สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 5
มารตีในชุดสีสดเดินฉับๆ มาตามทางในโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ เพียงพรที่ดูชาร์จคนไข้อยู่ที่วอร์ดหันมามองแล้วเท้าสะเอว
“นี่ ทำไมไม่ใส่เครื่องแบบ คุณมารตี วันนี้คุณต้อง...”
มารตีดักคอ “อ่ะ อีกสิบนาที ถึงจะเป็นเวลาเข้าเวรของดิฉัน เดี๋ยวชั้นเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บเดียว..กรุณาบ่นให้เป็นเวล่ำเวลาบ้างนะคะคุณพยาบาลเพียงพร”
พยาบาลบางคนแอบหัวเราะคิกคักที่เพียงพรเจอสวนเข้าบ้าง
“เห็นพี่ชายภัทรมั้ยคะคุณเพียงพร” มารตีถาม
“นี่เป็นเวลางานของดิฉัน กรุณาถามให้มันรู้เวล่ำเวลาบ้างนะคะ”
พูดจบเพียงพรก็เดินไปทำงานต่อ
มารตีเซ็ง ทันใดนั้นช้อยก็โผล่ออกมาจากมุมหนึ่งแล้วกวักมือเรียกมารตี
“คุณมารตีคะ…มานี่ค่ะๆๆ”
มารตียื่นแบงก์ยี่สิบให้ช้อย
“ถ้าข่าวของแกไม่คุ้มค่าเงินชั้น เจอดีแน่นังช้อย”
“เมื่อคืนนี้ ยัยกรองแก้วย้ายออกไปจากโรงพยาบาลแล้วค่ะ” ช้อยรายงาน
“แล้วยังไง”
“ก็พอยัยคุณแก้วดำริว่าจะออกจากโรงพยาบาลปุ๊บ คุณชายหมอก็มาพอดีปั๊บ ยังกับปาฏิหาริย์ มาเซ็นกริ๊ก แล้วยัยคุณแก้วก็ออกไป”
“พี่ชายก็คงอยากจะไล่มันออกไปเร็วๆน่ะสิ”
“แต่..พอเซ็นปุ๊บ..ทั้งนังแก้วทั้งคุณชายหมอก็หายตัวไปปั๊บเลยค่ะ แล้วเช้าวันนี้คุณชายหมอไม่มา ไม่บอก ไม่มีใครรับทราบ ติดต่อก็ไม่ได้...คุณมารตีว่ามันแปลกไหมล่ะคะ”
“ปกติลาป่วยลากิจ พี่ชายภัทรยังแทบจะไม่เคยลาเลย..และถึงจะไม่ใช่เวรของตัวเอง พี่ชายภัทรก็มักจะเข้ามาช่วยคนอื่นเสมอ”
“ข่าวของช้อยคุ้มค่าเงินมั้ยล่ะคะ”
แววตาของมารตีวาววับ เริ่มระแวงสองคน
หมอเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน กรองแก้วที่กระวนกระวายอยู่แถวนั้นรีบพุ่งเข้าไปหาหมอทันที “หมอคะ พ่อ..พ่อเป็นยังไงบ้างคะ”
“ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้ว เอ่อ แต่..” หมออึกอัก
“แต่..แต่อะไรคะ”
“คนไข้มีอาการดื้อยา ทำให้เนื้องอกในสมองคนไข้ขยายใหญ่ขึ้น โชคยังดีที่เนื้องอกไม่ไปกดทับประสาทสำคัญๆอะไร”
“ถ้าอย่างนั้น ส่งตัวเข้ากรุงเทพฯ วันนี้เลยครับ ผมจะอาสาดูแลต่อให้เอง” พุฒิภัทรรีบบอก
“เกรงว่าจะไม่ได้ครับคุณชายหมอ ตอนนี้ร่างกายคนไข้อ่อนแอมาก ความดันก็ไม่คงที่ คงต้องให้ยารักษาไปตามอาการที่เกิดขึ้นก่อน แล้วรอสังเกตการณ์ผล วันต่อวัน ชั่วโมงต่อชั่วโมง จนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไร” หมอพูด
“นี่...พ่อแก้วอาการหนักขนาดนั้นเลยเหรอคะ” กรองแก้วกังวล
“คุณพอจะประเมินเบื้องต้นได้ไหมรับว่า จะให้เวลานานแค่ไหน” พุฒิภัทรถาม
หมอส่ายหน้า “ผมบอกไม่ได้จริงๆ ครับ”
“หมายความว่ายังไงคะ ถ้าพ่ออาการไม่ดีขึ้น ก็ต้องนอนรักษาที่นี่ไปเรื่อยๆ ไม่ได้ผ่าตัด ไม่ได้รักษา แล้วโอกาสที่พ่อจะหายกลับมาเป็นปกติ ยังมีอยู่อีกไหมคะ มีไหมคะคุณหมอ มีไหมคะคุณชาย...คุณชายบอกแก้วสิ!”
พุฒิภัทรหนักใจเพราะเขาเองก็ให้คำตอบไม่ได้
กิตตินอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียงที่อยู่ในห้องปลอดเชื้อ กรองแก้วได้แต่ยืนมองอยู่ด้านนอก เธอจ้องกิตติและน้ำตาไหลจนแทบไม่เหลือน้ำตา พุฒิภัทรห่วงใยกรองแก้ว
“แก้ว...แก้วจะทำยังไงต่อไป” พุฒิภัทรถาม
“แก้วไม่ทราบค่ะ”
“กลับพระนครก่อนดีไหมแก้ว”
“ไม่ค่ะ แก้วจะอยู่กับพ่อ จนกว่าพ่อจะหายดี” กรองแก้วเพิ่งนึกได้ “อ้อ ใช่ คุณชาย..แก้วขอโทษนะคะ แก้วลืมไปเลยว่าคุณชายต้องกลับไปทำงาน..คุณชายจะกลับเลยมั้ยคะ แก้วจะเดินไปส่ง”
“แล้วแก้วจะอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“อยุธยาเป็นบ้านเกิดแก้วนะคะ”
“ชั้นรู้ แต่ชั้นหมายถึง ตอนนี้แก้วไม่ใช่กรองแก้วคนเดิมแล้ว แต่เป็นนางสาวศรีสยามที่ใครๆก็รู้จักและจำแก้วได้ทั้งนั้น”
“ค่ะ”
“แก้ว..แก้วลืมไปแล้วเหรอว่าคนที่เราหนีเขามา..เขาเป็นใคร..เขาคือผู้มีอิทธิพลที่สุดในบ้านเมืองตอนนี้..เขาอยากได้อะไร หรืออยากได้ใคร ต้องได้ทุกอย่าง..ป่านนี้เขาก็อาจจะกำลังพลิกแผ่นดินตามหาแก้วอยู่ก็ได้”
“ถ้าเช่นนั้น ทำไมแก้วต้องกลับไปพระนครอีก แก้วก็อยู่ให้ห่างจากเขาที่นี่ ไม่ดีกว่าเหรอ”
“อยู่ห่างไม่ได้แปลว่าจะปลอดภัยนะแก้ว..ท่านพินิจมีหูมีตาแทรกซึมอยู่ไปทั่วทั้งแผ่นดิน แก้วคิดว่าเขาจะหานางสาวศรีสยามไม่เจอเหรอ..แล้วแก้วคิดว่าแก้วคนเดียว จะดูแลตัวเองได้อย่างนั้นหรือ..พ่อแก้วอีก..ถ้าพวกนั้นรู้เรื่องพ่อแก้ว..ชั้นห่วงว่าพ่อแก้วจะลำบากไปด้วย”
“แล้ว..แล้วแก้วควรจะทำยังไง..แก้วไม่อยากทิ้งพ่อไปอีกแล้ว แก้วอยากอยู่กับพ่อ”
“แก้วต้องเลือก..ถ้าแก้วเลือกจะอ่อนแอ ยอมแพ้ แก้วก็อยู่ที่นี่กับพ่อ รอเวลาที่ท่านพินิจจะตามมาจนพบตัวแก้ว..แต่ถ้าแก้วเลือกจะเข้มแข็ง สู้เพื่อตัวเอง เพื่อพ่อ เพื่อศักดิ์ศรีของตัวเธอเอง..แก้วต้องเชื่อชั้น ไว้ใจชั้น..ชั้นสัญญาว่าจะสู้เคียงข้างแก้ว จะไม่ทอดทิ้งให้แก้วลำบากตามลำพังแน่นอน” พุฒิภัทรยืนยัน
กรองแก้วซึ้งใจแต่ก็รู้สึกลำบากใจ
กรองแก้วเดินหนีมาเพราะทำใจทิ้งพ่อไปไม่ได้ พุมิภัทรเดินตาม
“แก้ว..ถ้าแก้วปลอดภัย พ่อแก้วก็ปลอดภัย แล้วแก้วอยากจะมาเยี่ยมพ่อเมื่อไหร่ ฉันจะพาแก้วมาเอง..ถ้าคุณกิตติแข็งแรง พร้อมจะเข้ากรุงเทพฯเมื่อไหร่ ฉันจะดูแลและผ่าตัดให้ ฉันจะคอยติดตามอาการของพ่อแก้วอย่างใกล้ชิด ให้เหมือนฉันดูแลพ่อของฉันเอง..แต่ก่อนอื่น..ตัวแก้วจะต้องปลอดภัยก่อน”
กรองแก้วหันกลับมามองหน้าพุฒิภัทรอย่างเสียขวัญ
“ทำไม..ทำไมคุณชายต้องดีขนาดนั้น คุณชายต้องการอะไร”
“แก้ว เธออย่าดูถูกชั้น เธอหาว่าชั้นช่วยเธอ เพื่อแลกสิ่งตอบแทนหรือ มันจะมากไปแล้วนะ”
กรองแก้วตกใจจึงพนมมือไหว้ “แก้ว..แก้วขอโทษ แต่ทำไมคุณชายถึงดีนัก”
“เพราะ..ชั้นเป็นคนดีไง..ทำไม ไม่เคยเห็นคนดีเหรอ”
“ไม่เคยเห็น..คนที่ดีมากขนาดนี้”
“ถ้าเพื่อนเธอเดือดร้อน เธอจะช่วยเพื่อนไหมล่ะ”
“ช่วยค่ะ”
“ชั้นก็เหมือนกัน..ถ้าชั้นนับเธอเป็นเพื่อน แล้วเธอเดือดร้อน และชั้นพอจะช่วยได้ เธอจะให้ชั้นทำวางเฉยเหรอ”
กรองแก้วมองหน้า “ก็..เอ้อ..”
พุฒิภัทรบอกอย่างจริงจัง “แก้ว..ได้โปรดไว้ใจชั้น ความทุกข์ของเธอคือความทุกข์ของฉันเช่นกัน”
“ขอบคุณค่ะ”
“ก่อนอื่น..ฉันจะต้องหาที่ปลอดภัย ที่คนพวกนั้นยื่นมือมาไม่ถึง…ให้เธอได้ไปพักอาศัยก่อน” พุฒิภัทรยื่นมือมาให้กรองแก้วจับ
กรองแก้วจับมือพุฒิภัทรแล้วมองอย่างแคลงใจ
ยศวินกำลังเดินออกมาส่งคนไข้ที่เพิ่งตรวจเสร็จหน้าห้องตรวจ ญาติคนไข้ 3 คนรีบเข้ามาฟังเขาสรุปอาการ
“วันนี้ความดันต่ำลงกว่าครั้งที่แล้วแล้วนะครับ..แต่..ผมยังอยากให้ต่ำกว่านี้อีกนะครับ..พักผ่อนเยอะๆ อย่าเครียด อย่าคิดมาก มีเรื่องอะไรก็ยิ้มสู้เข้าไว้ นะครับป้า..แล้วสัปดาห์หน้าเจอกันนะครับ”
ญาติคนไข้ยกมือไหว้ขอบคุณ ยศวินรับไหว้ พอญาติคนไข้เดินแยกไป ยศวินก็ต้องอึ้งเพราะเห็นมารตีโผล่มายืนจ้องเขาอยู่ ยศวินเดินกลับเข้าห้องตรวจ แต่มารตีรีบตามเข้าไปแล้วปิดประตู
“วันนี้พี่ชายภัทรลา โดยไม่แจ้งล่วงหน้า ไม่บอกไม่กล่าวใคร..ดิฉันโทรกลับไปที่วังก็ไม่อยู่..คุณหมอบอกดิฉันมาว่าพี่ชายภัทรหายไปไหน ไปทำอะไร กับใคร”
“ขอโทษนะครับคุณพยาบาล..ตอนเดินเข้ามาไม่เห็นเหรอครับว่ามีคนไข้รอตรวจอีกเพียบเลย” ยศวินถาม
“งั้นหมอก็ตอบดิฉันมาสิคะ อย่าเสียเวลา”
“ผมไม่รู้”
“ไม่จริง”
“เอ๊ะ นี่คุณเห็นผมเป็นอะไร..ผมไม่ใช่เชื้อไวรัสที่อาศัยในเยื่อบุโพรงจมูกคุณชายหมอนะครับ จะได้ทราบตลอดว่าเขาไปไหนมาไหน”
“แต่หมอเป็นเพื่อนสนิทกับพี่ชายภัทร แล้วจะไม่ทราบได้ยังไงคะ”
“แล้วคุณล่ะ..เป็นว่าที่คู่หมั้นไม่ใช่เหรอครับ ทำไมคุณถึงไม่ทราบ..เอ๊ะ หรือว่าไม่ใช่”
“หมอยศวิน!”
เพียงพรเปิดประตูเดินประคองคนไข้เข้ามาพอดี
“ค่อยเดินนะคะ อ้าว คุณมารตี..”
มารตีขัดใจเพราะกลัวเพียงพรตำหนิจึงเดินปึงปังออกไป ยศวินเซ็ง
พุฒิภัทรขับรถมาจอดที่หน้าบ้าน กรองแก้วยังนั่งนิ่ง เธอเปิดกระจกมองสถานที่ด้วยความฉงน
“ลงมาสิแก้ว”
พุฒิภัทรเปิดประตูเชิญกรองแก้วลงมาจากรถ
ครู่ต่อมาพุฒิภัทรเดินนำกรองแก้วเข้ามาภายในส่วนที่เป็นโรงครัวทำขนม มีคนงานบางส่วนทำขนมอยู่ ที่มุมหนึ่งมีขนมที่บรรจุเสร็จแล้วรอส่งไปวางขายหน้าร้าน กรองแก้วมองขนมไทยต่างๆ อย่างทึ่งๆ
“น่ารับประทานทุกอย่างเลย..จริงไหม” พุฒิภัทรถาม
“ค่ะ”
“เขาทำได้แปลกๆ สวยๆ สวยงามยังกับฝีมือชาววัง น่าลองหัดทำบ้าง จริงมั้ยแก้ว” พุฒิภัทรเห็นกรองแก้วนิ่งและทำหน้าเศร้า “แก้ว...อย่าเอาแต่เศร้าสิ…นะแก้วนะ”
“ค่ะ แก้วจะพยายามนะคะ”
เกษราเดินยกถาดขนมออกมา ชินกรช่วยยกตามมาอีกถาด
“คุณชายภัทร..มาได้ยังไง..” เกษราทัก
พุฒิภัทรยิ้มและยกมือไหว้ “สวัสดีครับคุณเกษ คุณชินกร”
กรองแก้วรีบไหว้ตาม “สวัสดีค่ะ”
เกษรารับไหว้ “สวัสดีค่ะ..” เกษรามองหน้า “เอ๊ะ..คุณ..ดูคล้ายๆ กับ...”
ชินกรรีบพูดแทน “นางสาวศรีสยาม..”
“ใช่จริงๆด้วย เพิ่งเห็นในข่าวเมื่อไม่กี่วัน..คุณตกเวทีด้วย..”
