สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 3
อิงอรโวยวายใส่มารตี ในขณะที่นักข่าวหลายคนกอดกล้องนั่งหลับสัปหงก อยู่ไม่ไกลนัก
"ทำไมต้องค้าง!”
มารตีอธิบายเชิดๆ
"คุณชายหมอ" มารตีพูดเน้น "ท่านวินิจฉัยและแจ้งมาอย่างนั้น ดิฉันก็นำมาแจ้งต่อ ถ้าอยากถามอะไร ไว้ถามคุณชายหมอเองนะคะ"
"คุณชายหมอ?..ใช่ คุณชายพุฒิภัทร หนึ่งในห้าสิงห์จุฑาเทพหรือเปล่า" สุนันท์ถาม
"ค่ะ" มารตียิ้มหยิ่งๆ
"อร๊ายๆๆๆ คุณชายพุฒิภัทรอยู่ที่นี่" สุนันท์รีบเซ็ทผมทำสวยทันที "ตายๆ ถ้ารู้มาก่อนว่าจะได้เจอคุณชาย จะแต่งตัวให้สวยกว่านี้..แม่ เรากลับบ้านกันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ นันท์ไม่อยากให้คุณชายเห็นในสภาพนี้ ไปๆๆ"
มารตีรู้สึกรังเกียจในใจจึงมองสุนันท์หัวจรดเท้า
"ยัยนันท์ แกก็รู้ว่าแม่รับปาก.." อิงอรยั้งปากไว้ได้ก่อนจะหันมาพูดกับพยาบาล "ยังไงชั้นก็จะรอ จะดึกแค่ไหน ชั้นก็จะพายัยแก้วกลับ"
เพียงพรเดินเข้ามา "คุณคะ..คุณชายหมอท่านคงเกรงว่าถ้าให้คุณแก้วเคลื่อนไหวมาก แผลที่เย็บไว้จะปริ และอาจเป็นรอยใหญ่ได้..พักสักคืนไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ หรือคุณกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย"
"ชั้นไม่ได้ห่วงเรื่องเงิน!” อิงอรรีบบอก
สุนันท์ลากอิงอรแยกออกมา มารตีมองตามอย่างดูแคลน
สุนันท์พูดแบบลดเสียงพอได้ยินกันแค่สองคน "แม่..กลับเถอะ..นังแม่เล้าใบบัวมันยังกลับไปแล้วเลย ได้ตัวนังแก้วไปคืนนี้ ใช่ว่ามันจะ..พร้อมทำงานอะไรได้..เดี๋ยวมันไปเลือดสาดเต็มเตียง..แม่จะยิ่งซวยเอานะ..แล้วก็ไม่ต้องกลัวมันจะหนี โน่น คนของท่านเฝ้าอยู่เต็มเลยไม่เห็นเหรอ"
อิงอรหันไปเห็นชาย2คนนั่งดื่มกาแฟกันอยู่ อิงอรชั่งใจ แล้วก็นึกอะไรได้
"ยัยนันท์ ชั้นนึกออกแล้ว"
"อะไรคะ" สุนันท์ถาม
"ก่อนที่นังใบบัวจะรู้ตัว เราต้องชิงเอาหน้าจากท่านพินิจก่อน"
สุนันท์งง "เอาหน้าอะไร"
"เวลานี้..ท่านพินิจจะต้องกำลังคันมากๆ..ถ้าไม่ได้นังแก้ว ท่านจะหงุดหงิด แล้วอาจพาลมาเล่นงานเรา แต่ถ้าแม่จัดการแก้ขัดให้ท่านทันเวลา..ก่อนที่ท่านจะหน้ามืด"
"แม่.. แต่แม่แก่แล้วนะ..มันจะไม่งาม" สุนันท์รีบบอก
"อีบ้า..นี่ใช้อะไรคิดเนี่ย..ชั้นหมายถึง..ยัยรองนางงามย่ะ รองอันดับ1..มา..มาเลย..ชั้นต้องไปล่าตัวเจ้าหล่อนมาให้ได้ในคืนนี้ เสนอสิ่งแลกเปลี่ยนให้หล่อนตาโตซักอย่างสองอย่าง..หวังว่าหล่อนคงไม่ปฏิเสธนะ รีบไปเร็ว..เราต้องไปถึงยัยรองนางงาม ก่อนที่อิใบบัวจะคิดแผนสำรองนี้ได้"
"ว้ายๆๆ แม่ช่างฉลาด อัจฉริยะจริงๆ หนูภูมิใจในตัวแม่มากๆ"
แล้วทั้งสองก็รีบเดินไป มารตีมองทั้งสองพอเห็นสองแม่ลูกมองชายฉกรรจ์ เลยมองตามไปบ้างชายฉกรรจ์ที่เฝ้าอยู่หยิบว.มาพูดกับใครสักคนเสียงดังครืดคราดๆ มารตีรอจนสองแม่ลูกออกไป เธอจึงเดินเข้าไปหาพวกชายฉกรรจ์ด้วยความสู่รู้
"เอ่อ..ขอโทษนะคะคุณ..พวกคุณมาดูแลอารักขาคนสำคัญที่นี่หรือคะ" มารตียิ้มอย่างเป็นมิตร
กรองแก้วนอนหมดสติอยู่บนเตียงในห้องผ่าตัด พยาบาลผู้ช่วยเตรียมถาดอุปกรณ์มาวางเอาไว้ พุฒิภัทรที่คาดหน้ากากอนามัยเดินเข้ามาเตรียมเย็บแผล โดยมียศวินยืนเป็นผู้ช่วย พุฒิภัทรยืนมองใบหน้าที่ไม่ได้สติของกรองแก้วแล้วพิจารณารูปหน้าของเธอ อยู่ๆมารตีก็เข้ามายืนข้างๆ
"เห็นหน้าสวยๆไม่นึกเลยว่าจะมีฤทธิ์เดชมากขนาดนี้" มารตีพูด
พุฒิภัทรผละสายตาออกมาแต่ไม่ตอบอะไร เขาหันไปสั่งให้พยาบาลเอาผ้ามาปิดเปิดช่องเฉพาะส่วนต้นขาที่จะเย็บแผล
"เย็บแผลแค่นี้ ถึงกับต้องให้ยาสลบเลยเหรอคะ" มารตีถาม
"หรือเธออยากให้เขาตื่นขึ้นมาโวยวายอีก..แล้วแผลนี่ มันก็ฉีกลึกไม่ใช่เล่น ดูสิ..ผมต้องตัดแต่งผิวด้านนอกให้เรียบก่อน แล้วค่อยเย็บ" พุฒิภัทรบอก
"ค่ะ พี่ชายภัทรรีบๆทำให้ยัยคนนี้ออกไปจากโรงพยาบาลเราเร็วๆเถอะค่ะ"
พุฒิภัทรปราม "มารตี..”
"ทำไม..มารตีพูดอะไรผิด..ทุกๆคนก็รู้สึกแบบเดียวกันนั่นแหละ แค่ไม่พูดออกมา..ได้ตำแหน่งไม่ทันไรก็เบ่งคับเมืองซะแล้ว..แล้วนี่ ท่านพินิจส่งคนมาคุมเต็มโรงพยาบาล ประเดี๋ยวเย็บแผลเสร็จ ก็คงถูกส่งตัวเข้าวิมานสีชมพู ได้เป็นอนุท่านพินิจแล้ว..ไม่รู้จะยิ่งบ้าอำนาจขนาดไหนอีก"
"หยุดพูดได้แล้วคุณพยาบาล เราเป็นแพทย์ เป็นพยาบาล มีหน้าที่รักษาคนไข้ทุกๆ คนอย่างเท่าเทียมกัน"
“เอ๊ะ มารตี รู้สึกคุณไม่ได้มีหน้าที่ตรงนี้นะ" ยศวินท้วง
มารตีไม่พอใจ "นายแพทย์ยศวิน!!”
"ใช่..เธอต้องไปอยู่ข้างล่างไม่ใช่ที่ห้องฉุกเฉิน" พุฒิภัทรบอก
"พี่ชายภัทรอ้า!!”
มารตีเดินตึงตังออกไป พยาบาลคนอื่นๆมองว่าสองคนนี้คือแฟนที่ทะเลาะและงอนกัน ยศวินมองพุฒิภัทรด้วยความชื่นชม
"อาจารย์เด็ดขาดมากครับ ผมจะจำไว้ เป็นตัวอย่างที่ดี" ยศวินชม
พุฒิภัทรพูดกับทุกคน "ทุกคน ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง ต้องรู้บทบาท มารยาท ใครทำผิดกาลเทศะ ถ้าผมตักเตือนแล้วไม่ปรับปรุงแก้ไข ก็จะต้องจัดการให้เด็ดขาด"
พวกพยาบาลจ๋อยสนิท พุฒิภัทรพยายามตั้งสติเพื่อทำงาน
มารตียืนกินน้ำอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน เพียงพรเดินมา
"คุณมารตี..ขอคุยด้วยหน่อย" เพียงพรบอก
มารตีหันมาแล้วหน้าเจื่อนทันที "คุณเพียงพร"
"นางพยาบาล..หม่อมหลวงมารตี เทวพรหม ฉันจำเป็นที่จะต้องพูดกับคุณตรงๆนะ ช่วยฟังแล้วนำไปคิดด้วย"
"อะไรอีกล่ะ ดูเหมือนคุณเพียงพรจะจ้องหาเรื่องดิฉันจริงนะ"
"ฉันเกลียดที่สุด นางพยาบาลที่ก้าวร้าวกับคนไข้และญาติ แสดงกิริยาวาจาข่มขู่ กระโชกโฮกฮาก หรือพูดห้วนๆ เป็นมะนาวไม่มีน้ำ หรือแค่ทำหน้าบึ้งหน้างอก็ตาม ฉันก็รับไม่ได้แล้ว แต่สิ่งที่คุณทำกับคุณกรองแก้ว มันถึงขั้นเหมือนคนเสียสติก็ว่าได้"
"ก็มันมาเสียสติใส่ฉันก่อนทำไมล่ะ" มารตีว่า
"คุณก็ต้องมีวิธีจัดการที่ดีกว่านี้" เพียงพรบอก
"เพราะมันเป็นนางงามหรือไง ฉันถึงต้องไปประจบเอาใจมัน"
"เขาจะเป็นอะไรก็ตาม แต่คุณทำแบบนั้น มันผิดจรรยาของพยาบาล พอๆกับที่คุณพยายามจะใช้เรื่องส่วนตัวมารบกวนการทำงานเพื่อส่วนรวมของคุณชายหมอพุฒิภัทรเสมอๆ"
"ช่วยไม่ได้"
"ถ้าช่วยไม่ได้ คุณก็ควรไปทำอาชีพอื่น"
"คุณเพียงพร..”
"เพราะอาชีพนางพยาบาล ในชุดสีขาวอันมีเกียรตินี้..เราต้องมีจิตใจเมตตา มีคุณธรรม มีความสงสารเห็นใจเพื่อนมนุษย์..พยายามทำความเข้าใจกับปัญหาของคนไข้ ให้ข้อมูลที่เขาต้องรู้และช่วยเหลือเขา..ด้วยความอดทนกับสิ่งต่างๆ มากกว่าอาชีพทั่วไปหลายเท่า"
"นึกเหรอ ว่าชั้นจะอยากทำอาชีพนี้" มารตีว่า
"ถ้าคุณฝืนใจทำ ก็ไม่รู้จะฝืนใจไปทำไม ถ้าคุณไม่ศรัทธาในอาชีพพยาบาล ก็ไปทำอย่างอื่นสิคะ คุณก็มาจากตระกูลสูง หน้าตาก็ดี ไปทำงานบริษัทห้างร้านโรงแรมอะไรก็ได้ ไปสิคะ ลาออกไปเลย"
"คนอย่างชั้น ขอบอกว่าจะอยู่เป็นลูกน้องคุณไปอีกไม่นานหรอก คุณคอยดูไปก็แล้วกัน"
พูดจบมารตีก็เดินเชิดจากไป เพียงพรมองตามแล้วส่ายหน้า
ฝ่ายพุฒิภัทรวางสูทลงข้างตัว ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งในรถแล้วเอนหลังอย่างผ่อนคลาย เขามองออกไปนอกรถแล้วเห็นคนของท่านพินิจเดินเฝ้ารออยู่หน้าตึก พุฒิภัทรคิดในใจ
"อยากเป็นอนุท่านนายพลมาก ถึงกับต้องมาประกวดนางงามเลยเหรอ"
แต่แล้วภาพแววตาอันเศร้าสร้อยของกรองแก้วก็แว่บเข้ามา ทั้งภาพแววตาของกรองแก้วในห้องฉุกเฉินและตอนอยู่บนเวทีประกวด
เวลาผ่านไป พุฒิภัทรที่อยู่ในชุดนอนเอนกายลงนอนลืมตาโพลงอยู่บนเตียงนอนในห้องตัวเองเพราะรู้สึกสับสน
พุฒิภัทรคิดในใจ "แล้วทำไม..ทำไมเขาถึงดูไม่มีความสุขเลย.." พุฒิภัทรไล่ความคิดนั้นออกไป "พอๆๆๆ ก็แค่ผู้หญิงรักสบาย ชอบให้มีคนเลี้ยงดู จะไปคิดมากทำไม..”
พุฒิภัทรพูดออกเสียงเพื่อเตือนตัวเอง "นอน..หลับตา..นอน"
เช้าตรู่วันต่อมา ใบบัวเดินตามคนของพินิจเข้ามาในเขตบ้านของพินิจ พินิจนั่งอ่านนสพ. พลางจิบกาแฟโดยมีอาหารเช้าแบบอเมริกันตั้งอยู่ที่ศาลา
พินิจยิ้มและชูหนังสือพิมพ์ขึ้นให้ดูข่าวที่พุฒิภัทรคือคนผ่าตัดกรองแก้ว "นี่ๆๆๆ อ่านสิๆ ไม่ต้องกลัวแล้ว คุณชายหมอถูกผมสั่งเรียกตัวไปทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลเองเลย..รับรอง น้องกรองแก้วหายเร็ววัน และแผลสวยไม่เป็นแผลเป็นแน่"
"อุ๊ย..ฝีมือท่านเองเลยเหรอคะ ไอ้เราก็งง ว่าหนึ่งใน5สิงห์แห่งจุฑาเทพ ลดตัวลงมาเย็บแผลที่หน้าขานางงามได้ยังไงกัน ปกติหมอคนนี้เขาผ่าสมองเท่านั้นนี่นา"
"โชคดีมาก ที่หนูแก้วได้ไปที่โรงพยาบาลนี้ เพราะชั้นกับท่านผู้หญิงให้ทุนอุดหนุนกับเขาอยู่หลายโครงการณ์ ยังไงๆ ทุกคนก็ต้องเกรงใจชั้นที่สุดอยู่แล้ว" พินิจคุย
"แบบนี้..วันนี้หนูแก้วน่าจะกลับบ้านได้..กลับบ้าน..ที่วิมานสีชมพูไงคะท่าน"
พินิจหัวเราะชอบใจ "เอิ๊กๆๆ หวังว่า..หนูกรองแก้วจะยินดี เต็มใจ..มาเป็นสมาชิกใหม่ที่บ้านอันอบอุ่นและอบอวลด้วยไอรักของเรานะ"
"อุ๊ย ยิ่งกว่าเต็มใจอีกค่ะ" ใบบัวบอก
"พ่อแม่เค้าไม่ว่าอะไรแน่นะ ชั้นล่ะ ไม่ชอบเลย ถ้าเด็กคนไหน พ่อแม่เค้าหวง แล้วเอาชั้นไปพูดว่าหลอกลูกเค้ามั่งล่ะ หรือโดนชั้นขู่เข็ญต่างๆ นานาให้ขายลูก..อะไรทำนองนั้น"
"ว้าย..ไม่มีแน่ค่ะ รายนี้ แม่อิงอรเขาจัดการอยู่หมัด เด็กก็ปลาบปลื้มชื่นชมท่านม้าก..มาก พ่อเด็กก็ฝากฝังลูกไว้กับท่านนี่ล่ะค่ะ"
พินิจหัวเราะร่วน "จริงเหรอๆ คิๆๆๆ" พินิจวางซองปึกหนาลง "เอ้า..เอาไปให้อิงอร..เป็นเงินก้อนแรกให้เขาอุ่นใจ แล้วถ้าหนูแก้วมาเป่ากระหม่อมเสร็จแล้ว..ค่อยมารับที่เหลือ..แล้วนี่..ของเธอ ใบบัว..อย่าไปมั่วซองกันล่ะ ฮุๆๆ"
"ขอบพระคุณค่ะ ท่าน งั้นอิชั้นลานะคะ" ใบบัวกราบอย่างชดช้อยแล้วเดินออก คนของพินิจรีบต้อนให้เดินออกไป
พอคล้อยหลังใบบัว นางงามเบอร์7 ที่ใส่ชุดลำลองอยู่บ้านแบบวาบหวิวผ่านั่นผ่านี่ แต่งหน้าโทนชมพู รองเท้าชมพูก็ถูกสาวใช้ประคับประคองมา
พินิจรีบลุกไปรับ "อ้าว..หนูกนก..ตื่นแล้วหรือจ๊ะ..แหม..นอนต่ออีกหน่อยก็ได้นะ หนูนอนดึกนี่นา..เมื่อคืนนี้..”
