xs
xsm
sm
md
lg

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 7

นายพลพินิจพากรองแก้วเดินออกมาตรงระเบียงที่มีคนอื่นๆ ยืนคุยกันอยู่บ้าง ไม่ถึงกับลับตาคนจนเกินไป บริกรถือถาดเครื่องดื่มผ่านมา พินิจหยิบคอกเทล มา 2 แก้ว ซึ่งมีฟ้าและสีชมพูอ่อนมาส่งให้กรองแก้วไป 1 แก้ว

“เอ่อ..ท่านคะ..คือ..ข้างนอกนี่..มันมืดไปหน่อยหรือเปล่าคะ” กรองแก้วบอก
“มืดไปหน่อย แต่เงียบดี ข้างในเสียงดนตรีดัง พูดกันไม่รู้เรื่อง ผมจำเป็นต้องคุยกับคุณนะคะ แก้ว”
“แต่ว่า แก้วอยาก อยากไปห้องน้ำ”
“คุณไม่ชอบผมหรือแก้ว บอกมาตรงๆเถอะ ว่าคุณไม่เต็มใจ ที่จะ คบหาดูใจกับผม”
“อะไรนะคะ”
“ผม รักคุณมาก”
“ท่านจะรักแก้วเข้าไปได้ยังไงคะ ก็ ท่านแต่งงานแล้ว”
“แต่งงานก็ส่วนแต่ง ผมไม่ได้จะทอดทิ้งภรรยานี่นา”
“แต่แบบนี้มันผิดศีลธรรมนะคะ”
“อย่ากลัวเลย ว่าสังคมจะมาตำหนิติติงเรา คนรวยและมีอำนาจ ย่อมทำอะไรก็ได้ ไม่น่าเกลียด เงินของผม..จะทำให้ใครๆ ยกย่องเรา แล้วอำนาจอิทธิพล จะปิดปากให้ทุกคนเงียบ ไม่กล้าหือ”
“แต่..ภริยาท่านจะเสียใจนะคะ ผู้หญิงเรา ไม่มีความทุกข์อะไรมากเท่าสามีนอกใจ การทำให้คู่ชีวิตตัวเอง ต้องตกอยู่ในความทุกข์ขนาดนั้น มันจะเป็นบาปนะคะ”
พินิจมองหน้ากรองแก้วอย่างอึ้งๆ

ส่วนพุฒิภัทรไม่เป็นอันเต้น ในที่สุดเขาก็หยุดขาลง
“มารตีคะ..คือ..ขอโทษนะคะ พี่ขอตัวนิด”
มารตีตาถลึง “ทำไมคะ พี่ชายภัทรจะไปไหน”
“เอ่อ พี่อยากดื่มน้ำน่ะค่ะ น้องมารตีอยากได้อะไรคะ พี่จะไปหามาให้ รับเป็นค็อกเทล หรือว่าน้ำผลไม้”
“น้องไม่หิวน้ำอะไรทั้งนั้น น้องอยากเต้น”
“ก็ งั้น น้องนั่งพักรอพี่ประเดี๋ยวนะคะ..พี่จะออกไปดูที่บาร์”
“ไม่ค่ะ น้องไม่ให้พี่ชายภัทรไปไหนทั้งนั้น หม่อมย่าเอียดสั่งแล้วนะคะ ว่าให้พี่ชายดูแลมารตีอย่างดี ถ้าพี่ชายขัดคำสั่ง มารตีก็ไม่รับประกันว่า..”
ระหว่างนั้น พุฒิภัทรแอบส่งสายตามองหาตัวช่วย รณพีร์และรัชชานนท์สะกิดกันให้ดูแล้วรีบเร่เข้าไปหา
“ชายภัทรมีปัญหาอะไรหรือ” รัชชานนท์ถาม
มารตีรีบยื่นหน้ามา “พี่ชายภัทรหิวน้ำ”
“แต่มารตีไม่หิว เขาอยากจะเต้นรำเท่านั้น ไม่ยอมนั่งพัก และจะไม่ให้เราพัก หรือไปหาน้ำมาดื่มด้วย” พุฒิภัทรบอก
“เอ๊ะ คุณมารตีนี่ก็แปลก พี่ชายเขากระหายน้ำ แล้วจะทรมานไม่ให้เขาดื่มได้ยังไง” รณพีร์ว่า
“ก็นี่มันเวลาเต้นรำ ก็ต้องเต้นกันก่อนสิ เพิ่งเต้นได้ไม่กี่เพลงเอง เป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า ขนาดมารตีเป็นผู้หญิง ยังไม่ต้องการจะพักเลย แล้วผู้ชายอกสามศอกอย่างพี่ชายภัทร ทำไมต้องพักด้วย เราทำอะไร ต้องทำด้วยกันสิ”
“คุณมารตีอยากเต้นรำใช่ไหม เหมือนผมเลย ผมนะ อยากเต้นมาก แต่หาคนเต้นด้วยไม่ได้เลย ผมเต้นเก่ง เต้นทน เต้นมาราธอน ไม่เหยาะแหยะ แรงน้อย อ่อนแออย่างชายภัทรเขาหรอก มาครับ เรามาเต้นกัน” รัชชานนท์รีบคว้ามือมารตีมา
“เอ๊ะ..คุณชายรัชชานนท์”
“มาครับ ปล่อยชายภัทรไปที่ชอบๆเถอะ” รัชชานนท์บอก
มารตีจะกลับไปหาพุฒิภัทรแต่รณพีร์ก็ก้าวมาขวาง
มารตีเรียก “พี่ชายภัทรคะ”
“ขอตัวสักครู่นะคะ” พุฒิภัทรรีบเดินไป
รัชชานนท์รีบพามารตีเข้าฟลอร์ เพลงเปลี่ยนเป็นรุมบ้า รัชชานนท์นำเต้นท่ายาก มารตีจะขัดแต่ก็ไม่กล้า ช่างภาพเข้ามาถ่ายภาพ มารตีจำต้องยิ้มใส่กล้องแล้วเต้นโชว์สเต็ปต่อไป

กรองแก้วมองหาทางหนีทีไล่ พอมีคนเดินมากรองแก้วก็ถือโอกาสรีบหนีจากพินิจแล้วเดินไปสมทบกับคนกลุ่มนั้น
“สวัสดีค่ะ” กรองแก้วทัก
คนที่ถูกทักงงๆ ยิ้มๆ
“เป็นยังไง ชอบงานเต้นรำไหมคะ” กรองแก้วถาม
คนนั้นกำลังจะตอบด้วยความตื่นเต้นที่นางสาวศรีสยามมาทัก พินิจรีบตามมา
“หนูกรองแก้วจ๊ะ เรายังคุยกันไม่จบเลย” พินิจมองคนเหล่านั้นด้วยสายตาร้ายกาจ
ทุกคนหลบตาด้วยความเกรง
“เชิญค่ะ ขอตัวนะคะ” หญิงคนหนึ่งกล่าว
คนเหล่านั้นไหว้พินิจแล้วยิ้มให้กรองแก้วแบบแหยๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงไป กรองแก้วหน้าซีดก่อนจะหันไปอีกทางก็เห็นบอดี้การ์ดของพินิจเดินมากั้นไม่ให้คนเดินมารบกวน
“หนูแก้ว..อย่าทำเป็นเด็กๆสิ เราโตๆกันแล้ว ไม่ต้องเล่นตัวให้เสียเวลา แล้วก็อย่ามาทำเป็นอ้อมค้อม ผมพูดตรงๆอยู่แล้ว หนูต้องการอะไร เสนอมาเลย ไม่ต้องไปผ่านพวกนายหน้าพวกนั้น จะเอารถ บ้าน ที่ดิน หรือแหวนเพชร..มันไม่ใช่เรื่องยากเลย”

กรองแก้วผงะ เธอมองอย่างไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนกล้าพูดจาเช่นนี้

พุฒิภัทรเดินเครียดมาตามระเบียง พลางมองหากรองแก้ว แต่ก็ไม่เห็นกรองแก้วหรือพินิจอยู่แถวนั้น พุฒิภัทรหน้าซีดในขณะที่เดินหาต่อไป

พุฒิภัทรเดินผ่านระเบียงลงมาในสวนจนได้ยินเสียงกรองแก้ว
“แก้วคิดว่าท่านคงเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ แก้วไม่ได้คิดจะก้าวหน้า หรือเลื่อนฐานะ ด้วยวิธีนี้”
เสียงพินิจดังตามมา “โอ๋ๆๆ หนูแก้ว ผมขอโทษๆๆ ผมพูดผิดไป”
พุฒิภัทรระวังตัวมากขึ้น เขาค่อยๆโผล่หน้าไปดูหลังแนวรั้วต้นไม้เขียวที่ตัดแต่งเป็นขอบเหลี่ยมๆ เหมือนเขาวงกต กรองแก้วกำลังเดินหนี พินิจเดินตามติด
กรองแก้วหันมา “แก้วไม่ได้มีอาชีพขายตัวค่ะ ถึงแก้วจน แก้วก็ขอใช้แรงกาย แรงสมองและความสามารถ เพื่อแลกกับค่าตอบแทนเพื่อยังชีพ ถึงแก้วจะเรียนมาไม่มาก แต่แก้วก็ภูมิใจในสติปัญญาของตัวเอง”
พินิจสลด “ก็ผมขอโทษหนูแก้วแล้วไง ผมขอถอนคำพูด โอเคๆๆ เราจะไม่พูดเรื่องเงินทอง สิ่งของ แต่เรามาพูดกันเรื่องหัวใจก็ได้”
พุฒิภัทรผงะ เขาตัดสินใจว่าจะเข้าไปจังหวะไหนดี
“แก้ว..แก้วไม่อยากพูดเรื่องอะไรทั้งนั้น เราหายกันออกมานานแล้ว เราควรกลับเข้าข้างใน”
พินิจดึงแขนกรองแก้วไว้ “อย่าเพิ่งสิครับ หนูแก้ว โอเค ผมจะไม่พูดจาแบบนั้นอีกแล้ว หนูแก้ว หนูคือเทพธิดาที่สวรรค์ส่งมาเพื่อสั่งสอนคนโฉดเขลาอย่างผมแท้ๆ ผมสำนึกแล้ว..โอ..ไม่น่าเชื่อเลย ว่าผมจะได้มาพบรักแท้เอาตอนแก่ เพราะหนูคนเดียว..แม่เทพธิดาแห่งความงาม ความรัก”
กรองแก้วพยายามจะบิดมือออก
พุฒิภัทรตัดสินใจก้าวขาผ่านกอไม้นั้นเข้าไปจังหวะเดียวกับที่สุนันท์กับกนกลักษณ์ตามยศวินที่เดินย่องๆนำมาพอดี
“นั่นครับ ท่านอยู่นั่น ใครถึงก่อน ฟ้องก่อนเลยครับ อย่ามัวทะเลาะกันตามลำพัง ปล่อยให้ท่านไปหาหญิงคนใหม่ตามสบายไม่ได้นะครับ” ยศวินบอกสองสาว
สองสาวรีบวิ่งร้องกรี๊ดๆ เข้าใส่พินิจ
“ท่านขา ท่านต้องตัดสินให้สุนันท์นะคะ”
“นังบ้า มันเที่ยวไปบอกคนในงานว่าเป็นอนุของท่านค่ะ พอหนูเตือนมัน ว่าปากเสีย เที่ยวโพนทะนาอวดเบ่ง มันก็มาผลักหนูเกือบล้มกลางงานเลยค่ะท่าน”
กรองแก้วได้จังหวะที่พินิจมัวแต่ตะลึงรีบสะบัดมือแล้ววิ่งออกไป ยศวินแอบดูด้วยความสะใจ
กรองแก้ววิ่งพ้นแนวต้นไม้มาเจอพุฒิภัทรพอดี ต่างคนต่างตะลึง พุฒิภัทรรีบดึงมือกรองแก้วแล้วพาวิ่งหนีไป พินิจจะตาม
สุนันท์พูดเสียงดัง “ท่านคะ ท่านต้องฟังเรื่องจริงจากปากสุนันท์ก่อนค่ะ นังกนกลักษณ์มันกำลังจะมีชู้ค่ะ ท่านรับทราบไว้ด้วย มันแอบไปคุยแล้วให้เบอร์โทรศัพท์ที่บ้านกับนายห้างชาวฝรั่งด้วยค่ะ”
พินิจชะงักแล้วตาลุก
กนกลักษณ์รีบแก้ “อ๊าย..นังสุนันท์มันใส่ร้ายหนูค่ะท่าน ไม่จริ๊งไม่จริงค่ะท่าน”

พุฒิภัทรพากรองแก้วเดินขึ้นมาที่ระเบียง
พุฒิภัทรเสียงดุ “ออกไปข้างนอกกับท่านทำไม เผลอเป็นไม่ได้ ชอบทำอะไรที่ทำให้ตัวเองต้องเสี่ยงอยู่เรื่อย”
“คุณชายน่ะเหรอคะ..เผลอ เผลอหรือเพลิน..กันแน่” กรองแก้วว่า
“เพลินอะไร..ชั้นก็เอาแต่เป็นห่วงเธอ”
กรองแก้วหัวเราะ “อ้าว เหรอคะ แก้วนึกว่า..คุณชายกับ..คุณมารตี..เต้นรำกันสนุก”
“ใครสนุก หา..ใครสนุก เธอสิ ที่เต้นกับคนนั้นคนนี้อย่างคล่องปรื๋อ..เพราะใครสอนให้ล่ะ สุดท้าย ก็ไปเต้นกับคนอื่น”
กรองแก้วมองอย่างน้อยใจ “แก้วไม่ได้อยากเต้นกับคนอื่น”
“หึ แน่ล่ะสิ เธอเต้นเก่งแล้วนี่ ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยครูคนนี้แล้ว”
“ไม่จริง”
ทั้งสองคนสบตากัน กรองแก้วเสียใจ พุฒิภัทรอึ้งนิดๆ ที่ตัวเองทำร้ายจิตใจกรองแก้วไปโดยไม่รู้ตัว

พุฒิภัทรพากรองแก้วกลับมาในงาน พอดีเพลงที่กำลังดังขึ้นเป็นเพลงฝากรักจังหวะบีกิน ทุกคนในห้องใหญ่มองมาที่ทั้งสองเป็นตาเดียว
“ถ้าอย่างนั้น..เพลงนี้ เธอต้องเต้นกับครูแล้วล่ะ” พุฒิภัทรก้มหัวให้แล้วยื่นมือมาให้
กรองแก้วย่อตัวตอบ แล้วสบตาด้วยแววตาตัดพ้อนิดๆ ก่อนจะวางมือตัวเองในมือพุฒิภัทร ทั้งสองเต้นไปด้วยกันอย่างสวยงาม รณพีร์ปรบมือกราว
คุณหญิงดารากับท่านเกริกมอง ใบบัวผงะ มารตีที่เต้นกับรัชชานนท์ตาลุก เธอสะบัดจะไป แต่รณพีร์รีบมาขวาง
“คุณมารตี ให้เกียรติผมบ้างสิครับ” รณพีร์โค้งให้
คนข้างๆหันมามองกัน มารตีเชิดแล้วจำยอมต้องเต้นกับรณพีร์
พุฒิภัทรพากรองแก้วเต้นไปรอบๆห้อง
ทุกคนขยายวงแล้วต่างพากันยืนดูด้วยความชื่นชมที่ทั้งสองดูดีและเต้นกันได้อย่างสวยงามน่าดู ยศวินเดินเข้ามาเห็นภาพนั้นก็อึ้งไป
พุฒิภัทรกำลังเต้นกับกรองแก้วอย่างพลิ้วสวย และทั้งสองต่างมองหน้ากันอย่างดื่มด่ำ กรองแก้วมองพุฒิภัทรอย่างอ่อนหวาน

