xs
xsm
sm
md
lg

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 2

ขณะที่นักศึกษาแพทย์ฝึกหัด พุฒิภัทรและยศวินนั่งล้อมวงกัน ทุกคนนั่งผูกโบว์เล็กๆ เป็นดอกกุหลาบประดิษฐ์สีเหลืองแล้วกองอยู่ด้านหน้า มารตีถือกล่องขนมเดินตามหา

“อ้าว มาอยู่ด้วยกันหมดทุกคนที่นี่เอง คุณหมอทั้งหลาย..มิน่า” มารตีเสียงหวานจ๋อย
พุฒิภัทรอ้ำอึ้ง
“คุณมารตี...มาเลยครับ มาช่วยกันเลย..เดี๋ยวจะเสร็จไม่ทันเอาไปขายที่ร้านของคณะแพทยศาสตร์ ในงานคืนนี้ครับ” ยศวินบอก
มารตีเดินถือกล่องขนมใบใหญ่ยิ้มแย้ม
“พี่ชายภัทรขา..จะมานั่งหลังขดหลังแข็งทำไม ดอกไม้นี่..เขาทำกันเพื่อขายหารายได้มาซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ พี่ชายภัทรรวยออก ไม่ต้องออกแรงหรอกค่ะ แค่ออกเงินก็พอ” มารตีบอก
“พี่ไม่ได้รวย..พี่เป็นหมอ ทำงานรับเงินเดือนหลวงเหมือนกับเพื่อนๆหมอทุกคน ไม่เคยใช้เวลาไปกับการหารายได้ส่วนตัว..มารตีไม่ควรพูดแบบนี้” พุฒิภัทรว่า
“แหม..พี่ชายภัทรขา..ใครๆก็ทราบ ว่า 5 สิงห์แห่งจุฑาเทพรวยขนาดไหน”
“คนรวยคือหม่อมย่าละมั้ง..ไม่ใช่พวกเรา พวกเราก็ทำงานรับเงินเดือนธรรมดาๆกันทุกคน” พุฒิภัทรบอก
“โอ๊ย..” มารตีค้อนขวับ “มารตีขี้เกียจเถียงกะพี่ชายภัทรแล้วล่ะ..ใครจะเถียงกะอาจารย์ชนะ..เนอะ”
มารตีพยักเพยิดกับพวกหมอราวกับสนิทสนมมากมาย เธอหัวเราะคิกคักแล้วเปิดกล่องกระดาษขาวออกมา ข้างในกล่องคือขนมลูกชุบที่จัดวางมาบนกระดาษรองเค้กและมีไม้สำหรับจิ้มพร้อม
“คุณหมอทุกท่านขา..ของว่างค่ะ” มารตีชวน
“ลูกชุบของคุณพี่เกษรา..” พุฒิภัทรบอก
“ไม่ใช่นะคะ มารตีทำเอง มารตีอุตส่าห์ไปหัดทำมาเพื่อพี่ชายภัทรเลยนะคะ ชิมดูก่อนสิคะ”
พุฒิภัทรเอาไม้จิ้มจิ้มใส่ปากแล้วก็อึ้ง “อืม..ทำได้รสเหมือนพี่เกษราเปี๊ยบ..ยังกับฝีมือคนๆเดียวกันแน่ะ” พุฒิภัทรมองอย่างรู้ทัน
มารตีค้อนพุฒิภัทร “นายแพทย์ยศวิน..ลองหน่อยไหมคะ”
ยศวินดูลูกชุบด้วยความชื่นชม “โอ้โห..ฝีมือชาววังใช่ไหมครับเนี่ย” ยศวินจิ้มลูกชุปใส่ปาก “ลูกชุบกับเจ้าของเหมือนกันเลยนะครับ”
“สวยสดใสน่ารับประทานใช่มั้ยคะ” มารตีถาม
ยศวินพูดเบาๆ “ข้างนอก..กับข้างใน..ไม่เหมือนกัน..ข้างนอกเป็นผลไม้ แต่ข้างใน เป็นถั่ว..”
“อะไรนะคะ ไม่ได้ยิน..” มารตีถาม
“อร่อยนะ ยศวิน กินเยอะๆเลยนะ ทุกคน ตามสบายนะ” พุฒิภัทรลุกขึ้น
“พี่ชายภัทร..ไปไหนคะ” มารตีถาม
พุฒิภัทรเดินออกมาพร้อมกระเป๋า “พี่มีนัดกับชายพีร์..ต้องไปแล้ว”
“นัดอะไรอีกล่ะคะ”
“นัดสำคัญมาก..ถ้าพี่ไม่ไป..ชายพีร์โกรธแย่” พุฒิภัทรหยิบกุหลาบจำนวนหนึ่ง “ยศวิน ขอเอาไปขายพวกที่บ้านผมนะ บ้านผมอยู่กันหลายคน ชอบทำบุญกันทั้งนั้น” พุฒิภัทรเดินลิ่วจากไป
มารตีรู้สึกเสียฟอร์มแต่ก็รีบหันมายิ้ม “พี่ชายภัทรก็เป็นอย่างนี้ทุกทีล่ะค่ะ มารตีชินแล้ว..ทำไงได้ล่ะคะ..ยังไงๆเราก็ต้องแต่งงานกัน..ผู้หญิงเราก็ต้องยอมรับนิสัยของผู้ชายที่เราจะต้องใช้ชีวิตตลอดชีวิตกับเค้าให้ได้ทุกเรื่องล่ะค่ะคุณหมอ” มารตีหัวเราะเบาๆแบบปลงๆ
บรรดาหมอ ยศวินกินลูกชุบและยกแจกเพื่อนๆ แล้วทุกคนก็หันมาหัวเราะพยักพเยิดปลอบใจมารตี

คนทั้งบ้านอิงอรวุ่นวายเตรียมตัวเตรียมของจะไปประกวด มะลิขนเสื้อผ้าเดินมา ช่างแต่งหน้า ช่างทำผมกำลังแต่งให้อิงอรกำลังจะเสร็จ กรองแก้วเดินใจลอยเข้ามาด้วยหน้าตาโทรมมาก อิงอรหันไปเห็น
“แก้ว ทำไมตาดูบวม ๆ ล่ะจ้ะ” อิงอรถาม
“เมื่อคืนแก้วนอนไม่หลับค่ะ” กรองแก้วบอก
“คงจะตื่นเต้นล่ะสิ” มะลิบอก
อิงอรลุกขึ้นจะจับกรองแก้วลงนั่งแต่งหน้าทำผม สุนันท์เดินถือรองเท้าหน้าหงิกตามมา
“อ้าว!! นี่แม่แก้วรองเท้าของหล่อน แหม ยังไม่ทันอะไรเลยทำเดินตัวเปล่าเป็นคุณนาย ชั้นไม่ใช่บ่าวของหล่อนนะยะ ที่ต้องคอยถือรองเท้าเดินตามน่ะ” สุนันท์โยนรองเท้าดังโครม
“ขอโทษนะคะคุณนันท์” กรองแก้วพูด
อิงอรรีบพากรองแก้วลงนั่งทำผมแต่งหน้า

ช่างทำผมกำลังทำผมให้กรองแก้ว
“แหมน้องกรองแก้วเนี่ยช่างสวยสมกับที่คุณอิงอรไปคุยไว้เลย ว่าท่านยอมทุ่มไม่อั้น”
กรองแก้วชะงักแล้วมองหน้าเพราะไม่เข้าใจว่าคุยอะไรกัน
“จุ๊ ๆ ไม่ต้องพูดมาก เป็นช่างผม ก็ทำผมไป เกล้าเลยเอาให้สวย ๆ ล่ะ”
“ค่ะ ๆ” ช่างทำผมรับคำ
“เร็ว ๆ ด้วย เดี๋ยวคุณนายใบบัวจะมารับแล้ว”

มะลิเร่งเป็นการใหญ่

ด้านพุฒิภัทรกำลังขายกุหลาบเหลืองให้พวกบ่าวในวังจุฑาเทพ

“ทำบุญร่วมกันนะ…แล้วแต่จะศรัทธา มีมากให้มาก มีน้อยให้น้อย เพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ เพราะโรงพยาบาลของเรา นอกจากงบประมาณของสาธารณสุขที่มีไม่มากแล้ว..ก็ได้จากความช่วยเหลือของประชาชนนี่แหละ” พุฒิภัทรเชิญชวน
“คนอื่นเขาแจกซองกฐิน แต่คุณชายเอาดอกไม้ของโรงพยาบาลมาขาย” สมศรีบอก
“ทำบุญกับโรงพยาบาลก็ดีนะครับ เท่ากับได้ช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน” สมบุญพูด
“มาค่ะ..หนูมี..” แจ๋วล้วงกระเป๋าแล้วหยิบเงินออกมาทั้งหมดประมาณ 5 บาท “เท่านี้..ได้ไหมคะ
“ได้สิ” พุฒิภัทรบอก แจ๋วส่งดอกไม้ให้
สมบุญจบเงินแล้วยื่นให้ คนที่เหลือทำตาม พุฒิภัทรให้ดอกไม้แต่ละคน
“สาธุ..ขอให้มีสุขภาพที่ดี ไม่เจ็บ ไม่ไข้นะจ๊ะ” พุฒิภัทรอวยพร
“สาธุ..” บ่าวรับ
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนเดินออกมา
“อ้าว..นี่จะสิ้นปีอีกแล้วหรอ ชายภัทรเอาดอกไม้ที่พวกนักเรียนแพทย์ทำ มาขายอีกแล้ว” อ่อนบอก
“ดีๆๆ เหลือกี่ดอก..พ่อคุณ..มา ย่าซื้อเอง จะได้เอาไปปักแจกันหน้าพระพุทธรูปในห้องพระด้วย คนจนเจ็บป่วยลำบากเยอะจริงๆ..นี่พวกเรา ทุกคนรู้ไหม ว่าโรงพยาบาลศิริราชที่เป็นโรงพยาบาลเพื่อประชาชนแห่งแรกนั่น เกิดขึ้นเพราะล้นเกล้ารัชกาลที่5พระราชทานให้เป็นสถานที่รักษาแก่ประชาชนอย่างเท่าเทียมกันนะ” หม่อมเอียดพูด
“แต่ในระหว่างที่เตรียมการก่อสร้างโรงพยาบาล สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ พระราชโอรสในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ได้ประชวรโรคบิดสิ้นพระชนม์ลง ทำให้ทรงเสียพระทัยมากๆ ก็เลยทำให้พระราชปณิธานที่จะให้มีโรงพยาบาลนี้ยิ่งแรงกล้าขึ้นอีกด้วยนะ”
“ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ฯ ให้แก่โรงพยาบาลด้วยครับ” พุฒิภัทรเสริม
“นั่นสิ มาตอนนี้ก็ถึงตาประชาชนอย่างพวกเราช่วยทำบุญให้โรงพยาบาลต่างๆ กันบ้าง ดีใจนะ ที่ชายภัทรทำให้พวกเราทุกคนได้มาทำบุญด้วยกัน มาๆ ชายภัทร ตามมารับเงินย่าเร็ว”
พุฒิภัทรยิ้มแล้วรีบเดินตามไป

ห้องวิมานสีชมพูอันเลื่องชื่อ ตกแต่งด้วยสีชมพูทั้งม่าน ชุดคลุมเตียง ข้าวของ และรูปภาพ แม่บ้านกำลังทำเตียงอยู่ คุณหญิงอำไพถือกุหลาบชมพูหอบใหญ่เข้ามา
“เอ้า..แม่บ้าน..ทำเตียงเสร็จแล้วจัดดอกไม้ด้วยจ้ะ ใส่แจกันใหญ่ไว้ในห้องนี้ ให้ดอกกุหลาบหอมตรหลบไปทั้งห้องเลยนะ แล้วที่เหลือ ก็เอาใส่แจกันเล็ก แจกันน้อย เอาไปวางให้ทั่วบ้าน”
แม่บ้านรีบเข้ามารับ เธอมองด้วยสีหน้าเห็นใจ
“คุณหญิงคะ..คุณหญิงช่างมีหัวใจอันกว้างใหญ่ดุจแม่น้ำ”
“อย่ามาพิราบร่ำรำพันอยู่เลย เดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก ไม่รู้หรือไร ว่าพอคืนนี้ เดี๋ยวผลประกวดนางสาวศรีสยามออก..เธอก็จะได้เจ้านายหญิงคนใหม่ สำหรับวิมานนี้สีชมพูแล้ว จัดห้องหอให้ท่านไม่ทัน เดี๋ยวได้โดนด่าเปิงไปตามๆ กันนะ”
พลเอกพินิจและสมุนสองคนเดินเข้ามา ท่านตรงเข้ามากอดคุณหญิงอำไพ
“คุณหญิงที่แสนสวย แสนเก่ง และแสนดีของผม..ทำไมยังไม่ไปแต่งตัวอีกล่ะจ๊ะ..” ท่านนายพลถาม
คุณหญิงอำไพหันมายิ้มหวาน “จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ แต่ขอมากำกับดูแลตกแต่งวิมานของท่านให้เรียบร้อยก่อน เดี๋ยวคืนนี้ ท่านพาผู้ครองมงกุฎคนใหม่มาขึ้นวิมาน ดิฉันเกรงว่า..วิมานจะไม่เรียบร้อย เดี๋ยวคืนสำคัญของท่านจะไม่ราบรื่นไงคะ”
“ผมรักคุณจริงๆ ” ท่านนายพลตรงเข้ามาสวมกอดคุณหญิง
“ขอเป็นแหวนเพชรซัก10กะรัตแทน..ไหมคะ” อำไพหัวเราะเยาะหยันแล้วพลิ้วจากไป
นายพลพินิจมองตามไปนิดๆ แล้วหันมาดูรอบๆ ห้องด้วยความพอใจ
“ผู้ครองมงกุฎ...จึงคู่ควรกับเพชรยอดมงกุฎ..อย่างเรา…หึๆๆๆ” นายพลพินิจหัวเราะในลำคอ

รณพีร์ยืนรอข้างรถสปอร์ตซีดานคันงามในชุดสูทหล่อเท่
ถนอมขัดตรารถจนมันวาว “รถแจ๋วพอที่จะไปออกงานแจ๋วๆแล้วครับ คุณชายพีร์”
รณพีร์หงุดหงิด “คนน่ะสิ เมื่อไหร่จะเสร็จ เห็นว่ากลับมาแต่บ่ายแล้ว แต่มัวเถลไถลทำเป็นพ่อบุษบาริมทาง..เดินขายดอกไม้ไปรอบวัง..แทนที่จะรีบขัดสีฉวีวรรณให้หล่อๆ” รณพีร์ส่ายหัว “จะพาไปฉายโฉมให้สาวสังคมยลซะหน่อย แต่พี่ชายชั้นคนนี้ ก็หาให้ความร่วมมือไม่ เบื่อจริง”
พุฒิภัทรเดินลงมาในชุดสูทสีเข้มดูดี
ถนอมหันไปเห็น “โอ้..มาแล้ว”
“ไม่รู้จะเร่งอะไรเรานักหนา เขาไม่ได้ประกวดกันดึกๆหรือ รีบไปทำไมแต่หัววัน ถ้าไปดูชกมวย..อย่างโผน กิ่งเพชร ยังจะน่าตื่นเต้นมากกว่า” พุฒิภัทรว่า
รณพีร์แอบหลิ่วตาให้ถนอม


เสียงคุณนายใบบัวดังเข้ามาก่อนตัว
“ไหนๆ เด็กที่ว่า ลือกันนักกันหนาว่าสวยแจ่ม จนชั้นต้องขอตามมาดูตัวให้เห็นชัดๆ ก่อนขึ้นเวทีซักหน่อย”
“เดี๋ยวคุณนายดูเอาเองก็แล้วกัน รับรองคนนี้ได้มงกุฎแน่ ๆ ถ้าไม่สวยจริง ชั้นไม่กล้าเอาไปเสนอท่านหรอก” อิงอรว่า
“เดี๋ยวก็รู้..ถ้าไม่ดีจริง..ท่านมาเห็น คุณอิงอรนั่นแหละ จะลำบาก” ใบบัวบอก
“ขี้คร้าน ท่านจะให้รางวัลดีฉันเพิ่มล่ะไม่ว่า...นั่นไงมาแล้วค่ะ”
มะลิพากรองแก้วที่ทำผมเกล้าและแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จแล้วเดินเข้ามา ทุกคนตะลึง
“หา..นังแก้ว..มันสวยขนาดนี้เลยเหรอ” สุนันท์ตะลึง
“โอ้โห..สวยจริงๆ ด้วย คุณอิงอร” ใบบัวกระซิบ “งั้นชั้นจะรีบไปโทเรียนท่านเดี๋ยวนี้เลย..ว่างานนี้ คุ้ม คุณอิงอร..แบบนี้ท่านไม่อั้นแน่ๆ” ใบบัวรีบเดินไปหาโทรศัพท์

อิงอรยิ้มอย่างเปี่ยมสุขเมื่อนึกถึงเงินที่จะได้มา

คนขับรถ มะลิ ช่างหน้าช่างผม ขนของขึ้นรถคุณนายใบบัว ใบบัวประคองกรองแก้วเดินมาราวกับเป็นไข่ในหิน

“หนูกรองแก้วมานั่งรถชั้นนี่เลย จะได้ไม่ต้องไปเบียดกับพวกนั้น มาเลยมา” ใบบัวหันไปสั่งมะลิ “ส่วนเธอรอไปพร้อมคุณอิงอร บอกด้วยว่าชั้นไม่รอ ชั้นจะรีบไปเจอท่าน ..เอ้ย รีบไปงาน”
ใบบัวพากรองแก้วขึ้นรถ
“อ้าว แก้วรีบร้อนจนลืมรองเท้าแล้วมั้ยล่ะ ไปวางเอาไว้ที่ไหน...เดี๋ยวพี่ไปหยิบให้” มะลิถาม
“ไม่ต้องค่ะพี่มะลิ เดี๋ยวแก้วไปเอาเอง คงลืมไว้ที่ห้องแต่งตัวน่ะค่ะ” กรองแก้วบอก
กรองแก้วจะเดินออกไป
ใบบัวรีบตะโกนบอก “แล้วรีบกลับมานะจ๊ะ”