"ท่านก็ดึกเหมือนกันนี่คะ..แต่ท่านยังตื่นได้ หนูก็ต้องตื่นได้"
"น่ารักจริง..ขยันมาก มาๆๆๆ มานั่งกินเบรกฟัสท์ด้วยกัน นี่..ไปจัดอาหารเช้ามาอีกชุดไป..รับกาแฟ รับชา...หรือรับชั้น....ดีจ๊ะ"
"รับท่าน..สิคะ"
"ฮ่าๆๆๆ ตลกๆๆ รับมุกได้ด้วย น่ารักจริงๆเล้ย" พินิจหัวเราะร่วน
"คนเรา ต้องรู้ตัวสิคะ หนูมันแค่ตัวรองนางงาม แล้วก็เป็นแค่ตัวสำรองในชีวิตจริง..วันใด..น้องกรองแก้วเขามา..หนูก็คงต้องไป..หนูก็ต้องเจียมเนื้อเจียมตัว กลัวโดนทิ้ง..เป็นธรรมดา"
"โอ๋ๆๆๆ อย่าพูดอย่างนั้นสิจ๊ะ ชั้นก็ไม่ใจร้ายถึงขนาดนั้นหรอก..มามะ มามะ"
พินิจดึงกนกไปนั่งตักแล้วป้อนขนม
อีกด้านหนึ่งห่างออกมา คุณหญิงยืนมองด้วยแววตาเจ็บปวด
พุฒิภัทรขำ เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ในขณะที่มองดูต้นไม้ข้างนอกหน้าต่างกระจก เสียงเปิดน้ำจากห้องน้ำดังกลบเสียงต่างๆ จนหมด พุฒิภัทรแอบส่ายหัวด้วยความเอ็นดู ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู
เพียงพรเปิดประตูเข้ามาพร้อมเข็นโต๊ะวางอุปกรณ์ทำแผล
พุฒิภัทรพูดเบาๆ "คนไข้อยู่ในห้องน้ำ คุณทิ้งของพวกนี้ไว้ก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมจัดการเอง"
เพียงพรถอนใจด้วยความโล่งอก "ดีแล้วค่ะ ถ้าคุณชายหมอเป็นคนทำ เธออาจไม่โยกโย้มากจนเกินไปอีก ไม่งั้น พยาบาลกับบุรุษพยาบาลก็โดนผลักกันกระเด็น"
พุฒิภัทรหัวเราะ เพียงพรมองหน้าพุฒิภัทรด้วยความแปลกใจเพราะปกติเขาจะขรึมมาก เพียงพรส่ายหัวงงๆ แล้วก็เดินออกไป
สักพักน้ำก็หยุดไหล พุฒิภัทรหันไปแล้วรีบเดินกลับที่ห้องน้ำ ประตูเปิดออกพอดี กรองแก้วออกมา
พุฒิภัทรทำท่าจะไปช่วยประคอง
กรองแก้วรีบทำตัวตรง "ไม่เป็นไรค่ะ ชั้นเดินเองได้"
พุฒิภัทรถอยออกมาแต่ยืนกอดอกดู สังเกตอาการไป กรองแก้วเดินกระเผลกนิดๆ จนไปถึงเตียง แล้วนั่งลง พุฒิภัทรมองแล้วเข็นรถทำแผลเข้ามา จากนั้นเขาก็ดึงม่านกั้นปิด
"คุณปิดม่านทำไม" กรองแก้วถาม
"ผมก็..จะขอดูแผลของคุณ" พุฒิภัทรบอก
"อ้อ ค่ะ"
พุฒิภัทรเข็นรถเข้ามาแล้วค่อยๆเปิดแผลออก เขาใช้ผ้าคลุมต้นขาส่วนอื่นไว้แล้วพิจารณารอยแผล กรองแก้วนอนเกร็งๆ
"อืม..เนื้อสมานตัวกันดีนะครับ เหลือแค่รอยบวมและช้ำตรงที่เกิดจากการกระแทก..โดยรวมแล้วดีนะครับ ไม่น่าจะมีการอักเสบติดเชื้อ..วันนี้น่าจะกลับบ้านได้"
กรองแก้วหน้าซีด "กลับบ้าน"
พุฒิภัทรเช็ดทำความสะอาดแผลพลางพูดไปด้วย "ครับ กลับบ้าน ไม่ต้องนอนค้างโรงพยาบาลอีก..ไม่ดีเหรอครับ"
"ชั้น..ขอ..ไม่กลับบ้านวันนี้..ไม่ได้เหรอ" กรองแก้วถาม
พุฒิภัทรมองหน้าด้วยความสงสัยจริงๆ "ทำไมคุณถึงไม่อยากกลับบ้าน"
"คือ..เพราะ..เพราะ.."
กรองแก้วคิดจะชักแม่น้ำทั้งห้า แต่มองหน้าพุฒิภัทรแล้วก็คิดไม่ออก
ด้านอิงอรกับสุนันท์ แต่งหน้าทำผมสีสันโดดเด่นเพราะตั้งใจมาเจอพุฒิภัทร ทั้งสองเดินหัวเราะคิกคักกันมา
"อย่าให้อินังใบบัวมันรู้นะ ว่าเราจัดยัยกนกลักษณ์ไปเสิร์ฟท่านขัดตาทัพไว้แล้ว เดี๋ยวมันจะมาขอส่วนแบ่งของเรา" อิงอรกำชับ
"อีท่านนี่ก็แปลกคนนะแม่..กะแค่ไม่กี่วัน..รอนังแก้วออกจากโรงพยาบาล ก็รอไม่ได้ คุณหญิงของตัวเองก็ออกจะสวยงาม ก็ไม่สนใจ ต้องมีนางงามเหมือนกันมาขัดตาทัพ..เลวจริงๆ" สุนันท์ว่า
"เลวสิดี ถ้าไอ้ท่านมันเป็นคนดี แล้วเราจะมีทางทำมาหากินไหม คนอย่างพวกเรา ก็เงยหน้าลืมตาอ้าปากได้ เพราะมีคนเลว บ้าตัณหา มักมากในกามเยอะๆ นี่แหละ”
"แต่เราไม่บาปใช่ไหมแม่ หนูกลัวบาป"
"ไม่บาปหรอก..พอเราได้เงินมา เราก็เอาไปทำบุญเยอะๆ เดี๋ยวก็หายบาปเอง"
ใบบัวเดินมาปะกับสองแม่ลูกที่หน้าตึกซึ่งมีสมุนพินิจยืนเฝ้าอยู่ 2 คน สองแม่ลูกรีบปิดปาก
ใบบัวพูดขึ้น "แหม..นี่โชคดีนะ ที่เห็นหน้าเธอ ไม่งั้น..ถ้าชั้นต้องเป็นคนเอายัยกรองแก้วไปวิมานสีชมพูด้วยตัวชั้นเองล่ะก็..ส่วนแบ่งงวดแรกซองนี้.. ก็ต้องมีอันไม่จ่ายนะจ๊ะ" ใบบัวหยิบซองมาโบกไปมาให้อิงอรมองตามเหมือนใบบัวกำลังเล่นกับแมว ก่อนที่ใบบัวจะส่งให้
อิงอรดึงซองมาอย่างแรงแล้วเปิดนับอย่างรวดเร็ว "ครบตามที่ตกลง..สำหรับงวดแรก..คุณนายใบบัวคะ คุณไม่ต้องกลัวเลย หน้าที่ของชั้น ชั้นทำให้ลุล่วงแน่"
"ชั้นเชื่อ..แต่เธอต้องคำนึงไว้ด้วย..ว่าท่านย้ำมาก เรื่อง..เด็กนี่มันเต็มใจจริงไหม..อย่าให้ท่านรู้..ว่ามันไม่เต็มใจ เกิดท่านเปลี่ยนใจ..ไม่เอาขึ้นมา..เพราะกลัวคนครหานินทา..หรือกลัวหนังสือพิมพ์ด่า..พวกเราจะชวดเงินอีกครึ่งนึงทันที"
"ชั้นรับรอง..ว่านังกรองแก้วมันเต็มใจ" อิงอรบอก
สุนันท์รีบเสริม "ช่าย..มันอยาก..มว้ากกก..เลยล่ะ" สุนันท์พูดแดกดัน "ถ้าไม่ได้ขึ้นสวรรค์กะท่าน มันต้องลงแดงตายยยย..แน่ๆๆ แม่..นี่กี่บาท แล้วส่วนแบ่งของนันท์ล่ะ เท่าไหร่"
"อยู่เฉยๆไว้ก่อน..ดีกว่าไหมคะ ลูกรักของแม่" อิงอรแอบหยิก
"แล้วเรื่องพ่อแม่มันด้วย อย่าให้ไปปูดกับนักข่าวที่ไหนเป็นอันขาด..ว่ามีปัญหา" ใบบัวย้ำ
"รับรองค่ะ..ชั้นเตรียมเงินไว้ยัดปากมันให้เงียบอยู่แล้ว"
"หวังว่าคงเป็นเงินส่วนของคุณนะ ที่ยัดปากใครต่อใคร..ไม่ใช่เงินชั้น" ใบบัวบอก
"อุ๊ย..แม่เล้าใหญ่ระดับคุณนายใบบัวน่ะ เสือนอนกินอยู่แล้ว ไม่ลำบากต้องลงทุนหากินเองเหมือนอิฉันหรอกค่ะ"
"รู้ก็ดีแล้ว จำไว้ ว่าทุกอย่างต้องราบรื่น..อย่าให้ท่านโมโห ไม่งั้น..จบเห่กันทุกคน" ใบบัวย้ำ
อิงอรเซ็ง สุนันท์อึ้ง
พุฒิภัทรจ้องหน้าอย่างคาดคั้น
"คุณกรองแก้ว..คุณเป็นอะไรของคุณ..”
กรองแก้วสะดุ้ง "ชั้น..เจ็บ..ใช่ค่ะ ชั้นเจ็บไงคะ..ชั้นยังรู้สึกเจ็บแผลอยู่เลย กลัวกลับไปแล้วจะเดินไม่สะดวก บ้านที่ชั้นอยู่ก็ไกล ไม่มีคนดูแลด้วย..ให้ชั้นค้างอีกวันเถอะ..นะคะ ชั้นขอร้องเถอะ นะคะๆๆ ชั้นกราบล่ะ" กรองแก้วพนมมือแล้วทำท่าจะก้มลงกราบ
พุฒิภัทรจับแขนไว้ "ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกน่ะ..ผมถามจริงๆ คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า"
กรองแก้วลังเลเพราะไม่แน่ใจว่าควรบอกหรือไม่ "เอ่อ คือ..มี..เอ๊ย ไม่มีค่ะ"
"ยังไงครับ ตกลงมีหรือไม่มี..มันคือมีปัญหาอะไร ถ้าอยากให้ผมช่วยก็บอกผมได้..พูดมาเถอะ ถือว่าผมคือหมอประจำตัวคุณ..อะไรที่ช่วยคนไข้ได้..ผมยินดี"
กรองแก้วพยักหน้าแล้วก็ส่ายหน้าเพราะรู้สึกสับสนว่าควรบอกดีหรือไม่ สายตาของเธอจ้องไปที่ทางประตูด้านนอกห้องคล้ายระแวงอะไรบางอย่าง
พุฒิภัทรปิดแผลให้ใหม่อย่างดีแล้วเก็บอุปกรณ์ "คุณกลัวอะไร..พวกคนที่มาเฝ้าคุณหรือ ไม่ต้องกลัว คุณไว้ใจผมได้!!”
กรองแก้วก้มหน้าเหมือนจะร้องไห้
"ชั้น..ชั้นไม่มีวัน..ยอมเป็น...”
ทันใดนั้นมารตีก็พรวดเข้ามาแหวกม่านออก
"พี่ชายภัทร!! แหม มารตีว่ามารตีมาเช้าแล้วนะ พี่ชายภัทรมาเช้ากว่าอีก มีผ่าตัดตอนสายไม่ใช่เหรอคะ ทำไมรีบมา..หรือว่าเป็นห่วงคนไข้พิเศษ"
"ปกติพี่ก็เป็นห่วงคนไข้ทุกคนอยู่แล้ว หรือว่าเธอไม่ทราบ" พุฒิภัทรถามกลับ
มารตีรู้ว่าถูกตำหนิจึงหุบปากทันที
"ว่ายังไงครับคุณกรองแก้ว คุณบอกผมมาเถอะ ทำไมคุณถึงไม่อยากกลับบ้าน" พุฒิภัทรถามซ้ำ
มารตีจับตาจ้องเขม็ง กรองแก้วมองมารตี แล้วเปลี่ยนความคิดจากเดิมที่เธอคิดจะพูดความจริง กลายเป็นก้มหน้าลงไม่ยอมสบตาใคร
"เอ่อ คือ..คือ..ชั้นไม่มีเงิน"
"ไม่มีเงิน..คุณเนี่ยนะ ไม่มีเงิน..” พุฒิภัทรงง
"ค่ะ..ให้ชั้นพักอยู่ที่นี่ จนกว่าชั้นจะได้รับเงินจากการประกวดนะคะ ไม่อย่างนั้น ชั้นไม่รู้จะเอาเงินจากไหนมาจ่ายค่ารักษา"
"คุณกรองแก้วขา..คุณจะกังวลเรื่องค่ารักษาทำไมคะ ในเมื่อมีคนจัดการออกให้คุณทุกบาททุกสตางค์แล้ว" มารตีบอก
กรองแก้วกับพุฒิภัทรหันมองมารตีพร้อมกัน
มารตีพูดต่อ "ก็ท่านพินิจไงคะ..อ้อ เกือบลืมเลย ดิฉันจะมาบอกคุณว่า คุณอิงอร ญาติของคุณมารอรับที่ด้านนอกแล้วค่ะ!" มารตียิ้มสะใจ
กรองแก้วหน้าซีดราวกับจะถูกนำไปเชือด
พุฒิภัทรเห็นสีหน้ากรองแก้วแล้วก็ชะงัก เขาขมวดคิ้วเพราะรู้สึกหงุดหงิดอารมณ์เสียขึ้นมาอย่างแปลกๆ
พุฒิภัทรเดินแยกออกมาตามทางเดินด้วยอารมณ์ขุ่นมัว มารตีรีบเดินจ้ำตามมาประกบ
"สวยดีนะคะนางสาวศรีสยามคนนี้" มารตีเอ่ย
"ถ้าไม่สวยก็คงไม่ได้ตำแหน่ง" พุฒิภัทรพูดห้วนๆ
อิงอรกับสุนันท์กำลังเดินสวนตรงมาทางด้านหน้า ทันทีที่เห็นพุฒิภัทรสุนันท์ก็ตื่นเต้นแล้วรีบโพสท์ท่าพรีเซนท์ความงามทุกวิถีทาง
มารตีมองเหยียด "พี่ชายภัทรคะ..นั่นไงล่ะ ญาติของยัยนางสาวศรีสยาม"
"คุณชายพุฒิภัทร!" สุนันท์รีบวิ่งปราดเข้ามาตรงหน้าแล้วถอนสายบัวโดยจับกระโปรงให้บานออกแล้วไหว้อย่างอ่อนหวาน "สุนันท์กราบอรุณสวัสดิ์เพคะคุณชาย"
พุฒิภัทรรับไหว้อย่างงงๆ "ครับ สวัสดีครับ"
"คุณอิงอร..นี่ หม่อมราชวงศ์ นายแพทย์พุฒิภัทร" มารตีพูดเน้น "แพทย์เจ้าของไข้คุณกรองแก้วค่ะ"
พุฒิภัทรยกมือไหว้ "สวัสดีครับ"
อิงอรรับไหว้ "สง่างามสมคำล่ำลือจริงๆ"
สุนันท์รีบเข้ามาแทรก "ไม่ทราบคุณชายหมอเสวยพระอาหารเช้าหรือยังพะยะค่ะ ถ้ายังมิได้ สุนันท์อยากจะกราบทูลชวนไปเสวยด้วยกันเพคะ"
"ผมเป็นแค่หม่อมราชวงศ์ พูดธรรมดาเถอะครับ" พุฒิภัทรบอก
"ทรงไม่ถือพระตัวด้วย" สุนันท์ว่า
มารตีหัวเราะ "เร่อร่าจัง.." แล้วมารตีก็รีบกลบเกลื่อนด้วยการทำหน้าเชิดหยิ่ง
"ดิฉันมารับหนูแก้วน่ะค่ะ อาการดีขึ้น กลับบ้านได้แล้วใช่มั้ยคะ"
"เอ่อ คือ" พุฒิภัทรลำบากใจแต่ก็ตอบไปตามตรง "ครับ น่าจะกลับได้แล้วครับ"
"งั้นดิฉันขอตัวไปรับหนูแก้วก่อนนะคะ เรารีบ..”
อิงอรจะเดินไปแต่สุนันท์ยังหลงใหลในรูปโฉมของพุฒิภัทรไม่เลิก
อิงอรรีบพูด "ยัยนันท์ ไป" แล้วอิงอรก็ลากสุนันท์เดินไป
พุฒิภัทรกลุ้มใจ
"พี่ชายภัทรดูไม่ค่อยอยากจะอนุญาตให้คนไข้วีไอพีกลับบ้านเลยนะคะ" มารตีว่า
"ทำไมพี่จะไม่อยาก.." พุฒิภัทรจ้องหน้าพร้อมกับขมวดคิ้วดุๆ
มารตีค้อนแต่ไม่กล้าตอบ
ถาดอาหารเช้าซึ่งเป็นข้าวต้มขาวพร้อมด้วยกับอีก 3 อย่าง ที่ไม่มีไข่ตั้งอยู่ด้านหน้า กรองแก้วกินไป2 คำแล้วก็หยุดเพราะกลุ้มใจ เธอเดินกระเผลกๆ ไปแง้มประตูเพื่อแอบดูภายนอก
"ชั้นจะทำยังไงดี..หรือว่าจะหนีไป"
กรองแก้วเห็นชายชุดดำที่เป็นคนของพินิจยืนคุยกันบริเวณหน้าห้อง
กรองแก้วรีบปิดประตู "ไม่ได้ๆ เราหนีไม่ได้" กรองแก้วเดินกระเผลกกลับมานั่งที่เตียง "เราต้องเอาเงินรางวัลก่อน..จะได้รีบไปรักษาพ่อ" กรองแก้วตักข้าวต้มมาแล้วพยายามกินต่อ
ทันใดนั้น อิงอรกับสุนันท์ก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางแจ่มใส
"หนูแก้ว..” อิงอรเรียก
กรองแก้วเห็นอิงอรกับสุนันท์เดินเข้ามาก็หน้าซีดก่อนจะค่อยๆฝืนยิ้มเพื่อกลบเกลื่อนความหวาดกลัว
"เรามารับเธอกลับจ๊ะ..ยัยนันท์..เอาชุดมาๆ" อิงอรสั่ง สุนันท์ส่งถุงเสื้อผ้าให้ อิงอรหยิบชุดใหม่ที่สวยหวานออกมาอวด "แท่มแท๊ม..ชุดนี้ของร้านอิงอรตัดมาใหม่ เพื่อเธอโดยเฉพาะเลยนะ ทายสิว่าเป็นของสมนาคุณจากใคร"
"ลุกมาใส่ชุดเดี๋ยวนี้ ยัยแก้ว เร็วข้า" อิงอรเร่ง
"แก้วกำลัง..กินข้าว..” กรองแก้วบอก
"ไม่ต้องกงต้องกินแล้ว..เร็วๆ เดี๋ยวมีของดีๆให้กินเยอะแยะไป อิ่มๆๆได้แล้ว"
พุฒิภัทรเขียนใบสั่งยาแล้วส่งให้มารตี
"นี่ใบจ่ายยา..น้องช่วยไปจัดการให้ที และก็ทำเรื่องกลับบ้านให้เขาด้วย และนัดมาตรวจอาการกับพี่สัปดาห์หน้า"
"ทำไมต้องนัดมาเจอพี่ชายภัทรด้วย กะอีแค่แผลที่ขา" มารตีถาม
"เพราะพี่เป็นคนเย็บแผลให้เขา พี่เป็นเจ้าของไข้ น้องเลิกเซ้าซี้ แค่ทำตามที่พี่บอกได้มั้ย"
"น้องก็แค่ถาม ทำไมพี่ชายภัทรต้องดุน้องด้วย"
พุฒิภัทรเมินแล้วก็ตัดบท "พี่มีผ่าตัดสำคัญ ขอตัว"
พุฒิภัทรลุกขึ้นหยิบเสื้อกาวน์มาสวมเตรียมจะออกไป มารตีฮึดฮัดเพราะรู้สึกไม่สบอารมณ์
"พี่ชายทราบมั้ยคะว่าคุณอิงอรแกทำอาชีพอะไร" มารตีถาม
"ถามทำไม"
"ทราบมั้ยคะ"
"เปิดร้านตัดเสื้อไม่ใช่เหรอ หรือเสริมสวย?”