พุฒิภัทรเคลิ้มเหมือนโลกทั้งใบมีอยู่แค่เขาและเธอ...สองคน

ฝ่ายมารตีที่เต้นอยู่กับรณพีร์เหลียวหลังมองจนตาแทบลุก รัชชานนท์มองอย่างปลื้มปีติพลอยมีความสุขไปด้วย พินิจเดินทะเล่อทะล่ากลับเข้ามาโดยมีสุนันท์กับกนกลักษณ์เดินตามติด

“ท่านคะ..ท่าน..ฟังก่อนสิคะ”
“ถ้าท่านเลือกนังสุนันท์ หนูก็จะเป็นฝ่ายไป”
“เอ๊ะ ค่อยไปคุยกันที่บ้านได้ไหม..อย่ามาทำให้ชั้นเสีบบุคคลิกต่อหน้าวงสังคมสิ” พินิจดุ
พินิจมองไปบนฟลอร์แล้วก็อึ้งเมื่อเห็นพุฒิภัทรกับกรองแก้วเต้นด้วยกันอย่างมีความสุข ทั้งโดดเด่น และดูเหมาะสม พินิจหน้าถอดสีและยืนทื่อเป็นรูปปั้น ใบบัวมองมาเห็นก็รีบเข้ามาหา
“ท่านคะ”
พินิจซึมเศร้า “ชั้นอยากตาย”
“อย่าค่ะ อย่าเพิ่งอยากตาย อิฉันมีอะไรจะบอก” ใบบัวรีบยื่นหน้าเข้ามากระซิบแผน
พินิจตาโตแล้วมองไปทางพุฒิภัทรกับกรองแก้วด้วยแววตาสะใจ

กรองแก้วกับพุฒิพัฒน์เต้นจังหวะใหม่ในเพลงต่อไป คนในฟลอร์เริ่มเข้ามาเต้นกันมากขึ้น มารตีถูกรุมด้วยรัชชานนท์กับรณพีร์ที่ส่งต่อผลัดกันเรื่อยๆ ใบบัวรอข้างเวทีจนเพลงจบลงแล้วเธอก็รีบปรี่ขึ้นเวที ไปยึดไมโครโฟนทันที
“เป็นยังไง ทุกท่านขา..เต้นกันสนุกมากเลยนะคะ ตอนนี้คงเหนื่อยกันแย่แล้ว ดังนั้น ขอเชิญทุกท่านรับประทานของว่าง และดื่มเครื่องดื่มกันก่อนนะคะ เชิญวงดนตรีพักผ่อนด้วย แล้วเราจะเปิดเพลงจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงให้ฟังไปพลางๆก่อนนะคะ”
กรองแก้ว พุฒิพัฒน์ รวมทั้งทุกคนที่เต้นบนฟลอร์พากันปรบมือให้แล้วเดินออกไป พวกนักดนตรีวางเครื่องดนตรีเพื่อไปพัก พุฒิภัทรพากรองแก้วเดินออกมา
“เธอหิวไหม เราไปหาอะไร..”
พุฒิภัทรยังพูดไม่จบ มารตีก็สลัด2พี่น้องออกแล้วรีบปรี่มา
ไพี่ชายคะ มารตีหิวค่ะ พามารตีไปรับอะไรเบาๆหน่อยได้ไหมคะ” มารตีรีบคล้องแขนพุฒิภัทรอย่างจับจอง
รัชชานนท์กับรณพีร์รีบตามมา
“คุณชายรัชชานนท์ คุณชายรณพีร์..กรุณาอย่าหวังดีให้มากกว่านี้..ไม่งั้น มารตีจะฟ้องหม่อมย่า” มารตีขู่
คนรับใช้ท่านชายเกริกเดินเข้ามา
“คุณกรองแก้วครับ ท่านเกริกทรงเชิญไปพบหน่อยครับ” คนรับใช้พยักหน้าไปยังทิศตรงข้าม
กรองแก้วมองไปเห็นท่านเกริกยืนคุยกับคุณหญิงดาราอยู่
“ผมพาคุณไปเองครับ ผม รณพีร์..น้องชายพี่ชายภัทรครับ”
“ผม รัชชานนท์ พี่ของชายพีร์อีกทีครับ”
รัชชานนท์กับรณพีร์พูดพร้อมกัน “ยินดีที่รู้จักครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักคุณชายค่ะ แต่ ไม่เป็นไรนะคะ แก้วไปเองได้ ตามสบายเถอะค่ะ”
กรองแก้วรีบเดินไป
ท่านชายเกริกหันมาโดยยังคุยติดพันอยู่กับคุณหญิงดารา แต่ท่านชายเกริกก็ยิ้มให้กรองแก้ว กรองแก้วยิ้มตอบแล้วรีบเดินไปหา สุนันท์กับกนกลักษณ์เดินทะเลาะกันมาขวาง
“อย่านึกว่าเป็นนางงาม มีตำแหน่ง แล้วหล่อนจะมาเหนือกว่าชั้นนะ” สุนันท์ว่า
กรองแก้วเห็นสุนันท์ก็รีบหลบ
สุนันท์เดินผ่านไป กรองแก้วมองไปอีกทีก็ไม่เห็นท่านเกริกกับคุณหญิงดาราแล้ว กรองแก้วมองหารอบๆ พอมองผ่านประตูไปเธอก็ยิ้มที่เห็นท่านเกริกเดินอยู่อีกห้องพลางคุยกับคุณหญิงดาราไปด้วย กรองแก้วเดินเลี้ยวออกไปตามทางนั้น

กรองแก้วเดินตามออกมาทางนั้นโดยหวังจะไปพบท่านเกริก แต่ทันทีที่กรองแก้วเดินผ่านประตูออกมา ใบบัวก็ย่องตามมา ผู้คนเดินผ่านไป ใบบัวรอจังหวะ พอคนคล้อยหลัง ใบบัวกับคนของเธอ และคนของพินิจก็เข้ามารุมล้อมรอบตัวกรองแก้วเพื่อบังไว้ กรองแก้วหันมาแล้วก็งง ใบบัวกระโดดเอาผ้าชุบยาสลบโปะหน้ากรองแก้วทันที
กรองแก้วดิ้นแล้วก็ร่วง พวกของใบบัวกับพินิจช่วยกันบังก่อนจะเอาผ้าห่มคลุมร่าง แล้วหามกรองแก้วออกไป
โดยไม่รู้ว่ารองเท้าของกรองแก้วหลุดร่วงหล่นตรงข้างประตูบริเวณนั้นหนึ่งข้าง

ครู่ต่อมาลูกน้องพินิจรีบเปิดที่นั่งตอนหลังของรถคันนั้นซึ่งจอดอยู่ในเงามืด คนของพินิจและของใบบัวรีบช่วยกันแบกกรองแก้วที่ห่มผ้าคลุมโปงมาวางบนรถ ใบบัวยืนดูต้นทางจนเรียบร้อย

คนขับรถขับออกไปโดยมีคนของใบบัวนั่งไปด้วยหนึ่งคน

มารตีกำลังชนแก้วอยู่กับสามหนุ่ม แต่พุฒิภัทรไม่มีใจจะดื่ม เขาชะเง้อหากรองแก้วตลอดเวลา พุฒิภัทรเห็นพินิจกับใบบัวซุบซิบกันแล้วก็หัวเราะด้วยหน้าตามีความสุขแปลกๆ

พุฒิภัทรมองอาการของพินิจด้วยความสงสัย พินิจหันมาเห็นพุฒิภัทรพอดีก็ยกแก้วให้แล้วทำท่าชวนดื่ม พุฒิภัทรก้มหัวให้เล็กน้อย คุณหญิงดาราเดินมา พินิจรีบเข้าไปควงแล้วพูดคุยจี๋จ๋า
“พี่ชายภัทร..มารตีอยากได้ขนมเค้กแบบนั้นบ้างอ่าค่ะ” มารตีพูด
แต่พุฒิภัทรไม่ได้ยิน
มารตีเข้ามาจับแขนเขย่า “พี่ชายคะ..มารตีจะเอาขนมเค้กแบบนั้น”
“หา..เหรอ ได้ๆๆ รอเดี๋ยวนะ”
พุฒิภัทรมองไปเห็นรัชชนนท์กับรณพีร์กำลังชี้ชวนดูสาวสวยที่เดินผ่านไป พุฒิภัทรไม่รบกวนใคร เขาตัดสินใจเดินไปเอง ยศวินเดินหน้าตื่นๆมา
“อาจารย์..เห็นคุณแก้วไหมครับ” ยศวินถาม
“อ้าว..ผมก็ว่าจะถามคุณ” พุฒิภัทรบอก
“คุณแก้วเต้นรำกับคุณชายเมื่อกี๊ไม่ใช่เหรอครับ”
“ใช่..แล้วเค้าไปหาท่านเกริก”
“ท่านเกริก” ยศวินมองหารอบๆ แล้วชี้ไป “นั่น ท่านเกริกอยู่นั่น ไม่เห็นมีคุณแก้วนี่ครับ”
พุฒิภัทรหันไปเห็นท่านเกริกยืนคุยกับคนอื่นๆ2-3คน
ยศวินกับพุฒิภัทรหันมาสบตากันแล้วก็อึ้ง
“ครั้งสุดท้าย..ผมเห็นเค้าเดินไปทางนั้น” พุฒิภัทรบอก
พุฒิภัทรรีบก้าวยาวๆไปที่ประตูนั้น ยศวินเดินตาม

กรองแก้วนอนแน่นิ่งบนเบาะรถ ร่างของเธอสะเทือนไปตามแรงสะเทือนของรถ จนผ้าโปงที่คลุมเลื่อนออกทำให้ว่าเธอยังหลับพริ้ม คนของใบบัวนั่งไปตามปกติ ส่วนคนรถขับขับไปร้องเพลงไป
“เห็นเพียง แว้บเดียว..ให้ซ่านเสียว..วิญญา ได้ชม โฉมหน้า ดังหยาดฟ้า มาดิน”
คนของใบบัวร้องไปด้วย “โสภา ท่าทาง ดูช่างสำอาง งามสิ้น คำ ที่ยิน ยังน้อย”
ทันใดนั้นรถก็เบรกกะทันหัน คนของใบบัวหัวทิ่มจนร้องเพลงขาดห้วง ร่างแก้วแทบหล่นลงพื้น
ที่หน้ารถ มีรถขับมาปาดหน้าแล้วจอดขวาง รถคันนั้นคือรถของอิงอร ที่อิงอรและไกรฤกษ์โพกผ้าเป็นไอ้โม่งวิ่งลงมา คนขับรถพินิจขยับจะหยิบปืนในลิ้นชักหน้ารถแต่ไกรฤกษ์ถือปืนปลอมวิ่งมาจี้ข้างคนขับรถ
“หยุด! ยกมือขึ้น ไม่งั้นกบาลแกระเบิดแน่ๆ” ไกรฤกษ์ขู่
คนของใบบัวกลัวจนตัวสั่นจึงพนมมือแต้
“อย่าทำอะไรนะ อย่าทำอะไรช้าน จะเอาอะไรก็เอาไปให้หมดเลย”
อิงอรรีบมากระชากประตูเปิดทำให้เห็นกรองแก้วที่นอนโดยมีผ้าคลุมครึ่งตัว อิงอรกับไกรฤกษ์สบตากันด้วยความดีใจ

พุฒิภัทรกับยศวินเดินออกมายืนมองหากรองแก้ว ทั้งสองหันไปคนละทาง แล้วพุฒิภัทรก็สะดุดกับอะไรบางอย่าง เขาก้มลงดูแล้วตาก็เบิกกว้างเมื่อเห็นว่าสิ่งนั้นรองเท้าของกรองแก้วที่หล่นอยู่ข้างนึง พุฒิภัทรก้มเก็บขึ้นมา ยศวินเข้ามาดูด้วย ทั้งสองมองหน้ากันแล้วก็หน้ซีด

ที่วิมานสีชมพู พินิจที่ยังใส่ชุดไปงาน ได้ยินเรื่องจากใบบัวแล้วก็ฉุน
“ว่าไงนะ”
ใบบัวนั่งพับเพียบพนมมือแต้และมีใบหน้าซีดอยู่กับพื้น
“คือ คือว่า มีใครก็ไม่ทราบ” ใบบัวอ้อมแอ้ม
“ไม่ทราบอะไร!” พิินิจตะคอก
ใบบัวกลัวจนตัวสั่นจึงก้มลงกราบทันที “ให้อภัยดิฉันด้วยเถอะค่ะ”
“คุณใบบัวทำงานพลาด เอาตัวแม่กรองแก้วมาให้ท่านไม่ได้..อีกแล้วเหรอคะ ท่านต้องเก้อแล้วเก้ออีก รู้ถึงไหนอายถึงนั่น” สุนันท์ว่า
พินิจตะคอก “หยุดพล่ามได้แล้ว!”
“ดิฉันอธิบายได้นะคะท่าน มันมีใครก็ไม่ทราบมาปล้นแม่แก้วไปจากดิฉัน” ใบบัวบอก
“ชั้นเข้าใจ มันไม่ใช่ความผิดของแก..ถึงเวลาที่แกต้องไป“พัก”ได้แล้ว” พินิจบอก ใบบัวอึ้งเพราะรู้ถึงคำสั่งนี้ดี พินิจหันไปสั่งสมุน “พามันไปพัก!”
สมุนของพินิจเดินเข้ามาเพื่อจะเอาใบบัวไปจัดการ
ใบบัวสยอง “ให้โอกาสดิฉันอีกครั้งนะคะท่าน นะคะ”
ใบบัวรีบคลานเข้าไปเกาะเท้าพินิจ
“ออกไป!” พินิจไล่
พวกสมุนเข้ามาหิ้วปีกใบบัวที่พยายามดิ้นรนไม่ยอมไป
พินิจแค้น “ใคร..ใครมันกล้ามาขโมยตัวผู้หญิงของชั้นไปได้”
“ท่านขา” สุนันท์เข้ามาประจบและบีบนวด “อย่าเพิ่งเครียดสิคะ..เพราะไม่แน่อาจจะมีปาฏิหาริย์อะไรเกิดขึ้นก็ได้”
พินิจกำลังหงุดหงิด “ไปไกลๆเท้าชั้นไป”
สุนันท์ยอมถอยออกโดยแอบเบ้ปากลับหลัง
พินิจสั่งสมุน

“พวกแก ไปสืบมาให้ได้ว่าไอ้หน้าไหนมันกล้ามาเอาตัวหนูแก้วของชั้นไป..ไปๆ”

อ่านต่อหน้า 2

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 7 (ต่อ)

ด้านไกรฤกษ์ขับรถมาตามทางและเลี้ยวเข้าซอยไปบ้านพินิจที่ทั้งมืดและเปลี่ยว ไกรฤกษ์เหลือบมองไปที่เบาะด้านหลังตลอด เพราะกรองแก้วที่นอนไม่ได้สติอยู่ในชุดราตรีสวยเด่นมาก อิงอรนั่งประกบคอยดูแล

