สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 10 อวสาน
ภายในห้องประชุมใหญ่ของโรงพยาบาลพระนครเวลานี้ หมอใหญ่และแพทย์ผู้หลักผู้ใหญ่ประจำโรงพยาบาลกำลังฟังการนำเสนอผลทางการแพทย์จากหมอหนุ่มรุ่นใหม่อยู่
หมอและพยาบาลทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมเพรียง โดยมียศวินอยู่ในห้องนั้นด้วย
หมอหนุ่มคนหนึ่งกำลังเสนอผลการแพทย์อยู่หน้ากระดาน
“ไวรัสชนิดนี้ จะเจริญเติบโตได้ดี ในช่วงฤดูร้อน”
อยู่ๆ ก็มีพยาบาลนางหนึ่งวิ่งเข้ามา
“ขอโทษค่ะ หมอใหญ่ค่ะ คือ เกิดเรื่องแล้วค่ะ”
หมอใหญ่กำลังจะลุกไป แต่ปรากฏว่าพินิจและสมุนอีก 4-5 คนเดินเข้ามาเสียก่อน พินิจกวาดตามองหมอและพยาบาลทุกคนในห้องนั้นหมายจะหาพุฒิภัทรแต่ก็ไม่พบ
“ท่านครับ คือท่านมีกิจอะไรหรือครับ เรากำลังสัมมนาวิชาการกัน” หมอใหญ่พูด
พินิจประกาศกร้าวต่อหน้าที่ประชุม
“ตั้งแต่วันนี้ไป ผมขอยกเลิกการสนับสนุนทุกอย่างที่ผมมีให้กับโรงพยาบาลนี้ การก่อสร้างตึกใหม่ งบพัฒนา งบซ่อมแซม ทุนการศึกษา ทุนวิจัยทางการแพทย์ จะไม่ได้เงินจากผมอีกแม้แต่บาทเดียว”
พวกหมอฮือฮา
มารตีเข้ามามุงเพราะเห็นคนมุงกันเต็มหน้าห้องประชุมนั้น
พินิจมองหมอใหญ่ “ผมเคยเตือนคุณแล้ว แต่หมอของคุณไม่หยุด..คุณชายพุฒิภัทร..มันมาเหยียบจมูกผม..เข้ามาขโมยหนูกรองแก้ว..คนของผมถึงในบ้าน..มันทำอย่างนี้ เท่ากับมันเปิดตัวเป็นศัตรูกับผม ผมก็จะทำให้มันเห็นว่ามันคิดผิด..มันจะต้องรับผลแห่งความชั่วของมัน”
สมุนพินิจอีกคนวิ่งเข้ามา
“ท่านครับ ท่านเรื่องที่ท่านให้ไปสืบ เรื่องคุณกรองแก้วกับคุณชายพุฒิภัทร ได้เรื่องแล้วครับ ทั้งสองคนได้จดทะเบียนสมรส แต่งงานกันแล้วจริงๆครับ”
“อะไรนะ” พินิจตกใจ
“หา อะไร” มารตีช็อก “พี่ชายภัทรแต่งงานกับนังแก้วแล้วเหรอ”
ยศวินงง “ไปแต่งงานกันเมื่อไหร่?”
“แกแน่ใจเหรอ” พินิจถามย้ำ
“แน่ใจครับ นี่ สำเนาทะเบียนสมรสจากนายอำเภอครับ จดทะเบียนจากที่ว่าการอำเภอหัวหินครับ”
พินิจรับมาดูแล้วคร่ำครวญ “หนูแก้วแต่งงานแล้วจริงๆ” พินิจฉีกสำเนา “ทำไม..ทำไมเป็นแบบนี้ ทำไมหนูแก้วทำกับชั้นอย่างนี้”
“งั้น..คนที่ฉุดคุณแก้วไปจากโรงพยาบาลของเรา ทั้งๆที่กำลังมาเฝ้าคุณพ่อของเธอที่เพิ่งผ่าตัดสมองก็คือท่านเองหรือครับ” ยศวินถาม
ทุกคนฮือฮา
“ถ้าคุณแก้วกับคุณชายพุฒิภัทรจดทะเบียนสมรสกันแล้ว..อย่างนั้นสิ่งที่คุณชายหมอทำ ก็ถือเป็นการปกป้องภรรยาตามหน้าที่ของสามีน่ะสิครับ แล้วท่านละครับ ท่านเป็น อะไร” หมอใหญ่ถาม
“แบบนี้..ผิดทั้งกฎหมาย ศีลธรรม จริยธรรม วิถีประชา และสามัญสำนึก” ยศวินว่าเป็นชุด
“นั่นสิ” หมอใหญ่เห็นด้วย
พินิจหน้าแตกและเริ่มทำตัวไม่ถูก เขาเดินจากไปอย่างฉุนเฉียว
มารตีที่อยู่บริเวณนั้นแค้นและยืนช็อค
“พี่ชายภัทร นังแก้ว ชั้นไม่ยอม ชั้นไม่ยอม”
ย่าอ่อนยกสำรับชาเข้ามาเสิร์ฟให้หม่อมเอียด
“ดื่มชาสักหน่อยเถอะค่ะคุณพี่ จะได้ผ่อนคลาย”
“ชั้นดื่มไม่ลงหรอก..แม่อ่อน..เธอบอกชั้นทีว่าชั้นควรจะทำยังไงกับพ่อหลานรักของหล่อน”
“น้องก็ไม่รู้จะตอบคุณพี่ยังไงค่ะ” ย่าอ่อนเจอคำถามยากก็เครียดขึ้นมาจึงดื่มชาซะเอง
“เท่าที่ชั้นสัมผัสได้ แม่กรองแก้วก็ดูเป็นคนจิตใจดี แต่..แค่ความดีอย่างเดียว มันจะเพียงพอกับชีวิตคู่อย่างนั้นหรือ” หม่อมเอียดว่า
“คนจะเป็นสามีภรรยากัน ก็ควรจะเกื้อกูลซึ่งกันและกันในทางใดทางหนึ่ง แต่กับแม่กรองแก้ว น้องมองไม่เห็นเลยว่าจะเกื้อกูลอะไรชายภัทรได้ นอกจากเป็นภาระของชายภัทร ที่จะต้องคอยมาโอบอุ้มภรรยา แก้ต่าง แก้ปัญหา ไม่รู้จักจบจักสิ้น”
“เวลานี้ เจ้าหล่อนก็กลายเป็นนางสีดา ที่โดนทศกัณฐ์อุ้มไปข้ามวันข้ามคืน แม้จะคืนวังมากะพระรามแล้ว แต่ก็นะ เฮ้อ”
“สงสัยต้องให้ไปลุยไฟ พิสูจน์ความบริสุทธิ์ก่อนค่ะ” ย่าอ่อนบอก
มารตีเดินฉับๆเข้ามาในวัง
“หม่อมย่า..ทราบหรือเปล่าคะว่า..พี่ชายภัทรแต่งงานกับนังกรองแก้วแล้ว” มารตีถาม
“แม่มารตี..เอ่อ..”
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนอึกอัก
มารตีประเมินจากท่าที “หม่อมย่าเอียดกับย่าอ่อน ทราบแล้วเหรอ” มารตีช็อค “มันอะไรกัน ทำไม ทำไมหม่อมย่าทำกับมารตีอย่างนี้”
“พวกชั้นก็เพิ่งรู้ก่อนหน้าหล่อนไม่นานหรอก” ย่าอ่อนบอก
“แล้วทำไมไม่ห้าม ทำไมปล่อยให้พี่ชายภัทรไปจดทะเบียนกับนังกรองแก้วได้ ทุกคนรวมหัวกันหลอกมารตี”
“ไม่มีใครหลอกเธอหรอก พวกชั้นก็กำลังคิดหาทางแก้ปัญหาอยู่” หม่อมเอียดบอก
มารตีหยิบรูปของพินิจกับกรองแก้วออกมาวางตรงหน้าหม่อมเอียดย่าอ่อนซึ่งเป็นภาพกรองแก้วนอนสลบอยู่บนเตียงโดยมีพินิจนั่งโอบดูแลใกล้ชิด หม่อมเอียดกับย่าอ่อนอึ้ง
“นังกรองแก้วไปค้างคืนกับท่านพินิจมาแล้ว มันเป็นเมียน้อยท่านพินิจแล้ว ผู้หญิงต่ำๆเน่าๆอย่างนี้..หม่อมย่ายังจะต้องคิดอะไรอีกไม่ทราบคะ”
ย่าอ่อนอ้ำอึ้ง “ก็..”
“หรือจะต้องให้คนทั่วพระนครเขานินทากันก่อน ว่าคุณชายพุฒิภัทร จุฑาเทพไปคว้านางบำเรอมาทำเมีย..หรือคุณชายเป็นชู้ท่าน หรือท่านเป็นชู้คุณชาย..ต๊ายตาย..(แสดงเป็นละคร) เอ๊ะ มันจะงงๆไปไหมคะ เป็นถึงหม่อมย่ากับท่านย่า..แค่จะให้หลานชายแต่งงานกับคนที่คู่ควรเหมาะสมยังทำไม่ได้..มารตีว่าก็เตรียมตัวใช้นามสกุลร่วมกับหญิงโคมเขียวได้เลยค่ะ”
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนหน้าซีดเพราะกลุ้มใจ
ผู้จัดการเปิดประตูรถให้อากงลงมา หม่อมเอียดกับย่าอ่อนเดินออกมาต้อนรับอากงที่บริเวณหน้าทางเข้าตึกอาคารวังจุฑาเทพ
“ให้คนรถไปรับอั๊วมาด่วนจี๋ มีเรื่องด่วนอะไร” อากงถาม
“เรื่องเกี่ยวกับพ่อหลานชายตัวดีของเจ้าสัวนั่นแหละค่ะ” ย่าอ่อนบอก
“เรื่องนี้ใหญ่เกินกว่าที่พวกดิฉันจะตัดสินใจกันเองได้ เลยต้องเชิญเจ้าสัวมาหารือ..เชิญด้านในเถอะค่ะ”
อากงแปลกใจ
อากงฟังจนรู้เรื่องราวทั้งหมด
“ลื้อพูดเรื่องจริงรึ”
“เรื่องอย่างนี้ดิฉันไม่เอามาล้อเล่นหรอกค่ะ ชายภัทรกำลังมัวเมาจนแยกแยะไม่ออกแล้วว่าอะไรควรอะไรไม่ควร” หม่อมเอียดบอก
“ผู้หญิงคนนั้นกำลังล่อลวงให้ชายภัทรตกต่ำ ใครเห็นใครทราบก็จะเอาไปพูดลับหลังให้เสื่อมเสีย..ดิฉันกับหม่อมเอียดจึงมีความเห็นตรงกันว่าเราควรจะช่วยเหลือชายภัทร..ทำให้เรื่องนี้มันถูกต้อง” ย่าอ่อนว่า
“ทำให้ถูกต้อง..ยังไง?” อากงถาม
“ดิฉันอยากให้ชายภัทรแต่งงานกับคนที่เหมาะสม” หม่อมเอียดบอก
“ก็ลื้อบอกเองว่าคุณชายพุฒิภัทรจดทะเบียนสมรสกับนางงามคนนั้นแล้ว”
“จดได้ก็หย่าได้ค่ะ” ย่าอ่อนบอก
“ก็แล้วถ้าคุณชายอีไม่อยากหย่าล่ะ”
“ในฐานะที่เจ้าสัวเป็นผู้ใหญ่ที่ชายภัทรเคารพรัก ดิฉันจึงอยากขอให้เจ้าสัวช่วยพูดกับชายภัทรให้เห็นดีเห็นงามในข้อนี้..ชายภัทรอาจจะไม่ชอบใจ แต่ท้ายที่สุด ชายภัทรจะเข้าใจว่าทุกอย่างที่ทำก็เพื่อตัวชายภัทรเอง”
“ไอ๊หย๋า อยู่ดีๆ ลื้อสองคนก็จะให้อั๊วจับคุณชายพุฒิภัทรคลุมถุงชน อั๊วเก็กซิม..แล้วใคร..ใครที่ลื้อว่าเหมาะสมจะแต่งงานกับคุณชายพุฒิภัทร”
“หม่อมหลวงมารตี เทวพรหม” หม่อมเอียดบอก
“อามารตี”
อากงเอะใจจึงหันมองหน้ากับผู้จัดการ
“หนูมารตี..เป็นหม่อมหลวง..ที่เป็นพยาบาล..ที่หมายมั่นเอาไว้นานแล้วว่าจะให้คู่กับชายภัทรนั่นแหละค่ะ” ย่าอ่อนบอก
“เดี๋ยวๆๆนะ ก่อนอื่น คุณหม่อมต้องรู้ก่อนว่าอามารตี เป็นเมียน้อยเขาเหมือนกัน” อากงบอก
“ตายแล้ว เจ้าสัวจำสับสนใหญ่แล้วค่ะ..หนูมารตีเป็นบุตรสาวคนกลางของหม่อมราชวงศ์เทวพันธ์ เทวพรหม เชียวนะคะ” ย่าอ่อนไม่เชื่อ
“นั่นแหละๆ อีเป็นเมียน้อย ท่านพินิจเหมือนกัน”
“อันนี้พวกเราก็เป็นพยานเหมือนกันครับ” ผู้จัดการบอก
“ใช่ๆๆ อีเป็นเมียน้อยท่านพินิจ อีควงแขนกันไปซื้อของในห้างอั๊ว ใครๆเขาก็เห็นกันทั่ว..ใช่มั้ย..ลื้อเล่าสิ”
“ทีแรก เถ้าแก่ก็ไม่แน่ใจ แต่ผมยืนยันได้ว่าเป็นความจริงครับ ท่านพินิจพาคุณมารตีมาเหมาของแพงๆไปหมด ทั้งสร้อยเพชร กระเป๋า รองเท้า ทุกอย่างที่คุณมารตีใช้อยู่ตอนนี้ เป็นของจากห้างเถ้าแก่ทั้งนั้น ถ้าอยากดูใบเสร็จก็ให้ดูได้ครับ ท่านพินิจจ่ายมาสดๆทั้งนั้น และมีสั่งให้เอาไปให้เลือกทีหลังอีกด้วย”
“ไม่ใช่แล้วล่ะ เป็นไปไม่ได้..เถ้าแก่จำคนผิดหรือเปล่าคะ” หม่อมเอียดไม่เชื่อ
“อั๊วจำไม่ผิด..ถ้าเป็นผู้หญิงหยำฉ่าคนนี้ อั๊วไม่รับอีเป็นสะใภ้แน่ๆ..ลื้อสองคนต้องเชื่ออั๊ว ถ้าไม่เชื่อ ก็ลองสังเกตดูว่าอามารตีอีมีข้าวของแพงๆ ใช้จริงอย่างที่อั๊วว่าหรือเปล่า”
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนตะลึงเพราะไม่อยากเชื่อ
ด้านมารตีในชุดสวยทำผมโป่งพอง รองเท้า กระเป๋าเข้าชุด วางถุงของมากมายลงที่โต๊ะ“โอ๊ย..ร้อน..สงสัยจะต้องติดแอร์วังนี้ทั้งวัง..ท่าจะดี..นี่ๆๆ ใครหาน้ำให้กินหน่อย หายไปไหนหมด หา”
เทวพันธ์เดินลงบันไดมาด้วยตาโตวาว เขารีบเข้ามารื้อของในถุงต่างๆ เปิดออกดู พบเสื้อผ้า เครื่องสำอาง เครื่องประดับ ฯลฯ ของสวยๆหรูๆจากห้างทั้งสิ้น
“มารตี..นี่ของแพงๆ จากในห้างทั้งนั้น ลูกไปเอาของพวกนี้มาจากไหน” เทวพันธ์ถาม
“จากไหนไม่สำคัญหรอก รู้แค่ว่ามารตีจ่ายค่าน้ำค่าไฟให้วังของเราแล้ว”
เทวพันธ์เห็นที่คอมารตีมีสร้อยเพชรสวมอยู่ “นี่ สร้อยเพชรชุดนี้ ของลูกเหรอ ต่างหู กำไล โอ้ว ทั้งชุดนี่มันราคาเท่าไหร่กันเนี่ย เป็นหมื่นๆ เลยหรือเปล่า งั้นพ่อดูหน่อยสิๆ”
มารตีไม่ยอมให้พ่อแตะต้อง “ไม่ได้ๆๆ ของแพงๆ ขืนถูกแตะต้องมากๆ เดี๋ยวหมองพอดี”
“ไม่หมองหรอกน่า”
เทวพันธ์ตามตื้อจะขอสัมผัสสร้อยเพชรให้ได้ มารตีหลบไม่ให้แตะจนกระทั่งหันมาทางด้านทางเข้า ก็ต้องชะงักเพราะเห็นหม่อมเอียดกับย่าอ่อนยืนอยู่ โดยมีสมศรีตามมารับใช้ด้วย
“หม่อมย่า”
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนมองมารตีหัวจรดเท้าแล้วมองทรัพย์สินข้าวของต่างๆ
“ข้าวของเยอะแยะเชียวนะ ซื้อของใหม่ๆเข้าบ้านมากขนาดนี้..หล่อนไปร่ำไปรวยมาจากไหนกันแม่มารตี”
“ซื้อเองหรือว่ามีใครให้มา” ย่าอ่อนถาม
“มารตีซื้อเองค่ะ ทำไมคะมารตีมีเงินนิดๆหน่อยๆแปลกเหรอ”
“สร้อยเพชรที่หล่อนสวมล่ะ เข้าชุดกันดีทั้งสร้อยต่างหูกำไลเลยนะ..อันนี้ก็ซื้อเองงั้นรึ”
“ใช่ค่ะ ก็พอดีว่า มารตีพอมีเงินบ้าง จากการรับเฝ้าคนไข้พิเศษ พวกเศรษฐีมหาเศรษฐีหลายท่าน แล้วก็ถูกหวยบ้างน่ะค่ะ สวยสมกับมารตีมากๆเลยใช่มั้ยคะหม่อมย่า”
“แต่ชั้นว่ามันเข้ากับคนอื่นมากกว่านะ” หม่อมเอียดบอก
มารตีฉงน “ใครคะ?”
