สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 4
พอถูกพุฒิภัทรคาดคั้นจริงจัง กรองแก้วเลยแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
“ก็…ชั้นก็ปวดท้อง..ปวดมาก ให้ชั้นนอนที่นี่อีกคืนนะคะ รับรองว่าพรุ่งนี้เช้าก็คงจะหายแน่ๆ”
“ให้คุณนอนอีกคืน เพื่อที่พรุ่งนี้คุณจะได้สรรหาโรคแปลกๆใหม่ๆมาทำให้ผมปวดหัวมากไปอีกน่ะเหรอครับ..คุณกรองแก้ว..คุณรู้ไว้ด้วยนะ โรคไส้เลื่อน เขาเป็นกันแต่ในผู้ชาย..มันจะเป็นก้อนตุงๆตรงขาหนีบและเลื่อนลงไปในถุงอัณฑะ ผู้หญิงไม่ค่อยเป็นกันหรอก..ยิ่งคนที่สามารถใส่ชุดว่ายน้ำขึ้นประกวดได้อย่างคุณ..ผมว่าไม่เป็นแน่ๆ”
“แต่..”
“คุณคิดเหรอว่าถ้าเป็นโรคนี้ จะถ่วงเวลาให้นอนโรงพยาบาลได้ทั้งอาทิตย์งั้นหรือไง..ผมถามจริงๆ คุณเป็นอะไรกันแน่ ทำไมถึงไม่ยอมบอกผม”
“ชั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรนะคะ” กรองแก้วยืนยัน
พุฒิภัทรถอนหายใจยาวก่อนจะทำท่าขึงขังเพราะคิดจะให้บทเรียนกับกรองแก้ว
“แน่ใจนะ”
“ค่ะ” กรองแก้วยืนยัน
พุฒิภัทรเสียงดุ “งั้นนอนลง ถกเสื้อขึ้น เปิดหน้าท้อง ผมจะขอตรวจ”
“อะไรนะคะ”
พุฒิภัทรพูดจริงจัง “ก็ในเมื่อคุณเป็นไส้เลื่อน ผมก็ต้องตรวจหน้าท้องกับขาหนีบของคุณ เพราะตำแหน่งมันคือตรงนั้น..นอนลง!!”
พุฒิภัทรทำท่าจริงจังมาก เขาเอื้อมมือไปแตะตรงหน้าท้อง กรองแก้วร้องเสียงหลงพร้อมกับรีบปัดป้อง เธอหน้าแดงแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุม
“ไม่นะคะๆ ชั้นหายดีแล้ว”
พุฒิภัทรยังดุ “ได้ยังไง คุณบอกเองว่าเป็น แล้วทำไมถึงไม่ให้ผมตรวจ”
พุฒิภัทรจ้องจับผิดพร้อมกับทำท่าจะตรวจให้ได้
กรองแก้วยกมือไหว้ “ชั้นขอร้องเถอะค่ะคุณหมอ ชั้นผิดไปแล้ว ชั้นไม่ได้ตั้งใจ”
พุฒิภัทรถอนหายใจแล้วก็พูดแบบพร้อมจะฟัง “คุณกรองแก้ว ผมและทุกคนวุ่นวายกับคุณมากพอแล้วนะ แล้วมันก็มากเกินไป ที่ผมจะทนได้อีก..โรงพยาบาลไม่ใช่โรงแรมที่คุณนึกอยากจะอยู่ก็อยู่..คุณเลือกมา..จะให้ผมส่งคุณกลับบ้าน หรือจะพูดความจริงว่า คุณมีปัญหาอะไรกันแน่”
กรองแก้วสับสนและจนตรอก
รถของพุฒิภัทรแล่นมาจอดที่หน้าวังเทวพรหมตอนกลางคืน วิไลรัมภารีบวิ่งออกมาด้วยความแปลกใจว่าทำไมพี่สาวกลับเร็วจัง
“พี่มารตี..ทำไมกลับเร็วจัง”
มารีตีลงจากรถแล้วปิดประตูกระแทกก่อนจะเดินปึงปังเข้าไปในบ้านโดยผ่านหน้าวิไลรัมภาไปเลย จนวิไลรัมภาต้องรีบตามเข้าไปถาม
“ทำไมกลับเร็วจังคะพี่มารตี แล้วคุณชายพุฒิภัทรล่ะคะ ทำไมไม่มาส่ง”
“อย่าถามได้มั้ย..พี่เจ็บใจ..เจ็บใจๆๆๆ เนี่ย ตัวหาย เหลือแต่เสื้อ เดี๋ยวแม่ก็เอามาเผาซะเลย”
มารตีเดินกระแทกเท้าเข้าบ้านไป
กรองแก้วยังคงสับสน พุฒิภัทรยืนยันหนักแน่น
“ทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง เหมือนกับคุณ ที่ต้องมีคำอธิบายว่า เพราะอะไรคุณถึงทำตัวอย่างนี้ ทำไมต้องทำตัวเองให้บาดเจ็บ แล้วยังกุเรื่องป่วยขึ้นมาเพื่อถ่วงเวลาอีก..ทำไม!!”
“คุณหมอรู้แค่ว่าชั้นมีเหตุผลสำคัญที่ยังกลับบ้านไม่ได้..ได้มั้ยคะ”
พุฒิภัทรตัดพ้อ “คุณกรองแก้ว..ผมเป็นหมอของคุณนะ”
“เอ่อ คือ..”
“ถ้าคุณไม่เห็นผมเป็นหมอ คุณเห็นผมเป็นเพื่อนคนนึงก็ได้..นะครับ”
“คุณหมออย่าหว่านล้อมแก้วอีกเลยค่ะ”
พุฒิภัทรโมโหกับความดื้อดึงของแก้ว
“ถ้าอย่างนั้นผมจะออกไปบอกท่านพินิจกับคุณอิงอรว่าคุณแกล้งป่วย”
กรองแก้วตกใจรีบลุกขึ้นคว้ามือพุฒิภัทรไว้ “ไม่ได้นะคะ อย่าบอกนะคะ ชั้นขอร้อง”
กรองแก้วพูดอย่างจริงจัง
พุฒิภัทรหันกลับมาจ้องด้วยแววตาที่จริงจัง
พุฒิภัทรดึงมือออก “ถ้าคุณไม่ไว้ใจ ไม่เห็นผมเป็นเพื่อน ไม่บอกความจริงกับผม..ผมก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องช่วยคุณอีก แทนที่ผมจะเอาเวลาไปตรวจคนไข้อื่น แต่ต้องมาทำเรื่องไร้สาระอะไรก็ไม่รู้”
กรองแก้วนิ่งอึ้งเพราะรู้สึกผิด น้ำตาของเธอคลอเบ้าตา “แก้ว..แก้วขอโทษนะคะ”
“น้ำตาคุณอาจใช้ได้ผลกับคนอื่นๆ แต่ไม่ใช่ผม สิ่งที่ผมต้องการคือความจริงเท่านั้น เก็บน้ำตาของคุณเอาไว้ใช้กับท่านพินิจเถอะ”
กรองแก้วอึ้ง “ทำไมคุณหมอพูดอย่างนั้น”
“คุณก็รู้ดีอยู่แก่ใจ..การที่ท่านส่งคนมาอารักขาคุณยิ่งกว่าคนสำคัญระดับชาติ แล้วท่านยังรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดของคุณอีก มันจะเป็นอะไรได้อีก..แล้วที่คุณทำเป็นเจ็บป่วยไม่ยอมกลับบ้าน ก็เพื่อจะเรียกร้องความสนใจ โก่งราคาจากท่านนายพลให้สูงขึ้นๆสิ ใช่มั้ย”
กรองแก้วเจ็บช้ำหัวใจที่ถูกกระทบกระเทียบ
“ใช่สิ คุณคือนายแพทย์ผู้สูงศักดิ์ ส่วนแก้ว มันก็คือนางงามกระจอกๆที่อยากจะอวดเนื้อหนัง เอาตัวเองปรนเปรอให้คนแก่คราวพ่อแลกกับเงินทองจนตัวสั่น ถ้าคุณคิดว่าชั้นเป็นอย่างนั้น คุณก็ส่งชั้นไปให้ท่านเลยสิคะ”
กรองแก้วว่า แล้วมองอย่างท้าทาย พุฒิภัทรมองกรองแก้วแล้วก็ต้องห้ามใจไม่ให้พุ่งเข้าไปกอดเธอ
ด้านมารตีกลับถึงวังเทวพรหมก็เหวี่ยงกระเป๋าทิ้งไปทางหนึ่ง ร้องไห้โฮๆ ก่อนจะเอาเสื้อสูทของพุฒิภัทรมาขยำขยี้แล้วทำท่าจะฉีก แต่ก็ฉีกไม่ขาด วิไลรัมภาเดินเข้ามาเห็นรีบปลอบพี่สาว
"พี่มารตี ใจเย็นๆ สิคะ ควบคุมสติหน่อย เราเป็นหม่อมหลวงนะคะ อย่าลืม ถึงจะเป็นเจ้าปลายแถว แต่ก็ยังเป็นเจ้า นึกถึงวงศ์ตระกูลเทวพรหมไว้ค่ะ เสื้อพี่ชายภัทรเขาแพงๆ นะคะ แบบนี้พ่อเราเห็นอยากได้ตายเลย"
มารตีชะงัก "จริงเหรอ" มารตีหยุด เธอหยิบเสื้อมาพลิกดูแบรนด์แล้วรีบพับเสื้อไว้บนเตียง แล้วเงยมาอาละวาดต่อ "น้องวิไล แต่พี่เจ็บใจมากเลยนะ..นี่นักข่าวเห็นหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าเห็น พรุ่งนี้คงมีข่าวไปทั่วพระนครว่าพี่ถูกทิ้ง..คุณชายภัทรไม่ไว้หน้ากันเลย พี่จะฟ้องหม่อมย่าเอียด คอยดู"
"ไม่ได้นะคะพี่มารตี ถ้าทำอย่างนั้นก็เข้าทางพี่ชายภัทรสิคะ"
"เขาแล้งน้ำใจกับพี่ขนาดนี้ เธอจะให้พี่ปล่อยผ่านไปอย่างนั้นหรือ"
"พี่มารตีคิดดูดีๆ นะคะ..ตอนเด็กๆ เวลาเราเล่นกะพวกคุณชายบ้านนั้น แล้วเวลาเค้าทำให้เราโกรธ เราไปฟ้องหม่อมย่า แล้วเกิดอะไรขึ้น"
"หม่อมย่าก็ไปทำโทษพวกนั้นไงล่ะ"
"หลังจากนั้นอีกค่ะ"
มารตีอึ้งไป "พวกนั้น..ก็ไม่ยอมมาเล่นกะพวกเราอีก"
"นั่นแหละค่ะ..เข้าใจหรือยังคะ.. ถ้าหม่อมย่าท่านไปบีบบังคับพี่ชายภัทร แล้วพี่ชายภัทรจะเป็นไง"
"เค้าอาจ..จะมองเห็นพี่เป็น..ยัยขี้ฟ้อง น่ารำคาญ.. ต้องหลีกให้ไกลๆ"
"นั่นล่ะ”
"แล้วจะให้พี่ทำยังไง"
"อืม...” วิไลรัมภาครุ่นคิด "หม่อมย่าเอียดชอบผู้หญิงเรียบร้อย ไม่ตีโพยตีพาย ถ้าท่านทราบว่าพี่ถูกทิ้งไว้ให้อยู่ในโรงหนังคนเดียว แต่พี่กลับเข้าอกเข้าใจความรับผิดชอบต่องานที่โรงพยาบาลของพี่ชายภัทรอีก หม่อมย่าเอียดต้องยิ่งสนับสนุนพี่ขึ้นไปอีกค่ะ"
มารตียิ้มออก "จริงเหรอ”
วิไลรัมภายิ้มให้กำลังใจมารตี
กรองแก้วพยายามหยุดร้องไห้ เธอเมินหน้าไปจากพุฒิภัทรเพราะโกรธจึงไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว พุฒิภัทรมองกรองแก้วสายตาอ่อนโยนลงแล้วยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ แต่กรองแก้วหันหลังให้ พุฒิภัทรตัดสินใจพูดเปิดอก
"ที่คุณเป็นแบบนี้ ..ความจริงเป็นเพราะกลัว..ที่จะต้องถูกส่งตัวไปให้ท่านต่างหาก"
กรองแก้วอึ้ง เธอหันหน้ากลับมามองอย่างไม่อยากเชื่อว่าพุฒิภัทรจะพูดเช่นนั้น แล้วเธอก็รู้สึกราวกับสิ่งที่อัดอั้นทั้งหมดในใจถูกเปิดออก กรองแก้วพยักหน้าหงึกๆ เหมือนเด็กๆ จากนั้นเธอก็สะอื้นพลาง หลั่งไหลสิ่งที่อัดอั้นในใจออกมา
"แก้ว..แก้วมาประกวดเพราะแค่อยากได้เงินไปรักษาพ่อ..แก้วไม่รู้..ไม่รู้ว่าจะต้องถูกขาย..นึก ว่าโลกเจริญไปขนาดนี้แล้ว ยังมีคนทำกับคนด้วยกันแบบนี้อยู่อีก.ขอร้องล่ะค่ะ ..คุณหมอช่วยแก้วด้วย" กรองแก้วยกมือไหว้
พุฒิภัทรยกมือรับไหว้ "ไม่ต้องไหว้หรอก คุณไม่อยากกลับไปกับคนพวกนั้น ผมก็จะพยายาม ช่วยให้คุณได้รอดไปอีกคืน..”