“แล้วคุณชายเป็นคนรักษา...หนังสือพิมพ์ก็ลง”
เกษรากับชินกรเหลือบมองกรองแก้วแล้วมองพุฒิภัทรก่อนจะย่นคิ้วด้วยความสงสัย
เกษรากับชินกรเดินเข้ามาในห้องรับแขกแล้วนั่งลงบนเก้าอี้รับแขก พุฒิภัทรนั่งบนเก้าอี้ ส่วนกรองแก้วกลับนั่งลงบนพื้น
“นั่งบนเก้าอี้สิแก้ว” เกษราบอก
“ไม่เป็นไรค่ะ แก้วนั่งตรงนี้ดีแล้ว” กรองแก้วบอก
ชินกรงง พุฒิภัทรหนักใจ
“คุณเป็นนางสาวศรีสยามนะ จะนั่งพื้นได้ยังไง ..ลุกมานั่งนี่” เกษราเข้ามาดึงกรองแก้วให้ยืนขึ้น “มัน..ยังไง อะไรกันคะ..คุณชาย..”
ป้าแย้มเข้ามาเมียงมองด้วยความอยากรู้
“คุณเกษ กับคุณชินกรคงพอจะทราบใช่มั้ยครับว่า..นางสาวศรีสยามทุกคน พอเสร็จสิ้นการประกวดแล้ว จะต้องไปให้ท่านพินิจเป่ากระหม่อม” พุฒิภัทรถาม
“แล้วอยู่เป็นอนุของท่าน ในเรือนสีชมพู มีเงิน มีรถใช้สุขสบาย” ชินกรชะงักมองหน้าพุฒิภัทรแล้วมองกรองแก้ว แล้วเขาก็ผงะตาค้าง “หา..นี่หมายความว่า..คุณชายพาคุณแก้วหนีมาจาก..”
“ท่านพินิจครับ..” พุฒิภัทรบอก
“ท่านพินิจ..” ชินกรทวนคำ
“กล้าหาญชาญชัยเกินไปแล้ว คุณชาย..ดิฉันไม่เคยได้ยินว่าถ้าท่านอยากได้ใครแล้วจะหนีรอด” เกษราว่า
“แก้วไม่ได้มาประกวดเพราะอยากจะเป็นอนุของใครนี่ค่ะ” กรองแก้วบอก
แย้มลืมตัวจึงโผล่ออกมา “คุณมาประกวดเพราะต้องการเงินเป็นค่าใช้จ่ายส่งตัวพ่อมารักษาในพระนคร..พ่อคุณแก้วป่วยหนัก..อิชั้นอ่านข่าวทั้งหมดค่ะ ..ซึ้งที่สุด ประทับใจมากๆ”
พุฒิภัทรใจชื้นที่ทุกคนมีท่าทีชอบกรองแก้ว “นอกจากพ่อ..ที่อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว..แก้วก็มีตัวคนเดียว ไม่มีญาติมิตรที่ไหนเลยครับ ผมเกรงว่าอาจจะเป็นอันตราย เลยพามาที่นี่..ช่วยเมตตาผู้ตกทุกข์ได้ยากสักคนได้มั้ยครับ คิดซะว่าสงสารลูกนกลูกกานะครับ”
แย้มกระตือรือร้นสุดๆ “งั้นเดี๋ยวป้าไปเตรียมห้องให้เลยนะคะ”
ทุกคนมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะแย้ม
เกษรา ชินกรและพุฒิภัทรพากรองแก้วเดินตัดสนามไปที่ตัวบ้าน
“คนที่ทำกับผู้หญิงเหมือนเป็นวัตถุสิ่งของ เหมือนผู้หญิงไม่มีหัวจิตหัวใจของความเป็นมนุษย์ คนพวกนั้นก็ไม่สมควรเรียกตัวเองว่าเป็นมนุษย์เช่นกัน..ไม่ต้องห่วงนะคะคุณชาย ดิฉันจะไม่ยอมให้พวกแม่เล้านายหน้าพวกนั้นมาเอาตัวแก้วไปสังเวยใครเด็ดขาด” เกษราว่า
“แก้วไม่ต้องกลัวนะ..ฉันจะติดตามกรณีของพ่อเธอ แล้วจะมาบอกให้เธอรู้ทุกระยะ” พุฒิภัทรบอก
กรองแก้วน้ำตารื้น “ทำไม..ทุกคนถึงดีกับแก้วอย่างนี้” กรองแก้วพนมไหว้เกษรา ชินกร และพุฒิภัทรและทำท่าจะกราบเท้าพุฒิภัทร
พุฒิภัทรรีบจับตัวไว้ “แก้ว..ไม่เอาน่า..”
กรองแก้วหันมาหาเกษราอย่างมุ่งมั่นแน่วแน่ “แก้วจะไม่อยู่เปล่าๆเสียข้าวสุก ขอให้แก้วได้รับใช้คุณนะคะ ให้แก้วเป็นลูกมือทำขนมก็ได้”
“เฮ้อ..” เกษราหันมามองพุฒิภัทร “ดิฉันเข้าใจแล้ว..ว่าทำไมคุณชายถึงต้องช่วยแก้ว แก้วจ๊ะ..อย่าร้องไห้อีกเลย ความเข็มแข็งและวิธีต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดของเธอน่าประทับใจมาก ชั้นชื่นชมเธอจริงๆ จากนี้ไป ถ้าเธออยากหลุดพ้นจากคนพวกนั้น ..เธอต้องมีมากกว่าความกล้าบ้าบิ่น แต่ตอนนี้..แก้วมากับชั้นก่อนดีกว่า ไปล้างหน้าล้างตากัน”
เกษรารีบพากรองแก้วเดินเข้าบ้านไป
ชินกรมองตามทั้งสองคนแล้วหันมามองพุฒิภัทร “คุณชาย..แล้ว..มารตี..ว่ายังไงเรื่องนี้”
“เอ่อ ก็นี่ล่ะครับ คุณชินกร..คือว่า..เรื่องแก้วอยู่ที่นี่ อย่าบอกให้ใครรู้..โดยเฉพาะ มารตี..ผมไม่อยากให้มีปัญหา”
ชินกรหัวเราะ “คุณชาย..ผมไม่เคยนึกเลย..ว่าคุณชาย..จะมีวันนี้”
พุฒิภัทรหน้าแดง “เอ่อ..ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ”
ชินกรยิ้มๆ แต่พุฒิภัทรอายมาก
พุฒิภัทรเดินขึ้นมาที่ตึกผู้ป่วยใน อิงอร สุนันท์ และไกรฤกษ์ยืนรออยู่
“แก้วอยู่ไหนคะ..คุณชายหมอ” อิงอรถาม
พุฒิภัทรตีหน้าซื่อ “อ้าว..ก็เห็นกลับบ้านไปแล้วนี่ครับ”
“คุณหมอให้เค้ากลับบ้านไปได้ยังไง” อิงอรถามต่อ
“คนไข้หายแล้ว ไม่เป็นอะไรแล้ว ผมจะให้อยู่โรงพยาบาลไปเพื่ออะไรล่ะครับ”
“คุณชายไม่ได้แอบช่วยเหลืออะไรยัยกรองแก้วอยู่..ใช่มั้ยคะ” สุนันท์ถาม
“ผมเป็นแพทย์ ใครเดือดร้อนมา ผมก็ยินดีช่วยเหลือทุกคนอย่างเปิดเผย ไม่ต้องแอบอยู่แล้วครับ”
“งั้นดิฉันก็หวังว่า...สิ่งที่คุณชายทำอยู่ จะเป็นสิ่งดีจริงๆ คงจะไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้เสื่อมเสียเกียรติของราชวงศ์จุฑาเทพ..อย่างเรื่อง..ลักลอบคบหากับนางงามโชว์ขาอ่อน..และคงไม่ใช่เรื่องผิดจรรยาแพทย์ ทำนองหมอกับคนไข้หรอกนะคะ”
“เอาเป็นว่า ผมกล้าพูดเต็มปากว่า ทุกสิ่งที่ผมทำ คือสิ่งที่ดีและถูกต้อง..แล้วพวกคุณล่ะครับ..กล้าพูดมั้ย”
“เฮ้ย พูดแบบนี้ อยากจะหาเรื่องกันใช่มั้ย” ไกรฤกษ์ฉุน
พุฒิภัทรสวน “ใครหาเรื่องใครกันแน่”
“นี่หมอจะยียวนเหรอ หมอคงนึกว่าตัวเองวิเศษวิโสเหนือมนุษย์สินะ”
พูดจบไกรฤกษ์จะเข้าไปต่อย แต่สุนันท์รีบห้าม
“พี่ไกร อย่านะ..”
สุนันท์จับตัวไกรฤกษ์ไว้ไม่ให้ทำร้ายพุฒิภัทร
ไกรฤกษ์พยายามดิ้นฮึดฮัดเพราะมีน้ำโห อยู่ๆ มารตีก็แถเข้ามาถาม
“มีเรื่องอะไรกัน..พวกคุณจะทำอะไรคุณชายหมอ..”
พวกอิงอรชะงักแล้วก็อึกอัก
“ยัยนันท์ ไอ้ไกร..กลับ” อิงอรสั่ง
อิงอรเดินนำไป สุนันท์กับไกรฤกษ์จำใจเดินตามหลัง
“ยัยนางงามสมองกลวงออกไปแล้ว แล้วคนพวกนั้นมาทำไมกันคะ” มารตีถาม
“พี่ไม่ทราบ” พุฒิภัทรหันหลังจะเดินไป
“เดี๋ยวคะ..พี่ชายภัทร..”มารตีเรียกไว้ พุฒิภัทรหันมา มารตีจ้องหน้าคาดคั้น “พี่ชายภัทรมีเรื่องอะไรอยากจะบอกให้มารตีทราบบ้างมั้ยคะ”
มารตีจ้องจับพิรุธ พุฒิภัทรมองตอบด้วยใบหน้าเย็นชา
พุฒิภัทรเดินหนีมา มารตีเดินตาม
“พี่ชายภัทร..เดี๋ยวค่ะ มารตีขอคุยด้วยก่อน..”
“มารตี พี่มีงานต้องทำ”
“มารตีแค่จะถามพี่ชายภัทรเรื่องเดียว ว่าพี่ชายภัทรหายไปไหนมาคะ ไม่ลาไม่แจ้งล่วงหน้า พี่ชายภัทรไม่เคยเป็นอย่างนี้ ไม่ทราบมีธุระด่วนอะไรหรือคะ”
พุฒิภัทรเซ็งและไม่อยากตอบคำถาม
“ธุระส่วนตัว บอกใครไม่ได้ แค่นี้นะ ไปทำหน้าที่ของเธอดีกว่า น้อง..”
พุฒิภัทรเดินแยกไปทันที มารตีเซ็งและรู้สึกขัดใจ
“ทำไมถึงบอกไม่ได้ มันเป็นความลับทางราชการหรือไง”
เกษรากำลังตกแต่งขนมอยู่แต่กลับเหม่อและมีสีหน้ากลุ้มใจ ชินกรเดินยกของเข้ามาวาง
“เทียนอบมาแล้วครับ แล้วนี่น้ำนมแมวอยู่ในกล่องนี้นะ” ชินกรบอก
“ชินกรคะ..เดี๋ยวคุณเอาขนมไปที่ร้านแล้ว ฝากเงินนี่ให้ท่านพ่อด้วยนะคะ บอกท่านว่าเป็นค่าจ้างครูมาสอนพิเศษให้วิไลรัมภา”
“จ้ะ..เอ่อ เกษ..แล้วเรื่อง..คุณแก้ว..เกษคิดจะปกปิดไม่บอกใครเลยหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ ถ้าใครถาม เกษก็จะตอบตามตรง”
“เกษไม่กลัวมีปัญหากับน้องสาวของเกษเหรอ..คุณมารตีคิดยังไงกับคุณชายภัทร..เกษก็รู้”
“เกษไม่ได้ทำอะไรผิด เกษช่วยแก้วเพราะมนุษยธรรม ลูกกระต่ายบาดเจ็บมา จะให้เกษใจร้ายใจดำปล่อยให้ไปตายต่อหน้าต่อตาเหรอคะ..ถ้ายัยมารตีจะหึงหน้ามืดตามัวอย่างนั้น เกษก็คงต้องยอมให้น้องโกรธไปค่ะ และสำหรับคุณชายภัทร ลูกผู้ชาย..กล้าทำ ก็ต้องกล้ารับ..หากบริสุทธิ์ใจแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัวค่ะ”
“เกษ..แต่คนที่ล่าตัวคุณแก้วอยู่น่ะ..ท่านพินิจนะ” ชินกรย้ำ
“ค่ะ เกษทราบ”
“แล้วเกษไม่กลัวเหรอ”
“อำนาจของเขาเกิดจากความกลัวของคน..แต่ถ้าเรายืนหยัดเพื่อความถูกต้องและเป็นธรรม..ไม่โอนอ่อนให้อำนาจอันไม่ชอบธรรม..เขาก็ไม่มีอะไรที่น่ากลัวอีกเลย แล้วคุณล่ะคะ กลัวไหม”
“คุณก็รู้คำตอบอยู่แล้ว..ผมภูมิใจจริงๆที่แต่งงานกับคุณ”
แย้มวิ่งถือหนังสือพิมพ์เข้ามา
“คุณเกษขาๆ เห็นข่าวนี้หรือยัง”
หนังสือพิมพ์ พาดหัวว่า “นส.ศรีสยามหายตัว กองประกวดพิจารณาตัดสิทธิ์” กรองแก้วอ่านแล้วถึงกับหน้าซีด
“ตั้งแต่ประกวดเสร็จ แก้วไม่ได้ติดต่อกับกองประกวดเลยเหรอ” เกษราถาม
“ค่ะ คือ แก้วไม่อยากถูกขายให้กับท่านพินิจ ก็เลยแกล้งป่วยมาตลอด ไม่คิดว่า.. ทางกองประกวดอาจจะมีปัญหา แล้วถ้าเขาตัดสิทธิ์แก้วจริงๆ จะเป็นยังไงคะ”
“เขาก็จะยึดมงกุฎ ขันทองกับเงินรางวัลคืนไปน่ะสิคะ” แย้มบอก
“แปลว่า..เงินรางวัล ที่แก้วจะเอามาใช้..ดูแลรักษาพ่อ..”
“แต่ถ้าคุณชายภัทรยอมรับพ่อแก้วเป็นคนไข้ในความดูแลแล้ว..แก้วก็ไม่จำเป็นต้องสนใจรางวัลพวกนั้น” ชินกรบอก
“ใช่..แต่ยังไงฉันว่าแก้วก็ควรติดต่อกลับไป อย่างน้อยก็ต้องขอโทษ เพราะคงจะมีคนวุ่นวายเรื่องที่แก้วหายตัวไปไม่น้อยแน่” เกษราแนะนำ
กรองแก้วฟังแล้วก็เห็นด้วย
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 5 (ต่อ)
กรองแก้วกดโทรศัพท์แล้วรอสาย
“สวัสดีค่ะ กองประกวดนางสาวศรีสยามใช่มั้ยคะ..เอ่อ..คือ..ดิฉัน กรองแก้วค่ะ”
ทีมงานคนนึงรับสาย
“กรองแก้ว!!! นี่หนูเป็นยังไงบ้าง รู้หรือเปล่าว่าหนูขาดงานไปกี่งานแล้ว..นี่จะกลับมาทำงานได้หรือยัง..วันนี้เขาจะไปทำบุญเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้ากัน หนูจะมาได้มั้ย”
“แก้วขอโทษค่ะ แก้วคิดว่า”
อยู่ๆอิงอรก็เดินเข้ามาดึงโทรศัพท์ไปจากมือทีมงาน โดยที่ไกรฤกษ์และสุนันท์ก็ยืนอยู่ใกล้ๆ
“ยัยแก้ว..”