คุณหญิงดาราอำไพเดินเข้ามาอย่างสง่า
“หม่อมย่าคงจะหมายถึงเจ้าของตัวจริงของมันน่ะสิ” คุณหญิงบอก
มารตีหน้าซีด “คุณหญิงดารา”
“ชั้นไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหัวขโมยจะคือเธอ..หม่อมหลวงมารตี เทวพันธ์” คุณหญิงดาราว่า
“ขโมย ใครขโมยอะไร นี่ คุณหญิง อย่ามากล่าวหาลูกสาวผมซี้ซั้วนะ” เทวพันธ์ไม่พอใจ
“กล่าวหาเหรอ?” คุณหญิงดาราอำไพหยิบรูปถ่ายเป็นปึกที่มีทั้งรูปที่สวมเครื่องเพชรชุดนั้นออกงาน รูปเฉพาะเครื่องเพชร รูปเครื่องเพชรที่อยู่ในเซฟ “ไม่ทราบว่า หม่อมหลวงมารตีจะอธิบายเรื่องเครื่องเพชรชุดที่อยู่บนตัวยังไงดีคะ ถ้าแค่รูปยังยืนยันไม่พอ ลองไปถามคุณหญิงที่ออกงานสังคมบ่อยๆ ก็ได้..ว่าเคยเห็นดิฉันสวมเครื่องเพชรชุดนั้นมั้ย”
“มารตี บอกเขาไปสิ ว่าลูกซื้อมาด้วยเงินของลูกเอง” เทวพันธ์ว่า
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาใบเสร็จร้านค้ามาให้ดูหน่อยสิ” หม่อมเอียดบอก
“นี่ค่ะ ใบเสร็จ ดิฉันมี” คุณหญิงดาราเป็นฝ่ายควักออกมาเอง
มารตีอึ้ง “เอ่อ..”
“อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่ทำไม ตอบมาให้ชัดเจนสิ ซื้อมาเอง หรือมีใครให้มา หรือขโมยมา” ย่าอ่อนถามดุ
“ย่าอ่อน..หยุดพูดจาดูถูกกัน คนสกุลเทวพรหมไม่มีนิสัยแย่ๆ พรรค์นั้นหรอก..ใช่มั้ยมารตี” เทวพันธ์โวย
“แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือวิธีที่ลูกสาวคุณไปได้สร้อยเพชรของดิฉันมา..ถามเขาสิคะ..ว่าเขาต้องเอาอะไรบ้างไปแลก ของพวกนี้ มาจากสามีของดิฉัน” คุณหญิงดาราว่า
“สามีคุณ ท่านพินิจเหรอ ไม่จริงใช่มั้ยมารตี”
มารตีอึกอัก “พ่อคะ”
“เธอคงไม่อยากให้ชั้นต้องไปแจ้งตำรวจหรอกนะมารตี” คุณหญิงดาราอำไพบอก
มารตีปล่อยโฮ
“หม่อมหลวงตัวน้อยๆ น่ารัก ที่ชั้นเห็นมาแต่อ้อนแต่ออกกลายเป็นคนอย่างนี้ได้ยังไง ศักดิ์ศรีและความหยิ่งทะนงในตัวเองของเธอ มันหายไปไหนหมด..ทำไมถึงทำเรื่องสกปรกพรรค์นั้นได้อย่างหน้าชื่นตาบาน” ย่าอ่อนว่า
“เธอเคยต่อว่าแม่แก้วว่าทำตัวไร้ยางอาย ขายเนื้อหนังมังสากิน แล้วสิ่งที่เธอทำล่ะ” หม่อมเอียดว่า
“นี่แหละ ที่เขาเรียกว่า...” ย่าอ่อนพูดไม่ทันจบ
หม่อมเอียดสอนต่อ “สิ่งที่เธอทำ มันอาจจะทำให้เธอมีชีวิตที่สะดวกสบายขึ้น..แต่ถ้าเธอคิดให้มากกว่าตัวเธอเองสักนิด..เธอจะเห็นว่ามีภรรยาที่ซื่อสัตย์คนนึง ต้องถูกสามีทอดทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียว..เธอจะเห็นพ่อที่ภาคภูมิใจในตัวลูกสาว..เธอจะเห็นคนแก่ๆสองคนที่รักและเอ็นดูเธอด้วยความบริสุทธิ์ใจ..แต่หยุดคิดก่อนทำสักนิด..เธอจะไม่เห็นผิดเป็นถูก ไม่เห็นชั่วเป็นดี และก็คงไม่ต้องเสียใจอย่างนี้”
“ติดดูเองนะ เทวพันธ์ ว่าป้าจะรับลูกสาวเธอ..มาเป็นหลานสะใภ้ชั้นไหวมั้ย” หม่อมเอียดพูด
มารตีอึ้ง “หา”
“เทวพันธ์..คำมั่นสัญญาระหว่างเราสองสกุล ชั้นยังจำได้ สัจจะยังคงเป็นสัจจะ แต่สำหรับชายภัทรกับหนูมารตี มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว..หวังว่าคุณคงจะเข้าใจการตัดสินใจนี้ของชั้นนะ”
เทวพันธ์จำนนที่จะต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้นเพราะไม่สามารถปริปากคัดค้านอะไรได้
“มารตี..การกระทำเมื่อวาน คือตัวเธอในวันนี้ การกระทำในวันนี้ ก็จะเป็นตัวเธอในอนาคต..คิดและตัดสินใจให้ดีล่ะ” หม่อมเอียดบอก
หม่อมเอียดและย่าอ่อนเดินกลับออกไป มารตีทั้งเศร้าทั้งเสียใจ
พินิจหัวเราะก๊าก บรรดาสาวๆในเรือนชมพูถูกเรียกตัวมาประเคนรุมล้อม มีทั้งสุนันท์ กนกลักษณ์ และสาวอื่นๆ แต่ละคนเข้ามารุมเอาใจพินิจเต็มที่ ทั้งบีบนวด ป้อนองุ่น ป้อนน้ำ ฯลฯ
“มีความสุขจริงๆเลย..ยะฮู้ คนนี้ก็สวย คนนี้ก็น่ารัก ไม่มีชีวิตผู้ชายคนไหนในโลกจะน่าอิจฉาเท่ากับชั้นอีกแล้ว..จริงมั้ยจ๊ะเด็กๆ”
สาวตอบพร้อมกัน “จริงค่า”
กนกลักษณ์พูดเอาใจ “ใครที่ไม่เลือกท่าน มันโง่สุดๆเลยค่ะ”
อยู่ๆพินิจก็สะอึกและหน้าตาเหี่ยวเศร้าลงทันที กนกลักษณ์รู้ตัวว่าหลุดปาก
“ใช่..ใครไม่เลือกชั้น มันโง่มาก..โดยเฉพาะหนูแก้ว..ทำไมไม่เลือกชั้น โง่ที่สุดเลย ฮือๆๆ”
พินิจคร่ำครวญ
สุนันท์แทบอยากหันไปตบกนกลักษณ์ที่หลุดปากออกไป
“โถๆๆๆ ท่านขา..มีนันท์อยู่แล้ว จะไปสนใจอะไรผู้หญิงคนเดียวล่ะคะ ไม่เอาๆ มาสนุกกับนันท์ดีกว่านะคะ”
“ชั้นอยากสนุกกับแก้ว ผมรักแก้ว พวกเธอเข้าใจมั้ย มันเป็นรักแรกพบ มันฝังใจ ทำยังไงก็ไม่ลืม..พวกเธอตั้งเยอะแยะ ยังหลงเสน่ห์ชั้น เลือกชั้น แล้วทำไมแก้วถึงไปเลือกคุณชายหมอ ชั้นไม่เข้าใจ ฮือๆ”
ไกรฤกษ์เดินเข้ามาแต่เห็นพินิจกำลังคร่ำครวญจึงหยุดฟัง
พินิจพูดต่อ “ถ้าไม่มีคุณชายหมอสักคน แก้วก็ต้องอยู่ที่นี่กับชั้น..ชั้นเกลียดมัน มันหนุ่ม มันรูปงาม มันเก่ง มันรวย มันสูงส่ง...มันน่าจะตายๆไปซะ!! โอ้ สวรรค์ พระเจ้า ช่วยส่งใครมาเอาชีวิตไอ้บ้านพุฒิภัทรไปที บันดาลให้มันเดินๆ แล้วฟ้าผ่าหัวไปซะก็ได้ อยากได้ของเซ่นสังเวยอะไร ลูกจะถวายไม่อั้นเลยเจ้าข้า พระเจ้า”
สุนันท์เรียก “ท่านคะ”
พินิจกราดเกรี้ยว “ไปๆๆ ออกไปกันให้หมด ผมไม่อยากเห็นหน้าใครทั้งนั้น”
พวกสาวๆ แตกฮือ
ไกรฤกษ์ที่แอบฟังอยู่หน้าห้องมีแววตาโกรธแค้น
“คุณชายหมอ! มันน่าจะตายไปจริงๆด้วย! ท่านพินิจจะถวายไม่อั้นเลยใช่ไหม หึๆ”
พุฒิภัทรกับหมอใหญ่และยศวินเดินลงมาจากตึกมาด้วยกัน พินิจยืนรออยู่หน้าตึก พวกหมอผงะ เพราะไม่ไว้ใจ
“ไม่ต้องกลัว ผมมาดี คุณหมอใหญ่ ..คุณชาย” พินิจบอก
“ไม่ทราบท่าน..มีธุระอะไรครับ” พุฒิภัทรถาม
“ผมจะมีเรื่องสำคัญ ที่จะมาบอกกับทุกๆคนครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..คุณชายพุฒิภัทร”
“ความจริง..ผมก็อยากจะพูดกับท่านเหมือนกัน ว่า..ถ้าหากท่านไม่สบายใจที่จะอุปถัมภ์โรงพยาบาลของเรา.. ผมก็ไม่มีปัญหาอะไร ที่ท่านจะ..ถอนตัวไป มันดีกว่าที่จะให้เราก้มหัวให้กับบุคคลที่มีปัญหาทางด้านจริยธรรม” หมอใหญ่บอก
“คุณหมอใหญ่ครับ..อย่าทำกับผมอย่างนั้นสิครับ ผมจะมาขอโทษ แล้วอยากจะให้ทุกอย่างเป็นไปเหมือนเดิม”
คุณหญิงดาราเดินมาสมทบ
“ดิฉันละอายจริงๆ.. ในสิ่งที่เกิดขึ้น ดิฉันขอเป็นผู้รับผิดชอบการสนับสนุนโรงพยาบาลนี้ในภายใต้ชื่อของท่านเองค่ะ ถ้ามีอะไร ที่เราจะทำเพื่อแก้ตัว..แก้อาย..ในเรื่องนี้ได้ ท่านหมอใหญ่ช่วยบอกเราด้วยค่ะ”
“ส่วนตัวผม..ผมขอบอกคุณชายว่า..ถ้าแก้วรักคุณชาย ผมก็ขอยอมแพ้..ผมก็เป็นสุภาพบุรุษพอ ในเมื่อผู้หญิงมีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนแล้ว ผมก็จะไม่ตอแยอีก..ผมขอให้คุณชายกับภรรยามีความสุขกันมากๆ และผมขอฝากให้คุณชายดูแลแก้วอย่างดีที่สุด อย่าให้ขาดตกบกพร่อง” พินิจน้ำตารื้นจึงรีบเงยหน้าเพื่อกลั้นไว้ “คุณหญิง ผมผิดไปแล้ว ผมคือผู้พ่ายรัก และผมขอกลับมาตายรัง ขอให้คุณหญิงเวทนาสามีผู้จนตรอกคนนี้ด้วย”
พวกหมอมองหน้ากันแล้วซึมๆ
“เอ่อ..แล้วเราค่อยนัดคุยกันแบบเป็นทางการครั้งหน้านะคะ ขออนุญาตค่ะ” คุณหญิงดาราหันกลับแล้วรีบพาพินิจเดินแยกออกไป
ทุกคนงงๆ
“เออ คนเรา มีแปลกๆ” หมอใหญ่ว่า
“งั้น..ผมกลับก่อนครับ” พุฒิภัทรบอก
“ขับรถดีๆนะครับ อาจารย์” ยศวินอวยพร
พุฒิภัทรไหว้หมอใหญ่แล้วเดินไปที่รถ แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนรออยู่คือไกรฤกษ์
ไกรฤกษ์ทำหน้าเหี้ยมแล้วถือปืนเล็งมาที่พุฒิภัทร ไกรฤกษ์ยิ้มโรคจิตเลือดเย็น
“สวัสดี คุณชายหมอ พระเจ้าส่งผมมา”
พุฒิภัทรผงะ
หมอใหญ่กับยศวินกำลังเดินไปอีกทางแต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเพราะได้ยินเสียงปืนดังสนั่น“ปัง!!!..ปัง!!!..ปัง!”