อิงอรพะวงแต่เรื่องไปให้ถึงบ้านพินิจ
“ฮ่าๆๆ นังใบบัว มันไม่รู้ว่ามันเล่นกับใคร คอยดู เดี๋ยวแม่จะใส่ไฟซะให้ไม่ได้ผุดได้เกิดเลย”
ไกรฤกษ์ยังคงมองแต่กรองแก้วโดยเกิดความรู้สึกเสียดายที่จะส่งไปให้พินิจ
“คราวนี้พวกเราจะรวย” อิงอรเสยผมที่ปรกหน้ากรองแก้วขึ้น “ยิ่งท่านต้องการนังแก้วมากขนาดนี้ รับรองเราสบายแน่ๆ” อิงอรเห็นรอยเลอะที่ต้นคอกรองแก้ว “อุ๊ย เลอะอะไร” อิงอรรีบเอาผ้ามาเช็ด “ไม่ได้ๆ จะมีตำหนิก่อนถึงมือท่านไม่ได้”
อยู่ๆ ไกรฤกษ์ก็จอดรถ
อิงอรแปลกใจ “จอดทำไม..นี่แหละ ซอยบ้านท่าน..ถูกแล้ว ไปต่อสิ”
ไกรฤกษ์ลงจากรถมาเปิดประตูให้อิงอร
“แม่..แม่ลงไปจากรถก่อน”
“อะไร แกจะทำอะไร” อิงอรถาม
“ฉันขอเวลาส่วนตัวกับนังแก้วสิบนาที”
“ไอ้ลูกเวร มาหื่นอะไรตอนนี้ ขับรถไป!”
“ไอ้แก่หน้ามืดมันไม่รู้หรอกน่า ครั้งที่แล้วที่ชั้นเจิมเด็กก่อนที่แม่จะส่งให้มัน มันเคยรู้มั้ย รับรองครั้งนี้ฉันจะถนอมเป็นพิเศษ”
“ถ้าแกอยากมาก ก็รีบเอานังแก้วไปส่งให้ท่าน แกจะได้มีเงินไปซื้อผู้หญิงตามที่แกต้องการ”
“แม่จะไม่ลงใช่มั้ย..ได้ งั้นฉันลากนังแก้วเข้าข้างทางก็ได้”
ไกรฤกษ์อ้อมไปเปิดประตูอีกด้านแล้วกระชากกรองแก้วจะเอาลงมา
“แกอย่าทำอะไรบ้าๆนะ ไอ้ไกร”
ไกรฤกษ์อุ้มตัวกรองแก้วออกมาได้แล้วกำลังจะประคองเอาเข้าป่าข้างทาง อิงอรโวยวายและพยายามห้าม แต่ไกรฤกษ์ผลักด้วยแขนข้างเดียวจนอิงอรล้มลงไปก้นจ้ำเบ้า
กรองแก้วเริ่มได้สติแต่ก็ยังมึนหัวเพราะฤทธิ์ยา
“คุณ..”
“ตื่นแล้วเหรอจ้ะ ดี จะได้สนุกๆ” ไกรฤกษ์บอก
ไกรฤกษ์อุ้มกรองแก้วเข้าไปในป่าข้างทางจนเจอที่เหมาะๆ เขาก็วางกรองแก้วลง
“สวยๆสดๆอย่างนี้ ยอมให้ไอ้แก่นั่นประเดิมก็โคตรโง่”
ไกรฤกษ์กำลังจะลวนลามกรองแก้ว
“จะทำอะไร อย่านะ” กรองแก้วร้องลั่น
อยู่ๆ ก็มีมือมากระชากไกรฤกษ์จากด้านหลังแล้วเหวี่ยงออกไป ไกรฤกษ์กระเด็นไป เขาตั้งหลัก และมองคนพวกนั้นก็พบว่าเป็นชายสวมไอ้โม่ง 3 คน ซึ่งก็คือรัชชานนท์ รณพีร์ และพุฒิภัทรที่สวมแว่นตาด้วย
“พวกแกเป็นใคร” ไกรฤกษ์ถาม
“ไม่ต้องรู้ว่าเราคือใคร รู้แค่ว่า ผู้หญิงคนนี้ เป็นของเราแล้ว ฮ่าๆ” รัชชานนท์หัวเราะ
“ส่วนแก ถ้าไม่อยากตาย ก็ไสหัวไป” รณพีร์ขู่
“ทำไมต้องทำตัวยังกับเป็นโจรด้วย” พุฒิภัทรถาม
รัชชานนท์กับรณพีร์รีบทำเสียงให้พุฒิภัทรเงียบ “ชู่ว์”
รัชชานนท์กับรณพีร์เซ็งที่พุฒิภัทรไม่มีมุขอะไรบ้างเลย
“ไปๆๆไปดูสาวน้อยไป ทางนี้เราจัดการเอง” รณพีร์บอก
พุฒิภัทรแยกไปดูกรองแก้ว
กรองแก้วไม่รู้ว่าเป็นพุฒิภัทรจึงพยายามคลานหนี “อย่าเข้ามานะ”
“ไม่ต้องกลัวชั้น” พุฒิภัทรบอก
“เฮ้ย แกจะทำอะไรเด็กของชั้น”
ไกรฤกษ์จะเข้าไปห้ามแต่รัชชานนท์มาขวาง ไกรฤกษ์จะชก แต่รัชชานนท์จัดการไกรฤกษ์จนไกรฤกษ์กระเด็นไปแล้วคว้าท่อนไม้ขึ้นมา
“เล่นอาวุธเหรอ งั้นคงต้องให้” รัชชานนท์ตบบ่ารณพีร์
“อะไรดีๆยกให้กันตลอด”
ไกรฤกษ์เงื้อไม้เข้ามาสู้ รณพีร์ที่ถูกฝึกแบบทหารมาจับพลิกแล้วบิดจนไกรฤกษ์ร้องลั่น ไกรฤกษ์ถูกเตะที่ข้อพับจนสิ้นท่าไปอย่างไม่ยาก
“อ๊าก!” ไกรฤกษ์หมอบ
พุฒิภัทรที่จับกรองแก้วได้แล้วรีบประคองกรองแก้วขึ้นมา
“ไปได้แล้ว”
กรองแก้วยังดิ้นอยู่ “พวกคุณเป็นใคร ปล่อยชั้นนะ ปล่อย”
พุฒิภัทรปิดปากกรองแก้วแล้วอุ้มตัวออกไป โดยมีน้องๆ คุ้มกันหลังให้
อิงอรเดินเขยกตามมา
“ไอ้ไกร นั่น พวกแกจะไปไหน หยุด เอานังแก้วคืนมา!”
พุฒิภัทรหันกลับมาสบตากับอิงอรชั่วแว่บหนึ่ง อิงอรเอะใจที่ไอ้โม่งคนนี้สวมแว่นตาและรู้สึกคุ้นกับแววตาคู่นั้น

แล้วพวกพุฒิภัทรก็พากรองแก้วหนีไปได้

พุฒิภัทรอุ้มแก้วมาที่รถซึ่งจอดอยู่ใต้ต้นไม้ รัชชานนท์กับรณพีร์ตามมาติดๆ

“เอ้า รีบพาไปขึ้นรถเร็วๆ” รัชชานนท์บอก
กรองแก้วมีสติมากขึ้นจึงฮึดแรงทั้งหมดที่มีผลักพุฒิภัทรออกแล้วผวาจะหนี แต่พุฒิภัทรรีบรวบตัวกรองแก้วเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนแก้ว ชั้นเอง”
กรองแก้วชะงักด้วยความแปลกใจ พุฒิภัทรถอดไอ้โม่งออกเผยให้เห็นใบหน้า
“คุณชาย”
กรองแก้วหันไปมองรัชชานนท์กับรณพีร์ก็ถอดไอ้โม่งออกเหมือนกัน
“คนพวกนั้นจะจับตัวแก้วไปให้ท่านพินิจ พวกชั้นมาช่วยเธอนะแก้ว” พุฒิภัทรบอก
“คุณชายทั้งสามท่านมาช่วยแก้ว”
พุฒิภัทรพูดอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไรแล้วนะแก้ว”
“พี่ชายภัทร..ผมว่าเวลานี้พี่ชายรีบพาคุณกรองแก้วหนีไปก่อนดีกว่าครับ เราเล่นชิงตัวคุณกรองแก้วมาอย่างอุกอาจแบบนี้ ท่านพินิจต้องไม่อยู่นิ่งๆแน่” รณพีร์เสนอ
“ผมเห็นด้วย อาศัยจังหวะนี้ที่ข่าวยังไปไม่ถึงหู” รัชชานนท์ส่งกุญแจรถให้ “พาคุณกรองแก้วไปซ่อนตัวที่อื่นก่อนเถอะครับ เพื่อความปลอดภัยของคุณกรองแก้ว”
“แก้ว..แก้วจะไปกับชั้นมั้ย”พุฒิภัทรหยิบรองเท้าอีกข้างของกรองแก้วขึ้นมาจากพื้นรถ “ชั้นเจอรองเท้าเธอ ตกที่วังท่านชายเกริก..ถึงรู้ว่าเธอกำลังมีอันตราย..แล้วก็ตามมาที่นี่..ซอยบ้านท่านพินิจ..เราควรรีบไปจากที่นี่ เข้าใจไหม”
กรองแก้วอึ้ง เธอมองรองเท้าข้างนั้น แล้วดูที่เท้าตัวเองที่ข้างนึงเปลือยเปล่า พุฒิภัทรจับเท้ากรองแก้วมาแล้วสวมรองเท้าอีกข้างหนึ่งให้โดยก้มหน้าก้มตาเหมือนไม่คิดอะไร
กรองแก้วอึ้ง รัชชานนท์กับรณพีร์สบตากันเพราะทึ่งในตัวพี่ชาย

อิงอรกำลังไล่ตีไกรฤกษ์ไม่ยั้ง
“เพราะแกๆๆๆ ไอ้โง่ ไอ้มักมาก ไม่รู้จักพอ”
ไกรฤกษ์ได้แต่ป้องกันตัวเองโดยไม่ตอบโต้
“โอ๊ย พอได้แล้วแม่ ชั้นเจ็บ”
“เจ็บแค่นี้ยังน้อยไป แกต้องเจ็บกว่านี้อีก” อิงอรตีจนเหนื่อยเอง “คราวนี้ชั้นตายแน่ ท่านฆ่าชั้นแน่ๆไอ้ลูกเวร”
“อย่าเพิ่งตีโพยตีพายสิแม่ ช่วยชั้นคิดก่อนว่าไอ้พวกนั้นคือใคร”
“แกกล้าพูดอีกเหรอ ถ้าแกมีความคิด แค่สักนิดเดียว มันจะเกิดเรื่องยังงี้มั้ย”
“ไอ้โม่งพวกนั้น มันต้องไม่ใช่โจรกระจอกๆ เพราะท่าทางพวกมันเหมือนฝึกทหารกันมาอย่างดี”
“ฝึกทหารเหรอ”
อิงอรคิดถึงตอนที่เห็นสายตาซึ่งผ่านแว่นตาของพุฒิภัทรในคราบโม่ง
“สายตาไอ้คนนั้น คนที่ใส่แว่นตา แม่ว่ามันคุ้นๆ” อิงอรบอก
“ใช่ ผมก็คุ้นๆแว่นตาอันนั้น แล้วโจรอะไร ใส่เสื้อนอกหรูเชียว”

รถของพุฒิภัทรแล่นฝ่าความมืดมาตามถนน กรองแก้วที่นั่งอยู่พยายามมองเส้นทางว่าถึงไหนแล้ว พุฒิภัทรที่ขับรถอยู่คอยแอบมองท่าทางของกรองแก้วเป็นระยะๆ
“แก้วทำให้คุณชายลำบากอีกแล้ว”
“ใครว่า เธอช่วยชั้นต่างหาก รู้มั้ยว่าตั้งแต่ชั้นมาเป็นหมอ ชั้นยังไม่เคยลาพักร้อนเลยสักครั้ง ถ้าไม่มีเธอ อะไรก็ฉุดชั้นออกจากห้องผ่าตัดไม่ได้” พุฒิภัทรบอก
พุฒิภัทรยิ้มให้
กรองแก้วเฉไฉ “เอ่อ ทางมืดจังเลยนะคะ”
“กลัวเหรอแก้ว”
“กลัวค่ะ”
“กลัวทางมืด หรือว่ากลัวชั้น”
กรองแก้วหันมาจ้องพุฒิภัทรเพราะรู้ว่าพุฒิภัทรแกล้งเลยเอาคืน “ค่ะ แก้วกลัวคุณชาย..กลัวว่าคุณชายจะทิ้งแก้วไว้กลางทางตรงนี้ แก้วตายแน่ๆค่ะ”
กรองแก้วกับพุฒิภัทรยิ้มให้กัน
“มองทางด้วยค่ะ!”
พุฒิภัทรตกใจรีบมองทางทำให้รถเป๋ไปเล็กน้อย แต่พุฒิภัทรก็ประคองรถกลับมาได้

ทั้งสองคนหัวเราะให้กันในท่าทีผ่อนคลาย

เสียงคลื่นซัดฝั่งที่ชายหาดหัวหินดังมาเป็นระยะ ขณะที่รถของพุฒิภัทรจอดอยู่ที่หน้าบ้านพักตากอากาศวังเทพรหม พุฒิภัทรชวนกรองแก้วลงมาจากรถ

“ลงมาสิแก้ว”
กรองแก้วก้าวลงมามองตัวบ้านอย่างตื่นๆ
“บ้านคุณชายหรือคะ”
ทันใดนั้น ชุ่มคนเฝ้าบ้านก็วิ่งถือปืนออกมาจากในบ้านเพราะนึกว่าโจร
“ใคร..นั่นใคร..บอกชื่อเสียงเรียงนามและวัตถุประสงค์มาให้ชัดเจน ไม่อย่างนั้นชั้นยิงหัวกระจุยแน่”
กรองแก้วตกใจจึงรีบหลบหลังพุฒิภัทร
“ผม หม่อมราชวงศ์พุฒิภัทร จุฑาเทพ อยากจะมาขออาศัยบ้านของท่านพ่อชั่วคราวเท่านั้นเองครับ”
“คุณชายพุฒิภัทร ว่าแล้ว โจรอะไร แตงองค์ทรงเครื่องราวกับจะไปงานราตรีสโมสร” ชุ่มว่า
“ขอโทษน้าชุ่มด้วยครับ ที่มาปลุกกลางดึก”
ชุ่มขยับมามองใกล้ๆ ด้วยความดีใจและตกใจที่เสียมารยาท เขารีบวางปืนแล้วคุกเข่า
“คุณชายจริงๆด้วย ไอ้ชุ่มผิดไปแล้วขอรับ”

พุฒิภัทรเดินนำกรองแก้วเข้ามาในบ้าน
“ท่านพ่อของชั้นซื้อบ้านหลังนี้เอาไว้นานมากแล้ว เมื่อก่อนตอนเด็กๆท่านพ่อพาพวกเรามาพักผ่อนที่นี่บ่อยๆ แต่ชั้นก็ไม่ได้มานานแล้ว”
ชุ่มที่เดินตามหลังมามองกรองแก้วอย่างสงสัยข้องใจ กรองแก้วงงกับอาการของชุ่ม
“น้าชุ่ม..เดี๋ยวช่วยจัดห้องนอน แล้วก็ช่วยหาชุดให้คุณแก้วเปลี่ยนด้วยได้ไหมครับ” พุฒิภัทรบอกแต่ชุ่มเอาแต่มองกรองแก้ว “น้าชุ่ม จ้องคุณแก้วอยู่นั่นแหละ ได้ยินที่ผมสั่งมั้ย”
“ดะ..ได้ยินครับ” ชุ่มมองกรองแก้ว “คุณชื่อ..แก้วเหรอครับ..อย่าบอกนะครับว่าชื่อจริงคือ..กรองแก้ว”
กรองแก้วตอบ “ค่ะ”
“ไม่ต้องสงสัยหรอก ใช่แล้ว คุณกรองแก้ว นางสาวศรีสยามจริงๆ” พุฒิภัทรบอก
“จริงเหรอครับ”
“แต่..ห้ามไปบอกใครเด็ดขาดว่าคุณกรองแก้วพักอยู่ที่นี่ คุณแก้วต้องการความเป็นส่วนตัวอย่างสูง เข้าใจมั้ยครับ”
“คะ ครับ..งั้น..ผมไปหาชุดให้คุณแก้วเปลี่ยนก่อนนะครับ”
ชุ่มรีบวิ่งไป
“ไม่ต้องห่วงนะครับ น้าชุ่มไว้ใจได้..ขึ้นมาสิครับ เดี๋ยวผมพาไปดูห้องนอน”
“ค่ะ..เอ่อ” กรองแก้วเรียกเอาไว้ “คุณชายคะ”
พุฒิภัทรชะงัก “ครับ?”
“เสียง..เอ่อ เสียงครืน ครืน ที่ได้ยินอยู่นี่..เสียงอะไรคะ”
“ทะเลไงครับ”
“ทะเล?”
“ครับ ผมยังไม่ได้บอกคุณเหรอว่าที่นี่หัวหิน ทะเลก็อยู่ด้านหลังบ้านนี่เองครับ”
“นี่แก้วอยู่ที่ทะเลเหรอคะ”
กรองแก้วมีท่าทางตื่นเต้น