กรองแก้วเดินมาถึงประตูห้องก็เห็นไกรฤกษ์กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ที่กระเป๋าของอิงอร กรองแก้วเลยชะงักเพราะไม่กล้าเข้าไป ไกรฤกษ์กำลังจะจิ๊กเงินจากกระเป๋าอิงอร สุนันท์กับอิงอรเดินเข้ามาอีกทางหนึ่ง
“ไอ้ฤกษ์..ทำอะไรน่ะ” สุนันท์เสียงดัง
“แม่..ขอตังค์หน่อย” ไกรฤกษ์บอก
“ว่าแล้ว..ไอ้ลูกชั่ว..คนเลวๆ อย่างแก จะมีอะไร นอกจากแอบขโมยเงินไปกินเหล้า” อิงอรว่า
กรองแก้วได้ยินวาจากระด้างของอิงอรก็ตกใจจนตาโต
“แม่..อย่าไปให้ ไอ้ฤกษ์มันเกือบทำสินค้าของแม่มีราคี รู้หรือเปล่า ดีนะ ที่นังแก้วมันไม่เล่นด้วย ไม่งั้น ท่านจับได้ว่ามันไม่สดซะแล้ว..เราจะโดนหนัก” สุนันท์บอก
กรองแก้วได้ยินก็ถึงกับมึน
“แหม อีน้องปากบอน ไม่ต้องมาทำฟ้องเลย คราวที่แล้วชั้นก็จัดการยัยนางงามช้างเผือกจากในป่านั่นไปเหมือนกัน..ไอ้แก่ท่านมันไม่เห็นจะรู้เลย แต่ที่จริงพวกมีประสบการณ์กับผมแล้วนี่..ท่านน่าจะชอบนะ เพราะจะได้รู้จักบำรุงบำเรอท่านให้ถึงอกถึงใจได้”
“พอเถอะ ฤกษ์ วันๆแกเคยทำประโยชน์อะไรให้บ้านเราบ้างไหม รู้ก็รู้ ว่ากิจการร้านเสื้ออิงอรของเรา..ที่ไม่เจ๊งไป ก็เพราะท่านอุปภัมภ์อยู่ เพราะเราคอยจัดหานางงาม ดารา นางแบบให้ท่านไม่ขาด ไม่งั้นป่านนี้เราคงต้องขายบ้านไปแล้วมั้ง แกยังหน้ามืด..ข่มขืนเด็กนางงามที่ท่านจองได้ลงคอ อยากจะไม่มีที่ซุกหัวนอนหรือไง” อิงอรว่า
“แล้วนังกรองแก้วคนนี้ ท่านจะให้ราคาแม่เท่าไหร่ล่ะ สวยๆแบบนี้คงได้เยอะกว่าคนปีที่แล้วล่ะสิ ยังไงแม่ก็แบ่งลูกบ้างนะ ลูกอดอยากจะตายแล้ว” ไกรฤกษ์ถาม
“ถ้าได้ตำแหน่งนางสาวศรีสยาม ก็ได้หลายพัน ท่านอยากได้คนที่ครองมงกุฎ แต่ถ้าได้รอง ก็เหลือสักพัน” สุนันท์บอก
กรองแก้วฟังแล้วก็สยอง
“ถ้าตกรอบ..ก็เหลือไม่กี่ร้อย” อิงอรพูดต่อ
“โอ้โห..ท่านนี่ก็รวยจริงๆ ให้ค่าตัวนางงามเท่ารางวัลที่ตัวนางงามได้จากกองประกวดเลยแล้วแม่ได้จากท่านแล้ว ยังจะแบ่งรางวัลจากเด็กอีกหรือเปล่าล่ะ” ไกรฤกษ์ถาม
“ถ้ารับจากท่านเต็มเม็ดเต็มหน่วยจริงๆ แม่ก็ไม่ใจดำพอที่จะไปหักเปอร์เซ็นต์เด็กมันอีกหรอก..อย่างยายแก้วเนี่ย..พ่อมันเป็นภารโรงโรงเรียนป้าบุษไงล่ะ..แล้วป่วยเป็นอะไรที่สมองไม่รู้..ถ้ามันได้ตำแหน่ง ก็ให้มันเอาเงินรางวัลไปรักษาพ่อได้ทั้งหมดเลย” อิงอรเล่า
“อ้าว..ได้เหรอแม่ ทำแบบนั้นไม่ได้นะ ยังไงแม่ก็ต้องหักมา30% แม่ไม่เอา หนูเอา” สุนันท์บอก
“ผมก็เอา” ไกรฤกษ์พูด
ทั้งสามแม่ลูกคุยกันต่อ กรองแก้วที่แอบฟังอยู่หลังต้นไม้หน้าซีดและช็อคสุดๆ

รณพีร์เดินนำพุฒิภัทรมาที่หน้าเวทีในตำแหน่งที่นั่งตรงกลางพอดี วงดนตรีบนเวทีกำลังเล่นเพลงสุนทราภรณ์อยู่ นักร้องสาวกำลังร้องเพลงหวานซึ้งอยู่
“เป็นไงล่ะครับ พี่ชายภัทร..ผมบอกแล้ว ว่าที่นั่งของเราใกล้ชิดที่สุด เห็นชัดที่สุด รับรอง..ว่าพี่ชายจะสามารถสบตานางงามได้แบบในระยะประชิดเชียวล่ะ..โอ๊ะ”
พูดจบรณพีร์ก็ชะงักเล็กน้อย
คณะของท่านพินิจกำลังเดินอาดๆเข้ามาโดยมีเจ้าหน้าที่ของงานต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี
“ท่านพินิจ..มาช้อนนางงามกลับบ้านอีกแล้ว..” รณพีร์บอก
พุฒิภัทรขมวดคิ้วเพราะไม่ค่อยชอบใจ
รณพีร์กระซิบ “ดูสิ ภรรยาของท่านสวยขนาดไหน ท่านยังไม่รู้จักพอ..แย่มาก”
“แล้วภรรยาท่านก็รู้เห็นเป็นใจกับกิจกรรมแบบนี้ด้วยเหรอ” พุฒิภัทรถาม
“พี่ชายภัทร..เห็นยัยป้าชุดเขียว..ที่ใส่เพชรพรึ่บนั่นไหม”
พุฒิภัทรมองเห็นคุณนายใบบัว
“เห็น..ทำไมเหรอ”
“นั่นแหละ นายหน้า..หรือจะเรียกว่า..แม่เล้าของท่านก็ได้ ยัยนี่ทำหน้าที่เป็นสเก๊าท์ แมวมอง เที่ยวล่าหาหญิงสาวสวยมาป้อนวิมานนี้สีชมพูของท่านพินิจ”
ใบบัวปรี่ไปรับท่านนายพลพินิจ
“ท่านขา..มาได้เวลาพอดี..นางงามในชุดว่ายน้ำกำลังจะออกมาโชว์ตัวพอดีค่ะ..ท่าน”
คุณหญิงอำไพมองเหยียดๆ “แหม..คุณใบบัว..อย่าให้มันประเจิดประเจ้อนักสิคะ”
“อุ๊ย..แหม คุณหญิงขา..เดี๊ยนไม่กล้าหรอกค่า..ท่านขา เชิญค่ะ ที่นั่งของท่านอยู่ตรงกลาง หน้าสุดเลยค่า..”
ใบบัวนำคณะของพินิจมาทาง 2 หนุ่มบริเวณที่นั่งที่ใกล้กันซึ่งเป็นตรงกลางเวทีพอดี ท่านพินิจมองหน้าพุฒิภัทรแล้วเลิกคิ้วอย่างจำได้ปนสงสัย พุฒิภัทรกับรณพีร์ ต่างพากันยกมือไหว้
พินิจรับไหว้ “คุณหมอ..ไม่ยักทราบ..ว่าคุณหมอก็ชอบดูประกวดนางงามเหมือนกัน”
พุฒิภัทรยิ้มๆ “พอดี..ผมได้บัตรเชิญน่ะครับ”
เจ้าหน้าที่ดูเลขบัตรแล้วจัดให้พินิจกับพุฒิภัทรต่างนั่งลงในที่นั่งตรงกลางที่ติดกันพอดี โดยรณพีร์นั่งทางขวาของพุมิภัทร พินิจนั่งซ้าย และคนอื่นๆในคณะของพินิจก็ลงนั่งที่ถัดออกไปด้านข้างของท่านตามลำดับ
เมื่อนั่งเสร็จเรียบร้อย คุณหญิงก็ชะโงกหน้ามายิ้มให้พุฒิภัทร พุฒิภัทรยกมือไหว้ รณพีร์รีบยื่นหน้าไปไหว้ด้วย พินิจกับพุฒิภัทรนั่งติดกันแบบไหล่กระทบไหล่

ทั้งสองต่างหันมายิ้มให้กันแบบไม่มีใครยอมใคร

บรรยากาศหลังเวทีกำลังวุ่นวาย เหล่านางงามและพี่เลี้ยงกำลังเตรียมตัวจะขึ้นเวที กรองแก้วยืนแอบอยู่ที่มุมหนึ่งด้วยสีหน้าตื่นตระหนกเพราะกำลังคิดหนักว่าจะหนีหรือไม่หนีดี

ในที่สุดกรองแก้วก็ตัดสินใจจะหลบออกไปหลังเวที แต่มะลิเดินเข้ามาเห็นพอดี
“แก้ว..มาแอบอยู่ตรงนี้เอง ทำอะไรน่ะ”
“พี่มะลิ..แก้ว..แก้ว..”
“เป็นอะไร ทำไมยังไม่ไปเติมหน้าแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าอีก”
“พี่มะลิ...แก้ว” กรองแก้วดึงมะลิไปที่อื่น

กรองแก้วกราบที่อกมะลิแล้ววิงวอนทั้งน้ำตา
“แก้ว...ไม่อยากประกวดแล้ว”
“อ้าว...ทำไมล่ะ”
“แก้ว..กำลังจะขึ้นไป..เป็นสินค้า...ให้เค้าเอาขึ้นไปเร่ขายบนนั้น..พี่มะลิก็รู้ ใช่ไหมจ๊ะ”
“แก้ว…”
“คุณอิงอร..หน้าตาสวยๆ แต่ใจร้ายเหลือเกิน..พ่อบอกแก้วแล้ว..ว่า..ว่าจะไว้ใจใครได้เหรอ แต่แก้วไม่เชื่อ..แก้ว..แก้วเพิ่งรู้..ว่าคนกรุงเทพเขาหน้าตาดีๆ..แต่งตัวดีๆ พูดจาเพราะ..แต่ความจริง..มันไม่ใช่แบบนั้น พวกเค้าใจร้ายมาก..เราก็เป็นแค่เหยื่อ..แค่ผักปลาอะไรซักชนิดนึงสำหรับเค้า เค้าไม่ได้มองเราเป็นคน..ไม่ได้เห็นว่าเราก็เป็นเด็กคนนึง..เท่าๆกับลูกสาวเค้าเหมือนกัน..” กรองแก้วน้ำตาไหล
มะลิสะเทือนใจ “แก้ว..ถ้าอย่างนั้น...แก้วก็ไม่ต้องขึ้นไปประกวดก็ได้นะ..พี่จะบอกทุกคน..ว่าแก้ว..ไม่สบาย..”
กรองแก้วพนมมือไหว้ “ขอบคุณ..ขอบคุณค่ะพี่..”
“งั้น..แก้วรีบไปซะ”
“ค่ะ..” กรองแก้วหันรีหันขวางแล้ววิ่งหนีไปในความมืด
มะลิยืนอึ้ง

นักร้องหญิง-ชายบนเวทีกำลังร้องเพลงคู่แนวสนุกสนาน พินิจดูอย่างสนุกสนาน พุฒิภัทรก็นั่งดูดนตรีแต่ใจลอย
รณพีร์กระซิบ “พี่ชายภัทรกำลังคิดอะไรครับ”
“กำลังคิดว่า..ที่จริงวันนี้ฉันอยู่เวรออนคอล..ถ้ามีอะไรฉุกเฉิน..ทางโรงพยาบาลก็อาจโทมาตามฉันที่บ้าน..ตอนสักสามทุ่ม”
“โห..” รณพีร์อึ้ง
พุฒิภัทรมองหน้าแล้วหัวเราะ “แล้วนายล่ะ กำลังคิดอะไร”
“ผมกำลังคิดอธิษฐานว่า..สาธุ..ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาล..ให้พี่ชายผมพบเนื้อคู่ในคืนนี้ด้วยเถอะ ผมอยากรู้..ว่าจะมีนางงามคนไหนไหม ที่จะทำให้พี่ชายตะลึงตะลานจนตาค้างได้”
“ทะลึ่ง”
รณพีร์หัวเราะชอบใจ

เสียงเพลงดังมาจากหน้าเวที มะลิเดินมาที่โต๊ะด้วยสีหน้าปลงๆ
ช่างแต่งหน้าเดินมาพอดี “อ้าว..กรองแก้วล่ะ”
“อ่อ..คือ..กรองแก้วเค้า..”
อิงอรเดินเข้ามามองหา มะลิเงยหน้าขึ้นแล้วก็ผงะ
“ยายกรองแก้วล่ะ..ท่านมาถึงแล้วนะ..ชั้นอยากจะดูก่อน ว่ายัยกรองแก้วสวยพอหรือยัง..สมกับที่ชั้นคาดหวังไว้หรือเปล่า”
“คุณคะ..คือ..กรองแก้วเค้า..ไม่..”
มะลิกำลังจะพูดแต่กลับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นกรองแก้วเดินมาด้วยใบหน้าซีดแต่แววตาตัดสินใจเด็ดเดี่ยว
“แก้ว..” มะลิอึ้ง
อิงอรหันไปแล้วขมวดคิ้ว “อ้าว..แก้ว..ยังไม่เปลี่ยนชุดอีก..มัวทำอะไรอยู่”
“แก้ว..แก้ว..รู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อยค่ะ..แต่ตอนนี้..ค่อยยังชั่วแล้ว..”
มะลิมองกรองแก้วด้วยความเป็นห่วงและสงสาร
กรองแก้วมองตอบ “พี่มะลิ..แก้ว..แก้วหายแล้ว..แก้ว..แก้วจะพลาดการประกวดครั้งนี้ไม่ได้”
“ก็ใช่น่ะสิ เธอจะพลาดได้ยังไง ความสวยของเธอกินขาด ชนะเลิศทุกคน..เธอต้องได้มงกุฏนางสาวศรีสยามแน่ มาแก้ว..ฉันจะแต่งตัวให้เธอเอง..เร็ว..ไปเปลี่ยนชุดก่อน..หน้าค่อยเติมทีหลัง เดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก” อิงอรจูงกรองแก้วเข้าไปด้านใน
กรองแก้วหันมามองหน้ามะลิด้วยแววตาเหมือนสัตว์ที่จะถูกเอาไปฆ่า
มะลิมองตามอย่างอึ้งๆ และใจหายวับ ด้วยความสงสาร

รณพีร์เดินเบียดคนที่ส่วนใหญ่ที่เป็นนักข่าวกับช่างภาพที่อออยู่หน้าเวทีเพราะรอถ่ายภาพนางงาม รณพีร์พูดขอโทษครับมาตลอดทาง เขายิ้ม ทักคนนั้นทีคนนี้ที เขาตบบ่า กอด รับไหว้ และยกมือไหว้ใครๆมาตลอดทางตามประสาคนที่รู้จักคนเยอะ รณพีร์เดินกลับมาที่แถวที่นั่ง เขาถือขวดน้ำโซดามาให้พุฒิภัทรกับตัวเองคนละขวด
บนเวทีเป็นการร้องเพลงของนักร้องสาว พินิจดื่มบรั่นดี น้ำเย็น ที่มีโต๊ะเตี้ยตั้งให้เป็นพิเศษตรงหน้า
พินิจหันมาเห็น “อ้าว..คุณชาย..ทำไมดื่มอะไรไม่เป็นสับปะรดแบบนั้นล่ะ รับบรั่นดีหรือวิสกี้ไหม”
“ไม่ล่ะครับ ขอบพระคุณ” พุฒิภัทรบอก
รณพีร์กระซิบแบบรวนๆ “ไม่ได้ดื่มน้ำสับปะรด แล้วมันจะเป็นสับปะรดได้ยังไง เนาะ”
พุฒิภัทรหัวเราะ
อิงอรกับคุณนายใบบัวนั่งอยู่ด้วยกันที่ข้างเวที ทั้งสองกระซิบกระซาบกันอย่างจริงจัง แล้วคุณนายใบบัวก็หัวเราะคิกคักก่อนจะรีบแจ้นเข้ามานั่งคุกเข่าแทรกระหว่างพุฒิภัทรกับพินิจ ไหล่ของใบบัวเบียดตักพุฒิภัทรจนพุฒิภัทรต้องเอียงตัวให้แบบงงๆปนรังเกียจหน่อยๆ
ใบบัวเอียงตัวไปแนบติดแล้วเอามือป้องหูกระซิบพินิจ “เดี๋ยวท่านคอยดูนะคะ หนูกรองแก้ว เบอร์8 สาวงามจากอยุธยา..เด็กของคุณนายอิงอร..สวยมาก..ได้ครองมงกุฎนางสาวศรีสยามแน่ๆ”
พินิจหันไปชะโงกดูอิงอร อิงอรยิ้มหวานทำท่ากระชดกระช้อยย่อตัว พลางโบกมือแบบทำนิ้วพรมๆอากาศให้ พินิจยกมือบ๊ายบายแบบเจ้าชู้ตอบ ใบบัวมองเหล่ๆ แล้วค้อนหันไปทางอื่นเหมือนไม่อยากสนใจ
พินิจหันกลับมากระซิบตอบ “เด็กคุณอิงอรปีที่แล้วก็ได้มงกุฎ ผมเอามาเลี้ยงดูอย่างดีอยู่หลายเดือน”
“หนูอ้อยคนนั้นแค่มีดีที่หน้าสวย..แต่กรองแก้วคนนี้..สวยทั้งเนื้อทั้งตัวทั้งหน้าตาค่ะ อายุ19 เพิ่งจบมัธยมมา สดเปรี๊ยะๆขบเผาะๆ รับรองค่ะ ว่าคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายแน่ๆ” ใบบัวบรรยาย
พุฒิภัทรได้ยินเต็มที่ก็ทำหน้าขยะแขยงก่อนจะเอนตัวมากระซิบรณพีร์

“ได้ยินไหม ว่าพวกนางงามพวกนี้ มาประกวดเพื่อจะได้ขายตัวได้ราคาดีๆเท่านั้นเอง”

ดูเหมือนพุฒิภัทรจะมีอคติต่อนางงามมากๆ

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 2 (ต่อ)

กรองแก้วสวมใส่ชุดว่ายน้ำนางงามสมัยนิยม ที่ตัดเย็บข้างในเหมือนเป็นกางเกงในอีกชั้นหนึ่ง ส่วนข้างนอกเป็นอีกชั้นเหมือนกระโปรงพอดีตัวสั้นเสมอเป้า ทั้งชุดตัดด้วยผ้าไหมไทยสีแดงขับผิวขาวของเธอ