กรองแก้วกระโดดลงมาจากเตียงด้วยความดีใจ "ไชโย จริงๆนะคะ คุณหมอใจดีที่สุด อีกหน่อยคุณหมอมีอะไรจะใช้งานแก้ว เรียกแก้วไปได้ทุกเมื่อเลยค่ะ"
พุฒิภัทรอึ้ง กรองแก้วยิ้มหวานอย่างร่าเริงสุดๆ ราวกับเป็นคนละคน
นายพลพินิจฟังคำอธิบายของพุฒิภัทรก็ถึงกับเครียด
"ไส้ติ่งแตก!!”
"ยังครับ ยังไม่แตก ผมแค่สงสัย..ว่านางสาวศรีสยามอาจจะไส้ติ่งอักเสบ อาจจะต้องผ่าตัดด่วนคืนนี้" พุฒิภัทรบอก
"อะไรนะ?? ผ่าตัดหรือคะ คุณชายหมอ" อิงอรตกใจ
พินิจเงียบแล้วคิดหนัก "ผ่าตัดไส้ติ่งนี่..มันผ่าที่หน้าท้องใช่ไหม"
"ครับ..ผ่าตามแนวนี้ครับ" ยศวินจิ้มที่ท้องตัวเองแล้ววาดเส้นให้ดูว่ายาวแค่ไหน "แล้วเย็บแบบนี้ครับ"
"หา..แบบนี้..หน้าท้องก็..ก็จะมีตะขาบยักษ์ แบบพวกที่ผ่าเอาลูกออกน่ะสิ" พินิจตกใจ
"แต่ไม่มีใครเห็นนี่ครับ ไม่เป็นไรหรอกครับ" พุฒิภัทรบอก
พินิจลืมตัว "ทำไมจะไม่เห็น" พินิจนึกออกจึงเงียบไป "คือ..หมายความว่า..ว่า" พินิจอึกอัก
"หมายความว่า..แบบว่า..อุตส่าห์เป็นตั้งนางสาวศรีสยาม..ก็ควรจะสวยจริงๆ ไม่มีตำหนิทั้งตัว ใช่ไหมคะ ท่าน" อิงอรแก้ต่างให้
"ใช่ๆๆ..ทำนองนั้น..”
"แต่มันต้องไม่เป็นแบบนั้นค่ะ เพราะคุณชายหมอเก่งมาก ถึงผ่า ก็จะไม่มีแผลเป็น ใช่ไหมคะ คุณชาย..” อิงอรถาม
"ผมจะพยายามเย็บให้สุดฝีมือก็แล้วกัน อาจไม่เป็นแผลตะขาบหรอกครับ" พุฒิภัทรบอก
"แค่กิ้งกือเท่านั้น" ยศวินแทรก
พินิจกับอิงอรตกใจอุทานลั่น "กิ้งกือ!!”
พินิจเครียด อิงอรอารมณ์บูด
พุฒิภัทรจับสังเกตท่าทางของทั้งสองแล้วสบตากับยศวิน เพราะยิ่งชัดเจนว่าคนพวกนี้คิดจะทำเรื่องมิดีมิร้ายแน่ๆ
นายพลพินิจเดินหน้าเครียดไปตามทางในโรงพยาบาล โดยมีคนสนิทเดินเคลียร์ทางนำไป
"ทางนี้เลยครับท่าน”
ทส.อีกคนกันคนที่เดินเกะกะให้
"ขอทางหน่อยครับ หลีกทางให้ท่านพินิจด้วยครับ"
ผู้คนพากันหลบให้เพราะเกรงบารมี
พุฒิภัทรรีบเดินตามไปเรียกไว้
"เดี๋ยวครับ..คือ..ไม่ทราบท่าน..คิดจะไปไหนหรือครับ"
"ผมจะเข้าไปเยี่ยม..ให้กำลังใจแก้วเค้าซักนิด" พินิจตอบ
พุฒิภัทรเดินแซงจนทันแล้วเอาตัวยืนขวาง "เอ้อ คงไม่ได้หรอกครับ ท่าน"
"อ้าว ทำไมล่ะ"
อิงอรวิ่งมาถึงก็หอบแฮ่กๆ ก่อนจะรีบเข้ามาเกาะแขนพุฒิภัทร
"ท่านเข้าไม่ได้ แต่ชั้นเป็นผู้ปกครอง ชั้นเข้าได้ใช่ไหมคะ คุณชายหมอ" อิงอรถาม
"เอ่อ ใครก็เข้าไม่ได้ครับ"
"ทำไมล่ะ คุณชาย" พินิจถาม
"คนไข้ปวดท้องมาก ไข้ขึ้นสูง จนหมดสติไปแล้วครับ เข้าไป ก็เห็นแต่เธอนอนสลบอยู่ครับ"
อิงอรเซ็ง พินิจอึ้ง ไกรฤกษ์กับสุนันท์แอบฟังทั้ง 3 คนนี้อยู่ ก่อนจะผลุบหายไป
ไกรฤกษ์ตาลุกวาว
"ไอ้คุณชายหมอมันเล่นละคร มันโกหกท่านชัดๆ ต้องมีอะไรกะยัยแก้วแน่ๆ ถึงได้ร่วมมือกันหลอกผู้หลักผู้ใหญ่แบบนั้น ชั้นรู้นี่นา ว่ายัยแก้วไม่ได้เป็นอะไร”
"อีนังแก้วมันต้องอ่อยคุณชายหมอแน่ๆ นันท์ก็ไม่ยอม"
"ใช้ความเป็นหมอมาโกหก เพื่อปกป้องไม่ให้คนไข้โดนท่านพินิจเผด็จศึก?? ทำได้ไง ไม่มีจรรยาแพทย์เลย ไร้คุณธรรม ไร้จริยธรรม เลวสิ้นดี"
"อย่ามาว่าคุณชายหมอนะ นังแก้วนั่นแหละ แร่ด กระซู่ กูปรี มันต้องใช้จริตมารยาออดอ้อนหมอแน่"
"ชั้นจะเปิดโปงคุณชายหมอ" ไกรฤกษ์บอก
"ชั้นจะเปิดโปงนังแก้ว" สุนันท์ประกาศ
ทันใดไกรฤกษ์กับสุนันท์ก็ถูกอิงอรดึงใบหู
"โอ๊ย...อ๊าก...”
อิงอรดึงลูกทั้งสองคนมาในที่เปลี่ยว
"หยุดเลย แกสองคน" อิงอรตบไกรฤกษ์ "ไอ้นี่ก็ไร้กาลเทศะสิ้นดี" อิงอรหยิกสุนันท์ "แกก็อย่ากระซู่ให้มันมากนัก ยัยนันท์ ถ้าท่านรู้ ว่านังแก้วไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ แล้วลงทุนทำตัวบ้าๆบอๆขนาดนี้ เพื่อหนีให้พ้นจากท่าน..มันแปลว่าอะไร รู้ไหม"
"แปลว่า...ท่านจะไม่เอา" ไกรฤกษ์บอก
"แปลว่า...เราจะอด" สุนันท์เสริม
"ใช่เลย เงินทองอะไรก็จะไม่ได้อีกแล้ว แล้วแม่เพิ่งได้มาแค่งวดแรก งวดสองยังไม่ได้ เกิดท่านไม่ให้ แล้วเรียกเงินงวดแรกคืน แถมแม่อาจโดนข้อหาล่อลวง ฉ้อโกงอีกล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น เพราะฉะนั้น ท่านก็ต้องเชื่อด้วย ว่านังแก้วมีใจให้ท่าน..แต่มันป่วยจริงๆ..เข้าใจ๋"
ทั้งสองจ๋อย
กรองแก้วแอบเปิดม่านหน้าต่างดูก็เห็นพินิจและคนของพินิจขึ้นรถออกไป ส่วนอิงอรกับลูกๆเดินหงุดหงิดกัน ไปอีกทาง กรองแก้วทั้งดีใจทั้งโล่งอก เธอหันมาแล้วก็สะดุ้งที่เห็นพุฒิภัทรมายืนดูเธอเงียบๆตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
พุฒิภัทรส่ายหัวอย่างระอาใจ "คุณจะโกหกเค้าไปแบบนี้วันต่อวัน..หาโรคใหม่อาการใหม่มาเป็นอยู่เรื่อยๆ แล้วแอบหลบอยู่ในโรงพยาบาลไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอกนะ"
กรองแก้วหันมาแล้วจ๋อยลง
"แก้วก็ไม่อยากทำอย่างนี้หรอกค่ะ แต่นี่..มันไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ"
"ทำไมคุณไม่บอกให้คนที่บ้านคุณมารับ?”
กรองแก้วอึ้งไปนานแล้วหน้าเสียขณะบอก
"ที่บ้าน..แก้ว..แก้วมีพ่ออยู่คนเดียว แล้วพ่อก็ไม่สบาย..แก้วไม่รู้จะติดต่อพ่อยังไง บ้านเราไม่มีโทรศัพท์..”
"อะไรกัน..แล้วในกรุงเทพฯ นี่ล่ะ เธอมีญาติ..หรือคนรู้จัก..”
กรองแก้วหน้าซีดลงไป
"ไม่มีค่ะ...แต่..แต่คุณหมอไม่ต้องกลัว แก้วจะไม่รบกวนอะไรคุณหมออีกแล้ว ขอแค่..ได้หลบพวกนั้นมาได้อีกวัน...แก้วก็ดีใจแล้ว แก้วสัญญา..ว่าจะไม่รบกวน ให้คุณหมอลำบากใจที่ต้องโกหกคนอื่นอีกแล้วค่ะ"
กรองแก้วมองมาอย่างจริงจัง พุฒิภัทรอึ้งที่กรองแก้วปิดกั้นตัวเองกับตนเช่นนั้น
ฟากใบบัวเครียดจัด ขณะหารือกับอิงอร
"คุณอิงอร..มันเกิดอะไรยังไงขึ้นกันแน่"
อิงอรพยายามจะอธิบาย "กรองแก้วเค้า..”
สุนันท์กับไกรฤกษ์พูดพร้อมกัน "เค้าปวดท้อง..สงสัยจะเป็นไส้ติ่งอักเสบจริงจริ๊งงงงค่ะ/ครับ"
ใบบัวมองหน้าทั้ง2คน "พูดพร้อมกันเลยนะ"
"อ้าว..ก็มันเป็นความจริงนี่คะ ความจริง พูดยังไงๆ มันก็เป็นความจริงวันยังค่ำ"
"จริงเหรอ..ทำไมมันช่างเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรขนาดนั้น"
มะลิแอบฟังอยู่ที่ด้านหนึ่ง
ไกรฤกษ์พูดต่อ "คุณนายใบบัวไม่ต้องห่วงนะครับ ผมเอง จะไปฟังข่าวตั้งแต่เช้า พรุ่งนี้ ไปก่อนสว่างเลย ถ้าแก้วต้องผ่าตัด ผมก็จะไปรอหน้าห้อง พอเข็นรถออกมา ผมจะรีบรายงานคุณนายเลยครับ"
"แล้วถ้ามันไม่ต้องผ่า เราก็จะจับมัน..ขึ้นรถ พาไปส่งท่านที่เซฟเฮ้าส์ทันทีค่ะ" สุนันท์บอก
"พรุ่งนี้ค่ะ พรุ่งนี้จริงๆ ปัญหาเรื่องสุขภาพของกรองแก้วทั้งหมดจะจบลง"
อิงอรยืนยันหนักแน่น
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทุกคนสะดุ้งแล้วมองที่โทรศัพท์
"หรือทางโรงพยาบาลจะโทร.มาเรื่องยัยแก้ว" อิงอรสงสัย
"หรือ..พวกเจ้าหนี้..รู้ว่าเด็กของเราได้เป็นนางสาวศรีสยาม เลยโทร.มาทวงเงิน" สุนันท์กังวล
ทุกคนสองจิตสองใจ
อิงอรตะโกนเรียก "มะลิ..นังมะลิ"
มะลิโผล่หน้ามา
"รับโทรศัพท์เดี๋ยวนี้ ถ้าโทรมาจากเจ๊หวัง..ให้บอกว่า..ไม่มีใครอยู่บ้านนะ"
"ค่ะ" มะลิรีบถอยออกไป
เสียงโทรศัพท์ยังดังต่อเนื่อง มะลิออกไปรับโทรศัพท์อีกห้องหนึ่ง
"สวัสดีค่ะ บ้านอิงอรค่ะ"
พ่อกรองแก้วที่ท่าทางซีดเซียวโทรศัพท์จากเครื่องร้านของป้าจิก โดยมีป้าจิกนั่งจับเวลาอยู่
"ขอพูดกับกรองแก้วหน่อยครับ ผม กิตติ พ่อแก้วครับ"
มะลิอึ้ง เธอมองซ้ายมองขวาแล้วตัดสินใจลดเสียงให้เบาลง
"พ่อแก้วหรือคะ คือ..คุณพ่อคะ..ตอนนี้แก้วไม่สบายนะคะ อยู่โรงพยาบาลค่ะ"
"ยังไม่ออกมาอีกหรือครับ ผมเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์แล้ว ไหนบอกว่ามีหมอที่เก่งที่สุดในประเทศรักษา ทำไมยังไม่หายอีกล่ะครับ"
มะลิมองซ้ายขวาแล้วกระซิบจริงจัง "คุณพ่อคะ..คุณพ่อรีบไปรับแก้วที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลยนะคะ เดี๋ยวนี้ค่ะ"
"ทำไมครับ เกิดอะไรขึ้น"
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แต่คุณไปรับแก้วเลย จดนะคะ ดิฉันจะบอกเบอร์ห้อง ชื่อตึก ชื่อโรงพยาบาลให้ค่ะ..จดนะคะ เขียนหนังสือเป็นหรือเปล่าคะ"
"เป็นครับๆ" กิตติหันไป "พี่จิกครับ ขอดินสอ กับกระดาษหน่อยครับ”
"ขอ..ขอเฉยๆ หรือ" ป้าจิกถาม
"ซื้อครับ ซื้อปากกา กับสมุดฉีกก็ได้ครับ กี่บาทครับ" กิตติร้อนใจ
อิงอรรออยู่สักพัก มะลิก็เดินมา