กรองแก้วผงะ “คุณอิงอร”
อิงอรเดินแยกไปเพื่อไม่ให้ทีมงานได้ยิน “หล่อนยังจำฉันได้ด้วยเหรอยะ แม่คนอกตัญญู แม่วัวลืมตีน”
“คุณหลอกแก้ว คุณจะขายแก้วให้กับท่าน”
“นี่แก..เพราะอย่างนี้ใช่มั้ย หล่อนถึงไม่ยอมออกจากโรงพยาบาล นังเจ้าเล่ห์..หล่อนอย่าคิดนะว่าจะหนีชั้นพ้น”
“คุณอิงอร..เงินที่คุณเคยลงทุนมากับแก้ว แก้วจะใช้ให้..ทุกบาททุกสตางค์ค่ะ”
“ทุกบาททุกสตางค์เหรอ เธอจะมีปัญญาเหรอ ถ้าวันนี้เธอจะไม่โผล่หัวมางานเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้า รู้มั้ยว่าจะเกิดอะไรขึ้น..กองประกวดจะถูกปรับ..คนดีๆจะต้องมาเป็นหนี้สินเพราะเธอ..และเด็กๆกำพร้าที่นี่ ก็จะไม่ได้รับเงินบริจาคเลยสักบาทเดียว”
“อะไรนะคะ”
“เด็กๆที่ควรจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ต้องพังพินาศเพราะเธอ..เธอมันคนเห็นแก่ตัว เอาตัวเองรอดสุขสบาย ใครจะเป็นจะตายก็ช่างมัน..ใช่มั้ย”
“ไม่ใช่นะคะ แก้วไม่ใช่คนอย่างนั้น”
“งั้นบอกมา ว่าเธอจะมางานนี้หรือไม่มา!!”
กรองแก้วอึ้งและเครียด
กรองแก้ววางสายด้วยสีหน้าเครียด
“เป็นยังไงบ้างแก้ว” เกษราถาม
“แก้ว..แก้วจะต้องไปออกงานการกุศลเพื่อเด็กกำพร้า..วันนี้” กรองแก้วทำท่าจะไป
ชินกรห้ามไว้ “แก้วจะไปได้ยังไง..งานสาธารณะอย่างนั้น..ท่านพินิจต้องสั่งคนมารอจับตัวแก้วแน่ๆ ถ้าแก้วโผล่ไป ก็เตรียมโดนดักจับไปขังในกรงทองคำได้เลย”
“แต่..แต่แก้วต้องไปค่ะ ไม่อย่างนั้นจะมีคนต้องเดือดร้อนเพราะแก้วมากมาย คุณเกษ คุณชินช่วยแก้วด้วยนะคะ”
เกษรากับชินกรมองหน้ากันอย่างกลัดกลุ้ม
อิงอรอยู่กับทีมงานกองประกวด
อิงอรพูดกับทีมงาน “ขอบคุณนะคะที่ให้ความร่วมมือ”
“ดิฉันรับปากกับสมาคมสตรีไทยเอาไว้แล้ว เพราะฉะนั้นอะไรที่ทำให้นางสาวศรีสยามมาออกงานได้ ดิฉันยินดีค่ะ..อ้อ คุณอิงอรแน่ใจนะคะว่าหนูกรองแก้วจะมาแน่”
“แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีกค่ะ” อิงอรมั่นใจ
“งั้นดิฉันขอตัวไปส่งข่าวให้พวกสื่อมวลชนทราบก่อนนะคะ”
ทีมงานดีใจแล้วรีบออกไป สุนันท์กับไกรฤกษ์ที่อยู่ใกล้ๆ เดินเข้ามา
“ถ้านังแก้วมันโผล่มา..ผมจะลากมันเข้าป่า ข่มขืนมันให้หายแค้น” ไกรฤกษ์บอก
“ถ้าพี่จะลากมันเข้าป่าจริงๆ ขอชั้นตบมันก่อนได้มั้ย..อีนังตัวป่วน..นังอัปรีย์..ทำชีวิตของชั้นวุ่นวายไปหมด” สุนันท์แค้น
“หยุดเพ้อเจ้อซะที” อิงอรตะคอก “ไป..ไปเตรียมตัวเตรียมคนให้พร้อม ทันทีที่นังแก้วมันโผล่มา พวกแกต้องจับตัวมันให้ได้!! อย่าให้มันหนี และอย่าให้อีนังคุณนายใบบัวตัดหน้าไป เข้าใจมั้ย”
“ได้ แต่ก่อนส่งตัวมันให้ท่าน ขอชั้นทำโทษมันก่อนได้ไหมแม่” ไกรฤกษ์ถาม
“ไอ้หื่น ไม่ได้ ชั้นจะให้ค่าจ้างแก..หลังจากที่ท่านจ่ายงวดสุดท้ายมาก่อน”
“ชั้นขอด้วย ชั้นก็ช่วยแม่มาตลอดนะ” สุนันท์ว่า
“เออๆๆ ทุกคนจะได้ส่วนแบ่ง หึ นังแก้ว..เล่นกะใครไม่เล่น..คราวนี้ล่ะ แก..”
สามแม่ลูกทำท่ากระเหี้ยนกระหือรือ
เกษรากำลังจะโทรศัพท์ แต่กรองแก้วรีบตามมาห้าม
“คุณเกษกรุณาอย่าแจ้งให้คุณชายทราบเลยนะคะ”
“ทำไม” เกษราถาม
“แก้วไม่อยากเป็นตัวปัญหาให้กับคุณชายมากไปกว่านี้อีก วันก่อนคุณชายก็เพิ่งจะทิ้งงานพาแก้วกลับอยุธยา นะคะๆ”
“แล้วถ้าคุณชายทราบทีหลัง แล้วมาตำหนิพวกเราล่ะ” ชินกรถามกลับ
“แก้ว..คิดเหรอว่าการรับผิดชอบทุกอย่างเอาไว้เองคนเดียวมันจะถูกต้อง.. แน่ใจเหรอว่าจะไม่ทำให้คุณชายยิ่งวุ่นวายเดือดร้อน ถ้าหากแก้วถูกท่านเอาตัวไป” เกษราบอก
“ถ้าแก้วห่วงคุณชายจริงๆ แก้วก็ต้องคิดถึงความรู้สึกคุณชายด้วย” ชินกรเสริม
กรองแก้วทำหน้าดื้อเพราะไม่เห็นด้วย “แก้วขอยืนยันว่า..แก้วจะพยายามเอาตัวรอดให้ได้ โดยไม่รบกวนคุณชายค่ะ”
เกษรากับชินกรสบตากันอย่างหนักใจ
พุฒิภัทรเดินคุยกับญาติคนไข้
“ระหว่างนี้ถ้าคนไข้จะลุกนั่งเข้าห้องน้ำ รบกวนญาติช่วยประคองด้วยนะครับ ถ้าญาติไม่สะดวก แจ้งพยาบาลนะครับ”
เพียงพรเดินมาตาม
“คุณหมอคะ ทางห้องผ่าตัดใหญ่โทรมาตามแล้วค่ะ”
“ขอตัวนะครับ แล้วพบกันตอนตรวจเยี่ยมคนไข้ที่ห้องพรุ่งนี้เช้าครับ”
ญาติคนไข้พนมมือไหว้ “ขอบพระคุณๆหมอมากค่ะ”
พุฒิภัทรรีบเดินไป เพียงพรเดินตาม
“วันนี้เหนื่อยหน่อยนะคะคุณชาย..เพราะหมอกับพยาบาลหลายท่านต้องไปช่วยงานการกุศลทั้งวันเลย” เพียงพรบอก
“งั้นผมต้องฝากคุณเพียงพรช่วยเหนื่อยเป็นเพื่อนผมด้วยแล้วกันนะครับ”
“ไม่ต้องฝากก็ยินดีค่ะ”
พยาบาลที่เคาท์เตอร์รับโทรศัพท์แล้วเรียกพุฒิภัทร
“คุณชายหมอคะ โทรศัพท์ค่ะ เขาบอกว่าเรื่องด่วน”
พุฒิภัทรเดินไปรับหูโทรศัพท์แต่ยังไม่ทันจะเอาแนบหู อยู่ๆ ก็มีพยาบาลวิ่งออกจากอีกด้านมาตามตัวพุฒิภัทร
“คุณชายคะ คนไข้ห้องฉุกเฉินชักค่ะ เชิญทางนี้หน่อยค่ะ”
พุฒิภัทรพูดกับพยาบาลที่เคาท์เตอร์ “ฝากรับเรื่องไว้ทีนะครับ”
พุฒิภัทรรีบตามพยาบาลคนนั้นไป
พยาบาลที่เคาท์เตอร์พูดโทรศัพท์ “คุณชายหมอดูแลคนไข้อยู่ค่ะ เธอฝากให้ดิฉันรับเรื่องเอาไว้ จะให้เรียนว่าใครโทรศัพท์มาหาท่านคะ”
เกษรากำลังพูดสายอยู่ที่บ้าน
“บอกว่า..ดิฉันเกษรา..ช่วยติดต่อกลับทันทีที่สะดวกด้วยนะคะ”
เกษราวางสายแล้วหันมามองหน้าชินกร ทั้งสองแอบโทรศัพท์โดยที่ไม่บอกกรองแก้ว
“แล้วเราจะเอายังไงดี” ชินกรถาม
ป้ายผ้าแขวนสูงระหว่างตึกเขียนว่า “งานการกุศลเพื่อเด็กกำพร้าไทย-ร่วมใจเมตตาน้อง” และ “ทำบุญร่วมกับกรองแก้ว บุญมี นางสาวศรีสยาม๒๕๐๒”
บริเวณงานมีการออกร้านขายสินค้าที่ผลิตโดยฝีมือเด็กๆ เช่น รูปวาด ผ้าบาติก ตะกร้าสาน ดอกไม้ประดิษฐ์ ที่รองแก้ว ฯลฯ มีร้านอาหารให้เด็กกำพร้ากิน มากมายทั้งลูกชิ้นทอด ก๋วยเตี๋ยวผัด ไอศกรีมแท่ง เด็กๆเข้าแถว มีทีมงานตักอาหารแจก มีป้ายติดหราว่า “ของว่างอร่อยๆอภินันทนาการโดยท่านพินิจ และคุณหญิง”
“อ้าว เด็กๆ เข้าแถวนะจ๊ะ อย่าแซงกันนะ” ทีมงานที่ตักบอก
พวกคุณหญิงคุณนายในชุดผ้าพิมพ์ลายสดใส ใส่หมวกปีกกว้าง แต่งหน้าจัด เดินซื้อข้าวของกัน อย่างชื่นชม หลายคนทำท่าซื้อของให้ตากล้องถ่าย
อีกด้านหนึ่งเด็กๆ กำลังซ้อมเต้นระบำ เด็กๆ แต่งชุดสัตว์น่ารักโดยมีทีมงานซ้อมให้
“ตั้งใจนะคะ พร้อมๆกันนะคะ เด็กๆ จะได้แสดงให้พี่กรองแก้ว นางสาวศรีสยามดูไงคะ”
ไกรฤกษ์เดินนำอิงอรกับสุนันท์แยกออกมาพบแก็งเพื่อนๆที่แต่ละคนมีท่าทางน่ากลัว อิงอรชะงัก เพราะเริ่มไม่ไว้ใจ
“หา..เจ้าไกร นี่..เพื่อนๆแกเหรอ”
“ใช่แล้วแม่ ชั้นให้พวกมันมาช่วยจับตัวยัยกรองแก้ว รับรองว่าพวกมันไม่ปล่อยให้สาวๆสวยหลุดรอดไปได้แน่ๆ เอ้า ทุกคน ไหว้แม่เรา”
เพื่อนไกรฤกษ์ยกมือไหว้
เพื่อนคนหนึ่งพยักหน้าไปที่สุนันท์ “เฮ้ย เมียนายเหรอ สวยนี่หว่า”
ทุกคนฮา
สุนันท์ด่า “ไอ้พวกบ้า!!”
อิงอรดึงไกรฤกษ์แยกออกมา “แล้วแกได้บอกเพื่อนๆขี้คุกของแกหรือเปล่าว่าห้ามทำอะไรให้ยัยแก้วเสียราคาเด็ดขาด”
“พวกมันรู้แล้วน่า แม่ไม่ต้องห่วง”
“แต่ถ้ายัยแก้วเจอไอ้คนพวกนี้รุมโทรม ชั้นว่าก็สะใจดีนะแม่” สุนันท์บอก
“พวกแกอยากได้เงินหรือเปล่า ถ้าอยากได้ ก็ทำตามที่ชั้นสั่ง จับตัวนังแก้วให้ได้ ห้ามช้ำ ห้ามบุบสลายแม้แต่นิดเดียว เข้าใจมั้ย”
อิงอรสั่งเด็ดขาด แต่พวกเพื่อนๆ ไกรฤกษ์จะไม่ได้ใส่ใจอะไร หลายคนหัวเราะหึๆ
ขณะที่เกษรากำลังเลือกดูเครื่องประดับของตัวเองก่อนจะเอาออกมาพิจารณา ชินกรตามเข้ามาด้วยความกังวล
“คุณเกษ..คุณมีแผนอะไร”
“แผนของชั้นก็คือ เราจะไปส่งแก้วที่งาน แล้วรอรับแก้วกลับมา ก่อนที่ใครจะมาชิงตัวแก้วไป”
“แค่นั้น? แต่พวกของไอ้ท่านคนนั้น..เขาคือพวกมืออาชีพทั้งนั้นนะครับ”
“ที่เกษฝากให้คุณลองสอบถามเพื่อนๆอาจารย์ของคุณ ว่ามีใครได้รับเชิญไปร่วมงานนี้บ้าง..สรุปว่ามีมั้ยคะ”
“มีสามคน..แต่เป็นพวกคงแก่เรียน แว่นหนา เกษ ถ้าแผนของคุณมีแค่นั้น ผมว่ามันเสี่ยงเกินไปที่จะให้แก้วออกไปนะ”
กรองแก้วเดินออกมาจากห้องน้ำโดยเปลี่ยนชุดเป็นชุดสำหรับออกงานเรียบร้อยแล้ว
“แก้วพร้อมแล้วค่ะ”
เกษราจับตัวกรองแก้วหมุนดูรอบตัว “ไม่น่าเชื่อ พอดีเป๊ะเลย ชุดนี้ชั้นตัดมา แกะแบบตามในแคตตาล็อกของฝรั่งเศส แต่ยังไม่เคยใส่ เพราะหางานที่โก้พอที่จะใส่ไปไม่ได้ แก้วใส่ได้สวยมากจ้ะแก้ว..มานั่งลง เดี๋ยวชั้นจะแต่งหน้าให้เธอเอง” เกษราพูดกับชินกร “คุณชินคะ” เกษราสบตาแกมบังคับ “นะคะ”
ชินกรไม่เข้าใจอะไรนักแต่ก็ไม่ซักถามอะไร เขาเดินออกไป เกษราแต่งหน้าให้กรองแก้ว
รถส่วนตัวของคุณหญิงดารามาจอดหน้างาน คุณหญิงดาราลงจากรถมาคนเดียวด้วยท่วงท่าสง่า สวยงาม ช่างภาพมารอถ่ายเก็บภาพ ทีมงานรีบคอยห้อมล้อมดูแล
“คุณหญิงมาคนเดียวเหรอคะ”
“จ้ะ ท่านพินิจติดธุระด่วนในกระทรวง มาไม่ได้ค่ะ”
ทีมงานเชิญคุณหญิงดาราเข้าไปด้านใน
พุฒิภัทรล้างมือหลังทำการผ่าตัดเสร็จ เขาถอดเสื้อคลุมที่มีเลือดเปื้อนเป็นดวงๆออกมาแขวน
เพียงพรที่อยู่ในชุดนางพยาบาลช่วยผ่าตัดพูดกับเขา “เรายังเหลืออีกสองกรณีนะคะ แต่เป็นผ่าตัดเล็กค่ะ คุณชายอยากพักก่อนไหมคะ”
“ผ่าต่อกันไปให้เสร็จๆเลยก็ได้ ผมดูเอ็กซเรย์แล้ว ไม่ยาก”
“งั้นดิฉันไปรับคนไข้นะคะ”
เพียงพรเดินแยกออกไป พุฒิภัทรเดินออกมาชงเครื่องดื่มโกโก้ร้อนกินรองท้องที่มุมกาแฟ
“คุณชายหมอคะ..เชิญทางนี้ได้ไหมคะ..มีโทรศัพท์ด่วนค่ะ โทรมาหาคุณชายหมอหลายหนแล้ว” พยาบาลคนหนึ่งบอก
“ใครเหรอครับ”
“เห็นบอกว่าชื่อ คุณชินกรค่ะ”
พุฒิภัทรตาโตเพราะกังวลขึ้นมาว่ามีเรื่องอะไร เขาจึงรีบเดินตามพยาบาลไปที่วอร์ดหน้าห้องผ่าตัด เพื่อรับโทรศัพท์ อยู่ๆ พินิจกับสมุน2-3คนก็เดินสวนเข้ามาเสียก่อน
“ผมขอคุยด้วยหน่อยสิ คุณชายพุฒิภัทร”
พุฒิภัทรอึ้ง
พินิจยืนรออยู่อีกด้าน พุฒิภัทรเดินตามเข้ามา
พินิจหันกลับมา “คุณชายหมอพุฒิภัทร..คุณชายอนุญาตให้หนูกรองแก้วออกจากโรงพยาบาล โดยไม่แจ้งผมได้ยังไง”
“ผมเห็นว่าอาการคุณกรองแก้วดีขึ้นแล้ว กลับบ้านได้ และคุณแก้วก็เป็นคนยืนยันว่าอยากจะไป”
“แต่คุณชายก็ทราบว่าผมเป็น..เป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้หนูแก้ว ผมเป็นเหมือนญาติคนนึง คุณชายก็ควรจะต้องแจ้งผมก่อน”
“เรื่องจะแจ้งให้ญาติคนไหนทราบ ผมคิดว่าคุณกรองแก้วควรจะเป็นคนแจ้งเองนะครับ”
พินิจฉุน “คุณชาย..อย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรหน่อยเลย”
“อะไรหรือครับที่ผมไม่ทราบ”
“คุณชายเป็นหมอมาก็นาน พี่น้องแต่ละคนก็มีหน้าที่การงานดี..เรื่องราวในสังคมคุณชายก็คงจะรู้ไม่น้อย แต่คุณชายเลือกจะทำตัวไม่มีมารยาท ไม่เคารพธรรมเนียมปฏิบัติของคนในประเทศนี้”
“ผมเป็นหมอ ผมมีจริยธรรมและจรรณยาบรรณที่หมอทุกคนยึดถือ ก็คือ การกระทำทุกอย่าง” พุฒิภัทรพูดเน้น “เราทำเพื่อประโยชน์สุขของคนไข้เป็นสำคัญ..อาจจะไม่ถูกใจใครบ้าง แต่ผมยืนยันว่าทุกสิ่งที่ผมได้ทำไป อยู่บนพื้นฐานที่ว่านี้ครับ”
“ถ้าคุณชายทำเพื่อคนไข้จริง ก็ควรจะรู้ว่าทุกวันนี้ คนไข้มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นๆ ในขณะที่แพทย์ พยาบาล และเครื่องไม้เครื่องมือ ยังขาดแคลนอีกมาก..นอกจากทุนวิจัยด้านสมองที่ผมได้ให้ไปแล้ว..ผมก็กำลังพิจารณาทุนพิเศษเพื่อพัฒนาโรงพยาบาลแห่งนี้ในทุกๆด้าน..แต่ผมชักไม่แน่ใจว่าหมอที่นี่ ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่จริงๆ..คุณชายช่วยให้เหตุผลที..ว่าทำไมผมถึงควรจะสนับสนุนโรงพยาบาลนี้ต่อไป”
พุฒิภัทรอึ้ง
สักพักสมุนอีกคนก็เดินเข้ามากระซิบบอกข่าวกับพินิจ
“จริงเหรอ..หนูแก้วมาออกงานช่วยเหลือเด็กกำพร้าจริงๆเหรอ..ไปๆ งั้นรีบไป” พินิจจะไปแต่แล้วก็ชะงักหันกลับมาหาพุฒิภัทร “ผมไม่ชอบเรื่องที่เกิดขึ้น และหวังว่าต่อจากนี้ไปคุณชายคงจะแยกแยะได้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร”
พินิจรีบออกไป
พุฒิภัทรอึ้ง “แก้วไปงานการกุศล..ที่ไหน?”