พินิจและคุณหญิงดาราที่กำลังเดินไปอีกทางก็ชะงักหันกลับไปมองที่ทิศของเสียง เพียงพร และพยาบาลอีก2-3คนวิ่งลงมาจากตึก
“เสียงใครยิงกันน่ะ” เพียงพรถาม
ทุกคนรีบร้อนวิ่งมาตามเสียง ไกรฤกษ์วิ่งหนีไป ยศวินกับเพียงพรมาถึงก่อนก็พบว่าพุฒิภัทรนอนหายใจรวยรินอยู่กับพื้นเพราะถูกยิง
เพียงพรตกใจ “คุณชาย!”
กรองแก้วกำลังร้อยมาลัยเพื่องานแต่งงานที่คนมาจ้าง มาลัยพวงนึงเสร็จแล้วแขวนอยู่ กิตติหอบหิ้วผลส้มโอเข้ามาในบ้าน
“แก้วๆๆ ดูสิ สวนหลังบ้านมันออก..สวยๆทั้งนั้นเลย”
“ลูกใหญ่มากเลยค่ะพ่อ”
“หวานมากด้วยนะพ่อลองชิมแล้ว”
“พ่อจะกินเลยมั้ยคะ เดี๋ยวแก้วจัดการให้”
“ใครว่าพ่อจะกินเอง..พ่อจะเอาไปฝากคุณชายพุฒิภัทร..ตั้งแต่ท่านผ่าตัดให้พ่อเสร็จ พ่อยังไม่ได้ขอบคุณท่านเลยนะ ตอนออกมาก็ไม่ได้บอกลา”
กรองแก้วสีหน้าเปลี่ยนไป “พ่อคะ..คนอย่างคุณชาย..คนในวังมีของดียิ่งกว่านี้รับประทานเยอะแยะ พ่อไม่ต้องเอาผลไม้บ้านๆไปให้เขาหรอกค่ะ”
“นี่คือน้ำใจ เขาจะเอาไปให้ใครก็เรื่องของเขา”
“แต่แก้วไม่ว่าง ต้องร้อยมาลัยให้ทันขายงานบุญที่จะถึงนี้”
“ลูกมีอะไรหรือเปล่า”
“อะไรคะ”
“ตั้งแต่กลับมา.ลูกดูไม่อยากพูดถึงคุณชาย..ไม่อยากเจอ..ลูกมีเรื่องผิดใจอะไรกับคุณชายพุฒิภัทรใช่มั้ย”
“ไม่มีค่ะ”
“พ่อรู้จักลูกดี..เกิดอะไรขึ้น”
“ช่างมันเถอะค่ะ”
“แก้ว..”
“คุณชายดูถูกแก้ว เขาไม่เชื่อใจแก้ว เรื่องที่แก้วถูกท่านพินิจจับตัวไป” กรองแก้วยอมเล่า
“ดูถูก? ไม่เชื่อใจ? แล้วที่เขาทำเพื่อช่วยเหลือลูกทั้งหมดแปลว่าอะไร..ลูกโกรธคุณชายมากไปหรือเปล่า..แก้ว คนเราน่ะ มีชีวิตอยู่ไม่ได้ยืนยาวหรอกนะ อะไรปล่อยวางได้แล้วทำให้เรามีความสุข ก็วางมันซะเถอะ ก่อนที่อะไรๆจะสายไป”
กรองแก้วร้อยมาลัยไปอย่างงอนๆ ที่พ่อไม่เข้าข้าง
ทันใดนั้นครูบุษบาก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“แก้ว..พ่อกิตติ..รู้ข่าวหรือยัง เพิ่งจะออกโทรทัศน์เมื่อตะกี้นี้..เขาว่า มีโจรบุกเข้าไปยิงคุณชายพุฒิภัทรในโรงพยาบาล”
กรองแก้วตกใจ “อะไรนะคะ”
“ตอนนี้คุณชายพุฒิภัทรอาการสาหัส ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง”
กรองแก้วผลุนผลันวิ่งออกไปในทันที
อ่านต่อหน้า 2
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 10 อวสาน (ต่อ)
พุฒิภัทรท่าทางอ่อนระโหยนอนหน้าซีดอยู่บนเตียง พวกพยาบาลเข็นเตียงออกมาเพื่อจะเอาไปเข้าห้องผ่าตัด ระหว่างนั้นหมอยศวินที่จะไปผ่าตัดก็เดินเข้ามา
“โชคร้ายหน่อยนะครับคุณชายหมอ...ที่ศัลยแพทย์คนที่เก่งสุดของเรา..ก็ดันมาโดนยิงซะได้..คุณชายหมอก็เลยมาถึงมือผม..เป็นเกียรติของผมมากที่จะได้รักษาชีวิต คนที่เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนรักและเป็นศัตรูหัวใจของผม”
“ยศวิน คุณเป็นหมอที่เก่งมาก ผมดีใจที่จะฝากชีวิตไว้กับคุณ” พุฒิภัทรบอก
“แน่ใจเหรอครับ”
“แต่ถ้าระหว่างผ่า มีอะไรไม่มั่นใจถามผมได้เลยนะ”
ยศวินยิ้มขำกับพุฒิภัทร อยู่ๆพุฒิภัทรก็หมดสติไป ยศวินและพวกพยาบาลต้องรีบเข็นเข้าห้องผ่าตัดเป็นการด่วน
รถรับจ้างจอดหน้าโรงพยาบาลตอนกลางคืน กรองแก้วรีบกระโดดลงจากรถ แล้ววิ่งกระหืดกระหอบเข้าไป กรองแก้ววิ่งสุดชีวิตสวนกับผู้คนที่เดินผ่านไป กรองแก้ววิ่งมาที่หน้าห้องผ่าตัด เพียงพรเดินออกมาพอดี
“คุณพยาบาลคะ..คุณชายหมอ..คุณชายหมอเป็นอย่างไรบ้างคะ” กรองแก้วถาม
“คุณแก้ว”
“แก้วทราบข่าวว่าคุณชายถูกยิง..อาการเป็นยังไงบ้างคะ ปลอดภัยแล้วใช่มั้ย”
“ตอนนี้คุณชายพุฒิภัทรยังอยู่ในห้องผ่าตัดอยู่ค่ะ ความดัน ชีพจรปกติ ยังไม่พบสัญญาณอะไรที่น่าเป็นห่วง..สบายใจเถอะนะคะ..เชื่อมือคุณหมอยศวินเถอะค่ะ”
“หมอยศวิน..เป็นคนผ่าตัดให้คุณชายเหรอคะ”
“ค่ะ”
กรองแก้วกังวล ยศวินเดินออกมาพอดี
“ไม่ทราบว่าคุณแก้วดีใจหรือเสียใจที่ผมเป็นคนผ่าให้คุณชายครับ” ยศวินถาม
“คุณหมอ..คุณชายเป็นอย่างไรบ้างคะ” กรองแก้วถามกลับ
ยศวินมองแววตาห่วงใยของแก้วก็รับรู้ได้ทันทีว่ากรองแก้วมีใจให้พุฒิภัทร
“สายตาของคุณแก้ว มันทำให้ผมเจ็บมาก..คุณรู้หรือเปล่าคุณแก้ว..คุณชายพุฒิภัทรปลอดภัยดีแล้วครับ พยาบาลกำลังทำแผลอยู่ อีกเดี๋ยวคงจะพาออกมาได้” ยศวินบอก
“คุณชาย” กรองแก้วดีใจมากจึงยกมือไหว้ประหลกๆ “ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณที่ปกป้องคนดีๆอย่างคุณชาย”
ยศวินหงอยรู้สึกช้ำใจที่กรองแก้วไม่มีเขาอยู่ในหัวใจบ้างเลย
กรองแก้วรีบไปที่หน้าห้องผ่าตัด เธอดีใจและรอพยาบาลเข็นพุฒิภัทรออกมาอย่างจดจ่อโดยไม่ได้สนใจสิ่งอื่นเลย จนยศวินเดินแยกออกไปแล้วกรองแก้วก็ยังไม่รู้ตัว
พุฒิภัทรที่ยังสลบอยู่บนเตียงที่มีแสงสว่างในยามค่ำคืน กรองแก้วนั่งมองอยู่ข้างๆ ด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยรักและห่วงใย
นาฬิกาบอกเวลาตีสอง พุฒิภัทรยังคงนอนนิ่ง กรองแก้วนั่งกอดเข่าพิงพนักโซฟาแต่ก็ไม่หลับ ตาของเธอมองเหม่อ ทันใดนั้นก็มีเสียงพลิกตัว กรองแก้วรีบลุก พุฒิภัทรขยับตัวแล้วค่อยๆลืมตาขึ้น
พุฒิภัทรเห็นหน้ากรองแก้วเป็นสิ่งแรก ดวงตาที่กลมแป๋วของเธอเต็มไปด้วยความรักและห่วงใย พุฒิภัทรดีใจเป็นที่สุด
พุฒิภัทรเสียงแหบแห้ง “แก้ว..นี่..ชั้นฝันหรือจริง”
“จริงสิคะ คุณชายฟื้นแล้ว”
พุฒิภัทรยื่นมือมาจะจับ แล้วก็ชะงักเพราะตึงแผลข้างนั้น “โอ๊ะ”
มืออีกข้างของพุฒิภัทรติดการให้เลือดอยู่จึงยกออกมาไม่ได้
กรองแก้วเป็นฝ่ายเอามือไปจับมือพุฒิภัทรแทน “เจ็บหรือคะ”
“ตึงแผลมากกว่า ยังชาอยู่ ไม่รู้สึกเจ็บหรอก”
“ดื่มน้ำไหมคะ”
“ครับ”
กรองแก้วหันไปหยิบแก้วน้ำที่มีหลอดแล้วหันมาไขเตียงขึ้น ก่อนจะประคองให้พุฒิภัทรดูดน้ำจากหลอด พุฒิภัทรดูดน้ำแล้วเหลือบตามองหน้ากรองแก้ว กรองแก้วก็มองหน้าพุฒิภัทรแบบลุ้นเอาใจช่วย ทั้งสองสบตากันซึ้ง
สักพัก พุฒิภัทรก็เงยหน้าจากแก้วน้ำ
“พอแล้วหรือคะ”
พุฒิภัทรพยักหน้า กรองแก้วหันไปเอาแก้วน้ำวางก่อนจะหยิบผ้ามาเช็ดปากให้
พุฒิภัทรยิ้มให้ “ขอบใจนะ”
“คุณชายหิวไหมคะ”
“ไม่เลย”
“หรือคลื่นไส้หรือเปล่า รู้สึกผะอืดผะอมไหมคะ แก้วมียาหอม” กรองแก้วหันหน้าจะลุกไป
“แก้ว ชั้นไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น อยู่เฉยๆ อย่าลุกไปไหน อย่าหนีไปไหน มานั่งใกล้ๆชั้น เดี๋ยวซักพัก ฉันก็จะหลับไปอีก แล้วเธอก็หลับได้ ฉันจะไม่กวนเธออีก จนกว่าจะพรุ่งนี้เช้า”
“เป็นหมอนี่..รู้ดีทุกขั้นตอนเลยนะคะ”
“หมอ ก็มีเวลาเป็นคนไข้เหมือนกัน แล้วก็ต้องการคนดูแลเหมือนกัน ตอนนี้ชั้นอ่อนแอมาก เธอต้องดูแลชั้นดีๆ ไม่งั้น ฉันอาจมีไข้ ติดเชื้อ หรือมีอาการอะไรแทรกซ้อนก็ได้”
กรองแก้วเลื่อนเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ “แก้วก็ทำได้แค่..นั่งดูอยู่แบบนี้แหละค่ะ”
“ก็นี่แหละ สิ่งที่ชั้นต้องการจากเธอ”
“ได้ค่ะ นั่นเฉยๆแค่นี้..ไม่ยากหรอกค่ะ”
“อือ..ยังมีอีกอย่าง..ที่เธอต้องทำ”
“อะไรคะ”
“จับมือชั้นไว้”
“อะไรนะคะ”
“จับมือชั้นไว้ มันจะช่วยได้มาก ชั้นจะหายเร็วขึ้น”
“จริงเหรอคะ”
“จริง ยังอีก”
กรองแก้วยิ้มขำแล้วเอามือมาจับมือพุฒิภัทรไว้ ทั้งสองยิ้มให้กัน พุฒิภัทรค่อยๆ หลับลงไปอีก กรองแก้วมองและจับมือพุฒิภัทรไว้
พุฒิภัทรยิ้มอย่างมีความสุข ลืมตามาดูอีกทีก่อนจะหลับไปใหม่
เพียงพรดูปรอทวัดไข้ของพุฒิภัทร ส่วนยศวินปิดแผลให้ กรองแก้วยืนดูอยู่ห่างๆ
“แผลดีมากแล้วครับ คุณชาย” ยศวินบอก
“ไข้ก็ไม่มีค่ะ ความดันก็ปกติ” เพียงพรรายงาน
“แบบนี้..พรุ่งนี้คุณชายก็กลับไปพักที่วังได้แล้วครับ” ยศวินบอก
“ดี งั้นช่วยทำเรื่องให้ผมออกไปเย็นนี้เลยได้ไหม หม่อมย่าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
กรองแก้วยืนฟังอยู่เงียบๆ หน้าตาขรึมลง ยศวินเขียนบางอย่างลงในชาร์ท
“คุณแก้ว..สบายใจได้แล้วนะครับ” ยศวินยิ้มๆ แล้วเดินออกไป
“ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ” กรองแก้วเดินตามไป
ยศวินหันมาก้มหน้าแล้วยิ้ม “ไม่เป็นไรครับ”
ยศวินกับเพียงพรเดินออกไป พุฒิภัทรลุกขึ้นมานั่ง
“คุณชาย..จะไปไหนคะ” กรองแก้วถาม
“ไม่มีอะไร แค่..อยากนั่งหน่อย นอนมานาน เมื่อย”
กรองแก้วเข้ามาช่วยพยุง “ระวังนะคะ ค่อยๆลุก ไม่ต้องรีบ”
“แก้ว วันนี้เรากลับไปที่วังกันนะ”
“ถ้าคุณชายหายดีพอที่จะออกจากโรงพยาบาลได้ แก้วก็..คงต้องรีบกลับบ้านซะที”
“ทำไมล่ะ” พุฒิภัทรถาม
กรองแก้วพยายามหาเหตผล “ก็..แก้วหมดห่วงแล้วนี่คะ คุณชายแข้งแรงแล้ว แก้วก็เท่ากับว่าหมดหน้าที่แล้ว..อีกอย่าง..เวลานี้ไม่มีความจำเป็นอะไรที่แก้วต้องรบกวนที่วังของคุณชายอีก”
“แก้ว..”