"ค่ะ ใช่ แต่นั่นเป็นแค่ฉากหน้าค่ะ เพราะเบื้องหลัง คุณอิงอรเป็นแมวมอง หรืออีกนัยหนึ่ง..แม่เล้า..ที่คอยหาเด็กสาวๆส่งให้กับท่านนายพล..ใครๆก็รู้ดีว่านางงามศรีสยามทุกปี จะต้องไปให้ท่านเป่ากระหม่อม แล้วก็จะได้รถได้บ้านคนละหลัง..คุณอิงอรถึงได้ร้อนใจอยากจะมารับแม่กรองแก้วกลับให้ได้ยังไงคะ" มารตีบอก
อิงอรเอาชุดไปทาบตัวกรองแก้วแล้วคะยั้นคะยอให้เปลี่ยน สุนันท์ดึงม่านกั้นเตียงมาปิด ในขณะที่กรองแก้วต้องฝืนยิ้มทำตัวปกติ
มารีตียังพูดกับพุฒิภัทรต่อ "พี่ชายไม่เคยสนใจแวดวงนางงาม พี่ชายไม่รู้หรอกว่าที่เห็นเบื้องหน้าสวยงามๆ เบื้องหลังฟอนเฟะแค่ไหน..คุณสุนันท์บอกน้องเอง ว่ายัยกรองแก้ว เห็นหน้าใสๆเรียบร้อยๆอย่างนั้น แต่จริงๆแก่แดดแก่ลมมาก ดั้นด้นมาจากบ้านนอกเพื่อเข้าประกวด ตั้งใจอยากจะเป็นอนุท่านนายพลให้ได้ เพราะเห็นว่าเป็นทางสบาย จะได้มีคนใญ่คนโตอุ้มชู..ความคิดความอ่านสกปรกมาก..ผู้หญิงพรรค์นี้ ใครคิดไปรักไปชอบจริงๆ ก็โง่เต็มที" มารตีใสร้ายด้วยการแต่งเรื่องเองทั้งหมด
กรองแก้วถอดชุดคนไข้ออก อิงอรกับสุนันท์ช่วยกันสวมชุดใหม่ให้ ทั้งเครื่องประดับ และแต่งหน้า-ผัดแป้ง ทาปาก ทำผม เตรียมส่งตัวให้พินิจ
"เอาเถอะ..คุณกรองแก้วจะเป็นยังไงก็ถือเป็นเรื่องส่วนตัว พี่ไม่ขอยุ่ง" พุฒิภัทรบอก
"คิดอย่างนั้น ถูกต้องแล้วค่ะ พี่ชายเป็นถึงหม่อมราชวงศ์พุฒิภัทร จุฑาเทพ เกียรติและศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูลต้องมาก่อนสิ่งใด..พี่ชายเป็นคนฉลาด คงจะไม่หลงมารยาร้อยเล่มเกวียนของผู้หญิงพรรค์นั้นนะคะ" มารตีว่า
มารตีเดินเชิดออกไป พุฒิภัทรอึ้งเพราะรู้สึกโกรธขึ้นมาอีกแล้ว
กรองแก้วเปลี่ยนชุดเสร็จ หน้าตาของเธอผ่อง ปากแดง ผมเป็นทรงเรียบร้อย
อิงอรกล่าวชม "หนูแก้วสวยจริงๆ ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้เลยว่าเพิ่งออกจากโรงพยาบาล..ไป เรากลับกันเถอะ" อิงอรเข้ามาประคอง
"คุณน้าอิงอรคะ" กรองแก้วเรียก
"หือ? อะไร?”
"แก้วขอถามหน่อยสิคะ ..ว่า..เมื่อไหร่..ทางกองประกวดนางสาวศรีสยามเขาถึงจะ..เอ้อ..ให้เงินรางวัลเราคะ"
"ตามตารางงาน..มันคือวันเสาร์ปลายเดือนไง..ที่จะมีงานใหญ่ เป็นพิธีมอบของรางวัลทั้งหมด..ก็อีกราว 2 อาทิตย์ ถามทำไม"
"เปล่าค่ะ แก้วแค่อยากทราบว่า จะพาพ่อไปรักษาได้เร็วแค่ไหน" กรองแก้วบอก
"ก็เธออยากเซ่อเอง ถ้า...ไม่ป่วยซะอย่างนี้..บางที...เผลอๆ วันนี้อาจมีคนส่งพ่อเธอไปโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วก็ได้"
"ใครจะส่งหรือคะ"
"ลูกเขยของพ่อเธอไง ฮิๆๆๆ ใหญ๊ใหญ่" สุนันท์หัวเราะร่วน
อิงอรทุบหลังสุนันท์ดังพลั่ก สุนันท์หันขวับ
"พูดจาไร้สาระไปได้ ยัยนันท์ แก้ว อย่าไปฟังมันมาก ยัยนี่มันบ้าๆบอๆ" อิงอรว่า
กรองแก้วอึ้งไปพักนึงแต่ดวงตายังเป็นกังวล "ที่จริง..ตอนนี้..แก้ว..แก้วก็ยังเจ็บแผลอยู่ อาจจะอักเสบ หรือเน่าไปเลยก็ได้นะคะ"
"อุ๊ย ไม่อักเสบหรอก ถ้าไม่รุนแรงกันมากเกินไปน่ะ" สุนันท์หัวเราะคิกคัก
"ยัยนันท์!!!” อิงอรปราม
สุนันท์ปิดปาก
"ความจริง..ถ้าจะแน่นอน แก้วขอนอนค้างอีกคืนได้มั้ยคะ" กรองแก้วต่อรอง
"ไม่ได้!! คุณชายหมอบอกชั้นสดๆร้อนๆนี่เอง..ว่าเธอหายแล้ว" อิงอรเสียงแข็งหน้าบึ้งขึ้นมาทันที แต่แล้วเธอก็ค่อยๆปรับอารมณ์ให้อ่อนโยนลง "กลับบ้านเราเถอะนะแก้ว นอนโรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายหลายอยู่นะ ชั้นก็ไม่ค่อยจะมีเงินกับเขา นี่ดีนะที่ท่านช่วยจัดการค่ารักษาให้ ไม่งั้นชั้นก็ไม่รู้จะทำยังไง"
"ทำไมท่านนายพลต้องออกค่ารักษาให้แก้วด้วย" กรองแก้วถาม
"เพราะท่านเป็นคนดี และเมตตาหนูไง.." อิงอรลูบผมจัดผมให้กรองแก้ว "หนูต้องสำนึกบุญคุณท่าน และแวะไปให้ท่านเป่ากระหม่อมหน่อยนะ"
"แก้วอยากกลับบ้านไปหาพ่อ เราค่อยแวะไปกราบท่านวันอื่นไม่ได้เหรอคะ"
อิงอรเผลอตวาด "เอ๊ะ!! เธอนี่ยังไง..ชั้นอุตส่าห์สนับสนุน จับเธอมาปัดฝุ่นขัดสีฉวีวรรณ แต่พอได้ตำแหน่งแล้วก็จะอกกตัญญู ไม่เห็นหัวชั้นซะงั้น ลืมบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนแล้วใช่มั้ย!!”
"ไม่ใช่นะคะ แก้วซาบซึ้งถึงบุญคุณของคุณอิงอรเสมอ แต่..แก้วยังปวดขาอยู่ ถ้าไปไหนมาไหนมาก แก้วกลัวแผลจะอักเสบ แล้วจะทำให้คุณอิงอรลำบากพามาหาหมออีก"
ทันใดนั้นมารตีก็เข็นรถเข็นเข้ามา
"เดินไม่ไหวก็นั่งรถเข็นสิคะ" มารตีบอก
กรองแก้วอึ้ง
"ท่านนายพล บริจาคเงินตั้งมากมายให้โรงพยาบาล รถเข็นแค่คันเดียว ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ..ยืมไปก่อนได้" มารตีบอก
กรองแก้วอึกอัก "แต่..”
มารตียิ้มแฉ่ง "แต่อะไรอีกคะคุณกรองแก้ว..แผลก็ดีขึ้นแล้ว..คุณหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว..รถเข็นก็มีแล้ว..จะแต่อะไรอีกไม่ทราบคะ"
กรองแก้วหน้าซีดเพราะหมดทางต่อรอง
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 3 (ต่อ)
ฟากพุฒิภัทรเดินมาตามทางอย่างเร่งรีบ เขาดูนาฬิกาเพราะกำลังจะไปผ่าตัดอีกเคส พุฒิภัทรมายืนรอหน้าลิฟท์ กดลิฟท์แล้วยืนรอด้วยความร้อนใจ จนออกอาการกระวนกระวาย
ลิฟท์เคลื่อนลงมาช้าๆ ไม่ทันใจ พุฒิภัทรจึงเปลี่ยนใจหันหลังจะวิ่งขึ้นบันได แต่พอวิ่งขึ้นไปได้ 2 ขั้นเขาก็มองทะลุผนังกระจกไป แต่แล้วก็ต้องชะงัก เพราะเห็นคนของพินิจเดินนำมา ตามด้วยอิงอร สุนันท์ โดยที่มารตีเป็นคนเข็นรถเข็นที่มีกรองแก้วนั่งมาอยู่ มาที่อีกด้านหนึ่งของตึก พุฒิภัทรมองตามไปอย่างลืมตัว
กรองแก้วนั่งมาในรถเข็นด้วยสีหน้าหมดอาลัยตายอยากราวกับจะไปถูกเชือด พุฒิภัทรมองแล้วก็ตัดใจ เขาเมินหน้าหนีแล้วรีบวิ่งขึ้นบันไดต่ออย่างรวดเร็ว
มารตีจอดรถเข็นบริเวณใกล้บันไดหน้าตึก
"รอตรงนี้สักครู่นะคะ..เดี๋ยวดิฉันจะไปรับยามาให้" มารตีบอก
มารตีจอดรถเข็นแล้วล็อคล้อกันเลื่อน
อิงอรหันมาสั่งสุนันท์ "ยัยนันท์ เดี๋ยวชั้นรอยาเอง แกพาหนูแก้วไปรอที่รถก่อนไป"
อิงอรบุ้ยใบ้ไปยังทิศทางที่รถจอด กรองแก้วมองตามไปก็เห็นรถและคนของพินิจรออยู่พร้อมแล้ว กรองแก้วก้มหน้าอย่างยอมจำนนต่อชะตากรรม แต่แล้วเธอก็สังเกตเห็นว่าที่พื้นบริเวณใกล้ๆกันนั้น มีลักษณะต่างระดับกันซึ่งสูงประมาณขอบฟุตบาท กรองแก้วมองพื้นนั้นแล้วครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
"เอ้า ให้คนของท่านมาเข็นสิคะ ทำไมต้องเป็นนันท์ด้วย" สุนันท์ว่า
"ยัยนันท์" อิงอรส่งสายตาพิฆาตก่อนจะพูดอย่างอ่อนโยน "แม่บอกแล้วไง ว่าหนูแก้วก็เหมือนคนในครอบครัวของเรา แล้วเราจะไปให้คนอื่นดูแลได้ยังไง"
"ก็ได้"
สุนันท์จำใจกระฟัดกระเฟียดเข้ามาเข็น
"แก้วรอตรงนี้ดีกว่าค่ะ แก้วไม่อยากไปนั่งรอในรถคนเดียว" กรองแก้วบอก
"เห็นด้วย"
สุนันท์ผละมืออกจากรถแล้วกลับไปนั่งจุ้มปุ๊กทันที
"เอ่อ คุณนันท์คะ พาแก้วไปสูดอากาศตรงนั้นทีได้มั้ย" กรองแก้วร้องขอ
สุนันท์ไม่ขยับเขยื้อนแต่กลับนั่งใช้มือพัดเพื่อคลายร้อนจนอิงอรต้องหันมาปรามด้วยสายตา สุนันท์จึงต้องลุกมาเข็นรถเข็นให้อย่างเสียไม่ได้
"ตรงไหน" สุนันท์ถาม
"ตรงนั้นค่ะ ใกล้ๆต้นไม้นั่นแหละ..ค่ะ ขอบใจนะ"
สุนันท์ปล่อยมือจากรถเข็นแล้วกลับไปนั่งที่เดิมทันที
กรองแก้วเหลือบมองพื้น แล้วมองสุนันท์ สุนันท์ยังคงนั่งพัดไปมา อิงอรกับมารตีเดินหายเข้าไปข้างใน กรองแก้วมองไปทางคนของพินิจ คนของพินิจกำลังจัดที่ทางในรถหรูอยู่ กรองแก้วตัดสินใจ
พุฒิภัทรซึ่งวิ่งขึ้นมาถึงชั้น 3 ชั้นที่กำลังจะถึงห้องทำงานแล้วเดินเลี้ยวมาจะไปห้องเตรียมตัวผ่าตัด แต่เขาดันมองผ่านระเบียงบนชั้น 3 ลงมาเห็นตรงจุดลานหน้าตึกนั้นพอดี พุฒิภัทรเห็นกรองแก้วกำลังทำตัวยักแย่ยักยันทำให้พุฒิภัทรต้องหยุดดูด้วยความสงสัย
พุฒิภัทรที่อยู่บนระเบียงชั้น 3 เห็นกรองแก้วยกเท้าอีกข้างที่ไม่เจ็บยันกับขอบปูนตรงนั้นเพื่อออกแรงดันให้รถเข็นไถลไปตกพื้นที่ต่างระดับนั้น
พุฒิภัทรเห็นเช่นนั้นก็เริ่มเข้าใจความคิดของกรองแก้วจึงคิดจะห้าม แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง กรองแก้วยันสุดแรง
พุฒิภัทรตกตะลึงและร้อง "เฮ้ย!”
รถเข็นแก้วพุ่งตกลงไปแล้วคว่ำ ร่างกรองแก้วกระเด็นออกมา คนของพินิจต่างก็ตกตะลึง สุนันท์ร้องกรี๊ด กรองแก้วนอนกลิ้งบนพื้นหญ้า ข้างๆ รถเข็นที่ล้อกำลังหมุนฟรีกลางอากาศ
กรองแก้วเจ็บตัวแต่ก็เอี้ยวมองผลงาน แผลที่ขามีเลือดไหลปรี่ออกมาเต็มกระโปรงตรงตำแหน่งแผลนั้น กรองแก้วเจ็บจนน้ำตาไหลแต่ก็ยิ้มดีใจ พุฒิภัทรเห็นอาการกรองแก้วทั้งหมดก็ห่วงใย แต่เขาก็ยิ่งขมวดคิ้วด้วยความสงสัยและคิดว่าจะเอายังไงดี ทุกคนที่อยู่ด้านล่างเข้ามามุงกรองแก้ว
ครูบุษบาเดินมาส่งเด็กกับผู้ปกครองหน้าห้อง
"ไม่ต้องกังวลนะคะ เรื่องไม่มีสตางค์จะซื้อหนังสือเรียน เพราะโรงเรียนเรา มีโครงการพี่ช่วยน้อง มีพี่ๆที่เค้าบริจาคหนังสือที่เรียนแล้ว มาให้รุ่นน้องใช้ต่อหลายคน เดี๋ยวเด็กขาดเล่มไหน ให้เขียนรายการมาให้ดิฉันเลยค่ะ" บุษบาบอก
พ่อกรองแก้วที่สีหน้าซีดๆ มายืนรอ
บุษบาพูดอย่างร่าเริง "นายกิตติ..ขอแสดงความยินดีด้วยนะ แก้วได้เป็นนางสาวศรีสยามแล้ว"
กิตติชูหนังสือพิมพ์ขึ้นมา "คุณครูเห็นข่าวแก้วตกเวที ถูกกระถางต้นไม้แตกบาดขาไหมครับ ผมเป็นห่วงลูก อยากไปหา..”
"จะไปยังไง นายกิตติยิ่งป่วยๆ อยู่"
"แต่ผมห่วงลูกน่ะครับ"
"ข่าวเค้าก็บอกแล้วนี่จ๊ะ ว่าได้ตั้งนายแพทย์หม่อมราชวงศ์อะไรที่เก่งมาก มาเย็บแผลให้ ระดับนางสาวศรีสยามแล้ว ทางกองประกวดเขาคงไม่ปล่อยให้มีอันตรายหรอก ป่านนี้คงหายสบาย แต่คงต้องทำภารกิจต่างๆให้ประทศชาติอยู่น่ะสิ แก้วเขามีเวลาเมื่อไหร่ เขาต้องรีบกลับมาพานายกิตติไปหาหมอแน่ อย่าร้อนใจไปเลยนะ"
กิตติยังไม่คลายกังวล
กรองแก้วกึ่งนั่งกึ่งนอนเจ็บอยู่ที่เตียง พุฒิภัทรที่อยู่ในชุดเตรียมผ่าตัดเดินเข้ามา กรองแก้วตาโตเพราะดีใจ
พุฒิภัทรหน้าบึ้ง "สมใจคุณแล้วสิ"
กรองแก้วอึ้ง "คุณ...หมอ...หมายความว่ายังไงคะ"
"ผมจะบอกให้นะ คุณนางสาวศรีสยามผู้แสนจะมีความสำคัญ...ที่ห้องชั้น 3 ตึกข้างๆนี่..มีคนไข้อีกคนของผม กำลังรอการผ่าตัดเส้นประสาท เขากำลังรอการวางยาสลบอยู่ เพราะจะต้องผ่าตัดตอน 9 โมง..แต่ตอนนี้ 8 โมงครึ่งแล้ว..ผมต้องรีบมาเย็บแผลใหม่ให้คุณก่อน เพราะท่านผู้อำนวยการ..และผู้อุปถัมภ์คุณ..ระบุมา ว่าต้องเป็นผมเท่านั้น ใช่..คุณก็เป็นคนไข้ของผม ผมต้องดูแลให้หายให้ดีที่สุดอยู่แล้ว แต่คุณ..ควรจะเกรงใจคนไข้ของผม..ที่เขากำลังทรมานด้วยโรคร้ายจริงๆบ้าง..”
"ดิฉันขอโทษ..ดิฉัน..ไม่ทันระวังตัว..” กรองแก้วบอก
"หึ ไม่ทันระวังหรือ ผมเห็นคุณระวังเกินไปด้วยซ้ำ"
"ดิฉันไม่ได้ตั้งใจ..”
"คุณตั้งใจ..จงใจที่จะทำให้ตัวเองบาดเจ็บมากขึ้นๆๆ เพื่อจะได้อยู่ในโรงพยาบาลต่อไปให้ได้ ทำไมคุณไม่พูดกับผมตรงๆ ผมบอกแล้วไง ว่ามีอะไรให้ปรึกษาผมได้ แต่คุณก็ไม่ยอม"
พุฒิภัทรดุ กรองแก้วหน้าซีด
ขณะเดียวกัน หม่อมเอียดกำลังนั่งทำดอกไม้ประดิษฐ์จากกระดาษย่น ให้เป็นดอกไม้สีสวยไล่โทน มีอุปกรณ์ทั้งลวด เกสร ที่พันก้านเขียว กรรไกร กระดาษแบบตัดกลีบ วางอยู่รอบตัว
ย่าอ่อนนั่งทำแบบช่วยอยู่ข้างๆ สมศรี กลิ่น และแจ๋วนั่งทำกันคนละไม้ละมือ
"คุณพี่นี่แหละ อยู่ดีๆ หาอะไรมาทำให้หลังขดหลังแข็งอีกแล้ว" ย่าอ่อนบ่นว่าพี่สาว
"ทำดอกไม้ให้เขาไปขายงานกาชาด มันคงไม่หลังแข็งไปกว่าชุมนุมญาติมิตรของหล่อนกระมังจ๊ะ แม่อ่อน" หม่อมเอียดบอก
"แหม..ไม่อยากเชียว..”
เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นพวกคนใช้มองหน้ากัน จากนั้นแจ๋วก็รีบกระโดดไปรับ
"สวัสดีค่ะ วังจุฑาเทพค่ะ..อ๋อ ..ค่ะ..ค่ะ.." แจ๋วหันมา "หม่อมคะ คุณมารตีโทร.มาจากโรงพยาบาล..บอกว่า มีเรื่องสำคัญ..เกี่ยวกับคุณชายภัทรค่ะ"
"อะไรกัน ชายภัทรของชั้นจะมีเรื่องอะไร..เขาออกจะอยู่ในลู่ในทาง...หรือจะเป็นเหตุด่วนเหตุร้าย" หม่อมเอียดสงสัย
แจ๋วลากสายโทรศัพท์ยาวมาให้
"ออกไปกันก่อนสิจ๊ะ" ย่าอ่อนบอก
พวกบ่าวลุกกันยกเว้นสมศรีที่นั่งเกาะและทำตาโต
"หล่อนด้วย สมศรี!” ย่าอ่อนบอกอีก
บ่าวทุกคนเดินออกไป หม่อมเอียดเอามือปิดปากกระบอกโทรศัพท์ไว้ โดยรอจนบ่าวออกไปหมดจึงเปิดกระบอกโทรศัพท์แล้วพูด
"ไงจ๊ะ แม่มารตี..”
มารตียืนพูดโทรศัพท์ที่เคาน์เตอร์ด้านหนึ่งในโรงพยาบาล
"กราบหม่อมย่าค่ะ หม่อมย่าขา ท่าจะไม่ดีแล้วค่ะ"
"อะไร...ยังไง ชายภัทรมันว่าอะไรหนูมารตีหรือจ๊ะหลาน" มารตีถาม
"มีผู้หญิงมาอ่อยเหยื่อพี่ชายภัทรค่ะ มาทำตัวเป็นคนไข้ ไม่ยอมหายซะที ท่าทางเหมือนกับว่าจะมาทอดสะพานให้พี่ชายภัทรเลยค่ะ" มารตีรายงาน
"หา...จริงหรือ ตายแล้ว..มันเป็นใคร ทำไมช่างไร้ยางอายจริงๆ"
"มันเป็นนางงามค่ะ พวกประกวดขาอ่อนน่ะค่ะ นางสาวศรีสยามคนล่าสุดนี่ไงคะ..หม่อมย่าขา"
"ตายแล้วๆๆ โอ๊ย ไม่ได้นะ ไม่ได้ๆๆ ย่าไม่ย้อม...”
หม่อมเอียดตบอก เพราะรู้สึกอยากจะเป็นลม
ฟากพุฒิภัทรไล่อากาศออกจากกระบอกเข็มฉีดยาอันใหญ่ แล้วมองมาทางกรองแก้วเป็นเชิงขู่
"คราวนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ที่ผมจะเย็บแผลให้คุณ...แต่ครั้งนี้ผมจะไม่ให้คุณดมยาสลบ แต่จะให้คุณฉีดยาชาแทน"
กรองแก้วมองเข็มท่าทางหวาดเสียว "เจ็บมากไหมคะ”
"กลัวเหรอ หึๆ นี่เหรอ...กลัว...คุณเป็นคนที่อยากเจ็บตัวเอง แล้วก็ทำทารุณกรรมกับตัวเอง ผมเห็นกับตา"
พุฒิภัทรฉีดยาฉึกลงตรงแผล
กรองแก้วหันหน้าไปทางอื่นแล้วกัดฟันอดทนฮึดสู้
พุฒิภัทรมองแล้วก็ถอนใจอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็เดินยาต่อไป "อดทนหน่อย เจ็บตอนนี้ที่เดินยาชาเท่านั้น เดี๋ยวก็สบาย"
กรองแก้วแค้น "นี่คุณแกล้งทำให้ชั้นเจ็บมากกว่าปกติหรือเปล่า"
พุฒิภัทรส่ายหน้า "เห็นไหม ถ้าไม่คิดทำอะไรพิเรนทร์ๆ ป่านนี้ได้กลับไปนั่งเล่นที่บ้านสบายๆแล้ว
กรองแก้วลืมเจ็บขึ้นมาทันที เธอหันมามองหน้าอย่างดีใจจนแทบกระโดด "แปลว่าชั้นไม่ต้องกลับบ้านใช่ไหม ชั้นค้างที่นี่ได้อีกคืน..ใช่ไหมคะ"
พุฒิภัทรฉีดยาเสร็จก็ดึงเข็มออกมาแล้วจ้องตากรองแก้วเพื่อหาความจริง "นี่ใช่ไหม คือสิ่งที่เธอต้องการ"
กรองแก้วสบตาตอบตรงๆ แล้วพยักหน้าซื่อๆ "ฉันรู้..ว่าทำให้คุณ กับคนที่โรงพยาบาลลำบาก..แต่ฉันมีปัญหาจริงๆ"
"แล้วปัญหาที่ว่า..มันคืออะไรล่ะ"
กรองแก้วตั้งใจจะตอบ "คือ..”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู แล้วนางพยาบาลก็เปิดข้ามา
"อาจารย์หมอต้องการอะไรเพิ่มหรือเปล่าคะ"
พุฒิภัทรหันไป "ไม่มี บอกทางห้องใหญ่ ว่าเดี๋ยวผมจะไป ไม่เกิน1ชั่วโมง"
"ค่ะ" นางพยาบาลรับคำแล้วออกไป
พุฒิภัทรหันมาถาม "เอ้า..ว่ามาสิ ..คือ..อะไร"
กรองแก้วเงียบ
"ตามใจ” พุฒิภัทรเตรียมเย็บ หยิบเข็มโค้งที่มีไหมอยู่แล้วขึ้นมา ก่อนะลงมือก้มลงเย็บเกี่ยวแผล แล้วมัด "ผมไม่รู้นะว่าคุณมีปัญหาอะไร แต่การทำให้ตัวเองบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างนี้ ไม่ดีแน่ ถ้าเกิดติดเชื้อขึ้นมา อาจเป็นเรื่องใหญ่ อยากมีแผลเป็นเหมือนตะขาบตัวโตๆ แล้วเสียโฉมไปตลอดชีวิตเหรอ"
"เสียโฉมก็ดีกว่าเสีย..." กรองแก้วจะพูดว่าเสียตัวแต่ก็เม้มปากแล้วเงียบไว้
"ถ้าคุณยังไม่หยุดแกล้งตัวเอง ก็อาจจะถึงกับเสียขาก็ได้ เอาล่ะ ไหนๆคุณก็ลงทุนขนาดนี้แล้ว ผมจะให้คุณนอนโรงพยาบาลอีกคืน..แต่พรุ่งนี้ คุณต้องกลับบ้าน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น"
กรองแก้วพูดอย่างแน่วแน่ "ขอบพระคุณคุณหมออย่างหาที่สุดมิได้..คุณหมอไม่ทราบหรอก ว่าได้ทำบุญต่อเพื่อนมนุษย์ขนาดไหน..ชั้นจะไม่ลืมเลยค่ะ"
พุฒิภัทรมองหน้าที่สวยสง่ามั่นคงนั้นอย่างตกตะลึง กรองแก้วมองพุฒิภัทรอย่างขอบคุณจริงๆ
อิงอรกับสุนันท์วิ่งตามพุฒิภัทรที่กำลังเดินหนีอย่างเร่งรีบ
"นังแก้ว..เอ๊ย หนูกรองแก้วต้องนอนอีกคืนเพราะอะไรกันคะ ไม่นะคะ อิฉันไม่ยอม" อิงอรไม่พอใจ
"เงียบๆ ก่อนสิคะ คุณแม่ขา ฟังคุณชายตรัสก่อน" สุนันท์บอก
"อย่าใช้ศัพท์แบบนั้นกับผม...บอกแล้วไง..ขอร้องล่ะ" พุฒิภัทรหันมาที่อิงอร "คืออย่างนี้นะครับ แผลของเธอบวมมาก ที่รถเข็นของเธอตกลงไปแบบนั้น ทำให้เนื้อเยื่อบอบช้ำ ถ้าไม่ให้เธออยู่นิ่งๆสักพัก อาจจะเกิดการอักเสบลุกลาม..”
"เพราะใครล่ะ นังเด็กโง่ แค่บอกให้เข็นรถให้มันนิดๆหน่อยๆ ดันแกล้งเข็นไปซะหมิ่น แล้วดันไม่ล็อคล้ออีก สะเพร่าที่สุด" อิงอรว่า
"นันท์ว่านันท์ล็อกแล้วนะแม่"
"คุณหมอคะ..ดิฉันมีความจำเป็น..ต้องให้กรองแก้วออกจากโรงพยาบาลวันนี้ให้ได้ค่ะ"
พุฒิภัทรหยุดยืนแล้วจ้องหน้า "จำเป็น...จำเป็นยังไง คุณจะพาเธอไปไหนหรือครับ”
อิงอรอึกอักแล้วพูดโดยหลบตา "โอ๊ย..เปล่าค่ะ ไม่ได้จะพาไปไหน ก็แค่..จะพากลับไปนอนพักที่บ้าน"
"ถ้านอนพัก ก็ให้นอนที่โรงพยาบาลอีกวันสองวัน จะเป็นไรไปครับ ค่าใช้จ่ายก็มีคนดูแลอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ พรุ่งนี้..หลังเปิดแผล แล้วอาการเป็นยังไงค่อยว่ากันใหม่"
"งั้นคุณชายหมอก็ให้ยาแรงๆ แก้อักเสบมาเลยสิคะ ดิฉันจะเอาเค้ากลับไปดูแลเค้าเอง ให้อยู่ที่นี่..ไม่มีคนมาเฝ้าหรอกนะคะ เดี๋ยวเค้าลำบากแย่ ดิฉันเป็นฮ้วง..เป็นห่วง" อิงอรบอก
ระหว่างที่คุยกันอยู่สุนันท์เอาแต่ทำตาเล็กตาน้อยแบบเคลิบเคลิ้มใส่พุฒิภัทร
"คุณนายดูแลเองไม่ได้หรอกครับ เพราะแผลคุณกรองแก้วลึกมาก ดีไม่ดี โดนเชื้อบาดทะยักเข้า หรือไปติดเชื้อในกระแสโลหิตเข้าล่ะก็..ถึงตายได้นะครับ..หรืออย่างเบาะๆ ถ้าแผลเป็นเกิดเน่าขึ้นมา ผมก็ต้องรับผิดชอบอีก..หรือคุณนายจะรับผิดชอบ..”
ถูกพุฒิภัทรถามกลับ อิงอรถึงกับอึ้ง
ครู่ต่อมาสองแม่ลูกเดินทะเลาะกันมาที่รถ
"ยัยนันท์..นังลูกบ้าบอ..แกก็ไม่ช่วยแม่เถียงบ้างเลย ท่านพินิจเอาแม่ตายแน่ แม่ผิดสัญญากับท่านอีกครั้งแล้วนะ” อิงอรด่า
"ก็ช่างสิแม่ อะไรกัน ช้าไปวันสองวัน ท่านพินิจจะชักตายเลยหรือไง มียัยกนกลักษณ์อยู่ทั้งคน ยังไม่เพียงพอแก่ความต้องการของร่างกายอีกหรือไง แก่ก็แก่ เดี๋ยวก็ตายคาอกเข้าจนได้หรอก" สุนันท์ว่า
ไกรฤกษ์นอนหลับรออยู่ที่รถ สองแม่ลูกเปิดประตูออกมาก็เห็นไกรฤกษ์นอนอ้าซ่า
"นังนี่..พูดจา.. เป็นสาวเป็นนาง..” อิงอรว่า
"เฮ้อ..แต่คุณชายหมอนี่สิ น่ารักอะไรอย่างนี้ก็ไม่รู้ รวยก็รวยเข้าขั้นมหาเศรษฐี ใครได้เป็นผัวโชคดีตาย"
อิงอรตบปากสุนันท์แบบเบาๆ
"เอ๊ย..แม่! เจ็บนะ เป็นแม่ไม่ควรตบลูกนะ สังคมจะประนามอย่างรุนแรง" สุนันท์ว่า
"แกมันตัวดี ทำให้ชั้นพลาดไปหมด รู้งี้ไม่ปล่อยมันไว้กะแกก็ดี"
ไกรฤกษ์หลับตาแต่พูดออกมาลอยๆ
"มันคงไม่ได้แกล้งทำตัวเอง..เพื่อหนีจากท่านหรอกนะ"
"อะไรนะ นี่แกหลับตลอด รู้เรื่องกะเค้าด้วย!” อิงอรถาม
ไกรฤกษ์ลุกมาหาว "โอ๊ย..คนเขาลือกันทั้งโงพยาบาล..แม่จะจ้างเท่าไหร่ล่ะ ถ้าให้ผมฉุดมันไปจากที่นี่ ตอนนี้เลย"
อิงอรตบกบาลลูกชายดังป้าบ "เงียบไปเลย ไอ้ไกร..คนของท่านก็เฝ้ากันอยู่เต็ม ขืนแกสะเออะเข้าไปแส่..โดนยิงเป็นไข้โป้งตาย แล้วจะหาว่าแม่ไม่เตือน เล่นกะใครไม่เล่น เล่นกะท่านพินิจ"
"เป็นแม่ไม่ควรตบหัวลูกนะ เดี๋ยวลูกโง่!!” ไกรฤกษ์บอก
สุนันท์ทำหน้าเซ็ง แต่หน้าไกรฤกษ์มีแผนอะไรบางอย่าง
พินิจนั่งกึ่งเอนนอนให้กนกลักษณ์ รองนางสาวศรีสยามสระผมให้ ขณะเดียวกันก็มีสาวสุดเอ็กซ์อีกคนกำลังทำเล็บเท้าให้ภายในห้องที่เปิดเพลงแจ๊สจังหวะเซ็กซี่
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู แล้วอิงอรก็เปิดเข้ามา
"ท่านขา..อิงอรเองค่ะ"
พินิจตื่นเต้นจนตาโต "หา อิงอรมา..แปลว่า..นี่หนูแก้วไปถึงวิมานของเราแล้วหรือ ตายๆๆ ชั้นยังเสริมความหล่อไม่เสร็จเลย พวกหนู เร่งมือๆๆ เร็วๆ ชั้นต้องไปแล้ว..”
อิงอรถอนใจแล้วทำจริตเศร้า "ยังน่ะสิคะ ท่าน..แย่เลย..หนูแก้วเจ็บมากเลยค่ะ"
พินิจผงะหน้าเปลี่ยนเป็นไม่พอใจ "หมายความว่าไง..อะไรเจ็บ เจ็บตรงไหนอีก"
"ก็ที่เดิมน่ะแหละค่ะ แต่เกิดอุบัติเหตุที่โรงพยาบาลนิดหน่อย..” อิงอรบอก
"หมายความว่ายังไง หมอผ่าผิด หรือเย็บผิด หรืออะไร"
"ไม่ใช่ค่ะ..คือ..หนูแก้ว..กำลังขึ้นรถเข็น..จะมาขึ้นรถที่ท่านจัดไปรับนั่นแหละค่ะ แต่แล้ว..รถเข็นก็พุ่งตกฟุตบาทไปค่ะ คือ..ไม่ใช่ความผิดของใครนะคะ แต่เหมือนกับว่า..พวกนางพยาบาลนั่นแหละค่ะ เข็นไม่ดี..รถเข็นก็เลยคว่ำ แต่หนูแก้วก็ไม่เป็นไรมากหรอกนะคะ ไม่เชื่อ..ท่านถามพวกหนุ่มๆลูกน้องท่านที่ไปสังเกตการณ์ได้เลยค่ะ หนูแก้วยังงามพริ้งเพียบพร้อมทุกส่วน..แค่แผลที่เย็บฉีกนิดหน่อย ต้องเย็บใหม่ แล้วอยู่นิ่งๆ ไม่ให้เนื้อช้ำชอกไปกว่านี้น่ะค่ะ"
"นางพยาบาล..นางพยาบาลคนไหน..มันต้องโดน..”
"โอ๊ย..อย่าไปทำอะไรใครเลยค่ะ เดี๋ยวคนเค้าจะเอาไปลือกันนะคะ ว่านางสาวศรีสยามเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ขอโรงพยาบาลต้องถูกทำโทษ"
"โธ่..หนูแก้วของชั้น..น่าสงสารจริง..ทำไมเคราะห์ร้ายอย่างนี้ แบบนี้ ชั้นต้องรับขวัญยังไงดีล่ะจ๊ะ คุณอิงอร..แต่ยังไงก็ตามนะ นางพยาบาลที่ทำให้หนูแก้วเจ็บ..ก็สมควรที่จะต้องได้รับกรรมอยู่ดี" พินิจทำหน้าโหด
มารตีในชุดไปรเวทยืนยิ้มอย่างสดใสด้วยความรู้สึกมีชัย พุฒิภัทรเดินออกจากลิฟท์มาอย่างอึ้งๆ
มารตีเดินเข้ามาหาแล้วยิ้มพร้อมกับยกนาฬิกาอวด "จะบ่าย1แล้ว พี่ชายภัทรผ่าตัดเสร็จ มารตีก็ออกเวรเหมือนกันค่ะ..ว่างแล้ว..ออกไปทานข้าวข้างนอกกันดีกว่า..นะคะ"
"พี่ไม่..”
