน”
กลุ่มทหารเวียงพูคำค่อยๆ ลัดเลาะเข้ามาใกล้พรานเจ้ยกับจันทา
“ถึงมันได้ตัวเจ้า มันก็ฆ่าพวกเราอยู่ดี มันตามมาถึงที่นี่ก็ตั้งใจจะมาล้างแค้นเราอยู่แล้ว”
ลูกหาบคนที่ 2 คลานต่ำเข้ามาหาพรานเจ้ย
“ไอ้เข้มมันตายแล้ว ลุงเจ้ย เราหนีมันไม่พ้นแน่”
“จันทา ฟังพ่อให้ดี เจ้าต้องมีชีวิตอยู่ หนีไปซะ ไอ้ดำพาจันทาหนีไป ไป”
พรานเจ้ยผลักจันทาไปทางลูกหาบแล้วตัวเองพุ่งออกไปพลางยิงใส่ทหารจนกระสุนหมด
“พ่อ !”
ลูกหาบคนที่ 2 ลากตัวจันทาออกไป รัชชานนท์ถลันเข้ามาทันได้เห็นพรานเจ้ยถูกยิงเปรี้ยงที่หัวไหล่จนต้องทรุดตัวลง
“พรานเจ้ย !”
รัชชานนท์ชักปืนขึ้นยิงโต้ตอบพลางวิ่งไปประคองพรานเจ้ยไว้
“พ่อ ! ช่วยด้วย”
รัชชานนท์กับเจ้ยหันไปเห็นจันทาถูกทหาร 2 คนลากตัวไป ลูกหาบคนที่ 2 พยายามยื้อช่วยจันทา แต่ถูกทหารเวียงพูคำเสียบมีดปักท้องทรุดตัวล้มลงไป พรานเจ้ยกัดฟันลุกขึ้นจะตามไปช่วยจันทา
“จันทา !”
พรานเจ้ยแทบขาดใจที่เห็นจันทาถูกทหารเวียงพูคำสองคนลากตัวออกไปไกลแล้ว ทหารอีกสามคนที่เป็นโจทก์กับรัชชานนท์เข้ามาล้อมตัวเขากับพรานเจ้ยไว้ รัชชานนท์ยืนหลังชนกับพรานเจ้ยจ้องพวกทหารเวียงอย่างไม่กลัวเกรง
“ถ้าบ่อยากตาย ก็กราบตีนขอขมาพวกข้าซะ !”
“ก็ได้”
“คุณชาย !”
รัชชานนท์ทำทีจะย่อตัวลงคุกเข่าลงแล้วโผเข้าเอาท้ายปืนฟาดซ้ายขวาใส่ทหาร

รัชชานนท์ได้โอกาสดึงพรานเจ้ยวิ่งหนีออกไป กลุ่มทหารวิ่งไล่กวดตามไป

บนเรือนแม่เฒ่า ในหมู่บ้านวลาหกเวลานั้น แม่เฒ่าต้มยาหม้อใหญ่ควันโขมงอยู่ ทับทิมขนไม้ฟืนกองใหญ่มาวางไว้บนพื้นให้

“ขอบใจๆ แล้วเดี๋ยวเจ้าไปเปิดเฮือนตาจั่นไว้ กวาดล้างเช็ดถูให้เรียบร้อย”
“เฮือนตาจั่นร้างมาเป็นแรมปี สิพังมิพังแหล่ ไผสิไปอยู่ แม่เฒ่า”
“บ่ต้องถามมาก ไปเฮ็ดตามที่ข้อยบอก ไป”
ทับทิมเดินออกสวนทางกับไกสอนกับแฮรี่ที่เดินเข้ามา
“นี่สิมีเรื่องอะหยังเกิดขึ้น แม่เฒ่า”
“จะมีใครมาที่หมู่บ้านของเราหรือ แม่เฒ่า แล้วนี่ต้มยาทำไมตั้งมากมาย” แฮรี่ถาม
“กะต้องมีคนเจ็บคนไข้ซิ ข้อยเถิงได้ต้มยาเตรียมไว้ บ่จังสั้นข้อยสิต้มยาเฮ็ดอะหยัง”
“มีไผเจ็บไข้บ่สบายหรือ แม่เฒ่า ข้อยบ่เห็นไผเป็นอะหยังนี่” ไกสอนถาม
“คนเจ็บกำลังมา..คนที่พวกเฮารอคอยอยู่กำลังสิมา พวกเจ้าอย่าเพิ่งเฮ็ดสิ่งใด รอให้คนผู้นี้มาฮอดก่อน”
แฮรี่ยิ้ม
“แม่เฒ่ารู้ล่วงหน้าอีกตามเคยว่า เรามาหาแม่เฒ่าทำไม ถ้าแม่เฒ่าให้เราอยู่เฉยๆไปก่อน แสดงว่า เรายังไม่ควรอพยพไปจากที่นี่ล่ะมั้ง ท่านไกสอน”
“แล้วคนที่แม่เฒ่าเว้าฮอด นี่เพิ่นเป็นไผกัน”
“เพิ่นสิเป็นผู้ที่นำพวกเฮากลับไปสู่เวียงพูคำได้ในเร็ววัน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคนของเฮาว่า ตัดสินใจจั๋งได”
ไกสอนกับแฮรี่มองแม่เฒ่าอย่างไม่เข้าใจนัก

สร้อยก้มตัววิ่งลัดเลาะบนโขดหินมาอย่างคล่องแคล่ว จ่อยวิ่งตามไล่ๆมา สร้อยกับจ่อยหมอบอยู่ที่บนโขดหินสูงมองไปที่ริมลำธารที่ต่ำลงไป สร้อยเห็นรัชชานนท์พาตัวพรานเจ้ยหนีมาไม่ไกลนัก ฝ่ายพรานเจ้ยเหนื่อยหอบหยุดพัก สร้อยขยับตัวจะไต่ลงไป แต่จ่อยดึงตัวสร้อยไว้
“เฮาเบิ่งไปก่อนดีบ่ ไผเป็นไผยังบ่ฮู้แน่”
“เจ้าสิรอให้พวกเพิ่นโดนทหารเวียงฆ่าตายหมดก่อนหรือจั๋งได เจ้าไปช่วยแม่หญิง ไป ทางนี้ข้อยจัดการเอง ไป”
จ่อยรีบผละออกไปตามคำสั่งของสร้อย เธอจับตาคอยจังหวะจะเข้าช่วยรัชชานนท์
รัชชานนท์มองพรานเจ้ยที่เริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ เลือดที่ไหล่ไหลพลั่ก
“ไหวมั้ย พรานเจ้ย เอาอย่างนี้เดี๋ยวผมจะล่อพวกมันไปทางอื่น”
“ไม่ต้องครับ ไม่ต้องสนใจผม คุณชายรีบไปช่วยจันทา ไปช่วยลูกผมด้วย”
“ผมทิ้งพรานเจ้ยไม่ได้”
กระสุนลั่นเปรี้ยงแหวกกลางอากาศมาแต่เฉียดรัชชานนท์ไปนิดเดียว รัชชานนท์กับพรานเจ้ยหันไปมอง เห็นกลุ่มทหารเวียงพูคำ 3 คนวิ่งไล่ตามมา
รัชชานนท์ยิงปืนใส่ทหารเวียงคนที่ 1 ตัดที่ขั้วหัวใจล้มลงไปได้
“คุณชายรีบไปช่วยจันทา ไม่ต้องห่วงผม !”
พรานเจ้ยโผเข้าไปหาทหารเวียงที่เหลือ 2 คนหมายจะเอาตัวเข้าแลกให้รัชชานนท์หนี พรานเจ้ยคว้าท่อนไม้เหวี่ยงใส่อย่างบ้าคลั่ง ทหารเวียงคนที่ 2 ถูกท่อนไม้ฟาดเข้าอย่างจังจนร่วงลงพื้นไป ทหารเวียงคนที่ 3 ยิงปืนใส่พรานเจ้ยแบบรัวหลายนัดจนพรานเจ้ยล้มลง
รัชชานนท์โผเข้าชาร์ททหารคนที่ 3 จนล้มลง ก่อนรัวชกซัดใส่ไม่เลี้ยงด้วยความแค้น เขาดึงมีดจากเอวขึ้นมา เงื้อมค้างลังเลใจชั่ววูบหนึ่ง
ทหารเวียงคนที่ 3 ถีบรัชชานนท์ออกไป กระชากมีดพุ่งจะเสียบใส่ สร้อยยิงลูกศรจากหน้าไม้พุ่งไปปักที่หน้าอกทหารเวียงคนที่ 2 จนผงะทรุดตัวล้มไป
รัชชานนท์รีบเข้าไปประคองตัวพรานเจ้ยขึ้น เขาเคียดแค้นเสียใจเป็นอย่างมาก
“พรานเจ้ย ผมขอโทษ ผมขอโทษ”
“จันทา..ช่วยลูกผมด้วย”
เจ้ยสั่งเสียเป็นคำสุดท้ายหายใจ เฮือกสุดท้ายก่อนจะหมดลมไป
“พรานเจ้ย !”
ทหารคนที่ 2 ที่ร่วงไปที่พื้นก่อนหน้า ค่อยๆโงนเงนลุกขึ้นเห็นศพของเพื่อนสองค ทหารดึงมีที่ข้อเท้าออกมาก่อนพุ่งไปหารัชชานนท์ที่ยังประคองร่างพรานเจ้ยอยู่
รัชชานนท์ทันหันไปเห็น หลบวืดไปได้แล้วรีบลุกขึ้นตั้งหลักจับมือทหารไว้ ฝ่ายทหารสะบัดมือหลุดจากรัชชานนท์ได้แทงเสียบเข้าแต่เฉียดฉิวได้แค่สีข้าง
รัชชานนท์ซัดจนทหารจนล้มลง ทหารที่ล้มลงข้างศพเพื่อนที่มีปืนในมือ ทหารกระชากปืนเพื่อนมาจะยิงใส่รัชชานนท์ ลูกศรจากสร้อยพุ่งไปปักที่ไหล่ทหาร มือทหารเฉออกไปผิดจังหวะ กระสุนปืนเฉียดเข้าที่หัวไหล่ซ้ายของรัชชานนท์ทำให้เซถอยหลังไป
ทหารตามไปซัดรัชชานนท์อีกรอบจนเขาร่วงลงไปในลำธาร ทหารมองร่างรัชชานนท์ไหลไปตามน้ำอย่างสะใจ แต่เพียงหันหน้ากลับมา สร้อยที่ยืนหน้าทะมึนอยู่ ฟาดหน้าไม้ใส่ทหารอย่างเต็มแรงจนทรุดตัวงอ แต่ยังกัดฟันโผเข้าใส่จะเล่นงานสร้อย
ทหารชะงักกึก หน้าตางุนงงมองที่ท้องตัวเองมีมีดปักอยู่ สร้อยค่อยๆถอนมีดออกจากท้อง ทหารค่อยๆตัวอ่อนทรุดตัวลง
สร้อยมองไปที่ลำธารไม่เห็นร่างของรัชชานนท์แล้ว

ฝ่ายทหารเวียงพูคำอีก 2 คนได้ลากตัวจันทาออกมาจากที่พักริมลำธารมาไกล จันทาดิ้นไม่หลุด
“ปล่อยฉัน ฉันจะไปหาพ่อ ฉันขอร้องเถอะนะ ปล่อยฉันไป”
“ฤทธิ์มากจริงโว้ย จัดการมันซะตรงนี้ดีมั้ย มันจะได้หุบปาก” ทหารคนที่ 4 บอก
“บ่ได้ เดี๋ยวพี่คำไสฆ่ามึงหรอก ไปต่อ ไป” ทหารคนที่ 5 ว่า
“ถ้ามึงบ่ปากมาก พี่คำไสจะฮู้เรอะ เฝ้าต้นทางไว้” ทหารคนที่ 4 ว่า
ทหาคนที่ 4 ผลักจันทาลงไปที่หลังพุ่มไม้เธอกระถดตัวถอยหนีอย่างกลัวสุดชีวิต
“พ่อ ! ช่วยจันทาด้วย”
ทหารเวียงคนที่ 5 ยืนเฝ้าต้นทางมองไปทางที่มาอย่างไม่สบายใจ ระหว่างที่ทหารหันซ้ายแลขวา จ่อยก็กระโดดลงมาจากต้นไม้ตุ๊บลงต่อหน้า
“เฮ้ย ! ไผวะ !”
จ่อยชกทหารคนที่ 5 ทันทีโดยไม่ให้ได้ตั้งตัว ทหารเซไปก่อนจะตั้งหลักใหม่พุ่งไปหาจ่อยที่หลบได้แล้ว ตวัดตีนฟาดใส่หลังจนหลังแอ่น ทหารคนที่ 5 ล้มหน้าคว่ำลงไป
เสียงจันทา.กรี๊ดลั่น
“ปล่อยฉัน ปล่อย !”
จ่อยเผ่นเข้าไปทางเสียงหลังพุ่มไม้ เห็นทหารคนที่ 4 กำลังคร่อมอยู่บนตัวจันทา ฉีกเสื้อขาดแคว่ก จ่อยจิกหัวทหารดึงออกมา จันทาตะเกียกตะกายลุกขึ้นถอยกรูดหนี
จ่อยเตะต่อยทหารอย่างไม่ยั้งมือจนทหารสู้ไม่ได้ ต้องชักปืนออกมา จ่อยกระโดดเตะปืนกระเด็นออกไป ทหารเข้าสู้ประชิดตัวจ่อย
จ่อยใช้มือเปล่าต่อสู้เพียงพักเดียวก็หักคอทหารแครกเดียว ทหารร่วงตายไป
“ระวัง !” เสียงจันทาเตือนจ่อย
จ่อยหันไปมองเพิ่งเห็นทหารเวียง 5 ถือปืนโงนเงนมาหา ทหารสับนกขึ้นเตรียมเหนี่ยวไกปืน จันทาโผเข้าไปแย่งปืนจากทหาร เสียงปืนดังขึ้นเปรี้ยง จันทาสะดุ้งแล้วค่อยๆ ทรุดตัวล้มลงไปกับพื้น ตายังลืมโพลง เลือดที่ท้องค่อยๆไหลริน
“มึง ! ตาย”
จ่อยเห็นสภาพจันทาแล้วเกิดความแค้นใจพุ่งออกมาอย่างบอกไม่ถูก จ่อยพุ่งเข้าเอามีดเสียบอกซ้ายของทหารอย่างไม่ต้องคิด

จ่อยยืนมองร่างจันทาที่นอนแน่นิ่งอย่างเจ็บใจ คิดว่าจันทาตายแล้ว
 
อ่านต่อหน้า 2

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 2 (ต่อ)