กรองแก้ววิ่งยกชายกระโปรงออกมาที่ชายหาดด้วยหน้าตาตื่นเต้นมากที่ได้เห็นทะเลเป็นครั้งแรก
“ทะเล..ทะเลจริงๆด้วย ทะเลๆๆ”
กรองแก้วดีใจจนกระโดดโลดเต้น พุฒิภัทรเดินตามหลังมาติดๆ
“แก้วไม่เคยเห็นทะเลมาก่อนเลยจริงๆเหรอ” พุฒิภัทรถาม
“ค่ะ ครั้งแรกในชีวิตเลยค่ะคุณชาย มันกว้างสุดลูกหูลูกตาเหมือนที่เขาว่าจริงๆด้วย ว้าวๆๆ”
กรองแก้วถอดรองเท้าและยกกระโปรง
“จะไปไหนแก้ว ระวังชุดเปียก”
“แค่เอาเท้าแตะน้ำเองค่ะ”
กรองแก้วยกชายกระโปรงแล้ววิ่งไปเอาเท้าสัมผัสกับน้ำทะเลอย่างมีความสุข
“เย็นๆๆๆ น้ำเย็นมากเลยค่ะคุณชาย”
พุฒิภัทรมองท่าทางสดใสของกรองแก้วแล้วก็เผลอยิ้มไปด้วย
“มาเล่นน้ำกันๆๆๆ” กรองแก้ววิ่งกลับมาคว้ามือพุฒิภัทร “ไปๆๆๆ”
“เดี๋ยวก่อนแก้ว”
กรองแก้วลากพุฒิภัทรให้ไปเล่นน้ำ

กรองแก้วที่ยามนี้ชุดเปียกโชกนั่งลงไปบนพื้นทราย
“น้ำทะเลเค็มจริงๆด้วย”
พุฒิภัทรที่ชุดเปียกเหมือนกันเดินมานั่งข้างๆ แล้วยิ้มที่เห็นกรองแก้วมีความสุข
“ยิ้มอะไรคะคุณชาย” กรองแก้วถาม
“ตั้งแต่เจอกันมา ชั้นไม่เคยเห็นแก้วมีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย แก้วดีใจยิ่งกว่าได้ตำแหน่งนางสาวศรีสยามอีกนะ”
“คุณชายอย่าล้อแก้วสิ” กรองแก้วนึกขึ้นได้ “ตายแล้ว ชุดที่คุณชายให้มาเลอะทรายหมดเลย” กรองแก้วลุกขึ้นยืนปัดๆ “แก้วขอโทษนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกแก้ว ชุดเลอะก็ซักได้”
“จริงนะคะ”
กรองแก้วทิ้งตัวลงนั่งเล่นทราย
“คืนนี้นอนตรงนี้เลยดีมั้ย” พุฒิภัทรถาม
กรองแก้วเห็นอะไรบางอย่างติดแว่นตาของพุฒิภัทร “เอ๊ะ”
กรองแก้วทำมือบอกให้พุฒิภัทรอยู่นิ่งๆ แล้วเข้าไปช่วยถอดแว่นตาออกมาก่อนจะเป่าเศษทรายที่ติดแว่นออกไปอย่างทะนุถนอม พุฒิภัทรได้แต่มองกรองแก้วอย่างตะลึง
กรองแก้วสวมแว่นตาคืนให้พุฒิภัทร แล้วทั้งสองก็เผลอสบตากัน ทั้งคู่ชะงักงัน จังหวะนั้นชุ่มก็วิ่งเข้ามาพอดี
“ชุดคุณกรองแก้วได้แล้วครับ อุ๊บส์....”
กรองแก้วกับพุฒิภัทรรีบผละออกจากกันด้วยความเก้อเขิน

ชุ่มรู้สึกตะหงิดๆ จึงหรี่ตามองอย่างจับผิด

ด้านหม่อมเอียดกำลังเอนหลังให้บ่าวนวดเส้นให้อยู่ ในขณะที่อีกด้านย่าอ่อนหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาดูหน้าหนึ่งแล้วก็ต้องตะลึง

“ตายแล้ว ตายๆๆ”
หม่อมเอียดแปลกใจ
“ใครตาย”
“ไม่มีใครตายอย่างนั้นค่ะคุณพี่ แต่..” ย่าอ่อนไม่อยากจะพูด “คุณพี่ดูเอาเองเถอะค่ะ”
“เลื่อนไปไกลๆหน่อยสิ”
ย่าอ่อนถือหนังสือพิมพ์ให้ได้ระยะสำหรับคนสายตายาว “ได้ระยะหรือยังคะ”
“นั่นแหละๆ” หม่อมเอียดเพ่งมอง “ผู้ชายคนนั้น..ชายภัทรใช่มั้ย..อ๋อ ภาพจากงานเลี้ยงวังท่านชายเกริกเมื่อคืนนี้ ชายภัทรดูสง่ามาก”
“คุณพี่อย่ามัวแต่ชมหลานสิคะ ดูผู้หญิงที่ชายภัทรเต้นคู่ด้วยสิคะ” ย่าอ่อนจะขยับเข้าไปหา
หม่อมเอียดรีบห้าม “อยู่ตรงนั้นแหละ อย่าเข้ามา” หม่อมเอียดเพ่งมอง “อืม สวยดีนะ ใครล่ะ..ใช่ท่านหญิงอุไร ภรรยาท่านชายเกริกหรือเปล่า”
“ผู้หญิงคนนี้ชื่อกรองแก้วค่ะคุณพี่”
“กรองแก้ว..ชื่อไม่คุ้น ภรรยาท่านทูตที่ไหนหรือ”
“นี่คุณพี่จำไม่ได้เลยเหรอคะ กรองแก้วคนนี้คือนางสาวศรีสยามคนล่าสุด คนที่ตกเวทีแล้วก็ไปรักษาที่โรงพยาบาลของชายภัทรยังไงล่ะคะ”
“แม่คนนี้น่ะเหรอ!!”
“ใช่ค่ะ”
“ไม่ต้องเข้ามา ถอยไปๆๆ”
“โอ๊ย ทำไมคุณพี่ไม่ใส่แว่นตาล่ะคะ” ย่าอ่อนว่า
หม่อมเอียดเพิ่งนึกได้จึงรีบเอาแว่นตาขึ้นมาสวม ย่าอ่อนรีบเอาหนังสือพิมพ์เข้าไปให้ดูใกล้ๆ
“คุณพี่ดูสิคะ ชายภัทรยิ้มปากแทบจะถึงหู อย่างนี้ไม่ปกติแล้วนะคะคุณพี่”
“เธอกำลังคิดว่าชายภัทรกับแม่นางงามคนนี้ จะมีอะไรเกินเลยกันน่ะเหรอ..ไม่มีทาง ชายภัทรไม่ใช่คนเหลวไหลแบบนั้น”
“แต่ยังไงเสียชายภัทรก็ผู้ชายนะคะ ถ้าอยู่ๆมีผู้หญิงมาให้ท่า ถกแข้งถกขาโชว์เรือนร่าง มีหรือจะไม่หวั่นไหว..แล้วแม่คนนี้ก็กล้าขึ้นเวทีโชว์ขาอ่อนให้คนดูทั่วประเทศมาแล้ว นับประสาอะไรกับชายภัทรแค่คนเดียว แล้วนี่ ดูรูปสิคะ เต้นกันแนบเนื้อขนาดนี้ คุณพี่จะไม่เป็นกังวลได้หรือคะ”
“จริงของเธอ..ไม่ได้การแล้ว จะปล่อยให้ชายภัทรเสียทีแม่ยั่วเมืองคนนี้ไม่ได้”
มารตีเดินบุกเข้ามาในบ้านพร้อมกับถือหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันเข้ามาด้วย
“แม่มารตี”
มารตีทั้งโกรธทั้งเสียใจจนน้ำตาคลอ “หม่อมย่าเห็นสิ่งที่พี่ชายภัทรทำกับมารตีแล้วใช่มั้ยคะ พี่ชายภัทรไม่เคยไว้หน้ามารตีเลย..เมื่อคืน พี่ชายภัทรก็หายตัว ทิ้งให้มารตีหาทางกลับเองอีกแล้ว..แล้วนี่” มารตีโชว์หนังสือพิมพ์ “มันควรจะเป็นภาพคู่ของพี่ชายภัทรกับมารตีไม่ใช่เหรอคะ พี่ชายภัทรทำอย่างนี้แล้วมารตีจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“ใจเย็นๆ ก่อนนะแม่มารตี โอ๋ๆๆ” ย่าอ่อนปลอบมารตี
“ทำไมชายภัทรถึงได้เหลวไหลอย่างนี้..ไปตามชายภัทรมา ไป” หม่อมเอียดสั่ง
พวกบ่าวรีบแยกย้าย ย่าอ่อนโอบปลอบมารตีที่กำลังร้องไห้ ในขณะที่หม่อมเอียดโมโหสุดๆ

ขณะเดียวกันนายพลพินิจกำลังเดินผ่านทางเดินในสวนโดยมีบอดี้การ์ดเดินตามประกบ สีหน้าท่าทางของพินิจยังอารมณ์ไม่ดีเพราะหงุดหงิดที่ไม่ได้กรองแก้วเมื่อคืนนี้ สุนันท์กับไกรฤกษ์รอพบพินิจอยู่ที่ศาลา
“พวกแกยังกล้าโผล่หัวมาหาชั้นอีกเหรอ” พินิจถาม
“ใจเย็นๆก่อนสิคะท่าน แม่กับพี่ไกรมีข่าวสำคัญจะมาบอก เกี่ยวกับแม่กรองแก้ว..ท่านไม่อยากทราบหรือคะ”
“พวกแกจะมาตอแหลอะไรให้ชั้นฟังอีก”
“ท่านขา..อิงอรทราบค่ะว่าอิงอรทำงานไม่สำเร็จ แต่อิงอรก็อยากจะพาหนูแก้วมากราบท่านให้ได้จริงๆนะคะ..ท่านเห็นข่าวนี้หรือยังคะ”
ไกรฤกษ์รีบส่งหนังสือพิมพ์ที่มีรูปคู่ระหว่างกรองแก้วกับพุฒิภัทรให้ พินิจรับมาดูพอเห็นภาพคู่ของกรองแก้วกับพุฒิภัทรก็ถึงกับฉุนขาดเขวี้ยงหนังสือพิมพ์ใส่หน้าอิงอร
“นี่พวกแกจงใจจะมายั่วโมโหชั้นเหรอ!”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะท่าน”
“ถ้าไม่ใช่..แล้วแกเอาภาพคู่หนูแก้วกับคนอื่นมาให้ชั้นดูเพื่ออะไร..พวกแกคิดจะเยาะเย้ยที่ชั้นเสียหน้าใช่มั้ย!”
“เราแค่จะมาบอกท่านว่าตอนนี้แก้วอยู่กับใคร” ไกรฤกษ์บอก
“อะไรนะ”
“ใช่ค่ะท่าน เมื่อคืนนี้..คุณนายใบบัวทำงานพลาด ปล่อยให้แม่กรองแก้วถูกใครก็ไม่ทราบชิงตัวไปใช่มั้ยคะ..บังเอิญว่าเมื่อคืนนี้อิงอรกับเจ้าไกรเห็นคนพวกนั้นค่ะ เห็นกับตาว่ามันบังคับเอาตัวหนูแก้วไป”
“ใคร มันคือใคร” พินิจร้อนใจ
อิงอรหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมา “คนในรูปนี่แหละค่ะ”
“คุณชายพุฒิภัทร..ไอ้คุณชายแว่นนี่น่ะเหรอ” พินิจถาม
“ก็เพราะแว่นอันนี้แหละครับ ที่ทำให้ผมจำได้ว่าเป็นคุณชายพุฒิภัทรแน่นอนไม่มีผิด” ไกรฤกษ์บอก
“ท่านคะ ท่านอย่าลืมสิคะว่าตอนที่แม่แก้วตกเวทีนางงาม ใครเป็นคนทำแผล ใครเป็นคนสั่งให้แม่แก้วต้องค้างโรงพยาบาล ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก เป็นคนเดียวที่ปราบพยศแม่แก้วได้ แล้วก็รับอาสาจะดูแลคนไข้คนนี้เป็นพิเศษ” สุนันท์รีบพูด
“หมายความว่ายังไง”
“คุณชายพุฒิภัทรรักหนูแก้วน่ะสิคะ เลยทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ใกล้ชิด แต่หนูแก้วไม่เต็มใจ คุณชายก็เลยใช้วิธีอย่างโจร ลักพาตัวหนูแก้วไป ทั้งๆที่คุณชายก็ทราบดีว่าท่านหมายปองหนูแก้วอยู่” อิงอรสรุป
“คุณชายพุฒิภัทร..ชั้นอุตส่าห์ให้ทุนมันทำวิจัย แต่มันกล้าแทงข้างหลังชั้นเหรอ คิดจะท้าทายอำนาจของชั้นใช่มั้ย เดี๋ยวชั้นจะแสดงให้ดู”

พินิจแค้นพุฒิภัทรสุดๆ อิงอรกับไกรฤกษ์ถอนหายใจโล่งอก ที่พ้นความผิดไปเสียที

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 7 (ต่อ)

สมศรีวิ่งหน้าตื่นเข้ามารายงาน

“เอ่อ คุณชายพุฒิภัทร..เอ่อ”
“อะไร ทำไม” มารตีถาม
“ไม่อยู่ค่ะ” สมศรีบอก
“อะไร ไปทำงานแล้วเหรอ” ย่าอ่อนถาม
ถนอมเดินหน้าตาตื่นตามมา
“ถนอม แกมาเล่าสิ เดี๋ยวคุณชายจะหาว่าชั้นฟ้อง” สมศรีบอก
“ทำไมต้องเกี่ยงกันด้วยนะ ทำไม มันอะไรกันนักกันหนา หา” หม่อมเอียดงง
“คือ..คือ..คุณชายภัทร ไม่ได้กลับบ้าน ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วขอรับหม่อม” ถนอมบอก
“เห็นไหมคะ หม่อมย่า..แบบนี้มันต้องไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาแล้ว ต้องเกิดเรื่องบัดสีขึ้นกับวงศ์ตระกูลของเราแล้วค่ะ มารตีจะไปฟ้องท่านพ่อ พี่ชายภัทรจะต้องรับผิด ที่ทรยศ” มารตีว่า
“ต๊ายตาย เสื่อม เสื่อมมากๆ ชายภัทรที่เคยเป็นคนดีมาตลอด ต้องมาเสียผู้เสียคนกันคราวนี้” ย่าอ่อนโวยวาย ไม่พอใจมาก
“พอๆๆ หยุดฟูมฟายกันได้ไหม เรายังไม่รู้อะไรกันทั้งนั้น นอกจากชายภัทรไม่กลับบ้าน ก่อนที่จะสรุปอะไร เราต้องรู้กันให้ได้ก่อนสิ ว่าชายภัทรไปไหน มีปัญหาหรือเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า ต้องหาตัวเจ้าตัวเขาให้ได้ก่อน แล้วฟังเหตุผลของเขาด้วย” หม่อมเอียดบอก
ทุกคนอื้ง