มีสายสะพายสปอนเซอร์กำมะหยี่สีน้ำเงินคาด ซึ่งปักเด่นหราด้วยตัวหนังสือสีเหลืองว่า “เสริมสวยอิงอร” และป้ายติดโบว์แปะตรงสะโพกเบอร์ 8
ทรงผมของกรองแก้วยีเกล้าเป็นทรงเตรียมรับมงกุฎ แต่งหน้าเข้ม สโมคกี้อายส์มากกว่าเดิมจนดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน มะลิกับช่างแต่งหน้า ยังตามช่วยกันปัดแก้มและจัดเสื้อผ้าให้
“ปัดมาสคาร่าเพิ่มก่อนจ้ะ” มะลิบอก
“ไม่ต้องแล้วค่ะ ตาแก้วหนักมากจนจะปิดอยู่แล้ว” กรองแก้วบอก
“ก็ร้องไห้จนตาบวมขนาดนี้..ช่างเขาต้องเอารองพื้นกลบแทบแย่”
นางงามเบอร์ 7 ที่ต่อไปจะได้ตำแหน่งรองมายืนฟังอยู่พอดีเอ่ยถามขึ้น
“ร้องไห้ทำไม..ใครๆ ก็ว่าเธอเป็นตัวเก็งนะ หรือว่า..กลัวแพ้ชั้น” นางงามเบอร์ 7 หัวเราะคิกคัก “แต่อย่างว่าล่ะนะ เรื่องแบบนี้ มันอยู่ที่ดวง ไม่มีอะไรแน่นอนหรอก”
“งั้นก็ขอให้คุณสมหวังก็แล้วกันนะคะคุณ แก้วเขาก็ไม่อยากจะได้เท่าไหร่หรอกที่1น่ะ..เอาที่ 2 ก็พอ..จริงไหมแก้ว” มะลิหันไปถาม
“มีด้วยเหรอพี่ คนไม่อยากได้ที่1”
“มีสิ เพราะคนที่ได้ที่ 1 ต้องไปเป็นอนุท่านพินิจ ท่านพินิจนะ พวกรองนางงาม ท่านรับไม่ลง ต้องที่ 1เท่านั้น แล้วก็ไม่มีใครกล้าขัดใจท่านด้วย”
“เป็นอนุท่านพินิจก็ดีสิ ท่านให้บ้าน ให้รถ ให้ชีวิตใหม่ เราจะไม่ต้องยากจนอีกต่อไป มีเพชร มีทอง มีทุกสิ่งทุกอย่าง ที่สองได้แค่2พันเอง ใช้เดี๋ยวเดียวก็หมด..ที่1ได้ 5พันบาท แล้วก็จะมีทุกอย่างที่ต้องการ “ นางงามเบอร์ 7 เดินเชิดๆโยกย้ายสะโพกไปประจำที่
กรองแก้วถามมะลิ “ที่ 1 ได้ 5 พันบาท ที่ 2 ได้ 2 พันบาท...ต่างกันครึ่งต่อครึ่งเลยเหรอ!!”
“ใช่ ..ต่างกันครึ่งต่อครึ่งเลยละ”
กรองแก้วนิ่งคิดนิดนึงแล้วเดินมาส่องกระจก เธอสูดลมหายใจลึกแล้วเชิดหน้าก่อนจะตัดสินใจ “พี่มะลิคะ”
“อะไรจ๊ะ”
กรองแก้วพูดเสียงจริงจัง “ปัดขนตาให้แก้วเพิ่มอีกเถอะค่ะ”
มะลิงง

นางงามเบอร์ 3 เดินโชว์ตัวอยู่บนเวทีด้วยท่าเดินนวยนาดเข้าจังหวะเพลงแล้วมาโปรยยิ้มที่กลางเวที นางงามเบอร์1-2 เดินมาตั้งแถวยืนท่าตัวเอสเฉียง45องศาเหมือนกัน ทั้งสองยิ้มยิงฟันและทำตาเบิกโพลงรออยู่แล้ว พิธีกรประกาศ
“หมายเลข 4 นางสาวสิริโฉม พรฉวี สาวงามจากจังหวัดธนบุรี บริษัทสยามอินเตอร์ค้าข้าว ส่งเข้าประกวด..”
พินิจกับใบบัวชะเง้อรอดูอยู่
รณพีร์ตาโตเป็นประกายแวววาว แต่พุฒิภัทรกอดอกอย่างเซ็งๆ
ยังไม่มีใครเดินออกมา
พิธีกรประกาศซ้ำ “หมายเลข 4 นางสาวสิริโฉม...”
นางงามเบอร์4ยืนงงอยู่ที่หลังเวที
“ใครวะชื่อสิริโฉม รีบออกไปสิ” นางงามเบอร์ 4 หันมาเร่งเพื่อนๆ
“เธอนั่นแหละ แม่สมหมาย แซ่ฉั่ว”
“ว้าย..จริงด้วยๆ ลืม” นางงามเบอร์ 4 รีบออกไป
เพื่อนๆ นางงามหัวเราะเฮฮา
นางงามเบอร์ 4 เดินออกมาแล้วโน้มตัวลงนั่งไหว้ชดช้อย คณะกรรมการพากันปรึกษาแล้วกรอกคะแนน
“โอวว..ขาวจัง..พี่ชายภัทร..ดูสิครับ มาแล้วๆๆ” รณพีร์ชี้ชวน
พุฒิภัทรกอดอกอย่างเบื่อๆ “มีแต่พวกไร้สติปัญญา..ให้เวลาอีก 10 นาทีนะ ชายพีร์ ไม่งั้นชั้นจะหลับแล้ว”
คุณนายใบบัวพูดกับพินิจ “คอยดูนะคะ เบอร์ 8 ค่ะ เบอร์ 8”
“เบอร์ 8 ทำไมเหรอจ๊ะ”
“อ๋อ..ก็..เป็นตัวเก็งไงคะ..ท่านผู้หญิง..คิๆ”
ท่านผู้หญิงทำหน้าเซ็งๆ พินิจโอบเอาใจ
“หมายเลข 7 นางสาวกนกลักษณ์ รักษะสิน สาวงามจากจังหวัดพระนคร สมาคมพ่อค้าขายส่ง ส่งเข้าประกวด”
นางงามเบอร์ 7 ที่เป็นตัวเก็งเดินออกมา
“นี่ไง ตัวเก็งอีกตัว แต่สู้ยัยแก้วของเราไม่ได้หรอก” อิงอรบอก
“แล้วพองานจบ ยัยแก้วได้มงกุฎ ก็ไปขึ้นห้องกะท่านเลยใช่ไหมแม่ ไม่ต้องกลับมาบ้านเราอีกแล้วใช่ไหมแม่”
“เสียดายแย่ อด หมดกัน..” ไกรฤกษ์บอก
“เงียบไปเลย เด็กบ้า ถ้าอยากได้เงิน ก็ต้องทำตัวให้ดีๆ สิยะ นายไกร..” อิงอรว่า
“หมายเลข 8 นางสาวกรองแก้ว บุญมี สาวงามจากจังหวัดอยุธยา ร้านเสริมสวยอิงอร ส่งเข้าประกวด”
กรองแก้วเดินออกมาไหว้อย่างสวยงามแล้วเดินมาโชว์ตัวตามทางเดินบนเวที ครอบครัวอิงอรดูกัน อย่างทึ่งๆ พุฒิภัทรกำลังเงยหน้าขึ้นดื่มโซดาจากขวด แล้วเขาก็ก้มลงก่อนจะเอาขวดโซดาวางโดยเล็งให้อยู่ตรงขาเก้าอี้จะได้ไม่เผลอเตะล้ม
นายพลพินิจมองอย่างตกตะลึงจนอ้าปากค้าง แก้วบรั่นดีในมือของเขาสั่นระริก แล้วในที่สุดพินิจก็ต้องวางแก้วลงด้วยท่าทีนิ่งขึง สายตาของเขามองตามกรองแก้วแล้วกวาดดูทั่วเรือนร่างก่อนจะจบลงที่ใบหน้า

กรองแก้วโปรยยิ้มไปรอบๆ แล้วเดินมาตรงกลางเวที พอหันมาเจอสายตาพินิจ กรองแก้วก็ผงะ แต่ก็ต้องรีบฝืนยิ้มแล้วกวาดตามองไปทางอื่น พุฒิภัทรวางขวดเสร็จแล้วก็เงยขึ้นมาพอดี กรองแก้วหันมาทางพุฒิภัทรพอดี กรองแก้วกับพุทธิภัทรสบตากัน พุทธิภัทรตกตะลึงเหมือนโดนฟ้าผ่าจนตัวชา
รณพีร์หันมาสะกิด “พี่ชายภัทร..ดูสิครับ..เบอร์8.เหมือนในเพลงเปี๊ยบ .เห็นเพียงนิดเดียว ให้ซ่านเสียววิญญา ได้ชม โฉมหน้า ดังหยาดฟ้า..” รณพีร์เห็นหน้าพี่ชายแล้วก็ชะงัก
พุฒิภัทรนั่งมองพุฒิภัทรแบบตาไม่กระพริบเหมือนตกอยู่ในภวังค์เพราะไม่ได้ยินที่รณพีร์พูด รณพีร์ทำหน้าดีใจเพราะสมหวัง แล้วเขาก็หันไปดูบนเวทีต่อ กรองแก้วยืนโปรยยิ้มอยู่กลางเวที ไฟรอบเวทีสาดเข้าหน้า กรองแก้วจนมองไม่เห็นหน้าใคร
กรองแก้วเดินผ่านไปเรื่อยๆ เธอโปรยยิ้มไปให้คนทั่วๆไป พินิจมองตามแล้วกลืนน้ำลาย ใบบัวมองอาการพินิจแล้วก็ชอบใจ ท่านผู้หญิงมองพินิจ มองกรองแก้วแล้วก็ถอนใจอย่างท้อๆ
กรองแก้วเดินไปเรื่อยๆ และพยายามยิ้มทั้งที่ปากสั่นเพราะตื่นเต้น ถึงจุดที่หยุดหมุนเธอก็รีบหาจังหวะสูดลมหายใจลึกๆ แล้วระบายออกช้าๆ กรองแก้วยืดไหล่ วางหน้าสง่า โปรยยิ้ม แล้วก้าวเดินต่อไป

พุฒิภัทรมองตามกรองแก้วอย่างลืมตัวเหมือนสูญเสียการควบคุมตัวเอง

ช่างภาพวิ่งกรูมารุมถ่ายภาพเต็มหน้าเวที นางงามทั้งหมดยืนเรียงแจกยิ้มอยู่บนเวที ช่างภาพมายืนเบียดกันเพราะไปรุมถ่ายแต่กรองแก้วคนเดียว

ฟากกรรมการลงคะแนนมือเป็นระวิง แผ่นกระดาษตารางให้คะแนนของกรรมการทุกช่องไม่ว่าจะเป็น ผิว หน้าตา รูปร่าง บุคลิก มือกรรมการทุกคนเขียนแต่เลข 8, เลข 8, เลข 8 ด้วยใบหน้าอิ่มเอมใจ ใบบัววิ่งแอบมาเจอกับอิงอร
“ยายแก้วต้องได้ที่ 1แน่ๆ ชั้นว่า ค่าตัวเดิมที่ชั้นบอกไป มันถูกไปแล้วนะคะคุณนายใบบัว” อิงอรบอก
“ไม่ต้องห่วงค่ะ คุณอิงอร ตอนนี้..ท่านน้ำลายหกไปถึงเข่าแล้ว เราจะเอาอะไร ท่านยอมหมดแน่ๆ”
“ดิฉันขอเป็น 2 เท่า จากราคาเดิม พร้อมส่งยายแก้ว ถึงเตียงท่าน คืนนี้”
“เจ็ดสิบ-สามสิบนะค้า ฮ่าๆๆ”
ใบบัวกับอิงอรจับมือกันแล้วหัวเราะคิกคักๆๆ
พุฒิภัทรมองดูกรองแก้วบนเวที
พุฒิภัทรมองกรองแก้วที่กำลังโปรยยิ้มแล้ววางท่า เอียงมุมหน้าต่างๆให้ช่างภาพถ่ายภาพ แฟลชสว่างวาบๆๆ พุฒิภัทรเคลิบเคลิ้มมึนเบลอ
พินิจลืมตัวจึงลุกขึ้นสั่งช่างภาพ “นี่ๆ ช่างภาพทุกคน ถ่ายรูปน้องกรองแก้วแล้วอย่าลืมเอาลงหน้า1ฉบับพรุ่งนี้เช้าทุกฉบับนะ แล้วอั๊วะจะให้รางวัลอย่างจุใจทุกฉบับเลย”
บรรดาช่างภาพเฮกัน ท่านผู้หญิงทำเป็นหัวเราะ ทุกคนหัวเราะตาม
พุฒิภัทรรู้สึกแปลกๆ เหมือนโกรธ งอน ไม่พอใจอย่างไม่มีเหตุผล
รณพีร์แอบมองพี่ชายแล้วแกล้งถามลองใจ “ท่านพินิจเชียร์จนออกนอกหน้าเลยนะ พี่ชาย..แบบนี้เธอคงไม่รอด”
พุฒิภัทรหงุดหงิด “มันไม่ใช่เรื่องอะไรของเรา อย่าไปพูดถึงดีกว่า”
“อ้าว..พี่ชายภัทรไม่รู้สึกอะไรหรือครับ พี่ชอบไปว่าแต่พวกนางงามเค้า ว่าไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ สาเหตุมันก็เพราะมีคนอย่างท่านคนนี้ไงครับ ที่เป็นตัวการทำให้วงการนางงามเค้าเสื่อมเสียน่ะ”
พุฒิภัทรดุ “ถ้าพวกผู้หญิงพวกนั้นไม่ยอม ก็ควรจะปฏิเสธท่านสิ นี่ทุกคนก็อยากสบายทางลัด ไม่รักเกียรติไม่รักศักดิ์ศรีของตัวเอง เราอย่าไปสนใจเลย”
“ไม่สนใจจริงน่ะ?” รณพีร์ยั่ว
พุฒิภัทรหงุดหงิดมากขึ้น

กรองแก้วและพวกนางงามอื่นๆ เดินเข้ามาที่หลังเวที ทุกคนต่างตื่นเต้น บ้างถอดรองเท้าเพื่อพักขา มะลิมารับกรองแก้วไปนั่งแล้วเอาน้ำให้ดื่ม อิงอรโผล่หน้ามาดูแล้วมองหัวจรดเท้า
“เจ็บเท้าเหรอ” อิงอรถาม
กรองแก้วยิ้มซีดๆ “นิดหน่อยค่ะ”
“ยัยมะลิ นวดเท้าให้น้องหน่อยสิ” อิงอรพูดห้วนๆกับมะลิ แล้วเข้ามาพูดกับกรองแก้วแบบหวานหยด “โอ๋ๆๆ ทนอีกนิดนะจ๊ะ หนูแก้วคนดี๊ คนดี..เจ็บเท้าก็ต้องอดทนอย่าให้ใครรู้นะคะ..หนูสวยที่สุด หวานที่สุด รูปร่างดีที่สุดบนเวทีนี้แล้ว..เหลืออีกอย่างเดียว..รอบสัมภาษณ์..เธอต้องแสดงความฉลาด..และความงามของจิตใจออกมา..”
กรองแก้วงง “ความฉลาด และความงามของจิตใจ?”
“ใช่..พูดอะไรก็ได้ ให้ดูว่าเราการศึกษาสูง รู้อะไรลึกซึ้ง แต่ก็ต้องอ่อนหวาน น้ำใจงาม รักธรรมชาติ สายลม แสงแดด ไม่ดูถูกคนจน โดยเฉพาะเด็ก คนแก่ และคนพิการ จำไว้ล่ะ ห้ามทำตัวบ้านนอก หรือทำตัวเห็นแก่เงิน หรืออยากเด่นอยากดังเด็ดขาด ไปล่ะ ชั้นจะไปคอยเอาใจช่วย เธอทำได้อยู่แล้ว” อิงอรรีบเดินออกไปแล้วหันหลังกลับ “อ้อ อย่าลืม ยิ้มตลอดเวลา อย่าทำหน้าบึ้งงอ ยิ้มหวานๆให้ท่านด้วย..ท่านนั่งแถวหน้าสุด ตรงกลางเลย ให้มองแล้วโปรยยิ้มไปแถวนั้นเป็นพิเศษล่ะ” อิงอรรีบออกไป
“แถวกลาง..หน้าสุดเหรอ..” กรองแก้วคิด
“ยังมีทางนะแก้ว เวลาสัมภาษณ์..ให้ตอบโง่ๆ คะแนนจะได้ตก..อย่างน้อย ได้ที่2 ก็รอดแล้ว เพราะท่านพินิจ..ไม่ชอบพวกรองๆ..ต้องครองมงกุฎเท่านั้น..เข้าใจไหม..ตอบโง่ๆ..ว่าไม่ทราบค่ะ คิดไม่ออก..อะไรแบบนี้ไปเลย..อาจรอด..” มะลิเสนอ
กรองแก้วสับสน “ตอบว่าไม่ทราบ..คิดไม่ออก..แล้วอาจรอดเหรอ..”
นางงามคนอื่นๆ ใส่ชุดราตรีเดินผ่านไป
มะลิหันไปเห็น “ว้าย..ชุดราตรี ต้องรีบเปลี่ยนชุดราตรี..เร็วๆๆ” มะลิลากกรองแก้วไป

บนเวที สาวงามในชุดราตรีเดินกันจนเต็มเวที กรองแก้วใส่ชุดราตรีเข้ารูปจนเห็นทรวดทรง ชุดที่เธอสวมเป็นชุดปักเลื่อม เกาะอก แบบคลาสสิคมีสีทองสว่างบลอนด์ๆ ดูโดดเด่นมาก
วงดนตรีบรรเลงเพลงประจำการประกวดแต่เร่งจังหวะให้เร้าใจขึ้น แถวนางงามบนเวทีเหลือ 15 คน ทุกคนยืนเรียงกันที่หน้าเวที
พิธีกรประกาศ “แล้วนี่ก็คือ..นางงามที่ได้เข้ารอบ 15 คนสุดท้าย ในชุดราตรีครับ ขอเชิญกรรมการทุกท่าน ให้คะแนนใหม่อีกครั้งเลยครับ”
กรรมการกรอกเบอร์ 8,8,8,8 กันเป็นเสียงเดียว ช่างภาพมารุมถ่ายกรองแก้วตามเคย กรองแก้วมองทอดสายตาไปที่กล้องนั้นกล้องนี้ แล้วนึกถึงคำที่อิงอรพูด
“ท่านนั่งแถวหน้าสุด ตรงกลางเลย ให้มองแล้วโปรยยิ้มไปแถวนั้นเป็นพิเศษล่ะ”
กรองแก้วทบทวนแล้วพยายามชะเง้อมอง สปอตไลท์ดวงใหญ่จ้าสาดแสงเข้าเต็มตาของเธอ กรองแก้วขยับตัวให้พ้นดวงไฟมาทางซ้ายเล็กน้อยแล้วมองไปแต่ปากยังยิ้ม
กรองแก้วมองผ่านดวงไฟไป ตอนแรกภาพดูมืดแล้วค่อยๆ ชัดขึ้นจนเห็นหน้าพินิจที่มองมาด้วยดวงตาคมปลาบดุจแววตาเสือ
กรองแก้วผงะ หน้าซีด แล้วแทบหุบยิ้ม เธอกระพริบตาถี่ๆ เพื่อเรียกสติแล้วพยายามคลี่ปากยิ้มใหม่
ก่อนจะค่อยๆ ขยับมาจุดเดิมที่แสงไฟเข้าหน้าเพื่อจะได้มองไม่เห็นใคร