"ใครโทร.มา..” อิงอรถาม
"เอ้อ..ไม่มีอะไรค่ะ" มะลิบอก
"อะไร ไม่มีอะไร" สุนันท์งง
"อ๋อ ญาติมะลิเองค่ะ โทมายืมเงินค่ะ"
"ไร้สาระจริงๆ พวกคุณนี่..เอางี้ดีกว่า..ชั้นคิดดูแล้ว..เรื่องกรองแก้ว..ชั้นจะให้คนของท่านไปดูเอง เพิ่มกำลังให้มากขึ้นตั้งแต่ตอนนี้เลย เฝ้าให้แน่นหนาที่สุด พวกคุณอิงอรไม่ต้องลำบากอีกแล้ว..” ใบบัวบอก
อิงอรร้องเสียงหลง "ไม่ค่ะ..คุณอย่าไปกวนคนของท่านเลย พวกเราจะพาแก้วไปพบท่านกันเองค่ะ"
สุนันท์กับไกรฤกษ์พูดประสานเสียง "ใช่ครับๆๆ” / “ใช่ค่ะๆๆ” / “อย่าไปกวนคนของท่านเลยค่ะ” /“อย่าไปกวนคนของท่านเลยค่ะครับ"
มะลิช็อคเพราะลุ้นให้กรองแก้วรอดพ้นจากคนพวกนี้
กิตติ พ่อกรองแก้วยกมือไหว้
"พี่จิก พี่กำนัน ขอผมโทรศัพท์อีกที"
"นี่มันไม่ใช่โทรศัพท์ธรรมดานะ มันโทรศัพท์ทางไกล" กำนันบอก
"คิดอีก10 บาทก็แล้วกัน ห้ามพูดนานล่ะ" จิกกำชับ
"รับรอง ว่าไม่นานครับ แค่พอถามเรื่องราวให้รู้เรื่อง"
กิตติดูโพยที่จดมาแล้วก็หมุนต่อเบอร์
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 4 (ต่อ)
โทรศัพท์ในห้องพักของกรองแก้วดัง กรองแก้วที่นั่งขัดสมาธิด้วยความกลุ้มใจอยู่บนเตียงสะดุ้ง มองโทรศัพท์แบบกลัวๆ กรองแก้วลุกขึ้นมายืนมองโทรศัพท์ สักพักก็ตัดสินใจรับ
เป็นนายพลพินิจที่โทรศัพท์มา
"นั่นหนูแก้วใช่ไหมจ๊ะ"
กรองแก้วอึ้งๆ "เอ่อ..นั่น..นั่น..ใครคะ"
"ชั้นเอง พินิจไง หนูฟื้นแล้วเหรอจ๊ะ เป็นยังไงบ้าง หายปวดท้องแล้วหรือยัง"
"ฟื้น...ฟื้นอะไรน่ะ..." กรองแก้วอึกอัก "เอ่อ เอ่อ..คือ..โอ๊ยๆๆ ปวดมากค่ะ ปวดมาก..ยังไม่หายเลยค่ะ"
"คือเมื่อกี๊ ชั้นขอไปเยี่ยมหนูอีกนะจ๊ะ แต่คุณชายหมอเค้าไม่ยอม เค้าบอกหนูสลบ แล้วตกลง..หมอว่าไง..ตกลง หนูเป็นไส้ติ่งแน่ๆ..ต้องผ่าหรือเปล่า"
"หนู..หนู..โอ๊ย..โอ๊ย..ไม่ไหวแล้วค่ะ..แค่นี้นะคะ"
กรองแก้ววางหูทันที ยืนตัวสั่นมองโทรศัพท์ด้วยความสยอง
ส่วนพินิจผงะแล้วก็หน้าเครียด
"ฮึ่ย หนูแก้ว นี่มันอะไรกันแน่เนี่ย”
สาวสวยที่รายล้อมพินิจอยู่ในชุดนุ่งน้อยห่มน้อย โดยมีกนกลักษณ์เป็นคนนำ สาวๆ กำลังช่วยกันยกสำรับอาหารค่ำเข้ามาแต่ก็ต้องชะงัก
"ท่านขา..ท่านยังไม่ได้รับประทานอะไรเลย..จะเสียสุขภาพ ไม่มีเรี่ยว ไม่มีแรงนะคะ" กนกลักษณ์บอก
"ให้มันตายๆ ไปซะได้ก็ดี..ไม่กงไม่กินมันแล้ว ไม่หิว เอาไปให้พ้นให้หมด ไปซี่!! ชั้นไม่ต้องการเห็นหน้าใครทั้งนั้น..” พินิจไล่
กนกลักษณ์และสาวๆ รีบหลบไป ใบบัวโผล่หน้ามา
"อะไรกันคะ ท่าน"
"หนูแก้ว...หนูแก้ววางหูโทรศัพท์ใส่ชั้น มันหมายความว่ายังไง"
"กรองแก้ว..เค้า..ไม่สบาย..ปวดท้อง..ไม่ใช่หรือคะ..”
พินิจกระชากบ่าใบบัวเข้ามาเขย่า
"บอกมา คุณใบบัว แบบนี้มันแปลว่าหนูแก้วรังเกียจ ไม่อยากมาเป็นหวานใจของชั้นใช่ไหม ไหนเธอว่า พ่อเค้าฝากชีวิตลูกสาวไว้กับชั้นแล้ว แล้วหนูแก้วก็เต็มใจไงล่ะ แบบนี้..เธอโกหกชั้นทั้งหมด..หรือไง ใช่ไหม"
"ไม่ค่ะๆๆ ไม่ใช่ๆๆๆ" ใบบัวรีบปฎิเสธ
"แล้วความจริงมันคืออะไร"
"ก็..ก็..เด็กคนนั้นมันป่วยจริงๆนะคะ"
"ป่วยจริง..แปลว่า ต้องผ่าท้อง..แล้วมีแผลเป็นตะขาบ..หรือกิ้งกือตรงนี้..จริงๆ งั้นเหรอ"
"ไม่ค่ะ"
"อะไรไม่"
"ไม่ต้องผ่าตัดค่ะ"
"เธอรู้ได้ไง"
"คือ..กรองแก้วป่วยจริง.แต่ไม่ได้เป็นไส้ติ่งไงคะ แค่..แค่..ลำไส้อักเสบอย่างแรง..เพราะ..เพราะ..กินอาหารทะเลไม่สดค่ะ"
พินิจชะงัก "อะไรนะ..อาหารทะเลไม่สด..”
"ท่านไม่ต้องห่วงค่ะ แค่กินยาฆ่าเชื้อโรคก็หาย..ไม่มีการผ่าให้ร่างกายต้องมีตำหนิหรือไฝฝ้าราคีอะไรมาให้ระคายสายตาหรือมือสัมผัสของท่านได้เลยล่ะค่ะ"
พินิจชะงักแล้วกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
ทางด้านรณพีร์ทำท่าห่วงจนโอเวอร์
"โอ้..กรองแก้วปวดท้องอย่างหนัก โธ่ เธอเป็นอะไรมากไหมครับพี่..ผมฟังแล้วเป็นห่วงมากๆเลย สงสัยต้องรีบไปเยี่ยมซะแล้ว.." รณพีร์แกล้งยั่วพุฒิภัร
"เค้าไม่ได้ปวดท้องจริง..เค้าแกล้งทำ" พุฒิภัทรมองแบบขวางๆ
"แกล้งทำ..เพราะเค้าจะได้อยู่ใกล้ๆพี่ชายภัทรในโรงพยาบาลนานๆน่ะหรือครับ ว้าว..แบบนี้ก็เรี่ยมเร้เรไรไปเลยสิครับ"
พุฒิภัทรทำเสียงจริงจัง "หยุดเดี๋ยวนี้ ชายเล็ก"
"เฮ้ย พี่ชายเล็ก ดูๆๆ พี่ชายภัทรหูแดง..แบบนี้คดีมีมูลแน่นอน"
พุฒิภัทรลุกขึ้นมาโวย "มันไม่ใช่อย่างนั้น แก้วเขาทำแบบนี้ เพราะเขาไม่อยากออกไป..ตกเป็นอนุฯ..ของท่านพินิจ"
"ท่านพินิจ..ผู้เหมาเพชรยอดมงกุฎของนางงามทุกเวทีน่ะเหรอ..” รัชชานนท์ถาม
พุฒิภัทรตอบ “ใช่"
"ท่านคนนี้เป็นคู่แข่งที่น่ากลัว..แต่ผมคิดว่าพี่ชายภัทรไม่ต้องไปกลัว..เพราะพวกเรา ไม่ต้องกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น" รณพีร์ให้กำลังใจ
"ชั้นไม่ใช่คู่แข่งของใครทั้งนั้น ..แก้วเขาก็.." พุฒิภัทรทำหน้างอนๆ "เขาเหมือนจะกีดกันชั้นออกจากเรื่องของเค้าด้วยซ้ำ"
"เข้าใจแล้ว นี่ขนาดแก้วเขาทำทุกอย่างเพื่อหนีท่านพินิจ แต่เขาก็ยังไม่วาย..ห่วงใยพี่ชายภัทรนะเนี่ย" รัชชานนท์สรุป
"อะไรนะ"
รณพีร์รีบเสริม "นั่นสินะพี่ชายเล็ก ผู้หญิงเขารู้..ว่าไอ้เจ้าท่านคนนี้มันมีอำนาจอิทธิพลมาก..เขาเลยพยายามจะช่วยตัวเอง โดยไม่ให้กระทบกระเทือนตัวพี่ชายภัทร เพื่อปกป้องพี่ชายภัทร"
"บ้า..ไม่..ไม่ใช่หรอก..เค้าไม่ได้คิดอะไรกะชั้น แล้วชั้นก็ไม่ได้คิดอะไรกะเค้า"
"แหม..นี่ขนาดไม่ได้คิดอะไรเลยนะ วันนี้ได้ข่าวว่าพี่ชายภัทรมีนัดพาคุณมารตีไปดูหนังมาไม่ใช่เหรอ แล้วนี่ ไม่เห็นได้ยินพี่พูดถึงคุณมารตีซักคำ ที่คุยๆกันมานี่ มีแต่เรื่องคุณแก้วทั้งน้าน..” รัชชานนท์ว่า
พุฒิภัทรเพิ่งนึกได้ก็ถึงกับสะดุ้ง "เฮ้ย..จริงด้วย..มารตี..ตายแล้ว พี่..พี่ลืมโทรไปขอโทษเค้าไปเลย แต่พี่ให้คนรถไปส่งเค้าแล้วนะ พี่รับผิดชอบนะ..”
"โห..เพิ่งนึกได้เหรอคร้าบ..”
รัชชานนท์กับรณพีร์ส่ายหัว
ด้านเทวพันธุ์เดินพูดหน้าตาเครียดเคร่งท่าทีฉุนเฉียว อยู่ในโถงวังเทวพรหม
"พุฒิภัทร..เด็กคนนี้มันทำเกินไปแล้ว มันจะต้องถูกพระเจ้าลงโทษ เพราะมันบังอาจฝืนพรหมลิขิต"
"คุณพ่อคะ..แล้ว..ถ้า..พรหมไม่ได้ลิขิตล่ะคะ" เกษราถาม
"อย่ามาพูดเลย แกน่ะมันนอกคอก ใฝ่ต่ำ ทุกวันนี้ถึงยังต้องทำขนมงกๆ เหงื่อตกกีบอยู่นี่ไง กว่าจะได้เงินมาซักบาทสองบาท ได้กำไรซักสลึงเฟื้อง มันเหนื่อยสายตัวแทบขาด เห็นไหมล่ะ"
เกษราเสียใจ "คุณพ่อ..นี่คุณพ่อไม่ดีใจหรือ ที่เกษมีความสุข"
"ไม่มีใครมีความสุขหรอก ถ้าไม่รวย..มารตี แกอย่าโง่เง่าบูชารักอย่างพี่สาวแกล่ะ พวกเด็กผู้ชายบ้านจุฑาเทพเป็นหนี้ชีวิตบ้านเรา พวกมันต้องรับผิดชอบ พ่อเสียสละชีวิตเพื่อท่านพ่อของพวกมัน แล้วหม่อมย่าของมัน จะมาทำวางเฉย ..ไม่รับรู้ไม่ได้ ในเมื่อพี่ชายสองคนของมันไม่ทำตามสัญญา พุฒิภัทรก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาบิดพลิ้ว ไม่งั้น พ่อจะเอาเรื่องหม่อมเอียดให้ถึงที่สุด"
"คุณพ่ออย่านะคะ อย่าไปว่าหม่อมย่าเอียด ไม่งั้น หม่อมย่าจะไปดุพี่ชายภัทร แล้วพี่ชายภัทร..ก็จะมาเคืองลูก..”
"คุณพ่อคะ..ความรักที่ได้มาเพราะการบีบบังคับ มันจะยั่งยืนได้อย่างไรคะ"
"มันจะทำให้พวกพี่ๆเค้าวิ่งหนีพวกเรานะคะ คุณพ่อ" วิไลรัมภาบอก
"ขอชั้นคิด..ชั้นต้องการคิด.. คิดให้ดีๆ ที่ผ่านมา ชั้นอาจจะประมาท เพราะเอาแต่วางใจ ว่าคนบ้านจุฑาเทพมันจะรักษาสัญญา ยังไงๆ มันก็จะยอมทำตามผู้หลักผู้ใหญ่ แต่ในเมื่อพวกมันเหลวไหลแบบนี้ ชั้นจะต้องวางแผนเชิงรุกบ้างแล้ว..ที่ผ่านมา เรายังรุกไม่พอ ได้แต่เป็นฝ่ายรับ ก็เลยแพ้เขา มารตี..คราวนี้ พวกเราถอยไม่ได้อีกแล้ว เราแพ้ไม่ได้แล้ว เราต้องช่วยกันคิดๆๆๆๆ"
บรรดาสาวๆ ช่วยกันกดดัน เทวพันธุ์ตาขุ่นขวาง
กรองแก้วเดินไปมาด้วยความร้อนรนอยู่ในห้องพัก เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น กรองแก้วสะดุ้งหันไปมองแล้วก็ไม่ยอมรับ เธอยืนตัวสั่นพร้อมทั้งมองโทรศัพท์ด้วยความสยอง
กิตติรอสายอย่างกระวนกระวายสักพัก
"อะไรนะครับ..ในห้องคนไข้ไม่มีคนรับโทรศัพท์หรือครับ ทำไมล่ะครับ คุณพยาบาล..เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ..คุณพยาบาลครับ ช่วยไปดูหน่อยสิครับ ลูกสาวผม..เป็นอะไรหรือเปล่า..ฮัลโหลๆๆ"
จิกกับกำนันจ้อง
กิตติหน้าซีด "สาย..สายหลุดไปแล้ว..”