เรือประมงจำนวนมากแล่นเข้าฝั่งในยามเช้า อากาศบริเวณชายหาดสดใส บ้านพักตากอากาศสวยสง่า
ชายมุ้งขนาดใหญ่ปลิวไหวในสายลม มุ้งหลังนี้กางอยู่กลางยกพื้นโถงระเบียงโปร่งที่เปิดโล่งทั้ง 3ด้าน พุฒิภัทรหลับสบายโดยไม่สวมเสื้อ สวมแต่กางเกงเลนอนอยู่ภายในมุ้ง
พุฒิภัทรค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมองเพดานมุ้งอย่างงงๆ พอลำดับความคิดได้เขาก็ลุกนั่ง พุฒิภัทรลูบหน้าเสยผมที่ยุ่งอยู่แล้วเปิดตลบมุ้งออกมา
พุฒิภัทรเดินออกมาสูดอากาศแล้วมองไปรอบๆ ก่อนจะบิดขี้เกียจ
พุฒิภัทรนึกถึงกรองแก้วเพราะอยากรู้ว่าตื่นหรือยัง เขาจึงรีบเดินไปทางห้องนอนใหญ่ของบ้านทันที
พุฒิภัทรเดินมาถึงหน้าห้องนอนใหญ่แล้วก็ชะงัก เพราะพบว่าประตูบานสูงใหญ่หน้าห้องนอนนั้น เปิดค้างอยู่ครึ่งบาน
พุฒิภัทรเรียกเบาๆ “แก้ว..ตื่นแล้วเหรอ”
ไม่มีเสียงตอบ พุฒิภัทรลังเลเล็กน้อยก่อนจะผลักประตูเปิดกว้างแล้วมองเข้าไปเห็นภายในห้องมีเตียงใหญ่ที่เป็นเตียงมีเสาที่มีมุ้งห้อยลงมาเป็นม่านแต่ถูกรวบเก็บ4ชายเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่นอนถูกคลุมด้วยผ้าคลุมเตียงเรียบร้อย หน้าต่างห้องทุกบานเปิดและลงตะขอเกี่ยวกันลมตีบานหน้าต่าง ม่านผ้าสีขาวฉลุปลิวไสว
ชุดราตรีที่กรองแก้วใส่ไปงานเมื่อคืนแขวนไว้ด้วยไม้แขวนเสื้อบริเวณที่แขวนเสื้อผ้าริมเสามุมหนึ่งของห้อง พุฒิภัทรเป็นห่วงจึงรีบเดินออกไป

พุฒิภัทรเดินลงบันไดพลางสวมเสื้อฮาวายสีขาวแล้วติดกระดุมโดยที่ท่อนล่างยังเป็นกางเกงเลเหมือนเดิม เขาเดินมาที่ใต้ถุนเรือนเห็นชุ่มกำลังกวาดพื้นซีเมนต์เบาๆ อยู่ที่มุมนึง ส่วนยายนวลกำลังจัดโต๊ะ อาหารโดยการปูผ้าฝ้ายลายตารางขาวเหลือง และจัดวางชาม ช้อน แก้ว พุฒิภัทรลงมาเห็นยายนวลก็ยกมือไหว้
“สวัสดีตอนเช้าจ้า ตาชุ่ม ยายนวล ยายนวลสบายดีนะ”
ชุ่มรีบรับไหว้ทำให้ไม้กวาดหล่น นวลรีบวางมือแล้วเดินเข้ามา
“โอ๊ย คุณชาย..หลับสบายไหมคะ”
พุฒิภัทรตอบ “สบายดีจ้ะ”
“ต้องขอประทานโทษคุณชายด้วยที่ห้องอื่นๆไม่พร้อมรับแขก ตาชุ่มมันเลยเปิดใช้ห้องนอนประธานของบ้านได้ห้องเดียว ห้องอื่นมันทั้งรก ทั้งฝุ่น..คุณชายเล่นมากลางดึก ไม่แจ้งมาก่อน พวกเราก็เลย..เตรียมตัวไม่ค่อยพร้อม”
“โอ๊ย..ยายนวลจ๋า ไม่เป็นไรเลย ชายผิดเอง ที่มาแบบกะทันหันเอง..ทุกอย่างสะอาดสะอ้านสะดวกสบายดีพอแล้วจ้ะ” พุฒิภัทรมองหา “เอ้อ..ตาชุ่ม..แก้วล่ะ?”
ชุ่มบุ้ยไปทางครัว พุฒิภัทรรีบพุ่งไปทันที ชุ่มกับนวลสบตากัน

พุฒิภัทรโผล่หน้าเข้ามาที่ประตูห้องครัวแล้วมองภาพตรงหน้าอย่างทึ่งปนขำที่เห็นกรองแก้วในกางเกงเลกับเสื้อนอนผู้ชายตัวยาวใหญ่ของพุฒิภัทรแต่พับแขนสูงเหนือศอก ผมยาวรวบกลางกระหม่อมเป็นมวยแบบรุ่ยร่ายนิดๆ โดยกรองแก้วกำลังยืนหมุนอยู่หน้าเตาไฟเตาถ่าน2เตา
กรองแก้วใช้ทัพพีคนแกงในหม้อใหญ่บนเตาที่ไฟแรงสลับกับรีบยกกะทะกระเทียมเจียวจากเตาที่ไฟอ่อนลงมา
บนเขียงใหญ่ที่ตั้งบนโต๊ะไม้กลางห้องมีผักชีต้นหอมสดซอยละเอียดเขียวสดใสอยู่เต็ม
“หอมจัง..คนเก่งทำอะไรเอ่ย” พุฒิภัทรถาม
กรองแก้วหันมาเห็นพุฒิภัทรก็ยิ้มสดใส “คุณชายตื่นแล้วหรือคะ หิวหรือยัง”
“เพิ่งหิว ตอนได้กลิ่นกระเทียมเจียวนี่ล่ะ”
กรองแก้วคนทัพพีในหม้อ “แก้วทำข้าวต้มปูค่ะ”
พุฒิภัทรหัวเราะ “อะไรนะ” พุฒิภัทรเข้ามาดูข้างๆ ด้วยความสนใจ
“ข้าวต้มปู..ปูม้าตัวโตๆ เพิ่งขึ้นมาจากทะเลเลยค่ะ แก้วตื่นลงไปเดินกะตาชุ่ม เจอเขายกเข่งลงมาจากเรือ เลยขอแบ่งเขามา3-4ตัว ตัวใหญ่มาก”
พุฒิภัทรเอาทัพพีมาคนดูในหม้อ “ไหนๆ มาๆๆ ให้ชั้นทำบ้าง”

แล้วทั้งสองก็ง่วนกันอยู่หน้าเตาโดยช่วยกันคนละไม้ละมืออย่างมีความสุข

ชุ่มกับนวลช่วยกันจัดผลไม้ซึ่งมีทั้งส้ม กล้วยน้ำว้า ส้มโอ และมะละกอที่โต๊ะเตรียมอาหารอีกโต๊ะข้างๆลานซีเมนต์ พลางแอบดูพุฒิภัทรกับกรองแก้ว ซึ่งนั่งกินข้าวต้มด้วยกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทั้งสองพูดคุยกันอย่างหวานแหวว

“สวยมากเลยนะตาชุ่ม แฟนคุณชายภัทร ไม่ยักกะใช่พวกบ้านเทวพรหมณ์หรอก” นวลบอก
“แปลกดีว่ะ เขามากันตามลำพัง ห้องนอนก็ใช้ได้แค่ห้องเดียว แต่คุณชายกลับให้ข้าปูที่นอนให้นอนนอกกะชาน ไม่ยักกะนอนร่วมห้อง เป็นข้านะ..ถ้าหลอกสาวมาทะเลด้วยกันได้ ไม่ยักกะปล่อยให้ลอยนวล”
“ไอ้บ้า แก่แล้วยังไม่วายคิดสกปรก ท่านเป็นผู้ดี เป็นสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี เป็นลูกชาติลูกตระกูล ไหนจะใช้วิธีวิวาห์คนธรรพณ์แบบเอ็ง ที่ทำตัวยังกะโจร ฉุดข้าไปก่อน แล้วค่อยกลับมาขอสมาลาโทษพ่อแม่ข้าทีหลังล่ะ”
“อ๊าว..ยัยนวล น้อยไปสิ ข้าเห็นลูกชาติลูกตระกูลบ้านอื่นมามากนะเว้ย สมัยนี้ เขาถือสากันซะที่ไหน ยังไม่แต่งงาน ยังไม่เป็นคู่หมั้น ก็ไปค้างอ้างแรมร่วมห้องกันตามโฮเต็ลเยอะแยะ”
“ทำแบบนั้นก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษจุฑาเทพสิวะ”
กรองแก้วกับพุฒิภัทรรินน้ำและเติมข้าวให้กัน

ดอกรักแกว่งไกว ต้นเฟื่องฟ้าสีสดใส พุฒิภัทรกับกรองแก้วขี่จักรยานมาด้วยกันในชุดเดิมแต่สวมหมวกฟางปีกกว้าง ทั้งสองมองไปรอบๆ กรองแก้วตื่นตาตื่นใจ
“มีแต่บ้านพักตากอากาศสวยๆทั้งนั้นเลยนะคะ” กรองแก้วบอก
“แก้วคงต้องแอบอยู่ที่นี่ซักพักนะ..อยู่ได้ไหม” พุฒิภัทรถาม
กรองแก้วอึ้งไปเล็กน้อย ทั้งสองจอดรถแล้วนั่งคุยกันที่ใต้ต้นไม้ใหญ่
“ในที่สุด..แก้วก็..นำความเดือดร้อนมาให้คุณชายจนได้” กรองแก้วบอก
“ใครบอกล่ะ ชั้นกับน้องๆไปฉุดเธอมาเองตังหาก” พุฒิภัทรบอก
“ท่าน..จะทำอะไรพวกคุณชายหรือเปล่าคะ”
“แก้ว..ครอบครัวชั้นไม่ใช่พวกสิ้นไร้ไม้ตอกนะ ท่านก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่คับบ้านเมืองอยู่คนเดียวในประเทศนี้ ท่านใช้วิธีโจรๆกับเธอแบบนี้ ถ้าพวกชั้นนิ่งดูดายสิ จะถือว่าขี้ขลาด น่าอาย ไม่สมกับเป็นลูกผู้ชาย”
“แต่แก้วกลัว”
“ไม่ต้องกลัว ชั้นจะปกป้องคุ้มครองเธอเอง”
“แก้วไม่ได้กลัวสำหรับตัวเอง แต่แก้วกลัวสำหรับคุณชาย..ท่านเค้าใหญ่โตและมีอำนาจมากนะคะ”
“ถ้าคนดีกลัวคนเลว ปล่อยให้เขาทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ โลกนี้มันก็คงเป็นโลกต่อไปไม่ได้แล้วล่ะแก้ว”
“แต่คุณชายอย่าประมาทนะคะ”
พุฒิภัทรดุกร้าวขึ้นมา “ฉันไม่โง่หรอกน่า จะทำอะไรฉันก็ต้องคิดคำนวณไม่ใช่น้อย เธออยู่ที่นี่ ที่บ้านฉัน ทำตัวให้กลมกลืนกับผู้คนแถวนี้ พวกของท่านคงสืบได้ไม่ง่ายนัก”
กรองแก้วอึ้ง

แม่ค้าร้านเสื้อผ้าที่ตลาดฉัตรไชยส่งกางเกงเล ผ้าถุง เสื้อคอกระเช้า และเสื้อแขนยาวสำหรับพวกตังเกให้กรองแก้วเลือก
“ถ้าคุณๆจะซื้อให้คนงาน ก็มีอย่างที่เห็นนี่แหละ แต่ถ้าจะซื้อใส่เอา..เสื้อผ้าสวยๆที่นี่ไม่มีหรอกนะจ๊ะ ต้องไปซื้อที่ร้านแถวโฮเต็ลของพวกผู้ดีเขา”
“ชุดแบบนี้คงไม่ต้องลองหรอกนะ แก้ว” พุฒิภัทรบอก
กรองแก้วยิ้ม “ค่ะ เป็นเสื้อผ้าที่เข้ากับทุกรูปร่าง”
“รับหมดนี่ล่ะจ้ะ เท่าไหร่จ๊ะ” พุฒิภัทรถาม
ทั้งสองเดินถือถุงโชคดีคนละหลายถุงเดินไปในตลาด
พุฒิภัทรกับกรองแก้วจ่ายกับข้าวทั้งผักและผลไม้ แล้วทั้งสองก็ไปซื้อปลา อาหารทะเลและช่วยกันถือจนเต็มไม้เต็มมือ

รถจักรยานจอดคู่กันหน้าที่ทำการไปรษณีย์ ถุงโชคดีที่ใส่เสื้อผ้าและมัดเชือกกล้วย ห้อยผัก ตะกร้าผลไม้ กับข้าวมากมายห้อยพะรุงพะรังเต็มทั้งสองคัน
กรองแก้วกำลังยืนดูแม่ค้าหาบเร่ที่ขายหอยที่นำมาประดิษฐ์เป็นสัตว์ต่างๆอยู่ ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาไม่มีใครจำกรองแก้วได้ พุฒิภัทรเดินลงมาจากไปรษณีย์ด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่ง
“เรียบร้อยแล้ว ชั้นโทรศัพท์ไปบอกคุณหมอเจ้าของไข้ของพ่อเธอ ขอให้เขาดูแลพ่อเธอ..แบบปิดเป็นความลับ ไม่ให้ใครเข้าถึงตัวได้”
“พ่อเป็นยังไงบ้างคะ” กรองแก้วถาม
“คุณหมอบอกว่าพ่อเธอ..อาการความดันสูงเริ่มดีขึ้น แต่ตอนนี้น้ำหนักตัวท่านน้อยไป ต้องบำรุงให้แข็งแรงกว่านี้ ถึงจะส่งเข้ากรุงเทพได้ แล้วยังไง..ฉันจะหาทางพาเธอไปเยี่ยมให้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้ เธอควรเก็บตัวที่นี่ก่อน ไม่งั้น..พวกมันอาจใช้พ่อเธอเป็นเหยื่อ..ทำให้ท่านมีปัญหาได้”
กรองแก้วเศร้าแล้วพนมมือ “ขอบพระคุณคุณชายค่ะ”
“ส่วนตัวของชั้น..ก็โทรเลขไปลางานที่โรงพยาบาลแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะตั้งแต่ชั้นกลับมา ทำงานเป็นหมอที่เมืองไทยมา4ปี ชั้นเคยลาหยุดแค่หนสองหนเท่านั้นเอง..มีวันลาสะสมไม่รู้เท่าไหร่ก็ไม่เคยนับ เวลาคนอื่นเขาลา ชั้นก็รับหน้าที่แทนไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่”
“แก้วทราบ..คุณชายหมอเป็นคนรักงานมาก”
“ใช่แล้ว เพราะฉะนั้น..ขอเวลาให้ชั้นได้หยุดพักไปรัก..อย่างอื่นบ้าง”
กรองแก้วมองแล้วเมิน
“เสร็จธุระแล้ว กลับกันดีไหมคะ แดดชักจะร้อน”
“เธอจะไม่ถามเหรอ”
“ถามอะไรคะ”
“ก็ถามว่า..ฉันจะหยุดพักจากรักงาน..ไปรักอะไร..หรือรักใคร”
“ไม่ถามหรอกค่ะ”
“ไม่ถาม เพราะไม่อยากรู้..หรือว่า..รู้อยู่แล้ว”
“ฮื้อ” กรองแก้วทำหน้าเขินแล้วรีบขึ้นรถก่อนจะถีบนำไป
พุฒิภัทรหัวเราะแล้วถีบรถตามไป

พุฒิภัทร ชุ่ม และนวลนั่งเรียงกันรอดูกรองแก้วที่เปลี่ยนชุดใหม่ กรองแก้วเดินลงมาจากบันไดโดยใส่ชุดผ้าถุงสีสดกับเสื้อแขนยาวชาวประมงสีเข้ม มีผ้าขาวม้าคลุมหัว