“จริงๆนี่คะ แก้วทำให้คุณชายเดือดร้อนมามาก แล้วที่คุณชายต้องประสบเคราะห์ร้ายครั้งนี้ ก็เป็นเพราะแก้วอีก อย่าให้แก้วต้องทำให้คุณชายลำบากอีกเลย”
“ชั้นไม่ได้ลำบากอะไร”
“แต่แก้วไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะไปรบกวนคุณชายอีก”
“เราเป็นสามีภรรยากันนะ” พุฒิภัทรย้ำ
กรองแก้วชะงัก “จริงด้วย” กรองแก้วถอดสร้อยออกมา “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เกมนี้มันก็ ควรจะจบลงได้แล้วนะคะ เพราะท่านก็คงไม่มารบกวนแก้วอีกแล้ว แก้วคืนให้คุณชายค่ะ”
“แก้ว” พุฒิภัทรไม่ยอมรับ
กรองแก้วจับมือพุฒิภัทรมาแล้ววางสร้อยลงไป “ขอบพระคุณคุณชายที่สุด ที่เสียสละเพื่อแก้วมามาก ยอมเสียชื่อ เสื่อมราศีเพื่อช่วยเด็กที่คุณชายไม่ทราบแม้แต่หัวนอนปลายเท้ามาแต่ต้นยอมเสี่ยงภัยอันตราย แล้วที่สุดก็ช่วยชีวิตพ่อแก้ว”
“แล้วเธอคิดว่า ชั้นทำทั้งหมดลงไปเพื่อ”
“มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ มันเป็นไปไม่ได้”
“ทำไมถึงจะเป็นไปไม่ได้”
“เพราะโลกนี้ไม่ได้มีเราแค่2คน แต่มีครอบครัว สังคม คนอื่นๆ กรอบของขนบธรรมเนียมมากมาย ความเหมาะ ความควร ที่เราต้องคำนึงถึงไม่ใช่แค่ทำตามใจตัวเองไงคะ”
“เมื่อไหร่เธอจะเลิกความคิดอะไรแบบนี้”
“มันคือความจริงนี่คะ แก้วไม่ได้คิดไปเองแล้วเราไปหย่ากันนะคะ คุณชายหายดี พร้อมที่จะไปอำเภอเมื่อไหร่ เราก็นัดกันไปทำทุกอย่างให้จบ นะคะ”
“เธอมันคนไม่มีหัวใจ..แก้ว”
“หัวใจ..มีเอาไว้สูบฉีดโลหิตค่ะ ส่วนสมอง มีไว้คิด ไตร่ตรอง ใช้เหตุผล คุณชายเป็นหมอ น่าจะเข้าใจดี”
พุฒิภัทรล้มตัวลงนอนพลิกหันหลังให้ “หยุดพูดได้แล้ว ชั้นไม่อยากฟัง”
กรองแก้วอึ้งและเศร้าใจ
กิตติกับเด็กวัยรุ่น2คนกำลังช่วยกันล้างขิง ข่า และตะไคร้ที่เก็บมาซึ่งมีดินเกาะอยู่เต็มเพื่อจะใส่เข่งไปขายในวันรุ่งขึ้นที่ท่าเรือ กิตติแค่คุม ชี้แนะ และหยิบจับบ้างนิดหน่อย เรือหางยาวแล่นมาโดยกรองแก้วที่ใส่หมวก ถือกระเป๋าเล็ก และมีถุงข้าวของที่ซื้อมาจากกรุงเทพโดยสารมาด้วย
“พี่แก้วมาแล้วๆ หวัดดี พี่แก้ว”
“หวัดดีๆ” กรองแก้วทักตอบ
กรองแก้วลงจากเรือ กิตติรีบล้างมือแล้วเดินไปรับ กรองแก้วไหว้ก่อนส่งถุงต่างๆ ให้
“พ่อ..แก้วบอกแล้ว ว่าไม่ต้องทำอะไร..ให้หลานๆพวกนี้ทำ”
“ก็บอกลุงเขาแล้ว เขาไม่ฟัง” เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งบอก
“มันอดไม่ได้ พ่อก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอก เหนื่อยก็พัก”
“พ่อนี่ดื๊อ..ดื้อ” กรองแก้วว่า
กิตติกังวล “คุณชายพุฒิภัทรเป็นไงบ้างล่ะลูก”
กรองแก้วชะงักเล็กน้อยแล้วก็ยิ้ม “กลับวังได้แล้วจ้ะ”
“ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม” กิตติถามต่อ
“ก็ มากล่ะจ้ะ แต่พอดีหมอยศวินเป็นคนผ่าตัด ก็เลยแก้ไขได้ทันที แล้วร่างกายคุณชายก็แข็งแรงดี ก็เลยหายเร็ว” กรองแก้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “พ่อจ๋า นี่ขนมฝรั่งกุฏีจีนที่พ่อชอบนะจ๊ะ เจ้าที่อยู่หน้าโรงพยาบาล แล้วแก้วก็ซื้อเสื้อสีเรียบๆที่พ่อชอบมาให้ตัวนึงจ้ะ แก้วไปเปลี่ยนเสื้อเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวจะลงมาช่วยนะจ๊ะ” กรองแก้วทำเป็นร่าเริงแล้วถือกระเป๋าขึ้นบ้านไป
กิตติมองตามไปแล้วรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาตงิดๆ ก่อนจะรีบตามขึ้นไป
กรองแก้วเดินมาบนบ้าน เธอรินน้ำดื่มแล้วนั่งถือแก้วน้ำซึมๆอยู่ กิตติเดินตามมามอง สักพักก็ตัดสินใจเดินเข้ามาถาม
“แก้ว แล้ว ระหว่างลูกกับคุณชาย ได้มีโอกาสพูดจา ทำความเข้าใจกันหรือเปล่า”
กรองแก้วมองหน้าพ่อแล้วอึ้งไป “เราเข้าใจกันดีจ้ะพ่อ พ่อไม่ต้องห่วง”
“เข้าใจว่ายังไง”
กรองแก้วตอบไม่ถูก “ก็ ไม่มีอะไร”
“พ่อไม่ได้อยากมีลูกเขยเศรษฐี หรือคนสูงส่งหรอกนะ แก้ว แต่คุณชาย เป็นคนดีมาก ดีกับเรามาก ที่สำคัญ คุณชายรักลูกมาก”
กรองแก้วเงียบไป “พ่อ เราก็อยู่กันประสาเราพ่อๆลูกๆนี่แหละ มีความสุขกว่านะจ๊ะพ่อ เขากับเรามันคนละอย่าง ที่เขามีบุญคุณ เราก็พยายามค่อยๆชดใช้ไป ถ้าเขามีอะไรที่เราพอช่วยได้ แก้วก็จะไปทันที แต่จะให้มีอะไรมากกว่านี้ แก้วกลัวจ้ะ”
กิตติถอนใจ “ก็จริง”
“ตอนนี้ เขายังรักเอ็นดูเรา เรายังเป็นของแปลกใหม่ เขาก็มองข้ามอะไรไปหมด แต่ถ้าถึงเวลาที่ทุกอย่างมันจืดจางไปล่ะ เราจะทนไหวหรือ ถ้าเราดันไปติดใจ สิ่งที่เขาเคยให้เรามากมาย แต่เขาไม่อยากให้เราอีกแล้ว”
“แล้วลูกไม่รักคุณชายหรือลูก ลูกตัดใจได้หรือ”
“รีบตัดให้ได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีนะจ๊ะพ่อ ก่อนที่จะมีอะไรมากไปกว่านี้ เราทำตัวเราให้เจ็บเองตอนนี้ ดีกว่าเจ็บ เมื่อเขามาเป็นคนทำให้เราเจ็บ หรือพวกผู้คนรอบๆ สังคมชั้นสูงของเขา มาทำให้เราเจ็บ”
“แก้ว พ่อไม่อยากให้ลูกมีความทุกข์เลย ไม่ว่าทุกข์กายหรือใจ แม้แต่นิดเดียว”
“คนเรา ทุกข์เดี๋ยวเดียว เดี๋ยวก็คงลืมจ้ะพ่อ ถ้าเราเอาแต่ฝันเฟื่อง แต่สุดท้ายมันเป็นไปไม่ได้ มันจะกลายเป็นทุกข์มาก ทุกข์หนัก ใช่ไหมจ๊ะพ่อ”
กิตติอึ้งเพราะสงสารลูกสาว
พุฒิภัทรกำลังเล่นเปียโนทำนองเพลงรักอกหักสะเทือนอารมณ์ เดี๋ยวเร่ง เดี๋ยวผ่อนผสมปนเป สีหน้าของพุฒิภัทรกึ่งเศร้ากึ่งฉุน รัชชานนท์กับรณพีร์ในชุดนอนเดินออกมาดู
“พี่ชายภัทร ไปนอนมั้ย” รณพีร์ถาม
พุฒิภัทรยังอินในอารมณ์
“รู้ว่าเศร้า รู้ว่าอกหัก แต่ก็ช่วยไม่ได้ ทำตัวเอง” รัชชานนท์ว่า
“พวกผมรู้แล้วว่าพี่เศร้ามาก อกหักเสียใจสุดๆ แต่คนที่น่าจะได้รับรู้ ควรเป็นพวกผมมั้ย ควรเป็นคนในวังนี้มั้ย” รณพีร์ถาม
“แก้วไม่อยากแต่งงานกับชั้น” พุฒิภัทรบอก
“พี่ชายภัทรรู้ได้ไง” รัชชานนท์ถามต่อ
“ก็เขาคืนสร้อย”
“แล้วที่เขานั่งรถจากอยุธยามาหาพี่ที่โรงพยาบาลล่ะ แปลว่าอะไร”
พุฒิภัทรอ้ำอึ้ง “ก็..”
“ยัง ยังทำหน้าฉงนงุนงงอีก ทำไมเข้าใจอะไรยาก” รณพีร์ว่า
“แก้วเอาสร้อยมาคืนและขอหย่า” พุฒิภัทรบอก
รัชชานนท์สรุปทันที “เขารักพี่”
“พี่รู้หรือเปล่าว่า มีไม่กี่คนในประเทศนี้หรอก ที่จะกล้าต่อกรกับท่านพินิจ แต่พี่ก็กล้า ผมนับถือพี่มาก พี่ยอดเยี่ยมกระเทียมดองสุดๆ แต่แล้วพี่ปล่อยคุณแก้วไปง่ายๆแบบนี้ ผมผิดหวัง”
“ถ้าแก้วรักพี่ แล้วทำไมไปจากพี่ ทำไมถึงบอกแต่ว่าเป็นไปไม่ได้ๆ” พุฒิภัทรไม่เข้าใจ
“นั่นก็เป็นเรื่องที่พี่ต้องทำให้คุณแก้วเห็นว่ามันเป็นไปได้ แต่ถ้าพี่มัวแต่เล่นเปียโนอยู่อย่างนี้ ใครจะมาเห็น” รัชชานนท์ถาม
“เปียโนมันไม่หายไปไหน แต่คุณแก้วไม่แน่นะครับ” รณพีร์บอก
รัชชานนท์กับรณพีร์ลุ้นว่าพุฒิภัทรจะเข้าใจหรือไม่
พุฒิภัทร์พูดออกมา “ที่พวกนายพูดมาทั้งหมด ต้องการให้พี่ทำอะไร”
“ไปขอแก้วแต่งงาน แล้วก็..”