"สิบบาท..เอามา" จิกทวง
"หมดเวลาแล้ว" กำนันบอก
กรองแก้วยืนมองโทรศัพท์ที่เงียบไปแล้วสักพัก ด้วยตัวที่สั่นเพราะกลัวจนประสาทเสีย ทันใดก็มีเสียงเคาะประตู กรองแก้วสะดุ้งจนแทบกระโดด ใบหน้าของเธอซีดเผือด เธอเบียดตัวจนติดผนัง เพียงพรเป็นผู้เปิดประตูเข้ามา
"คุณกรองแก้วๆ"
เพียงพรเห็นท่าทางของกรองแก้วก็ตกใจ
"คุณเป็นอะไรไปอีก..โรคใหม่อีกแล้วเหรอ" เพียงพรถาม
"คุณ..พยาบาลเพียงพร"
เพียงพรรีบเข้ามาจับตัว "คุณเป็นอะไร ทำไมไม่รับโทรศัพท์"
"ไม่..ชั้น..ชั้น..ปวดท้อง..ชั้น..ไม่ให้ใครโทรมา เอาออกไปเลย เอาโทรศัพท์ออกไป" กรองแก้ววิ่งไป ถอดสายโทรศัพท์แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาส่งให้เพียงพร
"ก็ได้ค่ะ..ตามใจ..”
เพียงพรถือโทรศัพท์จะเดินออกไป แต่แล้วเธอก็ชะงักแล้วหันมา
"เสียงโทรศัพท์มันรบกวนคุณมากเหรอ" เพียงพรถาม
"ใช่ค่ะ รบกวนมาก" กรองแก้วตอบ
"แต่ถ้ามีเรื่องอะไรด่วนล่ะคะ..”
"ไม่..ไม่มีเรื่องอะไรด่วนหรอกค่ะ"
"คุณก็แค่ยกสายออกก็ได้นี่นา" เพียงพรมองหน้ากรองแก้วแล้วยักไหล่แบบขี้เกียจโต้แย้ง "เฮ้อ..ตามใจ นางสาวศรีสยามอย่างคุณ..คงคิดอะไรไม่เหมือนคนธรรมดาอยู่แล้ว" เพียงพรถือโทรศัพท์เดินออกไปพร้อมบ่นเบาๆ "ทำไมถึงไม่อยากรับโทรศัพท์พ่อตัวเองล่ะคะ แปลก..”
กรองแก้วได้ยินแว่วๆ "อะไรนะ!!”
พ่อของกรองแก้วร้องขอ
"ขอร้อง พี่จิก พี่กำนัน..ขอผมโทรอีกที นะครับๆ"
"ก็ลูกสาวไม่ยอมรับโทรศัพท์ไม่ใช่เหรอ" กำนันถาม
จิกส่ายหัว "ตากิตติเอ๊ย ซวยแล้วแก ลูกสาวเป็นนางงามได้ไม่กี่วัน ก็ติดต่อไม่ได้ซะแล้ว ไม่นึกเล้ย ว่ายัยแก้วจะเป็นคนแบบนี้"
"เนอะ..ได้ดีแล้วทิ้งพ่อแม่ อกตัญญูจริงๆ" กำนันว่า
กิตติปวดหัวแต่ก็พยายามฝืน "พี่จิก พี่กำนัน..ขอให้ผมโทรอีกที"
"เงินหมดแล้ว ไม่ใช่เหรอ"
"ขอ..ผมโทร..อีกซักครั้ง..นะครับ นะ ผมไหว้ล่ะ"
กิตติพนมมือแต้
เพียงพรเอาโทรศัพท์ส่งให้ช้อย
"เอ้า...เอาไปเก็บไว้ก่อน โทรศัพท์ของห้องพิเศษ1”
"ทำไมต้องเก็บด้วยล่ะคะ" ช้อยถาม
"คนไข้เขาอยากอยู่เงียบๆ เขาเป็นนางงาม คงมีญาติโทร.มารบกวนเขาเยอะมั้ง"
ช้อยเดินออกไป กรองแก้ววิ่งมามองหาไปรอบๆ พอเห็นเพียงพรเธอก็รีบวิ่งมาหา
"ขอๆ ขอคืนเถอะค่ะ" กรองแก้วบอก
"ขออะไรคะ"
"ขอ..โทรศัพท์คืน..”
"อ้าว..” เพียงพรงง
กรองแก้วพูดเหมือนสติแตก "ก็คุณบอกว่า..พ่อของแก้ว..เอ้อ ของดิฉันโทรมาไม่ใช่หรือคะ แก้วอยากพูดกับพ่อ เอาโทรศัพท์แก้วคืนมาเดี๋ยวนี้นะ"
"ตกลง..คุณจะเอาไงแน่ คุณนางสาวศรีสยาม..ชั้นชักจะไม่ไหวกะคุณแล้วนะ"
"ก็คุณบอกว่าพ่อแก้วโทรมา แก้วจะพูดกับพ่อ แก้วจะพูดกับพ่อ พ่อแก้วไม่สบาย.." กรองแก้วร้องไห้โฮ
"แต่คุณไม่ยอมรับโทรศัพท์เอง"
"ก็แก้วนึกว่า..." กรองแก้วเงียบไป
"นึกว่าอะไรคะ"
"ขอโทรศัพท์ๆ เผื่อพ่อโทร.มาอีก..เอาโทรศัพท์คืนมา!!”
ทันใดนั้นโทรศัพท์ที่เคาน์เตอร์ก็ดังขึ้น
"แก้วไหว้ล่ะ" กรองแก้วดึงแขนเพียงพร "ขอๆๆ เถอะนะคะ"
โทรศัพท์ที่เคาน์เตอร์ยังดังต่อเนื่อง
"ขอชั้นไปรับโทรศัพท์ก่อน"
"ไม่ เอาโทรศัพท์แก้วมาก่อน..”
กิตติรอสายด้วยหน้าตาที่ซีดลงๆ จิกกับกำนันมอง
"ทำไม ตอนนี้ไม่มีใครรับสายเลย"
"ดึกแล้ว..เค้ากลับบ้านกันหมดแล้วมั้ง มา วางๆๆๆ กลับบ้านไปได้แล้ว" กำนันบอก
"นั่นสิ ไปๆๆ ตากิตติ ชั้นจะปิดบ้านนอนแล้ว" จิกไล่
"แป๊บนึงครับ ขออีกแป๊บ" กิตติฟังอย่างลุ้น "รับสิ ใครก็ได้ รับสายที"
เพียงพรปลดมือกรองแก้ว
"คุณนางสาวศรีสยาม ปล่อย คนเขาโทร.มาโรงพยาบาล อาจจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายก็ได้ ปล่อย ชั้นจะไปรับสาย!”
ช้อยเดินมามองอย่างสนใจ กรองแก้วอึ้งแล้วก็ยอมปล่อย เพียงพรรีบรับสายโทรศัพท์ที่เคาน์เตอร์
"สวัสดีค่ะ ตึกพิเศษ1 โรงพยาบาลพระนครค่ะ"
กิตติดีใจสุดๆ เขาหันมายิ้มกับจิกและกำนัน
"มีคนรับแล้วพี่" กิตติรีบพูดโทรศัพท์ "ขอสายห้องพิเศษ1ด้วยครับ"
"ขอโทษนะคะคุณ..คุณที่โทร.มาเมื่อสักครู่นี้ ใช่ไหมคะ" เพียงพรถาม
"ใช่ครับ..ผมชื่อกิตติ บุญมี เป็นพ่อของกรองแก้ว นางสาวศรีสยามครับ ขอความกรุณาให้ผมได้พูดกับกรองแก้วหน่อยนะครับ"
เพียงพรหันมามองกรองแก้วตาดุๆ ปนอนาถก่อนจะส่งสายให้ "เอ้า! นายกิตติ บุญมี"
กรองแก้วดีใจ "พ่อ!" เธอคว้าโทรศัพท์ไปพูดมือไม้สั่น "พ่อ ๆๆ พ่อเป็นไงมั่งจ๊ะ"
ช้อยสนใจฟัง
พุฒิภัทรกำลังใส่ชุดนอน โดยสวมเสื้อกล้ามข้างใน แล้วสวมเสื้อปียาม่าลายเดียวกับกางเกงทับ ก่อนจะเดินมายืนหน้ากระจก เขาถอดแว่นวาง แล้วหวีผมแบบลวกๆเตรียมนอน แต่แล้วก็ชะงักเมื่อนึกถึงคำพูดของรัชชานนท์
"เข้าใจแล้ว นี่ขนาดแก้วเขาทำทุกอย่างเพื่อหนีท่านพินิจ แต่เขาก็ยังไม่วาย..ห่วงใยพี่ชายภัทรนะเนี่ย"
"อะไรนะ"
รณพีร์เสริม "นั่นสินะพี่ชายเล็ก ผู้หญิงเขารู้..ว่าไอ้เจ้าท่านคนนี้มันมีอำนาจอิทธิพลมาก..เขาเลยพยายามจะช่วยตัวเอง โดยไม่ให้กระทบกระเทือนตัวพี่ชายภัทร เพื่อปกป้องพี่ชายภัทร"
"บ้า..ไม่..ไม่ใช่หรอก..เค้าไม่ได้คิดอะไรกะชั้น แล้วชั้นก็ไม่ได้คิดอะไรกะเค้า"
พุฒิภัทรนึกถึงกรองแก้วก็เป็นห่วงและเริ่มวิตกกังวล เขานึกถึงตอนที่คุยกับกรองแก้ว
"ทำไมคุณไม่บอกให้คนที่บ้านคุณมารับ?” พุฒิภัทรถาม
กรองแก้วอึ้งไปนานและเริ่มหน้าเสีย "ที่บ้าน..แก้ว..แก้วมีพ่ออยู่คนเดียว แล้วพ่อก็ไม่สบาย..แก้วไม่รู้จะติดต่อพ่อยังไง บ้านเราไม่มีโทรศัพท์..”
"อะไรกัน..แล้วในกรุงเทพฯ นี่ล่ะ เธอมีญาติ..หรือคนรู้จัก..”
กรองแก้วมีสีหน้าซีดเผือกลง "ไม่มีค่ะ.." กรองแก้วรีบตีกัน "แต่..แต่คุณหมอไม่ต้องกลัว แก้วจะไม่รบกวนอะไรคุณหมออีกแล้ว ขอแค่..ได้หลบพวกนั้นมาได้อีกวัน..แก้วก็ดีใจแล้ว แก้วสัญญา..ว่าจะไม่รบกวน ให้คุณหมอลำบากใจที่ต้องโกหกคนอื่นอีกแล้วค่ะ"
พุฒิภัทรวางหวีลง แล้วคิดเป็นห่วงและรู้สึกผิด พูดกับเงาตัวเองในกระจก
"ใจดำ เรามันใจดำจริงๆ"
ฟากกิตติเป็นห่วงลูกสาวมาก
"แก้วตกเวทีเจ็บมากใช่ไหมลูก..ทำไมลูกต้องอยู่โรงพยาบาลนานนัก แปลว่า..ลูกอาการหนักมาก..ใช่ไหมแก้ว แก้วขาหัก หรือเป็นอะไรมากกว่านั้น บอกพ่อมาเถอะ อย่าปิดพ่อ"
กรองแก้วปาดน้ำตาที่ไหลพราก "ไม่ใช่นะจ๊ะ แก้วไม่ได้ปิดพ่อนะจ๊ะ แก้วไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะ"
"แล้วทำไม..เสียงแก้ว..เหมือนร้องไห้"
"แก้วไม่ได้ร้องไห้ แก้วคิดถึงพ่อ นี่พ่อโทมาจากไหน นี่มันดึกแล้ว ทำไมพ่อไม่นอนพักผ่อน"
"พ่อเพิ่งได้เบอร์ลูกมา พ่อเลยรีบโทร พ่อจะไปรับลูกที่โรงพยาบาล"
"ไม่ต้อง..พ่อไม่ต้องมา แก้วจะไปหาพ่อเอง พ่อจะมาได้ยังไง ไม่ต้องนะจ๊ะ ไม่ต้อง"
เพียงพรมองกรองแก้วอย่างแปลกใจในความน่าสงสารของเธอ
"แก้ว แก้วปิดบังอะไรพ่อ” กิตติถาม
"เปล่า เปล่าจ้ะ แก้วแค่ คือ แก้วเพิ่งได้ตำแหน่ง..แก้วต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่นางงามก่อน แล้วถ้ามีเวลา แก้วจะรีบไป นะพ่อนะ"
"แก้ว..ไม่สบายใจอะไร พ่อรู้นะ ถ้าอยู่พระนครแล้วไม่ดี แก้วก็อย่าอยู่เลยลูก เงินทองอะไรไม่ต้องไปสนใจทั้งนั้น แก้วไม่ต้องทนลำบากเพื่อพ่อ เข้าใจ ไหมแก้ว เข้าใจไหม โอ๊ย..โอ๊ย" กิตติปล่อยโทรศัพท์หลุดมือแล้วทรุดฮวบก่อนจะชักอย่างแรง
"เฮ้ย กิตติๆ เป็นอะไร" กำนันตกใจ
"อ๊าย..กิตติชักใหญ่แล้ว พี่กำนัน ทำไงดีๆๆ"
กรองแก้วได้ยินทั้งหมด
"พ่อ..พ่อ..พ่อเป็นอะไร..พ่อ!!”