พุฒิภัทรปรบมือชอบอกชอบใจ ส่วนชุ่มกับนวลพากันทำหน้างงๆ

เวลาผ่านไปอีก กรองแก้วลงมาในชุดใหม่ ซึ่งเป็นกางเกงเลกับเสื้อคอกระเช้า พุฒิภัทรหัวเราะร่า มีความสุข ชุ่มกับนวลเริ่มชอบใจและสนุกไปด้วย

กรองแก้วลงมาใหม่ในชุดผ้าถุงโสร่งสีอินโดๆ เสื้อแขนกระบอกชาวบ้านดำๆ สวมหมวกกันแดดแบบชาวทะเล
“ผ่านทุกชุด สวยเด่น เก๋ไก๋ทุกชุด” พุฒิภัทรบอก
กรองแก้วหัวเราะ “ถ้าสวยเด่น เก๋ไก๋ มันจะดีหรือคะ คุณชาย”
“นี่..คุณผู้หญิงจะแต่งแฟนซีไปงานไหนครับ” ชุ่มถาม
“คนสวยนี่แต่งอะไรก็สวยนะเจ้าคะ แต่งยังไง หน้าตาผิวพรรณก็ไม่เหมือนคนธรรมดา เหมือนลูกชาติ ลูกตระกูลอยู่ดีเจ้าค่ะ” นวลบอก
“จริงเหรอคะ..ไม่นะคะคุณยาย..หนูก็เป็นลูกสาของชาวบ้าน..เหมือนตากับยายนี่แหละ” กรองแก้วพูดแล้วก็นึกถึงพ่อแล้วก็เศร้าลงไป
พุฒิภัทรเข้าใจทันทีจึงเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วถามเบาๆ เพื่อไม่ให้คนอื่นได้ยิน “เป็นอะไรไป..คิดถึงพ่อล่ะสิ”
กรองแก้วสบตาแล้วกระซิบตอบ “ค่ะ”
“ใจเย็นๆนะ..สัญญา ว่าจะพาไปหาพ่อ..ในเดือนนี้..ดีไหม” พุฒิภัทรพูดพลางลูบผมกรองแก้วเหมือนพูดกับเด็ก
กรองแก้วน้ำตาคลอและพูดไม่ออก
ชุ่มกับนวลมองกันแล้วก็ตาโตด้วยความสนใจว่าทั้งสองคนนี้คุยอะไรกัน
“ยายนวล ตาชุ่ม..จำไว้นะ ว่า..คุณกรองแก้ว..ชื่อ..ชื่อกรองก็แล้วกัน กรอง..เป็นหลานแท้ๆของตาชุ่มยายนวลนะ..แล้วก็..อาจจะอยู่ที่นี่หลายวัน มาช่วยตากับยายเฝ้าบ้านหลังนี้ เข้าใจไหม ถ้ามีใครมาถาม ก็บอกว่า เป็นหลานมาจากต่างจังหวัด เข้าใจไหม” พุฒิภัทรบอก
ชุ่มกับนวลมองหน้ากันแล้วหันมาตอบอย่างพร้อมเพรียง “เข้าใจค่ะ-ครับ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเอะอะดังมาจากหน้าบ้าน
“ตาชุ่มๆ คุณชายหมออยู่หรือเปล่า”
“ตาชุ่มยายนวล คุณชายหมอมาใช่ไหม ช่วยด้วยๆ”
ทุกคนชะงักด้วยความตกใจจึงหันไปเห็นชายชาวประมง2คนวิ่งหน้าตื่นเข้ามา กรองแก้วรีบแอบหลังพุฒิภัทร
“นั่นไง เห็นรถพวกคุณชายมา แล้วมีคนพูดกัน ว่าเห็นคุณชายหมอที่ตลาดเมื่อเช้า”
“ใช่แล้ว ชั้นเอง ชั้นมาตั้งแต่เมื่อคืน มีอะไรหรือ” พุฒิภัทรถาม
“คุณชายหมอขอรับกระผม ช่วยเมียผมด้วยครับ เมียผมเจ็บท้องมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ป่านนี้ยังไม่ยอมคลอดขอรับกระผม” ชาวประมงพนมมือในขณะที่นั่งอยู่ที่พื้น
“อ้าว แล้วเมียพี่อยู่ที่ไหนครับ” พุฒิภัทรถาม
“อยู่ที่เขาหัวกะโหลกครับ หมอตำแยเขาปลุกปล้ำอยู่ ผมจะพาตัวขึ้นเรือมาสุขศาลาที่เมืองปราณ พ่อแม่เขาก็ไม่ยอม”
“แต่ผมว่า นังหมอตำแยมันทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ ตอนนี้ เหมือนเด็กไม่กลับหัวน่ะครับ ผมกลัวว่ามันจะไม่รอดทั้งแม่ทั้งลูกน่ะสิ”
กรองแก้ว พุฒิภัทร ชุ่ม และนวลมองหน้ากันด้วยความตกใจ

เรือเร็วหรูที่พุฒิภัทรเป็นคนขับวิ่งแหวกน้ำมาอย่างรวดเร็ว กรองแก้วในชุดผ้าโสร่งและเสื้อดำสวมหมวกกันแดด ถือกระเป๋าหมอที่มีของจำเป็นพื้นฐานมาด้วย ชายชาวประมงทั้ง2คนก็โดยสารมาด้วย
“โห..เรือคุณชายนั่นเร็วสมชื่อจริงๆขอรับ”
“จริง ถ้าเป็นเรือของเรา แต๊กๆๆกันนานเลย กว่าจะมาถึง เมียผมอาจจะแย่”
“เขาหัวกะโหลก..ด้านไหน ใกล้มาทางปากน้ำปราณหรือเปล่า” พุฒิภัทรถาม
“ค่อนไปทางเกาะนมสาวขอรับ คุณชาย หมู่บ้านตรงปลายแหลมที่เห็นนั่นน่ะขอรับ”
พุฒิภัทรมองไปแล้วขับเรือมุ่งไปทางนั้น กรองแก้วมองหน้าพุฒิภัทรด้วยความตื่นเต้น

เรือเร็วพุ่งมาจอด พุฒิภัทรกระโดดนำลงมาแล้วลากสมอเรือมาปักทราย ชาวบ้านบางส่วนมารอรับ“คุณหมอมาๆ คุณชายหมอมาจริงๆด้วย เร็วๆเถอะจ้ะ เร็วๆ”
ทุกคนตามลงมา
“นางกริ่มเป็นยังไงบ้าง” ชาวประมงถาม
หญิงชาวบ้านส่ายหน้า “ยังปวดอยู่เลย ปวดจนหมดแรงแล้ว”
พุฒิภัทรพูดกับชาวบ้านคนหนึ่ง “ฝากผูกเรือให้ดีด้วย” พุฒิภัทรหันมาทางชาวบ้านอีกคน “รีบพาไปเร็ว”
“ขอรับๆ ทางนี้ขอรับ”
ทุกคนรีบเดินตามชาวประมงอีกคนไป ขณะชาวประมงคนแรกดูแลการลงสมอให้ดี
“เธอต้องเป็นผู้ช่วยชั้นนะ” พุฒิภัทรพูดกับกรองแก้ว “ทำได้ไหม”
“ต้องได้สิคะ” กรองแก้วทำหน้าตามุ่งมั่น
พุฒิภัทรดีใจที่มีกรองแก้วอยู่เคียงข้าง

หญิงท้องแก่นอนซมตาปริบๆ น้ำตาไหลพรากอยู่บนกระท่อม แม่ หมอและชาวบ้านหญิงมุงอยู่ ควันจากสมุนไพรคลุ้งห้อง ชาวประมงที่เป็นพ่อเด็กนำพุฒิภัทรเข้ามา โดยมีกรองแก้วถือกระเป๋าตามติด
“คุณชายหมอมาแล้วๆ”
ทุกคนหันไปมองอย่างตื่นๆ หลายคนพากันยกมือไหว้
“แต่ว่า..คุณชายหมอเป็นผู้ชายนะ” แม่หญิงคนนั้นบอก
พ่อตาเกรงใจ “แม่หมอทิมเขาทำคลอดคนมาตั้งแต่ข้าหนุ่มๆ แล้วนี่..คุณชายหมอหน้าอ่อนยังกะเด็กแบบนี้ จะทำได้หรือ”
“กรุณาถอยออกไปด้วยครับ ขอผมตรวจดูอาการก่อน” พุฒิภัทรบอก
ทุกคนมองหน้ากันอย่างอึ้งๆ
ชายชาวบ้านไหว้กราดพลางร้องไห้ “ผมไหว้ล่ะ พ่อกับแม่ อยากให้อีกริ่มมันตายทั้งกลมหรือให้มันรอดถ้าอยากให้รอด ช่วยปล่อยให้คุณชายหมอทำคลอดมันด้วย คุณชายหมอมาจากกรุงเทพฯ จากโรงพยาบาลหลวง คุณชายต้องช่วยมันได้”
ทุกคนลังเล
พุฒิภัทรแทรกเข้าไปทันที “คุณป้าครับ..กรุณาขยับ..ขอทาง..ให้ผมดูหน่อยครับ”
ป้าหมอตำแยมองหน้าแล้วก็เกรงรัศมีจึงถอยออกไปพลางบ่น
“เด็กไม่กลับหัว นวดจนท้องช้ำแล้ว”
พุฒิภัทรเข้าไปแทนที่ก่อนจะหันมามองหน้ากรองแก้ว
กรองแก้วสบตาพุฒิภัทรแล้วรีบวางมาดอ่อนโยนแต่หนักแน่น “ขอโทษทุกท่านนะคะ” กรองแก้วยิ้ม “ขอให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปด้วยค่ะ คนเยอะเกินไป คนเจ็บจะไม่มีอากาศหายใจนะคะ ขอความร่วมมือด้วยค่ะ” กรองแก้วกึ่งขอร้องกึ่งบังคับ
ทุกคนมองหน้ากรองแก้วแล้วก็ยิ่งเกรงใจจึงพร้อมใจกันทำตาม
 
พุฒิภัทรกับกรองแก้วสบตากันดีใจที่ได้ผล

พุฒิภัทรล้างมือจนถึงต้นแขนอย่างบรรจง กรองแก้วยกกาน้ำร้อนที่ต้มจนเดือดมาวางที่มุมห้องด้านหนึ่ง แม่เด็กนอนน้ำตาไหลพร้อมกับร้องโอยเบาๆ พ่อเด็กเดินไปมาหน้าห้อง
 
พวกญาตินั่งหน้าซีดๆ บางคนดมยาดม ทุกคนไม่สบายใจมาก หมอตำแยนั่งหน้างอ
“เอาเลยๆ อยากให้หมอเด็กๆมาทำก็เอาเลย เกิดอะไรขึ้น อย่ามาโทษข้าก็แล้วกัน”
พุฒิภัทรคลำที่ท้องหญิงท้อง กรองแก้วมองหน้า
“เด็กไม่กลับหัวจริงๆด้วย”
กรองแก้วกระซิบถาม “ทำยังไงล่ะคะ”
“ต้องจับเด็กหมุนให้กลับหัวก่อน”
“หา..ทำได้ด้วยหรือคะ”
“ทำได้”
พุฒิภัทรจับแล้วพูด “นี่ไง หัวอยู่ตรงนี้ เบ่อเร่อเลย..เอานะ ..ทำใจสบายๆนะครับ..ทั้งแม่ทั้งลูก..อย่ากลัวนะครับ เราต้องทำได้นะครับถ้าเราร่วมมือกัน เอาล่ะน้า” พุฒิภัทรลงมือนวด ปั้นและรีดเด็ก
“โอ๊ย..โอ๊ย” หญิงท้องร้อง
กรองแก้วกลัวแทน “คุณชาย”
“แม่เด็กตัวใหญ่ อุ้งเชิงกรานไม่ได้เล็กเกินไป..น่าจะไม่มีปัญหา” พุฒิภัทรบอก
“แล้ว..ถ้ามีปัญหาล่ะคะ” กรองแก้วถาม
“ก็..ต้องผ่า”
“หา” กรองแก้วตกใจ “แต่เราไม่มีอุปกรณ์”
“จุ๊ๆ อย่าตื่นเต้นไป..ใจเย็นๆ ชั้นบอกว่า น่าจะไม่มีปัญหา” พุฒิภัทรพยายามนวดแล้วจับเด็กหมุน “เอ้า เรามาเล่นกันนะลูกนะ นึง..ส่อง..ซ่ำ ตีลังกา”
กรองแก้วมองด้วยความสยอง
พุฒิภัทรสูดลมหายใจลึก เขานวดอีกครั้งแล้วก็มีสีหน้าดีใจ “ใจเย็นๆ อีกทีๆนะ” พุฒิภัทรจับเด็กหมุนได้ก็ดีใจ “สำเร็จแล้ว!”
กรองแก้วดีใจจึงปรบมือ
“เยี่ยมไปเลย”
กลุ่มญาติที่อยู่หน้าห้องมีท่าทางงงๆ เพราะสงสัย พ่อเด็กโผล่มามองอย่างงงๆ
“เด็กกลับหัวแล้ว” พุฒิภัทรบอก
“ฮ้า!!” พ่อเด็กหันไปบอกทุกคน “เด็กกลับหัวแล้ว!”
คนอื่นร้องด้วยความดีใจ “ไชโย”
หลายคนปรบมือตามกรองแก้ว
หญิงท้องหายใจหอบๆๆ พุฒิภัทรก้มลงมาดูในร่มผ้าแล้วล้วงมือเข้าไป
กรองแก้วทำหน้าสยอง “เป็นยังไงมั่งคะ”
“ปากมดลูกเปิด2นิ้วแล้ว”
“แล้ว..” กรองแก้วถามต่อ
“ต้องเปิด3นิ้วขึ้นไป” พุฒิภัทรบอก
“ทำไงล่ะคะ”
“ไม่ต้องทำยังไง ใจเย็น และรอ” พุฒิภัทรหันมาบอกแม่เด็ก “คุณพี่ครับ ไม่ต้องกลัวนะครับ ใจเย็นๆ นอนพักก่อน หายใจสบายๆ ครับ หายใจตามผมนะ อ่า หายใจเข้า หายใจออก”
แม่เด็กทำตาม
คนที่อยู่หน้าห้องลุ้น กรองแก้วพลอยทำท่าหายใจเข้า-ออกตามไปด้วย พุฒิภัทรก้มลงดูอีกครั้งแล้วก็ดีใจ
“มาแล้วๆๆ ได้แล้วๆ เบ่งเลยครับ เบ่ง ทำตามผมนะ หนึ่ง สอง สาม ฮึบ!”
แม่เด็กและกรองแก้วต่างก็ทำตาม
“หนึ่ง..สอง..สาม ฮึบ”
ทันใดนั้นเองเสียงเด็กร้องอุแว้ก็ดังลั่น แม่เด็กดีใจจึงหัวเราะแล้วก็ร้องไห้โฮ เด็กร้องเสียงดัง คนที่รออยู่หน้าห้องกระโดดและร้องเฮกัน พุฒิภัทรดึงเด็กออกมาแล้วจับห้อยหัว
“แก้ว..เอาผ้ามา”
กรองแก้วเอาผ้าที่เตรียมไว้ไปรับเด็ก พุฒิภัทรหยิบไม้ไผ่คมๆ ที่หมอตำแยเตรียมไว้มา
“เอานะ ตัดสายสะดือล่ะน้า” พุฒิภัทรบอก
กรองแก้วตื่นเต้นดีใจจนน้ำตาไหล เธอมองหน้าพุฒิภัทร
พุฒิภัทรมองตอบ ทั้งสองต่างช่วยกันอุ้มเด็กไว้ด้วยกันแล้วมองตากันแบบร่วมมือร่วมใจ