รัชชานนท์กับรณพีร์พูดพร้อมกัน “หยุดเล่นเปียโน ผมจะนอน”
รณพีร์กับรัชชานนท์เดินแยกไป พุฒิภัทรนิ่งคิด
รุ่งเช้า พุฒิภัทรที่แต่งตัวพร้อมจะเดินทางเดินมาตามทาง ย่าอ่อน หม่อมเอียด และสมศรีกำลังเดินถือถาดหม้อข้าวกลับมาจากการใส่บาตร ทั้งสามเห็นพุฒิภัทรก็งง
“หม่อมย่า คุณย่าเอียด ผมมาขอเรียนให้ทราบ ว่าผมจะไปขอแก้ว” พุฒิภัทรบอก
“ยังไงนะ จะมาขออนุญาต ใช่ไหม” ย่าอ่อนถาม
“เปล่าครับ มาขอเรียนให้ทราบ” พุฒิภัทรบอก
“หมายความว่า ถ้าย่าไม่อนุญาต” หม่อมเอียดเอ่ย
พุฒิภัทรพูดทันที “ผมก็ต้องไป”
“คิดดีแล้วหรือ ชายภัทร ที่หลานต้องเจอเรื่องราวร้ายๆไม่หยุดหย่อน ไม่ใช่เพราะ” ย่าอ่อนว่า
“จะไม่มีเรื่องร้ายๆอีกแล้วครับ คนร้ายที่เราก็รู้ว่าใครก็กำลังหนีตำรวจอยู่ ซึ่งเขาพอจะทราบเบาะแสแล้ว น่าจะจับได้ในเร็ววัน ส่วนท่านพินิจก็สำนึกผิด แล้วก็พยายามขอโทษและแก้ตัวโดยพยายามทำดีกับทางโรงพยาบาล”
“หลานแน่วแน่แบบนี้ แล้วย่าก็คงไม่มีปัญญาจะไปค้านกระมัง” หม่อมเอียดบอก
“หม่อมย่าก็ได้รู้จักแก้วแล้ว ผมว่า ลึกๆแล้ว หม่อมย่าและคุณย่าอ่อน ก็ทราบดี กว่าเนื้อแท้ของแก้วเป็นอย่างไร”
“แล้วเรื่องที่เขาโดนพาตัวไป” ย่าอ่อนถาม
“ผมรู้จักแก้วดี คนอย่างแก้ว ถ้าจะยอมให้ใครมาบังคับขืนใจ ผมว่า เขายอมตายดีกว่า”
หม่อมเอียดยิ้ม “ดี ได้ยินผู้ชายคนหนึ่ง พูดถึงผู้หญิงที่เขารักได้ขนาดนี้ ย่าก็ดีใจมาก”
“หม่อมย่าเชื่อได้เลยครับ ว่าผู้ชายคนนี้ ไม่ได้พูดด้วยความหลงผิดด้วย แต่พูดด้วยความรู้แจ้งตามความจริงครับ”
“ถ้ามั่นใจขนาดนี้ จะไปทำอะไร ก็ทำสำเร็จทุกอย่าง จริงไหม แม่อ่อน” หม่อมเอียดถาม
ย่าอ่อนมองหน้าทั้งสองแล้วตัดสินใจได้ทันทีว่าขืนค้านก็คงโง่ “จริงค่ะ”
พุฒิภัทรยิ้มแป้น
กรองแก้วทำบายสีใบตองดอกไม้สดชนิดวิจิตรขนาดเล็กๆ สำหรับคนมาจ้างไปใช้ในงานพิธีมงคล กำลังเอาดอกพุดเสียบอย่างตั้งใจ พุฒิภัทรที่ถือกระเป๋าเดินทางใบเล็กสำหรับค้าง2-3คืนเดินมาหยุดมอง ด้วยแววตาชื่นชมและนับถือว่ากรองแก้วยังคงมุ่งมั่นทำแต่สิ่งดีงามน่านับถือเสมอ กรองแก้วรู้สึกแปลกๆ จึงหันมามองแล้วก็ถือดอกไม้ค้าง
“กำลังยุ่งเหรอ แก้ว” พุฒิภัทรถาม
กรองแก้วลุกขึ้น ไหว้ “คุณชาย มา มีธุระ แถวนี้หรือคะ”
พุฒิภัทรส่ายหน้า “ฉันจะมีธุระอะไร นอกจาก มาตามง้อภรรยา”
“คุณชาย”
“แก้ว ถ้าเธอไม่กลับไป ฉันก็คง ไม่มีทางเลือกแล้วนะ”
“คุณชายจะทำอะไรคะ”
“ก็ ถ้าภรรยาไม่ไปอยู่บ้านสามี สามีก็จะขอมาอยู่บ้านภรรยาไงล่ะ”
กรองแก้วทั้งอึ้งทั้งหนักใจ
พุฒิภัทรยืนตื๊ออยู่อย่างนั้น
กิตติทำหน้าชอบกล เบื้องหน้าของเขาคือทะเบียนสมรสของกรองแก้วกับพุฒิภัทร
“คุณพ่อครับ ผมต้องขอโทษคุณพ่อจริงๆ คือ ผมกับแก้ว เรา ใจเร็วด่วนได้ ชิงสุกก่อนห่ามน่ะครับ” พุฒิภัทรบอก
กรองแก้วตกใจ “อะไรนะ”
พุฒิภัทรหันมา “แก้ว มาสารภาพกับคุณพ่อสิจ๊ะ ว่าเราอาจจะทำผิดขั้นตอนตามประเพณีไทยไปบ้าง แต่เราก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว ฉันเป็นถึงนายแพทย์ เธอก็บรรลุนิติภาวะแล้ว เรารักกัน เราจึงแอบไปจดทะเบียนสมรสกันมา แต่ตอนนี้ ผมสำนึกผิดแล้ว ก็เลยอยากจะมากราบขอขมาลาโทษจากคุณพ่อ”
“เอ่อ คุณชายครับ” กิตติพูด “คือ เรื่องทะเบียนสมรสนี้ แก้วบอกว่า ได้จดขึ้นเพื่อจะเอาไป ขู่ท่านพินิจ”
“ก็จริงครับ แต่ เหตุผลที่แท้จริงก็คือ ผมรักแก้ว แล้วแก้วก็รักผม คุณพ่อตาก็เห็นแล้ว ว่าเรารักกันขนาดไหน ผมจึงอยากให้ทะเบียนสมรสนี้ ได้มีผลสมบูรณ์แบบ ด้วยการจัดพิธีแต่งงานอย่างถูกต้องตามขนบธรรมเนียมด้วย”
“พ่อคะ เราพูดกันแล้วนะคะ ว่าแก้ว คงจะแต่งไม่ได้”
“คงจะ แต่งไม่ได้ มีคำว่าคงจะแปลว่าไม่แน่ อาจจะแต่งก็ได้ จริงไหมครับ” พุฒิภัทรพูด
“ทำไมคุณชายเป็นคนแบบนี้” กรองแก้วว่า
“ชั้นยินดีเป็นคนได้ทุกแบบ ขอให้เธอยอมรับชั้น” พุฒิภัทรหันมาหากิตติ “คุณพ่อครับ แก้วเขามีความเชื่อว่า ผมกับเขา จะเข้ากันไม่ได้ เพราะเราอยู่กันคนละชนชั้น คล้ายๆว่าเขาจะได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมอินเดีย..ตามหลักศาสนาพราหมณ์ แต่พอดี ผมเป็นคนไทย นับถือพุทธ แล้วปัจจุบัน ประเทศนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นระบอบประชาธิปไตยนะครับ ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันตามกฎหมาย จริงไหมครับ”
“เอ่อ ก็ ดูเหมือนจะจริง” กิตติยอมรับ
พุฒิภัทรพูดจริงจัง “งั้น เรามาพิสูจน์กันครับ เขาบอกว่า เขาไปอยู่ที่วังผมไม่ได้ ดังนั้น ผมก็จะมาอยู่บ้านของเขาแทน หวังว่าคุณพ่อคงจะอนุญาต ผมจะทำทุกอย่าง..เช่นเดียวที่ครอบครัวของคุณพ่อทำ ให้เขาเห็นว่า..เราเข้ากันได้ ผมหวังว่าคุณพ่อคงจะช่วยชี้แนะนะครับ ว่าผมต้องทำอะไรบ้าง ในชีวิตประจำวันของคนบ้านนี้นะครับ”
กิตติขำก็ขำ เขามองหน้าแก้ว กรองแก้วทำหน้ากลุ้มใจ
อ่านต่อหน้า 3
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 10 อวสาน (ต่อ)
กรองแก้วเดินมาที่ท่าน้ำแล้วก็อึ้งที่เห็นพุฒิภัทรสวมเสื้อผ้าของกิตตินั่งข้างๆ เด็ก 2 คน เพื่อให้เด็กสอนล้างขิงข่า
“น้าต้องล้างน้ำให้สะอาดก่อน เอาดินออกจากขิง ข่าพวกนี้ให้สะอาด”
“เสร็จแล้วน้ามาวางตรงนี้ เดี๋ยวหนูจะตัดก้านออก ให้สั้นๆ แล้วก็กำใส่เข่ง”
“อ่อ..เข้าใจละ” พุฒิภัทรบอก
พุฒิภัทรก้มหน้าก้มตาล้างดินจากรากข่า กรองแก้วยืนดูแล้วก็กลุ้มใจ พอพุฒิภัทรทำอะไรผิด เด็กๆ ก็โวยวายแล้วเข้ามาสอนว่าต้องล้างแบบนี้ พุฒิภัทรทำตามแล้วก็หัวเราะขำตัวเอง กรองแก้วมองมือที่สะอาด เล็บที่สะอาดของพุฒิภัทรซึ่งมีดินเข้าไปในเล็บ ส่วนหน้าและผมมีโคลนดินเลอะเทอะ
กรองแก้วไม่สบายใจ กิตติเดินมาข้างหลังแล้วมายืนโอบบ่ากรองแก้วยืนดูพุฒิภัทรด้วยกัน ทั้งสองมองหน้ากันว่าจะทำยังไงดี
พุฒิภัทรนั่งกินข้าวกับพื้น โดยล้อมวงปูผ้าบนผืนเสื่อ กับข้าวตรงหน้ามีผัก น้ำพริก ปลาทอด ผัดผักกับไข่ แกงเผ็ด แกงจืด กรองแก้วกินอย่างไม่สบายใจนัก ขณะที่พุฒิภัทรกินอย่างเอร็ดอร่อย
“คุณชาย ไหวมั้ยครับ” กิตติถาม
“ทำไมจะไม่ไหวล่ะครับ อร่อยออก” พุฒิภัทรสูดหายใจเพราะน้ำมูกไหลเนื่องจากความเผ็ด เขาหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำมูก
“แก้วก็ลืมไป ว่าไม่ควรใส่พริกหลายเม็ดเกินไป” กรองแก้วบอก
“ชั้นกินได้ เห็นไหมล่ะ ว่าข้าวจะหมดจานอยู่แล้ว” พุฒิภัทรบอก
“ผมทำแกงจืดมาเพิ่ม ไม่เห็นคุณชายรับประทานเลยครับ” กิตติพูด
“เอ่อ คือ พอดี ผักนี่ ไม่รู้จัก ไม่ทราบว่า มัน..เอ่อ”
“อ้าว..งั้นหรือครับ ผักหวานบ้านครับ รสชาติก็หวานๆ ไม่มีกลิ่นรสอะไรประหลาดหรอกครับ ก็คล้ายๆผักตำลึง ลองชิมสิครับ” กิตติชวน
พุฒิภัทรลองชิม “อื้ม ก็ดีนะ หวานจริงๆด้วย”
“แก้วไปเจียวไข่ดีกว่า นะคะ คุณชาย”
“ไม่ต้องๆ ชั้นจะอิ่มอยู่แล้ว”
กิตติวางช้อนแล้วดื่มน้ำ
พุฒิภัทรถาม “อ้าว คุณพ่อ อิ่มแล้วหรือครับ”
“ครับ คุณชาย มื้อเย็น ผมไม่กินมาก”
“ดีครับ แล้วยาของคุณพ่อ เอาไว้ที่ไหนครับ”
กิตติจะลุก “ต้องถาดบนชั้นนั่นน่ะครับ”
พุฒิภัทรลุกอย่างรวดเร็ว “คุณพ่อไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมจัดให้เอง”
“คุณชาย ไม่ต้อง” กรองแก้วห้าม
“แก้ว..นั่งกินไปสิ เธอเพิ่งกินได้ไม่กี่คำเอง คุณพ่อนั่งก่อนครับ เดี๋ยวผมดูให้”
พุฒิภัทรลุกไปจัดยามา
พุฒิภัทรมองยา “คุณพ่อทำไมไม่กินยาตัวนี้ล่ะครับ”
“กินครับ ก่อนนอน ทุกคืนๆละเม็ด” กิตติตอบ
“ทำไมเหลือเยอะจัง สงสัยมีบางคืนก็ลืม หรือเปล่าครับ” พุฒิภัทรถาม
กิตติหัวเราะ “จริงด้วยครับ ลืมบ่อยๆ แต่พอดีเข้านอนแล้ว ก็เลยช่างมัน เลยตามเลย”
“ไม่ได้นะครับ ต้องกินให้ครบ ตรงตามที่ห้องยาเขาสั่งมา นี่ไงครับ เขาเขียนไว้ตรงนี้ ต้องทำตามให้เคร่งครัดนะครับ” พุฒิภัทรถือยามาวางไว้ให้
“ครับๆ เดี๋ยวผมจะไม่ลืม”
กรองแก้วมองอย่างห่วงๆ
“คุณชายคะ รับประทานให้เสร็จก่อนสิคะ”
พุฒิภัทรกินต่อ เขาตักอาหาร นั่งท่าขัดสมาธิอย่างไม่ค่อยถนัด “จ้ะๆ ต้องกินข้าวให้หมดจาน เราต้องไม่กินทิ้งกินขว้าง..ใช่ไหม” พุฒิภัทรยกจานขึ้นมาจากพื้นแล้วเอียงจาน เพราะช้อนที่ใช้ไม่ใช่ช้อนส้อม ท่าทางของเขาเก้งก้างแต่ก็มีความสุข
กรองแก้วกับกิตติสบตากันด้วยความท้อใจ
ฝ่ายพุฒิภัทรใส่ผ้าขาวม้าตัวเดียว กำลังพยายามทำให้ผ้าข้าวม้าเป็นเหมือนกางเกงโดยเหน็บชายกระเบนอยู่ที่ท่าน้ำ
กรองแก้วถือผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้าชุดใหม่ที่เป็นชุดนอนสะอาดกับขันสังกะสี ที่มีสบู่ แปรงสีฟัน ยาสีฟันทิพย์นิยมชนิดซองเดินมาหยุดยืนดูสภาพของพุฒิภัทรแบบกึ่งเขินกึ่งสงสาร พุฒิภัทรหันมาเห็นก็ยิ้ม
“น้ำไม่เย็นอย่างที่กลัวนะ ลองหย่อนขาลงไปแล้ว มันอุ่นๆดีเหมือนกัน แต่น้ำแรง” พุฒิภัทรบอก
“คุณชายอาบในห้องน้ำไม่ดีกว่าหรือคะ” กรองแก้วถาม
“ต้องเสียเวลา เสียแรงตักน้ำไปใส่ตุ่มอีกเพื่ออะไรล่ะ อาบแบบนี้สนุกกว่าตั้งเยอะ”
กรองแก้วเอาของมาวางตรงม้านั่ง “นี่นะคะ แก้วเอาของมาให้ แล้วนั่น คุณชาย นุ่งผ้าข้าวม้าหยักรั้งเป็นหรือเปล่า เดี๋ยวหลุดปลิวไปในน้ำล่ะ ยุ่งเลยนะคะ”
“นุ่งเป็นสิ ก่อนจะมาอยู่โรงพยาบาลกรุงเทพ ฉันก็ต้องไปอินเทอร์ทางเหนือ แล้วก็เคยตามเสด็จสมเด็จพระราชชนนีไปรักษาคนไข้ตามดอย ตามภูเขา บ่อยไป ทำไม เธอนึกว่าฉันเคยแต่อยู่ในกองเงินกองทอง..เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อแบบพวกคุณชายในนิทานเหรอ”
“แก้วไม่ได้ว่าอย่างนั้นซะหน่อย”
“คนมีอาชีพแพทย์ ไม่มีใครสบายหรอกนะ ชีวิตของคนทำงานสาธารณสุข เราต้องอยู่ได้ทุกที่ ทำเป็นทุกอย่าง ประชาชนอยู่ไหน หมอก็ต้องไปถึงนั่น สมเด็จพระบิดายังทรงอุทิศพระองค์เพื่อรักษาชาวบ้าน แล้วฉันมันแค่หม่อมราชวงศ์ตระกูลเล็กๆ ปลายแถว ฉันก็จะต้องพยายามทำตามรอยที่พระองค์วางไว้ให้ เท่าที่จะทำได้”
“แก้วทราบค่ะ”
“ทราบว่า”
“คุณชายเป็นคนดี” กรองแก้วบอก
“คนดี แต่เธอก็ปฏิเสธ”
“คุณชายน่ะ ทำไมถึงเป็นคนดื้อ ชอบเอาชนะอย่างนี้”
“ก็คอยดูไปก็แล้วกัน ว่าใครจะดื้อกว่ากัน ระหว่างชั้นกับเธอ”
“คุณชายจะมาทนลำบากไปเพื่ออะไร”
“ชั้นไม่ได้ลำบากอะไร ได้อยู่กับเธอ ฉันก็มีความสุขที่สุดแล้ว”
กรองแก้วมองแล้วทำหน้าค้อนนิดๆ ก่อนจะลุกขึ้นบ้านไป พุฒิภัทรมองตามด้วยความมุ่งมั่น
เวลาผ่านไป กรองแก้วนุ่งกระโจมอกถือผ้าสำหรับผลัดและมีผ้าเช็ดตัวพาดบ่าเดินโหย่งปลายเท้าลงมาที่ท่าน้ำสงบเงียบเหมือนไม่มีใครอยู่แล้ว กรองแก้วมองจนแน่ใจว่าพุฒิภัทรอาบน้ำเสร็จแล้ว
กรองแก้วเดินมาที่ท่าน้ำที่มีแค่รอยเปียกบนพื้นไม้แต่ทุกอย่างดูปลอดคน น้ำนิ่งไม่มีลักษณะกระเพื่อมไหวเพราะคนอื่น กรองแก้วมองรอบๆอีกทีก็เห็นว่าไม่มีใคร
กรองแก้วนั่งลงอย่างใจเย็น เธอวางอุปกรณ์อาบน้ำส่วนตัว ผ้าผลัด ผ้าเช็ดตัว แล้ววักน้ำ ล้างมือ ล้างหน้าอย่างผ่อนคลายก่อนจะจุ่มเท้าลงน้ำเพื่อให้ร่างกายปรับตัว จากนั้นก็ค่อยๆหย่อนตัวลงน้ำ
กรองแก้วมีหน้าตาสบายใจ จากนั้นก็ค่อยๆจุ่มตัวลงลึกเพื่อให้หน้าจมลงในผืนน้ำ สักพักเธอก็โผล่ขึ้นมาด้วยหน้าตาสดชื่น พอเธอลูบหน้าลืมตาแล้วก็ช็อคเมื่อเห็นพุฒิภัทรอยู่ในน้ำตรงหน้ากำลังยิ้มขำอยู่ไม่ไกล
“คุณชาย!”