พูดยังไม่ทันขาดคำพุฒิภัทรก็ต้องสะอึกเพราะเห็นหม่อมเอียดเดินเข้ามา พร้อมสมศรีที่ถือของใช้ส่วนตัวประดุจนางข้าหลวงหิ้วหีบหมากตามติดมาด้วย
"ไม่ว่างหรือ ชายภัทร ย่าอุตส่าห์จะมาชวน..ไปกินข้าวร้านเพื่อนป้า..เป็นร้านริมแม่น้ำ..ใกล้ๆโรงพยาบาลนี่เอง แวะออกไปกับป้านิดเดียว คงไม่เป็นปัญหามากนักกระมังหลาน..” หม่อมเอียดบอก
มารตีเข้าไปกอดหม่อมเอียดแล้วมองหน้าพุฒิภัทรอย่างสมใจ ว่าพุฒิภัทรต้องไม่กล้าขัด
"เอ่อ..แต่ว่า..บ่ายสองชายมีประชุม..ไม่สมควรจะออกไปข้างนอก..หม่อมย่าจะสะดวกไหมครับ..ถ้า..เราจะต้องรับประทานข้าวในโรงอาหารที่นี่"
"อุ๊ยตาย..จะให้หม่อมย่ารับประทานในโรงอาหารของโรงพยาบาลนี่น่ะ..” มารตีว่า
"ได้สิ ชายภัทร เธอลืมแล้วหรือ ว่าย่าเองก็เคยเป็นนางพยาบาลมาก่อน เมื่อสาวๆ ก็รับประทานข้าวในโรงอาหารเหมือนมารตีและนางพยาบาลทุกๆคนนี่แหละ ย่ากับหนูมารตีเนี่ย หัวอกเดียวกันเปี๊ยบเลยจ้ะ"
มารตีอึ้งและผิดหวังแต่ก็รีบยิ้มเอาใจเมื่อหม่อมย่ามองมา
"ถ้าหม่อมย่าจะไม่ลำบากจนเกินไป..ก็เชิญครับ" พุฒิภัทรบอก
"อุ๊ย ลำบากลำบนอะไรกัน มาหาว่าย่าแก่จนนั่งม้านั่งไม้ไม่ไหวแล้วหรือไงจ๊ะ" เอียดกอดแขนพุฒิภัทรแล้วเดินไป
มารตีรีบชิ่งมาอีกข้างของหม่อมเอียดโดยดันสมศรีออกไป สมศรีมองมารตีงงๆ มารตีรีบช่วยประคองแขนหม่อมเอียดอีกข้างอย่างสนิทสนม
เพียงพร ยศวินและนางพยาบาลอื่นๆ ยืนบรี๊ฟงาน กางแฟ้ม ถามตอบกันอยู่ด้านนึงอย่างจริงจัง นางพยาบาลคนหนึ่งกำลังนั่งคุกเข่าลงกับพื้น เพื่อใส่รองเท้าให้คนไข้อายุมากคนหนึ่งที่นั่งรถเข็นและรองเท้าหลุดออกมา
เสียงหัวเราะใสกิ๊งและดังเกินจริง เพื่อเรียกร้องความสนใจของมารตีดังขึ้น จนพวกพยาบาลที่กำลังทำงานหนักและจริงจังต่างก็หันไปมอง
พุฒิภัทร หม่อมเอียด และมารตีเดินเรียงหน้ากระดานมาด้วยกันในลักษณะดูสนิทสนมเป็นพิเศษแต่พุฒิภัทรมองไปด้านหนึ่งอย่างเซ็งๆ เพราะหม่อมเอียดล็อกแขนข้างหนึ่งของเขาไว้แน่นจนปลดไม่ได้ และอีกข้าง หม่อมเอียดก็ควงแขนมารตีอย่างเปิดเผย แถมคุยกับมารตีแล้วหัวเราะกันไปมา
"อุ๊ย..พวกเราเป็นทีมสามหม่อมกันนะคะ หม่อมย่า คือหม่อมราชวงศ์ พุฒิภัทร หม่อมเอียด..แล้วก็หนู..หม่อมหลวงมารตีไงคะ ตล้ก ตลกนะคะ"
หม่อมเอียดหัวเราะชอบใจ ส่วนพุฒิภัทรเครียด สมศรีแอบทำหน้าแหม่งๆ
ทั้งสามเดินผ่านไป พวกนางพยาบาลต่างหันมาสบตากันอย่างเสียดาย
"ถ้าสองคนนี้ต้องแต่งงานกันจริงๆ ฉันเสียดายคุณชายหมอแย่เลย..” พยาบาลคนหนึ่งพูด
"เขาพยายามจริงๆ แบบนี้ อาจารย์คงไม่รอด" ยศวินสรุป
"อะไรนะคะ" เพียงพรถาม
"เปล่าๆ ผมไม่พูดเรื่องคนอื่น" ยศวินบอก
ทุกคนระอามารตีไปตามๆ กัน
ไม่นานต่อมา สมศรีและคนขายกับข้าว 3 คนช่วยกันยกอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ซึ่งเป็นกับข้าว 5 อย่าง และข้าวสามจาน น้ำแข็งเปล่าสามแก้ว ผลไม้ 1 จาน ขนมกะทิไทยๆ สามถ้วย
แม้คนในโรงอาหารมีไม่มากนัก แต่ทุกคนก็หันมามองทั้งสามอย่างแปลกใจ
พุฒิภัทรเอาผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อเพราะรู้สึกอายคนเล็กน้อย มารตีจัดแจงเอาทิชชู่มาเช็ดช้อนให้ทุกคนก่อนจะจัดวางนั่นนี่ มารตีเลื่อนน้ำและทำทุกอย่างเอาใจหม่อมเอียดจนโอเว่อร์
"ดูสิ หนูมารตีนี่ก็น่ารักจริงๆ ช่างปรนนิบัติ สวยก็สวย อ่อนหวานก็อ่อนหวาน แบบนี้ต้องเป็นนางพยาบาลที่ดีแน่ๆ คนไข้คงติดกันเกรียวเลยสินะ”
"แหม..ก็ส่วนใหญ่ พวกที่ติดมารตี ก็เป็นคนแก่ กับเด็กๆน่ะค่ะ" มารตีบอก
"อุ๊ย..เหมือนย่าเลย..ตอนย่าเป็นพยาบาล มีแต่คนแก่กับเด็กๆมารัก แต่หนุ่มๆกลับย่า เพราะย่าดุ ใครมาทำตุกติกนะ..โดนดีแน่ๆ"
มารตีหัวเราะคิกคัก "แหม..สงสัยหนุ่มๆจะมาตุกติกกันเยอะเสียด้วยสิคะ เพราะหม่อมย่าสวยมาก”
หม่อมเอียดยิ้มแก้มแทบแตก "บ้าจัง..หนูมารตีเนี่ย..ย่าเขินนะ อุ๊ย คุยกะหนูมารตีสนุ้กสนุกนะ ชายภัทรเอ๊ะ แต่ทำไมชายภัทรเงียบจัง ดูใจลอยๆ คิดถึงอะไรอยู่หรือหลาน"
พุฒิภัทรกลืนอาหารให้เรียบร้อยแล้วเอาผ้าซับปากก่อนตอบ "อ๋อ..เปล่าครับ ผมหิว..เลยตั้งหน้าตั้งตารับประทานไปหน่อย"
หม่อมเอียดสบตามารตีแล้วยิ้มก่อนจะหันไปหาสมศรี "อ้อ นึกขึ้นมาได้ สมศรี ขอซองในกระเป๋าชั้นสิ"
"ซองผ้าป่าหรือคะ" สมศรีถาม
"บ้า..ผ้าป่านั่นเค้าให้ชั้นมาย่ะ ซองสีชมพูเล็กๆ แข็งๆ น่ะ"
สมศรีส่งซองให้
"อ่ะ" หม่อมเอียดเปิดซองออกมาเป็นบัตรวีไอพีสำหรับดูหนังที่โรงเฉลิมกรุง "บัตรเชิญ ดูภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ สองใบ พรุ่งนี้บ่าย ย่าไปไม่ได้ ชายภัทรพาหนูมารตีไปดูแทนที"
พุทธิภัทรที่กำลังดื่มน้ำอยู่แทบพ่นน้ำออกมา เขาต้องรวบรวมสติแล้วกลืนลงไปก่อนจะเอาผ้ามาซับ
มารตีถือวิสาสะดึงบัตรไปจากมือหม่อมเอียด "ขออนุญาตนะคะ หม่อมย่า..เรื่องอะไรคะ..อุ๊ย..เรื่องแม่นาคพระโขนง..ของรังสี ทัศนพยัคฆ์ แสดงโดย ปรียา รุ่งเรือง สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์..ไม่อยากจะเชื่อเลยค่ะ มารตีกำลังอยากดูหนังเรื่องนี้พอดี แต่ไม่ทราบจะชวนใคร พี่ๆน้องๆเขาก็กลัวผีกันหมด"
"งั้นหรือ บังเอิญจริง...ชายภัทร พรุ่งนี้หลานไม่ได้อยู่เวรตอนบ่ายนี่ ย่าโทถามเขาแล้ว พามารตีไปดูให้ได้นะ เข้าใจไหม" หม่อมเอียดถาม
พุทธิภัทรก้มหน้า "ครับ..ได้ครับ"
มารตียิ้ม "พี่ชายภัทรเอาบัตรไปเก็บไว้เองนะคะ มารตีกลัวทำหาย แต่อยู่กะพี่ชายภัทร ไม่หายแน่ๆ เพราะพี่ชายภัทรเป็นคนมีความรับผิดชอบสูง..มารตีรู้.." มารตีส่งบัตรให้พุฒิภัทร
พุฒิภัทรยิ้มขรึมๆ แล้วรับบัตรไปใส่ในกระเป๋าเสื้อ หม่อมเอียดมองพุฒิภัทรแล้วก็ขำๆ รู้สึกเอ็นดูและหวังดี
ณ วังจุฑาเทพยามค่ำคืน พุฒิภัทรในชุดนอนลายขวางกำลังนั่งเล่นเปียโนเพลงจังหวะสับสนอยู่ ธราธรที่อยู่ในชุดนอนแบบเดียวกันโผล่หน้ามาดู แล้วยืนมองอยู่ริมประตูแบบขำๆ
"นอนไม่หลับหรือ ชายภัทร" ธราธรถาม
พุฒิภัทรหยุดเล่นแล้วนั่งนิ่งๆ สักพักนึงก่อนจะหันมาทำหน้าเนือยๆ
"พี่ชายใหญ่หนวกหูหรือครับ ขอประทานโทษ"
พูดจบพุฒิภัทรก็เดินไปที่เคาน์เตอร์แล้วหยิบกระป่องชาคาโมไมล์ก่อนจะเดินไปเปิดกระติกน้ำร้อนธราธรมองตามทุกฝีก้าว "ดื่มชาคาโมไมล์..แปลว่า..ประสาทเสีย จนอยากจะสงบสติอารมณ์" ธราธรหัวเราะเบาๆ "นานๆจะเห็นชายภัทรคิดอะไรไม่ตกเสียที..มีอะไรจะให้พี่ช่วยไหม"
"พรุ่งนี้..หม่อมย่าให้ผมพาน้องมารตีไปดูหนัง" พุฒิภัทรบอก
ธราธรหัวเราะก๊าก "ว่าแล้วเชียว..คุณโอ๋เพื่อนพี่ที่เป็นบก.หนังสือเดลิเมล์วันจันทร์โทมาเล่าว่าคุณย่าโทมาขอบัตรรอบปฐมทัศน์หนังผีจากเค้า เค้ายังแปลกใจ ว่าทำไมคุณย่าอยากดูหนัง ปกติ ท่านจะดูแต่ละครกรมศิลป์ เรื่องไหนอาจารย์เสรี หวังในธรรมเล่นเป็นพระเอก เพื่อนพี่คนนี้จะคอยส่งตั๋วมาให้ท่านเสมอเป็นอันรู้กัน"
พุฒิภัทรชงชาเสร็จก็ถอนใจยาว "ผมเพิ่งเข้าใจ..ว่าพี่ชายใหญ่ กับพี่ชายรุจน์รู้สึกยังไง..ตอนนั้น..”
"ใจเย็นๆ หม่อมย่าท่านเป็นคนมีเหตุผล แม้ท่านจะเข้มงวด แต่ก็ไม่เคยบังคับจิตใจ"
"แต่ครอบครัวเรามีสัญญากับครอบครัวเทวพรหม..ตอนนี้พี่ชายใหญ่กับพี่ชายรุจน์มีคู่กันไปแล้ว..ก็เหลือแต่ผม..กับน้องอีกสองคน" ธราธรนั่งลงกุมถ้วยชาด้วยสีหน้าหมอง
"ชายภัทรไม่ได้รักชอบน้องมารตี..” ธราธรถาม
"ไม่เลยครับ ไม่ซักนิด" พุฒิภัทรตอบ
"หรือว่า..ชายภัทรมีคนที่ชอบอยู่แล้ว" ธราธรมองเพื่ออ่านใจ
พุฒิภัทรปฏิเสธเสียงหลง "เปล่าครับ ผมไม่มี!!”
ธราธรยิ้มขำ "ไม่มีแน่หรือ..”
พุฒิภัทรหน้าแดงและร้อนตัว "ผมรู้แล้ว ชายพีร์ต้องเป็นคนมาปล่อยข่าวแน่ๆ ไม่จริงนะครับ ผมไม่ได้มีอะไรกับคุณกรองแก้ว..ผมแค่เย็บแผลให้เค้าเฉยๆ ความสัมพันธ์ของเราก็คือ..แค่แพทย์ กับคนไข้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เธอหาย เธอก็..กลับบ้านไปแล้ว คือ..เธอมีปัญหาอะไรไม่ทราบครับ พี่ชายใหญ่ เธอแกล้งตกเวที แกล้งตกเตียง แกล้งทำรถเข็นล้ม เพื่อจะได้ไม่ต้องกลับบ้าน"
"ได้ข่าวว่า..ท่านพินิจก็รอรวบตัวเธอเข้าวิมานอยู่ไม่ใช่หรือ" ธราธรถาม
พุฒิภัทรหน้าตาสว่างขึ้นทันที "อ๋อ หรือว่า จะเป็นเพราะเหตุนี้ ที่ทำให้เธออยากจะนอนโรงพยาบาลให้นานที่สุด เพื่อหนี..จากการไปเป็นอนุท่านพินิจนี่เอง แต่ทำไมผมถามเท่าไหร่ๆก็ไม่ตอบ"
"เพราะเธอไม่แน่ใจละมั้ง..ว่าถ้าบอกไปแล้ว..คนที่โรงพยาบาล..จะเป็นพวกเดียวกับท่านพินิจหรือเปล่า เกิดมีใครแพร่งพรายออกไป อาจจะทำให้เธอเป็นอันตรายมากขึ้นก็ได้"
พุฒิภัทรร่าเริงขึ้นทันที "นั่นสิครับ จริงๆด้วย ทำไมผมคิดไม่ได้นะ ขอบคุณนะครับ ที่พี่ชายใหญ่ทำให้ผมตาสว่าง"
"ถ้าน้องมั่นใจว่าเป็นคนนี้ ก็อย่าให้หลุดมือไปเด็ดขาดนะ ชายภัทร"
พุฒิภัทรโวยวาย "เปล่านะครับ พี่ชายใหญ่ ผม..ไม่.. เอ้อ..คือ เค้าเป็นนางงาม!”
"แล้วไง..ถ้าหากเราแน่ใจว่าเค้าคือนางในฝันของเรา เราก็ควรจะเดินหน้าตามหัวใจตัวเองสิ นายเป็นคนมีเหตผลมาก ก็เก็บเอาไว้ใช้ทำงานเถอะ เรื่องของความรักน่ะ ฟังเสียงหัวใจอย่างเดียวก็พอ"
"ดึกมากแล้ว..ผม..ผมไปนอนดีกว่า" พุทธิภัทรวางชาแล้วเดินหนีไป
ทันทีที่พุฒิภัทรเดินพ้นไป รณพีร์ ปวรรุจ และรัชชานนท์ที่แอบฟังอยู่ก็โผล่มาแล้วหัวเราะขำกันไม่ยั้ง
รณพีร์ทำท่าทำเสียงล้อเลียนพุฒิภัทร "ผมไม่ ผมเปล่า..ผมไม่มีอะไร..ฮะๆๆ นี่หรือ คนไม่มีอะไร...ว่าอย่างไรครับ พี่ๆ ผมชนะพนันแน่ คราวนี้"
"พวกเราแพ้ก็ไม่เป็นไร ถ้าชายภัทรจะรักใครซักคนเข้าจริงๆ มันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ" ปวรรุจบอก
"พ่อฤาษีของเราออกจากเข้าฌานซะที" รัชชานนท์แซว "โอ้โห..พูดท่านั้นท่านี้ ที่แท้ ในใจก็มีแต่เรื่องของนางสาวศรีสยามอยู่คนเดียวนี่แหละ พี่ชายใหญ่สะกิดนิดเดียว พี่แกร้อนตัว หลุดออกมาเป็นชุดใหญ่ๆเลย"
"เอ้อ ช่างเป็นไปได้นะคนเรา เหลือเชื่อจริงๆ ใครจะคิด ว่าคนอย่างชายภัทร..จะรักผู้หญิงที่เป็นนางงามจริงๆ ด้วย" ธราธรบอก
ทั้ง 4 คุณชายฮาไม่เลิก
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 3 (ต่อ)
พุ่มดอกไม้ตรงริมทางเดินในโรงพยาบาล ยังมีน้ำค้างเกาะแวววาวสดใสสะท้อนแดดยามเช้า ส่วนในห้องพักผู้ป่วย กรองแก้วนอนลืมตาโพลงอยู่บนเตียง แววตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวล และคิดหนัก ระหว่างที่เพียงพรเข็นรถเข็นเข้ามาในห้อง
“ตื่นแล้วเหรอคะ” เพียงพรเข้ามาตรวจดูน้ำเกลือ “เป็นยังไงบ้าง ยังรู้สึกเจ็บแผลหรือเปล่า” เพียงพรถาม กรองแก้วนิ่งไม่ตอบ “ดิฉันขอดูแผลหน่อยนะ”
กรองแก้วชักขาหลบ “คุณชายหมอล่ะคะ”
“วันนี้ท่านไม่มีเวรค่ะ ถ้าไม่มีเหตุฉุกเฉินอะไรก็คงจะไม่เข้ามา แต่ท่านสั่งไว้นะคะ ว่าถ้าคุณกรองแก้วอาการดีแล้ว ไม่เจ็บแผลอะไร ก็รอให้น้ำเกลือหมดแล้วกลับบ้านได้”
“แต่…แต่ชั้นยังเจ็บอยู่เลย”
เพียงพรขมวดคิ้วแล้วมองกรองแก้วเหมือนรู้ทัน “แหน่ะ”
“เจ็บจริงๆ นะ..โอ๊ย..อูย...สงสัยแผลต้องติดเชื้อแน่ๆ แล้ววันนี้คุณชายหมอก็ไม่มา งั้นชั้นจะต้องค้างที่นี่อีกคืน รอให้คุณชายหมอมาดูแผลพรุ่งนี้ โอ๊ยๆๆๆ” กรองแก้วโอดโอย
“คุณกรองแก้ว”
“อย่ามาแตะต้องชั้น ออกไป!!”
เพียงพรหนักใจ “คุณแก้วคะ..วันนี้โรงพยาบาลมีสัมมนาหมอและพยาบาลนะคะ อาจจะไม่มีใครมาอยู่ดูแลคุณได้ตลอดเหมือนทุกวัน”
“ชั้นเจ็บแผลจริงๆ..ปวดมากๆ..โอ๊ยๆๆๆ!!”