เพียงพรเดินเข้ามาตาม
“คุณชายคะ คนไข้รอในห้องผ่าตัดเล็กแล้วนะคะ”
พุฒิภัทรเป็นกังวล
รถของชินกรแล่นมาจอดหลบข้างทางด้านหน้าทางเข้างานอย่างสงบ กรองแก้ว เกษรา และชินกรนั่งด้วยกันอยู่ในรถ กรองแก้วทำท่าจะเปิดประตูรถลงไป
“อย่าเพิ่ง..ยังไม่ถึงเวลา” เกษราท้วง
กรองแก้วชะงักแล้วดูเวลา “แต่..มันใกล้แล้วนะคะ”
“ตามกำหนดการ เวลาของเธอคือสิบสามนาฬิกา..และเธอจะปรากฏตัวตามกำหนด และกลับตามกำหนด..ไม่ให้มีเวลาเหลือเผื่อใครที่คิดจะเอาตัวเธอไปสักวินาทีเดียว..คุณชินคะ ติดต่อเพื่อนของคุณแล้วใช่มั้ยคะ”
“ครับ นั่นไง เพื่อนผม”
ชินกรบุ้ยใบ้ไปที่ประตูงานซึ่งมีชายท่าทางเหมือนนักวิชาการสวมแว่นหนา หน้าตาเรียบร้อยตัวเล็กๆ บางคนอ้วน บางคนเตี้ยยืนรอและมองซ้ายมองขวากันอยู่
“อืม..ดูน่าเกรงขามมากเลยค่ะ” เกษราถอนใจ “แก้ว..พยายามอยู่กับเพื่อนๆของคุณชินเข้าไว้ หรือถ้าเป็นไปได้ ก็ให้มีคนห้อมล้อมตลอด อย่าอยู่คนเดียว อย่าเปิดโอกาสให้ใครเข้าถึงตัวเธอได้..ชั้นกับคุณชินจะจอดรถรอเธออยู่ตรงนี้ ทันทีที่เสร็จงาน รีบกลับออกมาที่นี่ทันที เข้าใจนะ”
“ค่ะ”
อิงอรกับสุนันท์นั่งกินลูกชิ้นในกระทงใบตองอยู่ด้วยกัน ทั้งสองกระวนกระวายและคอยดูเวลา เสียงของคุณหญิงคนนึงที่เป็นพิธีกรในงานดังขึ้นมา
“อีกสักครู่นะคะ..แขกผู้มีเกียรติทุกท่านจะได้พบกับบุคคลที่เรารอคอย..วันนี้เธอยืนยันกลับมาแล้วว่าจะมาร่วมงานนี้เพื่อน้องๆทุกคนแน่นอนค่ะ..ใครอยากเจอผู้หญิงที่สวยที่สุดในประเทศสยามบ้างคะ”
เด็กๆที่มุงอยู่หน้าเวทีปรบมือร้องเฮ คุณหญิงดาราและคุณหญิงคุณนายที่นั่งอยู่ที่โซฟาประธานปรบมือ
“คนนี้..ที่ได้ข่าวว่า..ยังไม่ได้เข้าเล้าท่าน..จริงไหมคะ” คุณหญิงคนหนึ่งพูด
คุณหญิงดาราถามกลับ “คุณหญิงหมายความว่ายังไงคะ”
ทีมงานวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาอิงอร
“คุณอิงอร จวนจะได้เวลาแล้วนะคะ..ทำไมคุณกรองแก้วยังไม่มาอีก ดิฉันบอกผู้ใหญ่เอาไว้ด้วย ถ้าคุณแก้วไม่มาก็แย่”
“มันก็แย่ด้วยกันหมดนี่แหละ คนยิ่งหงุดหงิดอยู่ อย่ามาโวยวายได้มั้ย” สุนันท์สวน
ทันใดนั้น แขกที่บันไดทางเข้างานก็ฮือฮา ช่างภาพวิ่งกรูกันไป อิงอรกับสุนันท์รีบตามกลุ่มคนเข้าไปจนกระทั่งเห็นว่ากรองแก้วกำลังเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
อิงอรกับสุนันท์เห็นว่ากรองแก้วมาจริงๆ ก็กระหยิ่มด้วยความดีใจ ไกรฤกษ์กับเพื่อนๆตื่นตัวกับความสวยและความขาวของกรองแก้ว
เสียงพิธีกรพูดออกไมโครโฟน “รู้สึกนางสาวศรีสยามจะมาถึงแล้วนะคะ”
กรองแก้วยิ้มให้ช่างภาพถ่ายรูปแต่สายตาของเธอมองไปรอบๆ เพื่อสำรวจว่ามีใครบ้าง เธอเห็นอิงอรกับสุนันท์ด้านหนึ่ง และเห็นไกรฤกษ์กับกลุ่มเพื่อนอีกด้านหนึ่ง
ทันทีที่กรองแก้วสบตาไกรฤกษ์ ไกรฤกษ์ก็โบกมือและส่งจูบให้ กรองแก้วข่มความกลัวฉีกยิ้มให้ตากล้องที่มาถ่ายรูปก่อนจะเดินเข้าไปในงาน กรองแก้วเดินผ่านอิงอรกับสุนันท์ไป อิงอรมองกรองแก้วจนตาถลน
“มันไปเอาชุดสวยๆ รองเท้าสวยๆ..กระเป๋าสวยๆแพงๆแบบนี้มาจากไหน” อิงอรว่า
“อ๊าย..หรือว่า..มีใคร เสี่ยที่ไหนเอามันไปเลี้ยงคะแม่” สุนันท์เดา
“หรือว่า..มีแม่เล้า..เอ๊ย..พี่เลี้ยงเจ้าอื่นเอามันไปดูแลแทนเรา”
สุนันท์ชะเง้อ “แต่มันมาคนเดียวนะคะ แม่”
กรองแก้วหันมาเห็นอิงอรและสุนันท์ กรองแก้วตะลึงจนขาสั่นเดินไม่ออก เธอพนมมือไหว้
“เอาของแกกองไว้ตรงนั้นเถอะ นังแก้ว” อิงอรว่า
ทีมงานพาเด็กๆมารุมกรองแก้ว เด็กคนหนึ่งหน้าตาสวยถือช่อดอกไม้มามอบให้กรองแก้วเป็นการต้อนรับ
เด็กๆ พูดพร้อมกันเสียงดัง “พวกเรายินดีต้อนรับ พี่กรองแก้วค่ะ”
ช่างภาพเข้ามาถ่ายภาพ
กรองแก้วรับดอกไม้ “ขอบคุณมากค่ะ พี่ดีใจมาก ที่ได้เจอกับน้องๆทุกคนนะคะ”
เด็กๆ ปรบมือและเข้ามารุมล้อมเพื่อพากรองแก้วเดินเข้าไปข้างใน
อิงอรมองตามด้วยความแค้นใจ
“วันนี้แกจะต้องชดใช้สิ่งที่แกทำไว้กับครอบครัวชั้น”
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 5 (ต่อ)
ทีมงานนำเด็กกำพร้าที่แต่งชุดสัตว์น่ารักๆ เตรียมที่จะแสดงเต้นระบำเข้าแถวพาไปที่เวที
“เด็กๆ เร็วๆๆ พี่กรองแก้ว นางสาวศรีสยามมาแล้ว เราไปเต้นให้นางสาวศรีสยามดูกัน ไปๆๆ”
แถวเด็กเต้นระบำเดินผ่านไป ภายในตึกที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งเป็นตึกเด็กป่วยมีเตียงวางเรียง 10 เตียง ยศวินกำลังตรวจเด็กที่ป่วยอยู่
“หายใจเข้าลึกๆ นะ เอ้า ฮึ่บ เยี่ยม ทีนี้ก็หายใจออกยาวๆ ฟู่วววว เก่งมากๆ ทำอีกทีนึง” ยศวินบอก เด็กหายใจเข้าและออกตาม “เก่งมากๆ ทีนี้ก็ไปทานขนมได้เลย” ยศวินบอกพยาบาลข้างๆ ให้จดบันทึก “สุขภาพปอดและหัวใจปกติ”
มารตีกำลังตรวจดูฝ่ามือกับต้นแขนของเด็กว่ามีตุ่มหรือผื่นที่บ่งชี้ว่าเป็นไข้เลือดออกหรือหัดหรือไม่ แล้วเธอก็ตรวจเล็บของเด็กว่ามีลักญณะอ่อนแบนซึ่งเป็นลักษณะของโรคโลหิตจางหรือไม่
มารตีพยายามจะไม่ดุ “อี๋ ทำไมเล็บด๊ำดำ มือก็สกปรก ไม่รู้จักล้างมือบ้างรึไง..ไม่น่ารักเลยนะคะ”
เสียงพิธีกรประกาศดังมา
“ขณะนี้คุณกรองแก้ว นางสาวศรีสยามได้เดินทางมาถึงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้วนะคะ ท่านใดอยากร่วมทำบุญกับนางสาวศรีสยาม เชิญที่เวทีกลางได้เลยค่า”
ยศวินที่กำลังจะหันไปตรวจเด็กคนต่อไปถึงกับชะงัก
“นางสาวศรีสยาม..คุณกรองแก้วน่ะเหรอ” ยศวินลุกออกไปดูที่ระเบียง
“หา..ยัยนี่..มางานนี้จริงๆ ด้วย”
มารตีวิ่งตามไปดู ยศวินเดินมาที่ระเบียงตึก อิงอรกับสุนันท์เดินผ่านไปสมทบกับไกรฤกษ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ทั้งสามคนคุยอะไรกันสักพักแล้วก็ชวนกันเดินไปที่ทางด้านหน้างาน ยศวินรู้สึกแปลกใจ
“เอ๊ะ..คนพวกนี้..ผมเคยเห็นที่โรงพยาบาล”
มารตีพูดแทรกเข้ามา “ใช่สิ ก็ญาติยัยกรองแก้ว..แต่ที่จริง..คือพวกแม่เล้า”
“หมายความว่ายังไง”
“เอ้า นี่หมอยศวินไม่ทราบเหรอ นางงามทุกคน..จะต้องโดนแม่เล้าใส่พานไปถวายท่านพินิจทั้งนั้น”
“ฮะ คนพวกนี้หลอกคุณแก้วมาประกวด แล้วพอได้ตำแหน่ง ก็ขายคุณแก้วให้ท่านเหรอ”
“ยัยกรองแก้วเองก็ต้องอยากขายตัวเองอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะมาประกวดนางงามทำไม” มารตีว่า
“คุณแก้วอาจจะไม่อยากก็ได้”
“พวกหนักไม่เอางานเบาไม่สู้ ..วันๆก็เอาแต่แต่งตัวสวยๆ หาวิธีทำให้ผู้ชายรักผู้ชายหลง จะไปทำอะไรได้ ให้ชีวิตดีขึ้นล่ะคะ คุณหมอ”
มารตีค้อนแล้วเดินกลับไปตรวจเด็กต่อ
“คุณหมอ คุณหมอไม่ได้มานี่เพื่อดูนางงามนะ ยังเหลือเด็กป่วยอีกตั้งหลายเตียง ที่เราต้องตรวจดูนั่นตรวจดูนี่น่ะ”
ยศวินจะเดินตามมารตีไปแต่ก็ยังแคลงใจ เขาหันไปมองที่งานอีกทีแล้วขมวดคิ้วเมื่อเห็นไกรฤกษ์กับพวกเดินหลบไปทางเวทีด้วยท่าทางเหมือนโจรมากๆ
เด็กๆ ที่เต้นระบำสัตว์เริ่มแสดงบนเวที ทีมงานและเด็กๆ กลุ่มหนึ่งที่รุมจูงมือกรองแก้วพากรองแก้วที่กำลังเหลียวหน้าเหลียวกลังด้วยความหวาดระแวงมาที่หน้าเวที
กรองแก้วเดินผ่านหน้าโซฟาประธานที่คุณหญิงดารานั่งอยู่ กรองแก้วไม่เห็นพินิจก็โล่งอก เธอก้มตัวยกมือไหว้ทักทาย คุณหญิงรับไหว้ตามมารยาท ทีมงานพากรองแก้วไปนั่งข้างๆคุณหญิง
“สบายดีหรือจ๊ะ หนู” คุณหญิงดาราทัก
“สบายดีค่ะ ขอบคุณ”
“ที่ตกเวที ขาเจ็บ..หายแล้วหรือ”
อิงอรกับสุนันท์มายืนดูที่อีกด้านหนึ่ง
“ต๊าย ดูมัน มันกล้านัก อีนี่”
“แล้ว..มันจะฟ้องคุณหญิงหรือเปล่าอ่าแม่” สุนันท์หวั่นใจ
สองแม่ลูกสบตากันแล้วก็ผงะ
“ขาดิฉัน..หายแล้วค่ะ..คุณหญิงมาคนเดียวหรือคะ”
คุณหญิงดารามองอย่างอยากรู้ว่ากรองแก้วคิดยังไงแน่ “มาคนเดียว..ทำไม เธออยากให้ฉันมากี่คน”
กรองแก้วก้มหน้าด้วยความเกรงใจ “ดิฉันดีใจ..ที่ได้พบคุณหญิงคนเดียว..ค่ะ”
คุณหญิงดาราผงะแล้วมองหน้าเพราะไม่รู้ว่ากรองแก้วหมายถึงอะไร
การแสดงระบำสัตว์จบลงพอดี ทุกคนปรบมือกันเกรียว กรองแก้วมองมาทางอิงอรที่ถลึงตามาใส่ พอมองไปรอบๆ ก็เห็นไกรฤกษ์กับพวก
กรองแก้วตัดสินใจพูด “คุณหญิงคะ..ดิฉันอยากจะขอความกรุณาคุณหญิง..ดิฉันขอให้คุณหญิงช่วย..”