กรองแก้วมองไปอีกที แต่กลับกลายเป็นว่าใบหน้าที่หื่นและแววตาที่คมเหมือนเสือของพินิจกลับเด่นแซงแสงสปอตไลท์ออกมา

กรองแก้วรวบรวมสติแล้วขยับไปทางขวาอีกนิดเพื่อให้แสงไฟสปอตไลท์บังหน้าพินิจเพราะเธอไม่อยากเห็น
กรองแก้วมองผ่านดวงไฟจากความมืดข้างขวา ภาพค่อยๆ เป็นชัดขึ้นมาเป็นแสงแว่นตาสะท้อน แล้วแสงสะท้อนนั้นก็ค่อยๆจางไปจนเห็นดวงตาใต้แว่นและใบหน้าที่ฉายแววอ่อนโยนและชื่นชมของพุฒิภัทรที่กำลังมองมาที่เธอ
กรองแก้วชะงักแล้วคิดในใจ
“เออ..คุณคนนี้ หน้าตาท่าทางใจดีจัง ดูเค้าน่าจะเป็นคนดีจริงๆด้วยสิ”
กรองแก้วยิ้มตอบไปด้วยความรู้สึกดีๆที่ส่งผ่านมา พุฒิภัทรมีอาการสะดุ้งกับการยิ้มของกรองแก้วจนมือที่วางบนเข่าตัวเองสั่น พุฒิภัทรต้องรวบมือตัวเองมากำไว้ รณพีร์เอาศอกมากระทุ้งพอดี
“ฮ้า..พี่ชายภัทร..เบอร์8ยิ้มให้พี่ด้วยล่ะ เราเห็นนะ”
“บ้า..ใครเค้าจะมายิ้มให้ชั้น” พุฒิภัทรหน้าแดงแป๊ด
“อั้นแน่ ทำไมต้องหูแดงด้วย พี่ชายเรา แน้..เขินๆๆ”
“พูดมาก..เดี๋ยวกลับเลย”
“โฮ้ย..กล้ากลับเหรอ..ยังไม่รู้เลย ว่าเบอร์8จะครองมงกุฎหรือเปล่า..”
พินิจพูดกับพุฒิภัทรอย่างลืมตัว “เห็นไหมๆ เบอร์8ยิ้มให้ผม ฮ่ะๆๆๆ”
พินิจหันมาทำหน้าระริกระรี้ พุฒิภัทรอึ้งแล้วก็คอแข็งทันที รณพีร์แอบขำ

พิธีกรเดินมารับใบคะแนนจากกรรมการแล้วหันมายิ้มก่อนจะทำท่าตื่นเต้นโอเว่อร์กับคนดู
“และแล้ว..นาทีแห่งความตื่นเต้นก็มาถึง..ต่อไปนี้..เราจะประกาศ5คนสุดท้าย..ขอให้เบอร์ที่ได้รับการเรียกชื่อ เดินออกมาข้างหน้า1ก้าวครับ”
กลองทำเสียงรัวอย่างตื่นเต้น
“หมายเลข 7 นางสาวกนกลักษณ์ รักษะสิน 35 24 35 สาวงามจากจังหวัดพระนคร สมาคมพ่อค้าขายส่ง ส่งเข้าประกวด”
นางงามเบอร์ 7 เดินกระชดกระช้อยออกมาย่อไหว้ที่หน้าเวที แล้วก็ยืนทำท่าตัวเสร่อตรงกลางเวที
“หมายเลขแปดๆๆ” อิงอรลุ้นสุดตัว
“ถ้านังแก้วมันได้ แม่ต้องทำห้องนอนใหม่ ติดแอร์ให้หนูด้วย” สุนันท์บอก
“ผมอยากได้มอเตอร์ไซค์เวสป้า” ไกรฤกษ์รีบพูด
“ชั้นจะปรับปรุงร้าน ให้เป็นบรรยากาศฝรั่งเศส และขายเครื่องสำอางฝรั่งเศสเท่านั้น” อิงอรบอก
“หมายเลข 8 นางสาวกรองแก้ว บุญมี 36-22-36 สาวงามจากจังหวัดอยุธยา ร้านเสริมสวยอิงอร..ส่งเข้าประกวด”
อิงอรกรี๊ดแล้วกระโดดอย่างลืมตัว รวมทั้งคุณนายใบบัวด้วย
พินิจปรบมือและเป่าปาก ท่านผู้หญิงเหล่ๆ แล้วก็ถอนใจแต่ก็ปรบมือให้อย่างมีมารยาท พุฒิภัทรตื่นเต้น เขานั่งตัวตรงแต่หลังไม่ติดพนักพิง รณพีร์พลอยเป่าปากกับพินิจไปด้วย กรองแก้วก้าวออกไปยืนเคียงเบอร์ 7 ด้วยความตื่นเต้นสุดๆ
กรองแก้วก้าวพ้นแนวไฟที่ส่องหน้าออกมาทำให้มองเห็นคนดูชัดทั้งแถว พินิจโบกไม้โบกมือแล้วชู 2 นิ้วให้
กรองแก้วคิดในใจ “ท่านพินิจน่ากลัวจังเลย..แย่แล้ว เราจะทำยังไงดี”
กรองแก้วยิ้มแบบแหยๆนิดๆแล้วมองไปตรงที่มีเสียงกรี๊ดกร๊าด
อิงอรกับคุณนายใบบัวและสุนันท์กรี๊ดยังกะเชียร์ม้าแข่ง
“กรองแก้วๆๆ เบอร์ 8 ๆๆๆ”
“กรองแก้วๆๆ เบอร์ 8 ๆๆๆ”
กรองแก้วยิ้มสลดลงไปแล้วคิดในใจ
“เราเป็นม้าแข่งของคนพวกนี้สินะ..ถ้าเราชนะ เขาคงรวย แล้วถ้าเราแพ้..เขาจะทำยังไงกับเรา..แต่ถ้าเราชนะ เราต้องถูกขาย..ให้ท่านพินิจคนนั้น”
กรองแก้วยิ้มแล้วหันมามองทางพินิจอีกครั้ง
พินิจเป่าปากและโบกมือให้ “ปิ๊ดปิ้ว..”
กรองแก้วรู้สึกขัดสายตา พุฒิภัทรมองมาด้วยท่าทางเอาใจช่วย กรองแก้วมองตอบแล้วยิ้มให้ อย่างต้องการขอความช่วยเหลือ
“คุณคนดีคะ ..คุณจะช่วยแก้วได้ไหม คุณได้นั่งที่ของพวกผู้ดีมีเงินด้วย..คุณต้องมีอำนาจวาสนาไม่แพ้ท่านคนนั้นแน่ๆ คุณจะช่วยไม่ให้เค้าซื้อขายแก้ว เหมือนแก้วไม่ใช่คน..ได้ไหมคะ” กรองแก้วคิดในใจ
กรองแก้วพยายามส่งกระแสจิตสุดฤทธิ์
พุฒิภัทรมองตากรองแก้วเหมือนถูกสะกด หน้าของเขาค่อยๆแดงขึ้นมา ลำคอฝืด แล้วกลืนน้ำลายดังเอื๊อก เหงื่อผุดที่หน้าผากแล้วก็หยดซิก พุฒิภัทรล้วงผ้าเช็ดหน้า ซับเหงื่อ และมือสั่นจนเห็นได้

นางงามเบอร์ 7 ทำหน้าสวยแบบงงๆ กับคำถามบนเวที
“คุณคิดว่าถ้าคุณได้เป็นนางสาวศรีสยาม แล้วคุณต้องชักชวนให้เด็กๆทำกิจกรรมอะไรสักอย่างนึง คุณจะชวนเด็กๆทำอะไร เพราะอะไรครับ”
“อ๋อ..ดิฉันจะ..ชวนเด็กๆให้ตั้งใจเรียนหนังสือค่ะ เวลาเรียนๆ เด็กๆควรจะเงียบ ห้ามคุยกัน พอโรงเรียนเลิก เด็กๆไม่ควรจะเล่นมาก หรือปล่อยเวลาว่างให้ผ่านไป เด็กๆต้องท่องหนังสือมากๆ เรียนพิเศษในวิชาที่ยังไม่เก่ง รีบทำการบ้านให้เสร็จ และก่อนนอน อย่างน้อย ต้องอ่านหนังสือให้ได้1บทค่ะ..เพราะ..เพราะ ไม่งั้น..จะสอบตกค่ะ” นางงามเบอร์ 7 ตอบแล้วโปรยยิ้มไปรอบๆ

ทุกคนปรบมือให้

รณพีร์หันมากระซิบกับพุฒิภัทร

“สงสารเด็ก ถ้าไม่อ่านหนังสือ จะสอบตก เป็นเหตุผลที่ชัดเจนมาก พี่ชายว่า..”
รณพีร์มองหน้าพุฒิภัทรแล้วก็ชะงักไป เพราะพุฒิภัทรเหมือนไม่ได้ยินอะไรแล้ว เขานั่งเกร็ง บีบมือทั้งสองเข้าด้วยกัน ตัวเอนไปข้างหน้านิดๆ อย่างคนลุ้นเอาใจช่วยสุดชีวิต
รณพีร์มองตามสายตาพี่ชาย กรองแก้วกำลังตื่นเต้นอยู่บนเวที เธอเดินออกมารอเพื่อเป็นคนตอบคำถามคนต่อไป
“คุณกรองแก้วครับ..พร้อมไหมครับ” พิธีกรถาม
กรองแก้วประหม่า “พร้อมค่ะ”
พุฒิภัทรลุ้นเพราะรู้สึกตื่นเต้นไปด้วย
“หลังจากคุณชนะการประกวดในคืนนี้ คุณจะทำอะไรบ้าง และในฐานะที่เป็นนางสาวศรีสยาม คุณจะทำอะไรให้กับประเทศบ้างครับ”
พุฒิภัทรอุทานออกมา “ทำไมถามยากแบบนี้ล่ะ”
“นั่นสิครับ..” รณพีร์เห็นด้วย
กรองแก้วเงียบแล้วก็คิด คนดูทุกคนเงียบ กรองแก้วคิด เธอมองไปรอบๆ แล้วหันไปที่อิงอร อิงอรชี้หน้าแบบลุ้นๆ และกดดัน กรองแก้วสบตาอิงอรแล้วก็ยิ่งลังเล
เสียงอิงอรที่เคยพูดกับเธอผุดขึ้นมาในหัว
“พูดอะไรก็ได้ ให้ดูว่าเราการศึกษาสูง รู้อะไรลึกซึ้ง แต่ก็ต้องอ่อนหวาน น้ำใจงาม รักธรรมชาติ สายลม แสงแดด ไม่ดูถูกคนจน โดยเฉพาะเด็ก คนแก่ และคนพิการ จำไว้ล่ะ ห้ามทำตัวบ้านนอก หรือทำตัวเห็นแก่เงิน หรืออยากเด่นอยากดังเด็ดขาด ไปล่ะ ชั้นจะไปคอยเอาใจช่วย เธอทำได้อยู่แล้ว” อิงอรรีบเดินออกไป แล้วหันกลับมาย้ำ “อ้อ อย่าลืม ยิ้มตลอดเวลา อย่าทำหน้าบึ้งงอ ยิ้มหวานๆให้ท่านด้วย..ท่านนั่งแถวหน้าสุด ตรงกลางเลย ให้มองแล้วโปรยยิ้มไปแถวนั้นเป็นพิเศษล่ะ”
กรองแก้วมองไปที่พินิจ
พินิจตาแวววาว ลูบคาง และเริ่มจินตนาการให้กรองแก้วมาเป็นของตน “หลังชนะการประกวดน่ะรึ..หุๆๆ หึๆๆ”
กรองแก้วเศร้าเพราะคิดอะไรไม่ออก ปากของเธอสั่น แล้วเมินหน้าหนีไปจากพินิจแล้วก็ต้องชะงัก
เมื่อเห็นพุฒิภัทรที่มองเธอมาอย่างจริงจัง สายตาพุฒิภัทรเอาใจช่วยโดยมีสายตาให้กำลังใจสุดๆ กรองแก้วรู้สึกมั่นใจมากขึ้น มีกำลังใจ และมีสติขึ้นมา
กรองแก้วยิ้มออกมา แววตาของเธออ่อนโยนลง “แก้วมาประกวดนางสาวศรีสยาม..ก็เพื่อพ่อค่ะ หลังจากชนะการประกวดในคืนนี้แล้ว..แก้วจะได้รางวัล แก้วก็จะเอารางวัลที่เป็นเงิน..ไปพาพ่อเข้ามารักษาตัวที่พระนคร..เพราะในชีวิตนี้ แก้วมีพ่ออยู่คนเดียว พ่อเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของแก้ว ถ้าแก้วสามารถทำอะไรเพื่อช่วยพ่อได้ แก้วก็ยินดีทำอย่างเต็มใจค่ะ”
ทุกคนอึ้งไป อิงอรขมวดคิ้ว พินิจงงๆ พุฒิภัทรและรณพีร์ตบมือกราว จากนั้นทุกคนก็ระเบิดเสียงปรบมือสนั่นทั้งงาน
“เยี่ยม!..คนกตัญญูแบบนี้ ถูกใจคนไทยแน่นอน ฉลาดมาก” รณพีร์บอก
กรองแก้วยิ้มขึ้นอีกเพราะมั่นใจมากขึ้นแล้ว “และในฐานะที่เป็นนางสาวสยาม แก้วจะเป็นตัวแทนประเทศของเรา ทำทุกอย่าง ที่จะบอกให้ชาวโลกรู้ ว่าบ้านของเราคือเมืองพุทธ ที่มีแต่รอยยิ้มและความโอบอ้อมอารี ถ้าใครมาประเทศไทย ก็จะได้รับน้ำใจ การต้อนรับดูแลอย่างอบอุ่น และช่วยเหลือแก้ปัญหาให้ทุกท่าน ให้ทุกคนกลับไปประเทศของตนด้วยความประทับใจ ในเมืองไทยและคนไทยค่ะ”
คนดูเฮแล้วปรบมือสนั่นทั้งงาน
“ว้าว..ตอบได้ดีๆ จริงไหมครับ พี่ชายภัทร” รณพีร์หันมาถาม
พุฒิภัทรปรบมือด้วยความชอบใจมาก
ทันใดนั้นพินิจก็ลุกขึ้นแล้วยืนปรบมือแบบแสตนดิ้งโอเวชั่นพร้อมกับเป่าปาก
“ชนะแน่ๆ เบอร์ 8 ชนะแน่ๆ” พินิจพูด
อิงอร ไกรฤกษ์ และสุนันท์ทำตาม ทุกคนทำหน้าเหมือนว่ากรองแก้วเข้าวินแน่นอนแล้ว คณะกรรมการก้มลงเขียน 8, 8, 8, 8 มือเป็นระวิง อิงอรทำมือชูนิ้วโป้งให้กรองแก้วประมาณว่าเยี่ยมยอดมาก
กรองแก้วมองอาการของคนเหล่านี้แล้วหน้าซีดเพราะหวาดกลัวขึ้นมา เสียงเฮของคนดูดังลั่น พินิจเป่าปากไม่หยุด อิงอรชูนิ้วและโบกมือ
แก้วหน้าซีด ขาสั่น จนเห็นได้ชัด
“อ้า คุณกรองแก้วครับ..ขอเชิญคุณกรองแก้วพักผ่อนด้านในได้เลยครับ..” พิธีกรบอก
กรองแก้วมองมาทางพุฒิภัทร พุฒิภัทรมองกรองแก้วแบบไม่กระพริบ ชื่นชม ดีใจ กรองแก้วมองพุฒิภัทรอย่างตั้งใจสื่อสาร แล้วแทนที่จะถอยเข้าไปกลับเดินตีวงออกมาเพื่อมามองหน้าพุฒิภัทรโดยตรง กรองแก้วมาหยุดหมุนตรงหน้าพุฒิภัทร
“คุณคะ…คุณเป็นใคร ช่วยชั้นด้วยๆๆ” กรองแก้วคิดในใจ
พุฒิภัทรงงงัน “ทำไม”
“อะไร พี่ชายภัทร” รณพีร์
กรองแก้วหมุนตัวแล้วเดินเข้าไปข้างหลัง คนดูปรบมือกันเกรียวกราว
พุฒิภัทรทิ้งตัวลงนั่งพิงพนักเก้าอี้แล้วก็เหงื่อตก “เค้ากำลังคะแนนนำอยู่แท้ๆ แต่ทำไม..เค้า ดูเศร้า เหมือนกับ...สัตว์…”
“อะไรนะครับ พี่ชายภัทร เหมือนสัตว์เหรอครับ?” รณพีร์ฉงน
“ใช่ เหมือน...สัตว์ที่กำลังจะถูกคนเอาไปฆ่าไงล่ะ”

พุฒิภัทรรู้สึกหดหู่ใจ รณพีร์มองมาท่าทีมึนๆ ว่าพี่ชายเป็นเอามากเกินไปหรือเปล่า

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 2 (ต่อ)

กรองแก้วกำลังให้มะลิ และพวกช่างแต่งหน้า ช่างทำผมรุมแต่งตัวให้กลับมาเป็นชุดว่ายน้ำอีกครั้งอยู่ที่หลังเวที ช่างทำผมทำผมอย่างประณีตมากๆ อิงอรเดินเข้ามากำกับ