เพียงพรหนักใจ “ค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะเอายาแก้ปวดมาให้”
เพียงพรเดินออกไป
ทันทีที่เพียงพรเดินออกไป กรองแก้วก็หยุดแหกปาก แล้วกลับมากลัดกลุ้มเพราะไม่รู้จะถ่วงเวลาต่อไปยังไงดี
“เราจะถ่วงเวลาไปได้อีกนานแค่ไหนเนี่ย พ่อจ๋าๆๆๆ ทำยังไงดีๆ”
กรองแก้วแสร้งแหกปากต่อไป “โอ๊ยๆๆ”
พวกพยาบาลคนอื่นๆ ทำงานอยู่ที่วอร์ด บ้างก็ทำงานเอกสาร บ้างก็กำลังยกยาไปให้คนไข้คนอื่นๆ แต่ทุกคนต่างชะงักเพราะได้ยินเสียงกรองแก้วแหกปากออกมา ทุกคนมองหน้ากันอย่างละเหี่ยใจเพราะรู้กันว่านางงามคนไข้คนนี้แผลงฤทธิ์อีกแล้ว
ยศวินเดินมา พยาบาลที่วอร์ด3คนกำลังเม้าท์กัน
“แผลก็แค่นั้น ร้องซะยังกับถูกระเบิด” พยาบาลคนหนึ่งบอก
“ผมว่าเธอจงใจหาเรื่องนอนโรงพยาบาล เพราะเหตุผลบางอย่าง” ยศวินออกความเห็น
“คุณหมอลองทายสิว่าเพราะอะไร”
“ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าหล่อนคิดอะไรกับคุณชายหมอพุฒิภัทรแน่ๆ” พยาบาลอีกคนสรุป
“ไม่ใช่มั้งครับ” ยศวินแย้ง “สวยขนาดนี้ คงไม่ลงทุนทำอะไรโง่ๆ”
“ก็สวย..แต่โง่ไงคะ”
“อาจารย์ยศวินลองเข้าไปชวนคุยสิคะ..” พยาบาลอีกคนเสนอ
“ผมว่า..คิดและพูดแบบนี้..ไม่ดีนะครับ นางพยาบาลชุดขาวเหมือนนางฟ้า ต้องคิดและพูดอย่างนางฟ้านะครับ” ยศวินเดินจากไป
พวกพยาบาลผงะและค้อนขวับ เพียงพรที่ฟังอยู่นานแล้วเดินเข้ามา
“อายไหม โดนคุณหมอว่า ส่วนชั้น..อายมาก..เห็นทีว่าจะต้องจัดอบรมจรรยาบรรณผู้ประกอบวิชาชีพใหม่แล้ว..ใครจะเป็นอะไร จะทำอะไร แต่ยังไงหน้าที่เราก็คือ..พยาบาล ไม่ใช่นักข่าวซุบซิบสังคม”
พวกพยาบาลถึงกับจ๋อย
“ชั้นต้องเข้าผ่าตัดใหญ่ จะกลับมาอีกทีตอนเย็น..คุณกรองแก้วยังไม่ได้ล้างแผล และต้องการยาแก้ปวด พวกเธอช่วยจัดการด้วย”
เพียงพรส่ายหน้าด้วยความหนักใจแล้วเดินออกไป
เสียงกรองแก้วร้องยังดังออกมา พวกพยาบาลหันมาเกี่ยงกันอย่างพร้อมเพรียง
“เมื่อวานชั้นโดนเยอะแล้ว วันนี้ขอตัว”
“ชั้นต้องไปเข้าสัมมนา”
“ชั้นต้องไปเข้าสัมมนา”
พุฒิภัทรที่แต่งตัวเหมือนจะออกไปโรงพยาบาลเดินออกมาจากห้องนอนแล้วรีบออกไปนอกบ้าน ถนอมกำลังยืนรออยู่หน้ารถ
“ถนอม..ชั้นจะไปโรงพยาบาล” พุฒิภัทรสั่ง
ถนอมยืนยิ้มแฉ่งไม่ยอมขยับเขยื้อน
“ได้ยินที่ชั้นพูดมั้ย”
“ได้ยินครับ แต่..”
พุฒิภัทรงง เอียดที่ยืนอยู่ข้างประตูทักขึ้นมา
“จะไปโรงพยาบาลทำไมจ๊ะหลานย่า”
“คุณย่า..”
“วันนี้หลานรับปากย่าแล้วว่าจะพาหนูมารตีไปดูหนังรอบปฐมทัศน์..อย่าบอกนะว่าลืม” เอียดถาม
“ผมไม่ได้ลืมครับ ผมแค่จะแวะไปโรงพยาบาลก่อน ว่ามีเหตุฉุกเฉินอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่มีจะได้สบายใจ” พุฒิภัทรบอก
“ถ้าไม่แวะไป มันก็ไม่มี หรือถึงมี หมอคนอื่นตั้งเยอะแยะ เขาจัดการกันเองได้”
“เอ่อ..คือ..คุณย่าอุตส่าห์มาจากตึก เพื่อมาหาผม เรื่องนี้เหรอครับ”
“ใช่ แล้วย่าก็คิดถูกที่มา..” เอียดสรุป “ไปรับหนูมารตี”
“ครับ” พุฒิภัทรรับคำ
พุฒิภัทรขยับจะไปขึ้นรถ
“เดี๋ยว..ไม่ใช่ชุดทำงาน..ไปเปลี่ยนชุดใหม่” เอียดสั่ง
“ครับ”
พุฒิภัทรเดินหลบเข้าไป เอียดยิ้มแย้ม
“มันต้องอย่างนี้ครับ.. ฮุๆๆๆๆ ไม่งั้น..คาดว่าจะโสดตลอดชีวิต” ถนอมว่า
เอียดมองหน้าถนอมคล้ายจะว่าเขาแส่ ถนอมสะดุ้งแล้วก้มหน้าจ๋อยๆ
ฝ่ายวิไลรัมภาช่วยมารตีแต่งตัว กำลังเอาสร้อยมุกสวมที่คอให้
“เรียบร้อยแล้วค่ะ แหม..ครบเครื่องจริงๆ ไม่ขาดอะไรเลย ..” วิไลรัมภาชม
มารตีนั่งมองตัวเองหน้ากระจกแล้วชื่นชมตัวเอง เธออยู่ในชุดเสื้อแขนกุดสีฟ้าเข้ารูป คอกว้างแต่ไม่ลึกจนเกินไป กระโปรงสั้นพองาม เอวกิ่ว สวมสร้อยมุก ผมโป่งสวอน มีที่คาดผมที่ดูนำสมัย
“พี่ดูสวยแล้วใช่มั้ย” มารตีถาม
“สวยมากค่ะ รับรองว่าผู้ชายทุกคนที่เฉลิมกรุงจะต้องอิจฉาคุณชายพุฒิภัทรแน่ๆที่ได้ควงสาวสังคมแสนสวยแห่งฟ้าบางกอก..อย่างหม่อมหลวงมารตี” วิไรรัมภาพูดกัดนิดๆ
มารตีตีแขนหยอกๆ “น้องวิไลรัมภาก็ พูดอะไรก็ไม่รู้ ฟังแล้วไม่งามเลย เฮ้อ..สร้อยมุกเส้นนี้ก็ยืมพี่เกษรามา..ความจนนี่มันแย่จริงๆ อยากได้อะไรเหมือนชาวบ้านเขาบ้างก็ไม่ได้”
“เอาน่า..ใจเย็นๆ แต่งงานกะพี่ชายภัทรเมื่อไหร่ คุณพี่มารตีก็จะรวยละ รอบปฐมทัศน์หนังดังระดับแม่นาคพระโขนง จะต้องมีนักข่าวเยอะแน่ๆ แต่เชื่อขนมกินได้เลยว่า คืนนี้อกเขาพระวิหารของปรียา รุ่งเรือง ก็ไม่น่าสนใจเท่าการควงกันไปดูหนังผี..ของหม่อมราชวงศ์พุฒิภัทร จุฑาเทพกับหม่อมหลวงมารตี เทวพรหม”
“จริงด้วยสิ นักข่าวต้องมาสัมภาษณ์พี่แน่ๆ พี่ควรจะทำยังไงดี”
“ข่าวลือเรื่องพี่กับคุณชายภัทร มีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มาออกงานด้วยกันครั้งนี้ ใครจะคิดยังไง ถ้าไม่ใช่สองคนนี้กำลังจะมีข่าวดี...แต่น้องกลัวว่า คุณชายภัทรจะรู้สึกไม่ดี” วิไรรัมภาบอก
“ไม่ดียังไง ฮะ?”
“ก็ถ้าพี่สองคนเป็นข่าวโด่งดัง มันก็จะเป็นเหมือนการผูกมัดกลายๆ ว่าคุณชายพุฒิภัทรจะต้องรับผิดชอบในตัวพี่มารตีน่ะสิคะ เพราะถ้าไม่อย่างนั้น พี่มารตีก็จะเสียเกียรติ ถูกคนเอาไปนินทา มันก็จะเป็นการไม่รักษาหน้าสกุลเทวพรหมเลย ซึ่งคนอย่างคุณชายพุฒิภัทร ไม่ทำอย่างนั้นหรอก..จริงมั้ยคะ”
มารตีทำตาแวววาว “ถ้าอย่างนั้น พี่ก็ไม่ควรทำตัวให้เป็นข่าวสินะ”
“ค่ะ ต้องเงียบให้สุดๆเลยนะคะพี่มารตี” วิไรรัมภาทำตาโตและยักคิ้วหลิ่วตาให้
แล้วสองสาวก็หัวเราะคิกคักด้วยกัน
ทันใดนั้นเสียงรถก็แล่นเข้ามา ทั้งสองสาวได้ยินก็รีบปราดไปเปิดม่านหน้าต่างมองออกไปทำให้เห็นรถพุฒิภัทรแล่นเข้ามา
“พี่ชายภัทรมาแล้ว!!” มารตีเผลอตัวจะถลาพุ่งออกไป แล้วเธอก็ชะงักหันมาหยิบกระเป๋าถือ “ไม่ๆๆ เราเป็นหม่อมหลวง กิริยามารยาทงดงาม ค่อยๆเดิน”
วิไลรัมภาขำสุดๆ
มารตีพยายามจะไม่วิ่งออกมาจากในบ้าน วิไลรัมภาควงแขนเดินมาส่ง พอสองสาวเห็นพุฒิภัทรก็ไหว้กันอย่างกระชดกระช้อย
“พี่ชายภัทร มาก่อนเวลานัดซะอีกนะคะ” มารตีบอก
พุฒิภัทรในชุดสูทสีเข้มนิ่งสงบและยิ้มตามมารยาท
“รีบไปเถอะ เดี๋ยวสาย” พุฒิภัทรบอก
พุฒิภัทรหันเดินไปที่รถแล้วเปิดประตูเชิญมารตี
วิไลรัมภาเข้ามากระซิบมารตี “คงจะเขิน” วิไรรัมภาเอาศอกกระทุ้งแหย่พี่สาว
มารตียิ้มเขินแล้วเดินตามไปขึ้นรถ พุฒิภัทรปิดประตูให้แล้วขึ้นไปนั่ง วิไลรัมภาโบกมือบ๊ายบาย
“ดูหนังให้สนุกนะคะ ไม่ต้องรีบกลับหรอกค่ะ ไปรับประทานไอศกรีมต่อกันแทนน้องด้วยน้า”
“เด็กบ้า..รู้ดีนัก” มารตีเขิน
พุฒิภัทรออกรถด้วยความเซ็ง
ป้ายโฆษณาหนังเรื่อง “แม่นาคพระโขนง” ตั้งเด่นอยู่ที่หน้าโรงหนัง พุฒิภัทรเดินนำเข้ามา ทันทีที่เห็นพวกนักข่าวกำลังรุมสัมภาษณ์ผู้กำกับอยู่ที่ด้านหนึ่ง พุฒิภัทรก็ตั้งใจจะเดินเลี่ยงเข้าไปด้านในทันที แต่มารตีกลับเข้ามาควงแขนเขาเอาไว้
มารตีพูดเสียงดังกว่าปกติ “คุณชายพุฒิภัทรขา..ดูนั่นสิคะ..รูปผีแม่นาค..น่ากลั๊ว..น่ากลัว..มารตีกลั๊ว..กลัวค่ะ”
พวกนักข่าวได้ยินก็รีบหันมา
“คุณชายพุฒิภัทร!”
“1ใน5สิงห์แห่งจุฑาเทพ!!”
บรรดานักข่าวกับช่างภาพแห่กันมา
พุฒิภัทรกระอักกระอ่วนจนอยากจะเดินเลี่ยงหนี
“คุณชายพุฒิภัทร หม่อมหลวงมารตีนี่นา...โห..ขอถ่ายรูปคู่ทีนะครับ”นักข่าวบอก
“ยินดีค่ะ” มารตีรีบตอบ
มารตีควงแขนพุฒิภัทรไว้แล้วโพสต์ท่าใกล้ชิดพร้อมกับฉีกยิ้มหวาน
“มารตี..”
“ก็แค่ถ่ายรูปเองค่ะพี่ชาย”
พุฒิภัทรหน้าตึงเพราะไม่สนุกด้วย เขารู้เจตนาของมารตีที่อยากให้เป็นข่าว
“ยิ้มหน่อยสิครับคุณชาย” นักข่าวขอ
พุฒิภัทรหน้านิ่ง “เอ่อ แค่นี้ก่อนดีกว่านะครับ”
มารตีเกาะแขนกระเง้ากระงอด “หนังยังไม่ฉายเสียหน่อย จะรีบไปไหนคะ..เราอยู่คุยกับพี่ๆนักข่าวก่อนก็ได้”
“พี่ไม่มีอะไรจะคุย แต่ถ้าน้องมารตีอยากจะอยู่คุยอะไร ก็เชิญเถอะ”
นักข่าวไม่ยอมให้ไปง่ายๆ ทุกคนยังล้อมไว้
“เดี๋ยวสิครับคุณชาย..ผมขอถามคำถามเดียวก็ยังดีนะครับ..เอ่อ ไม่ทราบเมื่อไหร่จะมีข่าวดีครับ”
พุฒิภัทรกับมารตีพูดพร้อมกัน “ยังครับ” / “เร็วๆนี้ค่ะ”
พวกนักข่าวแปลกใจว่าตกลงยังไงแน่
พุฒิภัทรจะอธิบายให้ชัดเจน “คือว่า..”
มารตีรีบพูด “คือพี่ชายคงจะเขินน่ะค่ะ..แหม ทุกคนในพระนครก็รู้กันดีอยู่ว่าสกุลจุฑาเทพกับสกุลเทวพรหม เรามีสัญญาใจต่อกัน พี่ๆของคุณชายภัทรก็มีคู่หมั้นคู่หมายไปหมดแล้ว..ใครล่ะคะจะเป็นคนต่อไป”
พวกนักข่าวฮือฮาๆ และยินดีด้วย
“ใช่ครับ พี่ๆ ของผมโชคดีที่ได้รักกับคนที่เขารักแล้ว..แต่สำหรับผม..คงไม่ใช่เร็วๆนี้แน่” พุฒิภัทรพูดจริงจังจนเกือบจะเป็นดุ “เพราะผมอยากจะทำงานเพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติก่อน..และไม่แน่..ปีหน้าผมอาจจะเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศก็ได้”
“ดูงานต่างประเทศ? อะไรคะ ทำไมมารตีไม่เคยทราบ” มารตีบอก
“พี่กำลังตัดสินใจอยู่ ท่านผู้อำนวยการบอกว่ามีโรงพยาบาลทุน สำหรับไปศึกษาเพิ่มเติมทางด้านสมองและประสาท..พี่อาจไปสักสองสามปี..หรือมากกว่านั้น”
“แต่..”
พุฒิภัทรตัดบท “หนังจะเริ่มฉายแล้ว ขอตัวนะครับ”
พุฒิภัทรก้าวเดินฉับๆ เข้าโรงหนังไปอย่างรวดเร็ว
มารตีอึ้งเพราะหน้าแตก เธอมองนักข่าวแล้วไม่รู้จะตอบอะไรต่อจึงยิ้มฝืดๆ และยกมือไหว้ลาอย่างรักษาภาพ
แล้วรีบหันเดินตามพุฒิภัทรเข้าโรงหนังไป
พุฒิภัทรเดินจะเข้าโรงหนัง มารตีที่หน้าบูดหน้าบึ้งตามมาคาดคั้น
“ทำไมพี่ชายภัทรพูดกับนักข่าวอย่างนั้นล่ะคะ”
“พูดแบบไหน” พุฒิภัทรถามกลับ
“ก็พูดว่าเราไม่มีแผนจะแต่งงานกัน ทำอย่างนี้น้องก็เสียหน้าน่ะสิคะ”
“ถ้าพี่บอกว่าจะแต่งสิ น้องมารตีจะลำบาก น้องก็รู้ว่าข่าวในพระนครกระพือเร็วจะตาย ยิ่งเราให้สัมภาษณ์นักข่าว ทุกคนก็ยิ่งจับตามอง แล้วถ้าเกิดพี่ต้องไปดูงานหลายปี น้องอยู่ทางนี้จะทำยังไง”
มารตีพูดด้วยแววตาตัดพ้อ “น้องก็จะรอพี่ชายภัทร นานแค่ไหนน้องก็รอได้”
“น้องเป็นหญิง..ถ้ามีข่าวเช่นนี้ออกไป ผู้ชายคนไหนจะกล้าเข้ามาจีบ”
“แต่..แต่น้องไม่ต้องการให้ใครมาจีบ น้องระ..” มารตีจะพูดว่ารักพุฒิภัทรคนเดียว แต่ด้วยความเป็นกุลสตรีเธอรู้ดีว่าไม่ควรเป็นฝ่ายเอ่ยปากออกมาก่อนจึงได้แต่อ้ำอึ้งๆ “เอ่อ..”
“มารตี..คนเรา ถ้าจะแต่งงานกัน ก็ต้องเรียนรู้นิสัยใจคอกันมากกว่านี้..การให้สัมภาษณ์ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น เพราะอนาคตมันก็เป็นเรื่องของเราสองคน..น้องมารตีทั้งสวยและเป็นกุลสตรี จะปิดตัวเองเพื่ออนาคตที่ไม่แน่นอนงั้นหรือ ไม่แน่พี่อาจไปดูงานต่างประเทศแล้วไม่กลับมาเลยก็ได้”
มารตีกำมือแน่นแล้วพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “พี่ชายภัทร..”
พุฒิภัทรเอื้อมมือมาแตะไหล่แล้วบีบเบาๆ “ตอนนี้น้องยังคิดแบบเด็กๆ..อาจจะยังไม่เห็นดีเห็นงาม แต่ในอนาคตน้องจะเข้าใจ..ที่พี่ทำไปทั้งหมดเพราะเห็นแก่น้อง” พุฒิภัทรตัดบท “เข้าโรงหนังเถอะ”
พุฒิภัทรเดินเข้าไปในโรงหนัง
มารตีพึมพำ “ไม่..มารตีไม่ยอม..ไม่ยอมเด็ดขาด ถ้าไม่ได้แต่งกะพี่ มารตีก็ต้องจมอยู่กับความจนสิ”
คนแถวนั้นมอง มารตีหันมาเห็นก็สะดุ้ง แล้วเธอก็เชิดๆ เข้าไป
พยาบาลกำลังพยายามขอให้กรองแก้วกินยาแก้ปวด แต่กรองแก้วไม่กิน เธอเอาแต่ร้องปวด
“ไม่กินๆๆ ชั้นปวดแผลมาก กินอะไรไม่ลงทั้งนั้น ช่วยด้วย ปวดแผลที่สุดในโลก..ช่วยด้วย”
“ก็ช่วยอยู่นี่ไงคะ ยาแก้ปวดค่ะ กินก่อนสิคะ” พยาบาลบอก
“ไม่!! ชั้นบอกแล้วไงว่าจะอยู่รอคุณชายหมอมาตรวจแผลอีกคืน..ทำไมจะไม่ได้..ชั้นยังเจ็บและปวดมากขนาดนี้ จะกลับบ้านได้ยังไง ยังไงชั้นก็ไม่กลับ เข้าใจมั้ย”
“เอ่อ ค่ะ ทานยาก่อนเถอะค่ะ ดิฉันต้องไปดูแลคนไข้อื่นๆต่อ” พยาบาลบอก กรองแก้วไม่สนใจ เธอนอนดิ้นอยู่บนเตียงและไม่ยอมกินยา “งั้น..ดิฉันวางยาไว้ตรงนี้นะคะ”
พยาบาลวางยาไว้แล้วเดินออกไปอย่างระอา ทันใดนั้นกรองแก้วก็เลิกเล่นละคร เธอลงจากเตียง ด้วยความกระวายกระวายแต่ยังคงร้องโอดโอยเป็นระยะๆ
“เราจะทำยังไงดีๆๆ..โอ๊ย ปวดจังเลย ช่วยด้วย คุณหมอ..” กรองแก้วยื่นปากไปทางประตู “ไม่รู้จะถ่วงเวลาได้อีกแค่ไหน เนี่ย.” กรองแก้วไม่อยากจะคิด “หรือว่าจะหนี” กรองแก้วมองไปที่ระเบียงห้องพัก “แล้วเงินรางวัลการประกวดล่ะ..โอ๊ยๆ..ปวดแผลมาก ใครช่วยแก้วทีค่า..”