พิธีกรประกาศขึ้นพอดี
“ลำดับต่อไป ขอเชิญคุณกรองแก้ว นางสาวศรีสยามคนล่าสุด ขึ้นมามอบรางวัลให้เด็กๆด้วยค่ะ”
กรองแก้วอึ้ง เธอจำใจลุกแล้วเดินขึ้นเวทีไป
ทีมงานเอาของขวัญห่อเล็กๆ มาส่งให้กรองแก้วมอบให้เด็กๆ ที่เต้นระบำสัตว์ ช่างภาพเข้ามาถ่ายรูป ขณะที่กรองแก้วมอบรางวัลให้แก่เด็กๆ คุณหญิงดาราปรบมือพลางมองกรองแก้วอย่างครุ่นคิด
กรองแก้วมองลงมา สบตาคุณหญิงด้วยแววตาอ้อนวอนร้องขอ
พิธีกรพูดต่อ “งานนี้เป็นงานแรกที่คุณกรองแก้วมา หลังจากได้รับตำแหน่ง คุณแก้วรู้สึกยังไงบ้างคะ”
พวกไกรฤกษ์ตีวงเพื่อแยกย้ายกันยืน
“ดิฉันมีความยินดีมากค่ะ ที่ได้มาพบน้องๆ แล้วหวังว่า..ดิฉันจะช่วยทำประโยชน์ให้กับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ได้บ้าง ไม่มากก็น้อยค่ะ” กรองแก้วพูด
คนดูปรบมือ
“ถ้าอย่างนั้น..ดิฉันขออนุญาตเริ่มการประมูลสินค้าฝีมือเด็กกำพร้าเลยนะคะ ใครอยากมีภาพที่ระลึกกับนางสาวศรีสยาม มาร่วมทำบุญด้วยกันนะคะ” พิธีกรพูด
กรองแก้วไปหยิบสินค้าที่จัดวางอยู่บนเวทีซึ่งเป็นกรอบรูปสวยงามมาชิ้นหนึ่ง แต่เธอก็ต้องผงะ เมื่อเห็นว่าพินิจกำลังแหวกผู้คนเข้ามา
“เดี๋ยวก่อนๆๆ”
พินิจรีบเดินแหวกทุกคนเข้ามายืนเด่นที่หน้าเวที
“หนูแก้ว..หนูแก้วของชั้น กลับมาแล้ว หายเจ็บขาแล้วใช่ไหมจ๊ะ”
พินิจยิ้มแฉ่งต่อหน้ากรองแก้วแบบไม่อายใคร กรองแก้วแค่นยิ้มตอบ
อิงอรกับสุนันท์ตกใจที่เห็นพินิจมาร่วมงานด้วย
“ท่านพินิจ..”
“คนของท่านหูตายิ่งกว่าสัปปะรด แค่นี้มีเหรอจะไม่รู้..เพราะฉะนั้น..วันนี้แม่จะพลาด ให้นังแก้วหนีไปอีกไม่ได้แล้ว” สุนันท์บอก
คุณหญิงดาราลุกขึ้นมาปรามพินิจในขณะที่ปากก็ฉีกยิ้มต่อหน้าธารกำนัล
“คุณพินิจคะ..ดิฉันรู้ว่าคุณอยากจะประมูลสินค้าเพื่อการกุศลใจจะขาดแล้ว งั้นก็มานั่งเถอะค่ะ เขาจะได้เริ่ม”
“จะประมูลแล้วเหรอ อ้าวเหรอ เอาเลยๆๆๆๆ” พินิจบอก
พิธีกรดำเนินรายการต่อ “สินค้าชิ้นแรก ที่อยู่ในมือนางสาวศรีสยามของเรา คือ กรอบรูปจากผ้ามัดย้อมสีสันสวยสดที่น้องๆจากบ้านเด็กกำพร้าช่วยกันประดิษฐ์ขึ้นมา..ราคาประมูลเริ่มต้นที่..สิบบาท”
พินิจยกมือ “ผมให้ห้าร้อยบาท!!”
แขกเหรื่อคนอื่นๆที่ตั้งท่าจะประมูลเงียบกริบแล้วพากันหดมือกลับทันทีเพราะว่าสู้ราคาไม่ไหว พิธีกรทำหน้าที่นับไปตามธรรมเนียม พินิจยิ้มให้กรองแก้วแล้วโบกมือแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ กรองแก้วหน้าซีดแต่แค่นยิ้ม
พุฒิภัทรเดินออกจากห้องผ่าตัดมาล้างมืออย่างเยือกเย็น เขาพยายามข่มใจและตั้งสติดูนาฬิกา แต่ก็มีอาการร้อนรน เพียงพรเดินตามออกมา
“เสร็จเรียบร้อยไปอีกราย พวกญาติๆคงดีใจกันใหญ่” เพียงพรบอก
“ถ้าคนไข้รายสุดท้ายพร้อมแล้ว รีบพามาผ่าต่อเลยนะครับคุณเพียงพร”
“คุณชายคะ..ถ้าคุณชายมีธุระด่วน เดี๋ยวดิฉันจะไปตามหมอประสิทธิ์ท่านมาผ่าตัดเคสที่เหลือแทนดีมั้ยคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมทำได้”
“เวลาที่แพทย์ท่านอื่นๆมีธุระ คุณชายก็ช่วยแก้ไขปัญหาแทน..ให้ผ่านไปได้ทุกครั้ง..เวลานี้คุณชายก็ต้องให้คนอื่นช่วยคุณชายบ้างนะคะ”
ทันใดนั้น แพทย์วิสัญญีก็เดินเข้ามา
“อ้าว คุณหมอดมยามา” เพียงพรบอก
แพทย์วิสัญญีขำ “ผมไม่ได้ดมยานะ ผมวางยาคนไข้” แพทย์วิสัญญีหันมาหาพุฒิภัทรแล้วพูดจริงจัง “คุณชายครับ การผ่าตัดรายต่อไป ต้องงดแล้วล่ะครับ เพราะคนไข้มีความดันโลหิตสูงมาก ผ่าวันนี้ไม่ได้ครับ”
พุฒิภัทรดีใจ “ดี!”
“ดี..ดียังไงครับ”
“ก็ดี..ดี..ที่ ไม่ใช่กรณีฉุกเฉินไงล่ะ..งั้น..ขอบคุณมากนะครับคุณเพียงพร งั้นผม..ไปธุระก่อน”
พุฒิภัทรรีบเดินแยกออกไปโดยเขาเดินเร็วจนแทบวิ่ง
“อยากรู้จริงๆว่าคุณชายหมอมีธุระด่วนเรื่องอะไรนะ” เพียงพรสงสัย
อิงอรกับสุนันท์ลากไกรฤกษ์มาที่มุมนึงของงาน
“ห้ามจับตัวยัยแก้ว? อ้าว ก็ที่แม่เรียกผมมา ไม่ได้ให้มาจับตัวนังแก้วหรอกเหรอ” ไกรฤกษ์งง
“ก็ใช่..แต่แกห้ามทำให้มันเอิกเกริก..ไม่เห็นเหรอว่าท่านพินิจอยู่ในงานด้วย ถ้าเกิดแกกับเพื่อนฉุดนังแก้ว แล้วมันโวยวายขึ้นมา ท่านก็จะรู้น่ะสิว่านังแก้วมันไม่เต็มใจจะไปกับท่าน..ก็เท่ากับว่าที่ผ่านมาแม่ตอแหลท่านน่ะสิ” อิงอรบอก
“แล้วแม่ไปตอ..” ไกรฤกษ์พูดยังไม่ทันจบ อิงอรก็ตวาดออกมา
“ไอ้ไกร!!”
“ชั้นไม่เข้าใจ ท่านพินิจออกจะบ้ากาม มักมากโจ่งแจ้งขนาดนี้ แต่ดันจะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ ต้องการให้ผู้หญิงมาเป็นอนุอย่างเต็มใจงั้นเหรอแม่”
ทันใดนั้นพินิจก็เดินเข้ามา
“คุณอิงอร”
พวกอิงอรสะดุ้งแล้วหันไปยิ้มแย้มอย่างเอาใจเต็มที่
“คะท่าน โถๆๆ อิงอรกำลังคิดจะเข้าไปกราบสวัสดีท่านอยู่เลยค่ะ”
“ทำไมถึงไม่บอกชั้นว่าหนูแก้วจะมางานนี้”
อิงอรหาทางแถ “เอ่อ คือ”
“ไม่ได้คิดจะปกปิดชั้นหรอกนะ”
“ไม่เลยค่ะๆๆ อิงอรก็เพิ่งจะทราบก่อนหน้าท่านแป๊บเดียวเอง แล้วที่ไม่ได้แจ้งท่านก็เพราะ..เพราะอิงอรตั้งใจเอาไว้ว่าจะพาหนูแก้วไปเซอร์ไพร้ส์ท่านที่วิมานสีชมพูคืนนี้น่ะสิคะ” อิงอรบอก
“ไม่ต้องการเซอพงเซอไพร้ส์อะไรชั้นทั้งนั้น..ชั้นดีใจเก้อกับคำพูดเธอมาหลายรอบแล้ว..คืนนี้ชั้นจะไม่ผิดหวังอีกใช่มั้ย คุณอิงอร”
“ค่ะ คืนนี้ท่านจะได้เป่ากระหม่อมแม่แก้วแน่นอนค่ะ”
“ก็ควรต้องเป็นอย่างนั้น”
อิงอรหน้าซีด
สุนันท์มองพินิจอย่างท้าทายและไม่กลัวเกรง พินิจหันมามองสุนันท์แว่บหนึ่งก่อนจะเดินจากไป
สุนันท์มองตามไปแล้วด่าลับหลัง
“หื่น! บ้าอำนาจ! เล้วเลว...เกลี๊ยด เกลียด ชริ!”
พุฒิภัทรนั่งอยู่ในรถที่ถนอมเป็นคนขับแล่นมาตามถนน ใจร้อนดั่งไฟ
“ถนอมขับให้เร็วกว่านี้อีกได้มั้ยครับ..แก้วนะแก้ว ทำไมถึงต้องหาเรื่องให้ตัวเองด้วย ถ้าเธอเป็นอะไรไป แล้วชั้นจะ..จะ จะบอกพ่อของเธอยังไง”
“พ่อใครครับ” ถนอมถาม
“เปล่า..ไม่มีอะไร”
ถนอมขับรถไปแล้วลอบมองอย่างแปลกใจ
พินิจเดินขึ้นเวทีมาด้วยท่าทางกระดี๊กระด๊า
พิธีกรพูดใส่ไมโครโฟน “สุดท้าย ขอเชิญคุณกรองแก้ว มอบของชิ้นสุดท้ายของวันนี้ให้แก่ผู้ที่ประมูลสูงสุดด้วยค่ะ คนอะไรไม่รู้ ประมูลได้ไปทุกอย่างเลย..ใจบุญจริงๆ..ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ท่านพินิจอีกแล้วค่ะ!!”
พินิจยื่นหน้าไปพูดใส่ไมโครโฟน “ก็ประมูลให้คุณหญิงของผมทั้งนั้น..จริงไหมจ๊ะ คุณหญิง”
ทุกคนปรบมือ คุณหญิงดาราปรบด้วยแต่ทำสีหน้าเครียด
กรองแก้วถือของชิ้นสุดท้ายที่เพิ่งประมูลเสร็จ ซึ่งเป็นกระเป๋าสานจากวัสดุธรรมชาติเอามามอบให้พินิจ
“สวยจริงๆ สวยที่สุดเลย” พินิจทำตาเยิ้มใส่
กรองแก้วรีบมอบแล้วรีบผละออก
“เดี๋ยวๆๆ ให้ช่างภาพถ่ายภาพก่อนสิ”
พินิจจับกรองแก้วไว้ไม่ให้แยกไป คุณหญิงดาราที่นั่งมองอยู่ข่มอารมณ์ไว้
อิงอร สุนันท์ และไกรฤกษ์ขยับเข้ามาใกล้เวทีมากขึ้น ทั้งสามพร้อมจัดการกรองแก้ว
“และทางมูลนิธิเพื่อเด็กกำพร้าต้องขอขอบคุณคุณกรองแก้ว บุญมี นางสาวศรีสยามคนล่าสุดด้วยนะคะที่มาร่วมงานเพื่อน้องๆในครั้งนี้ เอาล่ะคะเด็กๆ ขอบคุณพร้อมๆกันนะคะ” พิธีกรกล่าว
“ขอบคุณค่ะ/ครับ” เด็กๆ พูด
“แม้ว่าคุณกรองแก้วจะต้องกลับก่อน แต่งานของเรายังคงดำเนินต่อนะคะ”
กรองแก้วละล้าละลังเพราะไม่กล้าลงจากเวที เธอมองสำรวจไปรอบๆ
พินิจประคองกรองแก้วลงจากเวที “มาๆๆ เดินระวังนะ”
กรองแก้วมองหาทางหนี เธอเห็นช่างภาพและนักข่าวที่เข้ามาถ่ายรูปกัน กรองแก้วรีบผละจากพินิจ แล้วเดินลงเวทีก่อนจะตรงเข้าไปหากลุ่มช่างภาพและนักข่าวโดยแทรกตัวเองเข้าไปในวงล้อมนั้น
“พี่ๆอยากสัมภาษณ์แก้วมั้ยคะ เรื่องที่..แก้วไม่สบายน่ะค่ะ ใครอยากดูแผลไหมคะ..แก้วจะให้ถ่ายภาพไปทำข่าวค่ะ” กรองแก้วพูด
พวกนักข่าวและช่างภาพมารุมถ่ายรูป รุมสัมภาษณ์กรองแก้ว
พินิจยืนมองอย่างขัดใจเพราะถูกกันออกมานอกวง คุณหญิงดารามองสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น อิงอรรีบแหวกเข้าไปหาพินิจทันที
“ท่านคะ..เดี๋ยวหนูแก้วให้สัมภาษณ์เสร็จก็กลับแล้ว..อิงอรว่าท่านกลับไปรอที่บ้าน อาบน้ำให้สดชื่นก่อนดีกว่ามั้ยคะ แล้วอิงอรจะนำตัวหนูแก้วไป” อิงอรบอก
“ไม่..ไหนๆชั้นก็อยู่ตรงนี้แล้ว ชั้นจะไม่พรากจากหนูแก้วอีก หนูแก้วต้องกลับไปพร้อมชั้น”
“แต่..แล้วคุณหญิงล่ะคะ” อิงอรถาม
“คุณหญิงเขาเข้าใจ”
“คุณหญิงเข้าใจ แต่คนอื่นๆที่อยู่แถวนี้ล่ะคะ มีทั้งนักข่าว ทั้งคุณหญิงคุณนาย..ท่านคงไม่อยากให้คนเอาเรื่องของท่านกับคุณหญิงไปพูดเสียๆหายๆหรอก..ใช่มั้ยคะ” สุนันท์บอก
“จริงค่ะ เชื่ออิงอรนะคะ ท่านกลับไปรอก่อน รับรองหนูแก้วไปหาแน่ๆค่ะ”
“ชั้นจะไปรอที่หน้าหอประชุม พวกเธอไปพาตัวแก้วมา ยังไงวันนี้ชั้นจะกลับบ้านพร้อมกับหนูแก้ว เข้าใจมั้ย” พินิจสั่ง
พินิจเดินไปหาคุณหญิงดาราแล้วยืนเคียงกัน แต่สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่กรองแก้วตลอด
คุณหญิงดาราเอาแขนมาคล้องแขนพินิจ “รีบกลับบ้านเถอะค่ะ ชั้นกลัวว่าความสุขของคุณจะทะลักล้นเกลื่อนกลาดไปทั่วงานการกุศลของเขาหมด”
คุณหญิงดาราเดินควงกึ่งลากพินิจออกไป ทีมงานขนของที่พินิจประมูลได้มาวิ่งตามมา
“นี่ค่ะ ของที่ท่านประมูลได้ทั้งหมด ให้ตามไปใส่ที่รถเลยไหมคะ คุณหญิง”
คุณหญิงดารารีบบอก “มาเลยค่ะ มาเลยๆ”
พินิจอึ้ง
กรองแก้วกำลังให้สัมภาษณ์กับนักข่าวอยู่
“แผลก็ยังปวดๆอยู่บ้างค่ะ แต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว”
เพื่อนอาจารย์ของชินกรเดินเข้ามาทักกรองแก้ว
“คุณกรองแก้วครับ พวกเราเป็นเพื่อนกับอาจารย์ชินกร อาจารย์ชินกรบอกให้พวกเรามาแนะนำตัวกับคุณ..แต่ไม่ได้บอกว่าทำไม”
“อ๋อ ค่ะ คือ..แก้วมีเรื่องอยากจะปรึกษาค่ะ พวกคุณช่วย..เอ่อ..ช่วยเดินไปคุยไปกับแก้วได้มั้ยคะ..นะคะๆ”
“ได้ครับ”
อิงอรมายืนขวางไว้
“จะไปไหนแม่แก้ว”
ยศวินโผล่มาแอบดูอยู่หลังบอร์ดร้านออกงานขายของ
อิงอรจะคว้าตัวกรองแก้วออกจากกลุ่มนักข่าว “ขอโทษนะคะ ชั้นเป็นผู้ปกครองของหนูกรองแก้ว..หนูแก้วต้องกลับแล้ว”
กรองแก้วดึงมือออกแล้วเรียกพวกนักข่าว “พี่ๆคะ..คุณอิงอร จากร้านเสริมสวยอิงอรคนนี้ยังไงคะที่เห็นแววแก้ว และก็ชักชวนให้มาประกวดนางสาวศรีสยาม..ส่วนคนนี้ คุณสุนันท์ เป็นคนสอนแก้วเดินเลยนะคะ พี่ๆสัมภาษณ์เธอสิคะ”
กรองแก้วให้พวกนักข่าวรุมอิงอรส่วนตัวเองเดินเลี่ยงหลบไปอีกทาง
อิงอรกับสุนันท์จะเดินตามแต่ติดช่างภาพที่มารุมถ่ายรูป
กรองแก้วเดินออกมาอีกด้านโดยมีพวกเพื่อนของชินกรเดินตามมาด้วย ทั้งหมดเดินปะปนมาในกลุ่มคนเพื่อจะเดินตรงไปยังประตูทางออก
แต่อยู่ๆ เพื่อนของไกรฤกษ์ก็เข้าประกบเพื่อนของชินกรแบบตัวต่อตัว เพื่อนไกรฤกษ์ยืนขวางหน้า ผลักอก และกันให้เพื่อนชินกรแยกออกจากกรองแก้ว โดยไม่ให้เป็นที่สังเกตของคนในงาน
“พวกคุณ..”