“ตีผมตรงหน้าผากให้โป่งอีกหน่อย จะได้รับกับมงกุฎ มงกุฎนางสาวศรีสยามปีนี้ยิ่งใหญ่ๆ อยู่ด้วย”
“แน่ใจเหรอคะ ว่าแก้วจะได้..” กรองแก้วถาม
“โอ๊ย..แน่ซะยิ่งกว่าแน่ เธอดูสิจ๊ะ”
กรองแก้วมองไปทางที่อิงอรพยักหน้าบุ้ยใบ้ให้มองไปซ้ายที ขวาที คนของพินิจซึ่งเป็นชายฉกรรจ์หน้าตาดีในชุดสูทดำยืนอยู่ที่เวทีด้านซ้าย 2 คน ด้านขวา 2 คน ใบบัวกับสมุน 2 คนที่มีท่าทางกระตุ้งกระติ้งสไตล์แม่เล้ายืนรออยู่ที่ด้านหนึ่ง ซึ่งมีรถเบนซ์สีดำคลาสสิคจอดเตรียมไว้หลังเวที
“แก้วไม่ต้องตกใจนะ คนพวกนี้เขาเป็นคนดี เขาเป็นบอดี้การ์ด จะมาดูแลเธอ พาเธอไปส่งที่ที่พักใหม่..หลังการประกวดเสร็จ” อิงอรบอก
“อะไรนะคะ..แก้วจะไม่ได้กลับไปบ้าน..คุณอิงอรหรือคะ” กรองแก้วถาม
“ไม่ได้หรอกจ้ะ ราชรถมาเกยแล้ว..สบายละเธอ ไม่ต้องไปนอนร้อนๆห้องคนใช้หลังบ้านให้ใครมันจ้องจะเข้าหาอีกแล้ว” มะลิกัดอิงอร
“เอ๊ะ มะลิ..เดี๋ยวโดนตบ..” อิงอรฉุน
มะลิทำคอย่น
“ที่พักหลังใหม่..ที่ไหน บ้านใครหรือคะ” กรองแก้วถาม
“โอ๊ย..ก็ไม่ใช่บ้านใครหรอกจ้า..ก็เป็นบ้านพักสวยๆ มีบริเวณกว้างๆ อยู่นอกเมืองออกไปนิด..มีการรักษาความปลอดภัยอย่างดี..สำหรับให้นางสาวศรีสยามพักสักระยะนึง..ช่วงทีต้องปฏิบัติภารกิจไงล่ะ เธอสบายล่ะ ไม่ต้องทำอะไร มีคนใช้รองมือรองเท้าพร้อม คนรถ คนสวน คนครัว วันๆ เธอก็จะได้แต่งตัวสวยๆ..ออกไปทำงานของนางสาวศรีสยาม..ก็แค่นั้นเอง” อิงอรอธิบาย
“แต่แก้วต้องกลับอยุธยานะคะ ถ้าเป็นไปได้ แก้วอยากพาพ่อไปผ่าตัดให้เร็วที่สุดค่ะ”
“โอ๊ย..นั่นมันไม่ใช่ปัญหาหรอก..บอกท่าน..แล้วท่านก็จะอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง”
กรองแก้วงง “ท่าน?”
“เอาน่าๆๆ อย่าเพิ่งไปสนใจเรื่องอื่นเลย เดี๋ยวจะประกาศผลแล้ว ก็ทำตัวให้ดีๆ สมกับที่เป็นนางสาวศรีสยามล่ะ อย่าลืมนะ ว่าชื่อร้านเสริมสวยอิงอร..ยังแปะอยู่ที่ตัวเธอนี่ ช่วยทำอะไรให้คนเขาอยากมาเสริมสวยที่ร้านชั้นมากๆล่ะ คืนนี้รูปถ่ายเธอคงได้ไปลงตามหนังสือต่างๆเยอะแยะ หรือใครมาสัมภาษณ์ ก็พูดชื่อร้านเสริมสวยอิงอรบ่อยๆนะ เข้าใจไหม”
“ค่ะ..”
ใบหน้ากรองแก้วซีดและเศร้าลงเรื่อยๆ

ขณะที่รณพีร์กับพุฒิภัทรเดินมารับน้ำในแก้วใสทรงสูงมีมะนาวฝานเสียบปากแก้วจากบาร์เทนเด้อร์คนละแก้ว คนอื่นๆ ต่างก็รับน้ำต่างๆ กันไป
รณพีร์มอง “พี่ชายภัทรเครียดๆไปหรือเปล่าครับนี่”
“เปล่า..ชั้นจะไปเครียดเรื่องอะไร” พุฒิภัทรปฏิเสธ
“อ้าว นึกว่า..เครียดเรื่องผู้หญิง”
“เลอะเทอะแล้ว ชายพีร์ คนอย่างพี่..ไม่มีเรื่องผู้หญิงอยู่ในหัวอยู่แล้ว”
“แล้วแม่สาวเบอร์ 8 เธอส่งสายตาลูกกวางน้อย..มาให้พี่ไม่ใช่เหรอ”
พุฒิภัทรไม่ตอบ เขาจิบน้ำแล้วก็เงียบไป ไกรฤกษ์กำลังซดน้ำสีๆ อยู่แถวนั้น สักพักอิงอรเดินมามองแล้วก็ดึงตัวไป
“ชั้นรู้สึกว่านังกรองแก้วมันชักจะยังไงๆ” อิงอรบอก
“ยังไงครับแม่”
“มันไม่เชื่องเหมือนสาวๆคนอื่นล่ะสิ เป็นคนอื่น ป่านนี้ คงกระเจิดกระเจิง อยากได้มงกุฎจนตัวสั่น แล้วก็ยินยอมพร้อมใจไปกับท่านเต็มที่ ไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งนั้น แต่นังคนนี้มันดูพิลึกๆ แม่ดูตามันแล้ว แม่ว่า..มันไม่ได้ซื่อๆ บ้านนอกๆ อย่างที่เราคิดนะ”
“แหม แม่เพิ่งรู้เหรอ ผมรู้มาตั้งนานแล้ว”
“อย่าพูดมาก ช่วยเป็นหูเป็นตาให้แม่ด้วย นังแก้วถึงห้องท่านเมื่อไหร่ เราถึงจะได้เงิน จำไว้..แกอยากรวย ก็ต้องช่วยกัน” อิงอรลากลูกชายออกไป
สองแม่ลูกเดินผ่านพุฒิภัทรและรณพีร์ โดยที่ทั้งสองหนุ่มได้ยินคำพูดของสองแม่ลูกทั้งหมด สองหนุ่มหันมามองหน้ากันแต่ก็ยังจับความไม่ได้ว่าอะไรเป็นอะไร

หมอนกำมะหยี่สีน้ำเงินที่มีมงกุฎและสายสะพายวางอยู่ เพชรบนมงกุฎส่องแสงระยิบระยับวูบวาบเข้าตา นางสาวศรีสยามคนก่อนคือผู้ประคองเชิญออกมา โดยมีเพลงประจำการประกวดเปิดคลอ นางสาวศรีสยามเดินช้าๆ มาหยุดกลางเวทีแล้วโปรยยิ้มไปทั่ว
พิธีกรพูด “และแล้ว การประกวดนางสาวศรีสยามก็มาถึงจุดสุดท้ายของงานนะครับ ตื่นเต้นจริงๆ”
บนเวทีทางขวา กรองแก้วเบอร์ 8 นางงามเบอร์ 7 และอีก 3 คน เบอร์ 11 24 และ 33 ยืนเรียงกันตามลำดับ กรองแก้วหน้าและรูปร่างสวยกว่าคนอื่นๆ อย่างชัดเจน
“คุณกานต์นภา เวหาหาว นางสาวศรีสยามปีที่แล้ว เป็นผู้เชิญมงกุฏและสายสะพายนางสาวศรีสยาม สำหรับมอบให้นางสาวศรีสยามคนใหม่ ประจำปี2504 นี้”
ทุกคนปรบมือให้
“และ ณ บัดนี้ ขอกราบเรียนเชิญ ท่านผู้หญิงดาราอำไพ วัฒนสุวรรณ สุภาพสตรีหมายเลข 1 ที่มีความสวยงามเป็นเลิศ..ขึ้นมาเป็นผู้สวมมงกุฎให้นางสาวศรีสยามด้วยคร้าบ”
เจ้าหน้าที่ชายเข้ามาเชิญและประคับประคองท่านผู้หญิงเดินขึ้นบนเวทีทางบันไดหน้า วงดนตรีบรรเลงเพลงประจำการประกวด พินิจยิ้มแต้อย่างมีความสุข เขามองแต่กรองแก้วสายตาเยิ้มหยด
พินิจพูดกับพุฒิภัทร “คุณชายหมอ..คุณชายเชียร์เบอร์ไหน มาพนันกันไหม ผมเอาเบอร์8 คุณชายเอาเบอร์อะไร”
พุฒิภัทรไม่ตอบแต่นั่งกระสับกระส่าย
นางงามเบอร์7 ขยับมาจับมือกรองแก้วแล้วกระซิบ
“แก้ว..เธอชนะแน่ๆ ดูท่านพินิจสิ มองเธอเป็นมัน ไม่มองชั้นเลย”
กรองแก้วกระซิบตอบ “ชั้นไม่ยอมหรอก..ชั้นจะต้อง..หาทางเอาตัวรอดให้ได้..”
“ไม่มีทางหรอก..เธอดูพี่กานต์นภาสิ เค้าก็ต้องไปอยู่กะท่านเหมือนกัน ใครได้มงกุฎ ไม่มีทางรอด เธอเห็นท่านผู้หญิงไหม ตอนสาวๆ ท่านผู้หญิงก็เป็นนางสาวศรีสยามเหมือนกัน ไม่เคยมีใครรอดไปได้”
กรองแก้วมองไปที่มุมต่างๆ ก็เห็นคนของพินิจสกัดอยู่ทุกทาง อิงอร ไกรฤกษ์ และสุนันท์ยืนอยู่อีกทาง ใบบัวและสมุนอยู่ที่อีกทาง แต่ละคนตาจ้องตรงเขม็งมาที่กรองแก้วดุจเสือรุมล่าเหยื่อ

กรองแก้วอึ้ง หน้าซีด ปากสั่น

ท่านผู้หญิงกำลังยิ้มสง่ามาดนางงามเก่าและโบกมือให้คนดูอยู่บนเวที คนดูปรบมือกราว กรองแก้วมองท่านผู้หญิงแล้วมองผ่านไปที่พินิจ

พินิจหลิ่วตาให้กรองแก้วแล้วยกมือพรมนิ้วทักทาย กรองแก้วสะดุ้งแต่ก็จำต้องฉีกยิ้ม เธอรีบเบนสายตาหนีแล้วก็ชะงักเมื่อเห็นพุฒิภัทรซึ่งกำลังปรบมือให้ท่านผู้หญิงมองมาที่เธอด้วยท่าทางวิตกกังวลปนห่วงใย
กรองแก้วพูดทั้งๆ ฉีกยิ้ม “แล้ว..คนนั้นใคร”
นางงามเบอร์ 7 ถามกลับ “คนไหน”
“ผู้ชายที่นั่งข้างๆท่าน..เป็นพวกเดียวกับท่านด้วยหรือเปล่า”
“อุ๊ย..ผู้ชายหล่อๆ 2 คนนั่น..คือ 2 ใน 5 สิงห์หนุ่มแห่งจุฑาเทพไงล่ะ อะไรกันยะ ไม่รู้จักหรือไง ไปมุดรูอยู่ที่ไหนมา”
“ไม่รู้จัก.. อะไรคือ 5 สิงห์จุฑาเทพ”
นางงามคนอื่นๆ ทำเสียงชู่ใส่กรองแก้ว
ท่านผู้หญิงเดินมาถึงกลางเวที ทุกคนจึงต้องหยุดคุยก่อนจะหันไปยิ้มแล้วไหว้ สาวสวยในชุดราตรีสีเดียวกัน 4 คนเชิญถ้วยสำหรับรางวัลอื่นๆ มารอให้สำหรับท่านผู้หญิงเป็นผู้มอบ กรองแก้วมองพุฒิภัทร ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
พุฒิภัทรมองกรองแก้วแล้วทำหน้าสงสัย เขาแอบเอามือทำเป็นแตะจมูกแล้วลูบจมูกเพื่อชี้ที่หน้าตัวเองเป็นเชิงถามว่ากรองแก้วกำลังจะบอกอะไรกับเขาหรือ พุฒิภัทรส่ายหน้านิดๆ เหมือนจะถามกรองแก้วว่ามีอะไรเกิดขึ้น กรองแก้วพยักหน้าให้ พุฒิภัทรอึ้ง

พิธีกรทำท่าทางตื่นเต้นสุดๆ เขารับโพยมือสั่นมาจากคณะกรรมการที่เดินเอาขึ้นมาให้บนเวที
“ผลคะแนนร้อนจี๋เงยครับ.. ยังไม่มีใครเห็น นอกจากผมคนแรก..และต่อไปนี้ ผมขอประกาศตั้งแต่รองอันดับที่ 5..ใครที่ผมเรียก..กรุณาเดินออกมา รับรางวัลจากท่านผู้หญิงเลยครับ รองอันดับที่ 4” พิธีกรดูโพย “หมายเลข11..”
คนเฮและปรบมือ หมายเลข 11 เดินมา ไหว้ ท่านผู้หญิงมอบสายสะพายและมอบถ้วยเงินให้
กรองแก้วไม่มีสติจะฟัง เธอหันมองมาทางพุฒิภัทร
กรองแก้วส่งกระแสจิตไปหาพุฒิภัทร “5 สิงห์แห่งจุฑาเทพ..มันคืออะไรหรือคะ..คืออะไร คุณเป็นใคร คุณเป็นคนสำคัญ เป็นสิงห์..ก็ต้องแปลว่า..มีอำนาจที่คนกลัวสิคะ..ใช่ไหม คุณต้องช่วยชั้น ช่วยด้วย อย่าให้ท่านเอาตัวชั้นไปนะคะ”
เบอร์ 33 ได้ที่ 4 เบอร์ 24 ได้ที่ 3 ท่านผู้หญิงใส่สายสะพายและมอบถ้วยไปตามลำดับ
พุฒิภัทรมองแต่กรองแก้วด้วยความพิศวง กรองแก้วน้ำตาคลอตาออกมาทุกทีๆ
“โถ..หนูแก้ว..ตื่นเต้นจนน้ำตาไหลเลย โอ๋ๆๆ แม่คุณ..ไม่ต้องกลัวนะคนดี..เดี๋ยวพี่จะรับขวัญให้สาสมใจเลยจ้ะ” พินิจเพ้อออกมา
“พี่ชายภัทร..เบอร์ 8 เค้ามองพี่ แล้วร้องไห้นะ ผมว่า...” รณพีร์บอก
พุฒิภัทรอึดอัด “ไม่มีเหตุผล..ที่เค้าจะมามองชั้นทำไม..เค้าน่าจะ..ตื่นเต้น ดีใจ..ทำตัวไม่ถูกมากกว่า”
“เอ๊ะ พี่ชายภัทรนี่ยังไง ตะกี๊พี่ก็พูดเอง..ว่าเค้าเหมือนจะโดนเอาตัวไปฆ่าไม่ใช่เหรอ”
“ชั้นฟุ้งซ่านไปเองน่ะ ชายพีร์..มีที่ไหน คนจะได้มงกุฎจะกลัวใครเอาไปฆ่า มีแต่จะตีปีกดีใจ แต่เค้าอาจจะดีใจเกินขนาด จน..สติแตก..อะไรแบบนั้น” พุฒิภัทรลูบหน้าด้วยความกระวนกระวายแล้วหลบตาไปจากกรองแก้ว
บนเวที นางงามทุกคนไปยืนรอโดยถือถ้วยรางวัล มีเพียงกรองแก้วกับนางงามเบอร์7 ที่ยืนจับมือกันตรงกลาง
“และแล้ว..เราก็เหลือ 2 คนแล้วนะครับ..ระหว่าง เบอร์ 7 กนกลักษณ์ รักษะสิน พระนคร สมาคมพ่อค้าขายส่ง ส่งเข้าประกวด และกรองแก้ว บุญมี อยุธยา ร้านเสริมสวยอิงอร ส่งเข้าประกวด”
นางงามเบอร์ 7 ตื่นเต้น กรองแก้วสงบนิ่งแต่ยังมองมาที่พุฒิภัทร
กรองแก้วพยายามเพ่งส่งกระแสจิต “คุณคะ..คุณสิงห์หนุ่มผู้แข็งแกร่งและดุดัน....คุณไม่เข้าใจเหรอ คุณไม่สนใจชั้นเหรอ คุณมองไม่เห็นเหรอ ว่าชั้นขอความช่วยเหลือจากคุณ..คุณทำอะไรไอ้ท่านคนนั้นที..ชกหน้ามันให้สลบไปเลย ได้ไหมคะ หรือ..พอชั้นได้มงกุฎ ได้รับเงินมาแล้ว คุณก็ฉุดชั้น พาชั้นหนีไป..ไปจากที่นี่ทันที..หรือคุณทำให้เกิดเหตุการณ์อะไรวุ่นวายขึ้นมาก็ได้ แล้วชั้นจะรีบวิ่งหนี เล็ดรอดไป..พร้อมกับเงิน และมงกุฎ..”
พุฒิภัทรมองตอบด้วยความสงสัยมากขึ้น
พิธีกรประกาศ “นางสาวศรีสยาม ประจำปีพุทธศักราช2504 ได้แก่..นางสาว..กรองแก้ว บุญมี เบอร์ 8 ครับ”
พวกอิงอรกับใบบัวกรี๊ดลั่น พินิจลุกขึ้นยืนปรบมือสุดตัว กรองแก้วตั้งสติแล้วมองหาทางหนีทีไล่ กรองแก้วเห็นคนของพินิจ พวกอิงอร พวกของใบบัว ต่างตีวงกระชับพื้นที่เข้ามาอีก กรองแก้วมองไปหลังเวที หน้าเวที บันได และทางขึ้นลงต่างๆ กรองแก้วหันไปมองพุฒิภัทรแล้วทำหน้าผิดหวัง
“คุณสิงห์หนุ่ม..คุณไม่เข้าใจ..”