เพียงพรมองกรองแก้วอย่างหวั่นๆ
ส่วนช้อยมองอยู่อีกมุมหนึ่งอย่างสนใจ
ด้านพุฒิภัทรนอนพลิกไปพลิกมาเพราะนอนไม่หลับ นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
เวลานั้นพินิจตกใจมาก "หา..แบบนี้..หน้าท้องก็..ก็จะมีตะขาบยักษ์ แบบพวกที่ผ่าเอาลูกออกน่ะสิ"
"แต่ไม่มีใครเห็นนี่ครับ ไม่เป็นไรหรอกครับ" พุฒิภัทรบอก
พินิจลืมตัว "ทำไมจะไม่เห็น" พินิจนึกออกก็เงียบไป "คือ..หมายความว่า..ว่า" พินิจอึกอัก
อิงอรรีบแก้ให้ "หมายความว่า..แบบว่า..อุตส่าห์เป็นตั้งนางสาวศรีสยาม..ก็ควรจะสวยจริงๆ ไม่มีตำหนิทั้งตัว ใช่ไหมคะ ท่าน"
"ใช่ๆๆ..ทำนองนั้น..”
"แต่มันต้องไม่เป็นแบบนั้นค่ะ เพราะคุณชายหมอเก่งมาก ถึงผ่า ก็จะไม่มีแผลเป็น ใช่ไหมคะ คุณชาย” อิงอรถาม
อยู่ๆ พุฒิภัทรก็ลุกพรวดขึ้น หยิบแว่นมาสวมด้วยท่าทางฮึดฮัด
"ไม่ ชั้นไม่ยอมให้คนพวกนั้นมาแตะต้องเธอเด็ดขาด แก้ว!”
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 4 (ต่อ)
เพียงพรลากกรองแก้วมาโยนลงที่เตียง
"ไม่ได้ คุณจะออกไปไหนไม่ได้ คุณต้องอยู่ที่นี่"
"ทำไมจะไม่ได้ ชั้นไม่ได้เป็นอะไร" กรองแก้วบอก
"อ้อ ตอนนี้ ไม่เป็นอะไร ทั้งๆที่เมื่อกลางวัน คุณปวดท้องจะเป็นจะตาย"
"พ่อชั้น พ่อแก้ว กำลังจะตาย แก้วต้องกลับไปเดี๋ยวนี้"
"ก็วันนี้เขาจะให้คุณกลับ คุณก็ไม่กลับเองไม่ใช่เหรอ"
"คุณไม่เข้าใจ ไม่มีใครเข้าใจ คุณต้องให้ชั้นไปตอนนี้ เดี๋ยวนี้"
"ไม่มีใครอนุญาตให้คุณไปไหนได้ นอกจากคุณชายหมอ" เพียงพรบอก
"คุณพยาบาลเพียงพรคะ ชีวิตพ่อชั้น..อยู่ที่คุณ..คุณช่วยกรุณา..โทร.ไป..ขอให้คุณชายหมอ..มาเซ็นอนุญาตให้แก้วออกจากโรงพยาบาลที นะคะ" กรองแก้วนั่งลงกราบเท้า "แก้วจะไม่ลืมบุญคุณคุณเลย"
"คุณกรองแก้ว อย่าทำแบบนี้ ชั้นไม่โทหรอก คุณชายต้องวุ่นวายกับเรื่องของคุณมามากพอแล้ว..แล้วคืนนี้ก็ไม่ใช่เวรของท่าน เดี๋ยวพรุ่งนี้ ท่านก็จะมาเซ็นให้คุณกลับบ้านได้อยู่แล้ว รอตอนเช้าก่อนนะ ชั้นเกรงใจท่าน ท่านเป็นใคร มีความสำคัญกับที่นี่แค่ไหน คุณรู้บ้างไหม"
"ฉันรู้ ฉันขอคราวนี้เป็นครั้งสุดท้าย แล้วฉันจะไม่มาเหยียบโรงพยาบาลนี้อีก ฉันจะไม่มารบกวนคุณชายของคุณอีก จะไม่มาทำตัวให้เกะกะระคายเคืองแม้แต่ปลายเท้าของท่านเลยจริงๆ ค่ะ"
เสียงพุฒิภัทรดังเข้ามา
"แน่ใจแล้วเหรอ ที่พูดแบบนี้"
กรองแก้วกับเพียงพรหันไปมอง เห็นพุฒิภัทรยืนกอดอกทำหน้าขรึมดุอยู่ที่ประตู
กรองแก้วนั่งลงอย่างอ่อนน้อมพยายามอ้อนวอนพุฒิภัทรด้วยความร้อนใจมากๆ
"แก้วต้องไปเดี๋ยวนี้ค่ะ..คุณชายหมอกรุณาอนุญาตเถอะนะคะ แก้วรีบมากจริงๆ"
"รีบมากจริงๆ " พุฒิภัทรดูนาฬิกา "ในเวลา 4 ทุ่ม..คุณจะรีบไปทำอะไรในยามวิกาลแบบนี้ ถึงขนาดรอให้สว่างก่อนไม่ได้”
"แก้วขอร้อง แก้วจำเป็นจริงๆ..สำหรับเรื่องเงิน แก้วขอเอาตำแหน่งของนางสาวศรีสยามเป็นประกัน ว่าแก้วจะกลับมาจ่ายให้ทางโรงพยาบาลแน่ๆ"
"คุณก็บอกมาสิ ความจำเป็นที่คุณว่า คืออะไร"
"คุณหมอ คุณจะเอายังไง ตอนที่คุณจะให้ชั้นออก ชั้นขออยู่ต่อ คุณก็จะเอาเหตุผลให้ได้ ฉันก็บอกคุณไปแล้ว ว่าเป็นเรื่องท่าน! แล้วตอนนี้ ฉันก็ขอออกไปจากที่นี่..สมใจของคุณแล้ว คุณจะมาเอาเหตุผลอะไรอีก"
"แล้วมันคืออะไรล่ะ ทำไมถึงบอกไม่ได้ มันเป็นความลับสุดยอดมากเหรอ"
"ชั้น..ชั้นไม่อยากให้ใครรู้ คุณทำไมไม่เข้าใจฉันบ้าง คนเราทุกคน..ก็มีเรื่องส่วนตัวของเขา ที่ไม่จำเป็นต้องบอกคนอื่น"
"คนอื่น ผม เป็นคนอื่น" พุฒิภัทรอดโมโหไม่ได้
กรองแก้วกระวนกระวาย
พุฒิภัทรอึ้ง เขาหยิบแฟ้มมาเปิดดูใบเอกสารของกรองแก้วแล้วก็ตัดสินใจเซ็นแบบกดแรงๆ เพราะอารมณ์เสีย
"เอ้า ผมเซ็นแล้ว คุณไปได้ มีธุระ ‘ส่วนตัว’ อะไรก็ไป เรื่องเงิน ไม่ต้องห่วง มีคนเขาจ่ายให้คุณหมดแล้ว”
กรองแก้วพนมมือไหว้แล้วรีบเดินออกไป
พุฒิภัทรเดินมาไขรถโดยยังคงคาใจ เพียงพรเดินตามมา
"คุณชายจะกลับเลยหรือคะ"
"ใช่ มีอะไรอีกล่ะ คืนนี้ไม่ใช่เวรผมนี่"
"คือ..มันเหมือนกับว่า..คุณชายหมอมาโรงพยาบาล เพื่อจะมาเซ็นอนุญาตให้กรองแก้วออกจากโรงพยาบาลเท่านั้น"
พุฒิภัทรอึ้งพึมพำกับตัวเอง "จริงด้วย”
"แล้ว..ทำไม คุณหมอมาพอดี ทั้งๆ ที่ ไม่ได้มีใครโทรตามซักหน่อย"
พุฒิภัทรนิ่งงันไปเพราะงงเช่นกัน "นั่นสิ..ช่างเถอะ ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม"
"ค่ะ"
พุฒิภัทรขึ้นรถแล้วขับออกไป เพียงพรมองตามอย่างงงๆ และไม่เข้าใจ พุฒิภัทรขับรถจะเลี้ยวออก พอดีก็มีรถคันหนึ่งเลี้ยวเข้าโรงพยาบาลมาอย่างเร็วโดยการตัดหน้า จนพุฒิภัทรเกือบเบรกรถไม่ทัน
รถคันนั้นคือรถของอิงอรที่ขับโดยไกรฤกษ์ สุนันท์นั่งเคียง ส่วนอิงอรนั่งหลัง รถคันนั้นแล่นเข้าไปในรพ. พุฒิภัทรมองตามอย่างอึ้งๆ แล้วก็จอดรถนิ่งเกาะพวงมาลัยรถเฉยอยู่อย่างนั้น
ทันใดนั้น รถของนายพลพินิจก็เลี้ยวเข้ามา พุฒิภัทรชะงัก
ภายในรถมีทส.ของพินิจที่พุฒิภัทรเคยเจอบ่อยๆ ขับและนั่งหน้าโดยมีใบบัวและคนของใบบัวนั่งหลังแต่ชะโงกหน้าล้ำหน้าออกมาชี้โบ๊ชี้เบ๊ให้คนขับรถไปจอดตรงนั้นตรงนี้
พุฒิภัทรทั้งอึ้งทั้งเครียด
กรองแก้วสวมใส่ชุดสวยที่อิงอรเคยเอามาให้ใส่วันออกจากโรงพยาบาล กำลังถือถุงกระดาษใส่ของและถุงยาของโรงพยาบาลเดินลงบันไดตึกมา
เธอมองไปข้างหน้าแล้วก็สะดุ้ง ก่อนจะรีบไปแอบหลังเสา เมื่อเห็นอิงอรกับลูกๆ รีบวิ่งมา
"เราต้องไปเฝ้าไว้ให้ดี ไม่งั้น นังใบบัวมันมาปาดหน้าเราแน่ๆ" อิงอรสั่ง
"ทั้งหมดนี้ เพราะนังแก้วคนเดียว ที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย ทีนางงามคนก่อนๆ ไม่เห็นใครเขามีปัญหาเลย" สุนันท์ว่า
"ตกลง เราต้องมายืนยามหน้าห้องกรองแก้วทั้งคืนเลยหรือไงแม่" ไกรฤกษ์ถาม
"แกนั่นแหละ ยืนยามหน้าห้อง แต่ชั้นจะเข้าไปเฝ้าในห้องเลย" อิงอรบอก
กรองแก้วแอบหลังเสาจนทั้งสามเดินผ่านไปเธอก็รีบวิ่งจู๊ด กรองแก้วตาโตตัวสั่น
"อะไรกันเนี่ย..มันเกิดอะไรขึ้น..”
กรองแก้วรีบเผ่นหนีสุดฤทธิ์ เธอวิ่งมาทางหน้ารพ. ก็เบรกเอี๊ยดแทบไม่ทันเมื่อเห็นใบบัว คนของใบบัวและคนของพินิจเดินอย่างเร่งรีบมาเป็นหน้ากระดาน กรองแก้วกระโดดหมอบหลังพุ่มไม้ทันที
"เราจะบุกไปลักพาตัวมันไปเลย ไม่ต้องรออะไรอีกแล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นไส้ติ่งจริงๆ หรือไม่จริง ชั้นก็ไม่สนใจอีกแล้ว" ใบบัวบอก
กรองแก้วกุมอก "นี่..นี่มันอะไรกันขนาดนี้เนี่ย..พ่อ..ถ้าพ่อไม่โทร.มา ป่านนี้ แก้วคง..." กรองแก้วน้ำตาไหล "โธ่ พ่อ..ขนาดพ่ออยู่ไกล แล้วไม่สบาย พ่อก็ยังคุ้มครองลูกได้ตลอดมา" กรองแก้วพยายามทำตัวเข้มแข็ง "พ่อ แก้วจะไปช่วยพ่อจ้ะ" กรองแก้วรีบวิ่งออกจากรพ.ไป
กรองแก้วเดินอย่างรีบร้อนมาแล้วมองไปที่ริมถนนสามล้อถีบจอดเรียงกันอยู่ 3-4คัน กรองแก้วมองๆ แล้วตัดสินใจเดินเข้าไป กลุ่มสามล้อถีบรวมตัวกันอยู่ บางคนนอนเอาแรง ลุงคนนึงนั่งวางแผนโขกหมากรุกอยู่คนเดียว
กรองแก้วเดินเข้าไปถาม "เอ้อ..คุณลุงคะ..”