พุฒิภัทรหัวเราะ “สวัสดีจ้ะ”
กรองแก้วฉุนปนขำจึงวักน้ำใส่ “บ้า! ตกใจหมดเลย นึกว่าผีหลอก ถ้าแก้วหัวใจวายไป..จะว่าไง”
“จะช่วยชีวิต” พุฒิภัทรตอบ
“คุณชายอาบน้ำนานจัง เดี๋ยวก็เป็นตะพ้านตายหรอก คนไม่เคยด้วย แช่น้ำนานๆไหนดูมือสิคะ”
พุฒิภัทรยกมือขึ้นมาให้ดู
“นั่นไง นิ้วเหี่ยวเลย เล็บก็เขียวๆแล้วด้วย ถ้าเป็นไข้มานี่ แก้วไม่รับผิดชอบนะคะ”
“ว่ายน้ำเล่น สนุกดี ว่ายข้ามไปข้ามมา”
“นี่มันไม่ใช่สระว่ายน้ำนะคะ อันตราย มืดๆแบบนี้ด้วย”
“ก็รอแก้วอยู่ แก้วไม่มาซะที รอเป็นชั่วโมงๆ คิดว่าถ้าแก้วไม่มา ก็จะรออยู่ในคลองนี้แหละ”
“พูดจาน่ากลัวไปได้ คุณชายนี่..แก้วไม่เห็นรู้เลย ว่าที่จริง คุณชายก็เหมือนเด็กซนๆ เกเรแล้วก็ขี้โกงด้วย” กรองแก้วรีบขยับจะหนีไปให้ไกล
“แก้ว” พุฒิภัทรเข้าประชิดแล้วกอดกรองแก้วไว้ “ขอร้องล่ะ”
“อุ๊ย..คุณชาย”
“อย่าหนีฉันอีกเลยนะแก้ว เท่าที่ฉันทำมาทั้งหมด แก้วยังไม่เห็นอีกเหรอ ว่าฉันรักแก้วแค่ไหน”
“เห็นสิคะ แก้วเห็น”
“เห็นแล้วก็ไม่รู้สึกรู้สม ใจร้าย ใจดำ”
“แก้วบอกเหตุผลไปหมดแล้ว”
“เป็นเหตุผลผิดๆ ใช้ไม่ได้ ดันทุรัง ทิฐิ มานะ ไม่เป็นประโยชน์กับใครเลย”
“แก้วคงเถียงสู้คุณชายไม่ได้หรอก”
“ก็ไม่ต้องเถียงสิ แต่ฟัง..”
กรองแก้วอึ้ง
“ฟังนะ ชั้นรักแก้ว แก้วก็รักชั้น เราอยู่ด้วยกัน ชั้นมีความสุข แก้วมีความสุข ถูกไหม..แต่ถ้าเราแยกจากกัน แก้วก็เสียใจ ชั้นก็เสียใจ แล้วทำไมเราจะเลือกแบบนั้น”
“แล้ว คนอื่นล่ะคะ” กรองแก้วถาม
“ถ้าคนอื่นของแก้ว หมายถึงครอบครัว หม่อมย่า พี่น้องฉัน ฉันก็ขอตอบว่า ทุกคนเขารักฉัน ถ้าฉันมีความสุข ทุกคนก็ต้องดีใจ ถ้าฉันรักใคร ทุกคนก็จะรักด้วย”
“จริงเหรอคะ”
“จริง ก่อนจะมานี่ ฉันพูดกับทุกคนแล้ว ฉันบอกทุกคน ว่าฉันรักแก้ว ฉันเชื่อมั่นในตัวแก้ว ฉันบอกเขาว่า ไม่ว่ายังไง ฉันก็ต้องแต่งงานกับแก้วให้ได้ ถึงใครจะขวาง ฉันก็ไม่ยอม”
“แล้ว ทุกคนว่ายังไงคะ”
“ทุกคนยอม หม่อมย่ายังอวยพรด้วยซ้ำ”
“แล้วเรื่องที่ แก้วเคยถูกจับตัวไป”
“แก้วรักศักดิ์ศรีแค่ไหน แก้วเป็นผู้หญิงที่เป็นตัวของตัวเองแค่ไหน ไม่ใช่ฉันเหรอที่เป็นคนที่รู้ดีที่สุด ฉันคือคนที่ได้เห็นกับตา มาตั้งแต่วันแรกที่เราได้พบกัน ว่าคนอย่างแก้ว ถ้าถูกใครบังคับขืนใจ แก้วต้องยอมตายเท่านั้น จริงไหมล่ะ”
กรองแก้วอึ้งและพูดไม่ออกเพราะตื้นตันซึ้งใจที่มีคนเข้าใจ พุฒิภัทรมองหน้าด้วยแววตาจริงใจ กรองแก้วน้ำตาเอ่อคลอฉับพลันแล้วก็ไหลออกมา
“ร้องไห้ทำไม” พุฒิภัทรถาม
“แก้วดีใจ” กรองแก้วบอก
“ดีใจ..?”
“ดีใจ..ที่คุณชายเข้าใจแก้ว”
ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างซาบซึ้ง
พุฒิภัทรถอดสร้อยจากคอแล้วสวมคล้องคอกรองแก้วไว้
“แก้ว..เธอคือภรรยาของฉันตามกฎหมาย แล้วก็เป็นอยู่ในใจฉันเสมอ เธอต้องรับตราประจำตัวของฉัน ที่หม่อมแม่ของฉันทำให้มาตอนฉันเกิด เพื่อให้ลูกชายของท่าน มอบให้สะใภ้ของท่าน แก้ว แต่งงานกับฉันนะ อย่าปฏิเสธเลย เกิดมา ฉันไม่เคยรักผู้หญิงมาก่อน รักเธอเป็นคนแรก และจะเป็นคนเดียวตลอดไป..นะแก้ว”
กรองแก้วไม่ปฏิเสธแต่มองหน้าพุฒิภัทรเอาไว้ตลอดเวลา น้ำตาของเธอไหลด้วยความซึ้งใจ
ทั้งสองค่อยๆ เคลื่อนเข้าหากันอย่างอ่อนหวานแล้วกอดและจูบกันอย่างอ่อนหวาน
เทวพันธ์กำลังอ่านหนังสือพิมพ์แล้วก็ต้องผงะเพราะที่กรอบข่าวสังคมลงข่าวงานแต่งงานของพุฒิภัทรกับกรองแก้ว ความว่า
“คุณชายพุฒิภัทร จุฑาเทพ เตรียมเข้าพิธีวิวาห์ นางสาวกรองแก้ว บุญมี นางสาวศรีสยามคนล่าสุด” เทวพันธ์ฉุนจัดจึงตะโกนเรียกมารตีเสียงดัง
“ยัยมารตี! มารตี”
วิไลรัมภาเพิ่งกลับมาจากเรียน
“มีเรื่องอะไรอีกคะ คุณพ่อ”
“แกดูเอาเอง” เทวพันธ์โยนหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ
มารตีเดินลงมาด้วยท่าทางหงุดหงิดฉุนเฉียว มารตีใส่ชุดอยู่บ้านเพราะไม่คิดจะไปทำงาน
เทวพันธ์โวยใส่ “มารตี แกดู ผลงานของแก คุณชายพุฒิภัทรลงข่าวว่าจะแต่งงานกับนางสาวศรีสยามแล้ว แกรู้หรือเปล่า”
มารตีตกใจ “อะไรนะ”
วิไลรัมภาอ่านออกเสียง “คุณชายพุฒิภัทร จุฑาเทพ เตรียมเข้าพิธีวิวาห์กับนางสาวกรองแก้ว บุญมี นางสาวศรีสยามคนล่าสุด โดยไร้วี่แววของคู่หมายเก่าอย่างหม่อมหลวงมารตี เทวพันธ์ คาดว่า เป็นเพราะข่าวซุบซิบในสังคมที่ว่าหม่อมหลวงมารตี เทวพันธ์ มีความสัมพันธ์พิเศษกับท่านพินิจหรือไม่..อย่างไร”
“ข่าวลงชัดเจนขนาดนี้ แล้วชั้นจะเอาหน้าไปไว้ไหน” เทวพันธ์ว่า
“ไม่จริง คุณพ่อจะยอมให้เป็นอย่างนี้ไม่ได้” มารตีไม่พอใจ
“ไม่ยอมก็ต้องยอม..ใครใช้ให้แกไปเป็นอีหนูของท่านพินิจล่ะ”
“แล้วถ้าเพื่อนๆรัมภาถามจะตอบว่ายังไง..โอ๊ย ทำไมรัมภาต้องมาขายขี้หน้าเขาเพราะพฤติกรรมของพี่ด้วย”
“แล้วนี่..งานพยาบาลก็ไม่กล้าไปทำ..แล้วใครจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของวัง..ทรุดโทรมขนาดนี้..ไหนจะค่าซ่อมแซม ไหนจะค่ากินอยู่..ต้องรบกวนยัยเกษคนเดียว มันจะไหวหรือเปล่า” เทวพันธ์ว่า
“ตายแล้ว ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะทำให้ลูกค้าพลอยรังเกียจขนมร้านพี่เกษด้วยหรือเปล่า ถ้าลูกค้าไม่ซื้อ แล้วใครจะส่งเสียเราทั้งครอบครัวล่ะ” วิไลรัมภาว่า
“พอ..พอได้แล้ว” มารตีวี้ดเสียงดัง
“มารตีไม่ยอม ชีวิตมารตี..ต้องพังพินาศ เพราะอินังกรองแก้วคนเดียว”
มารตีผลุนผลันออกไป
กรองแก้วเปิดม่านออกมาจากห้องลองเสื้อในชุดเจ้าสาวชุดขาวยาวแบบฝรั่งมีลูกไม้ เกษราที่รออยู่มองอย่างปลาบปลื้ม
“เป็นยังไงบ้างคะคุณเกษ” กรองแก้วถาม
“ชั้นว่าชุดนี้เหมาะกับแก้วนะ สวย หวาน ดูสง่า เหมาะสมจะเป็นภรรยาของคุณชายที่สุด โดยเฉพาะระบายลูกไม้ตรงชายกระโปรง มันเข้ากับแก้วมาก..แก้วล่ะ..ใส่แล้วรู้สึกยังไง ชอบมั้ย”
“แก้วเชื่อสายตาคุณเกษค่ะ ถ้าคุณเกษว่าดีแก้วก็ว่าดี”
“จริงๆแล้ว คุณแก้วใส่ชุดอะไรก็สวยค่ะ” เจ้าของร้านเข้ามาจับๆ เล็งๆ “ต้องเอาเอวเข้าไปอีกข้างละเซ็นต์ครึ่งนะคะ ถึงจะพอดี”
กรองแก้วส่องกระจกชื่นชมตัวเองด้วยความตื่นเต้น
มารตีโผล่มาแอบมองอยู่ที่หน้าร้าน สายตาของมารตีจ้องไปที่กรองแก้วที่กำลังหมุนสำรวจตัวเองหน้ากระจก
เจ้าของร้านช่วยรูดซิปชุดให้กรองแก้วที่ห้องลองเพราะกำลังจะช่วยถอด แต่กรองแก้วเบี่ยงหลบ
“ขอบคุณนะคะ แต่เดี๋ยวแก้วถอดเองดีกว่าค่ะ”
“ดิฉันไปรอด้านนอกนะคะ จะได้คุยกันเรื่องแต่งหน้าทำผมนะคะ”
“ค่ะ”
เจ้าของร้านเดินออกไป
เกษรากำลังหารือกับช่างของร้านอีกคนเรื่องทำผมและแต่งหน้าเจ้าสาวโดยไม่ได้สนใจอะไร มารตีเดินเข้ามาในร้านโดยสวมหมวกกับแว่นอำพราง
“นางสาวสยาม รูปร่างดี๊ดี..แต่ขี้อายจัง”
เจ้าของร้านพูดแล้วก็หัวเราะคิกคักกับเกษราก่อนจะเสนอแนะเรื่องทรงผม มารตีมองไปทางห้องลอง กรองแก้วที่อยู่ในห้องกำลังจะถอดชุดที่สวมออกแต่ก็ชะงักมองตัวเองในกระจกอีกครั้งเพราะตื่นเต้นที่กำลังจะได้แต่งงาน แล้วเธอก็ได้ยินเสียงคนเข้ามา กรองแก้วนึกว่าเป็นเจ้าของร้าน
“พี่คะ..แก้วว่า..ไม่ต้องเอาเข้าก็ได้นะคะ เอวน่ะค่ะ”
กรองแก้วหันกลับมาก็ต้องผงะเพราะเห็นมารตีถอดหมวก ถอดแว่น เผยให้เห็นหน้าชัดๆ
“นังกรองแก้ว..แกคงมีความสุขมากล่ะสิ”
“คุณมารตี”
“ความสุขทั้งหมดที่แกแย่งมันไปจากชั้น..มีความสุขมากมั้ย!”