สร้อยวิ่งไปตามฝั่งริมลำธารอย่างเร่งรีบ มองไปตามสายน้ำแต่ก็ไม่เห็นร่างรัชชานนท์ สร้อยปีนขึ้นบนโขดหินมองไปทั่วทั้งลำธาร แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของรัชชานนท์

สร้อยวิ่งและวิ่งไปตามความยาวของลำธารใหญ่ หยุดยืนอย่างเหนื่อยหอบ จนเริ่มหมดหวัง เสียงแม่เฒ่าดังเข้ามาในประสาทสัมผัส “ใช้แต่ตาสิมองเห็นอะหยัง...”
“บ่ให้ใช้ตา แล้วสิให้ใช้อะหยังเล่า”
สร้อยหลับตาลงทำสมาธิพักหนึ่งแล้วลืมตาขึ้นใหม่ เธอมองไปที่ลำธารอย่างมีสติ แล้วค่อยๆ เห็นมือรัชชานนท์โผล่ขึ้นจากน้ำไหวๆ สร้อยรีบวิ่งกระโดดพุ่งตัวลงไปในลำธาร ว่ายน้ำตรงไปหาร่างรัชชานนท์แล้วรีบคว้าเหนี่ยวคอพาพยุงตัวว่ายเข้าฝั่ง
กระแสน้ำเริ่มแรงซัดพาทั้งสองคนออกไป สร้อยพยายามพาตัวรัชชานนท์ออกไปสุดกำลัง รัชชานนท์เริ่มพอมีสติขึ้นมา
“ปล่อยฉัน เดี๋ยวตายกันหมด”
“บ่!”
สร้อยดิ้นรนกระเสือกกระสนล็อกคอรัชชานนท์ที่ว่ายทวนกระแสน้ำอยู่นาน จนสามารถพาเขาถึงริมฝั่งจนได้ รัชชานนท์หน้าซีดหมดสติไป สร้อยตบหน้ารัชชานนท์ให้รู้สึกตัว
“เฮ้ย อย่าตายนะโว้ย ฟื้นซิ ฟื้น”
สร้อยทั้งตบหน้า ทั้งเขย่าตัวรัชชานนท์อย่างแรงจนสุดท้ายทุบเข้าที่อกปั๊กๆ เขาไอโขลกพ่นน้ำพรวดออกมา เขาค่อยๆลืมตามองสร้อยที่ก้มหน้ามองมา สายตาของรัชชานนท์เห็นภาพสร้อยที่เลือนลางเหมือนนางไม้ดูน่าพิศวง
“มีเจ้าหญิงจริงๆ ด้วย”
“ละเมออะหยังวะ”
สร้อยจ้องมองรัชชานนท์อย่างโล่งใจที่ยังไม่ตาย

จ่อยอุ้มร่างของจันทามาวางไว้เคียงข้างศพของพรานเจ้ย จ่อยหันไปลากศพทหารเวียงสามคนไปกองรวมกันไว้ จ่อยเดินกลับมานั่งยองๆ มองจันทาอย่างอนาถใจ
“นี่คงเป็นพ่อของเจ้าแม่นบ่ ข้อยพาเจ้ามาอยู่กับพ่อแล้วเด้อ”
มือของจันทาขยับเล็กน้อย จ่อยจ้องมองจันทานึกว่าตาฝาด
“เฮ้ย เจ้า เจ้ายังบ่ตาย”
จ่อยฉวยจับข้อมือจันทาแล้วไปจับชีพจรที่คออีกรอบ
“ไอ้จ่อยเอ๊ย อะหยังเซ่อได้จังซี่ เจ้ายังบ่ตาย อดทนไว้ๆ”
จ่อยรีบช้อนตัวจันทาขึ้นอุ้มแล้ววิ่งออกไปอย่างเร็วจี๋

สร้อยเดินพาทับทิมเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ฟ่าวสิฟ่าว ชักช้าอยู่ได้”
“สิฟ่าวไปไส เจ้าว่าไอ้บักที่เจ้าช่วยโดนทั้งมีดทั้งปืน ข้อยว่าคงบ่รอดแล้วล่ะมั้ง”
“อย่ามาปากเสีย ถ้าอีสร้อยช่วยผู้ใด ผู้นั้นตายบ่ได้”
สร้อยพาทับทิมจนมาถึงที่ร่างรัชชานนท์นอนหมดสติอยู่
“เอ้า ฟ่าวแบกกลับไปเลย พาไปที่เฮือนแม่เฒ่าไวๆ ไปๆ”
“เสียเวลาเปล่าๆ ดูสภาพแล้ว กว่าสิเถิงมือแม่เฒ่ากะคงเลือดหมดตัว”
“ข้อยสั่งให้แบกไป กะแบกไปสิ หรือว่าเจ้ากล้าหือขัดคำสั่งข้อย”
ทับทิมก้มลงแบกร่างรัชชานนท์ขึ้นพาดไหล่
“มันเป็นไผกะบ่ฮู้ ช่วยคนบ่ดูตาม้าตาเรือ ระวังเถอะ ภัยสิเถิงโต”
สร้อยถลึงตามองอย่างดุๆ ทับทิมหุบปากแบกรัชชานนท์เดินเทิ่งๆออกไป สร้อยจี้หยกรูปมังกรล้อมหีบทองของรัชชานนท์ร่วงหล่นลงพื้นโดยที่ไม่มีใครทันสังเกตเห็น สร้อยเดินตามหลังทับทิมแล้วผลักเร่งหลังไปตลอดทาง

วังจุฑาเทพในเวลากลางคืน คุณชายรณพีร์ถือกระเป๋าเดินทางใบเล็กเดินออกมาจากตัวบ้าน เขามองซ้ายมองขวาจนเห็นสมบุญเดินมาจากทางรั้วบ้านก็รีบเดินลิ่วๆไปหา
“เรียกรถให้ฉันได้หรือยัง สมบุญ”
“ได้แล้วครับ จอดรถอยู่ข้างนอก กว่าจะเรียกได้ รออยู่นานสองนาน แล้วนี่คุณชายจะไปราชการที่ไหนหรือครับ ทำไมลับๆล่อๆชอบกล รถที่วังก็มีแต่ทำไมต้องไปรถแท๊กซี่ แล้วเรียกรถให้ไปหัวลำโพง..ก็ต้องไปต่างจังหวัด นี่คุณชายคิดจะไปไหนหรือครับ”
รณพีร์ยิ้ม
“ไปหาพี่ชายเล็กที่หนองคาย”
“โธ่ คุณชายพีร์ หาเรื่องให้ผมอีกแล้วไหมล่ะครับ”
รณพีร์ยัดเงินสิบบาทใส่มือสมบุญ
“เอ้า นี่ฉันให้ ขอบใจที่ช่วยนะ ถ้าพี่ชายเล็กรู้ว่า แกมีส่วนช่วยให้เค้าหนีรอดการแต่งงานไปได้ แกจะต้องได้เงินรางวัลก้อนใหญ่ๆอีกก้อนเลย ฉันไปล่ะ”
รณพีร์ตบไหล่สมบุญอย่างสบายใจแล้วเดินผิวปากตัวปลิวออกไป
“ผม ผมไม่ได้ช่วย ผมไม่รู้ ไม่เห็น ตายแน่ คราวนี้ไอ้สมบุญตายแน่ๆ”

สมบุญยืนกำเงินอย่างหวาดหวั่น

เช้าวันใหม่ หม่อมเอียดวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะอาหาร ท่าทีโกรธขึ้ง ขัดใจเมื่อรู้เรื่องรณพีร์แอบหนีไป

“นี่ชายพีร์คิดจะทำอะไร”
ย่าอ่อนนั่งไม่อยู่สุขหาทางแก้ตัวให้รณพีร์ เหลือบมองสมบุญยืนตัวลีบ ตัวงอเป็นกุ้งอยู่
“นี่เป็นความผิดของแกคนเดียว แกปล่อยให้ชายพีร์ไปได้ยังไง คราวที่แล้วโดนตัดเงินเดือน ยังไม่เข็ดใช่มั้ย คราวนี้ถึงยังกล้าก่อเรื่องอีก...”
ย่าอ่อนหันไปบอกพี่สาว
“อย่างนี้ตัดเงินเดือนเดือนเดียวไม่พอแล้วล่ะค่ะ ต้องตัดซักสามเดือนเลยค่ะ คุณพี่
“คนที่ก่อเรื่องคือ พ่อหลานรักของเธอต่างหาก แม่อ่อน”
“โอ๊ย คงไม่หรอกมั้งคะ คุณพี่ ชายพีร์เพิ่งโดนคุณพี่ดุไปเอง นี่คงไปตามชายเล็กกลับมา เพื่อเป็นการแก้ตัวยังไงล่ะคะ”
“ชายพีร์น่ะหรือจะไปช่วยตามชายเล็กกลับมา พากันไปสร้างเรื่องปวดหัวให้ฉันอีกล่ะไม่ว่า ว่ายังไง สมบุญ คุณชายพีร์พูดว่ายังไงก่อนหนีไป”
สมบุญยืนฟังเพลินๆ พอหม่อมเอียดหันมาถามอย่างไม่ทันตั้งตัวก็รีบละล่ำละลักตอบโดยไม่คิด สมบุญพูดเร็วรัว
“คุณชายพีร์บอกว่า จะไปช่วยคุณชายเล็กหนีการแต่งงานครับ”
“ไอ้สมบุญ !” ย่าอ่อนตกใจ
“ไปได้แล้ว !”
สมบุญรีบถอยหนีออกไปโดยเร็ว ย่าอ่อนเต้นผางโวยวายไล่หลัง
“แกยังไปไม่ได้ คุณพี่ยังไม่ได้ลงโทษมันเลยนะคะ ให้น้องตัดเงินเดือนมันนะคะ ตัดเงินเดือนไปถึงสิ้นปีเลย ตัดไปถึงปีหน้าเลยยิ่งดี คุณพี่ขา อย่าเพิ่งไปเชื่อ ไอ้สมบุญมันอาจจะฟังมาผิดๆ ก็ได้”
ธราธรกับพุฒิภัทรเดินเข้าแล้วต้องชะงักเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ดี
“พอได้แล้ว แม่อ่อน”
หม่อมเอียดมองน้องสาวด้วยสายตาดุเข้ม ทำให้ย่าอ่อนนิ่งเงียบสงบไปได้
ธราธรกับพุฒิภัทรมองหน้ากันแล้วถอยออกไปเงียบๆ โดยไม่ต้องพูด
“ชายใหญ่! ชายภัทร! จะไปไหน”
ธราธรกับพุฒิภัทรชะงักกึกหันกลับมามองหม่อมย่าเอียดอย่างลำบากใจ

บรรยากาศยามเช้าของหมู่บ้านวลาหกแสนสดชื่น ที่เรือนตาจั่นเช้านั้น รัชชานนท์ลืมตาเห็นภาพเบลอๆ ของเพดานสูงของเรือนไม้เก่าๆมีหยากไย่เต็มไปหมด มุมต่างๆของเรือนตาจั่นค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
รัชชานนท์ลืมตามองไปรอบๆ ตัวค่อยๆ ได้สติกลับคืนมา
“พรานเจ้ย จันทา”
รัชชานนท์นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นได้ รีบลุกพรวดขึ้นมาแต่รู้สึกมึนงงต้องทรุดตัวลงไปนั่ง เขาสำรวจสภาพตัวเองที่ใส่เสื้อผ้าใหม่ มีผ้าพันแผลที่ไหล่ซ้าย เนื้อตัวสะอาดขึ้น
“ตื่นแล้วบ่”
รัชชานนท์หันไปมองตามเสียงเห็นสร้อยที่นั่งจับเจ่าเฝ้าอยู่นานขยับเข้ามาหารัชชานนท์
“ตื่นแล้วกะมากินยา แม่เฒ่าสั่งไว้ เจ้าฮู้สึกตัวมื้อใดให้กินยาทันที”
สร้อยเทยาจากหม้อใส่ชามใบใหญ่แล้วยกชามยาจะเข้าจ่อใส่ปากรัชชานนท์
“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อน ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย”
“หมู่บ้านวลาหก”
“แล้วเธอเป็นใคร”
รัชชานนท์จ้องมองสร้อยอย่างคุ้นหน้า
“เธอ...ฉันเคยเจอเธอแล้ว เธอแอบไปขโมยของฉันที่ลำธาร งั้นไอ้โจรป่าที่แอบเข้าไปที่แคมป์ฉันเมื่อคืน คงเป็นเธอนี่เอง”
“ข้อยบ่ได้เป็นโจร ! คนอะหยังบ่ได้สำนึกบุญคุณกันเลย ถ้าบ่ได้ข้อย ป่านนี้เจ้าตายไปแล้ว”
“แล้วนี่มีใครรอดมาได้อีกบ้าง นอกจากช่วยฉันแล้ว เธอได้ช่วยคนอื่นด้วยหรือเปล่า”
สร้อยตีหน้าตาย
“บ่ ข้อยช่วยเจ้ามาได้ผู้เดียว”
“ไม่มีใครรอดมาได้เลยหรือ!”

รัชชานนท์นิ่งอึ้ง ทั้งตกใจ และเสียใจจนบอกไม่ถูก คิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุทำให้พรานเจ้ยกับจันทาต้องมาตาย!