ลุงที่โขกหมากรุกหันมา
กรองแก้วพนมมือไหว้ "เอ้อ ขอโทษค่ะ คุณลุง..คือ..หนูอยากจะไปสถานีรถไฟ เดี๋ยวนี้เลยค่ะ"
"หา..สถานีรถไฟ" ลุงดูนาฬิกา "ตอน4ทุ่มฝ่าเนี่ยเรอะคุณ หนูจะไปไหนล่ะ"
"ค่ะ..หนูจะไปอยุธยาค่ะ หนูรีบมาก มีธุระด่วน รอไม่ได้จริงๆ ต้องไปเดียวนี้เลยค่ะ"
"อยุธยา..เวลานี้ ไม่มีรถไปแล้วหนู รถเที่ยวสุดท้ายไปเชียงใหม่ที่ผ่านอยุธยาก็ออกไปนานแล้ว"
"ไม่เป็นไรค่ะ พาหนูไปส่งที่สถานีรถไฟก่อน แล้วพอตอนเช้า รถเที่ยวไหนผ่านอยุธยา ออกก่อน หนูก็จะรีบไปทันที"
"อ้าว..แล้วหนูจะไปนอนรอที่สถานีรถไฟเรอะ"
"ค่ะ"
"อ่ะ..ไปก็ไป.." ลุงลุกขึ้นมาจับสามล้อ "แต่สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด..ลุงก็ต้องถีบข้ามซังฮี้ไป แล้วไปอีกไกล ..ดึกมากแล้วด้วย..ก็คงหลายบาทหน่อยนะ"
กรองแก้วนึกขึ้นได้ "ว้าย..จริงด้วย"
"จริงด้วยอะไร"
"คือ..ตอนนี้หนูไม่มีสตางค์เลยค่ะ"
"หมายความว่าไง หมายความว่า..คุณไม่มีตังค์ค่าสามล้อไปสถานีรถไฟ จะขอขึ้นฟรีๆ"
"แต่พอหนูมีสตางค์เมื่อไหร่ หนูจะรีบมาใช้คุณลุงทันทีค่ะ หนูเป็นนางงาม เป็นนางสาวศรีสยามนะคะ อีกไม่นาน..หนูก็จะมีเงินแล้ว แล้วหนูจะรีบกลับมาทันทีค่ะ"
ลุงและเพื่อนๆที่นอนลุกมาฟังกันสักพัก แล้วทั้งหมดก็หันมามองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา
อิงอรโวยวาย
"อะไรนะ นังแก้ว..เอ๊ย..หนูกรองแก้วออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว ออกไปได้ยังไง เมื่อไหร่"
"ออกไป..สักพักแล้วค่ะ" เพียงพรย้ำ
"ใคร ใครอนุญาตให้ไป" ไกรฤกษ์ถาม
"ใครจะอนุญาตได้ล่ะคะ นอกจากคุณหมอ" เพียงพรบอก
"เธอหมายถึงคุณชายหมอเหรอ..ไม่จริง" สุนันท์ว่า
"จริง..หรือไม่จริง..คุณกรองแก้วก็กลับบ้านไปแล้วค่ะ"
พวกใบบัววิ่งเข้ามาได้ยินพอดี
"หา..กรองแก้วกลับบ้านไปแล้ว คุณอิงอร หมายความว่าไง" ใบบัวไม่พอใจ
อิงอรรีบปัด "ชั้นไม่รู้เรื่องนะ"
"โกหก นี่..พวกคุณ.."ใบบัวหันมาบอกคนของพินิจ "เป็นพยานนะ ยัยอิงอรเอายัยแก้วไปซ่อน เพื่อจะงัดข้อกับชั้น..แกนึกว่าระหว่างหล่อน กะชั้น ท่านจะเชื่อใคร..หา!!”
ช้อยยืนแอบดูเหตุการณ์อยู่
กรองแก้วน้ำตาคลอและพนมมือ พวกสามล้อทั้งหมดมายืนมุง
"นางสาวศรีสยาม คุณนี่นะ นางสาวศรีสยาม" ลุงถามย้ำ
"ใช่ค่ะ หนูจะมีเงินมากกว่าค่าสามล้อไปสถานีรถไฟแน่ๆ คุณลุงไปส่งหนูก่อน แล้ววันหลัง หนูรับรอง ว่าจะเอาเงินมาใช้คุณลุง2เท่า สามเท่าก็ได้"
"นางสาวศรีสยามอะไร มาเดินต๊อกๆ ริมถนน"
"นั่นสิ ถือถุงโชคดีซะด้วย..น่าจะเป็นนางสาวอย่างอื่นมากกว่า"
พวกสามล้อหัวเราะกันครืน
"คุณลุงคะ คุณน้าคะ พ่อหนูป่วยหนัก หนูต้องกลับอยุธยา และหนูต้องรีบไปสถานีรถไฟให้เร็วที่สุด แล้ว" กรองแก้วมองเหลียวหน้าเหลียวหลัง "ตรงนี้..มันไม่ปลอดภัย เห็นใจหนูด้วยนะคะ หนูไม่มีทางเลือกจริงๆ"
"หนูก็เห็นใจพวกลุงบ้างสิ มีอย่างที่ไหน จะให้ไปส่งฟรีที่สถานีรถไฟ ที่อยู่ไม่ใช่ใกล้ๆกลางดึก..แล้วจะกลับมาใช้เงินวันไหนก็ยังไม่รู้" ลุงว่า
รถของพุฒิภัทรแล่นมาชิดแล้วจอดทันที คนถีบสามล้อทุกคนหันไป กรองแก้วหันไป พุฒิภัทรเปิดประตูลงมาแล้วรีบเปิดประตูด้านข้างคนขับ
"กรองแก้ว..ไปกับผม จะไปไหน ผมก็จะไปส่ง เชิญ..”
"คุณหมอ..เอ่อ คุณชาย..มาตรงนี้ทำไม?” กรองแก้วงง
"คุณต้องรีบไปเดี๋ยวนี้..เพราะ..คนพวกนั้นมากันเต็มโรงพยาบาลแล้ว" พุฒิภัทรย้ำ
"แต่..แก้ว..ไม่อยากรบกวนคุณชาย"
"ทำไม..เพราะผมคือ.. ‘คนอื่น’ งั้นเหรอ"
"ไม่ใช่ค่ะ แต่..แก้วไม่อยากให้คุณหมอต้องเดือดร้อน..”
"คุณนึกว่าผมกลัวเหรอ..ถ้าผมเป็นเพื่อนคุณล่ะ..คุณจะยอมให้เพื่อนช่วยคุณไหม"
"แต่ คุณหมอไม่ใช่เพื่อนแก้ว คุณหมอเป็น ผู้ดีที่สูงศักดิ์ เป็นคนละชนชั้นกัน..แก้วไม่บังอาจ"
"จะแบ่งชนชั้นอีกนานไหม นี่ประเทศไทยนะ ไม่ใช่อินเดีย หรือจะรอให้..พวกผู้ปกครองก๊วนนั้น..มาเจอคุณจนได้ ขึ้นรถ!”
พวกสามล้อยืนดูด้วยความสนุกสนานและสนใจ พุฒิภัทรเซ็ง เขาดึงประตูให้เปิดกว้าง กรองแก้วอึ้งๆ แต่ในที่สุดเธอก็พนมมือไหว้อีกก่อนจะก้าวขึ้นไป พุฒิภัทรรีบขึ้นรถแล้วขับออกไป
รถของพุฒิภัทรแล่นมาตามถนนที่มีไฟประดับบนเสาสวยๆ กรองแก้วมองพุฒิภัทรอย่างตื่นๆ เพราะไม่เชื่อสายตา
พุฒิภัทรเหล่ๆ "จะไปไหนล่ะ บอกมา"
"มันไกลนะคะ”
"ไกลแค่ไหนล่ะ ถึงเชียงรายไหม" พุฒิภัทรประชด
"อยุธยาค่ะ แต่..คุณชายหมอคะ แก้วไม่อยากรบกวนคุณหมอเลย เท่าที่ได้ทำให้คุณหมอลำบากยุ่งยากเพราะแก้วมาหลายครั้ง มันก็มากพอแล้ว"
พุฒิภัทรทำเสียงหึๆ
"ไม่อยากรบกวนชั้น แล้วเธอจะไปอยุธยายังไง ดึกป่านนี้ เงินก็ไม่มี ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงก็ไม่มี อย่าเกรงใจไม่เข้าเรื่อง คิดซะว่าชั้นพาเธอไปขับรถเล่นพักผ่อนสบายๆของชั้นก็แล้วกัน..แล้วนี่ มีอะไรที่อยุธยา ถึงจะต้องไปให้ได้เดี๋ยวนี้..เธอนี่..นิสัยเป็นคนเอาแต่ใจจริงๆเลยนะ..จะเอาอะไรต้องเอาให้ได้ ถ้าบอกว่าเดี๋ยวนี้ ก็ต้องเดี๋ยวนี้ ไม่สนใจใคร ไม่กลัวอันตรายอะไรทั้งนั้น..สมกับเป็นนางงามจริงๆ พวกคนสวยๆเขาคงเป็นแบบนี้กันหมดล่ะสินะ"
พุฒิภัทรมองกวนๆ
กรองแก้วอึ้งเพราะพูดไม่ออก
ปั๊มน้ำมันมีไฟเหลืองๆเป็นราวอยู่หน้าปั๊ม มีร้านแบบอาหารชาวบ้านที่เรียบๆ อยู่ริมคูน้ำข้างถนนหน้าปั๊ม รถพุฒิภัทรแล่นเข้ามาในปั้มเพื่อเติมน้ำมัน
กรองแก้วนั่งบีบมืออย่างเกร็งๆ และระวังตัวแจ
พุฒิภัทรพูดกับเด็กปั๊ม "เต็มถังนะ" พุฒิภัทรเดินมาเปิดประตูให้กรองแก้ว "ลงมารับประทานอะไรก่อน"
กรองแก้วเดินลงมา "แก้ว..ไม่หิวนะคะ แต่ถ้าคุณชายหิว..”
"เธอยังไม่ได้รับประทานอาหารเย็น ไม่ใช่เหรอ"
"แก้วไม่หิว"
"ไม่หิวก็ต้องกิน..เธอเล่นบทปวดท้อง..วันนี้คงยังไม่ได้กินอะไรมาเลยแน่ๆ เราต้องไปกันอีกสองสามชั่วโมง..แล้วถ้าไปถึงอยุธยาดึก หาอะไรกินไม่ได้จะทรมานเปล่าๆ คงไม่เสียเวลามากหรอก ชั้นรู้..ว่าเธอรีบ.. " พุฒิภัทรพูดกัดๆ แล้วเดินนำไป
กรองแก้วจ๋อยๆ แต่ก็หิวจึงรีบตามไป
คนขายเอาข้าวต้ม2ชามมาวางให้
"มาแล้วค่ะ ข้าวต้มไก่"
กรองแก้วมองแล้วกลืนน้ำลายเอื๊อกตามมาด้วยเสียงท้องร้องโครก
พุฒิภัทรยิ้มๆ "เอ้า..หิวจริงๆด้วย..นางสาวศรีสยามนี่ท้องร้องดังเหมือนกันนะ รีบรับประทานเลย " พุฒิภัทรเลื่อนชามให้
กรองแก้วพนมมือไหว้ "ขอบพระคุณคุณชายหมอมากค่ะ"
พุฒิภัทรประชด "ไหว้ชั้นมาหลายรอบแล้วนะ ทีหลังขอดอกไม้ธูปเทียนด้วย"
กรองแก้วพาซื่อ "แถวริมถนนตรงวังน้อย มีคนขายพวงมาลัย แต่แก้วไม่ทราบว่ากลางคืนเขาจะขายหรือเปล่า เดี๋ยวแก้วจะซื้อมาไหว้คุณชาย คุณชายคงไม่รังเกียจว่าเป็นของริมทาง..”
"ชั้นประชด!”
กรองแก้วจ๋อย เธอทำตาปริบๆ พุฒิภัทรมองแบบข่มขวัญ กรองแก้วหลบตาแล้วรีบก้มหน้าก้มตากินเงียบๆ พุฒิภัทรตักกินเป็นเพื่อนพอเป็นพิธี แล้วเขาก็นั่งมองกรองแก้วเพลินๆ
กรองแก้วกินอย่างหิวโหยจนเกือบหมด พุฒิภัทรรอจนเห็นเธออิ่มแล้วก็ยื่นน้ำให้ กรองแก้วพนมมือไหว้อีก พุฒิภัทรทำหน้าเซ็ง กรองแก้วดื่มน้ำ
พุฒิภัทรมองแล้วถามขึ้นลอยๆ
"คุณจะไม่บอกผมซักคำหรือ ว่าจะไปทำอะไรที่อยุธยา"
กรองแก้วแทบสำลักแล้วก็นิ่งไป
"ชั้นมีสิทธิ์จะรู้ ไม่ใช่เหรอ เธอจะไปอยุธยาทำไม กลับบ้านหรือ"
กรองแก้วเงยขึ้นมาแล้วทำหน้าเยือกเย็น "คุณชายอย่ารู้เลยค่ะ"
พุฒิภัทรฉุนกึก "แก้ว..เธอพูดจาไม่มีกริยาเลย เธอทำให้ชั้นโกรธแล้วนะ"
กรองแก้วอึ้งจนซีด น้ำตาของเธอปริ่มออกมาอีก
พุฒิภัทรทำใจแข็งแล้วดุเพิ่ม "ไม่ต้องมาร้องไห้ ถ้าเธอไม่บอก ฉันจะกลับ แล้วทิ้งให้เธอช่วยล้างชามอยู่ที่นี่เดี๋ยวนี้"
กรองแก้วนิ่ง
พุฒิภัทรลุก "ฉันไปจริงๆนะ"
"แก้ว..แก้วจะไปดูพ่อ พ่อเป็นอะไรก็ไม่ทราบ ตอนค่ำ..พูดๆโทรศัพท์อยู่..ก็เหมือน..เหมือนล้มไป แล้ว..แก้วได้ยินลุงกำนันพูดว่า..พ่อชัก..”
พุฒิภัทรผงะ "นี่..นี่พ่อเธอป่วยหรือ"
"ค่ะ..ลุงกำนันคงจะพาพ่อไปโรงพยาบาลแล้ว..เป็นถึงกำนัน..คงไม่..ใจดำจนเกินไป..”