“คุณจะทำอะไร”
มารตีชูขวดน้ำกรดขึ้นมา “ถ้าร้อง แกได้ตายทั้งเป็นแน่”
“นั่นอะไร”
มารตีเปิดจุกขวดออกแล้วเทหยดใส่พื้นจนพื้นบริเวณนั้นถูกน้ำกรดกัดกร่อนเป็นฟองฟู่
กรองแก้วสยอง “คุณต้องการอะไร”
มารตีเดินเข้าหา
“ชั้นต้องการทุกอย่างที่แกขโมยไปจากชั้น ความสุขของชั้น คนที่รักชั้น และคนที่ชั้นรัก พี่ชายภัทรของชั้น เขาควรจะต้องแต่งงานกับชั้น”
“แก้วไม่ได้แย่งคุณชาย แต่คุณชายไม่ได้รักคุณมาตั้งแต่แรก”
“แก!!”
มารตีเข้าประชิดตัวก่อนจะกระชากแขนกรองแก้วแล้วบีบอย่างแรง
มารตีฉุนจึงบีบแขนกรองแก้วและเขย่า “พี่ชายภัทรกับชั้นรักกัน เรารักกัน แต่เพราะแก แกมันดาวยั่ว แกมันให้ท่า ทำให้พี่ชายภัทรหลง..ถ้าไม่มีแก..ชุดนั้นก็ต้องเป็นชุดของชั้น..มันต้องเป็นของชั้น”
กรองแก้วพยายามดึงชุดออกไม่ให้มารตีแตะ “ปล่อยชุดของแก้ว”
“หวงนักเหรอ..ชุดที่แกแย่งไปจากชั้น..หวงนักใช่มั้ย”
มารตีเข้ากระชากชุด กรองแก้วยื้อแต่มารตีกระชากแรงจนชายลูกไม้หลุดติดมือออกมาทั้งยวง เสียงดังแคว๊ก กรองแก้วอึ้งและเสียใจ
มารตีสะใจและสมน้ำหน้า
“ถ้าคุณคิดว่าไม่มีแก้วแล้วคุณชายจะรักคุณ งั้นหรือคะ”
มารตีตบกรองแก้วดังเพี๊ยะ
“แกคิดว่าตัวเองแน่นักเหรอ ถึงพูดประโยคนี้กับชั้น คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสมากกว่าหม่อมหลวงอย่างชั้นเหรออีบ้านนอก พี่ชายภัทรไม่ได้รักแก เค้าแค่พอใจในรูปร่างหน้าตายั่วสวาทของแก ก็แค่นั้น..แต่ถ้าแกไม่มีทุกอย่างแล้ว”
“คุณจะทำอะไร”
“ถ้าแกคิดว่าพี่ชายภัทรรักแกด้วยใจจริงๆ แกจะไปกลัวอะไร”
มารตีถือขวดน้ำกรดก้าวเข้าหา กรองแก้วถอย
“อย่านะ”
กรองแก้วจะหนีออกไปนอกห้อง มารตีคว้าคอกรองแก้วกระชากเอาไว้จากทางด้านหลัง กรองแก้วหน้าหงาย มารตีชูขวดน้ำกรด
“อย่าทำอย่างนี้กับแก้วเลยคุณมารตี”
“ชั้นเกลียดแก”
กรองแก้วฮึดผลักมารตีออก
กรองแก้วร้องลั่น “ช่วยด้วย!!”
“คิดจะหนีเหรอนังแก้ว!”
มารตีไล่ตามจะไปคว้าตัวกรองแก้ว แต่กลับสะดุดลูกไม้ที่ตัวเองเป็นคนกระชากหลุดติดมือมาโดยผ้านั้นพันขาตัวเองจนเสียหลักล้มลงไป
มารตีล้มทำให้ขวดน้ำกรดในมือหล่นน้ำกรดกระจาย โดยส่วนนึงกระฉอกโดนหน้าตัวเอง
มารตีร้องลั่น “อ๊าย!!”
มารตีแสบร้อนจึงกรีดร้องเสียงดัง กรองแก้วผงะและช็อคไป
“คุณมารตี”
อ่านต่อหน้า 4
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 10 อวสาน (ต่อ)
กรองแก้วตั้งสติได้ก็รีบเข้าไปจะประคองมารตี แต่มารตีเอาแต่กรีดร้องเพราะเจ็บปวดและผลักไสกรองแก้วอย่างแรงไม่ให้มาแตะต้องตัวเธอจนกรองแก้วเสียหลักไป
เกษรากับเจ้าของร้านวิ่งเข้ามา
“แก้ว..เกิดอะไรขึ้น” เกษราเห็นมารตี “นั่น..มารตี..มารตีนี่”
มารตียังคงร้อง
“ช่วยด้วยค่ะ คุณมารตีโดนน้ำกรดค่ะ” กรองแก้วบอก
เกษราตกใจ “หา”
มารตีเอาแต่กรีดร้องและปิดหน้า
เกษราเข้ามาช่วย “มารตี นี่พี่นะ..มารตี”
“อย่ามายุ่งๆๆ มารตีเกลียดพี่เกษรา เกลียดที่สุด มารตีเกลียดทุกคน ทุกคนรุมทำร้ายมารตี..ฮือๆๆ อ๊ายๆๆ โอ๊ย..เจ็บๆๆ”
มารตีกรีดร้องอยู่ที่เตียงในโรงพยาบาล โดยมือกุมหน้าเพราะรับตัวเองไม่ได้ เพียงพรและพยาบาลรีบเข้ามาจะช่วยกันทำแผล แต่มารตีหวีดร้องและผลักไสทุกคน
“หน้าชั้น ไม่เหลืออะไรแล้ว..พวกแกไม่ต้องมามอง ไม่ต้องมาหัวเราะเยาะ จะไปไหนก็ไป..ไป”
“มารตี เธอสงบสติอารมณ์หน่อยได้มั้ย” เพียงพรว่า
“ออกไป”
คนไข้คนอื่นๆแตกตื่น พุฒิภัทรเดินเข้ามา
“มารตี..พอแล้ว..นี่พี่เอง..พี่ชายภัทรของเธอ”
“พี่ชายภัทร”
มารตีอับอายแล้วหันหน้าหนีเพราะไม่กล้าสู้หน้า
พุฒิภัทรพูดอย่างอ่อนโยน “มารตี..เธอเป็นน้องพี่ พี่ไม่มีวันรังเกียจน้องสาวตัวเองหรอก..ให้พี่ทำแผลให้เธอนะ..พี่สัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุด ให้มีริ้วรอยน้อยที่สุด ไว้ใจพี่นะ”
พุฒิภัทรค่อยๆเอื้อมมือไปปลดมือของมารตีที่กุมปิดหน้าตัวเองอยู่ มารตียอมอย่างว่าง่าย น้ำตาของเธอไหลลงมาด้วยความเศร้า
เพียงพรรีบช่วยส่งอุปกรณ์ต่างๆให้พุฒิภัทร พุฒิภัทรทำแผลและปิดตาข้างนึงให้มารตี พยาบาลคนอื่นทำงาน มารตีใช้ดวงตาข้างเดียวมองพุฒิภัทรโดยยิ่งมองก็ยิ่งเศร้า
มารตีนั่งเหม่ออยู่ที่ระเบียงห้องพักในโรงพยาบาล ดวงตาและใบหน้าซีกที่ถูกน้ำกรดยังคงพันด้วยผ้าพันแผลเอาไว้อย่างมิดชิด มารตีมีแววตาเศร้า ยศวินเดินนำเกษรากับวิไลรัมภามาเยี่ยมในห้องพัก
“คุณมารตี..ดูสิครับว่าใครมาเยี่ยม” ยศวินบอก
มารตีนิ่ง
เกษราเดินเข้าไปหามารตี “พี่เองมารตี..เป็นยังไงบ้าง” มารตีนิ่ง “เธอไม่ต้องกังวลนะ คุณหมอบอกว่าดวงตาเธอไม่มีปัญหา จะกลับมามองเห็นได้ตามปกติ”
มารตีเบ้หน้าเพราะไม่ได้แคร์เรื่องการมองเห็น วิไลรัมภาสงสารมารตี
“ทำไมถึงพันแผลเยอะขนาดนั้นคะ..อย่าบอกนะคะว่าหน้าพี่มารตีเละหมดทั้งซีก”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แค่มีแผลนิดๆหน่อยๆเองครับ” ยศวินบอก
“โดนน้ำกรดน่ะเหรอคะ นิดๆ หน่อยๆ..รัมภาเคยเห็นว่าแผลจะเป็นเหมือนเนื้อเน่าๆ เฟะๆ น่าสยองจะตายไป โถ พี่มารตี ทำไมพี่ถึงโชคร้ายอย่างนี้ก็ไม่รู้..แล้วพี่จะทำยังไงต่อ..เป็นพยาบาลหน้าผี คนไข้ไม่ตกใจแย่เหรอคะ” วิไลรัมภาว่า
มารตีแค้นกำมือจนสั่น
“รัมภา..เธอจะพูดให้ได้อะไรขึ้นมา” เกษราถาม
“พี่เกษดุทำไม รัมภาพูดเพราะสงสารพี่มารตีนะคะ”
“เธอเลิกให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตาภายนอกเสียที มันก็เป็นแค่เปลือก ที่ฉาบฉวย ไม่จีรังยั่งยืน..คุณค่าที่แท้จริงอยู่ที่ข้างใน มองไม่เห็นด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ ก็คือ ความดี..ที่จะอยู่คงทน ไม่เสื่อมไปตามกาลเวลา..เธอเข้าใจมั้ย”
“พี่เกษแต่งงานแล้วก็พูดได้..ลองเป็นตอนพี่สาวๆยังไม่แต่งงาน แล้วหน้าเละแบบพี่มารตี พี่จะพูดแบบนี้มั้ย”
“รัมภา”
“ผมว่า..ให้คนไข้พักผ่อนก่อนดีกว่านะครับ..ผมขอร้อง” ยศวินบอก
วิไลรัมภากับเกษราเดินออกไป มารตีนั่งนิ่งด้วยความอับอายและคับแค้น
ยศวินเข้าใจความรู้สึกมารตีจึงพยายามจะพูดให้เธอสำนึกและคิดได้ “มารตี..ผมเข้าใจความรู้สึกคุณนะ..การที่ต้องเห็นคนที่เรารักไปแต่งงานกับคนอื่น มันเจ็บปวด” ยศวินจับมือมารตีที่เกร็งอยู่ “แต่เราก็ต้องยอมรับความจริง..ปล่อยวาง ยอมรับ แล้วเดินหน้าต่อ..ผมแค่อยากบอกคุณว่า..คุณต้องให้โอกาสตัวเองเริ่มต้นใหม่นะมารตี”
ยศวินพยายามจะคลายมือที่เกร็งของมารตี แต่มารตีกำมือแน่น ไม่ยอมปล่อย
ยศวินท้อใจที่มารตียังไม่สำนึก
ขนมแต่งงานแบบจีนวางเรียงราย ของไหว้แบบจีนตั้งเต็มบนโต๊ะ หม่อมเอียด ย่าอ่อนพากันผายมือเชิญบรรดาแขกเหรื่อ รัชชานนท์กับรณพีร์ช่วยกันพยุงอากงมานั่งให้เป็นประธานที่เก้าอี้ตัวกลางของผู้ใหญ่ฝ่ายชาย
“เชิญค่าๆ อากง..หลานชายอากงคงแรกแต่งงานทั้งที..อากงต้องเป็นคนสำคัญที่สุดนะคะ”
“ขอบคุณนะครับ ทุกๆคน ที่ให้เกียรติผม ด้วยการจัดงานแบบจีนขึ้นที่วังจุฑาเทพ นับเป็นเกียรติอย่างสูงจริงๆ” อากงบอก
“ยินดีมากค่ะคุณก๋ง พวกเราทำทุกอย่าง เพื่อระลึกถึงหม่อมหยกด้วย นี่ถ้าอยู่กันพร้อมหน้า กับลูกชายฉัน วันนี้คงปลื้มปีติกันมาก” หม่อมเอียดพูด
ธราธรพาพ่อของกรองแก้วมานั่ง
“คุณพ่อครับ..นั่งตรงนี้ครับ”
กิตติเดินตัวลีบและไหว้ทุกคน
“หม่อมครับ คุณกงครับ ถ้าผมทำอะไรไม่ถูกต้อง ช่วยบอกด้วยนะครับ”
“คุณพ่อหนูแก้ว..ไม่ต้องประหม่าหรอกค่ะ พอเด็กๆมายกน้ำชาให้ แล้วมอบของขวัญให้เรา เราก็มอบของรับไหว้ให้เขาตอบไป” หม่อมเอียดบอก
“นี่ไงครับ ผมจัดไว้แล้ว ที่โต๊ะนี้ ของที่เด็กๆจะไหว้เรา อยู่นี่ แล้วของที่เราจะให้ตอบ ก็อยู่นี่” ผู้จัดการห้างบอก
หม่อมเอียดหัวเราะ “ของไหว้ กับของรับไหว้ เป็นของอภินันทนาการมาจากห้างคุณก๋งหมดเลย”
อากงหัวเราะชอบใจ “แน่นอนซี่ เดี๋ยวคนไม่รู้ ว่าอาคุงชายหมอ มีอากง..รวย”
ทุกคนฮาแต่ย่าอ่อนแอบทำตากลับ
สามีของเกษราพาพุฒิภัทรในสูทสีอ่อนออกมาอีกด้านนึง บรรดาพี่น้องพากันขำด้วยความชอบใจ ชัชวีร์ ยศวินช่วยกันถ่ายรูปให้ เกษรากับครูบุษพากรองแก้วในชุดสีขาวลูกไม้ๆ ออกมาจากอีกด้าน ทั้งสองมานั่งหน้าผู้ใหญ่
เพียงพรและพวกพยาบาลช่วยกันยกขันหมากจีนที่คุลมผ้าสีแดงออกมา
“อา..อาคุงพ่อหนูแก้ว นี่ก็เป็นแค่สินสอดทองหมั้นเล็กๆน้อยๆ จากห้างหยกฟ้า มีสองสาขา ที่ข้างสะพานผ่านพิภพลีลา ราชดำเนินกลาง และสาขาใหม่ ใหญ่กว่า ที่เยาวราช..โทรศัพท์”
“อากงคะ” ย่าอ่อนระอา
“อ่า แกล้งพูดให้ตลก..ไม่ขำกันหรอกเหรอ” อากงบอก
“คุณพ่อหนูแก้วคะ..นี่คือสินสอดทองหมั้นที่ทางเรา..คุณก๋ง กับย่า.. ขอมอบให้คุณพ่อ เป็นแค่การตอบแทนความดีงามที่คุณพ่อได้เลี้ยงดู อบรม สั่งสอนหลานสะใภ้คนนี้มาให้เป็นสมาชิกคนใหม่ของสกุลจุฑาเทพของเราค่ะ” หม่อมเอียดบอก