พุฒิภัทรยืนดื่มน้ำจากขันใบเล็ก กรองแก้วยืนมองเขาด้วยแววตาชื่นชม
“เอ้า..แล้วแก้วล่ะ ดื่มหรือยัง”
กรองแก้วส่ายหน้าก่อนจะรับไปดื่มต่อ
“แก้วนี่ก็เก่งนะ ไม่กลัวเลือด” พุฒิภัทรชม
“ก็คุณชายเก่ง แก้วเลยไม่กลัว”
“ที่จริง..ฉันก็ไม่ค่อยจะได้ทำคลอดบ่อยนักหรอก”
“เหรอคะ..แต่คุณชายดูมั่นใจจัง”
“อ๊ะ ไม่ได้สิ ถ้าหมอไม่มั่นใจ แล้วคนไข้จะทำไงล่ะ”
“โอ้โห..นี่คุณชายแสดงท่าว่ามันง่ายๆ ทั้งๆที่มันยาก..ใช่ไหมคะ” กรองแก้วถาม
“การคลอดเป็นเรื่องธรรมชาตินะ ธรรมชาติทำหน้าที่ของเค้าเองครึ่งนึง แล้วเราช่วยอีกครึ่งนึง”
“แต่นี่..คุณชายช่วยชีวิตแม่ลูกคู่นี้ไว้นะคะ” กรองแก้วบอก
“เราโชคดีไง ที่ปัญหาไม่ใหญ่มากนัก พอจัดการได้ ถ้าเราโชคร้าย แทนที่เราจะได้รับคำขอบคุณ เราคงโดนรุมยำ แบนแต๊ดแต๋อยู่ที่นี่แน่ๆ”

ทั้งสองคนยิ้มให้กันแล้วหัวเราะกันด้วยความโล่งใจที่ผ่านวิกฤติมาด้วยกัน

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 7 (ต่อ)

เพียงพรมีท่าทีแปลกใจหลังจากรู้เรื่องของพุฒิภัทร

“คุณชายหมอขอลาพักร้อนสามวัน”
“ใช่ครับ คุณชายหมอส่งโทรเลขมา แต่อย่าถามอะไรผมมากกว่านี้ ผมก็รู้เท่าที่นี้เหมือนกัน” ยศวินบอก
“แล้วคุณชายมาบอกกะทันหันอย่างนี้ก็แย่น่ะสิคะ”
มารตีเข็นรถเย็นอุปกรณ์ยาออกมาจากห้องคนไข้แล้วก็ชะงัก เมื่อได้ยินเรื่องที่ยศวินกับเพียงพรคุยกัน
ยศวินพูดต่อ “เอาเถอะครับ คุณชายทำงานแทบจะตลอดเวลา ไม่เคยลาอะไรเหมือนคนอื่นเขา ครั้งนี้คงสำคัญจริงๆ ถึงลาพักร้อน ให้เวลาเขาได้พักบ้างเถอะครับ”
“ค่ะ ดิฉันเข้าใจ ดิฉันต้องไปแจ้งหมอใหญ่ก่อน คงต้องเชิญหมอท่านอื่นมาเข้าเวรแทน”
เพียงพรเดินแยกไป ยศวินกำลังจะไปแต่แล้วมารตีก็เข็นรถเข็นมาขวางยศวินเอาไว้
“พี่ชายภัทรลาพักร้อนเหรอ” มารตีถาม
“เอ่อ ครับ ใช่ครับ”
“ลาไปไหน ยังไง ทำไมมารตีไม่ทราบ”
“ก็ไม่มีใครทราบเหมือนกัน ทุกคนก็เพิ่งทราบ เพราะโทรเลขที่คุณชายส่งมา”
มารตีคว้าโทรเลขมาจากยศวินมาอ่านและพลิกดู “ส่งมาจากหัวหินนี่ นี่พี่ชายภัทรไปหัวหินเหรอ ไปทำไม ไปกับใคร”
“คุณชายคงจะเหนื่อยมาก ไม่รู้เมื่อวานไปเจอเรื่องหนักหนาสาหัสอะไร เพราะใคร ผมก็ไม่ทราบ..แล้วคุณชายหมอไม่ได้ชวนคุณมารตีเหรอครับ ว้า แย่จัง”
พูดจบยศวินก็รีบแยกออกไป มารตีเจ็บแค้นและน้อยใจ

หม่อมเอียดกำลังฉุนที่ตามตัวพุฒิภัทรไม่ได้
“ชายภัทรไม่ได้ไปทำงานอย่างนั้นหรือ”
สมศรี ถนอม และพวกบ่าวนั่งหงอเพราะกลัว
“คุณพี่คะ น้องว่ามันชักจะแปลกๆแล้วนะคะ ปกติชายภัทรไม่ใช่คนที่จะหายตัวไปแบบไม่บอกไม่กล่าวเช่นนี้” ย่าอ่อนบอก
หม่อมเอียดเป็นห่วง “หรือจะเกิดอะไรขึ้นกับชายภัทร”
อยู่ๆ มารตีก็เดินฉับๆเข้ามา
“คงจะไม่ได้เกิดเรื่องอะไรหรอกค่ะหม่อมย่า นอกจากพี่ชายภัทรพยายามจะหนีมารตี” มารตียกมือไหว้ตามมารยาท
“หนูมารตี ทำไมคิดอะไรอย่างนั้น” หม่อมเอียดถาม
“เพราะทุกอย่างที่พี่ชายภัทรทำ มันตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้แล้วค่ะ แล้วตอนนี้พี่ชายภัทรก็หนีมารตีไปไกลถึงหัวหิน หม่อมย่าจะให้มารตีทำอย่างไรคะ”
“อะไรนะ ชายภัทรไปหัวหินเหรอ” ย่าอ่อนตกใจ
“ใช่ค่ะ พี่ชายภัทรส่งโทรเลขมาจากหัวหิน ขอลาพักร้อนสามวัน โดยไม่บอกให้มารตีทราบเลย..แค่เรื่องที่พี่ชายภัทรลงหนังสือพิมพ์คู่กับคนอื่น มารตีก็อับอายจนหน้าชาแล้ว นี่มารตียังถูกทิ้งให้ทำงานลำพังอีก มารตีไม่เหลือหน้าจะไปพบใครอีกแล้ว ..มันครั้งที่เท่าไหร่แล้วค่ะที่พี่ชายภัทรทำกับมารตีอย่างนี้”
“ชายภัทรต้องมีเหตุผลอะไรแน่ๆ หนูมารตีใจเย็นๆแล้วรอฟังเหตุผลพี่เขาก่อนเถอะนะ” หม่อมเอียดบอก
มารตีเจ็บช้ำกล้ำกลืน “เหตุผลของพี่ชายภัทรก็คือ พี่ชายภัทรไม่อยากให้มารตีไปด้วย มันก็แปลว่าพี่ชายภัทรไม่ต้องการมารตีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต”
“ไม่จริงจ้ะๆ พวกย่าจะไม่ยอมให้ชายภัทรคิดอะไรอย่างนั้นแน่ หนูมารตีเชื่อย่านะ”
“หนูก็อยากเชื่อค่ะ แต่ที่ผ่านมา มารตีไม่เห็นว่าหม่อมย่าเอียดกับย่าอ่อนจะจัดการอะไรหลานชายตัวเองได้เลย มารตีไม่อยากหวังอะไรอีกแล้วค่ะ โดยเฉพาะเรื่องคำสัญญาระหว่างสองสกุล สุดท้ายมันก็เป็นแค่สัญญาลวงๆ”
“ย่าจะไม่ยอมให้คำสัญญาเป็นแค่ลมปาก ชายภัทรต้องรักษาสัจจะและเกียรติของสกุลจุฑาเทพ ถ้าชายภัทรคิดขัดคำสั่ง ย่านี่แหละจะจัดงานแต่งงานให้หนูกับชายภัทรเอง” หม่อมเอียดยืนยัน
หม่อมเอียดฉุนและคิดกำราบพุฒิภัทรให้ได้

เกษรากำลังพูดโทรศัพท์
“ขอบคุณคุณชายพีมากนะคะที่ส่งข่าว ดิฉันจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ค่ะ สวัสดีค่ะ” เกษราวางสายโทรศัพท์ แล้วหันมาบอกชินกรกับแย้มที่รอลุ้นอยู่ “คุณชายภัทรพาแก้วไปอยู่ในที่ๆปลอดภัยแล้วค่ะ”
“ไชโย คุณชายภัทรนี่เป็นพระเอกขี่ม้าขาวของหนูแก้วจริงๆ” แย้มบอก
“ผมเป็นห่วง ว่าถ้าท่านพินิจรู้ว่าคุณชายกำลังงัดข้อกับเขาอยู่ อะไรจะเกิดขึ้น” ชินกรพูด
“คุณชิน..ถ้าเราเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำว่าคือความถูกต้อง ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลค่ะ เพราะถึงมันจะยาก แต่สุดท้ายแล้วความดีย่อมต้องชนะความไม่ดี และเกษเชื่อว่าคุณชายภัทรกำลังทำสิ่งที่ดีที่ถูกต้องอยู่ค่ะ”
มารตีเดินเข้ามาพอดี
“พี่ชายภัทรทำอะไรอยู่คะ”
เกษรา ชินกร และแย้มหันมาเห็นหน้ามารตีก็อึ้งและอึกอัก

“มารตี”

เกษราเอาน้ำมาเสิร์ฟมารตีที่อีกด้านหนึ่งของร้าน

“มารตี อยากจะสั่งขนมอะไรไปให้วังโน้นอีกหรือจ๊ะ”
“แหม..น้องมาหาทั้งที คุณพี่ก็จะตั้งหน้าตั้งตาแต่จะขายของน้องนะคะ เมื่อกี้พวกพี่คุยอะไรกันอยู่ ได้ยินว่าเกี่ยวกับพี่ชายภัทร กำลังทำอะไรอยู่ คืออะไรคะ” มารตีถาม
เกษราอึกอัก “ก็…”
แย้มรีบช่วย “ก็หมายถึงการเป็นหมอไงคะ คุณชายภัทรกำลังทำหน้าที่หมอได้ดีและวิเศษสุดๆไปเลยค่ะ”
“หึ เป็นหมอที่ดีที่สุด แต่เป็นว่าที่คู่หมั้นที่ใจร้ายที่สุด” มารตีว่า
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” เกษราถาม
มารตีเห็นหนังสือพิมพ์ที่มีรูปพุฒิภัทรเต้นรำคู่กับกรองแก้วก็รีบคว้าขึ้นมา “นี่ไงคะเรื่องทั้งหมด พี่ชายภัทรย่ำยีเกียรติและศักดิ์ศรีสกุลเทวพรหมไม่มีชิ้นดี พามารตีไปงานเต้นรำ แต่กลับไปเต้นกับนังนางงามโชว์ขาอ่อน เมียน้อยท่านพินิจ ผู้หญิงสกปรก”
“มารตี ถ้าเธอไม่รู้อะไรจริง ก็อย่าเพิ่งไปกล่าวหาหนูแก้วเขาแบบนั้นสิ” เกษราว่า
มารตีสวน “ทำไมจะกล่าว” แต่แล้วมารตีก็ชะงัก “เมื่อกี้พี่เกษเรียกมันว่าหนูแก้วเหรอ..พี่เกษรู้จักแม่นี่ด้วยเหรอ ถึงเรียกมันสนิทสนมขนาดนั้น”
“ก็..คือ..”
“ก็อะไรคะ”
เกษราอึกอักเพราะชั่งใจ เธอเหลือบไปสบตากับชินกรที่พยักหน้าน้อยๆ เหมือนบอกให้ตอบไปตามตรง
เกษราชั่งใจแล้วก็ตัดสินใจบอก “ใช่ พี่รู้จักแก้ว”
“แสดงว่า ภาพที่พี่รู้จัก นังนี่คงจะเป็นคนดีมากเลยสินะคะ แต่จะบอกให้นะว่านังนี่มันมารยา ตั้งแต่ตอนที่มันตกเวทีเข้าโรงพยาบาลแล้ว มันวางแผนจะให้ท่าพี่ชายภัทร มันคิดจะใช้พี่ชายภัทรเพื่อต่อรองราคาค่าตัวกับท่านพินิจ”
“ไม่จริง คุณแก้วไม่ใช่คนอย่างนั้น” แย้มรีบบอก
“นี่..แม่แย้มก็รู้จักเหรอ” มารตีหันไปจ้องเกษรา “หมายความว่าไงคะพี่เกษ..ตอบน้องมาตามตรง”
“เราทุกคนที่ร้านนี้ รู้จักแก้วดี เพราะ..เพราะแก้วเคยไปอยู่บ้านพี่ และทำขนมหลายอย่างมาฝากขายที่นี่..อย่างเช่น..ขนมจีบ..ที่น้องชอบมาซื้อไปฝากพวกจุฑาเทพบ่อยๆ”
“อะไรนะ”
“เธอฟังพี่ก่อนนะมารตี เพราะแก้วไม่อยากเป็นอนุของท่านพินิจ คุณชายภัทรก็เลยช่วย แล้วฝากให้แก้วมาหลบที่บ้านพี่สักพัก”
ชินกรพูดต่อ “พวกเราเห็นว่าคนเดือดร้อนมา จะให้ผลักไสไล่ไปมันก็ใจร้าย พวกเราก็เลย..”
“ให้นังแก้วพักที่บ้าน!” มารตีสรุปเอง
“เอ่อ ใช่”
มารตีเสียงดัง “แล้วมารตีล่ะ พี่เกษสงสารมัน แล้วไม่สงสารน้องในไส้บ้างเหรอ!! พี่อยากเห็นมารตีเสียใจที่ถูกนังนางงามแย่งพี่ชายภัทรไปอย่างนั้นเหรอ”
“มันไม่ใช่อย่างนั้น..น้องของพี่ พี่ก็รัก พี่รับแก้วไว้บ้านพี่ไม่ดีหรือ ขืนพี่ไม่รับ คุณชายมิต้องเอาแก้วไปพักที่วัง หรือไปหาที่อยู่ที่ไกลหูไกลตาเรา แล้วไปมาหาสู่กันลับหลังเรา มันจะยิ่งน่ากลัวกว่า ไม่ใช่เหรอ”
มารตีฉุนปรี๊ด “แล้วตอนนี้มันอยู่ไหนคะ นังแก้วยังอยู่ที่บ้านพี่หรือเปล่า มารตีจะไปพูดกะมันให้รู้เรื่อง”
“คุณมารตี ใจเย็นๆก่อน” ชินกรปราม
“แก้วไม่ได้อยู่ที่บ้านพี่แล้วล่ะจ้ะ” เกษราบอก
“ไม่อยู่ที่นี่ แล้วที่ไหน มันไปซุกอยู่ที่ไหน!!”
เกษราไม่อยากเผยความลับของพุฒิภัทรจึงหลบตา
“พี่เกษ..อย่าบอกนะว่า..นังแก้ว มันไปอยู่หัวหินกับพี่ชายภัทร”
เกษราอึ้งที่มารตีรู้ความจริง
มารตีฉุนมาก “นี่แปลว่า..ทุกคนรู้ความจริงกันหมด เว้นมารตี..โฮ” มารตีร้องไห้ออกมาอย่างจริงจัง
ทุกคนเงียบเพราะรู้สึกผิด