ทันใดนั้นก็มีคนเดินเข้ามา กรองแก้วได้ยินเสียงประตูเปิดก็คิดว่าเป็นพยาบาลคนเดิมอีกเธฮจึงรีบแสร้งทำท่าว่าเจ็บปวดทันที
“โอ๊ย ปวดเหลือเกิน”
แต่แล้วพอหันกลับมากรองแก้วก็ต้องผงะ จนแทบกรี๊ดเมื่อเห็นไกรฤกษ์ยืนยิ้มอยู่
“ว้าย!”
“เจ็บมากขนาดนี้ สงสัยจะต้องจับฉีดยาซะแล้ว”
พูดจบไกรฤกษ์ก็ปิดประตูแล้วล็อกทันที
กรองแก้วผงะแล้วถอย “คุณไกรฤกษ์..คุณ..มาได้ยังไง แล้วน้าอิงอรล่ะ”
ไกรฤกษ์เดินเข้าต้อน “แม่ชั้นไม่ว่าง เขาเลยให้ชั้นมารับเธอกลับบ้านแทน..ไปกับชั้นนะแก้ว”
“แก้ว...แก้วยังเจ็บแผลอยู่เลย”
“ยังเจ็บแผล หรือไม่อยากกลับ ถ้าเธอไม่อยากกลับบ้าน ก็บอกมาตามตรงดีกว่าแก้ว...ชั้นเป็นพวกเธอนะ”
“ชั้นว่าคุณกลับไปก่อนเถอะ”
กรองแก้วจนมุม คิดจะวิ่งหนีแต่ไกรฤกษ์จับแขนเธอไว้แล้วดึงมากอด
ไกรฤกษ์กอดกรองแก้วจากด้านหลังแล้วเอาคางมาวางตรงซอกคอ “ชั้นอยากช่วยเธอนะแก้ว ชั้นรู้ว่าเธอไม่อยากถูกส่งตัวไปหาท่านพินิจ..ใช่มั้ย..สาวๆสวยๆอย่างเธอ ไม่มีใครอยากเป็นเมียน้อยคนแก่รุ่นราวคราวพ่อหรอก มันต้องรุ่นราวคราวเดียวกันอย่างชั้น”
“ปล่อยแก้วนะ ปล่อย!”
กรองแก้วพยายามดิ้นแต่กลับถูกจับเหวี่ยงกดลงไปบนเตียง
“มาเป็นเมียชั้นเถอะคนสวย”
ไกรฤกษ์โน้มตัวเข้าหาแล้วเอาหน้าซุกไซร้ กรองแก้วแก้วร้องลั่น
พยาบาลที่หน้าวอร์ดกำลังจะเอายาไปให้คนไข้อีกห้อง ได้ยินเสียงกรองแก้วร้องดังมาก็ชะงัก
“อ๊าย..ช่วยด้วยๆๆ”
ยศวินเดินมา
“คุณแก้ว..” ทีแรกยศวินทำท่าจะรีบไปหา แต่แล้วเขาก็หยุดชั่งใจ “แหม ร้องซะ..สมจริงสมจัง”
“เห็นไหมล่ะคะ คุณหมอ ว่าหล่อนต้องเรียกร้องความสนใจอีกแน่ๆ..สวยแต่บ้าจริงๆ” พยาบาลบอก
ยศวินรีบเดินไปอีกทาง พยาบาลส่ายหน้าด้วยความระอาแต่ไม่สนใจ
ก่อนจะเดินถือถาดยาไปหาคนไข้คนอื่นต่อ
ด้านไกรฤกษ์ยังคงไซร้หน้าไปที่คอกรองแก้วไม่หยุด กรองแก้วทั้งดิ้นทั้งผลักแต่สู้แรงไม่ไหวจึงตัดสินใจกัดเข้าที่บ่าไกรฤกษ์เต็มเขี้ยว
“โอ๊ย!!”
กรองแก้วผลักไกรฤกษ์ออกแล้วรีบหนีไปที่ประตู เธอปลดล็อกแล้วเปิดประตูกำลังจะออกไป แต่ออกไปได้แค่ก้าวเดียว ไกรฤกษ์ก็พุ่งเข้ามาจับตัวแล้วกระชากดึงตัวเธอกลับเข้าไปในห้อง
กรองแก้วถูกเหวี่ยงกลับเข้าไป ไกรฤกษ์ปิดประตูล็อกอีกครั้ง
“ชอบให้ออกแรงใช่มั้ย”
กรองแก้วหน้าซีด
ขณะเดียวกัน ภาพในจอภาพยนตร์ถึงฉากที่แม่นาคกำลังคลอดลูกก่อนที่จะตาย พวกคนดูต่างหวาดเสียว มารตีปิดตาแล้วมองลอดร่องนิ้ว พุฒิภัทรตามองจอหนังแต่ใจกลับเหม่อลอยเห็นภาพกรองแก้วลอยเข้ามา ทั้งตอนที่กรองแก้วพยายามร้องเพราะเจ็บ ภาพแววตากรองแก้วในขณะประกวดนางงามที่มองมาอย่างเว้าวอนขอความช่วยเหลือ และภาพแววตากรองแก้วขอนอนค้างที่โรงพยาบาล
พุฒิภัทรจมอยู่ในห้วงความคิด ตาของเขามองภาพในจอแต่สมองยังคิดแต่เรื่องกรองแก้วโดยไม่ได้ใส่ใจภาพในจอเลย มารตีที่นั่งข้างแอบมองพุฒิภัทรแล้วค่อยๆ เอามือมาเกาะแขน
“น่ากลัวจังเลยค่ะพี่ชายภัทร”
พุฒิภัทรยังคงนั่งนิ่งเหมือนไม่รู้ตัว
มารตีแอบยิ้มเพราะคิดว่าพุฒิภัทรเต็มใจ เธอจึงเอียงคอซบไหล่
ทันใดนั้น ภาพในจอหนังก็เป็นตอนที่ผีแม่นาคโผล่ออกมา คนในโรงกรี๊ด มารตีกรี๊ดดังกว่าใคร แล้วผวากอดพุฒิภัทรแน่นร้องกรี๊ด
“อ๊าย”
มารตีกอดพุฒิภัทรแน่นราวกับจะซึมเข้าไปในร่างกายของเขา
พุฒิภัทรสะดุ้งเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าโดนทำอะไร เขาหันมามองดุๆ ว่ามารตีทำอะไรกับเขา
ทางด้านกรองแก้วยกมือไหว้ไกรฤกษ์ด้วยความกลัว
“แก้วไหว้แล้ว อย่าทำอะไรแก้วเลยนะ”
ไกรฤกษ์เดินเข้าหา “โถ ชั้นไม่ทำให้เธอเจ็บหรอกแก้ว มีแต่จะให้ความสุขกับเธอ และชั้นรับรองนะว่าเธอจะต้องติดใจ”
ไกรฤกษ์พุ่งเข้ามาจับตัว กรองแก้วจะหนีแต่ก็ไม่รอด ไกรฤกษ์จับตัวกรองแก้วแล้วดันไปจนติดกับกำแพง กรองแก้วพยายามร้อง ดิ้น แล้วก็เหลือบไปเห็นแจกันดอกไม้ที่หัวเตียงจึงคว้ามาฟาดหัวไกรฤกษ์ด้วยสัญชาติญาณ
“โอ๊ย!!”
ไกรฤกษ์ร้องลั่น เซด้วยความเจ็บ เขายกมือกุมหัว พอเอามือที่กุมมาดูก็พบว่ามีเลือดติดมาด้วย ไกรฤกษ์แค้น
“อีนี่..อีบ้า มึง..อีแก้ว เนี่ยเหรอวะ นางสาวศรีสยาม..อีใจทมิฬ..หน็อย ชอบเล่นเจ็บๆใช่มั้ย”
กรองแก้วตกใจจึงรีบวิ่งไปกระชากประตูห้องเปิดแล้ววิ่งหนีออกไปจากห้อง ไกรฤกษ์วิ่งตาม
กรองแก้ววิ่งหนีออกมาจากห้องพักแล้วจะไปที่ล้อบบี้เพื่อจะขอความช่วยเหลือจากหมอและพยาบาลที่เค้าน์เตอร์ซึ่งยศวินกับพยาบาลคนอื่นๆ กำลังตอบปัญหาญาติของคนไข้อยู่ แต่ไกรฤกษ์วิ่งมาคว้าแขนแล้วดึงตัวของเธอ กรองแก้วสะบัดแล้วผลักไกรฤกษ์ออก ก่อนจะวิ่งหนีไปอีกทาง
ไกรฤกษ์วิ่งไล่ตาม กรองแก้ววิ่งหลบจะเข้าไปในห้องๆนึง แต่ไกรฤกษ์พุ่งเข้ามาคว้าประตูไว้ไม่ยอมให้กรองแก้วปิด ทั้งสองยื้อแรงกันจนในที่สุดกรองแก้วก็แพ้ ไกรฤกษ์กระชากประตูเปิดออกได้
กรองแก้วรีบวิ่งหนีเข้าไปในห้องที่เก็บอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ซึ่งมีชั้นวางของเรียงเป็นล็อคๆ เป็นช่องๆ กรองแก้วซ่อนอยู่ในมุมที่เป็นซอกเล็กๆระหว่างตู้ ไกรฤกษ์มองหาราวกับเสือล่าเหยื่อ
“บนเตียงสบายๆ ไม่ชอบ ชอบพื้นแข็งๆ ใช่มั้ย”
กรองแก้วนั่งกอดเข่าคุดคู้ กลัวจนตัวสั่นเทิ้ม พลางยกมือพนม
“พ่อจ๋า..ช่วย..แก้วด้วย..”
มารตีร้องกรี๊ดด้วยความกลัวแล้วซุกหน้ามุดบ่าพุฒิภัทร
“มารตี..” พุฒิภัทรพยายามจะดึงแขนออก
แต่มารตียิ่งกอดแน่น
“น้องกลัว ว้ายๆๆๆ”
คนดูรอบๆ หันมามอง
พุฒิภัทรเห็นคนมองมาก็พยายามปลอบ “มันมีอะไรหรอกมารตี ในจอนั่นก็คนแสดง เขาไม่ใช่ผีจริงๆ”
“ก็น้องกลัว”
“แต่นี่มันที่สาธารณะ..”
“น้องหนาวด้วย น้องใส่เสื้อแขนกุด”
พุฒิภัทรถอนใจแล้วถอดเสื้อสูทให้ “เอ้า เอาไปใส่ จะได้หายหนาว”
มารตีเสียงดังขึ้นมา “ไม่เอาคะ ไม่ใส่” มารตีผลักเสื้อคืน “น้องจะกอดแขนพี่ชาย.. ถ้าไม่ให้น้องกอดพี่จะให้ไปกอดคนอื่นหรือไงคะ..” มารตีมองในจอแล้วก็ตกใจ “ว้าย!!” มารตีกอดพุฒิภัทรอีก “น้องขอร้อง น้องกลัวจริงๆ พี่ชายอย่าทิ้งน้องนะ ช่วยน้องด้วย”
มารตีอ้อนและกอดแน่น
พุฒิภัทรอึ้ง เขาถือเสื้อไว้แล้วกลับคิดไปถึงคำพูดของกรองแก้ว
ภาพกรองแก้วดีใจมาก และพนมมือยิ้มน้ำตาไหลเป็นทางย้อนกลับมา “ขอบพระคุณค่ะ คุณหมอ ขอบพระคุณ..อย่างหาที่สุดมิได้..คุณหมอไม่ทราบหรอก ว่าได้ทำบุญกับสัตว์ผู้ยากขนาดไหน..ชั้นจะไม่ลืมบุญคุณของหมอครั้งนี้เลยค่ะ”
พุฒิภัทรมองหน้าที่สวยและน่ารักน่าสงสารนั้นอย่างตกตะลึง
กรองแก้วเช็ดน้ำตาแต่พยายามยิ้มแบบประจบให้เขาสงสารสุดชีวิต
พุฒิภัทรใจลอยคิดถึงอดีตจนไม่อยู่กับปัจจุบัน และไม่สนมารตีที่เกาะอยู่ที่แขนเลย
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 3 (ต่อ)
ฟากกรองแก้วยังคงขดตัวอยู่ที่เดิม เสียงเท้าไกรฤกษ์เดินตามหาดังน่ากลัว กรองแก้วมองผ่านช่องระหว่างชั้นก็เห็นเท้าไกรฤกษ์เดินเข้ามาใกล้ กรองแก้วปิดปากตัวเองไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดออกมา
กรองแก้วค่อยๆ คลานไปคนละทิศกับที่ไกรฤกษ์เดิน เป้าหมายของเธออยู่ที่ประตู กรองแก้วกำลังจะถึงประตู แต่อยู่ๆ ไกรฤกษ์ก็โผล่มายืนขวางจนกรองแก้วผงะตกใจจนหงายหลังไปก้นจ้ำเบ้า กรองแก้วเสือกไสตัวเองเพื่อจะหนี
ไกรฤกษ์ยิ้มแล้วเดินไล่ กรองแก้วจะลุกวิ่ง แต่ไกรฤกษ์ตะครุบคว้าขากรองแก้วแล้วลากกลับมา ก่อนจะคร่อมกรองแก้วเอาไว้ทั้งตัวแล้วกดหัวไหล่
“ไหนว่าขาเจ็บไงจ๊ะ วิ่งคล่องเชียว”
ทันใดนั้นพยาบาลคนหนึ่งมาจับลูกบิดประตูเพื่อจะเปิดห้อง กรองแก้วจะร้อง ไกรฤกษ์รีบตะครุบแล้วเอามือปิดปากกรองแก้วแน่น กรองแก้วได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ๆ
พยาบาลเดินเข้ามามองหา แล้วหยิบของในบริเวณที่ใกล้กับที่กรองแก้วถูกจับอยู่ แต่พยาบาลมองไม่เห็นสองคน พอได้ของที่ต้องการเสร็จพยาบาลก็เดินออกไป กรองแก้วสิ้นหวัง ไกรฤกษ์ยิ้ม
“ไม่มีใครมาขัดจังหวะความสุขของเรา” ไกรฤกษ์บอก
ไกรฤกษ์ยังพูดไม่ทันจบ กรองแก้วก็ฮึดเอาหัวกระแทกหน้าไกรฤกษ์เต็มๆ
“โอ๊ย!!”
กรองแก้วผลักไกรฤกษ์ออกแล้วรีบวิ่งไปที่ประตู
“ชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ อีนี่มันนางงาม หรือนักกีฬามวยปล้ำวะ”
กรองแก้ววิ่งออกไป ไกรฤกษ์วิ่งตาม
กรองแก้ววิ่งออกมามองหา เธอเห็นพยาบาลคนเดิมเดินไปอีกด้านไกลๆ ก่อนจะเดินเลี้ยวผ่านมุมไป กรองแก้วรีบวิ่งตามไปขอความช่วยเหลือ
“คุณคะ..คุณ..”
กรองแก้ววิ่งไป แต่แล้วเธอก็ต้องช็อกเพราะพอเธอวิ่งเลี้ยวมุมมาก็พบว่าพินิจยืนอยู่ มีอิงอรกับสุนันท์ยืนข้างหลัง ตามด้วยทส. ที่หิ้วกระเช้าดอกไม้แบบสมัยก่อนที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งผายๆ
กรองแก้วผงะและอึ้ง พินิจมองกรองแก้วหัวจรดเท้าพอเห็นว่ากรองแก้วยืนและวิ่งได้ก็งงๆ
ไกรฤกษ์วิ่งตามมาพอเห็นหน้าพินิจก็แทบร้องจ๊าก เขารีบหลบกลับเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูยืนพิงทันที สุนันท์เห็นไกรฤกษ์มุดหลบเข้าไปพอดีก็ทำหน้าช็อค กรองแก้วหน้าซีดและคิดหาทางเอาตัวรอด
“หนูแก้ว...ไหนเธอบอกว่าเจ็บมาก...ลุกไม่ไหวไม่ใช่เหรอ” พินิจถาม
“ก็แสดงว่าหายดีแล้วน่ะสิคะท่าน” อิงอรบอก
“งั้นหนูแก้วก็กลับบ้านได้แล้วสิ”
พินิจจะเข้ามาประคอง
“มามะๆ ว่าจะมาเยี่ยมดูอาการนางสาวศรีสยามซะหน่อย ไม่นึกเลย ว่าจะได้รับเธอกลับไปด้วยตัวเอง”
กรองแก้วถอย พินิจงง กรองแก้วทรุดลงไปคุกเข่าแบบสิ้นท่า แล้วเธอก็กุมท้องก่อนจะร้องออกมา
“โอ๊ยๆๆๆๆๆ”
“เมื่อกี้วิ่งออกจะปร๋อ นี่มาเป็นอะไรอีก เธอไม่ต้องเล่นละครเลย ลุกขึ้นมา”
สุนันท์กระชากแขนกรองแก้วแล้วก็ดึงตัวให้ยืน กรองแก้วไม่ให้ใครแตะตัว เธอดิ้นอย่างรุนแรง จนสุนันท์เซไป
“ที่วิ่ง...เพราะ..เพราะปวดท้องมาก..ปวดจะตายอยู่แล้ว ท้องก็เสีย..ผายลมตลอดเวลา เหม็นมากเลยค่ะ” กรองแก้วทำปากพ่นลมแล้วเอามือบังไว้ “ปู้ดๆๆๆ”
“นี่! อีนี่..แกเป็นคนดีหรือคนบ้าเนี่ย นังแก้ว!!” สุนันท์ว่า
อิงอรปรามสุนันท์ เพราะอยู่ต่อหน้าพินิจ “ยัยนัน!”
สุนันท์รู้สึกขัดใจ
พินิจพลอยเอามืออุดจมูกไปด้วย “พยาบาลๆๆ พยาบาลอยู่ไหน!!”