ภายในห้องรับแขกวังจุฑาเทพ หม่อมเอียดนั่งลงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ย่าอ่อนรีบนั่งเคียงข้างด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“ไปตามชายเล็กกลับมา!” หม่อมเอียดพูดน้ำเสียงเฉียบขาด
ธราธรกับพุฒิภัทรยังไม่ทันจะลงนั่งต้องชะงัก สองพี่น้องมองหน้ากัน
“ถ้าหากภายในอาทิตย์นี้ ชายเล็กยังไม่ยอมกลับมา ผมก็ว่าจะไปตามอยู่เหมือนกันครับ” ธราธรบอก
“ไปวันนี้เลย ชายใหญ่ ไม่ต้องรออะไรแล้ว ชายภัทรไปกับชายใหญ่ด้วย ชายใหญ่คนเดียวคงจัดการกับเจ้าสองคนนั้นไม่อยู่แน่”
ธราธรพูดเสียงจริงจัง
“ผมไปตอนนี้ไม่ได้หรอกครับ วันนี้ผมมีนัดประชุมกับท่านอธิบดีที่กรมศิลป์ แล้วผมก็ยังมีงานค้างอยู่อีกตั้งมากมาย อยู่ๆจะให้ผมลางานไปเพราะเรื่องส่วนตัว มันไม่ถูกต้องนะครับ”
“งั้นชายภัทรไปคนเดียวก็แล้วกัน” ย่าอ่อนบอก
“ผมก็ไปไม่ได้ครับ ผมมีนัดผ่าตัด” พุฒิภัทรบอก
“โอ๊ย ถ้าไม่ใช่คนไข้สำคัญ ก็ให้หมอคนอื่นผ่าตัดแทนเถอะ ธุระของเราสำคัญกว่านะ ชายภัทร”
“ไม่มีธุระเรื่องไหนสำคัญกว่าชีวิตคนไข้ของผมหรอกครับ ย่าอ่อน”
“หม่อมย่าไม่ต้องห่วงครับ ถึงชายพีร์ไปเจอชายเล็กที่โน่น ชายเล็กก็ไม่บ้าตามชายพีร์หรอกครับ เค้ามีความรับผิดชอบพอที่จะไม่ทิ้งงานการเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ที่คนเรียกเราว่าเป็น“ห้าสิงห์จุฑาเทพ” เป็นเพราะพวกเราทุกคนมุ่งมั่นทำงานเพื่อแผ่นดินนะครับ หม่อมย่า” ธราธรบอก
“เอาล่ะๆ ย่าเชื่อ...ว่าชายเล็กคงไม่ยอมทิ้งงาน แต่ก็คงไม่ยอมกลับมาง่ายๆ เหมือนกัน เธอสองคนไปสะสางงานการให้เรียบร้อย แล้วรีบไปตามชายเล็กกลับมาให้ย่า ย่าให้เวลาสามวัน!” หม่อมเอียดบอก
ธราธรกับพุฒิภัทรเรียกขึ้นพร้อมกัน
“หม่อมย่าครับ”
“ไม่ต้องมาต่อรอง ย่าพูดคำไหนคำนั้น !”
พุฒิภัทรหันไปมองธราธรแล้วต่างพยักหน้าให้กันอย่างจำยอม

ภายในเรือนตาจั่น รัชชานนท์กึ่งนั่งกึ่งนอนพิงฝาเรือนอยู่อย่างซึมเศร้าหมดอาลัย สร้อยถือชามยารออย่างรำคาญใจ
“ฟ่าวๆ กินยา เดี๋ยวยาสิเย็นเสียหมด”
“ฉันไม่อยากกิน”
“บ่อยากกะต้องกิน บ่จังสั้นแผลเจ้าสิเป็นพิษถึงตาย กินไวๆ”
“บอกว่าไม่กิน ตายก็ตาย”
“เจ้าเป็นผู้ชายอีหลีบ่ เป็นหยังเถิงได้อ่อนแอจังซี่ กินยาซะ สิได้หายไวๆ มีแฮงไปแก้แค้นให้พวกพ้องของเจ้า บ่ยอมกินแม่นบ่”
สร้อยขยับเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว ตบที่แผลตรงไหล่ซ้ายของรัชชานนท์แค่เบาๆ
รัชชานนท์เจ็บสาหัส ร้อง “โอ๊ย !”
สร้อยได้โอกาสบีบจมูกรัชชานนท์เต็มแรงจนรัชชานนท์ต้องอ้าปากพะงาบๆให้สร้อยกรอกยาใส่ปากจนยาหมดชาม รัชชานนท์พะอืดพะอมด้วยความขม
“ทำไมขมอย่างนี้ !”
“ยากะต้องขมน่ะสิ กินยาแล้วกะนอนพักซะ คงอีกหลายมื้อกว่าเจ้าสิมีแฮงไปเบิ่งคู่ฮักของเจ้าได้”
“คู่รักของฉัน เธอหมายถึง ผู้หญิงที่มากับฉันใช่มั้ย จันทา จันทายังไม่ตายเหรอ แล้วทำไมเธอถึงบอกว่า ไม่มีใครรอดมาเลยล่ะ”
สร้อยทำกวน
“ข้อยบ่ได้บอกว่า บ่มีไผรอด ข้อยบอกว่า ข้อยช่วยเจ้ามาได้ผู้เดียวต่างหาก ส่วนคู่ฮักของเจ้า บักจ่อยเป็นคนช่วย ข้อยพูดผิดตรงไส”
“เรื่องความเป็นความตายอย่างนี้ มาพูดจาเล่นลิ้นได้ยังไง ตอนนี้จันทาอยู่ที่ไหน ฉันจะไปหาเค้า”
“คู่ฮักเจ้าโดนยิงอาการสาหัสเป็นตายคือกัน แม่เฒ่าบอกว่า ถ้าผ่านคืนนี้ไปกะรอด เจ้ารอไปมื้ออื่นสิดีกว่า ไปตอนนี้กะช่วยอะหยังบ่ได้”
“ยังไงฉันก็ต้องไป”
รัชชานนท์รีบลุกขึ้นแล้วต้องทรุดตัวลงนั่งแล้วค่อยๆล้มลงไปอย่างหมดแรงง่วงงุน สร้อยยิ้ม
“หมดฤทธิ์ได้เสียที ยาแม่เฒ่าแฮงได้ใจแท้”
สร้อยยืนมองรัชชานนท์อย่างพอใจที่จัดการให้หลับไปได้

ภายในเรือนพ่อใหญ่ เวลาต่อมา ไกสอนกับแฮรี่สำรวจตรวจตรากระเป๋าเสื้อผ้า อาวุธข้าวของของรัชชานนท์รวมทั้งของพรานเจ้ยและจันทา รวมทั้งปืนและอาวุธของทหารเวียงพูคำที่วางเรียงรายอยู่
พ่อใหญ่เดินเข้ามาด้วยไม้ค้ำยัน ไกสอนกับแฮรี่หลีกทางให้พ่อใหญ่เข้ามานั่งเป็นประธาน
“เป็นหยังอาวุธเถิงได้มากมายก่ายกองจังซี้ เทื้อนี้พวกทหารเวียงมากันกี่มากน้อย”
“มากันห้าคน แต่โดนฆ่าตายหมด เทื้อนี้พวกมันบ่ได้มาค้นหาพวกเฮา แต่ตั้งใจมาหาเรื่องพวกที่มาเดินป่า กลุ่มที่อีสร้อยคอยไปตามเฝ้าอยู่น่ะ พ่อใหญ่ กะบ่ฮู้ว่ามีเรื่องโกรธแค้นอะหยัง ถึงต้องมาตามฆ่าเถิงในป่า” ไกสอนบอก
“ทหารของไอ้นายพลเซกอง มันใช่ทหารจริงๆที่ไหน เป็นโจรดีๆนี่เอง นี่คงคิดว่าอยู่ในเวียงพูคำ ถึงได้เที่ยวปล้นชิงฉุดคร่าผู้หญิงได้ตามใจชอบ” แฮรี่บอก
“เทื้อนี้ข้อยคงสิลงโทษเจ้าสร้อยบ่ได้ ถ้าเจ้าสร้อยบ่ไปคอยเฝ้าเบิ่งไว้ พวกคนเดินป่าคงได้ถูกทหารเวียงฆ่าตายกันหมด แล้วนี่ช่วยมาได้กี่คน” พ่อใหญ่ถาม
“สองคน ผู้ชายคน ผู้หญิงคน ผู้ชายดูเหมือนบ่ใช่คนที่นี่” ไกสอนบอก
ทับทิมเดินเข้ามาพร้อมปืนและกล้องถ่ายรูป
“ยังเก็บข้าวของมาบ่หมดอีกเรอะ เฮาต้องกลบเกลื่อนร่องรอยทุกอย่างให้สิ้นซาก อย่าให้ไอ้พวกทหารเวียงมันฮู้ว่าเกิดอะหยังขึ้น” พ่อใหญ่ถาม
“พ่อใหญ่บ่ต้องเป็นห่วง ข้อยเฮ็ดตามที่พ่อใหญ่สั่งทุกอย่าง เก็บกวาดจนบ่มีร่องรอยเหลืออยู่ ศพกะฝังเรียบร้อย” ทับทิมบอก
พ่อใหญ่รับกล้องถ่ายรูปจากทับทิมมาดู
“คนที่เจ้าสร้อยช่วยไว้ได้ ท่าทางมีฐานะ ใช้ของราคาแพงจังซี่ น่าจะมาจากเมืองหลวง” ทับทิมนึกได้ ส่งกระเป๋าสตางค์ของรัชชานนท์ให้พ่อใหญ่
“อีสร้อยให้เอานี่มาให้พ่อใหญ่...กระเป๋าเงินของผู้ชายที่อีสร้อยช่วยไว้”
พ่อใหญ่เปิดกระเป๋าสตางค์รัชชานนท์ออกมา เห็นรูปถ่ายหม่อมหยกกับหม่อมเจ้าวิชชากรอยู่ในกระเป๋า แต่โดนน้ำมายับเยินพอควร พ่อใหญ่ดึงบัตรประชาชนของรัชชานนท์ออกดูแล้วนิ่งอึ้งไป
พ่อใหญ่หันไปพยักหน้าให้ ทับทิมถอยออกไปอย่างรู้งาน

ไกสอนกับแฮรี่หันไปมองพ่อใหญ่อย่างสงสัยว่ามีอะไรสำคัญที่จะบอก

ด้านจ่อยเดินไปเดินมาในเรือนแม่เฒ่าอย่างกังวลใจ แล้วตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องอย่างทนไม่ไหว จ่อยชะงักเมื่อเห็นแม่เฒ่ากำลังโปะสมุนไพรใส่แผลที่ท้องจันทา แล้วเริ่มพันผ้าพันแผลให้

“บ่เป็นอะหยัง เข้ามาได้”
“เพิ่นยังบ่ฟื้นอีกหรือ แม่เฒ่า แล้วนี่สิรอดบ่ เป็นความผิดของข้อยแท้ๆ ข้อยน่าสิพาเพิ่นมาหาแม่เฒ่าให้เร็วกว่านี้”
“บ่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก บักจ่อย ลมหายใจของเพิ่นแผ่วหลาย เป็นไผ กะคึดว่า เพิ่นหมดลมแล้ว”
“แต่แม่เฒ่ารักษาเพิ่นได้แม่นบ่ แม่เฒ่าเป็นหมอเทวดา เถิงไผสิเจ็บปางตาย ถ้ามาเถิงมือแม่เฒ่าแล้วหายดีทุกราย เพิ่นต้องหายแม่นบ่”
“ข้อยยังบ่ฮู้”
“โธ่ แม่เฒ่า แม่เฒ่าบ่ฮู้ แล้วสิมีไผฮู้ได้อีกเล่า เพิ่นต้องรอดเด้อ บ่จังสั้น ข้อยคงฮู้สึกผิดไปจนวันตาย”
“เจ้ากะมาช่วยข้อยสิ มัวแต่พร่ำเพ้อคร่ำครวญ ช่วยอะหยังได้”
“แต่ข้อยเป็นผู้ชาย”
“บ่เป็นอะหยัง บ่ผิดผีดอก”
แม่เฒ่ามองจันทาแล้วหันมามองจ่อยอย่างมีสัมผัสพิเศษว่า สองคนนี้มีความผูกพันกันอยู่
“เจ้าเป็นคนช่วยชีวิตเพิ่น แสดงว่าเจ้าสองคนมีดวงชะตาต้องกัน สิต้องดูแลเกื้อกูลกันไปอีกนาน”
“จั๋งไดข้อยกะว่าบ่ดี ข้อยไปช่วยต้มยามาให้ดีกว่า ถ้าเพิ่นฟื้น กะตะโกนบอกด้วยเด้อ แม่เฒ่า ฟื้นขึ้นมาซักทีเด้อ” ต่อยพูดกับแม่เฒ่าแล้วหันไปพูดกับจันทาที่ไม่ได้สติอยู่
จ่อยรีบเดินออกไปโดยเร็ว แต่ยังหันมามองจันทาอย่างเป็นห่วง แม่เฒ่าพันผ้าให้จันทาจนเสร็จแล้วเริ่มถอดเสื้อที่ใส่อยู่ออก แม่เฒ่าชะงัก เมื่อเห็นสร้อยจี้รูปพระจันทร์ที่จันทาใส่อยู่
“สร้อยพระจันทร์”
แม่เฒ่ามองสร้อยแล้วรู้สึกสะกิดใจว่า จันทาน่าจะเป็นคนเวียงพูคำ แต่ไม่รู้มากกว่านี้

พ่อใหญ่ยังคงถือบัตรประชาชนของรัชชานนท์อยู่ในมือ ไกสอนกับแฮรี่รอฟังอยู่ว่า รัชชานนท์คือใคร
“ผู้ชายที่เจ้าสร้อยช่วยชีวิตไว้เป็นไผหรือ พ่อใหญ่” ไกสอนถาม
พ่อใหญ่ส่งบัตรประชาชนให้ไกสอนดู
“หม่อมราชวงศ์รัชชานนท์ จุฑาเทพ”
แฮรี่สะดุดหู
“จุฑาเทพ หรือ ท่านไกสอน”
แฮรี่รีบรับบัตรประชาชนจากไกสอนมาดู
“เฮาคงให้ผู้ชายคนนี้อยู่ที่นี่นานบ่ได้ เพิ่นเป็นคนมีเชื้อมีสาย มาหายตัวไปจังซี้ อีกบ่นานญาติพี่น้องเพิ่นต้องมาตามแน่ๆ มนต์หมอกของแม่เฒ่าก็เสื่อมถอยลงทุกวัน ดีบ่ดีพวกเพิ่นอาจสิเข้ามาถึงหมู่บ้านเฮาได้” พ่อใหญ่บอก
“พ่อใหญ่ครับ จำคำทำนายของแม่เฒ่าได้ใช่มั้ยครับ คุณชายรัชชานนท์ คนนี้อาจจะเป็นคนในคำทำนาย” แฮรี่ว่า
“เถิงเพิ่นสิเป็นเจ้าเป็นนาย กะอาจบ่ใช่ กษัตริย์ผู้สวมมงกุฎแห่งเทพ”กะได้ แฮรี่”
“แต่ผมว่ามีความเป็นไปได้สูงนะครับ จุฑาเทพ มีความหมายว่า มงกุฎแห่งเทพ ส่วนรัชชานนท์ แปลได้สองความหมาย จะแปลว่า ผู้ซึ่งมีความยินดีในสมบัติหรือผู้ซึ่งมีความยินดีในความเป็นกษัตริย์ก็ได้” แฮรี่บอก
“รัชชานนท์ จุฑาเทพ กษัตริย์ผู้สวมมงกุฎแห่งเทพ”
“เมื่อกษัตริย์ผู้สวมมงกุฎแห่งเทพมาเยือน เสียงเรียกจะทำให้หมอกคุ้มภัยจางหาย” ไกสอนทวนคำทำนาย
“มื้อได๋ที่บ่มีมนต์หมอกคุ้มกัน มื้อนั้นหมู่บ้านวลาหกกะสิเถิงกาลอวสาน”
พ่อใหญ่นิ่งอึ้ง กังวลใจหนักมากขึ้น