ย่าอ่อนบอกกิตติ “เปิดผ้าค่า คุณพ่อหนูแก้ว”
กิตติเปิดผ้าจนเห็นทองแท่งและแบบเส้นมากมาย
“อ้าว..บ่าวสาว กราบหม่อมย่า อาก๋ง และคุณพ่อ” ย่าอ่อนบอก
“ต่อไป..คือ..แหวนเพชร และเครื่องเพชร ส่วนนึงของหม่อมหยก ที่คุณพ่อของหลานเคยมอบให้แม่หลานในวันแต่งงาน” หม่อมเอียดบอก
“ชายภัทร.. สวมให้หนูแก้ว” ย่าอ่อนบอก
พุฒิภัทรเปิดผ้าที่มีแหวนเพชรและเครื่องเพชร
“แก้ว..กราบคุณชาย” ครูบุษบอก
กรองแก้วกราบ พุฒิภัทรใส่แหวนให้กรองแก้ว ชัชวีร์กับยศวินถ่ายรูปให้
ต่อมาเป็นพิธีแบบจีน พุฒิภัทรกับกรองแก้วยกน้ำชาให้อากง อากงนำห่อสีแดงใหญ่มาให้บ่าวสาวพุฒิภัทรกับกรองแก้วยกน้ำชาให้หม่อมเอียด หม่อมเอียดให้ห่อแดงตอบแก่บ่าวสาว พุฒิภัทรกับกรองแก้ว ยกน้ำชาให้กิตติ กิตติให้ห่อแดงตอบแก่บ่าวสาว
พวกหนุ่มๆ ดูกันแล้วก็ยิ้มแย้ม ชัชวีร์กับยศวินถ่ายภาพ
โต๊ะนั่งกินของว่างใต้ต้นไม้จัดแบบจีน มีโบว์ชมพูผูกตกแต่ง อากง กิตติ หม่อมเอียด ย่าอ่อน ครูบุษ เกษรา และ 3 หนุ่มจุฑาเทพนั่งกินขนมจีบซาลาเปาและน้ำชากัน พุฒิภัทรกับกรองแก้วถ่ายรูปอยู่ที่มุมสวยๆ หน้าวังกับหมอใหญ่ ยศวิน เพียงพร และเหล่าพยาบาล
“อา..นี่สิ ขนมจีบรสดีของคุณเกษรา” รณพีร์พูด
“สูตรของแก้วเขาไงล่ะ” เกษราบอก
“น่าแปลก ที่เขาใช้สูตรเดียวกับของอาม่า..กงหมายถึง..ภรรยาของกงที่ไปสวรรค์แล้ว..คุณยายของคุณชายเขาน่ะ..ปลื้มใจๆ..ที่ได้เห็นโต๊ะจีน พิธีจีนในวังจุฑาเทพ เสียดาย..หม่อมหยกลูกสาวเตี่ยน่าจะได้อยู่เห็นลูกชายคนดี กับลูกสะใภ้คนดีเหมือนกัน”
ยศวินกับชัชวีร์ช่วยกันถ่ายรูปกรองแก้วกับพุฒิภัทรในมุมต่างๆ ถ่ายกับแขกบ้างและถ่ายคู่กันบ้าง“ไม่ใช่ลูกชายคนหล่อ กับลูกสะใภ้คนสวยหรือครับก๋ง” รัชชานนท์ถาม
“อาคุงชายตี๋เล็ก..ความสวยไม่คงที่ แต่ความดีสิคงทนนา..ตี๋ภัทร เอ๊ย คุงชายหมอพุฒิภัทรเขาเป็นคนดี เขาตาดี มองเห็นอะไรดีๆ เขามองทะลุความสวยภายนอก ไปเห็นความสวยภายใน..ที่สวยยิ่งกว่า ตี๋เล็กก็จำไว้นา อย่าดูอะไรแค่ผิวเผิน” อากงสอน
“โอ๊ย..อาก๋งไม่ต้องห่วง ผมไม่ใช่คนใจง่าย”
“เราน่ะ..ไม่ต้องโม้ให้มากความเลย ในเมื่อชายภัทรกับแม่หม่อมหลวงมารตีมีอันต้องแคล้วคลาดไป เราก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบต่อไป” หม่อมเอียดบอก
“ชายพีร์แน่ะฮะ เขาชอบแม่วิไลรัมภาออกจะแย่” รัชชานนท์ยุ
“ชายเล็ก เอามีดมาแทงเราให้ตายไปเลยดีกว่า” รณพีร์บอก
“นี่..พวกนี้นี่ จะพูดจะจาอะไร เกรงใจแม่เกษราเขาบ้าง” ย่าอ่อนว่า
“โธ่..คุณย่าอ่อนขา.. เกษก็ไม่ทราบจะทำยังไง..เวลานี้ พวกที่วังเทวพรหมทุกคน ก็พากันต่อต้าน ไม่ยอมพูดกับเกษกันหมดแล้ว”
“นั่นสิ คุณชายเทวพันธ์ก็กลายเป็นคนมองหน้ากับเราไม่ติดไปเลย เพราะเรื่องแม่มารตี แต่เรื่องนี้ เขาเป็นฝ่ายผิดนะ ไม่ใช่เรา..แต่เรา..ก็เหมือนผิดต่อเขา ที่ไม่ทำตามสัญญาซะที” หม่อมเอียดบอก
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ถ้าพวกหลานๆเราไม่ชอบลูกสาวของคุณชายเทวพันธ์ ก็ยังมีลูกสาวของคุณชายอนุพันธ์อีก”
ชินกรของเกษราหันไปทางประตูพอดีแล้วก็ผงะ “คุณชายอนุพันธ์!”
เกษรามองตามไปแล้วก็ผงะ “คุณอา!!”
“คุณชายอนุพันธ์ กับ..ดารณีนุช” หม่อมเอียดมองไปแล้วก็ผงะ
“อิฉันเชิญมาเองล่ะค่ะ คุณพี่...แต่ทำไมเพิ่งมา” ย่าอ่อนถาม
ชัชวีร์เอากล้องลงจากหน้าแล้วก็ชะงัก อนุพันธ์กับดารณีนุชเดินเข้างานมา
“คุณพ่อ!!”
พุฒิภัทรยกมือไหว้ “คุณอาอนุพันธ์ คุณอาหญิงดารณีนุช”
กรองแก้วไหว้ตาม
ดารณีนุชมองกรองแก้วอย่างตกตะลึงแต่ก็เชิดใส่ “หึ..ขอแสดงความยินดีด้วยนะ ชายภัทร..คุณกรองแก้ว..นางสาวศรีสยาม..มิน่า..แม่มารตีถึงได้...”
“เอ่อ..คุณ..เข้าไปกราบหม่อมป้าก่อนเถอะ” อนุพันธ์บอก
ดารณีนุชมองมาทางชัชวีร์ตาขุ่น “นายชัชวีร์..ยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอ นึกว่าเครื่องบินตกตายไปแล้วอีก..ถึงไม่โผล่หน้าไปหาคุณพ่อบ้างเลย”
“เอ่อ..ผม..ฝึกหนักครับ..คุณน้า”
“เร็ว..ดารณีนุช..ท่านมองมาแล้ว” อนุพันธ์เร่ง
“อ้อ..ชายเล็ก..ก็อยู่ด้วย..ดีแล้ว จะได้บอกให้เตรียมตัวไว้ มายัยศินีนุชกำลังจะกลับมาจากปีนังแล้ว ชายเล็กจะได้เตรียมตัวให้ดี”
อนุพันธ์กับดารณีนุชเดินเข้าไป
กรองแก้วมองตามแล้วกระซิบถามพุฒิภัทร “ใครคะ”
“คุณชายอนุพันธ์..เป็นน้องชายคุณอาเทวพันธ์”
“คุณพ่อผมเองครับ คุณแก้ว..แต่นั่นน่ะ แม่เลี้ยง” ชัชวีร์มีสีหน้าไม่ดี
อนุพันธ์กับดารณีนุชเดินไปไหว้ทักทายทุกคน ดารณีนุชปรี่ไปหารัชชานนท์ทันที
“คุณชายเล็ก..หม่อมหลวงศินีนุช เทวพรหม..ลูกสาวอา กำลังจะกลับมาจากปีนังแล้วนะ..หลานควรจะไปรับน้องที่ดอนเมืองด้วยนะ วันกลับน่ะ”
ธราธร รัชชานนท์ และรณพีร์สบตากัน
“กรรมแล้ว..ชายเล็ก” ธราธรว่า
“ผมรอดแล้ว” รณพีร์บอก
รัชชานนท์รู้สึกจนตรอก ยศวินหันไปซูมถ่ายธราธร ชายใหญ่มองรัชชานนท์แล้วทำหน้าเวทนา ยศวินหันไปถ่ายรณพีร์ รณพีร์ทำหน้าล้อรัชชานนท์
ยศวินหันไปถ่ายรัชชานนท์ เห็นรัชชานนท์ทำหน้าดื้อรั้น
พุฒิภัทรมองมาที่น้องๆ แล้วหันมาถอนหายใจยาว พูดเน้นคำ
“หม่อมราชวงศ์รัชชานนท์ จุฑาเทพ ชายเล็ก..จะตกเป็นผู้รับผิดชอบ..สัญญาระหว่างสองตระกูลแทนชั้นต่อไป”
“แก้วว่า..สัญญาแบบนี้ มันไม่ยุติธรรมสำหรับฝ่ายหญิงมากกว่านะคะ”
พุฒิภัทรจับมือกรองแก้วมากุม “ชั้นว่า..ที่จริงแล้ว..แก้วนี่..เป็นนักเรียกร้องสิทธิสตรีคนหนึ่งเหมือนกันนะ”
กรองแก้วทำหน้าค้อนนิดๆ แต่ก็มองอย่างหวานซึ้ง ยศวินถ่ายภาพคู่กรองแก้วกับพุฒิภัทรจับมือกัน กรองแก้วทำหน้าหวานกึ่งค้อนใส่พุฒิภัทร
พุฒิภัทรยืนอยู่ในห้องนอนที่ตกแต่งใหม่ เขามองไปที่หน้าต่างที่กรองแก้วยืนอยู่ กรองแก้วมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วหันกลับมาพูดกับพุฒิภัทร
“แขกกลับไปหมดแล้วค่ะ พ่อก็กลับไปแล้ว”
“เราจะไปเยี่ยมท่าน..ทุกเวลา ที่แก้วต้องการนะจ๊ะ”
พุฒิภัทรเดินเข้ามาหา
“แก้ว..เหนื่อยไหม รองเท้ากัดหรือเปล่า”
กรองแก้วหัวเราะ “นิดหน่อยเองค่ะ..ไม่กัดเท่าตอนเดินทางงามหรอกค่ะ”
พุฒิภัทรดึงตัวมานั่งด้วยกันที่เตียง “ไหน..ขอดูหน่อยซิ” พุฒิภัทรจะนั่งคุกเข่า
กรองแก้วรีบดึงไว้ “คุณชาย..ไม่ต้องค่ะ คุณชายต่างหาก ที่เหนื่อยกว่าแก้ว”
พุฒิภัทรนั่งเคียงข้างกรองแก้วบนเตียง “เหนื่อย..แต่มีความสุขนะ”
“ดื่มน้ำมั้ยคะ แก้วไปรินมาให้” กรองแก้วลุกไป
“ไม่ต้องหรอกแก้ว” พุฒิภัทรดึงกลับมาจนกรองแก้วเสียหลักล้มลงบนตักของเขา
“ว้าย..”
พุฒิภัทรกอดไว้ “นั่งอยู่อย่างนี้เลยนะ ไม่ต้องลุกไปไหนอีกแล้ว”
“คุณชายไม่หิวข้าวหิวน้ำเลยหรือคะ แก้วไม่เห็นคุณชายรับประทานหรือดื่มอะไรซักเท่าไหร่เลย”
“ไม่เลย สงสัยจะอิ่มใจ”
“คุณชายอย่าเกรงใจเลยค่ะ..ให้แก้วทำหน้าที่ได้แล้ว” กรองแก้วพยายามจะลุก
พุฒิภัทรกอดไว้ “หน้าที่..หน้าที่ภรรยาเหรอ?”
“ค่ะ..คุณชายทำอะไรที่ดีๆให้แก้วมาตั้งมากมาย แก้วจะต้องดูแลคุณชาย..บ้าง เริ่มจาก..ไปหาขนมอะไรอร่อยๆ กับน้ำเย็นๆ..มาบริการคุณชาย..ดีไหมคะ”
“เอ..แล้วหน้าที่ภรรยานี่....มันมีอะไรบ้างนะ”
“ก็..ทำอาหาร..ดูแลบ้าน..ดูแลคุณชายให้กินอิ่ม หลับสบาย จิตแจ่มใส พร้อมจะไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยชีวิตคนไข้ได้อย่างเต็มที่”
“แค่นี้ยังไม่พอ”
“แก้วจะเป็นกำลังใจและทำให้คุณชายมีความสุขในทุกๆวันด้วย”
“ก็ยังไม่พอ”
กรองแก้วเริ่มฉงน “ต้องแค่ไหนคะถึงจะพอ”
“คุณต้องเลี้ยงลูกให้ผมด้วย”
กรองแก้วงง “หือ?”
“สามคน”
“สามคน” กรองแก้วจะลุกหนี
พุฒิภัทรตวัดตัวกรองแก้วอีกที คราวนี้ทำให้กรองแก้วล้มลงนอนบนเตียง
“ว้าย..”
พุฒิภัทรนอนตามลงไปแล้วค่อยๆปลดเครื่องประดับแก้วออก “เราเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมายและ..ด้วยความสมัครใจแล้วนะ”
“คุณชายไปหัดนิสัยเจ้าเล่ห์มาจากไหนคะ”
พุฒิภัทรยิ้มแล้วจูบแก้ม
พุฒิภัทรกระซิบ “แก้ว”
“คะ?”
“ขอบคุณนะ..ที่เป็นภรรยาผม..ทำให้ผมเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก”
“แก้วสิคะต้องขอบคุณคุณชาย..ที่ทำให้แก้วเหมือนอยู่ในความฝัน..ได้พบรักและแต่งงานกับเจ้าชายที่สูงศักดิ์”
“ขนาดนั้นเลย”
“ค่ะ แก้วไม่เคยคิดว่าวันนี้จะเกิดขึ้นจริงๆด้วยซ้ำ”
“ถ้างั้นก็ได้เวลาแล้วสิ”
“เวลาอะไรคะ”
“เวลาที่..เจ้าชายจะจุมพิตเจ้าหญิงแสนสวย”
กรองแก้วกับพุฒิภัทรยิ้มขำ ทั้งคู่จะนิ่งลง พุฒิภัทรมองตากรองแก้วอย่างรักใคร่ ก่อนจะโน้มตัวเข้าหา แววตากรองแก้วไหวระริกด้วยความตื่นเต้น
พุฒิภัทรโน้มริมฝีปากเข้าใกล้ กรองแก้วหลับตาพริ้มรับจุมพิตอันแสนหวานละมุนละไม
อวสาน
โปรดติดตาม สุภาพบุรุษจุฑาเทพ "คุณชายรัชชานนท์" เร็วๆ นี้