กรองแก้วเห็นท่าไม่ดีจึงจะรีบออกไปแต่พอหันมาก็แทบชนกับแผงอกของไกรฤกษ์
“คิดว่ามีคนรุมล้อม แล้วเธอจะปลอดภัยเหรอจ๊ะคนสวย” ไกรฤกษ์ถาม
“คุณไกร..”
“จำชื่อไกรได้ด้วย ต้องยังงี้สิถึงเรียกว่ารักกันจริง” ไกรฤกษ์คว้ามือกรองแก้วแล้วกระชากตัวมากอดแขนเอาไว้ “อย่าร้อง!! เพราะถ้าเธอร้อง ชั้นใช้กำลังแน่”
“ปล่อยชั้นไปเถอะนะ”
“ชั้นไม่ทำอะไรเธอหรอก ขอแค่เธอทำตามที่ชั้นสั่ง”
ทีมงานของเด็กกำพร้าที่แต่งชุดสัตว์แสดงระบำกำลังเดินนำขบวนเด็กๆ เดินผ่านมาเพราะจะกลับตึก กรองแก้วตัดสินใจผลักไกรฤกษ์อย่างแรงแล้วรีบวิ่งเข้าไปหากลุ่มเด็กๆ เหล่านั้น
“น้องๆคะ น่ารักจังเลย น้องๆจะกลับขึ้นตึกหรือคะ มา..พี่แก้วไปส่งค่ะ”
เด็กๆดีใจ กรองแก้วใช้กลุ่มเด็กๆเป็นกำบัง ไกรฤกษ์และพรรคพวกอยากจะเข้าไปลากกรองแก้วออกมา แต่อิงอรกับสุนันท์วิ่งตามเข้ามาห้ามไว้ก่อน
“อย่า!! อย่าให้เอิกเกริก ไม่ดีแน่.. ไกร แกดักรอมันที่ทางออกนี่แหละ เดี๋ยวชั้นกับยัยนันท์จะดูมันเอง”
อิงอรกับสุนันท์จับตามองกรองแก้วตลอด กรองแก้วเห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจทิ้งกลุ่มเด็กแล้ววิ่งตัดสนามไปอีกทาง อิงอรกับสุนันท์รีบวิ่งตาม
เกษรากับชินกรเดินกระวนกระวายอยู่ข้างๆรถที่จอดอยู่
“ทำไมแก้วยังไม่มาอีก มันเกินเวลามาเยอะแล้วนะคะคุณชิน เราเข้าไปตามแก้วในงานกันเถอะ”
“ไม่ดีหรอกเกษ อันตราย”
เพื่อนของชินกรเดินออกมาเรียกชินกร “อาจารย์ชินกร”
“อ้าว พวกนาย ทำไมออกมากันตัวเปล่าๆ แล้วแก้วล่ะ แก้วอยู่ไหน”
เกษรากังวล “แก้ว..แก้วเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นกับแก้ว”
กรองแก้ววิ่งแยกมาอีกด้านแต่ก็ต้องชะงักเพราะไกรฤกษ์และเพื่อนๆ วิ่งมายืนดักอยู่บริเวณนั้น กรองแก้วถอยเพื่อจะไปอีกทางแต่ก็พบว่าพินิจกับคนรถยืนชะเง้อมองหาอยู่อีกทาง กรองแก้วถอยเพื่อหามุมหลบ แล้วก็ตัดสินใจวิ่งเข้าไปที่ซอกตึกเด็กกำพร้าป่วย
แต่แล้วกรองแก้วก็วิ่งไปชนเข้ากับอกของชายคนนึง “ว้าย..”
ปรากฏว่าชายคนนั้นคือยศวิน
“ชู่ว์ๆๆๆๆ ผมเองครับคุณแก้ว มาทางนี้ๆ” ยศวินลากกรองแก้วเข้าไปหลบอีกทาง “ผม หมอยศวิน คนที่คุณไม่ยอมให้เย็บแผลที่ขาไงครับ..ไม่ต้องกลัวนะครับ”
“ค่ะ”
“ใส่ชุดนี้ไว้นะครับ”
ยศวินเอาเสื้อกาวนด์ของหมอมาให้กรองแก้วสวมคลุมเอาไว้
“ผมจะพาคุณออกไปเอง” ยศวินบอก
อิงอรกับสุนันท์วิ่งตามหากรองแก้ว
“หายไปไหนแล้ว”
ไกรฤกษ์วิ่งมาสมทบ
“นังแก้วอยู่ไหนแล้วแม่”
“ถ้ามันยังไม่ออกไป มันก็ต้องหลบซ่อนที่ไหนสักแห่งแน่ๆ ไป ไปหาให้เจอ” อิงอรสั่ง
สุนันท์กับไกรฤกษ์แยกย้ายไป พินิจที่รออยู่ด้านหน้า พอเห็นอิงอรเขาก็รีบปรี่เข้ามาหา
“คุณอิงอร..จะให้ผมรออีกนานมั้ย”
“เอ่อ ไม่นานหรอกค่ะท่าน คือหนูแก้ว..กำลังเข้าห้องน้ำค่ะ เดี๋ยวก็คงจะออกมาแล้ว ท่านใจเย็นๆนะคะ หรือไม่ก็กลับไปรอที่บ้าน”
“ชั้นจะรอที่นี่” พินิจยืนกราน
“ค่ะ”
ยศวินและพยาบาลสองสามคนเดินสวนออกมา กรองแก้วสวมชุดกาวน์ถือแฟ้มบังหน้าเดินปะปนอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ทั้งหมดเดินสวนกับกลุ่มอิงอรไปอย่างโจ่งแจ้ง กรองแก้วก้มหน้าอยู่หลังแฟ้ม
อิงอรเรียกไว้ “คุณ..”
ยศวินหันมาสั่งกลุ่มพยาบาล “พวกคุณเอาของไปเก็บก่อนเลยนะ..มีอะไรครับ”
“พวกคุณเห็นนางสาวศรีสยามบ้างมั้ย” อิงอรถาม
“นางสาวศรีสยาม เอิ่ม คุณกรองแก้วใช่มั้ยครับ..เอ้ รู้สึกเมื่อกี้จะเดินขึ้นตึกไปนะครับ สงสัยจะไปห้องน้ำ”
“น่าน..ว่าแล้วเชียว” อิงอรพูดกับพินิจ “อิงอรจะรีบไปพาออกมานะคะท่าน”
อิงอรรีบเดินไป
“ผมขอตัวนะครับ” ยศวินบอก
พินิจมองตามกลุ่มพยาบาลไปจนเห็นหมอในชุดเสื้อคลุมคนหนึ่งสวมรองเท้าส้นสูงสีสดไม่เหมือนหมอและพยาบาลคนอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร
“พวกเรา ตามไปบนตึกเลย” พินิจเดินนำสมุนขึ้นตึกไป
พินิจรีบเดินผ่ามาบนตึก พวกเจ้าหน้าที่และทีมงานงงๆ พินิจเดินพล่าน
สมุนพินิจวิ่งมา “ท่านครับ ที่ห้องน้ำไม่มีใครนะครับ”
“แล้วอยู่ไหนล่ะ”
ทีมงานคนหนึ่งเดินมาหา “โอ..ท่านพินิจ มาเยี่ยมเด็กป่วยหรือคะ ดูสิ ท่านดีจังเลย..เชิญค่ะๆๆ นี่ น้องเก่ง เป็นไข้เลือดออกค่ะ”
พี่เลี้ยงทุกคนและเด็กๆ หันมา
“ทุกคน แสดงความต้อนรับท่านพินิจหน่อยค่ะ”
เด็กๆ และพี่เลี้ยงพูดพร้อมกัน “สวัสดีค่ะ” / “ครับท่าน”
“อ้อ..สวัสดีจ้ะ ดีๆๆๆ แล้ว..หนูล่ะ ป่วยเป็นอะไรจ๊ะ”
พินิจมองอย่างอึดอัด
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 5 (ต่อ)
รถพุฒิภัทรแล่นมาถึงประตูสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พุฒิภัทรรีบลงจากรถแล้วเดินเร็วจนแทบจะวิ่งเข้ามาด้านในงาน เขาพยายามมองหากรองแก้วไปทั่วงาน
ระหว่างนี้มารตีที่กำลังเดินลงมามองหาเพื่อนๆ เห็นพุฒิภัทรเข้าพอดี มารตีชะงักแล้วขมวดคิ้วท่าทีสงสัย
“พี่ชายภัทร มาหานังแก้วหรือไง”
พุฒิภัทรไปที่ข้างเวทีแล้วพบทีมงานคนหนึ่ง
“ขอโทษนะครับ..ไม่ทราบคุณกรองแก้วอยู่ที่ไหนครับ”
“อ๋อ เธอกลับไปแล้วค่ะ สักพักนี่เอง”
“กลับไปแล้ว..ไปกับใคร ทราบมั้ยครับ..ไปคนเดียวหรือมีคนพาไป..ใช่คุณอิงอร ผู้หญิงอายุประมาณ40 สูงประมาณนี้หรือเปล่าครับ”
“คุณอิงอร..อ๋อค่ะ คุณอิงอรมาค่ะ”
“พี่ชายภัทร” มารตีรีบเข้าไปหา “พี่ชายภัทรมารับมารตีเหรอคะ”
“มารตี”
“มารตีก็คิดว่าพี่ชายภัทรติดผ่าตัดมาไม่ได้ซะอีก หรือว่าเป็นห่วงมารตีเลยรีบตามมาคะ..พอดีเลย มารตีเสร็จงานตรงนี้แล้ว เรากลับพร้อมกันนะคะ” มารตีพูดเครียดๆ
“เอ่อ คือ..พี่..พี่มีธุระ เธอกลับไปก่อนเถอะ”
พุฒิภัทรไม่สนใจมารตี เขารีบเดินแยกออกไปอีกทาง
“อะไรกัน พี่ชายภัทรเป็นขนาดนี้เลยเหรอ”
มารตีขัดใจ เธอเห็นทีมงานคนเดิมจึงรีบเดินเข้าไปหา
“นี่ คุณ ..เมื่อกี้นี้คุณผู้ชายคนนั้นเขามาถามอะไรกับคุณ” มารตีถาม
“ถามหาคุณกรองแก้วค่ะ ถามว่ากลับไปกับใคร ใครจะไปรู้จักล่ะคะ” ทีมงานเดินบ่น “งานก็ต้องทำ ยังต้องมาตอบคำถามคนอีก ปวดหัวๆ”
มารตีอึ้ง
“นี่เหรอ ธุระของพี่”
ยศวินประคองกรองแก้วเดินหนีออกมาด้านนอกงาน
“ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าท่านพินิจจะทำอย่างนี้กับผู้หญิงได้”
“ไม่ใช่แค่ท่านพินิจหรอกค่ะ แต่คนรอบๆตัวท่านด้วย เขาทำเหมือนแก้วเป็นสินค้า เอาไปเร่ขายหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง” กรองแก้วยกมือไหว้ “ขอบคุณคุณหมอยศวินมากนะคะที่ช่วยแก้ว แก้วจะไม่ลืมพระคุณครั้งนี้เลย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมชอบช่วยเหลือคนสวยๆอยู่แล้ว”
กรองแก้วอึ้งๆ และทำหน้าไม่ถูก เธอรีบเดินเร็วขึ้น
ยศวินนึกว่ากรองแก้วโกรธ “คุณแก้ว ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจละลาบละล้วงคุณในเวลาอย่างนี้ พอดีผมเป็นคนปากไว อย่าถือสาเลยนะครับ”
“ค่ะ แก้วไม่ถือสาคนที่ช่วยแก้วให้หนีจากขุมนรกหรอกค่ะ”
เพื่อนทั้ง3ของชินกรวิ่งออกมาสมทบ
“คุณแก้ว”
ยศวินรีบปกป้องกรองแก้ว “อย่าเข้ามา”
“ไม่ใช่ค่ะ หมอยศวิน คุณสามคนนี้เป็นเพื่อนสนิทของคุณชินกรค่ะ เขามาช่วยแก้ว”
“คุณชินกร..ใครเหรอครับ” ยศวินถาม
“ผู้มีบุญคุณของแก้วค่ะ”
“อย่าเพิ่งคุยมากเลยครับ รีบไปก่อนเถอะ คุณแก้วจะให้พวกผมไปส่งที่ไหนครับ” เพื่อนชินกรถาม
“ที่รถคุณชินกรค่ะ ทางนั้น”
กรองแก้วชี้ไปยังทิศที่รถชินกรจอดอยู่ ชินกรลงจากรถมาโบกเรียก กรองแก้วรีบเดินนำไป
“แฟนคุณแก้วเหรอครับ” ยศวินถาม
กรองแก้วตกใจ “คุณหมอ.. คุณชินกรเขามีภรรยาแล้วค่ะ”
เกษราลงจากรถมาโบกเรียกอีกคน ยศวินโล่งอก แล้วทั้งหมดก็รีบไปที่รถ
พุฒิภัทรวิ่งกลับออกมาริมถนนด้านหน้าโดยมองหากรองแก้วไปตลอดทาง
“แก้ว..เธออยู่ไหนแก้ว”
ถนอมเเดินข้ามา
“คุณชายครับ มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ”
“เธออยู่ไหน แก้ว”
พุฒิภัทรไม่ได้สนใจถนอมเลยเพราะมัวแต่มองหาแต่กรองแก้ว
“แก้ว แก้วอะไรครับ คุณชายหิวน้ำหรือครับ” ถนอมงง
อิงอรเครียดจัด
“หานังแก้วไม่เจอ..พวกแกอยู่กันตั้งเยอะตั้งแยะ ผู้หญิงแค่คนเดียว ไม่มีใครเจอเลยเหรอ”
“แม่ไม่ต้องมาว่าชั้นเลย แม่กับยัยนันท์ก็ปล่อยมันหนีไปได้เหมือนกันนั่นแหละ” สุนันท์ย้อน
“แล้วทีนี้ชั้นจะทำยังไง ท่านพินิจเอาชั้นตายแน่”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกแม่”
อิงอรไล่ตีไกรฤกษ์
“แม่..ชั้นเจ็บนะ พอๆๆ”
“ไอ้ลูกเนรคุณ” อิงอรว่า
“ใจเย็นๆก่อนเถอะแม่ ค่อยๆคิด มันจะไม่มีทางต่อรองกับท่านพินิจได้เลยเหรอ” สุนันท์ถาม
“แกเคยเห็นท่านปรานีใครบ้างมั้ยล่ะ” อิงอรวิตก “ท่านยังรออยู่ด้านหน้าใช่มั้ย..ชั้น..ชั้นต้องหนี ให้ท่านรู้ไม่ได้ ไปๆๆ”
อิงอรรีบหนีไป
“แล้วยังงี้พวกชั้นจะซวยด้วยมั้ย อ้าว เฮ้ย แยกย้ายๆๆ ตัวใครตัวมัน” ไกรฤกษ์บอก
เพื่อนๆ ไกรฤกษ์แยกย้ายสลายกลุ่ม ส่วนสุนันท์เซ็ง
อิงอรกับสุนันท์ถูกสมุนของพินิจหิ้วปีกเข้ามา ทิ้งไว้ตรงหน้าพินิจที่นั่งในเรือนสีชมพู
“ทำงานไม่สำเร็จ แล้วคิดจะหลบหน้าชั้นเหรอ..แกคิดว่าจะหนีคนอย่างท่านพินิจพ้นเหรอนังอิงอร”
อิงอรยกมือไหว้ “ท่านคะ..ท่านฟังเหตุผลของอิงอรก่อนนะคะ”
“เหตุผลเหรอ..ได้..ว่ามาสิ”
“อิงอ..ร..”