เรือนตาจั่นในเวลาต่อมา รัชชานนท์ค่อยๆ ฟื้นตื่นขึ้นอีกรอบ เขาขยับจะลุกขึ้นแต่ขยับไม่ได้แล้วพบว่าตัวเองถูกมัดมือมัดเท้าเป็นข้าวต้มมัด ขยับไปไหนไม่ได้
“เฮ้ย มัดฉันไว้ทำไม”
“ข้อยบ่มีเวลามาเฝ้าเจ้าได้ทั้งวันทั้งคืน มัดไว้จังซี้แหละสิหนีไปไสบ่ได้ แล้วกะป้อนยาป้อนข้าวง่ายดี เอ้า กินข้าวเสีย แล้วสิได้กินยา ข้อยต้มข้าวเปียกมาให้”
รัชชานนท์ถดตัวขึ้นมานั่งจนได้ เขาชะโงกมองชามข้าวต้มในมือสร้อยอย่างสงสัย
“ข้าวเปียก อ๋อ..ข้าวต้ม”
“นี่ข้าวเปียก บ่ใช่ข้าวต้ม เจ้าสิอยากกินข้าวต้มหรือ เรื่องมากอีหลี ต้มข้าวเปียกมาให้ ดันอยากกินข้าวต้ม”
“ก็นี่ไง ข้าวต้ม”
สร้อยยังฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียดต่อไป เธอคิดว่ารัชชานนท์ยังอยากกินข้าวต้มมัดอยู่
“ฮู้บ่ เฮ็ดข้าวต้มมันยุ่งยากหลาย ต้องแช่ข้าวเหนียวเป็นชั่วโมงๆ ต้มกับน้ำกะทิ แล้วยังต้องไปตัดใบตองมาห่ออีก แล้วเป็นคนเจ็บ ไผกินข้าวต้มกัน”
รัชชานนท์เหนื่อยใจ
“ฉันก็ไม่ได้อยากกินข้าวต้มอย่างที่เธอว่า ข้าวเปียกของเธอก็คือข้าวต้มในความหมายของฉัน เฮ้อ ช่างมันเถอะๆ ข้าวเปียกก็ข้าวเปียกแก้มัดให้ฉันก่อนสิ ไม่งั้นฉันจะกินยังไง”
“แก้มัดบ่ได้ เดี๋ยวเจ้าหนีไปหาคู่ฮัก แม่เฒ่าสั่งไว้ เจ้าต้องกินยาให้ครบทุกมื้อทุกขนาน บ่จังสั้นเจ้ากะบ่หาย เข้าใจบ่”
“ก็ได้ๆ ฉันจะทำตามเธอทุกอย่าง ฉันก็อยากจะหายเร็วๆเหมือนกัน จะได้รีบไปดูจันทา”
“ดี ! ว่าง่ายๆ มื้อหลังสิทำข้าวต้มให้กิน”
สร้อยตักข้าวต้มยัดใส่ปากรัชชานนท์ที่กล้ำกลืนไปด้วยหน้าตาเหยเก
“ฮ้อนไปหรือจังได๋”
“ข้าวต้ม เอ๊ย ข้าวเปียกของเธอ ทำไมมันหวานอย่างนี้ล่ะ”
“หวานได้จังได๋ ข้อยใส่แต่เกลือบ่ได้ใส่น้ำตาลซักหน่อย เจ้าบ่ซำบาย กินอะหยังกะเลยบ่ถูกปาก กินเร็วๆเข้า ข้อยมีงานอื่นต้องเฮ็ดอีก บ่ฮู้ เป็นหยังแม่เฒ่าต้องสั่งให้ข้อยมาคอยดูแลเจ้าด้วย น่าเบื่อแท้”
“ฉันยังไม่รู้เลยว่า เธอชื่ออะไร”
“สร้อย”
“ชื่อสร้อยเฉยๆ หรือ”
“แล้วสิให้ชื่ออะหยัง ชื่อสร้อยฟ้าสร้อยสวรรค์หรือจังได๋ ข้อยกะชื่อสร้อย คำเดียวนี่แหละ ข้อยเป็นคนบ้านป่า บ่ใช่คนเมืองหลวงอย่างเจ้านี่ คุณชายรัชชานนท์ !”

รัชชานนท์นิ่งอึ้งไม่คาดคิดว่า สร้อยจะรู้จักชื่อเขาแล้ว

อ่านต่อหน้า 3

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 2 (ต่อ)

ฟากคุณชายรณพีร์กับชัชวีร์สะพายกระเป๋าเดินทางเดินเข้ามาที่บ้านพัก ในจังหวัดหนองคาย

“ป่านนี้พี่ชายเล็กน่าจะออกไปทำงานแล้วนะ” ชัชวีร์บอก
“ถ้าไม่อยู่ที่นี่ เดี๋ยวค่อยไปตามที่แขวงการทางฯ” รณพีร์ว่า
รณพีร์กับชัชวีร์หยุดมองไปรอบๆบ้าน รู้สึกถึงความเงียบสงบ
“ท่าทางพี่ชายเล็กไม่อยู่จริงๆว่ะ”
“งั้นก็ทิ้งกระเป๋าไว้ที่นี่ อาบน้ำอาบท่ากันก่อน แล้วค่อยไปตามพี่ชายเล็กกัน”
บุญโฮมกระหืดกระหอบเข้ามา ไม่ทันจะมองว่าเป็นใคร คิดว่าเป็นคุณชายรัชชานนท์
“คุณชาย คุณชายกลับมาแล้วหรือครับ ผมค่อยโล่งอกหน่อย นึกว่า คุณชายถูกเสือคาบในป่าไปกินซะแล้ว อ้าว ! ไม่ใช่คุณชายรัชชานนท์นี่”
บุญโฮมชะงัก เมื่อทันได้เห็น จริงๆว่าเป็นใครกันที่มา
“ก็ไม่ใช่น่ะซิ ผมเป็นน้องชายของคุณชายรัชชานนท์ครับ นี่ลุงทำงานกับพี่ชายผมใช่มั้ยครับ” รณพีร์ว่า
“ใช่ครับ ผมชื่อบุญโฮมครับ ท่านผู้อำนวยการให้ผมคอยดูแลรับใช้คุณชาย”
“เมื่อกี้ลุงพูดว่ายังไงนะครับ พี่ชายเล็ก เออ...คุณชายรัชชานนท์ไปเที่ยวป่าหรือครับ” ชัชวีร์ถาม
“ครับ คุณชายไปเมื่อสองวันก่อน เห็นว่าจะกลับมาให้ทันเข้างานวันนี้ แต่ทำไมยังไม่มาก็ไม่ทราบครับ”
รณพีร์ขำ
“พี่ชายเล็กกลัวถูกจับแต่งงานจนหนีเตลิดเข้าป่าไปเลยหรือ ท่าทางจะกลัวเอามาก”
ชัชวีร์พูดเสียงจริงจัง
“คุณชายบอกว่า จะกลับวันนี้แน่ๆใช่มั้ยครับ แล้วนี่คุณชายไปกับใคร ไปยังไง แล้วสั่งอะไรไว้ก่อนไปหรือเปล่า ช่วยเล่ามาให้ละเอียดด้วย”
“เฮ้ย ไอ้ชัช พี่ชายเล็กกลับช้าวันสองวัน คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง”
“แต่พี่ชายเล็กเป็นคนที่ต่อให้เที่ยวหนักแค่ไหน ก็ไม่เคยเหลวไหลเรื่องงาน ถ้าหากบอกว่าจะกลับมาทำงานวันนี้ แล้วไม่กลับมา ฉันว่า มันไม่เข้าทีแล้วว่ะ” ชัชวีร์บอก
รณพีร์ชักจะคล้อยตามเหตุผลของชัชวีร์

รัชชานนท์นั่งขยับตัวอย่างอึดอัดที่ถูกมัดมือมัดเท้าไว้อยู่ สร้อยเก็บชามข้าวต้มกับชามยาใส่ตะกร้าแล้วจะผละออกไป
“เดี๋ยวๆ นั่นเธอจะไปไหน จะทิ้งฉันไว้อย่างนี้ไม่ได้นะ ถ้าฉันต้องเข้าห้องน้ำห้องท่า จะทำยังไง”
สร้อยยืนมองรัชชานนท์อย่างรำคาญใจ ตัดสินใจไม่ถูก
“แก้มัดฉันออกเถอะนะ สร้อยฟ้า”
“ข้อยชื่อสร้อย บ่ใช่ชื่อสร้อยฟ้า”
รัชชานนท์ยิ้มประจบ
“แต่ฉันว่าเธอน่าจะชื่อสร้อยฟ้ามากกว่า เธอน่ะดูสวยเหมือนนางฟ้านางสวรรค์ก็ไม่ปาน ตอนที่เธอช่วยฉันจากน้ำ ฉันยังนึกว่า เธอเป็นนางไม้เลย นะจ๊ะสร้อยฟ้าคนสวย แก้มัดฉันเถอะ ฉันขอไปดูจันทาประเดี๋ยวเดียว”
“เจ้าฮู้บ่ ข้อยเกลียดผู้ชายแบบไหนที่สุด”
สร้อยดึงมีดออกจากเอวขึ้นมา
“ข้อยเกลียดผู้ชายเจ้าชู้มือไวอย่างเจ้าที่สุด เจ้ารูปงามปากหวานจังซี้ คงหลอกผู้หญิงมาหลาย ถ้าเจ้าเสียโฉมหน้าตาอัปลักษณ์กะคงไปหลอกผู้หญิงบ่ได้อีก”
สร้อยขยับพรวดเดียวไปถึงตัวรัชชานนท์ เธอทำหน้าขึงขังพลางเงื้อมีดขึ้น
“เฮ้ยๆ ฉันไม่เคยหลอกผู้หญิงที่ไหนนะ ชมเธอสวยนี่ผิดด้วยหรือ อย่า !”
รัชชานนท์หลับตายกมือขึ้นปิดป้องหน้าอย่างหวาดเสียวเมื่อเห็นสร้อยพุ่งมีดเข้ามา เสียงมีดฟันเชือกที่ข้อมือรัชชานนท์ดังฉึก เขาลืมตาขึ้นเห็นเชือกที่มัดมือขาดออกจากกัน สร้อยยังถือมีดชี้หน้าสั่งสอนรัชชานนท์
“เข็ดบ่ ทีหลังกะอย่าไปทำเจ้าชู้ปากหวานกับผู้หญิงที่ไสอีก แก้มัดให้แล้ว อยากไปไสกะไป”
สร้อยคว้าตะกร้าชามข้าวต้ม ชามยาผลุบออกไปจากเรือน
“เดี๋ยว คอยด้วย”
รัชชานนท์รีบลุกจะตามสร้อยไป แต่ต้องล้มตึงหน้าคว่ำเพราะเท้ายังถูกมัดอยู่ เขาตะเกียกตะกายลุกขึ้นอย่างเสียฟอร์มที่สุด

ท่ามกลางบรรยากาศสงบสุขของหมู่บ้านวลาหก รัชชานนท์เดินโงนเงนอย่างอิดโรยลงมาจากเรือนตาจั่น เขามองไปรอบๆตัวเห็นหมู่บ้านเล็กๆกลางป่าใหญ่ ชาวบ้าน 3- 4 คนเดินผ่านมาส่งยิ้มให้รัชชานนท์อย่างมีไมตรี เขาขยับเสื้อ กางเกงที่รุ่มร่ามอย่างขัดเขิน แต่ส่งยิ้มให้
รัชชานนท์เห็นหลังไวๆของสร้อยที่เดินไปไกล เขารีบไล่กวดตามสร้อยจนทัน
“เดี๋ยวอย่าเพิ่งไป”
รัชชานนท์คว้าแขนสร้อยรั้งตัวไว้ สร้อยสะบัดตัวออกจากรัชชานนท์
“อย่ามือไวกับข้อย !”
“ขอโทษที ไม่ได้ตั้งใจ แล้วนี่ฉันจะไปหาจันทาได้ที่ไหน”
“หมู่บ้านเล็กแค่นี้ ถ้าเจ้าบ่มีปัญญาหาคู่ฮักเจอ กะบ่ต้องเฮ็ดอะหยังกินแล้ว คนเมืองที่มันเซ่อแท้เด้อ”
สร้อยเดินออกไปอย่างไม่สนใจรัชชานนท์อีก
“ไม่ง้อก็ได้”
รัชชานนท์คิดๆ
“แม่เฒ่า... ยายสร้อยแก่นทะโมนบอกว่า แม่เฒ่ารักษาจันทาอยู่”
ชาวบ้าน 2-3 คนเดินผ่านมาพอดี รัชชานนท์รีบดักหน้าไว้
“ลุงครับ เรือนของแม่เฒ่าอยู่ไหนครับ”
รัชชานนท์บ่นพึมพำในลำคอ
“จะรู้จักไหมเนี่ย”
ชายชาวบ้านชี้ไปทางท้ายหมู่บ้าน
“เฮือนแม่เฒ่าหรือ อยู่ทางพู้น อยู่ท้ายหมู่บ้านพู้น เดินไปเรื่อยๆ เดี๋ยวกะเจอเด้อ”
“ขอบคุณครับๆ”
รัชชานนท์รีบออกไปตามหาจันทาต่อทันที
รัชชานนท์เดินมาตามทางท้ายหมู่บ้านตามที่ชาวบ้านชี้บอกมา เขาเดินหยุดตรงบริเวณชาวบ้าน 2-3 คนกำลังตากปลาอยู่หน้าเรือน
“ป้าครับ เรือนของแม่เฒ่าอยู่ไหนครับ ไปอีกไกลมั้ยครับ”
หญิงชาวบ้านบอก
“ทางพู้นๆ ย่างไปเรื่อยๆ”
รัชชานนท์ผละออกมาอย่างไม่รู้อะไรมากขึ้น
“ทางพู้นน่ะทางไหนหว่า”
รัชชานนท์เดินต่อไปเรื่อยๆพลางมองไปรอบๆตัว บ้านแต่ละหลังดูเหมือนๆกันหมด
รัชชานนท์ยังคงถามทางชาวบ้านมาตลอดทาง แวะเข้าไปดูบ้านแต่ละหลังแต่ต้องถอยออกมาโดยมีชาวบ้านเดินออกมาส่งพลางชี้ไปทางท้ายหมู่บ้านอีก