"แล้วทำไม เธอไม่เอาพ่อมารักษาที่กรุงเทพฯ พามาที่โรงพยาบาลฉันก็ได้"
"แก้ว แก้วไม่มีเงินนี่คะ พ่อต้องผ่าตัด คงต้องมาอยู่กรุงเทพกัน แล้วก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะแยะ แต่เราจนมากค่ะ แก้วถึงต้องมาประกวดนางงามแบบนี้ไงคะ"
"นี่หมายความว่า...เรื่องที่เธอให้สัมภาษณ์บนเวที เป็นเรื่องจริงงั้นหรือ"
กรองแก้วผงะ มองหน้าพุฒิภัทรอย่างปวดร้าว
"นี่...คุณชายคิดว่าฉันกุเรื่องขึ้นมาหรือคะ" กรองแก้วมองด้วยสายตาแค้นใจ "จริงสินะ สำหรับคุณ ชั้นก็คงเป็นแค่ผู้หญิงที่อยากโชว์ขาอ่อน แล้วก็แต่งเรื่องน่าสงสาร มาให้คณะกรรมการสงสาร จะได้ได้มงกุฎ แล้วจะได้ขายตัวได้ราคาสูงๆ ให้ท่าน...มันก็เท่านั้นเอง"
กรองแก้วหันหน้าแล้วเดินตัวตรงออกไปด้วยท่าทางรักในศักดิ์ศรี
พุฒิภัทรอึ้ง พอได้สติเขาก็รีบเดินตาม
"แก้ว ฉัน..ฉันขอโทษ"
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 4 (ต่อ)
ใบบัวเดินลิ่วมาตามทางเพื่อจะกลับไปที่รถ อิงอรเดินจ้ำตามมาขวางหน้าไว้
“คุณใบบัว คุณจะไปไหน” อิงอรถาม
“หลบไป” ใบบัวสั่ง
“เข้าใจหน่อยสิ ชั้นก็อยากส่งตัวยัยแก้วไปให้ท่านมากพอๆ กับคุณ แล้วชั้นจะเอายัยแก้วไปซ่อนเพื่ออะไร”
“หล่อนคิดจะทำลายชั้น ทำให้ชั้นเสียคำพูดกับท่าน แล้วหล่อนก็จะได้ขึ้นมาประกบท่านแทนที่ชั้น..รู้ไว้ด้วยนะ..ถ้าชั้นไม่แน่จริง อยู่ตรงนี้ไม่ได้หรอก”
“สอพลอเอาความดีความชอบ แล้วโยนขี้ใส่ร้ายทุกคน..อย่างนี้เหรอที่เรียกว่าแน่จริง..แหวะ” สุนันท์ว่า
“ปากดีนักนะแก!”
ใบบัวเงื้อมือจะตบ
สุนันท์กรีดร้อง “อ๊าย ป้าจะทำไมแม่หนู เจอกะหนูก่อนเถอะ”
สุนันท์เงื้อมือพร้อมตบสู้ คนของท่านพินิจที่มากับใบบัวขยับมาขวาง แล้วจับสุนันท์ล็อคตัวหันหน้าให้ใบบัวตบดังเพี๊ยะ!
“นังเด็กเมื่อวานซืน” ใบบัวว่า
อยู่ๆ ไกรฤกษ์ก็โผล่มาจากด้านหลัง แล้วกระโดดถีบสมุนพินิจจนหน้าคว่ำไปทันที สมุนอีกคนเข้ามาจะเล่นงาน ไกรฤกษ์สู้
“เอากุญแจรถมา“
ใบบัวดึงกุญแจรถจากสมุนของพินิจมาแล้วจะรีบไป อิงอรกับสุนันท์พุ่งเข้ามาช่วยกันยื้อแย่งกุญแจรถจากใบบัว
“ชั้นไม่ให้ไป” อิงอรบอก
“ปล่อยชั้นนะ อีพวกไพร่” ใบบัวด่า
“กล้าด่าชั้นเหรออีคุณนาย” สุนันท์กัดมือ
“โอ๊ย!!”
ใบบัวร้องลั่น ทำกุญแจหล่น สุนันท์คว้าได้ก็รีบเขวี้ยงทิ้งไปให้ไกลที่สุด
“อีครอบครัวนรก...ชั้นจะไปฟ้องท่าน!!”
ใบบัวคำรามวิ่งหนีสุดชีวิต อิงอรกับสุนันท์รีบวิ่งตาม
กรองแก้วเดินนำมาที่รถ พุฒิภัทรรีบตามมาเพราะอยากจะคุยด้วย
“แก้ว คือ...ชั้นไม่ได้ตั้งใจจะพูดอย่างนั้น”
“คุณชายไม่ต้องใส่ใจแก้วหรอกค่ะ ..ตำแหน่งนางสาวศรีสยาม ก็เป็นแค่ภาพลวงตา..แท้จริงแล้ว แก้วก็เป็นแค่นางสาวกรองแก้ว ลูกภารโรงจนๆคนนึง เทียบไม่ได้เลยกับ..คุณชายพุฒิภัทร แห่งราชวงศ์จุฑาเทพ..ที่คุณชายดูถูกแก้ว มันก็สมควรแล้ว”
“แก้ว…”
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยตอกย้ำให้แก้วอยู่กับความเป็นจริง แก้วจะได้ไม่ลืมตัว”
พุฒิภัทรหน้าซีด “ชั้นผิดเอง ชั้น...ดูถูกผู้หญิง ชั้น...นิสัยไม่ดี ชั้นขอโทษ”
กรองแก้วยกมือไหว้ “แก้วสิคะ ต้องเป็นคนขอโทษ ที่ทำให้เกียรติของคุณชายต้องมามัวหมองเพราะแก้ว ทางที่ดีคุณชายอย่าไปส่งแก้วเลย แก้วไม่อยากรบกวน”
พุฒิภัทรคว้ามือกรองแก้วไว้แล้วดึงกลับมา
“แก้ว...หยุดนะ หยุด!”
กรองแก้วสะบัดแล้วดิ้นรนจะวิ่งหนีไปท่าเดียว พุฒิภัทรดึงกลับมาแล้วจับไว้แน่นด้วยสองมือ
พุฒิภัทรชักมีอารมณ์จึงพูดเสียงดังขึ้น “ชั้นขอโทษๆๆๆ เธอได้ยินมั้ย..จะต้องให้ชั้นพูดอีกกี่ครั้ง เธอถึงจะยอมรับฟัง”
กรองแก้วมองอย่างเจ็บปวดและหยิ่งทระนง
พุฒิภัทรมองอาการของกรองแก้วแล้วก็อ่อนลง “ชั้นขอโทษ ให้อภัยชั้นนะแก้ว”
กรองแก้วเงียบงัน เชิดหน้าแต่น้ำตาไหลริน
พุฒิภัทรถอนใจ เขาไม่รู้จะทำยังไงดีเพราะไม่คุ้นกับการเจรจากับเพศหญิง พุฒิภัทรยืนนิ่งงงๆ แล้วตัดสินใจเปิดประตูรถ
“ขึ้นรถสิ”
กรองแก้วทำตัวมึนชา ก่อนจะเดินขึ้นไปนั่งรถท่าทีเยือกเย็นแต่สงบเสงี่ยม
ขณะเดียวกัน รถแท็กซี่แล่นมาจอดหน้าบ้านพินิจ ใบบัวรีบลงจากรถแล้วไปกดกริ่งหน้าบ้าน สักพักแท็กซี่อีกคันก็แล่นตามมาจอด อิงอรกับสุนันท์รีบกระโดดลงจากรถคันที่ตามมา
“หยุดนะอีใบบัว!” อิงอรแผเสียงดังลั่น
อิงอรกับสุนันท์เข้าไปกระชากใบบัวให้ออกมา สามคนยื้อยุดฉุดกระชากกัน ใบบัวโดนรุมดึงจนเสื้อผ้าฉีกขาดแต่ก็สู้ขาดใจ เธอทั้งดึงผม ทุบ หยิก ข่วน และถีบสะเปะสะปะจนเกิดเสียงดังเอะอะโวยวาย
ในที่สุดประตูก็เปิดออก พินิจและบ่าวชาย 2 คนเดินออกมา
“ใบบัว อิงอร อะไรกัน!!”
อิงอรกับใบบัวเข่าอ่อนและทรุดลงทันที
กรองแก้วเดินอย่างเร่งรีบมาตามทางเดินในโรงพยาบาลที่อยุธยา ตลอดทางมีผู้ป่วยกับญาติผู้ป่วยนั่งและนอนกันระเกะระกะ บางคนไม่มีเตียงก็ปูเสื่อกับพื้น บางคนก็นั่งร้องครวญคราง กรองแก้วเดินเข้ามาในห้องคนไข้รวมที่อยู่ในหอผู้ป่วยหนัก เธอเดินมองหาจนกระทั่งเจอเตียงที่พ่อนอนอยู่
“พ่อ…แก้วอยู่นี่ แก้วมาหาพ่อแล้ว”
พ่อกรองแก้วนอนหลับไม่ได้สติ
“คุณเข้ามาได้ยังไง หมดเวลาเยี่ยมแล้วนะ เชิญด้านนอก” พยาบาลบอก
“พ่อ...นี่พ่อของแก้วนะคะ”
“คุณ นี่คุณ...นางสาวศรีสยามใช่ไหมคะ” พยาบาลทำตาโต
“พ่อ…พ่อจ๋า..พ่อได้ยินแก้วมั้ยจ๊ะ”
กรองแก้วกอดพ่อแล้วก็น้ำตาไหล พุฒิภัทรมองแล้วก็ใจอ่อนลงไปอีก
“คุณพยาบาล ทำไมพ่อนอนนิ่งเลย เมื่อไหร่พ่อถึงจะฟื้นคะ” กรองแก้วถาม
“คนไข้สลึมสลือเพราะฤทธิ์ยาน่ะค่ะ กว่าจะฟื้นก็คงพรุ่งนี้เช้าเลย” พยาบาลบอก
“ผมว่าคุณกลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะครับ แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยมาใหม่” พุฒิภัทรเสนอ
“ไม่ค่ะ แก้วจะอยู่กับพ่อ พอพ่อตื่นขึ้นมาจะได้เห็นหน้าแก้วเป็นคนแรก”
“อย่าดื้อสิแก้ว เรากำลังรบกวนคนไข้คนอื่นอยู่นะ” พุฒิภัทรบอก
“แต่แก้ว..”
พุฒิภัทรทำท่าจริงจังก่อนจะอ่อนโยนลงอีกครั้ง “คุณยิ่งทำอย่างนี้ พ่อจะยิ่งไม่สบายใจนะ..เชื่อผมนะแก้ว อยู่ตรงนี้ คุณก็ช่วยอะไรพ่อไม่ได้ เผลอๆจะเอาเชื้อมาติดพ่อให้อาการยิ่งทรุดลงไปอีก..คุณไม่กลัวเหรอ”
กรองแก้วหน้าซีดและมองพ่อด้วยความห่วงใย
พุฒิภัทรกำลังคุยกับแพทย์เจ้าของไข้ที่ห้องทำงานของหมอ
หมอเอาแผ่นเอ็กซเรย์ให้ดู “ก้อนเนื้องอกของนายกิตติขยายใหญ่ขึ้นมากเลยครับ..เกือบจะเป็นเท่าตัวจากที่ตรวจครั้งที่แล้ว...”
“ปล่อยไว้นานกว่านี้ ไม่ดีแน่” พุฒิภัทรบอก
“ผมกำลังพยายามติดต่อโรงพยาบาลที่พระนครแล้ว..แต่ยังรอคำตอบอยู่ แพทย์ที่ชำนาญเรื่องสมองก็มีน้อย คิวก็เลยยาวมาก ตอนนี้ เราก็ได้แต่รักษาไปตามอาการ” หมอส่งแฟ้มให้
พุฒิภัทรหยิบแฟ้มมาดูแล้วเดินไปหน้าห้องเพื่อมองหากรองแก้ว กรองแก้วยืนร้องไห้เพราะเป็นห่วงพ่อโดยเกาะขอบประตูอยู่ที่หน้าห้องพักคนไข้ พุฒิภัทรยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกรักและสงสาร
พุฒิภัทรตัดสินใจจะช่วยเหลือกรองแก้วจึงเดินกลับมาหาหมอ “ส่งตัวคนไข้เข้าพระนครได้ไหมครับ ผมจะรับเป็นคนไข้ของผมเอง ผมคือนายแพทย์พุฒิภัทร จุฬาเทพ”
“ครับๆ ผมรู้จักคุณหมอดีครับ” หมอดีใจ “ได้สิครับ”
กรองแก้วมองหน้าพุฒิภัทรอย่างตกตะลึง
“ไม่ค่ะ ไม่ได้”
พุฒิภัทรงง “อะไรนะ?”
“คุณชายช่วยเหลือแก้วมากแล้ว แต่ครั้งนี้ มันมากเกินไป แก้วไม่อยากให้คุณชายเดือดร้อน”
“เดือดร้อนอะไร” พุฒิภัทรถาม
“เอ่อ ก็…”
พุฒิภัทรชักจะน้อยใจ “นี่เธอปฏิเสธความช่วยเหลือของชั้น..งั้นเหรอ”
กรองแก้วตกใจเพราะกลัวโดนดุอีก “คุณชายเป็นคนดี มีเมตตา แก้วไม่ลืมพระคุณแน่ๆ แต่..คุณชายก็ทราบว่าแก้วกำลังเผชิญกับอะไร คนที่กำลังล่าตัวแก้ว คือใคร..ถ้าเขารู้ว่าคุณชายช่วยเหลือแก้ว คุณชายจะมีปัญหา”
พุฒิภัทรไม่แคร์เรื่องนั้นเลยแม้แต่นิด “เธอไม่อยากให้พ่อหายเหรอ”
“อยากค่ะ แต่แก้วก็…เป็นห่วงคุณชายด้วย”
พุฒิภัทรอึ้งเพราะคิดไม่ถึง “แก้ว…”
กรองแก้วพูดจริงจัง “ถ้าพ่อหาย แล้วคุณชายต้องลำบาก ทั้งแก้วและพ่อต้องรู้สึกผิดไปจนตายแน่ๆ...มันจะต้องมีหนทางที่แก้วจะรักษาพ่อได้ และไม่ทำให้คุณชายเดือดร้อนสิคะ มันจะต้องมี”
พุฒิภัทรนิ่งขรึมเพราะรู้ดีว่ากรองแก้วไม่เปลี่ยนใจแน่
“ชั้นเปลี่ยนใจเธอไม่ได้เลยใช่มั้ยแก้ว”
กรองแก้วนิ่งในท่าทีอันแน่วแน่
ด้านใบบัวบีบน้ำตาตัดพ้อสุดๆ ต่อหน้านายพลพินิจ
“ใบบัวก็แค่สงสัยว่าทำไมหนูแก้วไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลสักที…มันต้องมีอะไรแปลกๆ สมัยนี้พวกยี่ปั๊วซาปั๊วไว้ใจไม่ได้ ก็เลยมาแอบดู”
“มาแอบดูเหรอ แต่พฤติกรรมยังกับขโมย” อิงอรว่า
“แต่ใบบัวก็ไม่ได้ทำอะไรนะคะ เพราะแม่กรองแก้วหายตัวไปซะก่อน”
“แก้วหายตัวไป..หมายความว่ายังไง..หายไปไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่” พินิจถาม
“ตอบท่านไปสิ” ใบบัวโยนไปทางอิงอร
อิงอรอ้ำอึ้ง “คือ..”
