xs
xsm
sm
md
lg

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 8

ขณะที่กลุ่มพยาบาลเดินคุยกันคิกคักมาตามทาง แต่แล้วก็ต้องผงะแหวกหลบไปข้างทางพร้อมกับหงอไปหมด เพราะนายพลพินิจเดินพุ่งเข้ามาโดยมีสมุนตามประกบ

หน้าตาพินิจบูดบึ้งไม่เป็นมิตรกับใคร พอผ่านไปทางไหนผู้คนก็แหวกทางออกหมด พินิจเดินตรงดิ่งไปที่ห้องทำงานส่วนตัวของหมอใหญ่ แล้วเปิดประตูเข้าไป
หมอใหญ่ที่นั่งทำงานอยู่เห็นพินิจมาก็แปลกใจ
“ท่านพินิจ”
พินิจเข้ามานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ตอบมาสิ ใครบริจาคเงินให้โรงพยาบาลนี้เยอะที่สุด” พินิจถามเสียงดัง
“ท่านพินิจครับ”
“เวลาโรงพยาบาลมีปัญหา ต้องการความช่วยเหลือ ชั้นเคยปฏิเสธมั้ย” พินิจถามต่อ
“ไม่ครับ”
“แล้วชั้นเคยเรียกร้องอะไรจากโรงพยาบาลมั้ย”
“ไม่ครับ”
“ชั้นเคยเข้ามาวุ่นวายแทรกแซงการบริหารงานในโรงพยาบาลมั้ย”
“ไม่ครับ”
“แล้วทำไมหมอที่นี่ถึงมาแทรกแซงเรื่องส่วนตัวของชั้น!”
“ใครเหรอครับ”
“มันก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ!! เสียแรงที่ไว้ใจมัน ฝากฝังคนให้มันดูแล แต่มันกลับแทงข้างหลังชั้น พาผู้หญิงของชั้นหนีไป!! หมอของคุณกำลังเหยียบหน้าชั้นอยู่ มันท้าทายอำนาจชั้น คิดว่าชั้นควรจะจัดการมันยังไง!” พินิจขู่ “ถ้าคุณยังรักและห่วงใยคนยากคนจนที่ต้องการความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลของคุณ จัดการปัญหานี้ซะ!”
พินิจข่ม หมอใหญ่ถึงกับซีด

ที่วังจุฑาเทพ พุฒิภัทรนั่งอยู่ตรงหน้า หม่อมเอียดนั่งคอตั้งหลังตรงโดยมีย่าอ่อนนั่งประจบใกล้ๆ
“ชายภัทร..ตอบย่ามาสิว่ามันไม่จริง..หม่อมราชวงค์พุฒิภัทร จุฑาเทพ ไม่ได้ประพฤติตนสิ้นคิดอย่างนั้น”
“หม่อมย่าครับ..ผมมีเหตุผลในสิ่งที่ได้ทำลงไปนะครับ” พุฒิภัทรบอก
“เหตุผลไม่ได้แปลว่าถูกต้องหรือสมควรเสมอไป!” หม่อมเอียดบอก
ทันใดนั้น รัชชานนท์กับรณพีร์ก็วิ่งเข้ามาขัดจังหวะเพราะทราบข่าวว่าพุฒิภัทรกลับมาแล้วและกำลังอยู่กับหม่อมเอียด
“หม่อมย่าครับ อย่าโมโหครับ เดี๋ยวความดันโลหิตจะสูงนะครับ ทำใจสบายๆ ค่อยๆคุยกันดีกว่านะครับ” รัชชานนท์บอก
“ออกไปคุยด้านนอกดีกว่าครับ อากาศปลอดโปร่ง จะได้สดชื่นขึ้น” รณพีร์แนะนำ
“ชายเล็ก ชายพี เธอสองคนไม่ต้องมากะล่อนลิงหลอกเจ้า ยังไงวันนี้ชายภัทรก็ดิ้นไม่หลุดแน่ๆ..หลบออกมา” ย่าอ่อนดึงตัวออกมา “คุณพี่คะ เชิญต่อค่ะ”
“ชายภัทร เลิกติดต่อกับผู้หญิงคนนั้นซะ” หม่อมเอียดสั่ง
“หม่อมย่า”
“ชายภัทรต้องยอมรับนะว่าตัวเองไม่ประสีประสาเรื่องผู้หญิง..ตั้งแต่เด็กจนโต ชายภัทรอยู่แต่กับตำราเรียน ห้องผ่าตัด..หลานไม่ทันเล่ห์กลของผู้หญิงบางประเภทหรอก เชื่อย่า”
“แก้วไม่ใช่ผู้หญิงประเภทนั้นนะครับหม่อมย่า แก้วเป็นคนดี” พุฒิภัทรบอก
“คนดีจริงหรือคนดีจอมปลอม คนยิ่งเลวเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องสวมหน้ากากคนดีมากเท่านั้น” ย่าอ่อนว่า
“ผู้หญิงคนนี้กล้าแก้ผ้าโชว์คนทั้งประเทศ แล้วยังยอมเป็นอนุของท่านพินิจ แล้วหลานยังคิดว่าเขาดีอีกเหรอ? คนๆนี้ไร้ค่า ไร้เกียรติ สกปรกยิ่งกว่าอาจม..อย่าทำให้ตัวเองแปดเปื้อนไปมากกว่านี้เลยชายภัทร” หม่อมเอียดบอก
“หม่อมย่าจะตัดสินแก้วจากการฟังคนอื่นมาไม่ได้นะครับ มันไม่ยุติธรรม”
“นี่ชายภัทรว่าย่าเหรอ”
รณพีร์รีบปรามไว้ “ฟังเหตุผลของพี่ชายภัทรก่อนสิครับย่า”
หม่อมเอียด ย่าอ่อนนั่งหลังตรงยอมรับฟังอย่างมีทิฐิ
พุฒิภัทรพูดออกมา “หม่อมย่าทราบหรือเปล่าครับ ว่าแก้วมาประกวดนางงามเพราะอะไร..เพราะพ่อของแก้วป่วย ต้องใช้เงินมาก แก้วไม่มีทางเลือก จึงต้องยอมแต่งชุดแบบนั้นขึ้นเวที..แล้วแก้วก็ไม่เคยคิดเป็นอนุของใคร..แก้วพยายามหนีด้วยซ้ำ แต่ท่านพินิจต่างหากที่ไม่ยอมปล่อย ตามล่าแก้วทุกวิถีทาง..เพราะเหตุนี้ไงครับ..ผมจึงต้องพาแก้วหนี..เพื่อช่วยแก้ว”
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนเพิ่งรู้เรื่องนี้จึงมองหน้ากันเลิ่กลั่กแต่ยังวางฟอร์ม
“ยังไงก็แล้วแต่..ผู้หญิงคนนี้ก็ต่ำต้อยเกินกว่าที่ชายภัทรจะไปเปลืองตัวด้วย” ย่าอ่อนสรุป
“อะไรต่ำ อะไรสูง ดูยังไงครับ..ย่าอ่อนเคยสอนว่า ชาติตระกูล ยศถาบรรดาศักดิ์ จะไม่มีค่าอะไรเลย ถ้าปราศจากความดี” รัชชานนท์บอก
รณพีร์เสริม “ถ้าคุณกรองแก้วมีความดี แล้วยศถาบรรดาศักดิ์ยังจำเป็นอีกเหรอครับ”
“นี่ สองคนนี้ กล้าย้อนย่าเหรอ!”