รัชชานนท์เดินมุ่งมั่นหาเรือนแม่เฒ่าต่อไปอย่างไม่ลดละ แม้จะเริ่มอ่อนแรง

ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบนิ่ง รัชชานนท์เดินด้วยท่าทางเหน็ดเหนื่อยเข้ามาหยุดมองเรือนของแม่เฒ่า

“หลังสุดท้ายแล้ว น่าจะใช่”
รัชชานนท์เดินวนเวียนรอบๆ หน้าเรือนที่มีกระจาดกระด้ง ซึ่งเต็มไปด้วยรากไม้สมุนไพร เขามองหาเจ้าของบ้านแต่ก็ไม่เจอใคร
“ขอโทษนะครับ มีใครอยู่หรือเปล่าครับ”
สร้อยเดินออกมาชะโงกหน้าจากบนชานเรือน
“บ่เซ่อเท่าไหร่นี่ หาเจอจนได้” สร้อยบอก
“งั้นนี่ก็คือเรือนของแม่เฒ่าใช่มั้ย เธอจะมาที่นี่ก็ไม่บอก”
“เป็นหยังต้องบอก อยากมาเบิ่งแม่หญิงของเจ้าแม่นบ่ กะขึ้นมาเบิ่งสิ”
สร้อยผละออกไป
“จันทา”
รัชชานนท์ก้าวขึ้นบันไดไปบนเรือนทันที

บนเรือนแม่เฒ่า สร้อยเดินลิ่วๆไปเปิดประตูห้องแล้วเดินนำหน้าเข้าไป รัชชานนท์ขึ้นเรือนมารีบเดินตามเข้าห้องทันที เขาชะงักนิ่งไปทันที เมื่อเห็นสภาพจันทาซึ่งนอนหน้าขาวซีดอยู่บนที่นอน เขาเข้าไปใกล้จันทาและดึงมือมาจับไว้
“จันทา...เธอต้องไม่เป็นอะไรนะ จันทา ได้ยินฉันมั้ย เพราะฉันคนเดียวที่ทำให้เธอต้องมาเจ็บแบบนี้ ไม่ได้ ฉันปล่อยเธอไว้แบบนี้ไม่ได้”
สร้อยมองดูท่าทีของรัชชานนท์ยิ่งแน่ใจว่าทั้งสองเป็นคู่รักกัน รัชชานนท์ประคองตัวจันทาขึ้น
“นั่นเจ้าสิเฮ็ดอะหยัง”
“ฉันจะพาจันทาไปหมอในจังหวัดน่ะซิ ถ้าไม่รีบพาไปหาหมอที่มีเครื่องมือเครื่องไม้ดีๆ มีหวังจันทาตายแน่”
“แม่หญิงของเจ้าได้ตายแน่ ถ้าเจ้าพาเพิ่นไป จากหมู่บ้านเฮาออกไปจากป่านี่ ใช้เวลาเป็นวัน เพิ่นได้ตายก่อนถึงมือหมอแน่ แต่บ่เชื่อก็ตามใจ ว่าแต่เจ้าอุ้มเพิ่นไหวเร้อ”
รัชชานนท์กัดฟันข่มความเจ็บที่แผล ประคองจันทาอุ้มขึ้นมาแต่ก็อุ้มไม่ไหว
“ตัวเองยังเอาตัวบ่รอด เฮ้อ บ่เจียมตัวแท้น้อ”
แม่เฒ่าถือหม้อยาเดินเข้ามาแล้วบอก
“วางแม่หญิงของเจ้าลง”
รัชชานนท์หันไปมองแม่เฒ่าที่ยืนมองมาอย่างใจเย็น
“แต่ว่าจันทาดูอาการไม่ดีเลยนะครับ”
“ข้อยสิรักษาเพิ่นให้เอง บ่ได้เป็นห่วง เชื่อข้อยเถอะ วางแม่หญิงลง”
สายตาอันเยือกเย็นของแม่เฒ่าทำให้รัชชานนท์ค่อยๆวางจันทาลง
“โธ่ นึกว่าสิอวดเก่งไปได้นานแค่ไส” สร้อยบอก
รัชชานนท์ยังกุมมือจันทาไว้อย่างเป็นห่วง
“มื้อนี้เพิ่นยังบ่ฟื้นดอก ค่อยมาใหม่มื้ออื่น”
“ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่า คุณยาย เออ...แม่เฒ่าจะรักษาจันทาได้ แม่เฒ่าเคยรักษาคนไข้อย่างจันทามาก่อนหรือเปล่า ผมยอมให้จันทาตายไม่ได้นะครับ”
“เจ้าบ่ยอมให้เพิ่นตาย แล้วเพิ่นสิตายได้จังได๋เล่า”
รัชชานนท์มองแม่เฒ่าอย่างไม่เข้าใจ ที่ไม่ได้ทำให้แน่ใจเลยว่าจันทาจะรอดปลอดภัย

เวลาต่อเนื่องมา แม่เฒ่าเดินออกมาส่งรัชชานนท์
“เจ้ากลับไปพักรักษาตัวให้หายดีก่อน บ่ต้องเป็นห่วงแม่หญิงของเจ้า เพิ่นหาทางกลับมาหาครอบครัวได้แล้ว เพิ่นคงบ่ยอมตายง่ายๆ”
แม่เฒ่าเดินกลับขึ้นเรือนไปโดยไม่ฟังคำทัดทานจากรัชชานนท์อีก
“เดี๋ยวซิครับ แม่เฒ่า อย่างนี้จันทาพ้นขีดอันตรายแล้วหรือยัง แล้วจะฟื้นคืนสติเมื่อไหร่ เฮ้อ ถามไปก็เท่านั้น จะเอาอะไรกับหมอผีบ้านป่า”
รากไม้พุ่งใส่หัวรัชชานนท์ทันที
“โอ๊ย !”
รัชชานนท์หันไปมอง เห็นสร้อยถือรากไม้อีกอันยืนมองมาอย่างไม่ชอบใจ
“แม่เฒ่าบ่ใช่หมอผี เจ้าอย่ามาทำปากพล่อยแถวนี้ เจ้าเองที่รอดตายมาได้ กะเพราะแม่เฒ่าช่วยรักษาให้ ถ้าแม่เฒ่าบ่เก่งจริง กะบ่เป็นที่นับหน้าถือตาของคนหมู่บ้านวลาหกหรอก เจ้าวอกเอ๊ย”
รัชชานนท์แตะแผลที่ตรงไหล่ซ้ายที่เริ่มรู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ จึงเริ่มจะศรัทธาแม่เฒ่าขึ้นมาบ้าง
“ฉันก็หวังว่าแม่เฒ่าจะเก่งอย่างที่เธอว่า ตอนนี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากฝากความหวังไว้ที่แม่เฒ่าของเธอ เออ... หมู่บ้านของเธอนี่ชื่อเพราะดีนะ หมู่บ้านวลาหก”
“วลาหกแปลว่า หมอก”
“หมู่บ้านของเธอคงมีหมอกลงตลอดล่ะซิ ถึงได้ชื่อนี้ งั้นหมอกที่ฉันเห็นในป่าก็คงเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านเธอนี่เอง”

รถจี๊ปของรัชชานนท์จอดอยู่หน้าร้านเหล้าของพรานเจ้ยที่ปิดเงียบ พ่อค้าขายของป่า 2 คนถือกระชุใส่ของป่ามาหยุดที่หน้าร้าน บุญโฮมพาคุณชายรณพีร์กับชัชวีร์เดินเข้ามา
“นี่ครับ ร้านของพรานเจ้ย พรานที่เป็นคนนำทางพาคุณชายไปเดินป่า พรานเจ้ยเป็นพรานที่เก่งที่สุดของหนองคายเลยล่ะครับ”
พ่อค้าขายของป่าเคาะประตูเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากในร้านพรานเจ้ย
บุญโฮมถามพ่อค้า
“พรานเจ้ยยังไม่กลับมาอีกหรือ แล้วจันทาล่ะ”
พ่อค้าคนที่ 1บอก
“จันทาก็ไม่อยู่เหมือนกัน ฉันเวียนมาดูหลายรอบแล้ว ก็ยังไม่เห็นมีใครมาเปิดร้าน”
พ่อค้า2 บอก
“พวกฉันก็มาส่งของเวลานี้ประจำ ไม่เคยที่จะมีปัญหาเลย นี่เล่นหายไปทั้งพ่อทั้งลูก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
พ่อค้าขายของป่า 2 คนเดินออกไปอย่างเซ็งๆ บุญโฮมหันกลับมาหารณพีร์กับชัชวีร์
“พรานเจ้ยยังไม่กลับจากป่า รถที่คุณชายเอาไปใช้ก็ยังจอดอยู่ที่นี่ ก็แสดงว่า คุณชายยังอยู่ในป่าแน่ๆครับ ป่าที่นี่กว้างใหญ่สวยงาม คุณชายคงเที่ยวเพลินจนลืมเวลามังครับ”
“เป็นไปไม่ได้หรอก คุณชายมีความรับผิดชอบพอที่จะไม่เอาเวลางานไปเที่ยว ยิ่งเพิ่งจะมาเริ่มงานใหม่ที่นี่ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ นายคิดว่ายังไง” ชัชวีร์บอก
“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้นเหมือนกัน ถ้าพี่ชายเล็กกลับมาไม่ได้จริงๆ อย่างน้อยก็ต้องให้คนมาส่งข่าว สงสัยจะมีเรื่องไม่ชอบมาพากลอย่างที่นายว่า”
“ถ้าอย่างนั้นก็คงมีเหตุผลเดียวที่คุณชายยังไม่กลับมา” บุญโฮมบอก
“อะไรหรือ ลุง”
บุญโฮมพูดด้วยนำเสียงสบายๆ
“หลงป่าครับ”
รณพีร์กับชัชวีร์ร้องขึ้นพร้อมกัน
“หลงป่า!”

สองหนุ่มตกใจเหลียวมองหน้ากัน รู้สึกเป็นห่วงรัชชานนท์ยิ่งขึ้น

ข่าวร้ายของรัชชานนท์รู้ถึงวังจุฑาเทพในเย็นวันเดียวกัน หม่อมเอียดกับย่าอ่อนมองหน้ากันอย่างตกใจ

“หลงป่า!”
ธราธรกับพุฒิภัทรมองหน้ากันอย่างกังวลใจ แต่ยังควบคุมสติไว้ได้ดี
“หม่อมย่าอย่าเพิ่งตกใจไปนะครับ ชายพีร์ก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก ตอนนี้ ยังเป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น” ธราธรบอก
“ไหนเล่ามาให้หมดซิว่า ชายพีร์ส่งข่าวมาว่ายังไงบ้าง”
คุณชายพุฒิภัทรเล่าให้หม่อมเอียดฟัง
“ชายเล็กไปเดินป่าแล้วก็หายเงียบไป ทั้งที่มีกำหนดว่าจะกลับมาทำงานวันนี้น่ะครับ ชายพีร์กับนายชัชเห็นท่าว่าจะไม่ดีก็เลยรีบโทรศัพท์ทางไกลแจ้งข่าวกับพี่ชายใหญ่ที่กรมฯ”
ย่าอ่อนแทบลมจับ ควักยาดมมาสูดหลายเฮือก
“ชายเล็ก ! พ่อคุณของย่า ย่าจะไม่ได้เห็นหน้าชายเล็กแล้วหรือนี่”
“ย่าอ่อนครับ อย่าเพิ่งคิดไปในทางร้ายซิครับ ไว้รอชายพีร์ยืนยันมาอีกครั้งว่า ชายเล็กหลงป่าจริงๆเสียก่อน” ธราธรบอก
“ไม่ต้องรอให้ใครมายืนยันหรอก ชายเล็กหายเข้าป่าไปไม่กลับออกมา ก็ต้องหลงป่าแน่ๆอยู่แล้ว คุณพี่คะ เราจะรออยู่เฉยๆไม่ได้นะคะ ก่อนอื่น เราต้องรีบติดต่อท่านผู้ว่าฯ เดี๋ยวน้องจะไปหาหมายเลขโทรศัพท์ให้นะคะ” ย่าอ่อนบอก
ธราธรทักท้วง
“เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปนะครับ ย่าอ่อน”
“คุณชายรัชชานนท์ จุฑาเทพหายตัวไปในป่า ก็ต้องเป็นเรื่องใหญ่อยู่แล้ว เราเป็นคนมีหน้ามีตาไม่ใช่ชาวบ้านร้านตลาดธรรมดานะ ชายใหญ่” ย่าอ่อนว่า
หม่อมเอียดบอก
“ยิ่งเราเป็นคนสำคัญมีหน้ามีตาจะทำอะไรก็ต้องระวัง... ไม่ต้องรอฟังข่าวจากชายพีร์แล้ว ย่าอยากให้ชายใหญ่กับชายภัทรรีบไปตามหาตัวชายเล็กอย่างเร็วที่สุด เรื่องนี้คนรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”
“แต่น้องว่า...ถ้าหากคนรู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี จะได้ช่วยๆกันตามหา”
หม่อมเอียดพูดขัด
“ไม่ได้ ข่าวเรื่องชายเล็กหายไปจะให้รู้ถึงคนข้างนอกไม่ได้ สองสามปีที่ผ่านมา วังจุฑาเทพเรามีแต่เรื่อง เรื่องท่านพินิจยังไม่ทันจะจาง มามีเรื่องนี้อีก เฮ้อ... ได้ยินแล้วใช่มั้ย แม่อ่อน”
ย่าอ่อนอ้อมแอ้ม
“ได้ยินค่ะ คุณพี่”
ย่าอ่อนรับปากเสียงอ่อย แต่ตาหลุกหลิก คิดจะบอกศินีนุชทันที