ท่านผู้หญิงหยิบมงกุฎขึ้นมาถือแล้วหันมามองรอกรองแก้วแบบงงๆ พุฒิภัทรแปลกใจกับท่าทางของกรองแก้ว กรองแก้วยืนอย่างหมดทางรอด แล้วน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา
“เค้าทำท่าทางแปลกๆ จริงๆ ด้วย พี่ชายภัทร..ไม่เห็นดีใจเลย ที่ได้ที่ 1 หรือจะสติหลุดไปแล้ว” รณพีร์สงสัย
พิธีกรเรียก “คุณกรองแก้วครับ..”
กรองแก้วทำใจให้เย็นลงแล้วเดินเค้าไปย่อตัวลงไหว้ เพื่อรับการสวมมงกุฎ สายสะพาย และถ้วย
ช่างภาพมารุมถ่ายมากมาย
ท่านผู้หญิงสวมมงกุฎเสร็จ ทุกคนปรบมือ กรองแก้วรอว่าทำไมไม่ให้เงินเธอสักที ท่านผู้หญิงเดินลง กรองแก้วยืนเหวออยู่กลางเวที ช่างภาพเข้ามาถ่ายจนแฟลชวูบวาบไปหมด
“เอ่อ..กรองแก้วครับ..เชิญถ่ายภาพร่วมกับรองทั้ง4ด้วยครับ..” พิธีกรบอก
กรองแก้วชะงักแล้วหันมา “ค่ะๆๆ”
กรองแก้วเดินถือถ้วยทองกลับไปหารองทั้ง 4
นางงามเบอร์ 7ดุ “นี่..ได้มงกุฎ ก็ไปอยู่ตรงกลางสิ”
“แล้ว..ทำไม เค้ายังไม่ให้เงินล่ะ” กรองแก้วพยายามยิ้มไปพูดไป
“เงินอะไร”
“เงินรางวัล ที่ 1 ห้าพันบาท ที่สอง สองพันบาทไง เธอได้รึยัง”
“ยัยบ๊อง..เงินสด ใครเค้าจะถือมาให้ตรงนี้ เดี๋ยวเค้าจะจัดพิธีรับมอบเป็นการเปิดบัญชีเงินฝากชื่อเรา..ที่ธนาคารที่เป็นสปอนเซอร์ใหญ่ของงานนี้ไง”
กรองแก้วหน้าซีด “แปลว่า..เรายังจะไม่ได้เงิน..แต่ต้องไปกับ..ท่าน..งั้นเหรอ”
“แหมๆๆ นางสาวสยามคนใหม่และรองของเรา คุยกันจ้อเลยนะครับ..ขอรอยยิ้มสวยๆ ก่อนนะคร้าบ” พิธีกรพูด

กรองแก้วหันมายิ้มกับกล้องที่เข้าไปรุมถ่ายมากมาย

นายพลพินิจนั่งยิ้มแต้ยืนดูอย่างเปิดเผย คุณหญิงสะบัดหน้าใส่ ใบบัวกับอิงอรเข้ามารุมพินิจ

อิงอรกระซิบ “ท่านขา..พอใจไหมคะ”
“พอใจที่สุด” พินิจบอก
“แบบนี้ต้องให้รางวัล2เท่า จริงไหมคะ” ใบบัวถาม
“สามเท่าไปเลย..ได้หนูแก้วมาเลี้ยงดูทั้งคน..ฉันไม่เค็มหรอก” พินิจบอก
ทั้งสองกรี๊ดออกมาอย่างชื่นมื่น
กรองแก้วมองมาเห็นพินิจกับอิงอรและใบบัวทำท่าทางดีใจก็แค้นจนใจสั่น เธอมองมาทางพุฒิภัทร
พุฒิภัทรซึ่งได้ยินคำพูดทั้งหมดของพินิจก็มองกรองแก้วตอบอย่างเจ็บใจ
“พี่ชาย..ยินไหม คนพวกนี้มันขายผู้หญิงให้ท่านนะ” รณพีร์ถาม
“แล้วไง..ผู้หญิงไม่เต็มใจแล้วจะมาประกวดทำไม คิดจะโก่งราคาน่ะซี้ ฮึ เที่ยวอ่อยใครๆไปทั่ว หวังจะให้ผู้ชายเอาเงินมาลงสู้กันรึไง” พุฒิภัทรว่า
“อ้าว..เค้าไปอ่อยใครตรงไหน” รณพีร์ถาม
“ก็อ่อยบนเวทีนางงามไง ก็เดินโชว์ขาอ่อน แล้วก็เที่ยวยิ้มเรียกคะแนนบ้าง ทำหน้าออดอ้อนให้คนสงสารบ้าง..ผู้หญิงสมัยนี้..เชอะ”
พิธีกรพูดต่อ “เชิญ..นางสาวศรีสยามและรองทั้ง4 เดินโชว์เพื่อให้ผู้ชมได้ชมความงามกันอย่างทั่วถึงด้วยครับ เชิญครับ”
พุฒิภัทรลุกขึ้นทันที
รณพีร์งง “อ้าว พี่ชายภัทร ไปไหน”
“ก็งานจบแล้วนี่ มีอะไรให้ดูอีกล่ะ ครบแล้วไม่ใช่เหรอ ชั้นอาจมีผ่าตัดตอนดึกนะ”
รณพีร์ลุกตามด้วยความเสียดาย ทั้งสองลุกขึ้น ขยับจะออก ทั้งสองไหว้พินิจ ไหว้ท่านผู้หญิงเป็นจังหวะเดียวกับที่กรองแก้วเดินนำแถวนางงามออกมา บรรดาช่างภาพกรูกันไปดักถ่ายปิดทางเดินที่พุฒิภัทรกับรณพีร์จะเดินออกทำให้พุฒิภัทรและรณพีร์ยืนสูงและใกล้เวทีมากขึ้น
กรองแก้วเดินมาจนถึงตำแหน่งตรงหน้าพุฒิภัทร กรองแก้วหันมามองหน้า พุฒิภัทรมองตอบแล้วทำแววตาเย็นชาใส่กรองแก้ว
พินิจรู้สึกคึกจึงเบียดแซงพุฒิภัทรออกมายกมือยกไม้ “หนูแก้วจ๋า หนูแก้ว..เก่งมากๆ สวยมากๆเลย..เป็นกำลังใจให้นะคะ”
กรองแก้วมองหน้าพินิจแล้วยิ้ม แล้วมองหน้าพุฒิภัทรอย่างขอความเห็นใจเป็นครั้งสุดท้าย พุฒิภัทรเมิน เขาทำเป็นมองไปที่อื่นและดูนาฬิกา กรองแก้วเสียใจแล้วคิดในใจ
“คุณไม่ช่วยชั้นใช่ไหม ได้ งั้น..ตนก็เป็นที่พึ่งแห่งตนก็แล้วกัน”
กรองแก้วมองแนวขอบหน้าเวทีที่มีผ้าแพรจีบๆ และต่ำลงไปบนพื้นคือกระถามดอกไม้ที่วางเรียงประดับ
กรองแก้วคิดในใจ “ดี เอาให้มันขาหักเป็นนังเป๋ไปเลย ใครจะอยากได้ไปเป็นนางบำเรออีก ก็ให้มันรู้ไป!!”
เท้าของกรองแก้วในรองเท้าส้นสูงปรี๊ดก้าวฉับๆ ทิ้งตัวลงไปจากเวทีทันที ร่างกรองแก้วร่วงลงมา ต่อหน้าพุฒิภัทร รณพีร์ และพินิจ ผู้ชมพากันกรี๊ดกร๊าดกันระงม ช่างภาพเข้าไปรุมถ่ายภาพกัน
พุฒิภัทรลืมตัวจึงแหวกผู้คนเข้าไปจนมองเห็นกรองแก้วนั่งกองระทวยอยู่เหมือนหงส์ปีกหัก กรองแก้วเงยมาช้าๆ
กรองแก้วกับพุฒิภัทรสบตากัน พุฒิภัทรตกใจ ทันทีที่เห็นพุฒิภัทรแววตาของกรองแก้วก็ฉายแววเจ็บปวดและตัดพ้อ น้ำตาของเธอปริ่มตา รณพีร์เดินเข้ามาสมทบ
“พี่ชาย..แบบนี้ต้องพาไป..” รณพีร์บอก
อยู่ๆ พินิจก็แหวกทุกคนเข้ามาผลัก 2 หนุ่มไปคนละทาง
“แพทย์สนาม แพทย์สนามอยู่ไหน มาดูหนูกรองแก้วเดี๋ยวนี้”
อิงอร ไกรฤกษ์ สุนันท์ ใบบัวและสมุนเข้ามาล้อมรอบ
“แพทย์สนามล่ะ แพทย์สนามๆๆ” อิงอรตะโกนเรียก
รณพีร์สะกิดพี่ชาย “เข้าไปเลย พี่ชาย..บอกเขา ว่าเราเป็นแพทย์เลย”
พินิจตะโกนเรียก “แพทย์สนามๆ”
พุฒิภัทรนิ่งแล้วหันกลับก่อนจะเดินจากมาจากความวุ่นวายนั้น รณพีร์วิ่งตามอย่างงงๆ
“พี่ชายภัทรๆๆๆ”
กรองแก้วที่สวมมงกุฎเจ็บปวดทั้งใจทั้งกายและรู้สึกสิ้นหวัง

พุฒิภัทรเดินจ้ำอ้าวแยกมาที่บริเวณจอดรถ รณพีร์วิ่งกระหืดกระหอบตามมา เขาซีเรียสเพราะกลัวแพ้พนันกับพี่น้องด้วย
“พี่ชายภัทร..ทำไมพี่ไม่เข้าไปช่วยคุณกรองแก้วล่ะ พี่ไม่อยากรู้จักเขาเหรอ พี่ทำไมไม่ใช่เอกสิทธิ์ความเป็นหมอล่ะครับ”
“แพทย์สนามเขาก็มี ให้พี่ไปออกหน้าออกตา เขาจะได้หาว่าพี่หัวงูน่ะสิ..” พุฒิภัทรบอก
“โห..แบบนี้คืนนี้ก็จบแค่นี้..สิครับ”
“แล้วนายจะให้จบแค่ไหนล่ะ พี่ทำอะไรไม่ได้ดีกว่าแพทย์สนามหรอก แผลลึกอย่างนั้น คงต้องส่งไปเย็บแผลที่โรงพยาบาลอย่างเดียว”
รณพีร์เชียร์จนโอเว่อร์ “งั้นก็ดีสิครับ โรงพยาบาลพี่ชายภัทรอยู่ใกล้แค่นี้เอง..ไปบอกเขา ให้นำส่งตัวคุณกรอ..ง..”
พุฒิภัทรพูดชัดเจน “ชายพี..พี่ขอพูดชัดๆอีกทีนะ..พี่..ไม่ได้รู้สึกอะไรกับนางงามคนนั้น”
“แต่เขาสบตากับพี่เป็นพิเศษนะครับ..ผมไม่เห็นเขาจะมองใครเลย นอกจากพี่คนเดียว..บางที นี่อาจจะเป็นบุพเพสันนิวาสก็ได้”
พุฒิภัทรตัดบท “หยุดเพ้อเจ้อ..ชีวิตจริงไม่ได้มีอะไรโรแมนติกแบบในนิยายหรอก..อาจจะเป็นแค่การโปรยเสน่ห์..ให้ท่า..เพื่อให้เรากระโจนเข้าไปร่วมประมูล อัพราคาค่าตัวของเขาแข่งกับท่าน..ก็แค่นั้น”
“ทำไมพี่พูดงี้” รณพีร์ชักฉุน
“กลับบ้านเถอะ”
รณพีร์หัวฟัดหัวเหวี่ยง “พี่ชายภัทร..ผมถามจริงๆ..พี่ไม่ชอบคุณกรองแก้วสักนิดเลยเหรอ”
พุฒิภัทรอ้าปากพูด “พี่..”
รณพีร์พูดดัก “อ๊ะ โกหกเป็นบาป ตกนรกนะครับ”
“พี่จะกลับบ้าน!!” พุฒิภัทรบอก
พุฒิภัทรเข้าไปในรถ รณพีร์คอตกด้วยความท้อใจแล้วรีบตามเข้าไป แต่ยังไม่ทันไร บีปเปอร์ของพุฒิภัทรก็ดัง พุฒิภัทรมองเพราะรู้ว่ามีเคสด่วน
“พี่ไม่กลับบ้านแล้ว ไปส่งพี่ที่โรงพยาบาลแทน”

รณพีร์เซ็งมากๆ

กรองแก้วแอบมองทางหนีทีไล่ของโรงพยาบาล เธอลุกเด้งขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วเก๊กหน้าตาขึ้งโกรธ ทันที กรองแก้วปัดมือนางพยาบาลที่ถือสำลีจนสำลีหล่น

นางพยาบาลอีกคนเขามาจับ กรองแก้วสะบัดแขนเปะปะไม่ยอมให้ใครสัมผัสตัว
“ไม่ๆๆๆๆ..อย่ามาแตะต้องตัวชั้น!!”
พวกพยาบาลช่วยกันเกลี้ยกล่อมและหว่านล้อม
“คุณคะ..เราแค่จะล้างแผลให้ จะได้ไม่ติดเชื้อไงคะ”
“ไม่ให้ล้าง ออกไป๊!!” กรองแก้วเสียงดัง
มารตีพุ่งเข้ามาพูดเสียงดุ “นี่..คุณ..คุณต้องให้เราล้างแผล และเย็บแผลให้นะ..เพราะถ้าแผลฉีกหรือติดเชื้อมากไปกว่านี้..ต้องตัดขาทิ้ง เราไม่รับผิดชอบนะ”
“ตัดขาเลยเหรอ”
กรองแก้วอึ้งไปด้วยความรู้สึกกลัว มารตีเห็นกรองแก้วอ่อนลงเลยจะเข้าไปจับกรองแก้วนอนลง เพื่อที่จะได้ทำแผลตามหน้าที่ แต่แล้วกรองแก้วก็กลับดื้อขึ้นมาอีก
“ไม่..ชั้นไม่ล้าง ชั้นไม่เย็บแผล..ไม่อะไรทั้งนั้น ออกไปๆๆ”
กรองแก้วโวยวายผลักมารตีและพยาบาลคนอื่นๆออก มารตีและพวกพยาบาลเอือมระอา

ใบบัวกับสมุนกำลังชะเง้อไปทางห้องตรวจด้วยความกังวลปนห่วงกรองแก้ว
“ยัยแก้วมันแปลกๆ ชั้นบอกแล้ว ว่านังนี่มันยังไงๆก็ไม่รู้” อิงอรบอก
“ยังไงๆน่ะ คือยังไงหรือคะ” ใบบัวถาม
“อุ๊ย เอ่อ..ก็ ไม่ยังไงหรอกค่ะ แต่ไม่รู้เซ่อซ่ายังไงถึงตกเวทีมาได้” อิงอรว่า
“อีนี่มันหลังเขาจะตายไปแม่ รองเท้าส้นสูงก็เพิ่งหัดใส่ ซุ่มซ่ามเซอะซะจะตาย..” สุนันท์บอก

พินิจเดินอย่างเร่งรีบมาที่หน้าห้องฉุกเฉินโดยมีคุณหญิงเดินตามมาแบบระอาแต่อยากรู้ว่าจะทำยังไงกันต่อ พินิจเห็นว่ามีพวกนักข่าวรอทำข่าวนางงามตกเวทีอยู่ก็เบรกแล้วถอย ก่อนจะรีบเข้ามาควงแขนคุณหญิงแล้วพาหันกลับ
นักข่าวหันมาเห็นพินิจก็รีบวิ่งเข้ามาดักแล้วถ่ายด้วยกล้องแบบโบราณไฟแฟลชดวงกลมสาดแสงไปทั่ว พินิจรีบจัดแจงโพสท์ท่าคู่คุณหญิงแบบหวานจนโอเว่อร์ สุนันท์หันมาเห็นพอดีก็ทำตาโต
สุนันท์เข้ามาสะกิด “แม่ๆๆ ท่านมา”
อิงอรกับคุณนายใบบัวหันมาเห็นพินิจก็รีบแยกตัวออกไปรับหน้าทันที


พินิจเดินควงคุณหญิงหนีนักข่าวออกมา อิงอรกับใบบัวรีบตามเข้าไปแทรกเพราะกลัวชวดค่าตัว
“ท่านขา..ท่านคะท่าน” อิงอรเรียก
พินิจชะงัก
“ท่าน..ท่านอย่าเพิ่งเปลี่ยนใจนะคะ”
พินิจเซ็งแล้วรีบเล่นละครโดยทำเป็นเก๊กหน้าขรึม เก๊กเสียงดังน่าเกรงขามพูดกับนักข่าว
“พวกคุณ..ไปบอกพวกหมอนะ..ว่าคุณหญิง..อดีตนางสาวศรีสยามเมื่อ18ปีที่แล้ว..ท่านรักและห่วงนางสาวสยามรุ่นน้องคนนี้มาก..ใช่ไหมคะ”
คุณหญิงยิ้มหวานสุดๆ “แน่นอนค่ะ เดี้ยนห่วงหนูกรองแก้วมาก..เพราะหนูกรองแก้ว..ดูๆแล้ว..ก็เท่าๆกับลูกสาวเรา..จริงไหมคะ” คุณหญิงอดว่าแดกไม่ได้
“ใช่ๆๆ” พินิจรับลูกหน้าชื่นตาบาน “เราสองคน..เอ็นดูหนูกรองแก้วเหมือนลูก..คุณหญิงเลยอยากให้รักษาหนูแก้วให้เต็มที่ สุดความสามารถ ใช้เครื่องไม้เครื่องมือที่ดีที่สุด ยาที่แพงที่สุด ค่าใช้จ่ายจะกี่พันกี่หมื่นบาท ชั้นรับผิดชอบเอง” พินิจหันไปส่งซิกแนลให้อิงอรกับใบบัวโดยเฉพาะ “แต่..หนูแก้วของชั้นต้องผุดผ่องไร้ริ้วรอย เข้าใจมั้ย ..แล้วรับรอง..ว่าชั้นจ่ายครบทั้งหมด!”
อิงอรกับใบบัวรับคำโดยพร้อมเพรียง “ค่าท่าน!!”
คุณหญิงมองอิงอร ใบบัว และพินิจอย่างรู้ทันแล้วเบะปากนิดๆ แต่สงบนิ่ง คุณหญิงวางหน้าสง่า แต่กล้ำกลืน
พินิจพูดกับนักข่าว “พอแล้วนะๆ ไปดูอาการหนูแก้วให้พวกเราหน่อย ฝากด้วยนะ พวกเรา ช่วยทำข่าวละเอียดๆ ให้ประชาชนที่รอติดตามเพราะความห่วงใยนางงามของเค้าด้วย ไปๆๆ ไปเอารูปหนูแก้วในห้องพยาบาลมาให้ได้ ไปๆๆ”
นักข่าวรับคำ “ครับท่าน”
นักข่าวทั้งหลายเดินออกไป
พินิจพูดกับคุณหญิง “คุณไปรอในรถก่อนไป”
คุณหญิงทำหน้าเย็นชาก่อนจะสะบัดหน้าเชิดแล้วเดินจากไป
ใบบัวรีบแถมากระซิบ “ท่านทำใจสบายๆ แล้วกลับไปอาบน้ำพักผ่อนรอที่บ้านดีกว่านะคะ ดิฉันรับประกัน ถ้าหนูแก้วเย็บแผลเสร็จปุ๊บ ดิฉันจะพาไป..เสิร์ฟ...เอ๊ย..กราบ..ให้ถึงที่ปั๊บในคืนนี้เลยค่ะ”
“คืนนี้? หนูแก้วจะไหวเหรอ” พินิจถาม
“โถ แผลแค่นี้เอง สบายค่ะ หนูแก้วทำงานหนักมาตั้งแต่เด็ก อึดเกินตัวค่ะท่าน” อิงอรหัวเราะคิกๆ
“คืนนี้ ท่านได้นอนหลับฝันดีแน่ๆค่ะ..เอ่อ แต่ว่า..เรื่อง..เอ่อ..” ใบบัวอ้ำอึ้ง
“ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน จะมีรอยแผลนิดๆหน่อยๆผมไม่ถือ ขอแค่หนูแก้วยอมมาอยู่กับผมโดยสมัครใจ อย่าให้ต้องออกแรง คุณทำได้ใช่มั้ย”
“ท่านเมตตาขนาดนี้ หนูแก้วต้องยอมอยู่แล้ว” ใบบัวยืนยัน
“หนูแก้วเป็นเด็กว่าง่าย ไม่อิดออด ไม่เรื่องมาก รับรองว่าท่านต้องติดใจแน่ค่ะ” อิงอรเสริม
อิงอรกับใบบัวหัวเราะคิกคักๆ
“ฮ่าๆๆ ดี ผมอยากติดใจ”
พินิจยิ้มอย่างเคลิบเคลิ้มแล้วเดินกลับไปขึ้นรถ คนขับรถรีบเปิดประตูรถให้ พินิจเข้ามานั่งด้วยท่าทางตื่นเต้นเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ เขายิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีความสุขก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือคุณหญิงโดยไม่รู้ตัวทั้งที่ในใจคิดถึงแต่กรองแก้ว คุณหญิงจำยอมอดกลั้น
คุณหญิงสั่งคนขับรถ “ออกรถได้”
อิงอรกับใบบัวยืนยิ้มแย้มส่งพินิจจนรถลับตาไป แล้วใบบัวก็เปลี่ยนสีหน้าทันที
ใบบัวพูดกับอิงอร “ไปจัดการเด็กของเธอ อย่าทำให้ชั้นเสียคำพูดต่อท่าน ไม่อย่างนั้น อย่าว่าแต่ส่วนแบ่งที่เธอจะไม่ได้ ร้านเธอ..ก็อาจจะเจ๊ง..”