“อย่าบอกนะว่าพวกคุณปล่อยให้แก้วหายโดยที่ไม่มีใครรู้เรื่อง!! คุณอิงอร คุณใบบัว ผมถามพวกคุณทั้งสองคน!!”
ใบบัวกับอิงอรอ้ำอึ้ง “เอ่อ คือ”
ใบบัวรีบชิงออกตัวก่อน “ท่านขา แม่อิงอรรับปากกับใบบัวมาอย่างไร ใบบัวก็มาบอกท่านอย่างนั้น ส่วนหนูกรองแก้วจะหายไปไหน หายไปได้ยังไง ต้องถามคนที่ทำหน้าที่ดูแลสิคะ”
“เพราะอย่างนี้ใช่มั้ย คุณถึงส่งตัวยัยกนกลักษณ์มาขัดตาทัพผมก่อน” พินิจถาม
“แม่กนกลักษณ์ ยัยรองอันดับหนึ่งถูกส่งมา...อุ๊ยตาย เห็นมั้ยคะ เรื่องนี้ใบบัวก็ไม่ทราบ คุณอิงอรทำอะไรไม่เคยหารือกันเลย”
“เอ่อ คือ…” อิงอรคิดหาทางรอดสุดชีวิต “ท่านขา อย่าลืมสิคะว่าหนูแก้วเป็นนางสาวศรีสยาม เงินรางวัลก็ยังไม่ได้รับ งานในหน้าที่ก็ยังมี หนูแก้วไม่ได้หนีไปไหนหรอกค่ะ”
พินิจฉุน “แล้วอยู่ที่ไหน!! เมื่อไหร่ชั้นถึงจะได้ดูแลหนูแก้ว!!”
ใบบัวใส่ไฟ “เงินก็รับไปแล้ว ถ้าไม่ได้ตัวหนูแก้วมา ท่านขายหน้าแย่ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”
“แหม..ท่านคะ..แม่แก้วไม่หายไปไหนก็ไม่หายสิคะ” สุนันท์แถๆ “คุณแม่ก็แค่ปกป้องแม่แก้วเอาไว้เพื่อท่านนั่นแหละค่ะ..พอดีเราทราบว่ามีแมวขโมยใจชั่วคิดจะมาขโมยแม่แก้ว เอาไปขายต่อหลายๆทอดน่ะค่ะ..นางงามคนสวย ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ใครๆก็อยากได้..อย่างเจ้าสัวซ้งไงคะ..เอ๊ะ รู้สึกว่าเจ้าสัวจะสนิทกับคุณใบบัวด้วยนี่คะ”
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง” ใบบัวไม่พอใจ
“อุ๊ยตาย ทำไมต้องหน้าซีดด้วยคะคุณใบบัว” อิงอรพูดกระทบ
“ไม่ใช่นะคะท่าน นังพวกนี้มันใส่ร้ายใบบัว ใบบัวไม่เคยคิดจะส่งแม่กรองแก้วให้ใครอื่นเลยนอกจากท่าน”
“อ้าว ไม่ใช่ก็ไม่ต้องร้อนตัวสิคะ” สุนันท์บอก
“แก..นังตอแหล” ใบบัวโกรธ
พินัจตวาดเสียงดัง “หยุด!!”
ใบบัวกับอิงอรพูดพร้อมกัน “ท่านต้องเชื่อ...”
“ชั้นไม่เชื่อใครทั้งนั้น!!” พินิจบีบปากทั้งอิงอรและใบบัว “ถ้าชั้นจับได้ว่า มันไม่ใช่อย่างที่พวกเธอพูดออกมา สักคำเดียว พวกเธอจะไม่มีลิ้นเอาไว้พูดอีกแน่” พินิจปล่อยมือจากทั้งสองคน แล้วหันมา กระชากสุนันท์ไปบีบปากอีกคน “ถ้าที่เธอพูดเป็นเรื่องจริง แสดงว่าชั้นจะต้องได้พบหนูแก้วเร็วๆนี้ ถูกไหม”
สุนันท์มองตอบอย่างท้าทายและยั่วยวนเหมือนพร้อมเล่นกับไฟ พินิจมองหน้าแล้วเผลอเลื่อนสายตาลงมามองที่หน้าอกของสุนันท์ก่อนจะปล่อยมือออก
“ไป ออกไปเอาตัวหนูแก้วมา”
กรองแก้วนั่งพิงพนักเก้าอี้โดยเอาเข่าขึ้นมากอดในสภาพอิดโรย พุฒิภัทรถือยาและแก้วน้ำเข้ามายื่นให้
“ยาแก้อักเสบกับแก้ปวด..กินซะ..แผลที่ขาของเธอยังไม่หายดี”
กรองแก้วมองหน้าอย่างงงๆ แล้วยกมือไหว้ “ขอบคุณค่ะ” กรองแก้วรับยามากิน
“เธอนี่เก่งจริงๆ ทั้งวิ่งทั้งลุยมาถึงนี่ ไม่ร้องเจ็บร้องปวดเลยสักคำ”
“เพราะแก้วลืมตัวมั้งคะ”
“แล้ว…คุณจะนั่งรอตรงนี้ทั้งคืนแน่เหรอ”
“ค่ะ เผื่อว่าพ่อตื่นมากลางดึก แก้วจะได้รีบเข้าไปดูแลพ่อ”
พุฒิภัทรนั่งลงข้างๆ “งั้น...ฉันก็จะนั่งอยู่เป็นเพื่อนเธอ”
“คุณชาย...คุณชายไม่ต้องห่วงนะคะ แก้วอยู่คนเดียวได้..คุณชายกลับเถอะค่ะ”
พุฒิภัทรหันมามองหน้าอย่างเอาเรื่อง “เธอแค่ใช้ให้ฉันขับรถมาส่ง พอหมดประโยชน์แล้ว ก็ไล่ฉันกลับงั้นเหรอ?”
กรองแก้วตกใจจึงลุกพรวด “ไม่ใช่นะคะ”
“งั้นก็ให้ฉันอยู่ด้วยสิ”
“แต่...คุณชายจะอยู่ได้ยังไง นั่งเก้าอี้ทั้งแข็งทั้งไม่สบาย เมื่อยตายเลย ยุงก็กัดด้วย”
“คุณเป็นผู้หญิง ถ้าคุณทนได้ ผมก็ทนได้”
“จะดีหรือคะ”
พุฒิภัทรตอบทันที “ดีสิ”
กรองแก้วนั่งลงใหม่เพราะไม่รู้จะพูดว่าอะไร เธอนั่งยกขาขึ้นมากอดไว้เหมือนเดิมโดยเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ พุฒิภัทรแอบมองหน้ากรองแก้วแล้วก็รู้สึกว่ากรองแก้วสวย น่ารัก น่าเอ็นดูมาก
กรองแก้วหันมา พุฒิภัทรรีบหันกลับเพื่อหลบหน้า เขารีบมองตรงไปนิ่งๆ แล้วเอนหัวพิงพนักเก้าอี้โดยมีแววตาสับสนเพราะขัดแย้งในความรู้สึกไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร
กรองแก้วไม่ได้ใส่ใจอะไร เธอนั่งพิงพนัก ตาเหม่อลอยก่อนจะค่อยๆ ปรือลง สักพักพุฒิภัทรก็รู้สึกว่าหัวของกรองแก้วเอียงมาซบที่บ่าของเขา พุฒิภัทรหันไปมองก็เห็นกรองแก้วหลับ พุฒิภัทรอมยิ้มอย่างเอ็นดู
กรองแก้วขยับๆ เพราะหลับไม่ค่อยสบายแล้วเธอก็ไหลลงมาลงนอนบนตักพุฒิภัทร พุฒิภัทรขยับจัดท่าให้เพื่อให้กรองแก้วนอนสบายที่สุด กรองแก้วนอนหลับบนตักพุทธิภัทร
พุฒิภัทรอยากจะลูบศีรษะให้แต่ก็เขินและกลัวไม่งาม จึงไม่กล้าทำ เขาได้แต่มองหน้ากรองแก้วอยู่อย่างนั้น แล้วอยู่ๆ กรองแก้วก็พลิกตัวแล้วหันหน้าเข้าไปหาท้องของพุฒิภัทรก่อนจะซุกหน้าเข้าไปใกล้ท้องพุฒิภัทร
“เฮ้ย...” พุฒิภัทรผงะ เขานั่งยกมือตัวเกร็ง
กรองแก้วหลับอยู่ในท่านั้น
พุฒิภัทรนั่งตัวแข็งทื่อหน้าเหวอเพราะทำตัวไม่ถูก
เช้าวันใหม่ พยาบาลเข็นรถเข็นเครื่องมือแพทย์ผ่านหน้าม้านั่งที่กรองแก้วนอนหลับบนตักพุฒิภัทร ซึ่งตอนนี้กรองแก้วนอนตัวขดหันหน้าออกด้านนอก พุฒิภัทรนั่งพิงพนักทื่อๆ ตัวแข็ง และไม่ได้หลับทั้งคืน สักพักกรองแก้วก็ลืมตาตื่น
กรองแก้วลืมตาตื่นมาพบตัวเองนอนอยู่บนตักพุฒิภัทรก็ตกใจ
“อุ๊ย”
กรองแก้วสะดุ้งแล้วรีบลุก
“คุณชาย..แก้ว..แก้วขอโทษค่ะ”
พุฒิภัทรยิ้ม “หึๆ ไม่เป็นไร”
“คุณชาย..นั่งอย่างนั้นทั้งคืนเลยเหรอคะ โถ น่าจะปลุกแก้ว ไม่น่าต้องลำบาก”
พุฒิภัทรยิ้ม “หึๆ สบาย”
“แล้วคุณชายได้หลับบ้างมั้ยคะ”
พุฒิภัทรยิ้ม “หึๆ ไม่ต้องห่วง”
กรองแก้วเห็นพยาบาลเข็นคนไข้คนอื่นออกมา “พ่อต้องตื่นแล้วแน่ๆ เข้าไปดูพ่อกันเถอะค่ะ”
พุฒิภัทรที่นั่งเกร็งอยู่ลุกขึ้นมาแล้วก็รู้สึกว่าขาเป็นเหน็บจึงยืนอย่างยากลำบาก พุฒิภัทรเข่าทรุดเพราะความชาจนเซถลำไปข้างหน้า “โอ๊ะ”
กรองแก้วหันมาเห็นก็รีบผวาเข้าไปรับ “ระวังค่ะ”
พุฒิภัทรกอดแก้วไว้เต็มตัวเพื่อยึดเป็นหลักจนทั้งสองอยู่ในท่ากอดกัน ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความตกใจอยู่ครู่นึง
พุฒิภัทรตั้งสติแล้วก็ทรงตัวตรง “ขอโทษที ผม…เหน็บกิน”
“โธ่..คุณชาย..น่าสงสารจัง ไหวไหมคะ”
“ไหวสิ” พุฒิภัทรพยายามจะเดินแต่ขายังเป๋ “อูย...โอเค…ดีขึ้นละ”
ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วก็อดขำออกมาไม่ได้
กรองแก้วประคองพุฒิภัทรเดินมาที่หน้าห้องคนไข้แล้วก็พบว่าพวกหมอและพยาบาลกำลังวิ่งวุ่นเข้าออกห้องเป็นการใหญ่ราวกับมีเคสฉุกเฉิน กรองแก้วเดินเร็วขึ้นอย่างไม่รู้ตัวพอไปถึงหน้าห้อง พวกพยาบาลก็เร่งรีบเข็นเตียงที่กิตตินอนสวนออกไปอย่างรวดเร็ว กิตติมีสายห้อยต่อเครื่องช่วยหายใจระโยงรยางค์ไปหมด
“พ่อ..พ่อเป็นอะไรคะ..”
กรองแก้วรีบวิ่งตาม
“เมื่อเช้า คุณกิตติความดันเลือดลดต่ำกะทันหัน และมีอาการชักค่ะ ดิฉันยังบอกอะไรมากไม่ได้ แล้วจะรายงานให้ทราบเป็นระยะนะคะ” พยาบาลบอก
พยาบาลรีบผละออกไป
“พ่อ”
พุฒิภัทรจับไว้ “คุณแก้ว”
“พ่อ..พ่ออย่าเป็นอะไรนะ พ่อต้องอยู่กับแก้วนะคะ พ่อ”
กรองแก้วร้องไห้สะอึกสะอื้น แล้วเผลอกอดพุฒิภัทรโดยไม่รู้ตัว พุฒิภัทรเป็นห่วงกรองแก้วมาก กอดปลอบอย่างอ่อนโยน
ติดตาม สุภาพบุรุษจุฑาเทพ "คุณชายพุฒิภัทร" ตอนที่ 5