สร้อยเดินนำรัชชานนท์เดินมาลิ่วๆ มาที่ทางเข้าของหมู่บ้านวลาหก เขาเดินตามมาอย่างช้าๆ ท่าทางยังอิดโรยจากอาการบาดเจ็บอยู่ เธอหันไปมองอย่างขัดใจแล้วเดินกลับไปลากตัวเขามา
“เดินไวๆหน่อยซิ ชักช้าอยู่ได้”
รัชชานนท์แหย่
“อ๊ะๆ อย่ามามือไวกับฉันนะ”
สร้อยรีบปล่อยมือจากรัชชานนท์
“กะบ่อยากได้จับนักหรอก ถ้าเจ้าบ่เดินช้ายังกับเต่าคลาน เอ้า ฮอดแล้ว”
สร้อยรอสังเกตว่า รัชชานนท์ทำให้มนต์หมอกเสื่อมหายไปหรือไม่ รัชชานนท์เดินช้าๆ ไปที่ขอนไม้
“ฉันเคยมาตรงนี้แล้วนี่นา ฉันจำขอนไม้ท่อนนี้ได้”
รัชชานนท์เดินตรงๆเรื่อยๆ ควันหมอกค่อยๆลอยมารวมตัวรอบๆ ตัวรัชชานนท์
“แปลกจริง”
รัชชานนท์มองไปรอบๆตัวที่มีหมอกล้อมรอบตัวอยู่ จ่อยวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“มาอยู่หม่องนี้นี่เอง ข้อยวิ่งตามหาเสียทั่วหมู่บ้าน”
“เจ้าตามหาข้อยเฮ็ดหยัง”
“ข้อยบ่ได้ตามหาเจ้า ข้อยมาตามไอ้บักนี่ ไอ้คนเมือง พ่อใหญ่ให้ไปพบ ตามข้อยมาเดี๋ยวนี้เลย มาๆ”
จ่อยหันกลับเดินเข้าไปทางเข้าหมู่บ้าน
“พ่อใหญ่นี่ใครหรือ สร้อย เป็นผู้ใหญ่บ้านที่นี่งั้นหรือ” รัชชานนท์ถาม
“แล้วเจ้ากะสิฮู้เอง ไปให้ไว อย่าให้พ่อใหญ่ต้องรอ”
สร้อยผลักให้รัชชานนท์ออกเดินไป

บนเรือนพ่อใหญ่ในเวลาต่อมา พ่อใหญ่ ไกสอนและแฮรี่นั่งอยู่ประจำตำแหน่ง จ่อยเดินนำรัชชานนท์เข้ามา มีสร้อยตามรั้งท้ายคอยผลักเป็นระยะๆ
“เดินไวๆ”
“ก็รีบเดินอยู่นี่ไง ฉันเพิ่งถูกยิงมา เห็นใจกันบ้าง”
รัชชานนท์ชะงัก เมื่อมองเห็นพ่อใหญ่นั่งเป็นประธานอยู่ เขารีบยกมือไหว้พ่อใหญ่ รวมทั้งไกสอนและแฮรี่ เขาชะงักนิดหนึ่งอีกครั้ง เมื่อเห็นฝรั่งมาอยู่ที่หมู่บ้านกลางป่าอย่างนี้
“สวัสดีครับ พ่อใหญ่ใช่มั้ยครับ”
“แม่นแล้ว นี่คือพ่อใหญ่ของหมู่เฮา แล้วกะพ่อไกสอนของข้อยกับแฮรี่ เพิ่นเป็นมือขวาของพ่อใหญ่” จ่อยแนะนำ
รัชชานนท์ยิ้ม
“ส่วนผม...พ่อใหญ่คงรู้แล้วว่าผมเป็นใคร”
พ่อใหญ่ส่งกระเป๋าสตางค์คืนให้รัชชานนท์และพูดภาษากลาง
“ผมต้องขอโทษแทนลูกสาวด้วย”
รัชชานนท์หันไปมองสร้อยแล้วยิ้มอย่างเข้าใจ
“สร้อยเป็นลูกสาวผู้ใหญ่บ้านนี่เอง มิน่าล่ะ...”
สร้อยทำหน้า ทำตาเอาเรื่องถาม
“มิน่าอะหยัง”
“มิน่าถึงได้เก่งกล้าสามารถผิดผู้หญิงธรรมดายังไงล่ะ”
“พวกคุณเข้ามาใกล้หมู่บ้านเราเหลือเกิน เราจึงจำเป็นต้องรู้ว่าพวกคุณเป็นใคร เป็นมิตรหรือว่าศัตรู” พ่อใหญ่บอก
“ตอนนี้เฮาฮู้แล้วว่า เฮามีศัตรูคนเดียวกัน นั่นคือ ไอ้พวกทหารเวียง” ไกสอนบอก
แฮรี่ถาม
“คุณไปมีเรื่องอะไรกับพวกทหารเวียงหรือครับ”
“เจอกันที่ร้านเหล้าในเมืองครับ พวกมันข่มเหงผู้หญิงในร้าน ผมเข้าไปช่วยไว้ทัน เราจับตัวพวกมันส่งตำรวจแล้วนะครับ ไม่คิดเลยว่า พวกมันจะออกจากคุกมาได้เร็วขนาดนี้”
“ไอ้พวกทหารเวียงมันกะสันดานชั่วอย่างนี้ทุกคนแหละ แม่หญิงที่เจ้าว่ากะเป็นคู่ฮักเจ้าล่ะซิ พวกมันเถิงได้ตามมาฉุดเพื่อแก้หน้า ท่าทางเจ้าคงมีแต่ปัญหาเรื่องผู้หญิง แม่นบ่” สร้อยว่า
“เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณชาย คนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ทำผิดแล้วแทนที่จะสำนึกผิด กลับมาตามแก้แค้น ที่ว่านายพลเซกองไปเกณฑ์นักโทษมาเป็นทหารเห็นจะไม่ผิด ชาวเวียงพูคำถึงได้เดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า”

คุณชายรัชชานนท์มองพ่อใหญ่อย่างจับสังเกต และสัมผัสได้ว่าพ่อใหญ่ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา!!

รัชชานนท์แอบสังเกตมองไปรอบๆ เห็นตู้ที่เต็มไปด้วยหนังสือ แผนที่ที่วางแอบอยู่เครื่องเล่นแผ่นเสียง ข้าวของเครื่องใช้ที่ดูดีผิดชาวบ้านป่ามาก

“ผมก็พูดนอกเรื่องเสียยืดยาว ก็ขี้บ่นไปตามประสาคนแก่คนเฒ่า เห็นเจ้าสร้อยบอกว่า เพื่อนของคุณชายอาการยังไม่ดีนัก ถ้าอย่างนั้นก็อยู่พักรักษาตัวจนหายดีก่อน แล้วค่อยกลับออกไปก็แล้วกัน”
“แม่หญิงที่เจ็บน่ะอยู่ต่อได้ แต่บักคุณชายผู้นี้อยู่ต่อบ่ได้นะ พ่อใหญ่”
พ่อใหญ่ไม่ฟังบอก
“เชิญคุณชายพักอยู่ที่หมู่บ้านเราตามสบายนะครับ”
“ขอบคุณมากครับ ผมจะไม่ลืมพระคุณของพ่อใหญ่ในครั้งนี้เลยครับ”
รัชชานนท์ยกมือไหว้ขอบคุณพ่อใหญ่อีกครั้ง!!

ไกสอนกับแฮรี่เดินออกมาส่งรัชชานนท์ที่หน้าเรือน
“ขอบคุณครับ ส่งผมแค่นี้ก็พอครับ ถึงบ้านที่นี่จะดูเหมือนๆกันหมด แต่ผมคิดว่าผมน่าจะกลับที่พักได้ถูก ว่าแต่ว่าบ้านที่ผมพักเป็นบ้านใครหรือครับ ผมมาพักอยู่อย่างนี้ รบกวนเจ้าของบ้านแย่”
“คุณชายบ่ต้องเกรงใจ เจ้าของบ้านบ่อยู่แล้ว ตาจั่นเจ้าของเฮือนตายไปห้าหกปีแล้ว คุณชายพักได้ตามสบาย” ไกสอนบอก
“ตาจั่นร่ำร้องอยากกลับไปตายที่แผ่นดินเกิด แต่ก็ต้องกลับมาถูกฝังใต้แผ่นดินของคนอื่น” แฮรี่ว่า
“แผ่นดินเกิดที่ว่านี่ คุณแฮรี่คงหมายถึง แผ่นดินของเวียงพูคำใช่มั้ยครับ”
ไกสอนมองแฮรี่ อดตำหนิไม่ได้ที่หลุดปากพูดออกไป
“ถึงคุณแฮรี่จะไม่พูดถึงตาจั่น ผมก็พอจะเดาได้ว่า ชาวหมู่บ้านวลาหกคือ ชาวเวียงพูคำที่ลี้ภัยมาซ่อนตัวอยู่ ไม่งั้นพวกคุณคงไม่มองทหารเวียงเป็นศัตรู แล้วเรื่องที่ระวังแข็งขันไม่ให้ใครมาเฉียดใกล้หมู่บ้านอีก ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะไม่บอกใครเรื่องหมู่บ้านวลาหก แล้วถ้าหากทางคุณต้องการอะไร ผมยินดีช่วยเหลือทุกอย่างนะครับ”
ไกสอนค่อยสบายใจขึ้น
“ขอบคุณครับ คุณชาย ขอคุณชายเก็บเรื่องหมู่บ้านวลาหกเป็นความลับไว้กะพอ บ่ต้องช่วยเหลืออะหยังดอกครับ”
“เรายังไม่ต้องการความช่วยเหลือตอนนี้ครับ แต่วันหน้าเราอาจจะต้องให้คุณชายช่วย หวังว่าคุณชายจะจดจำคำพูดวันนี้ไว้นะครับ”
รัชชานนท์สีหน้าแน่วแน่ว่า จะไม่ลืมคำพูดที่จะช่วยเหลือแน่นอน

บนเรือนพ่อใหญ่ สร้อยปราดเข้าไปหาพ่อใหญ่อย่างร้อนอกร้อนใจ
“เฮาจะให้บักคุณชายอยู่ที่นี่ต่อไปบ่ได้นะ พ่อใหญ่ เพิ่นเป็นคนที่สิเฮ็ดให้มนต์หมอกที่คุ้มภัยหมู่บ้านเฮาเสื่อมสลาย”
“คุณชายรัชชานนท์อาจสิเป็นคนในคำทำนาย”
“คำทำนายอะหยัง” จ่อยถาม
“กะคำทำนายของแม่เฒ่าที่ว่า ผู้ใดเห็นมนต์หมอก ผู้นั้นสิเป็นผู้ทำลายหมู่บ้านวลาหกยังไงเล่า” สร้อยว่า
“เจ้าสร้อยเอ๊ย จำกะจำมาผิดๆ แม่เฒ่าเพิ่นว่า มงกุฎแห่งเทพมาเยือนเมื่อใด มนต์หมอกกะสิเสื่อมสลายไป เพิ่นบ่ได้มาทำลายหมู่บ้านเฮา”
“กะคือกันแหละ พ่อใหญ่ ถ้ามนต์หมอกเสื่อมสลายไป กะบ่มีอะหยังปกป้องหมู่บ้านอีกต่อไป อีกบ่นานหมู่บ้านวลาหกกะต้องถูกทำลายไป”
“เซาก่อนๆ ข้อยตามบ่ทัน ตกลงบักคุณชายกะคือมงกุฎแห่งเทพจังสั้นบ่” จ่อยถาม
“แม่นแล้ว บักคุณชายเป็นมงกุฎแห่งเทพที่แม่เฒ่าพูดเถิงบ่อยๆ ข้อยจำคำทำนายได้แล้ว นอกจากเพิ่นสิเฮ็ดให้มนต์หมอกเสื่อมสลาย เพิ่นยังสิเฮ็ดให้พ่อใหญ่เสียแก้วตาไป”
“แต่เฮาสิได้ดวงใจกลับคืนมา...เพราะจังซี้เฮาจึงไล่คุณชายไปบ่ได้” พ่อใหญ่บอก
“แฮรี่เคยบอกว่า ข้อยเป็นแก้วตาของพ่อใหญ่ แล้วไผเป็นดวงใจของพ่อใหญ่ เป็นหยังเพิ่นถึงมีความสำคัญกว่าชีวิตของทุกคนที่นี่” สร้อยถาม
“เมื่อเถิงเวลาเจ้ากะสิฮู้เอง บ่ว่าจังได๋คุณชายกะสิพักอยู่ที่นี่ต่อไป เจ้าอย่าได้คึดเฮ็ดอะหยัง อย่าได้ขัดคำสั่งของพ่อเด็ดขาด เข้าใจบ่”
สร้อยนิ่งเงียบ ทำดื้อเงียบไม่ยอมตอบ พ่อใหญ่เสียงเข้มถามลูกสาว
“เข้าใจบ่”
จ่อยรีบตอบแทน
“เข้าใจจ้ะ พ่อใหญ่”

สร้อยยังคงทำหน้าดื้อๆ ไม่คิดจะยอมทำตามคำสั่งของพ่อใหญ่แม้แต่น้อย

อ่านต่อหน้า 4

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 2 (ต่อ)

ตกตอนค่ำ รัชชานนท์เดินสำรวจดูภายในเรือนตาจั่น พบว่ามีตะกร้าเสื้อผ้าวางอยู่ เขาหยิบเสื้อผ้าออกมาดู เป็นเสื้อผ้าผู้ชายแบบที่จ่อยใส่

“มีอะไรมั่งเนี่ย เสื้อกางเกง ผ้าขาวม้า ดีจริงมีเสื้อผ้าให้เปลี่ยนด้วย”
สร้อยโยนกระเป๋าปึง!ลงตรงหน้า คืนให้รัชชานนท์ เขาเงยหน้าขึ้นมอง
“เอ้า กระเป๋าของเจ้า แล้วนี่กะคงเป็นของเจ้าด้วย”
สร้อยจะโยนกล้องถ่ายรูปคืนให้
“เฮ้ย อย่าโยนๆ”
รัชชานนท์รีบลุกขึ้นตะครุบรับกล้องถ่ายรูปมา
“ขอบใจนะสร้อย อุตส่าห์ไปตามเก็บข้าวของมาคืนให้ นี่ฉันทำใจว่า จะไม่ได้กล้องคืนแล้วนะเนี่ย”
“ไปขอบใจพ่อใหญ่พู้น พ่อใหญ่เป็นคนสั่งให้ไปเก็บข้าวของๆ เจ้ากับคู่ฮักมา ได้เสื้อผ้าคืนมาแล้ว ต่อไปกะบ่ต้องใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ของไอ้จ่อยให้ระคายผิวผู้ดีของเจ้าแล้ว กินข้าวแล้วแม่นบ่ เดี๋ยวสิเอายามาให้”
สร้อยหมุนตัวเดินออกไปแล้วต้องชะงักเพราะเสียงเรียกของรัชชานนท์
“เดี๋ยวก่อน สร้อย”
สร้อยหันกลับมามองอย่างรำคาญใจ
“อะหยัง”
“ขอบใจนะ”
“ข้อยบอกแล้วว่าให้ไปขอบใจพ่อใหญ่”
“ฉันต้องขอบใจเธอนั่นแหละถูกแล้ว ขอบใจที่ช่วยชีวิตฉันไว้ ทั้งๆที่ฉันเป็นคนแปลกหน้า แต่เธอก็ยอมเสี่ยงชีวิตช่วยฉัน เสียดายจริงๆที่ฉันไม่มีเงินติดตัวมาเลย”
“ข้อยบ่ต้องการเงินของเจ้า! ไผกะตามที่กำลังตายต่อหน้าข้อย ข้อยกะต้องช่วย บ่ต้องคึดว่าเป็นหนี้บุญคุณกัน ช่วยแล้วก็แล้วกันไป”
“ไม่ได้หรอก ยังไงฉันก็ต้องตอบแทนบุญคุณเธอ”
จ่อยถือหม้อยาใบใหญ่เข้ามา
“จังสั้นเจ้ากะต้องรักษาตัวให้แข็งแรงไวๆ ข้อยสิได้บ่ต้องเสียเวลามาดูแลเจ้า ไอ้จ่อยเทยาให้เพิ่นสิ”
จ่อยรีบจัดแจงเทยาใส่ชามใบใหญ่กว่าเดิม
“ต้องกินหมดชามนี่เลยหรือ”
“แม่นแล้ว แล้วกะบ่ใช่ชามเดียว”
สร้อยกับจ่อยชูห้านิ้วขึ้น แล้วพูดพร้อมๆกัน
“ห้าชาม!”
รัชชานนท์มองชามยาใบใหญ่อย่างแหยงๆ
“กินสิ ถ้าอยากตอบแทนบุญคุณข้อย กะกินให้หมดหม้อนี่ กิน”
รัชชานนท์กลั้นหายใจดื่มยาชามใหญ่เข้าไปด้วยสีหน้าเหยเก