อิงอรแค่เริ่มเอ่ยพินิจก็เข้ามาจับตัวเธอเขย่า
สุนันท์ตกใจ “แม่!”
สมุนของพินิจจับสุนันท์เอาไว้ พอพินิจปล่อยอิงอรก็ทรุดลงไปกองกับพื้น
“เอ้า นอนไปทำไมล่ะ ลุกขึ้นมาบอกเหตุผลสิ เร็วๆ”
พินิจจับแขนอิงอรดึงขึ้นมา
“ยังมีเหตุผลอะไรอีกมั้ย”
อิงอรส่ายหน้า
พินิจกระชากแขนอิงอรมาเขย่าอีก “จริงอย่างที่นังใบบัวพูด แกมันไว้ใจไม่ได้ หลอกเอาเงินชั้นไป สร้างวิมานให้ชั้นคิดว่าจะได้หนูแก้วซ้ำแล้วซ้ำอีก แกกล้าโกหกชั้น แกคงไม่รู้ใช่มั้ยว่าไอ้พวกที่ดีแต่ปากมันจะต้องเจอกับอะไร” พินิจบีบปากอิงอร
อิงอรพูดเสียงอ้อแอ้ “อิงอรผิดไปแล้ว ให้โอกาสอิงอรแก้ตัวนะคะ”
“อยากพูดเหรอ ได้ ชั้นจะให้โอกาสแกพูดครั้งสุดท้าย” พินิจเหวี่ยงอิงอรจนล้มลงบนโซฟา “เอ้า อยากพูดอะไรพูด” พินิจย่างสามขุมเหมือนจะเข้าไปคร่อมร่างอิงอร
“แม่!” สุนันท์ผลักสมุนที่จับตัวเธออยู่ออกแล้วตบเพี๊ยะๆ ก่อนจะวิ่งถลาไปปกป้องอิงอร “แม่ทำทุกอย่างเพื่อให้ท่านได้เสพสุขกับนังแก้วแล้ว ท่านจะทำอะไรแม่ไม่ได้ มันไม่ยุติธรรม”
“ยุติธรรม? ฮ่าๆๆ” พินิจหัวเราะ
“ท่านใจร้าย คนที่ทำเพื่อท่าน แค่มันไม่สำเร็จ ต้องฆ่าต้องแกงกันเลยเหรอ นี่เหรอที่มาของอำนาจท่าน”
พินิจกระชากสุนันท์ขึ้นมา “เธอกล้าว่าชั้นเหรอ”
สุนันท์จ้องท้าทาย
“ท่านคะ อย่าทำอะไรยัยนันท์เลย” อิงอรขอร้อง
พินิจเหลือบมองหน้าสุนันท์แล้วก็พิจารณาหน้าตา รูปร่างของสุนันท์ ก่อนจะยิ้มมุมปากเพราะเปลี่ยนความคิด พินิจผลักสุนันท์ออก
“ชั้นจะให้โอกาสแกแก้ตัวอีกครั้งก็ได้อิงอร”
“จริงเหรอคะท่าน ขอบคุณมากค่ะๆๆ” อิงอรกราบ
“แต่..คืนนี้ชั้นไม่ยอมนอนกับพวกของเก่าๆแน่ๆ”
อิงอรฉงนในทีแรก แต่พอเห็นพินิจจ้องสุนันท์ อิงอรก็ถึงกับตาถลน ส่วนสุนันท์ช็อก
รถพุฒิภัทรแล่นมาจอดหน้าบ้านเกษรา ถนอมจะวิ่งลงมาเปิด แต่พุฒิภัทรเปิดประตูเดินลิ่วเพราะร้อนรนไปไกลแล้ว
ถนอมมองตามเก้อๆ “โอ้..แต่ก่อน เคยเป็นคนเนิบๆ..ช้าๆ”
พุฒิภัทรเดินเข้ามาด้านในบ้านด้วยสีหน้าสิ้นหวังจะได้เจอกรองแก้ว แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงกรองแก้วหัวเราะดังมาจากด้านในบ้าน พุฒิภัทรเดินตามเสียงไปจนพบว่ากรองแก้วกำลังคุยอยู่กับเกษราในห้องอาหาร
“สวัสดีครับ คุณเกษรา ขอโทษนะครับ..ขออนุญาต” พุฒิภัทรเดินเข้าไปลากแขนกรองแก้วมาอย่างลืมตัว “ชั้นได้ยินว่าเธอไปออกงานการกุศล ที่ท่านพินิจ และใครต่อใครที่จ้องตัวเธออยู่ไปด้วย..ทำไมเธอไม่บอกชั้นสักคำ”
เกษราเข้ามาขวาง เธอดึงกรองแก้วออกมาแล้วเอาตัวเองกันไว้ตรงกลาง “พวกเราพยายามโทรหาคุณชายแล้วค่ะ แต่คุณชายอยู่ในห้องผ่าตัดตลอด”
“แก้วขอโทษนะคะคุณชาย แต่แก้วไม่ไปไม่ได้จริงๆ คุณชายอย่าโกรธแก้วนะคะ”
พุฒิภัทรพยายามมีสติโดยกลับมาพูดเยือกเย็น “ชั้นไม่โกรธเธอหรอก ชั้นเป็นห่วงเธอมากกว่า..แก้ว..เธออย่าทำอย่างนี้อีกได้ไหม..รู้ไหมว่าชั้น..ชั้น..ไม่สบายใจแค่ไหน ตอนที่รู้ว่าเธอไม่อยู่ที่งานแล้ว”
“ค่ะ แก้วจะไม่ทำอย่างนี้อีก”
“ดี..”
พุฒิภัทรจ้องหน้ากรองแก้วดุๆ โดยไม่กล้าแสดงความรู้สึกต่อหน้าคนอื่นมาก กรองแก้วหลบตา
“อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันนะคุณชาย ทานกันหลายๆคนสนุกดี” เกษราบอก
พุฒิภัทรงอน “ผมว่า..ผมกลับ..”
จังหวะนั้นชินกรช่วยแย้มยกสำรับอาหารเข้ามาพอดี
“อาหารมาแล้ว”
ยศวินช่วยถือสำรับออกมาด้วยอีกคน
“ระวังร้อนครับๆๆๆ” ยศวินรีบเอาสำรับไปวาง
“คุณหมอยศวิน..ระวังนะคะ มาๆๆ วางตรงนี้ค่ะ กลางวงเลย” แย้มบอก
พุฒิภัทรอ้าปากค้าง “ยศวิน”
“สวัสดีครับคุณชายพุฒิภัทร ผมขอร่วมโต๊ะอาหารด้วยคนนะครับ” ยศวินบอก
พุฒิภัทรงง “นายมาได้ยังไง”
“คุณชายคะ..คุณหมอยศวิน เป็นคนช่วยแก้วออกมาจากในงานการกุศลวันนี้ค่ะ แล้วก็อาสาพามาส่งบ้าน แก้วก็เลยชวนทานอาหาร” กรองแก้วบอก
“ไม่ต้องห่วงนะครับคุณชาย คุณแก้วกับคุณเกษราย้ำผมนักหนาแล้วว่าเรื่องคุณแก้วอาศัยอยู่ที่นี่จะต้องปิดเป็นความลับ..รับรองไม่มีกระเด็นออกจากปากผมแน่ ไม่ต้องห่วงว่าคุณมารตีจะรู้..ผมสัญญาด้วยเกียรติของแพทย์เลย” ยศวินยืนยัน
พุฒิภัทรอึ้งๆ เพราะรู้สึกหน้าชา เขาปั้นหน้าไม่ถูกจึงถอยแล้วเดินออกไป
“คุณชาย..” กรองแก้วงง
ทุกคนงงว่าพุฒิภัทรเป็นอะไร
พุฒิภัทรเดินออกมาหน้าบ้าน กรองแก้วรีบวิ่งตามมา
“คุณชายคะ..คุณชายเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ชั้น..” พุฒิภัทรตัดสินใจว่าไม่พูดจะดีกว่า “ช่างมันเถอะแก้ว เธอไปทานอาหารให้อร่อยเถอะ ชั้นขอตัวกลับก่อน”
“คุณชายโกรธแก้วเหรอคะ”
“ชั้น..”
“ถ้าคุณชายโกรธหรือไม่พอใจอะไรแก้ว บอกให้แก้วรู้เถอะค่ะ”
“ชั้น..ชั้นไม่เข้าใจเธอ ที่ชั้นทำทุกอย่างก็เพื่อปกป้องเธอจากอันตราย ชั้นว้าวุ่น ไม่เป็นอันทำงานก็เพราะเป็นห่วงเธอ แต่เธอ เธอทำทุกอย่างที่ต้องเสี่ยงอันตราย ทั้งเรื่องที่เธอไปออกงาน แล้วก็ยังเรื่อง”
“เรื่องอะไรคะ”
“แก้ว..ที่นี่เป็นที่เดียวที่ชั้นวางใจว่าเธอจะอยู่ได้อย่างปลอดภัย ชั้นไม่อยากให้มีใครรู้ว่าเธอซ่อนตัวอยู่ที่นี่ มันอันตรายกับตัวเธอเอง”
“แต่คุณหมอยศวินเป็นเพื่อนคุณชาย และเขาก็ดูเป็นคนดี ไว้วางใจได้ ไม่ใช่เหรอคะ”
“ใช่ ยศวินไว้ใจได้”
“ถ้าอย่างนั้นคุณชายโกรธแก้วเรื่องอะไรคะ”
“ก็...ช่างมันเถอะ” พุฒิภัทรจะเดินไป
กรองแก้วเดินตาม “ถ้าเป็นเรื่องหมอยศวิน แก้วว่าดีออกค่ะ ต่อไปเวลาแก้วต้องการความช่วยเหลืออะไร แก้วจะได้ไม่ต้องรบกวนคุณชายคนเดียวไงคะ คุณชายจะได้ไม่ต้องมาเหนื่อยเพื่อแก้วมาก”
“แก้ว..ถ้าเธอคิดว่าสิ่งที่เธอเป็นมันรบกวนสร้างความลำบากให้ชั้นมาก งั้นต่อไปนี้ชั้นก็จะไม่มาที่นี่อีก เธอจะได้ไม่ต้องเกรงใจ”
“คุณชาย..คุณชายกำลังเข้าใจผิดนะคะ คือ แก้วหมายถึง คุณชายเป็นผู้มีพระคุณของแก้ว สิ่งที่คุณชายทำเพื่อแก้วมันมากมายจนแก้วไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณได้ยังไงไหว แก้วเลยพยายามจะไม่นำเรื่องไปทำให้คุณชายปวดหัว”
“ผู้มีพระคุณ..ชั้นถูกยกย่องเทิดทูนมาตั้งแต่เกิดแล้ว..ขอได้มั้ยแก้ว อย่าตอกย้ำชั้นด้วยชาติกำเนิด ชั้นอยากเป็นเพื่อน อยากเป็นคนธรรมดาที่คู่ควรกับเธอ..ชั้นขอแค่นี้เองแก้ว ให้ชั้นหน่อยได้มั้ย”
พุฒิภัทรเดินออกไปด้วยความผิดหวัง
พุฒิภัทรเล่นเปียโนระบายอารมณ์อยู่ที่วังจุฑาเทพ เขาพรมนิ้วรัว เสียงดนตรีปรู๊ดปร๊าดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวและสับสน เสียงดนตรีดังจนรณพีร์กับธราธรต้องเดินออกมามองดู
“ฟังดนตรีสิพี่ชายใหญ่.. สับสน แปรปรวน เต็มไปด้วยอารมณ์กลับไปกลับมา เดี๋ยวสงบเดี๋ยวดุดเดือด ความรู้สึกอย่างนี้..คนกำลังมีความรักเท่านั้นแหละ” รณพีร์ว่า
“คนอย่างคุณชายรณพีร์ รู้จักความรู้สึกที่เรียกว่า ความรักด้วยเหรอ” ธราธรสงสัย
“อ้าว”
“สงสารชายภัทร ฤาษีผู้เคร่งขรึม ใช้ชีวิตอยู่กับห้องผ่าตัด ไม่ประสีประสาเรื่องการแสดงความรู้สึก..แต่กำลังมีความรัก”
“มันต้องอย่างนี้แหละครับ พี่ชายภัทรจะได้มีอารมณ์ความรู้สึกขึ้นมาบ้าง..ต่อไปเวลาพี่ชายภัทรเห็นสมองปอดตับไตของคนไข้ก็คงจะรู้สึกว่าสวยน่ารักน่าเอ็นดู โลกในห้องผ่าตัดของพี่ชายภัทรจะกลายเป็นสีชมพู”
“พูดอย่างนี้ ชั้นจะรอดูความรักของนาย”
พูดจบธราธรก็เดินแยกไปเข้านอน รณพีร์ยืนมองพุฒิภัทรด้วยความห่วงใย แต่พุฒิภัทรยังคงเล่นเปียโนเพื่อระบายอารมณ์ไม่หยุด
เทวพันธ์ที่กำลังใส่เสื้อนอกของพุฒิภัทร ตัวที่ถอดทิ้งไว้ที่โรงหนังให้มารตี เทวพันธ์รู้สึกฉุนขาดจึงพูดเสียงดังลั่น
“พ่อไม่ยอม! ชายภัทรรู้ทั้งรู้ว่าตัวเองกับลูกเป็นคู่หมั้นคู่หมายกัน แต่กลับไปเที่ยวตามหาผู้หญิงอื่นในที่สาธารณะ แล้วผู้หญิงคนนั้นยังเป็นผู้หญิงโชว์ขาอ่อนอีก..มันไม่ไว้หน้ากันเลย”
“ดีค่ะ เพราะมารตีก็สุดทนแล้ว พ่อจะต้องจัดการให้มารตีด้วย” มารตีบอก
วิไลรัมภามาขวางไว้ “เดี๋ยวค่ะพ่อ พี่มารตี ใจเย็นๆ กันก่อน”
มารตีสวน “รัมภา..นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่ชายภัทรหยามเกียรติพี่ จำตอนที่พี่ถูกทิ้งไว้คนเดียวในโรงหนังได้ไหมล่ะ”
“พ่อจำได้.. ต่อให้มีคนไข้ด่วนแค่ไหน ก็ไม่น่าให้อภัย..ไป มารตี ไปกับพ่อ!”