ใบบัวเดินกลับไป อิงอรเซ็งและหงุดหงิด

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 2 (ต่อ)

ด้านมารตีกับนางพยาบาลสองคนพยักหน้าให้กัน แล้วเข้าไปจับตัวกรองแก้วกดลงกับเตียงพร้อมกัน กรองแก้วรวบรวมแรงสะบัดจนมารตีและพยาบาลอีก 2 คนกระเด็นไปชนฝาคนละมุม

มารตีหลังกระแทกฝาแล้วเริ่มมีน้ำโห กรองแก้วเองก็เลือดไหลออกมาจากแผลมากขึ้น มารตีพยายามจะไม่ฉุน
“นี่คุณกรองแก้ว..แผลคุณน่ะลึกมากนะ..ถ้าไม่หยุดดิ้น..เราจำเป็นต้องทำในสิ่งที่ต้องทำแล้วนะ”
“อะไร พวกคุณจะทำอะไร” กรองแก้วถาม
มารตีปรบมือ3ทีแรงๆ บุรุษพยาบาล2คนเดินเข้ามา
“หา มีแบบนี้ด้วย..” กรองทั้งอึ้งทั้งกลัว ฎพวกคุณ..อย่าเข้ามานะ” กรองแก้วกลัวแต่จำต้องเล่นละครข่มความกลัวเอาไว้ “กล้าเหรอ..ฉะ..ฉันเป็นนางสาวศรีสยามนะ..ออกไป”
“คุณเป็นใคร.. ชั้นไม่สน..คุณจะยอมให้เรารักษาดีๆหรือจะให้เราใช้กำลัง” มารตีบอก
“พวกคุณเป็นพยาบาลหรือเป็นนักเลงอันธพาลกันแน่..ไม่ต้องมาขู่..ชั้นไม่ให้ใครแตะต้องตัวชั้น นอกจาก..เอ่อ..นอกจากๆ..” กรองแก้วคิดไม่ออกไปชั่ววูบ “หมอ!! ใช่แล้ว..หมอเท่านั้น”
“นี่คุณ..พวกเราพยายามจะช่วยคุณนะ” มารตีบอก
“ถ้าคุณไม่ใช่หมอก็ออกไป!” กรองแก้วยืนกราน
“โรงพยาบาลไม่ได้มีคนไข้แค่คุณคนเดียว มีคนไข้อีกเป็นร้อยที่อาการหนักกว่าคุณ เขายังไม่เรื่องมากขนาดนี้เลย”
“แต่..แต่ชั้นเป็นนางสาวศรีสยาม..” กรองแก้วหลับหูหลับตาพูด “ชั้นเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ ขาชั้นต้องไม่มีริ้วรอย..เพราะฉะนั้น คนที่จะเย็บแผลให้ชั้นก็ต้องเป็นหมอฝีมือหนึ่งเท่านั้น..เข้าใจมั้ย..ไปตามหมอมา!!”
“ชั้นไม่ต่อรองกับคุณแล้ว”
มารีตีหันไปพยักหน้าให้พวกบุรุษพยาบาลเข้ามาจับตัวกรองแก้วให้นิ่ง แต่กรองแก้วกลับดิ้นยิ่งกว่าเก่าเหมือนแม่เสือจนตรอกที่สู้ตาย
“ชั้นไม่เย็บแผล...” กรองแก้วร้องโหยหวน
กรองแก้วดิ้นสู้เพื่อไม่ให้บุรุษพยาบาลแตะต้อง เธอทั้งผลักทั้งถีบแล้วก็ร้องกรี๊ด

อิงอร ใบบัว สุนันท์ และนักข่าวที่แอบอยู่ที่มุมหนึงหน้าห้องได้ยินเสียงกรองแก้วกรี๊ดดังออกมา ทุกคนต่างแตกตื่นวิ่งมาตามเสียงแต่มาหยุดที่ป้าย “ห้ามเข้า” และประตูที่ปิด พวกอิงอรพยายามจะแงะประตูเข้าไป
“มันเป็นอะไรนักหนาขนาดนั้นนะแม่ แผลมันนิดเดียวไม่ใช่เหรอ” สุนันท์สงสัย
“นั่นสิ ต้องเข้าไปดูให้เห็นกับตา” อิงอรบอก
ใบบัวหันมาผลักนักข่าว “นักข่าวไม่ต้องเข้าค่ะ พวกเราเป็นสปอนเซ่อร์ เป็นพี่เลี้ยง..เรามีสิทธิ์เข้าไปได้”
อิงอรพยายามเปิดประตูกำลังจะสำเร็จแต่เพียงพรวิ่งมาถึงแล้วรีบกันทุกคนออกไป
“ถอยไปค่ะๆ” เพียงพรบอก
“ดิฉันเป็นผู้ปกครองค่ะ ให้ฉันเข้าไปจัดการกับเด็กเองนะคะ” อิงอรขอ
“ช่วยเร็วๆด้วยนะ ต้องรักษาให้เสร็จคืนนี้ ชั้นให้เวลาอีกครึ่งชั่วโมงแล้วจะรับเด็กไปเลย”
“ค่ะๆๆ เข้าใจ แต่ทุกคน..ช่วยถอยไปก่อนนะคะ เข้าไม่ได้ค่ะ” เพียงพรรีบเปิดเข้าไปแล้วปิดประตูปังก่อนจะล็อกสนิท
พวกอิงอรผิดหวัง ทั้งเซ็ง ทั้งอารมณ์เสีย

เพียงพรตะลึงกับภาพตรงหน้าเพราะเธอเห็นมารตีกำลังจับแขนกรองแก้วทั้งสองข้างแล้วกรี๊ดตอบใส่หน้ากรองแก้ว
“ชั้นก็กรี๊ดเป็นเหมือนกันนะ” มารตีบอก
กรองแก้วทั้งสะบัด ทั้งดิ้น ทั้งผลัก “ปล่อย..”
มารตีพูดจาดุดัน “ไม่ปล่อย เย็บเลย ฉีดยาชาสิเธอ เร็ว!!”
บุรุษพยาบาลคนนึง ไล่อากาศในเข็มยาชากระบอกใหญ่มาก
กรองแก้วมองเข็มฉีดยาแล้วก็ตาเหลือก “กรี๊ดๆ ไม่นะๆ ชั้นบอกว่าม่าย..”
มารตีเสียงดังกว่า “ฉีดสิ ฉีดๆๆช้านสั่งให้ฉีด”
เพียงพรเสียงดัง “หยุดทุกคน!! พอได้แล้ว!!”
พวกบุรุษพยาบาลหยุด
เพียงพรเสียงเข้ม “มารตี ออกไปสงบสติอารมณ์ด้านนอก!”
มารตีมองสู้แล้วเชิดตอบ เพียงพรนิ่งและเยือกเย็น สุดท้ายมารตีก็เกรงขามต่อตำแหน่งหน้าที่ของเพียงพร

มารตีจึงเดินฮึดฮัดออกไปทางประตูอีกด้านที่เป็นทางของพวกหมอ

เพียงพรหันมามองด้วยสายตาเข้มงวด

“คุณกรองแก้ว..เลือดคุณไหลไม่หยุดแล้ว เห็นมั้ย”
กรองแก้วเห็นเลือดก็หน้าซีดเพราะกลัวจึงมีท่าทีอ่อนลง “ชั้น..แก้วขอร้อง..ช่วยไปตามหมอที่เก่งที่สุดมาก่อนนะคะ” กรองแก้วพนมมือ “นึกว่าเห็นแก่นางสาวศรีสยามตาดำๆคนนึงเถอะคะ”
เพียงพรถอนหายใจด้วยความระอา
“คุณดูไม่น่าจะเป็นคนดื้ออย่างนี้เลย รู้หรือเปล่าว่าที่คุณทำอยู่น่ะคือการทรมานตัวเอง..คุณไม่เจ็บมั้งเหรอไงกัน” เพียงพรว่า
ทันใดนั้นพยาบาลคนนึงก็วิ่งเข้ามาจากประตูของหมอบานนั้น
“คุณหมอมาแล้วค่ะ”
กรองแก้วมองไปเห็นยศวินซึ่งเป็นหมอเวรเดินเข้ามา
ยศวินยิ้มใจดี “ผมนายแพทย์ยศวิน เป็นแพทย์เวรวันนี้ครับ”

พุฒิภัทรที่ใส่เสื้อกาวน์ทับเชิ้ตตัวใน กางเกงตัวเดิม แต่ถอดสูทไปแล้วกำลังสอดท่อเข้าทางจมูกคนไข้ชายรายหนึ่งอยู่
“ช่วยผมหน่อยนะครับ ผมรู้ว่าคุณเจ็บ แต่ถ้าคุณพยายามกลืนน้ำลายให้สายยางลงไป..จะง่ายขึ้น..ดีครับ..ดี..อีกนิดเดียวครับ..” พุฒิภัทรบอก
คนไข้พยายามทำตามโดยอดทนต่อความเจ็บไว้
“เยี่ยม..เรียบร้อยแล้วครับ” พุฒิภัทรพูดกับพยาบาล “คุณช่วยติดเทปให้ดี สายยางจะได้ไม่เลื่อนอีก” พุฒิภัทรพูดกับคนไข้ “ทนหน่อยนะครับ คุณเพิ่งผ่าตัดซ่อมกระเพาะไป ต้องให้ทางเดินอาหารพักสองสามวัน แล้วถึงจะทานอาหารตามปกติได้..หวังว่าถ้าหายดีแล้ว อย่ากลับไปดื่มเหล้าจนกระเพาะทะลุอีกนะครับ”
พุฒิภัทรจับที่แขนของคนไข้แล้วยิ้มให้อย่างเพื่อนสนิท

ยศวินยิ้มให้กรองแก้วเป็นมิตร
“ให้ผมดูแผลหน่อยนะครับ”
กรองแก้วอึ้ง
“สบายใจได้แล้วค่ะ นายแพทย์ยศวินเป็นแพทย์เวรนะคะ เดี๋ยวคุณหมอจะเย็บแผลให้คุณเสร็จภายใจไม่ถึงชั่วโมงนะคะ แล้วญาติๆ พวกสปอนเซ่อร์กับพี่เลี้ยงคุณที่เฝ้ารออยู่ข้างนอก ก็จะรับตัวคุณกลับไปได้เลยค่ะ แป๊บเดียวนะคะ แล้วไม่เจ็บด้วยค่ะ ไม่ต้องกลัว” เพียงพรพูด
“อะไรนะ เย็บไม่ถึง1ชั่วโมงเหรอ” กรองแก้วถามย้ำ
ยศวินยิ้มเอาใจ “ครับ แป๊บเดียวเอง ไม่ต้องนอนค้างด้วย เจ็บเหมือนมดกัด..แล้วก็กลับไปกับพี่เลี้ยงและสปอนเซอร์ได้เลยครับ”
“หา..ไม่ต้องนอนค้างที่โรงพยาบาลหลายๆ คืนเหรอคะ” กรองแก้วตกใจ
ยศวินหัวเราะ “คืนเดียวก็ไม่ต้องค้างครับ”
ยศวินจะเข้ามารักษาแต่กรองแก้วที่กำลังจนตรอกร้องห้ามสุดเสียง
“ไม่..!!!”
“ไม่อะไรอีกล่ะคะ..คุณ” เพียงพรถาม
“ไม่ใช่หมอคนนี้!” กรองแก้วบอก
ยศวินกับเพียงพรแปลกใจ
“คุณกรองแก้วคะ..คุณหมอยศวิน ท่านเป็นแพทย์ที่เก่งมากที่สุดคนหนึ่ง..คุณไม่ต้องกังวลนะคะ”
“ผมรับรองว่าหลังเย็บแผลเสร็จคุณจะสวยเหมือนเดิม ไม่มีริ้วรอยแม้แต่นิดเดียว” ยศวินบอก
กรองแก้วแถเพื่อหาทางรอดไปเรื่อยๆ “ไม่ค่ะ..ไม่ๆๆๆ ชั้น..ชั้นไม่ต้องการแพทย์เวร..ชั้น..ชั้นคิดว่า..หมอที่จะแตะตัวชั้นได้ จะต้องเป็นหมอที่เก่งที่สุดเท่าที่มี..คือหมายความว่าชั้นต้องการคนที่.. ที่เชี่ยวชาญการเย็บแผลที่สุดของ..ของโลก..เอ๊ย..ของประเทศไทย..เอ่อ..ของ..ของโรงพยาบาลนี้..ก็พอได้”
เพียงพรถอนหายใจดังเฮือก “นี่ดึกมากแล้ว ถ้ามีหมอเวรอยู่ และไม่ใช่เคสพิเศษเฉพาะทางจริงๆ ทางโรงพยาบาลไม่มีนโยบายตามหมอท่านอื่นมาหรอกนะคะ”
ยศวินพยักหน้า พวกพยาบาลเตรียมเครื่องมือ
เพียงพรกล่อมต่อ “ไม่ต้องกลัวนะคะ พวกผู้ปกครอง พี่เลี้ยง สปอนเซอร์อะไรรอกันเต็มเลยค่ะ ได้ยินว่า..ท่านพินิจกับท่านผู้หญิงก็มากำชับว่าให้พวกเราทำให้ดีที่สุดนะคะ” เพียงพรปลอบอย่างหวานจ๋อยเหมือนพูดกับเด็ก
อยู่ๆ กรองก็เอามือปิดหน้าแล้วร้องไห้ “ฮือๆๆ”
“อ้าว เอ่อ คุณกรองแก้ว..” ยศวินงง
กรองเปิดหน้าออกมาแล้วพูดดด้วยความเครียดจริงจัง “ชั้น..ชั้นเป็นถึงนางสาวศรีสยามคนล่าสุด..พรุ่งนี้รูปชั้นจะลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ..ชั้นขอแค่หมอที่เย็บแผลเก่งที่สุดแค่นี้..พวกคุณให้ชั้นไม่ได้เหรอ..มันมากไปงั้นเหรอ..” กรองแก้วมีท่าทางแน่วแน่ “ได้..ถ้าคุณหาหมอศัลยกรรมที่เก่งที่สุดมาไม่ได้ ชั้นก็จะนั่งให้เลือดไหลหมดตัวอยู่ตรงนี้..ชั้นยอมตาย แต่จะไม่ยอมมีแผลเป็นเด็ดขาด เข้าใจมั้ย”
เพียงพรกับยศวินมองกรองแก้วด้วยสายตาระอาในความเอาแต่ใจก่อนจะหันมาสบตากันเป็นเชิงถามกันว่าจะเอายังไงดี ทั้งสองกลุ้มใจและอยากจะบ้าตาย
“แล้วดูสิว่าพรุ่งนี้พวกนักข่าวจะเขียนถึงโรงพยาบาลคุณว่ายังไง ฮึ!!” กรองแก้วพูดด้วยหน้าตาท่าทางแน่วแน่แต่ในดวงตาแฝงความกลัวเอาไว้

ทุกคนมองหน้ากันแล้วก็ชักหมดกำลังใจ

ฝ่ายสุนันท์กำลังโวยวายใส่มารตีและกลุ่มพยาบาลคนอื่นๆ อยู่ที่มุมหนึ่ง ในขณะที่นักข่าวและช่างภาพเริ่มนั่งรอกันอย่างเซ็งๆ

“ยังไม่ได้เย็บแผล!” สุนันท์โวย “แล้วที่ชั้นนั่งรออยู่ตั้งนาน พวกคุณทำบ้าอะไรกัน มัวแต่ถ่ายรูปหรือขอลายเซ็นนางงามกันหรือไง”
“ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากทำ แต่...” มารตีอ้ำอึ้ง
“ทำไม ยัยแก้วมีปัญหาอะไร..แล้วจะอีกนานแค่ไหน หนูแก้วถึงจะกลับบ้านได้” อิงอรถาม “ชั้นต้องการพาหนูแก้วกลับบ้านให้เร็วที่สุด..เข้าใจมั้ย”
มารตีฉุนแต่ก็ข่มอารมณ์ “ทราบค่ะ เราก็อยากให้คนไข้ออกไปจากโรงพยาบาลเร็วๆเหมือนกัน..เป็นนางงามแต่เรื่องมากซะยังกะเป็นเจ้าหญิง คุณนักข่าว เอาไปลงเลยนะคะ ว่านางสาวศรีสยามคนนี้ หลงตัวมากเกินไป แค่ได้มงกุฎไม่กี่ชั่วโมง กลายเป็นเทพธิดาไปซะแล้ว แย่มาก”
มารตีพูดจบก็รีบหันหน้าและเดินหนีอย่างหัวเสีย
“ฤทธิ์เยอะทั้งคนไข้ทั้งญาติเลย..ถ้าไม่ได้อยู่ในหน้าที่นะ ฮึ่ม”
มารตีเดินกระแทกเท้าออกไป
“อะไรเนี่ย..นี่มันกี่ทุ่มกี่ยามกันแล้ว..ชั้นไม่ไหวแล้วนะ ยัยอิงอร..แบบนี้ เกิดอะไรขึ้น ชั้นไม่รับผิดชอบด้วยนะ” ใบบัวว่า
อิงอรหน้าซีด

คุณหญิงกำลังเอนหลังให้บ่าวบีบนวดเท้าให้อยู่ พินิจแต่งตัวใหม่อย่างสะอาดสะอ้านแล้วรีบร้อนเดินออกมาด้วยความตื่นเต้น
“คุณใบบัวโทรมาหรือยัง” พินิจถาม
ทส. ที่อยู่คอยรับใช้ส่ายหน้า
“ยังอีกเหรอ..ทำไมเย็บแผลนานขนาดนี้..หรือว่าจะเป็นอะไรมาก..โถๆๆ ไม่ๆๆ หนูกรองแก้วต้องไม่หลอกให้ฉันแต่งตัวเก้อนะ” พินิจสั่ง “โทรไปถามที่โรงพยาบาลสิ”
“ครับท่าน”
“นี่ถ้าไม่ติดว่าจะมีนักข่าว ฉันจะไปเฝ้าหนูกรองแก้วด้วยตัวเองแล้ว” พินิจบอก
“คุณคะ..ถ้ามันจะช้าไปสักวันสองวัน ให้เด็กพักรักษาตัวก่อน..คุณจะอดใจรอไม่ได้เชียวหรือคะ” คุณหญิงถาม
“แหม คุณหญิงก้อ..ทำไมจะไม่ได้..สบายๆเลย..จะวันนี้หรือวันไหน ผมก็ไม่มีปัญหา..แต่ถ้าวันนี้ได้ มันก็ดีใช่มั้ย อารมณ์และบรรยากาศสดๆร้อนๆ มันซู่ซ่าดี..คุณก็น่าจะรู้..ใช่มั้ยล่ะ”
“ชั้นเข้านอนดีกว่า”
คุณหญิงลุกจะเดินขึ้นห้องนอน พินิจไม่ได้แคร์อะไรเพราะมัวแต่พะวงถึงกรองแก้ว
“ฝันดีนะคุณหญิง เดี๋ยวผมจะอยู่รอหนูกรองแก้วของผมก่อน”
คุณหญิงที่กำลังจะเดินขึ้นไปชะงักแล้วถาม “แล้วคืนนี้คุณจะนอนไหน”
“ก็ต้องเรือนสีชมพูอยู่แล้ว” พินิจตอบ
“แล้วถ้านางสาวศรีสยามคนใหม่ ไม่สามารถมาปฏิบัติหน้าที่คืนนี้ได้ล่ะ”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น นังใบบัวก็ต้องรับผิดชอบ..เอ่อ ไม่ใช่อย่างว่านะคุณหญิง..ผมหมายถึงมันต้องรับผิดชอบ ที่ดันมารับปากผมพล่อยๆ ไว้ ว่าคืนนี้หนูแก้วมาให้ผมเป่ากะหม่อมแน่.. คุณไม่ต้องห่วงผมหรอก นอนหลับให้สบายเถอะ”
คุณหญิงรู้สึกหวานอมขมกลืนแล้วก็เดินขึ้นห้องไป
พินิจลุ้นด้วยความตื่นเต้นๆ ก่อนจะตะโกนหาทส.คนสนิทว่าโทรติดหรือยังโดยไม่ได้แคร์ความรู้สึกของคุณหญิงเลย