สร้อยกับจ่อยเดินลงมาจากเรือนตาจั่น สร้อยหัวเราะขำ
“เจ้าเห็นหน้าบักคุณชายบ่ ตลกดีแท้ ดีล่ะ มื้ออื่นข้อยสิบังคับให้เพิ่นกินยาซักสิบหม้อ เอาให้อ้วกแตกตายกันไปเลย”
“เจ้ากะเล่นเป็นเด็กน้อยไปได้ ตกลงเจ้ายอมให้เพิ่นอยู่เป็นแขกคนสำคัญของพ่อใหญ่ต่อไปจังสั้นเรอะ บ่คิดจัดการอะหยังหรือจังได๋”
“ข้อยจัดการบักคุณชายแน่ เพิ่นกำลังนำภัยมาสู่หมู่บ้านเฮา จังได๋ข้อยกะบ่ยอมให้เพิ่นอยู่ที่นี่”
“เจ้าคิดสิเฮ็ดอะหยัง บอกข้อยมาได้เลย ข้อยสิช่วยเจ้าเอง”
“แล้วมื้ออื่นเจ้ากะสิฮู้เอง”
สร้อยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เพราะคิดแผนการไว้เรียบร้อยแล้ว

บนเรือน รัชชานนท์รื้อเสื้อผ้าข้าวของออกมาจากกระเป๋าอย่างโล่งใจที่ได้ของคืนมาครบ เขาหยิบกระเป๋าสตางค์เปิดดูรูปพ่อกับแม่ที่ติดอยู่ในกระเป๋าสตางค์ รูปหม่อมเจ้าวิชชากรกับหม่อมหยกทำให้รัชชานนท์นึกถึงสร้อยหยกขึ้นได้
“สร้อยหยกของเรา...คงจะหายไปแล้ว”

รัชชานนท์แตะที่คอด้วยความเสียดายสร้อยที่แม่ให้ไว้หายไป

เช้าวันใหม่ คุณชายรณพีร์กับชัชวีร์ในชุดรัดกุม สะพายกระเป๋าเตรียมตัวไปเดินป่าเต็มที่

“นี่นายแน่ใจหรือว่า เราจะตามหาพี่ชายเล็กเจอ นี่ขนาดพี่ชายเล็กเชี่ยวชาญเรื่องการเดินป่า แล้วยังมีพรานนำทางไปด้วย ยังหลงป่าเลย” ชัชวีร์ถาม
“ไม่ต้องห่วงน่า เดี๋ยวเราก็หาพรานเก่งๆซักคน ไม่เห็นจะยากอะไร” รณพีร์บอก
“แล้วเราจะไม่รอพี่ชายใหญ่ก่อนหรือ”
“พี่ชายใหญ่สั่งให้เราสืบข่าวจนกว่าจะได้ข้อมูลแน่ชัดใช่มั้ยล่ะ”
“แต่พี่ชายใหญ่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้นายไปสืบข่าวในป่านะ ไอ้พีร์”
“เราก็อาศัยที่คำสั่งของพี่ชายยังคลุมเครืออยู่ รีบเข้าป่าไปหาพี่ชายเล็กกัน ตอนนี้เลย”
บุญโฮมถือซองโทรเลขวิ่งกระหืดกระหอบมา
“โทรเลขจากกรุงเทพฯครับ คุณชาย”
รณพีร์รับซองโทรเลขมาเปิดอ่านแล้วรู้สึกขัดใจมาก
“โทรเลขจากพี่ชายใหญ่”
ชัชวีร์ดึงโทรเลขจากรณพีร์มาอ่าน - - จะไปถึงเย็นนี้ รอก่อน อย่าเพิ่งไปตามเล็กในป่า
ชัชวีร์ยิ้มถาม
“ว่ายังไงล่ะ คราวนี้คำสั่งของพี่ชายใหญ่คงไม่คลุมเครือแล้วสินะ ออกจะชัดแจ้งอย่างนี้แล้ว ยังจะคิดไปตามพี่ชายเล็กในป่าอีกหรือเปล่า”
คุณชายรณพีร์หงุดหงิดใจที่ไม่ได้ทำตามอย่างแผนที่วางไว้

ท่ามกลางบรรยากาศหมู่บ้านวลาหกในตอนเช้า รัชชานนท์ดูแข็งแรงมากขึ้นมากแล้ว และกำลังซ่อมแซมบ้านโดยเริ่มแกะไม้ผุๆ ออก สร้อยกับจ่อยเดินมาท้าวสะเอวมอง
“ท่าทางแข็งแฮงขึ้นเยอะแล้วนี่”
รัชชานนท์ยิ้มกว้างหันมามองสร้อย
“ใช่ ฉันรู้สึกดีขึ้นมากเลย ไม่ปวดแผลแล้วด้วย หนำซ้ำยังรู้สึกแข็งแรงกว่าเดิมอีก ไม่น่าเชื่อเลยว่ายาของแม่เฒ่าจะได้ผลจริงๆ”
“ทีนี้ต่อไปเจ้าคงบ่กล้าเรียกแม่เฒ่าว่า หมอผีบ้านป่าแล้ว แม่นบ่”
“เมื่อวานฉันกำลังห่วงจันทาก็เลยพลั้งปากไปหน่อย ฉันไม่ได้ตั้งใจดูหมิ่นแม่เฒ่าของเธอเลยนะ”
“แล้วนี่เฮ็ดอะหยังอยู่ สิพังเฮือนตาจั่นหรือจังได๋”
“ฉันกำลังซ่อมบ้านให้ต่างหาก ฉันไม่อยากอยู่เฉยๆ อยากทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้าง”
“ถ้าอยากเฮ็ดตัวให้เป็นประโยชน์ กะตามพวกเฮามา”
“เธอจะให้ฉันทำอะไร”
“ตามมา กะสิฮู้เอง” จ่อยบอก
รัชชานนท์วางเครื่องมือเครื่องไม้แล้วรีบเดินตามไปสร้อยกับจ่อยออกไป

ทั้งสามคนเดินมายังทางเข้าหมู่บ้านวลาหก
“เธอจะให้ฉันทำอะไร ก็บอกมาได้เลย เออ..นี่ฉันเรียนทางด้านวิศวกรรมมา ถ้าเธออยากให้ฉันช่วยสร้างทางเข้าหมู่บ้านก็ได้นะ”
สร้อยกับจ่อยหันกลับมามองรัชชานนท์
“สร้างทางเข้าหมู่บ้านไปเฮ็ดหยัง สร้างให้ไอ้พวกทหารเวียงเข้ามาง่ายๆจังสั้นเรอะ ใช้หัวหรือใช้อะหยังคึด” สร้อยบอก
“งั้นฉันจะช่วยอะไรได้บ้างล่ะ”
“เจ้าเป็นคนเฮ็ดให้มนต์หมอกของแม่เฒ่าเสื่อมสลาย เจ้าสิต้องรับผิดชอบ” จ่อยบอก
“มนต์หมอกอะไรกัน”
“กะมนต์หมอกที่ปกป้องหมู่บ้านวลาหกไว้น่ะสิ เว้าไปเจ้ากะบ่เข้าใจ เอาเป็นว่า เจ้าสิต้องหาทางป้องกันบ่ให้ไอ้พวกทหารเวียงเข้ามาในหมู่บ้านเฮาได้ ถ้าเจ้าเฮ็ดได้ กะถือว่า เจ้าได้ชดใช้บุญคุณข้อยแล้ว” สร้อยบอก
จ่อยเสริม
“ถ้าเจ้าเฮ็ดบ่ได้ เจ้ากะออกไปจากหมู่บ้านเฮาไป ส่วนแม่หญิงของเจ้าเพิ่นหายดีเมื่อใด เฮาสิพาเพิ่นไปคืนเจ้าเอง”
“ได้ ฉันจะช่วยพวกเธอปกป้องหมู่บ้านวลาหกเอง”
สร้อยกับจ่อยหันไปมองรัชชานนท์ไม่คิดว่ารัชชานนท์จะคิดได้รวดเร็วอย่างนี้

รัชชานนท์ฟันต้นไผ่อย่างขยันขันแข็ง แล้วโยนลงไปรวมกับไม้ไผ่กองใหญ่บนพื้น สร้อยกับจ่อยยืนมองรัชชานนท์อย่างไม่ศรัทธานัก
“ยืนเฉยๆทำไม มาช่วยกันหน่อยสิ ช่วยเหลาไม้ไผ่ให้เป็นปลายแหลม แล้วช่วยหาเถาวัลย์มาทำเชือกด้วยนะ”
“เจ้าว่า เจ้าสิเฮ็ดอะหยังนะ” สร้อยถาม
“ฉันจะสร้างด่านป้องกันไม่ให้พวกทหารเวียงเข้าไปในหมู่บ้านของเธอ”
“ถ้าบ่มีมนต์หมอกคุ้มภัยของแม่เฒ่า ด่านอะหยังกะป้องกันไอ้พวกทหารเวียงบ่ได้ดอก”
“แต่ถ้าเรามีด่านป้องกันเอาไว้ ก็จะช่วยไม่ให้ทหารเวียงเข้าไปในหมู่บ้านได้ง่ายนัก อย่างน้อยก็อาจจะช่วยถ่วงเวลา ให้เราได้เตรียมตัวตั้งรับพวกมัน ตอนนี้ฉันเห็นว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะปกป้องหมู่บ้านวลาหกจากพวกทหารเวียง”
“ลองดูกะได้ ข้อยกะอยากฮู้ว่า ไอ้ด่านป้องกันของเจ้ามันสิป้องกันหมู่บ้านเฮาได้อย่างที่เจ้าว่าบ่ ” สร้อยบอก
สร้อยตรงเข้าไปหยิบไม้ไผ่ขึ้นมาแล้วใช้มีดเหลาปลายไม้ไผ่ จ่อยเห็นแล้วต้องลงมือช่วยอีกคน

รัชชานนท์มองทั้งคู่อย่างพอใจแล้วหันไปตัดไม้ไผ่ต่อ

ภายในวังจุฑาเทพ เช้าวันเดียวกันนั้น สมบุญหิ้วกระเป๋าเดินทางสองใบเดินออกมาจากตึก หม่อมเอียดกับย่าอ่อนเดินออกมาส่งหลานชายทั้งสอง

“ถ้าได้เรื่องยังไงรีบส่งข่าวมานะ ชายใหญ่” หม่อมเอียดบอก
“แล้วทำไมต้องรีบร้อนไปตั้งแต่หัววัน อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่ารถไฟจะออก”
ย่าอ่อนพูดถ่วงเวลา พลางแอบชะเง้อรอใครบางคนที่กำลังจะมา ธราธรบอก
“เราไม่ได้ไปทางรถไฟครับ ย่าอ่อน เราจะไปกับเครื่องบินลำเลียงไปลงที่อุดรฯ นายยอดยศช่วยติดต่อทางกองบินให้น่ะครับ”
พุฒิภัทรบอก
“คุณย่าไม่ต้องห่วงว่าข่าวชายเล็กจะรั่วไหลไปนะครับ นายยอดยศเพื่อนชายพีร์คนนี้วางใจได้ แต่ไม่รู้ว่าเราจะปิดเรื่องนี้นานแค่ไหนนะครับ”
คุณหญิงดารณีนุชดึงตัวศินีนุชเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“หม่อมป้าขา ดิฉันได้ข่าวว่าคุณชายเล็กหายตัวไป เป็นเรื่องจริงหรือคะ”
“พี่ชายเล็กหายไปเมื่อไหร่ หายไปได้ยังไงคะ หม่อมย่า”
หม่อมเอียดอ่อนใจ
“คงจะได้รับคำตอบแล้วนะ ชายภัทร”
หม่อมเอียดมองย่าอ่อนอย่างรู้ทัน ว่าเป็นคนส่งข่าวบอกสองแม่ลูก ย่าอ่อนหลบหน้าหลบตาทำเป็นไม่รู้เรื่อง ธราธรกับพุฒิภัทรนิ่งอึ้งไป