กรองแก้วกำลังนั่งเล่นกับเด็กทารกที่อยู่ในอ้อมอกของแม่เด็กที่ยังนอนพักฟื้นอยู่
“เด็กผู้ชายด้วย ชื่ออะไรดีคะ ตั้งชื่อไว้หรือเปล่า” กรองแก้วถาม
“ยังเลยจ้ะ”
พุฒิภัทรยืนมองท่าทางสดใสของกรองแก้วแล้วก็อมยิ้ม
พ่อตาแม่ยายเข้ามาขอบคุณพุฒิภัทร
พ่อตาไหว้ท่วมหัว “กระผมต้องขอโทษคุณชายหมอด้วยที่ทีแรกผมพูดจาดูถูกฝีมือคุณหมอไปเสียเยอะ”
“บุญคุณที่คุณชายช่วยลูกสาวกับหลานของฉัน ฉันจะไม่ลืมพระคุณนี้เลย” แม่ยายบอก
พุฒิภัทรรีบรับไหว้ ด้วยการประคองอุ้งมือพ่อตาแม่ยายไม่ให้ไหว้เขาไปมากกว่านี้ “ไม่ต้องหรอกครับๆ อย่าต้องถึงกับเป็นบุญเป็นคุณเลย เพราะยังไงหมอก็มีหน้าที่ต้องรักษาคนไข้อยู่แล้ว และผมก็ดีใจมากที่ได้ทำคลอดให้หลานชายคนแรกของตากับยายนะครับ”
“ถ้าคุณชายมีเรื่องเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือ บอกผมเลยนะครับ ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ผมก็จะทำเพื่อคุณชาย” ชายชาวประมงบอก
“ขอบคุณมากครับ ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวกลับฝั่งโน้นก่อนดีกว่า แล้วถ้าสองสามวันนี้มีอะไรฉุกเฉิน ตามตัวผมได้ตลอดเลยนะครับ”
“ครับ เดี๋ยวผมไปส่งคุณชายที่เรือนะครับ”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้อง พี่ไปอยู่กับลูกสาวพี่ดีกว่าครับ เรือผมจอดอยู่แค่ตรงนี้เอง ผมไปเองได้ แก้ว ไปเถอะ”
“พี่ไปแล้วนะ” กรองแก้วบอก
แม่เด็กเรียกไว้ “คุณชายคะ”
“ครับ?”
“ดิฉันอยากจะขอรบกวนคุณชาย กรุณาตั้งชื่อให้ลูกของเราได้มั้ยคะ จะได้เป็นเกียรติและเป็นมงคลกับลูกสาวของเราตลอดไป”
“ให้ผมตั้งชื่อเหรอ ผมว่าให้แก้วตั้งดีกว่า” พุฒิภัทรบอก
“อื้ม..เด็กคนนี้ เกิดในหมู่บ้านชาวประมง..บนเกาะ..กลางทะเล..อื้ม งั้นให้ชื่อว่า..สมุทรไทย..ดีมั้ยคะ เด็กชายสมุทรไทย ส.เสือ ม.ม้า สระอุ ท.ทหาร ร.เรือ แล้วก็ไท ท.ทหาร สระไอไม้มลาย ย.ยักษ์” กรองแก้วบอก
“สมุทรไทย..คือทะเลของประเทศไทยใช่ไหมคะ ชื่อเพราะจังเลยค่ะ” แม่เด็กชอบ
“เห็นมั้ยครับว่าแก้วตั้งชื่อได้ดีกว่าผมเป็นไหนๆ”
พุฒิภัทรจับหัวกรองแก้วโยกเบาๆ
“คุณชายอ่ะ ทำยังกับแก้วเป็นเด็กๆไปได้” กรองแก้วบอก
กรองแก้วยิ้มให้พุฒิภัทร
“คุณชายกับคุณแก้ว ดูเป็นคู่รักที่รักกันมากเลยนะคะ สวยและหล่อ เหมาะสมกันยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยกอีกค่ะ” แม่เด็กชม

กรองแก้วกับพุฒิภัทรอึ้งที่ถูกเรียกว่าคู่รัก ทั้งสองสบตากันแล้วก็เขิน

พุฒิภัทรกับกรองแก้วเดินมาที่เรือเร็วที่ทอดสมอจอดอยู่ที่ชายหาด กรองแก้วเดินจ้ำนำหน้าเพราะไม่อยากให้พุฒิภัทรเห็นสีหน้าเธอในเวลานี้

พุฒิภัทรเรียก “แก้ว”
“คะ”
“จะรีบเดินไปไหน..เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ”
“คิดเรื่องที่ถูกทักว่าเป็นคู่รักกับผมอยู่เหรอ”
“เปล่าซะหน่อย ไม่ได้คิดอะไรเลย”
“อ้าว แก้วตอบอย่างนี้ ผมก็เสียใจสิ”
“คุณชายอ่ะ ..ชอบพูดอะไรที่..ไม่สมควรเรื่อย”
กรองแก้วเดินลงทะเลจะไปขึ้นเรือ
“ระวังๆ เดี๋ยวก็ลื่นหรอก”
พุฒิภัทรพูดไม่ทันขาดคำกรองแก้วก็เหยียบบันไดขึ้นเรือแล้วลื่น พุฒิภัทรเข้ามาประคองไว้ได้พอดี ทั้งสองคนใกล้ชิดกัน สบตากัน แล้วก็ผละออกจากกัน กรองแก้วเฉไฉมองขึ้นไปบนฟ้าเห็นดวงดาวมากมาย
“ดวงดาวเยอะจัง” กรองแก้วบอก
พุฒิภัทรเงยหน้ามองตาม
“ที่นี่เห็นดวงดาวชัดเจนมากเลยนะคะ ยิ่งกว่าบ้านแก้วที่อยุธยาซะอีก” กรองแก้วบอก
“แก้วชอบดูดาวเหรอ”
“ค่ะ แต่ดูไม่เป็นหรอกนะคะ ว่าดวงไหนคือกลุ่มดาวอะไร แก้วแค่ชอบดูเฉยๆ”
พุฒิภัทรปีนลงไปในเรือแล้วรื้อในช่องที่เก็บของของเรือ
“หาอะไรคะคุณชาย”
“ฮ้า เจอแล้ว” พุฒิภัทรหันกลับมาโดยหยิบเสื่อออกมาโชว์

พุฒิภัทรนอนลงบนเสื่อ กรองแก้วลงไปนอนตาม ทั้งคู่มองไปบนท้องฟ้าเห็นดวงดาวพร่างพราวระยิบระยับสวยงาม
“ฮ้า...ดาวสวยจังเลยค่ะคุณชาย”
พุฒิภัทรชี้ “แก้วเห็นดาวดวงนั้นมั้ย คือดาวเหนือ”
กรองแก้วชี้ตาม “นั่น ดาวเหนือ”
“แล้วที่อยู่ตรงนั้น เรียกกระจุกดาวลูกไก่ นับสิ มีกี่ดวง”
กรองแก้วนับ “หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก..หกดวง”
“มีเจ็ดดวง”
“แต่แก้วนับได้แค่หก”
“คนทั่วไปจะมองเห็นแค่หก แต่คนตาดีๆที่ชำนาญการดูดาวจะเห็นว่ามีอีกดวงนึงซ่อนอยู่..เป็นลูกไก่ตัวน้อยขี้อายน่ะ”
“ไหนคะ ดวงที่เจ็ดอยู่ตรงไหน”
“นั่นไง” พุฒิภัทรชี้
“ไหน” กรองแก้วพยายามมองตามมือพุฒิภัทร “ไม่เห็นมีเลย คุณชายหลอกแก้วหรือเปล่า”
“ผมจะหลอกคุณทำไม”
“คุณชายมืออยู่เฉยๆนะ” กรองแก้วขยับเข้ามาใกล้แล้วแนบแก้มมาใกล้แขนเพื่อมองไล่ตามนิ้วมือ “ฮ้า ดวงนั้นใช่มั้ยคะ ใช่มั้ยๆ เห็นแล้วๆๆ มีเจ็ดดวงจริงๆด้วย”
กรองแก้วดีใจ พุฒิภัทรหันหน้ามามองกรองแก้ว
“สวยจังเลยค่ะ..แล้วมีกลุ่มดาวไหนอีกค่ะคุณชาย สอนแก้วอีกสิคะ สนุกดี..คุณชายคะ” กรองแก้วหันหน้ามามองพุฒิภัทรแล้วก็ต้องผงะเพราะเห็นพุฒิภัทรมองเธออยู่โดยที่ใบหน้าของทั้งสองคนใกล้กันมาก
พุฒิภัทรมองหน้ากรองแก้วอย่างรักใคร่เอ็นดู เขาเห็นเส้นผมที่ปรกหน้าเธอจึงค่อยๆเอื้อมมือไปจัดให้อย่างทะนุถนอม
“คุณสวยที่สุดเลยแก้ว สวยกว่าดาวดวงไหนๆทุกดวง” พุฒิภัทรชม
“คุณชาย”
พุฒิภัทรไม่ปิดบังความรู้สึก เขาเอื้อมมือที่วางอยู่ข้างตัวไปกุมมือของกรองแก้ว กรองแก้วเขิน แต่ไม่ดึงมือออก กรองแก้วหลบสายตา พุฒิภัทรยิ้มที่กรองแก้วไม่ปฏิเสธ
“คุณชายขี้โกง”
“ผมแค่พูดความจริง ที่ผมรู้สึก..กับคุณ”
“ดูดาวเถอะค่ะคุณชาย”
พุฒิภัทรมองกรองแก้วแล้วอมยิ้ม
“หยุดจ้องแก้วซะทีนะคะ”
“ครับ งั้น..คืนนี้นอนดูดาวด้วยกันกับผมนะแก้ว”
“แต่ว่า..”
“คืนนี้..ตอนตีสาม จะมีดาวหาง..ผู้ที่อยู่ริมทะเล จะเห็นได้ชัดมาก แม้ว่าจะดูด้วยตาเปล่า”
“ดาวหาง?”
“ดาวหางแอลคอก..หนังสือพิมพ์เพิ่งลงเมื่อวาน..เป็นดาวหางที่ตั้งชื่อตามนักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษ อาจารย์ระวี ภาวิไล อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า..เราจะเห็นดาว ตอนตี3 ยี่สิบนาที”
“ตี3 แล้วถ้าแก้วเผลอหลับไปล่ะคะ”
“ถ้าแก้วหลับ ผมจะปลุกเอง”
“แล้วคุณชายจะไม่หลับหรือคะ”
“อยู่ใกล้ๆกับแก้วทีไร..ชั้นไม่เคยได้มีเวลาหลับเลยนะ”
“คุณชายพูดแบบนี้ ฟังแปลกๆนะคะ”

แล้วทั้งสองก็หัวเราะด้วยกัน

พระอาทิตย์ขึ้นที่ขอบฟ้า คลื่นทะเลซัดชายฝั่ง ชาวประมงกลับจากการออกเรือ หลายคนลากแหอวนขึ้นฝั่ง เรือเร็วของพุฒิภัทรแล่นฝ่าคลื่นไปจอดที่ชายหาดด้านหนึ่ง พุฒิภัทรโยนสมอเรือแล้วกระโดดลงมาจากเรือ

“ยื่นมือมาสิแก้ว”
กรองแก้วยื่นมือให้พุฒิภัทรประคองลงมาจากเรือ
“ขอบคุณค่ะคุณชาย”
พอกรองแก้วลงเหยียบพื้นก็จะดึงมือออก แต่พุฒิภัทรไม่ยอมปล่อย เขายิ้มแล้วกุมมือกรองแก้วเดินขึ้นฝั่ง กรองแก้วยิ้มแล้วเดินตาม
ทันใดนั้นพุฒิภัทรก็ต้องชะงักเมื่อเห็นย่าอ่อนยืนรออยู่ สมศรียืนข้างหลัง
“ย่าอ่อน”
ย่าอ่อนจ้องพุฒิภัทรเขม็งแล้วไล่สายตามามองมือที่กุมกัน กรองแก้วรีบดึงมือตัวเองออกแล้วยกมือไหว้ ย่าอ่อนไม่รับไหว้แต่มองกรองแก้วด้วยสายหยามๆ
“หน้าไม่อาย นัง..นัง..โอย..สมศรี ชั้นจะเป็นลม” ย่าอ่อนว่า
“ใจเย็นๆค่ะ..คุณท่านขา อย่าลืมหายใจค่ะ”
ย่าอ่อนสุดลมหายใจเพื่อตั้งสติ

ย่าอ่อนนั่งคอแข็งและดมยาดมส้มโอมือ
“ย่าไม่คิดเลยว่าคุณชายภัทรจะทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงได้ขนาดนี้” ย่าอ่อนว่า
พุฒิภัทรตามมาเคลียร์กับย่าอ่อน ส่วนกรองแก้วยืนเจียมตนอยู่ไม่ไกลนัก
“คุณย่าครับ ฟังชายอธิบายก่อน”
“ชายหญิงออกเรือ หายไปด้วยกันทั้งคืน ยังมีอะไรต้องอธิบายอีกหรือ..โดยเฉพาะไปกับผู้หญิงที่กล้าแก้ผ้าต่อหน้าสาธารณะด้วย” ย่าอ่อนว่า
กรองแก้วอึ้งที่ถูกว่ากระทบ
“แก้วไม่ได้แก้ผ้า” กรองแก้วพยายามบอก
ย่าอ่อนถลึงตาใส่ “ฉันไม่ได้พูดกับเธอ..อย่าสอด”
กรองแก้วผงะแล้วก้มหน้าลง
“คุณย่า..แก้วกับชายไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสียกันเลยนะครับ”
“แค่คุณชายไปสนิทสนมใกล้ชิดกับผู้หญิงพรรค์นี้ก็เสื่อมเสียมากพอแล้ว..คุณชายไม่ประสีประสาเรื่องมารยาหญิง ย่าเห็นมาเยอะ พวกที่อยากยกระดับตัวเอง บางคนก็ประกวดนางงาม บางคนก็หาสามีรวยๆ แต่คนบางคนก็ทำทั้งสองอย่าง หน้าไม่อาย”
“คุณย่า”
“คุณชายต้องกลับวังกับย่าเดี๋ยวนี้” ย่าอ่อนมองกรองแก้ว “กลับคนเดียว”
“แต่…”
“ไม่มีคำว่าแต่ หรือคุณชายอยากให้ย่ากับหม่อมย่าเอียดอกแตกตาย คุณชายคงไม่ได้เห็นนังผู้หญิงชั้นต่ำคนนี้ดีกว่าย่าทั้งสองคนแล้วหรอกนะ”
ย่าอ่อนพูดเด็ดขาด กรองแก้วก้มหน้าด้วยความเสียใจแต่ก็กลั้นอารมณ์ไม่ให้ตอบโต้ พุฒิภัทรลำบากใจ

กรองแก้วเดินหนีออกมาที่ริมหาดแล้วปาดน้ำตา พุฒิภัทรวิ่งตามมา
“แก้ว..แก้ว”
กรองแก้วได้ยินก็ยิ่งจ้ำหนี
พุฒิภัทรตามมาจับตัว “แก้วจะไปไหน”
“อย่ายุ่งกับแก้วเลยค่ะคุณชาย ปล่อยแก้วไปเถอะ”
“ไม่ ชั้นไม่ให้เธอไปไหนทั้งนั้น”
“แก้วไม่อยากเป็นตัวปัญหา ทำให้คุณชายเดือดร้อน ต้องขัดแย้งกับ..ผู้ใหญ่..ให้แก้วไปตามทางของแก้วดีกว่า”
“แล้วยังไง เธอจะยอมออกไปเสี่ยง ให้ท่านพินิจจับตัวไปอย่างนั้นเหรอ ถ้าเธอถูกจับไป เธอไม่คิดเหรอว่าชั้นจะเสียใจแค่ไหน”
“คุณชาย”
“ชั้นขอร้องนะแก้ว ไม่ต้องเป็นห่วงว่าชั้นจะเดือดร้อน ชั้นยินดีที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้เธอปลอดภัย เพราะเธอคือคนสำคัญของชั้น..แก้ว ชั้นจะกลับไปแก้ปัญหาทั้งหมดนี้กับย่าของชั้นที่กรุงเทพ..ส่วนเธอ..เธอรอชั้นอยู่ที่นี่ แล้วชั้นจะรีบกลับมาหาเธอ นะแก้ว เธอต้องเชื่อใจชั้น รอชั้นที่นี่ อย่าหนีไปไหนนะแก้ว”
กรองแก้วน้ำตาไหล พุฒิภัทรดึงแก้วมากอดอย่างเป็นห่วง
“ทุกอย่างมันต้องผ่านไปได้ด้วยดีแก้ว เชื่อชั้นนะ”

กรองแก้วอ้ำอึ้งและลังเล

อ่านต่อตอนที่ 8
กำลังโหลดความคิดเห็น