พวกพยาบาล 2-3 คนวิ่งมา
พินิจตะคอกสั่งพลางอุดจมูกไปด้วย “โรงพยาบาลนี้เอาอะไรให้หนูแก้วกิน ทำไมมีโรคแทรกซ้อนแบบนี้ สงสัยจะเกี่ยวกับลำไส้แน่ๆ ไป..พาหนูแก้วไปรักษา..แล้วก็ไปตามหมอที่เก่งที่สุดมา ถ้าหนูแก้วเป็นอะไรไป ชั้นจะเอาเรื่องโรงพยาบาลนี้แน่”
พวกพยาบาลหงอแล้วรีบดูแลกรองแก้วด้วยการเอารถเข็นมารับ
“อดทนหน่อยนะหนูแก้ว อั้นไว้ๆ เดี๋ยวจะเสียภาพพจน์นางสาวศรีสยามนะจ๊ะ” พินิจบอก
พยาบาลเข็นรถที่กรองแก้วนั่งไป พินิจเดินตามไปโอ๋ สุนันท์กับอิงอรรู้ทันกรองแก้ว
“แม่ก็เห็นว่านังแก้วมันโกหก” สุนันท์บอก
“เออ ชั้นรู้ แต่แกให้ท่านพินิจรู้ไม่ได้ว่าเราบังคับนังแก้ว ประเดี๋ยวก็ได้ชวดเงินทั้งหมดหรอกนังโง่”
กรองแก้วกังวลว่าตัวเองจะรอดเปล่า
พุฒิภัทรนั่งกระสับกระส่าย เขามองภาพในจอสลับกับมองนาฬิกา มารตียังคงนั่งปิดหน้าเพราะกลัวผีอยู่ ทันใดนั้นพุฒิภัทรก็ทนไม่ได้ เขาลุกขึ้นยืนแล้วจะเดินออกไป แต่มารตีคว้ามือของเขาเอาไว้
“พี่ชายภัทรจะไปไหนคะ”
ภาพในจอเป็นฉากที่แม่นาคมือยาวเอื้อมมาเก็บลูกมะนาวพอดี พุฒิภัทรอึกอัก ส่วนมารตีร้องกรี๊ดเพราะกลัวผี คนดูแถวหลังมองพุฒิภัทรที่ยืนว่าบังจอในจังหวะสำคัญพอดี พุฒิภัทรไม่อยากเสียมารยาทจึงต้องนั่งลงที่เดิม พุฒิภัทรนั่งอย่างกระสับกระส่ายแต่แล้วก็ทนไม่ได้
พุฒิภัทรพูดกับมารตี “พี่ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมานะ ฝากเสื้อไว้ด้วย ไม่ต้องตามมา..พี่ไปห้องน้ำชาย..”
พุฒิภัทรทิ้งเสื้อสูทแล้วรีบลุกพรวดออกไปทันที
มารตีผงะห้ามไม่ทันทำหน้ากระเง้ากระงอด ก่อนจะเอาเสื้อสูทมาใส่แล้วมองหน้าคนอื่นๆ ที่มองเธอแบบเชิดๆ
พุฒิภัทรเดินออกมานอกโรงหนังในสภาพไร้เสื้อนอก เขาถอนใจราวกับคนหายใจไม่ออกเพราะอึดอัดมานาน เมื่อเริ่มผ่อนคลายพุฒิภัทรก็เริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง
“เราเป็นอะไร..ไม่ๆๆ ที่เราคิดถึงเขา เพราะเราเป็นหมอที่มีความรับผิดชอบ เราก็แค่ห่วงคนไข้ ก็แค่นั้น..ใช่มันต้องเป็นอย่างนั้น” พุทธิภัทรเหลือบไปเห็นโทรศัพท์สาธารณะของโรงหนัง “เราควรจะโทรไปโรงพยาบาลสักหน่อย ตามประสาหมอที่มีความรับผิดชอบ” พุทธิภัทรจะเดินเข้าไปที่โทรศัพท์แต่ก็ชะงัก “แต่ถ้าเราโทรไป คนอื่นจะมองว่าเราใส่ใจนางงามออกนอกหน้าหรือเปล่า” พุทธิภัทรหันกลับ “ไม่ดีกว่า” พุทธิภัทรหันไปที่โทรศัพท์อีกครั้ง “แต่ถ้ามีอะไรฉุกเฉินล่ะ”
พุฒิภัทรหันกลับไปกลับมาเพราะเริ่มสับสน คนดูแลโรงหนังเห็นอาการพุฒิภัทรแต่แรกเดินเข้ามาหา
“ห้องน้ำทางนั้นครับ” คนดูแลบอก
พุฒิภัทรงง “หือ”
“คุณเดินเต้นไปเต้นมาอย่างนี้ ดูก็รู้ว่าปวดมาก..ทางนั้นครับ”
“ผม..เอ่อ..ใช่ ผมอยากเข้าห้องน้ำ”
คนดูแลยิ้ม พุฒิภัทรหันกลับจะเดินไปห้องน้ำ แต่แล้วเขาก็หันกลับมาที่โทรศัพท์เพราะตัดสินใจจะใช้โทรศัพท์แต่พบว่าคนดูแลโรงหนังกำลังใช้โทรศัพท์อยู่
“เข้าห้องน้ำก็ได้” พุทธิภัทรบอกกับตัวเอง
กรองแก้วนอนตัวงอเป็นกุ้งอยู่ที่เตียงในห้อง เธอร้องครวญและมีแววตาตื่นตระหนก พินิจที่อยู่ข้างเตียงแสดงความห่วงใยเป็นพิเศษด้วยการพยายามลูบหน้าลูบผมให้ แต่กรองแก้วก็สะบัดออกเพราะไม่อยากให้เขามาแตะต้อง
“อย่าโดนตัวค่ะ ยิ่งคนถูกตัวแก้ว..แก้วยิ่งปวดมากอ่าค่ะ..ฮือๆๆ”
อิงอรกับสุนันท์ยืนมองด้วยความหมั่นไส้อยู่ที่มุมหนึ่ง เพียงพรยืนกอดอกมองขรึมจากอีกด้านหนึ่ง
ยศวินเดินเข้ามา
“คุณกรองแก้วเป็นอะไร” ยศวินถาม
“ปวดท้องไม่ทราบสาเหตุค่ะ คือ คนไข้ไม่ยอมให้แตะต้องเลย” เพียงพรบอก
“เอ่อ ท่านครับ ขอเชิญออกไปรอ..” ยศวินยังพูดไม่จบ
พินิจแทรกขึ้นมา “กล้าไล่ชั้นเหรอ! ชั้นไม่ออกไป จะทำไม..นี่นายแพทย์ยศวิน! คุณชายหมออยู่ไหน เมื่อไหร่จะมา จะให้หนูแก้วขาดใจหรือยังไง ห๊า!!”
“คือ..ผมก็รักษาได้นะครับ ท่านพินิจ”
“หนูแก้วต้องการหมอที่เก่งที่สุดของโรงพยาบาล..คุณชายหมอพุฒิภัทร..คนเดียวเท่านั้น”
“แต่วันนี้คุณชายไม่มีเวร”
“ชั้นไม่สน...ถ้าในอีกชั่วโมงนึง คุณชายหมอไม่โผล่หัวมา ชั้นจะเล่นงานพวกคุณทุกคน” พินิจขู่
เพียงพรรีบวิ่งออกไปนอกห้อง ยศวินทำหน้าชอบกล
ยศวินกับเพียงพรรีบเดินออกมาที่ด้านนอก พวกพยาบาลคนอื่นๆ เดินตามมารายงาน
“ดิฉันโทรศัพท์ไปที่บ้านคุณชายหมอแล้ว แต่ท่านไม่อยู่ค่ะ ท่านไปดูหนังแม่นาคพระโขนงรอบปฐมทัศน์ค่ะ กว่าจะกลับก็คงค่ำแน่ๆ..เราจะเอายังไงดีคะ” เพียงพรกังวล
“ให้มันได้ยังงี้สิ” ยศวินว่า
“ตามผอ.ดีมั้ยคะ” เพียงพรถาม
“ท่านอยู่ในห้องสัมมนากับแขกผู้หลักผู้ใหญ่ ท่านออกมาไม่ได้หรอก..” ยศวินคิดหาทางออก “เอายังงี้ ตามอาจารย์หมอสุชาติมา..อย่างน้อยอาจารย์หมอสุชาติท่านก็เก่งและอาวุโสที่สุดในโรงพยาบาลแล้ว”
เพียงพรถอนใจแล้วหันจะไป แต่แล้วมีเสียงพินิจตะโกนดังขึ้นมา
“พยาบาล..พยาบาลไปไหนหมด!”
เพียงพรกำลังจะเดินไปที่ห้องพัก แต่โทรศัพท์ดังขึ้นมาก่อน เพียงพรชะงักเพราะลังเลว่าจะรับหรือรีบไปหาพินิจดี แล้วเพียงพรก็ตัดสินใจมารับสาย
“สวัสดีค่ะ..” เพียงพรดีใจมาก “คุณชายหมอ!!”
พุฒิภัทรกำลังโทรศัพท์อยู่ที่หน้าโรงหนัง
พุฒิภัทรหาข้ออ้าง “เอ่อ คือ พอดีว่า..ผมมีธุระอยากคุยกับยศวินน่ะ”
เพียงพรรีบส่งโทรศัพท์ให้ยศวิน “คุณหมอคะ คุณชายโทร.มาพอดีเลยค่ะ”
“อาจารย์โทรมาพอดีเลยครับ ยังกับมีญาณวิเศษเลย รู้ได้ยังไงครับว่ามีคนไข้กำลังต้องการอาจารย์อย่างมาก..คุณแก้วน่ะสิครับ เธอปวดท้องหนักมากต้องการแต่คุณชายหมอคนเดียว” ยศวินรายงาน
“แก้ว!”
พุฒิภัทรรีบวางสายเพราะเป็นห่วงกรองแก้วมาก เขารีบวิ่งออกไปทันที
พออิงอรรู้เรื่องก็ทั้งหยิกทั้งตีไกรฤกษ์พัลวัน
“แกมันบ้า อยากตายหรือไงถึงไปยุ่งกับนังแก้ว” อิงอรตีแขนไกรฤกษ์ “ชั้นบอกแกแล้วใช่มั้ย ว่าคนนี้ชั้นขอ ชั้นรับเงินท่านมาแล้ว แล้วถ้าท่านรู้ว่าชั้นเอาของมีตำหนิมาย้อมแมวขาย...ท่านไม่เอาชั้นไว้แน่”
“แม่…ผมยังไม่ได้ทำอะไรยัยนางงามคนสวยเลยสักนิด..ผมก็แค่อยากช่วยแม่พามันออกจากโรงพยาบาลไง” ไกรฤกษ์อ้าง
“แล้วมันได้ออกมั้ยล่ะ นี่มันปวดท้องอะไรอีกก็ไม่รู้”
“ไม่ใช่ฝีมือผมนะ”
“แกแน่ใจนะ”
“โธ่ แม่ นังแก้วมันไม่ได้เจ็บอะไรหรอก มันสำออย..ดูนี่..มันออกฤทธิ์ซะหัวผมแตกยังงี้ ใครเชื่อว่ามันป่วยจริงก็บ้าแล้ว”
“นังแก้วมันแกล้งป่วยจริงๆ ด้วย ชั้นว่าแล้ว นังนี่!!”
สุนันท์พูดจบก็จะวิ่งกลับไป แต่อิงอรคว้ามือเอาไว้
“ยัยนันท์ แกอย่าทำอะไรโง่ๆ อีกคนได้มั้ย” อิงอรปราม
“แม่รีบๆ หาทางจับมันส่งให้ท่านเถอะ รับเงินท่านมาแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้ามันหนีไปได้ แม่ซวยแน่ๆ” ไกรฤกษ์ว่า
“ไม่ใช่แค่ชั้น พวกแกก็ซวยด้วย”
พินิจพะเน้าพะนออยู่ข้างเตียงโดยไม่ยอมห่างกรองแก้วเอาเลย
“อดทนหน่อยนะหนูแก้ว หนูเจ็บชั้นก็เจ็บนะ”
เพียงพรรีบเข้ามา
“ท่านคะ คุณชายหมอมาแล้วค่ะท่าน”
พุฒิภัทรรีบเดินตามเข้ามาทักทายพินิจ “เอ่อ...สวัสดีครับ”
“คุณชายหมอ ช่วยหนูแก้วด้วย เร็วๆ” พินิจพูดกับกรองแก้ว “ให้คุณชายหมอดูอาการหน่อยนะหนูแก้วคนดี”
“ผมขอดูอาการก่อนนะครับ” พุฒิภัทรบอก
“ไม่ค่ะ ไม่ต้อง”
กรองแก้วบ่ายเบี่ยงและมีแววตาตระหนกเพราะกลัวความแตก พุฒิภัทรเห็นสายตากรองแก้วที่มองทุกๆ คนอย่างหวาดกลัวก็พอจะเดาได้ว่าเธอกังวลเรื่องอะไรอยู่ อิงอรกับสุนันท์เดินเข้ามาพอดี พอเห็นพุฒิภัทรสุนันท์ก็ผงะ แล้วรีบจัดผมให้ดูสวย
“เอ่อ ผมขออนุญาตเชิญทุกท่านออกไปรอด้านนอกก่อนนะครับ” พุฒิภัทรบอก
พินิจทำท่าไม่อยากออกแต่ก็จำใจยอมออกไป และยังไล่ทุกคนออกไปด้วย
“เอ้าๆๆ ใครไม่เกี่ยวออกไปให้หมด คุณชายหมอจะได้รีบรักษาหนูแก้ว ไปๆๆๆ..ชั้นฝากด้วยนะคุณชาย”
พินิจยอมเดินออกไป
พุฒิภัทรมองกรองแก้วแล้วพูดด้วยน้ำเสียงใจดี
“เอาล่ะ ทีนี้คุณก็หยุดดิ้น แล้วเล่าอาการให้ผมฟังได้แล้ว”
พุฒิภัทรมองกรองแก้วด้วยความเป็นห่วงจริงๆ กรองแก้วอึ้งเพราะคิดว่าโดนจับได้ชัวร์ เธอกลัวว่าพุฒิภัทรจะเป็นพวกของพินิจอีกคน
ภาพยนตร์จบ ผู้คนทยอยเดินออกมาจากโรง มารตีถือเสื้อนอกเดินออกมามองหาพุฒิภัทร
“พี่ชายภัทร..บอกว่าไปห้องน้ำ แล้วหายไปไหนเนี่ย”
ถนอมเดินเข้ามาหา
“จะให้ผมเอารถมารับเลยมั้ยครับคุณมารตี”
“รถ..อะไร..แล้วพี่ชายภัทรล่ะ” มารตีถาม
“คุณชายท่านโทร.สั่งให้ผมมาพาคุณมารตีไปส่งที่วังเทวพรหมน่ะครับ ส่วนตัวท่าน..เอ่อ ไปโรงพยาบาลนานแล้วครับ”
“อะไรนะ! พี่ชายภัทร ทำยังงี้กับมารตีได้ยังไง”
มารตีอยากจะกรี๊ดแต่ติดที่ผู้คนมองมามากมายจึงต้องสงบอาการ แต่แววตาวาววับขณะกำมือแน่น!
กรองแก้วยังคงร้องโอดครวญ
“ชั้นปวด..ปวดท้อง..มากๆเลย..โอ๊ย”
“คุณช่วยหยุดดิ้นก่อนนะ ผมต้องขอตรวจอาการของคุณ” พุฒิภัทรบอก
“ไม่ค่ะ ชั้นไม่ตรวจ แค่ให้ชั้นนอนค้างอีกสักคืนก็คงจะหายดี”
“ไม่ได้..ถ้าผมวินิจฉัยไม่ได้ว่าคุณเป็นอะไร ผมก็บอกไม่ได้ว่าจะให้คุณอยู่หรือกลับบ้าน”
กรองแก้วตาวาวอย่างมีหวังขึ้นมาก่อนจะเปลี่ยนเป็นเว้าวอน
“ให้คุณชายหมอดูหน่อยนะคะ” เพียงพรเสริม
กรองแก้วปัดมือออก “ไม่ค่ะ” กรองแก้วเอามือกุมท้อง “ชั้นไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ แค่ปวดท้อง เมื่อก่อนชั้นก็เป็นอย่างนี้ประจำ นอนพักสักคืนก็หาย..คุณหมอช่วยไปบอก..ท่านกับคุณอิงอร กลับไปก่อนได้ไหมคะ”
“แล้วโรคอะไรล่ะที่คุณบอกว่าเป็นอยู่ประจำ ไหนบอกมาสิ” พุฒิภัทรถาม
“ก็..” กรองแก้วคิดหาคำตอบ “ชั้นปวด..ปวดไส้..ชั้นเป็นไส้เลื่อนน่ะค่ะ”
“คุณเป็นไส้เลื่อน?” พุฒิภัทรถามย้ำ
“ค่ะ มันอักเสบเป็นประจำอยู่แล้ว อยากจะปวดมันก็ปวดขึ้นมา หน่วงๆหนึบๆ แต่ได้พักสักหน่อยก็หาย”
พุฒิภัทรกับเพียงพรแทบจะขำก๊ากออกมา
“คุณหมอขำอะไรคะ” กรองแก้วถาม
“ใครบอกว่าคุณเป็นโรคนี้” พุฒิภัทรถามกลับ
“ก็..หมอค่ะ..หมอที่อยุธยา ที่ชั้นอยู่ เขาบอกมาค่ะ ชั้นไปหามาหลายที่ เขาก็บอกตรงกันทุกอย่าง”
“คุณเพียงพรครับ คุณช่วยไปเอาเครื่องวัดความดันมาให้ผมหน่อย และฝากบอกญาติของคุณกรองแก้วไว้ด้วยว่า อีกสักครู่ผมจะออกไปคุยด้วย”
เพียงพรงงแต่ก็เดินออกไป
พุฒิภัทรหันมาเห็นกรองแก้วมองเขานิ่งๆ
“อ้าว หายปวดแล้วเหรอครับ”
กรองแก้วลืมตัวรีบกลับมาทำท่าปวดทันที “โอ๊ยๆๆ”
พุฒิภัทรยิ้มขำ
“คุณแก้ว..ไม่มีใครแล้ว คุณลองบอกผมมาสิ ว่าคุณเป็นอะไรกันแน่..ผมขอความจริงนะ”
“ชั้น..ก็ปวดไส้เลื่อนไงคะ..มันอักเสบแล้วก็ปวดมาก”
“แน่ใจนะว่าปวดไส้เลื่อนจริงๆ”
“คุณชายหมอพูดแบบนี้ หาว่าแก้วโกหกเหรอคะ”
“ผมถามจริงๆ เถอะ คุณรู้หรือเปล่าว่าโรคไส้เลื่อนอักเสบจริงๆ มันเป็นยังไง”
“รู้สิคะ ทำไมจะไม่รู้”
“งั้นบอกอาการมาสิ ถ้าคุณเป็นจริงๆ คุณต้องบอกได้ว่าอาการมันเป็นยังไง”