หม่อมเอียดนั่งนิ่งท่าทางสุขุมเยือกเย็นอยู่ภายในห้องรับแขก ย่าอ่อนนั่งบีบเนื้อบีบตัวห่างออกไปอย่างรู้ตัว ดารณีนุชกับศินีนุชแทบจะลุกผางจากเก้าอี้เมื่อรู้รายละเอียดทั้งหมด
“คุณชายเล็กหลงป่า !”
“พี่ชายเล็กไปหลงป่าได้ยังไงคะ โธ่ พี่ชายเล็กของนุช ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
“นี่ถ้าคุณชายใหญ่รีบไปตามคุณชายเล็กกลับมาเสียเนิ่นๆ เรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น แล้วจะจัดการเรื่องนี้ยังไงต่อไปคะ หม่อมป้า”
ม.ร.ว. ดารณีนุช เทวพรหม มองตำหนิคุณชายธราธรอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย พุฒิภัทรหันไปมองพี่ชาย เห็นเค้าลางของบรรยากาศที่เริ่มมึนตึงขึ้นเรื่อยๆ
ธราธรเห็นหม่อมย่าเอียดคอแข็ง นึกเคืองดารณีนุชที่ซักถามอย่างเอาเรื่องแบบไม่เกรงใจกันเลย ธราธรรีบตอบให้แทน
“ผมกับชายภัทรกำลังจะไปตามหาชายเล็กกันอยู่ครับ”
“นุชขอไปด้วยค่ะ” ศินีนุชบอก
“พี่ว่าน้องนุชรอฟังข่าวอยู่ทางนี้ดีกว่านะครับ น้องนุชเป็นผู้หญิงคงจะไปสมบุกสมบันลุยป่ากับพวกพี่ๆไม่ไหวแน่” พุฒิภัทรบอก
“นุชไม่กลัวความลำบากค่ะ ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟยังไง เพื่อพี่ชายเล็กแล้ว นุชทนได้ ขอให้นุชไปด้วยเถอะนะคะ นุชเป็นห่วงพี่ชายเล็กเหลือเกินค่ะ”
คุณหญิงดารณีนุชพูดแกมสั่งบอก
“ให้ลูกนุชไปด้วยเถอะ รับรองลูกนุชไม่เป็นภาระหรอก มีคนช่วยหลายๆคน ไม่ดีหรือไง”
“แต่ผมคิดว่า ไม่สะดวกนะครับ คุณป้าหญิง พวกที่ไปมีแต่ผู้ชายทั้งนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องความลำบากอย่างเดียวแต่เป็นเรื่องของความเหมาะสมด้วย” ธราธรแย้งขัด
ย่าอ่อนรีบนำเสนอ
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ชัชวีร์ก็ไปด้วยนี่ หนูนุชมีพี่ชายไปด้วยก็กันข้อครหาได้แล้ว”
หม่อมย่าเอียดปรายตามองน้องสาว จนย่าอ่อนต้องกลับไปทำตัวสงบเสงี่ยมเหมือนเดิม ดารณีนุชรีบรวบรัดตัดความ
“งั้นเป็นอันตกลงนะคะ หม่อมป้า ให้ลูกนุชไปกับพวกพี่ๆด้วย”
“ย่าขอบใจหนูนุชนะ ที่มีน้ำใจอยากไปช่วยตามหาชายเล็ก”
คุณชายธราธรกับพุฒิภัทรมองหม่อมเอียด คิดว่าต้องคัดค้านแน่ๆ
“ถ้าหนูนุชอยากไปด้วยจริงๆ ย่าอนุญาตให้ไป”
ธราธรกับพุฒิภัทรร้อง “หม่อมย่า!” ขึ้นพร้อมกัน
ศินีนุชดีใจกระดี๊กระด๊าปราดเข้าไปกราบที่ตักของหม่อมเอียดทันที
“ขอบพระคุณนะคะ หม่อมย่า”
ย่าอ่อนยิ้มกว้างดีใจเตรียมรับการกราบของศินีนุชเต็มที่ แต่ต้องเก้อไป เมื่อศินีนุชโผเข้าไปกอดแม่อย่างดีใจ โดยไม่ได้ใส่ใจย่าอ่อนแม้แต่น้อย
“คุณแม่ขา หม่อมย่าอนุญาตแล้วค่ะ งั้นนุชขอไปเตรียมตัวก่อนนะคะ ตายแล้ว นุชไม่มีชุดเดินป่าเลย แล้วยังข้าวของเครื่องใช้สำหรับไปแคมปิ้งอีก นุชขอเวลาเตรียมตัววันนึงนะคะ แค่วันเดียวเองค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ยังไงเราก็ต้องตามตัวพี่ชายเล็กเจอแน่ๆ นุชจะเป็นเทพีนำโชคพาให้ทุกคนไปพบพี่ชายเล็กเองค่ะ”
ธราธรกับพุฒิภัทรนิ่งอึ้ง ปวดหัวเป็นที่สุด

ตรงบริเวณทางเข้าหมู่บ้าน มีขอนไม้ท่อนใหญ่ขวางทางอยู่เป็นสัญลักษณ์ จ่อยย่ำเดินมาแล้วกระโดดข้ามขอนไม้ เดินตรงมาเรื่อยๆ จนถึงเชือกเถาวัลย์เส้นบางที่คาดขึงอยู่ระดับแค่ตาตุ่ม รัชชานนท์ร้องบอก
“ระวัง!”
จ่อยหันไปมองตามเสียงแค่แว้บเดียว
“แค่นี้บ่ยั่นดอก”
จ่อยเดินต่อไปอย่างไม่ยี่หระ ข้อเท้าเกี่ยวเข้ากับเชือกเถาวัลย์ที่คาดขึงไว้
ทันใดนั้น กลไกที่วางไว้ก็ทำงาน เชือกเถาวัลย์ดึงไม้ไผ่ปลายแหลมให้พุ่งออกมา และก่อนที่ไม้ไผ่ปลายแหลมจะพุ่งแทงจ่อยที่ยืนตะลึงอยู่
“เฮ้ย!”
รัชชานนท์กระโดดเข้าชาร์ตตัวจ่อยล้มลง, ไม้ไผ่ปลายแหลมปักฉึกที่ต้นไม้แทนที่หัวใจของจ่อย สร้อยเดินมาดึงไม้ไผ่ปลายแหลมออกจากต้นไม้ จ่อยสะบัดตัวลุกขึ้นอย่างเสียเหลี่ยม รัชชานนท์ค่อยๆลุกตามขึ้นมา
“เห็นมั้ยว่า มันได้ผล นี่แค่ไม้ไผ่ลำเดียวนะ คิดดูซิว่า ถ้าใช้ไม้ไผ่ทั้งกอจะเป็นยังไง เชื่อหรือยังว่า ฉันช่วยเธอปกป้องหมู่บ้านของเธอได้”
“เชื่อกะเชื่อ งั้นเจ้ากะเฮ็ดต่อไปให้เสร็จ ข้อยกับไอ้จ่อยสิไปลาดตระเวน ดูว่ามีวี่แววไอ้พวกทหารเวียงบ่” สร้อยบอก
“ฉันไปด้วยสิ วันหลังฉันจะได้มาลาดตระเวนแทนเธอได้ยังไงล่ะ”
“สิไปเฮ็ดหยัง บ่ใช่หน้าที่ของเจ้า” จ่อยบอก
“อยากไป กะไปด้วยกัน”
“เจ้าสิให้เพิ่นไปเฮ็ดหยัง เกะกะเปล่าๆ อยู่หม่องนี้แหละ เฮ็ดงานของเจ้าให้เสร็จ อย่าได้ยุ่งเรื่องผู้อื่น”
สร้อยถลึงตาส่งสัญญาณให้จ่อยหุบปากไปเสีย จ่อยเพิ่งนึกถึงแผนการต่อไปได้ แล้วกลับลำทันทีทันควัน
“เออ..แต่อยากไปกะไป เผื่อเจอไอ้พวกทหารเวียงสิได้ช่วยกัน”

สร้อยกับจ่อยเดินนำรัชชานนท์ออกไป

สร้อยกับจ่อยเดินสำรวจตรวจตราไปตามทาง รัชชานนท์เดินตามหลังมาอย่างระมัดระวัง

“บ่มีรอยเท้า ไอ้พวกทหารเวียงคงยังบ่มาตามพวกพ้องของมัน”
“ข้อยหวังว่ามนต์หมอกของแม่เฒ่าสิคุ้มกันพวกเฮาไปจนกว่าหาที่อยู่ใหม่ได้เด้อ” จ่อยบอก
“ว่าแต่ไอ้มนต์หมอกที่พวกเธอพูดถึงบ่อยๆนี่ มันคืออะไร”
“บอกไปเจ้ากะคงบ่เชื่อ”
“ก็ลองพูดมาสิ”
“เฮาอยู่ที่หมู่บ้านวลาหกนี่มาเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว แต่บ่มีไผเคยได้ยินชื่อหรือเคยเห็นหมู่บ้านเฮาเลย กะเพราะแม่เฒ่าได้เสกมนต์หมอกบังตาบ่ให้ไผได้เห็น”
“มนต์หมอกของแม่เฒ่าศักดิ์สิทธิ์หลายเด้อ” จ่อยสำทับ
“แต่ว่ากันว่า ถ้ามีไผเข้าฮอดหมู่บ้านเฮาได้ ผู้นั้นสิเป็นผู้ที่มาทำลายมนต์หมอก และผู้นั้นกะคือเจ้า !”
สร้อยกับจ่อยมองสบตากันส่งสัญญาณให้กัน ทั้งสองแยกออกจากกันไปข้างทาง รัชชานนท์กำลังฟังเพลินๆ เมื่อเดินต่อไปแล้วก็เหยียบพรวดไปที่หลุมดักสัตว์ เขาหล่นร่วงลงไปในหลุมดักสัตว์ที่ลึกท่วมหัว
“เฮ้ย!”
สร้อยกับจ่อยเดินมาชะโงกมอง แล้วยิ้มอย่างสาแก่ใจ
“ทีนี้เข้าใจแล้วบ่ เจ้าเป็นคนทำลายมนต์หมอกที่คุ้มภัยหมู่บ้านเฮา ข้อยบ่ยอมให้เจ้ากลับไปที่หมู่บ้านเฮาอีก”
สร้อยกับจ่อยเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อนสิ เดี๋ยว เธอจะทิ้งฉันไว้ที่นี่งั้นหรือ ร้อยฟ้า สร้อยฟ้า”
สร้อยโผล่หน้ากลับมาอีกอย่างโมโหที่รัชชานนท์ตั้งชื่อใหม่ให้
“ข้อยบ่ได้ชื่อสร้อยฟ้า ข้อยชื่อสร้อย ตะโกนไปเถอะ บ่มีไผมาช่วยเจ้าดอก”
สร้อยถอยออกไป รัชชานนท์ยืนนิ่งอึ้งอยู่คนเดียวกลางหลุมดักสัตว์ที่ลึกน่ากลัว

แม่น้ำโขงในบรรยากาศเงียบสงบสวยงาม แลเห็นชายป่าเขียวชะอุ่มอยู่ไกลลิบตา ม.ร.ว. รณพีร์ จุฑาเทพ ยืนอยู่ที่บริเวณท่าน้ำริมโขง ทอดสายตามองไกลออกไปยังป่าที่อาจจะเป็นที่ ที่รัชชานนท์หลงอยู่

เขามองนาฬิกาข้อมืออย่างกระวนกระวายใจ รู้สึกสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก
ร.ท. ม.ล.ชัชวีร์ เทวพรหมกับบุญโฮมเดินมาจากทางตลาดกลับมาหารณพีร์ บุญโฮมคุยฟุ้งโขมงมาตลอดทาง
“ที่นี่มีที่เที่ยวเยอะครับ คุณชัชวีร์ ถ้าจะให้ผมแนะนำ เราก็น่าเริ่มต้นด้วยการล่องเรือชมทิวทัศน์อันงดงามของลำน้ำโขง จากนั้นก็ไปกราบสักการะพระธาตุบังพวน ถ้าสนใจผมจะได้ไปว่าเรือไว้ให้ก่อนเลย “
“ก็น่าไปอยู่เหมือนกัน ถ้าหากว่าใช้เวลาไม่นาน” ชัชวีร์บอก
รณพีร์ขัดการพูดคุยขึ้น
“เวลาอย่างนี้นายยังมีใจจะเที่ยวอีกเหรอวะ”
“ตอนนี้เราจะทำอะไรได้อีก นอกจากหาอะไรทำฆ่าเวลาระหว่างรอพี่ชายใหญ่ ที่ฉันให้ลุงบุญโฮมพาเราออกนี่ ก็เพราะอยากให้นายหยุดคิดเรื่องพี่ชายเล็กซักพัก คิดไปก็วุ่นวายใจเปล่าๆ”
“แต่ยังไงฉันก็รออยู่เฉยๆไม่ได้ ฉันบอกไม่ถูกว่ะ แต่ฉันแน่ใจว่า ตอนนี้พี่ชายเล็กกำลังตกอยู่ในอันตราย! ฉันจะไม่รอพี่ชายใหญ่แล้ว”
ชัชวีร์มองรณพีร์อย่างไม่เห็นด้วย แต่ก็รู้ว่าคงห้ามไม่ได้แน่ !!

ขณะเดียวกัน ภายในป่า รัชชานนท์กำลังดิ้นรนหาทางขึ้นจากหลุมดักสัตว์ เขาเดินวนไปเวียนมารอบๆที่ก้นหลุมลึก แม้จะพยายามไต่ปีนขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าแต่แล้วก็ต้องร่วงแป๊กลงไปกองที่พื้นไปทุกครั้ง เขาฮึดฮัดโมโหตัวเองที่ปีนขึ้นไปไม่ได้เสียที
“โธ่เว้ย !”
รัชชานนท์โมโหชกผนังของหลุมจนดินร่วงกราว เสียงนกป่าบินพรึ่บพรั่บอยู่เหนือหัวรัชชานนท์เป็นสัญญาณให้รู้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในป่า เขายืนนิ่งฟังเสียงบรรยากาศที่เริ่มดูน่ากลัว ไม่รู้จะมีอะไรเกิดขึ้น

สร้อยกับจ่อยที่พากันเร่งรีบกลับไปหมู่บ้านวลาหกต้องหยุดชะงัก ทั้งสองมองเหนือแมกไม้ที่มีฝูงนกบินกรูออกจากทางชายป่า
“นี่มันอะหยัง นกกาเถิงได้บินแตกพืงจังซี่”
“บ่มีอะหยังดอก ฟ่าวไปเถอะ แล้วนี่ถ้ามีไผถามถึงบักคุณชาย เจ้าสิตอบว่าจังได๋ล่ะ อีสร้อย”
“สิไปยากอะหยัง ข้อยกะสิตอบว่า ข้อยบ่ฮู้บ่เห็น บักคุณชายนี่หลอกง่ายดีแท้ ดี ปล่อยให้ทรมานอยู่ในป่าซักคืน มื้ออื่นค่อยมาดูเพิ่นใหม่ ถ้ายังดื้อด้านบ่ยอมไปจากหมู่บ้านเฮาดีๆ กะสิโดนหนักกว่านี้ !” สร้อยบอกพลางยิ้มสะใจ
จ่อยเงยหน้ามองนกพิราบสื่อสารบินผ่านข้ามหัวไป
“อีสร้อย นั่นมัน...”
“นกพิราบสื่อสารจากในเมือง ต้องมีเฮื่องอะหยังแน่”

สร้อยรีบรุดเดินไปอย่างรวดเร็ว จ่อยตามไปติดๆร้อนใจไม่แพ้กัน

อ่านต่อตอนที่ 3
กำลังโหลดความคิดเห็น