คุณหญิงอำไพเดินมาที่ห้องนอนก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างอ่อนแรง ที่ปลายเตียงมีรูปคู่คุณหญิงกับพินิจในชุดแต่งงานหวานชื่น คุณหญิงมองรูปนั้นด้วยแววตาอมทุกข์และความรู้สึกโดดเดี่ยว แต่ก็กลั้นน้ำตาไว้ด้วยท่าทีที่ดูสง่าและสูงศักดิ์

กรองแก้วที่หน้าเริ่มซีดและอ่อนแรงกำลังยืนแอบเปิดม่านที่ผนังกระจกด้านหนึ่งออกไปดูภายนอก
กรองแก้วเห็นใบบัว อิงอรและสุนันท์รออยู่ด้วยท่าทางกระวนกระวายและต่างก็มองนาฬิกา
“ยังไม่กลับกันไปอีก”
กรองแก้วหน้าซีด เธอหันกลับมามองในห้องฉุกเฉินก็เห็นพวกพยาบาลอื่นๆทำงาน ดูแลคนไข้คนอื่นไปเพราะไม่มีใครสนใจและอยากข้องเกี่ยวกับกรองแก้วแล้ว
กรองแก้วจนตรอก เธอคิดหาทางเอาตัวรอด
“พ่อจ๋า..แก้วจะทำยังไงดี..จะทำยังไงดี”
ทันใดนั้นเพียงพรก็เดินเข้ามาเห็นกรองแก้วยืนอยู่
“คุณกรองแก้ว..นี่..คุณลุกเดินมาเองเหรอคะ โถ จากแผลเล็กๆ แค่เย็บก็กลับบ้านได้ ประเดี๋ยวแผลได้ฉีกจนต้องนอนค้างโรงพยาบาลหรอกค่ะ”
เพียงพรรีบเข้าประคองกรองแก้วกลับไปที่เตียง ในขณะที่กรองแก้วมีสีหน้าและแววตาคิดแผนอะไรบางอย่างในใจจนกระทั่งเดินถึงเตียง
“ถ้าแผลฉีก..จะได้ค้างหรือคะ..งั้น..ชั้นนั่งเองได้”
“ดิฉันช่วยเถอะค่ะ” เพียงพรบอก
“ถ้าคุณอยากช่วยชั้น ก็..เอ่อๆๆ..รีบไป..” กรองแก้วนึกแผนการ “หาน้ำมาให้ชั้นดื่มซักแก้วสิ นี่มันนานมากแล้วนะคะ ที่มาถึง แต่ไม่มีการดูแลอะไรเลย..หรืออยากจะให้ชั้นตายอยู่ตรงนี้”
“ค่ะๆ”
ทันทีที่ถึงเตียง กรองแก้วก็มองและวางมือลงบนเตียง แล้วเธอก็ก็ตัดสินใจในจังหวะเดียวกับที่เพียงพรหันกลับมาเห็นพอดี
“เอาให้มันพิการไปจริงๆเลย..” กรองแก้วจงใจไถลตัวให้เตียงเลื่อนแล้วทิ้งตัวให้ล้มลงกับพื้น
“คุณกรองแก้ว!!”

พุฒิภัทรเดินออกมาจากห้องคนไข้ พูดกับพยาบาล
“ช่วงคืนสองคืนแรกหลังผ่าตัด อย่าประมาทนะ ยิ่งคนไข้ไม่มีญาติมาดูแลด้วย เราก็ต้องเป็นญาติแทน เข้าใจนะ..แล้วถ้ามีอะไรฉุกเฉิน ตามผมได้ตลอด ไม่ต้องเกรงใจ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณชายหมอ”
พุฒิภัทรเดินแยกไป เขาเดินผ่านหน้าวอร์ดที่พยาบาลคนหนึ่งกำลังพูดโทรศัพท์อยู่เขาก็ยิ้มแย้มทักทาย แต่อยู่ๆยศวินก็เดินเร่งรีบเหมือนตามหาใครอยู่ผ่านมาอีกทาง ทีแรกยศวินจะเดินผ่านไปแต่ก็ชะงักเพราะเห็นพุฒิภัทรแล้วรีบวิ่งกลับมาหา
“คุณชายหมอ!! ช่วยผมด้วย..”
พุฒิภัทรแปลกใจ

ยศวินลากแขนพุฒิภัทรมาตามทางเดินในโรงพยาบาลแต่พุฒิภัทรกลับชะงักแล้วค่อยๆ ปลดแขนออก
พุฒิภัทรยืนกรานเสียงแข็ง “ยศ..ผมไม่รู้นะว่าคนไข้คือใคร ใหญ่มาจากไหน แต่ผมไม่เห็นด้วยที่เราจะต้องตามใจคนไข้..ผมไม่ได้เกี่ยงงานนะ..แต่..คุณก็รู้..ถ้าเราทำแบบนี้ ต่อไปคนไข้อื่นก็จะเอาเยี่ยงอย่าง ผมไม่อยากให้เสียระบบ”
“ผมเข้าใจ แต่..ตอนนี้ทุกคนหัวปั่นไปหมดแล้ว งานการไม่เป็นอันต้องทำ เพราะคนไข้คนนี้คนเดียว..ช่วยไปทำให้มันจบๆทีเถอะนะครับ”
“ผมขอตัวนะ” พุฒิภัทรบอก
พุฒิภัทรเดินผ่านไปทันที ยศวินได้แต่เซ็ง แล้วทันใดนั้นพยาบาลคนนึงก็วิ่งเข้ามา
พยาบาลพูดทั้งๆ ที่หอบแฮ่กๆ “โอย..คุณชายหมออยู่ที่นี่เอง..คุณหมอใหญ่โทรมาค่ะ..บอกว่า..คุณชายหมอกรุณา..ไปช่วยดูคนไข้ฉุกเฉินรายนี้ด้วยค่ะ”
“หมอใหญ่ หมอใหญ่โทร.มาสั่งด้วยตัวเอง..หึๆ คนไข้คนนี้ท่าทางจะวีไอพีมากเลยนะ”

พุฒิภัทรพูดด้วยสีหน้าหยามหยันนิดๆ

ฝ่ายกรองแก้วนั่งหมดสภาพอยู่ที่พื้น แผลที่ขาของเธอมีเลือดไหลมากขึ้น กรองแก้วเจ็บแต่ก็อดทน กัดฟันสู้ เพียงพรกับพยาบาลอีก 2-3 คนพยายามจะช่วยกันประคองเธอขึ้นมา

“ไม่..ไม่ต้องมาแตะต้องตัวแก้ว”
“คุณแก้ว..ชั้นไม่รู้นะว่าคุณดื้อดึงไปเพื่ออะไร แต่ชั้นเป็นพยาบาล ชั้นปล่อยให้คนไข้ทำร้ายตัวเองต่อหน้าต่อตาไม่ได้..” เพียงพรหันไปสั่งพยาบาล “เธอ มาช่วยชั้น..ส่วนเธอ..ไปตามญาติคนไข้เข้ามาช่วยพูดหน่อยสิ..ไป”
กรองแก้วตกใจเพราะไม่อยากให้อิงอรเข้ามา “อย่า!!”
ทุกคนตกใจจึงชะงักแล้วหันมา
กรองแก้วละล่ำละลัก “อย่านะ..ไม่ต้องไปตามคุณอิงอรมา..ไม่ว่าใคร..ที่บอกว่าเป็นพี่เลี้ยง เป็นใคร..ใหญ่มาจากไหน..ก็ห้ามตามมาในนี้..” เพียงพรกับพยาบาลช่วยกันจับตัวกรองแก้วไว้ “ไม่ต้องแตะตัวชั้น..ชั้นไม่ให้ใครเย็บแผลทั้งนั้น นอกจากหมอ..ไปตามหมอมา ชั้นต้องการหมอที่เย็บแผลเก่งที่สุดของโรงพยาบาลนี้ ศัลยแพทย์ฝีมือดีที่สุด ไม่มีหรือยังไง”
ทันใดนั้นเสียงพุฒิภัทรก็ดังเข้ามา
“หมอที่คุณต้องการอยู่ที่นี่แล้วครับ”
กรองแก้วชะงักแล้วหันไปตามเสียงจนเห็นพุฒิภัทรยืนอยู่ ทั้งคู่เห็นหน้ากันและกันแล้วก็ถึงกับตะลึงเพราะต่างก็ไม่คาดว่าจะเจอกัน ยศวินเดินตามหลังเข้ามา
กรองแก้วอึ้ง “คุณ..”
แม้พุฒิภัทรจะใส่เสื้อกาวน์ แต่แว่นตาและบุคลิกทุกอย่างคือชายคนที่เธอขอให้ช่วยในวันนั้น
พุฒิภัทรอึ้ง เขามองร่างกรองแก้วในชุดนางงามแล้วก็หน้าแดงขึ้นมาก่อนจะมองไปที่แผลที่ขาจนเห็นแผลกรองแก้วเลือดที่กรังยังสดๆ
พุฒิภัทรไม่เข้าใจตัวเองแต่ก็หงุดหงิดขึ้นมาเสียดื้อๆ “ผม..นายแพทย์พุฒิภัทร..ศัลยแพทย์สมองประจำโรงพยาบาลนี้ครับ ไม่ทราบว่า..ดีพอสำหรับคุณ..นางสาวศรีสยามหรือเปล่า”
กรองแก้วปากสั่นด้วยความเสียใจและแค้นที่คนที่เธออยากให้ช่วยที่สุดแต่หนีเธอไปซึ่งๆ หน้า กลายเป็นคนที่จะมารักษาเธอในตอนนี้

กรองแก้วที่เปลี่ยนเป็นชุดคนไข้ของรพ. สำหรับการผ่าตัดนอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าซีด แต่ก็ยอมนอนนิ่งให้พยาบาลทำความสะอาดแผลและต่อสายน้ำเกลือให้ สายตาของกรองแก้วจดจ้องไปที่พุฒิภัทร ที่กำลังสวมถุงมือเพื่อจะเข้ามาตรวจแผล พยาบาลทำความสะอาดแผลของเธอจนเสร็จ
พุฒิภัทรพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ผมขออนุญาตดูแผลหน่อยนะครับ”
พุฒิภัทรเข้ามายืนใกล้ต้นขากรองแก้วที่ถูกเปิดเอาไว้ให้จนเห็นแผลชัดเจนแต่เลือดที่เปื้อนอยู่ถูกเช็ดทำความสะอาดไปหมดแล้ว กรองแก้วรู้สึกอายที่ถูกมองต้นขาในระยะใกล้แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรได้แต่ข่มความอายไว้และไม่กล้าสบ ทันทีที่พุฒิภัทรเอื้อมมือมาแตะต้นขา กรองแก้วถึงกับสะดุ้ง
“เดี๋ยว!!” กรองแก้วยันตัวขึ้นมา
ทุกคนชะงักและนิ่งไปหมด
กรองแก้วอึกอัก “เอ่อ..คือ..”
พุฒิภัทรงง “ครับ?”
“คือ..คือ..ชั้นอยากคุยเรื่องการเย็บแผล”
พุฒิภัทรพูดอย่างเย็นชา “นอนลง ขอผมดูแผลก่อน”
“คุณชายหมอท่านเป็นศัลยแพทย์สมอง ในโรงพยาบาลนี้ไม่มีใครมือเบาไปกว่าท่านอีกแล้ว” เพียงพรบอก
พุฒิภัทรทำหน้าเคร่งขรึมและเย็นชา กรองแก้วจำต้องนอนลงไปอย่างไม่มีอิดออดปล่อยให้พุฒิภัทรตรวจแผลของเธอ ระหว่างนั้น กรองแก้วได้แต่มองสำรวจผิวพรรณ ใบหน้า ตา หู คิ้ว จมูก ปากของพุฒิภัทร
พุฒิภัทรกดที่ต้นขาแล้วถามโดยไม่ยอมมองหน้า “เจ็บมากมั้ย”
กรองแก้วไม่ตอบ พุฒิภัทรจำต้องทำใจให้นิ่งแล้วหันมาจ้อง กรองแก้วตกใจที่เห็นสายตาดุของเขาจึงเผลอส่ายหน้าถี่ๆ
“ไม่เจ็บมากก็ดี” พุฒิภัทรบอก
กรองแก้วได้สติก็เบิกตาโพลง “คะ?..เจ็บ..เจ็บสิ ทำไมจะไม่เจ็บ..เจ็บมากเลย..”
“เมื่อกี้ผมกดอยู่ตั้งนาน คุณยังนอนเฉย” พุฒิภัทรมองดุๆ คล้ายจะต่อว่าที่กรองแก้วมองหน้าเขาอยู่ได้
กรองแก้วจ้องตาเป๋ง “ก็..มันเจ็บ..จนชาไปแล้วไง..เลยไม่ค่อยรู้สึกอะไร..” กรองแก้วแสร้งเจ็บมากขึ้นมาทันที “โอ๊ย แค่ขยับนิดเดียวก็เจ็บจี๊ดไปถึงกระดูกแล้ว..สงสัยขาชั้นต้องหักแน่ๆ”
พุฒิภัทรชักหมั่นไส้เพราะรู้สึกว่ากรองแก้วมารยาและยั่วยวนเกินรับไหวแล้ว “กระดูกไม่หักหรอก เพราะถ้าหัก คุณคงเดินและออกฤทธิ์ไม่ได้มากขนาดนี้..เอาเป็นว่า..ผมจะฉีดยาชา แล้วก็เย็บแผลให้ จากนั้นคุณก็กลับบ้านได้”
“กลับบ้าน?”
พุฒิภัทรผละออกไป
“งั้นเดี๋ยวดิฉันไปเตรียมห้องผ่าตัดเล็กให้นะคะ” เพียงพรรีบเดินออกไป
“ไม่นะ..ชั้นกลับบ้านไม่ได้!!”
พุฒิภัทรงง “หือ?”
กรองแก้วหวาดกลัวเพราะไม่อยากกลับ “คือ..ชั้นเจ็บมากๆ..ชั้นควรจะได้นอนค้างที่นี่สักคืน”
พุฒิภัทรเห็นแววตาอ่อนแอของกรองแก้วแล้วก็รู้สึกแปลกใจ
“แผลแค่นี้ ไม่จำเป็นต้องค้างหรอก”
กรองแก้วเปลี่ยนแววตาที่กลัวมากๆ ไปเล่นบทเอาแต่ใจทนควัน “ชั้น-จะ-ค้าง!!..ชั้นต้องมั่นใจว่าพอเย็บแผลเสร็จแล้ว ขาชั้นจะไม่มีรอยแผลเป็น..คุณก็รู้ว่าชั้นเพิ่งได้ตำแหน่งมา เรื่องนี้สำคัญกับชั้นมาก”
พุฒิภัทรดูแคลน “ฮึ..เพราะเรื่องนี้ใช่มั้ย..คุณถึงได้เอะอะโวยวายลั่นโรงพยาบาล เพราะคุณกลัวขาจะไม่สวย..เลยทำเอาเจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินทุกคนหัวปั่น ไม่เป็นอันปฏิบัติหน้าที่..แล้วคนไข้อุบัติเหตุอีกสามสี่ราย ต้องนั่งเจ็บรออยู่ด้านนอก ไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแล ก็เพราะทุกคนมาวุ่นวายแต่กับคุณ!!”
“ชั้น..ชั้นก็ไม่ได้อยากทำตัวอย่างนี้ คุณก็ต้องเห็นใจชั้นด้วยสิ”
“เห็นใจเรื่องอะไร” พุฒิภัทรถาม
“ก็..ก็เรื่องแผลนี่ไง ชั้นกลัวจะไม่สวยเหมือนเดิม”
พุฒิภัทรยิ้มอย่างรังเกียจ “คุณเป็นคนสวยอยู่แล้ว ถ้าคิดว่าการมีแผลที่ขาจะทำให้สวยน้อยลง ผมว่ามันเกินจริงไปหน่อย..แต่..ผมรับปากว่าจะเย็บแผลให้ดีที่สุดใ ห้มีรอยน้อยที่สุด ผมรู้ดี ว่าอาชีพคุณ..จำเป็นต้องใช้ต้นขาหากิน”
“เอ่อ ค่ะ..ขอบคุณค่ะ..”
พุฒิภัทรสุดจะทานทนจึงจะเดินออกไป แต่กรองแก้วเรียกเอาไว้อีก
“เดี๋ยว..” กรองแก้วเรียก พุฒิภัทรหันกลับมา “คืนนี้ ชั้นขอค้างที่โรงพยาบาลนะคะ”
พุฒิภัทรจ้องนิ่ง
กรองแก้วลุ้นพร้อมกับส่งแววตาเว้าวอน
“โรงพยาบาลของเราเป็นโรงพยาบาลรัฐ เตียงนอนของเราต้องสงวนเอาไว้ให้ให้ผู้ป่วยหนัก..คุณจะนอนก็ได้..แต่ถ้ามีคนไข้ที่จำเป็นต้องใช้เตียงมากกว่าคุณ..คุณก็ต้องเสียสละ..เข้าใจใช่มั้ยครับ”
“เอ่อ..ค่ะ”
“มีอะไรจะขออีกมั้ยครับ” พุฒิภัทรถาม
กรองแก้วหลบตาด้วยความเศร้า

พุฒิภัทรมองแล้วก็ขมวดคิ้วท่าทีงุนงง เพราะอดสงสัยไม่ได้ ว่าเหตุใดกรองแก้วถึงดูสิ้นหวังเช่นนั้น

โปรดติดตาม "คุณชายพุฒิภัทร" ตอนที่ 3
กำลังโหลดความคิดเห็น