เทวพันธ์เดินฮึดฮัดนำออกมา มารตีกับวิไลรัมภาเดินตามหลัง
วิไลรัมภาเดินตามมาดึงแขน “คุณพ่อ ..อย่าไป..มันจะไม่เป็นผลดีนะคะ”
รถส่งของของเกษราแล่นมาจอดที่หน้าร้าน เทวพันธ์ชะงัก
เกษราลงจากรถมายกมือไหว้ “คุณพ่อ เกษเอาขนมที่เพิ่งเสร็จหมาดๆมาให้วางขายค่ะ..คุณพ่อกับน้องมารตีจะรีบไปไหนกันหรือเปล่า ลูกอยากรบกวนให้ช่วยชิมหน่อยคะ”
“คุณพ่อคะ พี่มารตีขา รัมภาขอแนะว่า ถ้างั้น..พ่อควรจะหาขนมของพี่เกษไปเป็นของขวัญติดไม้ติดมือไปฝากหม่อมย่าเอียดดีกว่า แล้วก็อ้างว่า มาเพื่อนำขนมมาให้ พวกผู้ใหญ่ท่านจะได้ชอบ แล้วก็จะได้เอ็นดูพี่มารตียิ่งขึ้น” วิไลรัมภาเสนอ
“จริงด้วย..ไหน ยัยเกษ มีขนมอะไรอร่อยๆบ้าง”
เทวพันธ์เข้าไปรื้อหาขนมจากกล่องที่เกษราเอามา เกษรามองอย่างระอา
รถของเทวพันธ์แล่นตะกุกตะกักเหมือนจะดับมิดับแหล่มาจอดที่วังจุฑาเทพ เทวพันธ์ลงจากรถมา ด้วยท่าทางเซ็งๆ แต่พอเห็นว่าถนอมกับสมบุญอยู่บริเวณนั้นก็รีบแอคท่าและกระชับเสื้อสูทให้เข้าที่
เทวพันธ์ทำเป็นบ่นลอยๆ “พ่อบอกแล้วไงว่าให้เอารถคันใหม่มาก็ไม่เชื่อ”
“หา คุณชายซื้อรถใหม่หรือครับ” ถนอมถาม
“ใช่..แต่มันหรูไป ไม่เหมาะสำหรับมาเยี่ยมคนกันเอง เอาไว้ใช้ขับไปงานใหญ่ๆ ใช่ไหมคะ คุณพ่อ” มารตีทำเป็นหันไปถาม
“รถอะไรหรือครับ” สมบุญถามต่อ
เทวพันธ์ตอบทันที “โอลด์สโมบิ้ล”
“โอ้โห..สีอะไร รุ่นไหนครับ” ถนอมซักต่อ
“เอ๊ะ..แล้วมันกงการอะไรของพวกขี้ข้าล่ะ” มารตีว่า
“นั่นสิ คนพวกนี้คุยด้วยแล้วชอบลามปาม เสียเวลา ไป มารตี รีบเข้าไปดีกว่า” เทวพันธ์บอกลูกสาว
“นี่..ตาถนอม เอาถุงขนมในรถไปให้ในครัวเร็วๆด้วย บอกให้เค้ารีบจัดออกมาเป็นของว่างให้หม่อมย่าด้วยล่ะ” มารตีสั่ง
สองพ่อลูกรีบเดินไปที่ตึกหม่อมเอียด
ส่วนสองคนรถต่างมองตามไปแล้วหันมามองหน้ากัน
“เอ..เสื้อนอกที่คุณชายเทวพันธ์สวม..มันคุ้นๆนะพ่อ”
สมบุญบอก
เทวพันธ์กับมารตีเอาขนมจีบของเกษรามาฝากให้กับหม่อมเอียดโดยจัดวางมาอย่างสวยงามในจานใหญ่กลางโต๊ะ โดยมีจานแบ่งครบคนวางอยู่ กลิ่นเข้ามาช่วยเสิร์ฟน้ำชา
“ขนมจีบสูตรเด็ดฝีมือมารตีเองค่ะ” มารตีคุยฟุ้ง
“ขอบใจมากนะ ฉันไม่ยักรู้มาก่อนว่าหนูมารตีเข้าครัวทำอาหารเป็นด้วย” หม่อมเอียดบอก
“เดิมทีก็ทำไม่เป็นหรอกค่ะ แต่เพราะ..เพราะ..” มารตีทำท่าเขิน “เอิ่ม”
เทวพันธ์พูดแทน “เพราะยัยมารตีอยากเตรียมตัวเอาไว้ พอถึงเวลานั้น จะได้ทำหน้าที่แม่บ้านอย่างดีที่สุดอย่างไรครับ”
มารตีก้มหน้าเพราะเขินสุดๆ “พ่อคะ”
“เอ้า ไม่ต้องเขิน เราทำถูกต้องแล้ว เป็นภรรยาก็ต้องคิดจะดูแลสามีในทุกๆด้าน” หม่อมเอียดบอก
รัชชานนท์กับรณพีร์ที่อยู่ในชุดสำหรับออกกำลังกายวิ่งจ๊อกกิ้งผ่านมา เลยแวะเข้ามาทักทายหม่อมเอียด
“อ้าว นึกว่าใครมาพบหม่อมย่า ที่แท้ก็คุณลุงเทวพันธ์น่ะเอง” รัชชานนท์ไหว้อย่างนอบน้อม “สวัสดีครับ”
รณพีร์ยื่นหน้ามาสำรวจ “ขนมจีบ!! ผมขออนุญาตชิมได้ไหมครับหม่อมย่า”
“นั่งรับประทานให้เป็นกิจจะลักษณะสิ เอ้า เอาจานย่าไปก่อน ทั้งสองคนเลย..สมศรี กลิ่น.. ไปจัดจานแบ่งมาเพิ่มให้ครบคน น้ำชาด้วย”
รณพีร์ไหว้ขอบคุณก่อนจะรับจานมาตักชิมอย่างหิวโหยแล้วก็ทึ่งกับรสชาติที่คุ้นเคย
“เฮ้ย รสชาตินี้”
“ทำไม..มีอะไร” รัชชานนท์สงสัยจึงตักชิมบ้างแล้วก็คุ้นกับรสชาติเช่นกัน “เอ๊ะ..นี่คุณมารตีไปซื้อขนมจีบร้านนี้มาจากไหนครับ”
“มารตีทำเองค่ะ” มารตีบอก
รณพีร์กับรัชชานนท์พูดพร้อมกัน “ทำเอง?”
“รัชชานนท์ รณพีร์ ทำไมตกใจขนาดนั้น แล้วน้ำเสียงแบบนั้นน่ะ มันแปลว่าอะไรไม่ทราบ ฮึ” หม่อมเอียดถาม
รัชชานนท์กับรณพีร์สบตากันอย่างจ๋อยๆ “เปล่าครับหม่อมย่า”
ย่าอ่อนนั่งจ้องสูทของเทวพันธ์อย่างฉงนและสงสัยมาพักใหญ่ เทวพันธ์รู้ตัวว่าถูกจ้องอยู่ก็เริ่มอึดอัด
“ไม่ทราบคุณย่าอ่อนมองอะไรหรือครับ”
“เอ่อ ..เสื้อนอกของคุณชายเทวพันธ์ คุ้นๆนะคะ..เอ่อ อิชั้นขออนุญาตดูให้ชัดๆจะได้ไหมคะ” อ่อนถาม
“นั่นมันสูทของชายภัทรไม่ใช่เหรอครับ” รณพีร์บอก
รัชชานนท์เข้ามาดูใกล้ๆ “ดีไซน์ การตัดเย็บ ฝีมือร้านประจำของพวกเรา เป็นของชายภัทรแน่ๆ”
“ใช่ใช่มั้ยคะ ย่าก็คิดไว้แล้ว..แล้วคุณเอาไปสวมได้ยังไงคะ” ย่าอ่อนถาม
“เอ่อ อ๋อ ก็สูทตัวนี้ ชายภัทรลืมไว้เมื่อตอนโน่นไง ลุงเลยจะเอามาคืน แต่เมื่อกี้มือไม่ว่างก็เลยต้องเอาคลุมๆมา” เทวพันธ์ถอดออก “อ้ะๆ ผมฝากคืนชายภัทรด้วยนะครับคุณอ่อน”
“คุณชายเทวพันธ์..แล้วที่คุณมาหาชั้นวันนี้ ..มีเรื่องสำคัญอะไรใช่ไหม บอกชั้นมาเถอะ” หม่อมเอียดมองอย่างรู้ทัน
เทวพันธ์กับมารตีพร้อมจะใส่ความ
“จริงๆแล้วก็เรื่องคุณชายพุฒิภัทรนั่นแหละครับ” เทวพันธ์เริ่มต้นพูด
พุฒิภัทรจอดรถแล้วเดินลงมามองดูรถของเทวพันธุ์อย่างงงๆ ถนอมกับสมบุญรีบวิ่งมาหา
“คุณชาย..ถ้าไม่มีอะไรที่จะต้องทำที่วัง..ก็ไปขับรถเล่นที่ไหนก่อนดีไหมครับ” ถนอมแนะนำ
“คุณชายหาธุระอะไรไปทำก่อนเถอะครับ เร็ว..รีบไปๆๆ” สมบุญบอก
“นี่..คุณชายเทวพันธุ์มา..ทำไม” พุฒิภัทรงง
เสียงย่าอ่อนดังขึ้น “ชายพุฒิภัทร!!”
ทุกคนสะดุ้งแล้วหันไปเห็นย่าอ่อนยืนหน้าดุอยู่
“พ่อตัวดี..มีอะไรจะแก้ตัวไหม”
พุฒิภัทรงง
หม่อมเอียดพูด
“ชายภัทร..ตอบย่ามาสิ เรื่องที่คนเขาพูดว่าชายภัทรไปติดพันนางสาวศรีสยามปีนี้ เรื่องจริงหรือไม่”
เทวพันธ์พูด “ชายภัทร..ที่ลุงกับน้องต้องมาบอกหม่อมเอียดก็เพราะลุงไม่อยากเห็นชายภัทรคิดอะไรตื้นๆ แล้วทำลายชื่อเสียงของสกุลจุฑาเทพโดยไม่รู้ตัว”
ย่าอ่อนพูดต่อ “เราเป็นหม่อมราชวงศ์ จะไปสนิทสนมชิดเชื้อกับแม่สาวโชว์ขาอ่อนได้อย่างไร แค่คิดย่าก็ไม่อยากจะคิดแล้ว”
พุฒิภัทรยืนหน้าซีดอยู่ท่ามกลางวงล้อม
“มารตีมาฟ้องหม่อมย่าอย่างนั้นหรือครับ” พุฒิภัทรถาม
“พี่ชายภัทรทำเช่นนั้นจริงๆนี่คะ ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า..ใครก็เห็น ว่าพี่ชายไป..ไปทำไมคะ ทั้งๆที่พี่ชายไม่มีหน้าที่ที่นั่นสักหน่อย ใครๆก็รู้ว่านางงามมีมงกุฎต้องถูกส่งตัวไปให้ท่านพินิจทุกคน แล้วพี่ชายภัทรอยากจะไปแย่งผู้หญิงกับท่านพินิจหรือ..เป็นเรื่องขึ้นมา จะงามหน้ามาถึงหม่อมย่าด้วย”
“ตายแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ย่ามิต้องเอาปี้บคลุมหัวหรอกหรือ” ย่าอ่อนว่า
“เรื่องอย่างนี้ เป็นขี้ปากคนสนุกนัก..ถึงสกุลจุฑาเทพจะไม่ใช่สกุลของลุง แต่ก็เป็นสกุลของเพื่อนรัก ลุงทำเฉยไม่ได้” เทวพันธ์บอก
รัชชานนท์กับรณพีร์ที่ทนดูอยู่รอบนอกไม่ไหวจึงรีบเข้ามากันตัวพุฒิภัทรออกไป
“แหม..นี่ถ้าท่านพ่อยังอยู่คงจะดีใจน้ำตาไหลแน่ๆครับที่ได้ยินเพื่อนรักเป็นห่วงเป็นใยสกุลของท่านมากขนาดนี้” รัชชานนท์ประชด
“แล้วทำไม พี่ชายภัทรไม่มีสิทธิ์จะไปไหน ไปหาใคร หรือจะสนใจใครหรือครับ” รณพีร์ถาม
“ชายภัทร..ตอบมาให้ชัดเจนต่อหน้าผู้ใหญ่ในที่นี้ ทุกคนจะได้หายข้องใจ” หม่อมเอียดบอก
“ใช่ครับ ผมไปตามหาคุณกรองแก้วจริง” พุฒิภัทรบอก
ย่าอ่อนตกใจ “ชายภัทร”
รณพีร์ช่วยแก้ตัว “ก็คุณกรองแก้วเป็นคนไข้ของพี่ชายภัทร เขาก็แค่ไปติดตามอาการแค่นั้นแหละครับหม่อมย่า”
“ไม่จริงค่ะ” มารีตีรีบบอก “แม่กรองแก้วหายดีแล้ว ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว แล้วก็เที่ยวไปตะลอนๆหัวหกก้นขวิดไปทั่วเมืองแล้วด้วยซ้ำ ไม่ได้ป่วยอะไรซักนิด ยังแข็งแรงกว่ามารตีด้วยซ้ำไป”
“ถึงเขาไม่ป่วย แต่ผมก็ไปหาคุณกรองแก้ว เพราะผมเป็นห่วงเขาในฐานะของเพื่อนคนนึงครับ”
“หลานกับนางงามพรรคนั้นอยู่กันคนละชั้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือเป็นแค่คนรู้จัก มันก็ไม่สมควรทั้งนั้น แล้วชายภัทรเองก็ใช่ว่าจะไร้พันธะใดๆ มันไม่สมควรที่จะพูดออกมาว่าเป็นห่วงคนอื่นต่อหน้ามารตี” ย่าอ่อนบอก
มารตีตัดพ้ออย่างน่าสงสารพร้อมกับเดินไปทิ้งตัวที่โซฟา “ทีมารตียังไม่เคยมีเพื่อนผู้ชายคนอื่นเลย”
“หม่อมคงเห็นแล้วนะครับ ว่าที่ผ่านมามารตีรู้สึกอย่างไร อดทนอดกลั้นไม่แสดงออกใดๆทั้งๆที่ในใจนั้นสุดแสนจะกล้ำกลืน แต่ที่ทำไปทุกอย่างก็เพื่อรักษาเกียรติของชายภัทรทั้งนั้น” เทวพันธ์บอก
“ไม่เป็นไรค่ะพ่อ มารตีทนได้”
“เชิดหน้าไว้..ลูก..อย่าให้น้ำตามันไหลออกมา อย่าให้ใครได้ยินเสียงร้องไห้ของเรา เพราะเรามีเกียรติ และมีศักดิ์ศรีพอ” เทวพันธ์เข้ามานั่งกอดปลอบลูกสาว
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนเครียด
รัชชานนท์กับรณพีร์สบตากันแล้วจะคลื่นไส้ พุฒิภัทรเมินหน้าหนีไปเพราะไม่อยากมองใคร
ติดตาม "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร" ตอนที่ 6