ย่าอ่อนขึ้นเสียงตำหนิ พลางทำท่าจะตีรัชชานนท์กับรณพีร์

ฝ่ายพุฒิภัทรอ้อนวอนหม่อมเอียดต่อ

“หม่อมย่าเคยสอนพวกเราไม่ใช่เหรอครับ..ว่าเราโชคดีที่เกิดมาในสกุลจุฑาเทพ ก็อย่าฉวยโอกาสใช้โชคดีนั้นกดขี่ข่มเหงผู้อื่น แต่ให้ใช้มันเพื่อช่วยเหลือคนที่เขาไม่ได้โชคดีอย่างเรา”
“ถ้าเป็นอย่างที่ชายภัทรพูดจริง ย่ายิ่งต้องให้ชายภัทรเลิกติดต่อกับแม่แก้ว” หม่อมเอียดบอก
พุฒิภัทรอึ้ง “หม่อมย่า”
“ท่านพินิจ เขาคือคนที่มีอำนาจมากที่สุดในประเทศเวลานี้..ชายภัทรไม่ควรหาเรื่องไปงัดข้อกับเขา มันไม่คุ้มกันเลย”
“หม่อมย่ากำลังบอกให้ผมอยู่เฉยๆ นั่งดูคนดีถูกคนที่มีอำนาจรังแกอย่างนั้นเหรอครับ”
“ย่าบอกให้ชายภัทรถอนตัวออกมาเพื่อให้คนที่มีหน้าที่จัดการเรื่องนี้โดยตรง จัดการ” หม่อมเอียดบอก
“คนที่มีหน้าที่จัดการเรื่องนี้ ใครล่ะครับ?”
“ใครก็ได้ที่ไม่ใช่พวกเรา” ย่าอ่อนบอก
พุฒิภัทรอ่อนใจ “ย่าครับ ย่าก็ทราบ ว่ามันไม่มี”
“หยุดเถียงคำไม่ตกฟากซะที!” ย่าอ่อนว่า
“ผมแค่อยากบอกว่า หน้าที่การช่วยเหลือคนดี ต่อต้านคนชั่ว เป็นหน้าที่ของคนทุกคน ไม่ใช่เหรอครับย่า..ย่าไม่ภูมิใจเหรอครับที่หลานๆของย่าไม่นิ่งดูดายต่อความอยุติธรรมในสังคม หรือว่าย่าอยากให้พวกเราเป็นคนดีที่อยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย เห็นคนดีถูกกดขี่ ก็ช่าง เห็นคนชั่วรังแกคนที่ไม่มีทางสู้เล่นอย่างสำราญบันเทิง ก็ปล่อยไป..อย่างนั้นเหรอครับ?”
“ชายภัทรพูดจาหัวรุนแรงมากๆ แบบนี้ต้องถูกแม่นางงามล้างสมองมาแน่ๆ” ย่าอ่อนบอก
“ทำไมย่าต้องโทษทุกอย่างเป็นความผิดของแก้วด้วยครับ” พุฒิภัทรถาม
“แล้วมันจริงหรือเปล่าล่ะ”
“แก้ว..เขาเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ยังกล้ายืนหยัด ขัดขืนต่ออำนาจมืดทุกวิถีทาง แล้วเราล่ะครับ เราเป็นถึงสกุลจุฑาเทพ อำนาจบารมีเราก็ไม่น้อย..เราทำอะไรอยู่??? เราไม่ทำอะไรเลย..แล้วก็บอกว่าตัวเราเป็นคนดีอย่างนั้นอย่างนี้..ไม่อายเหรอครับ”
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนอึ้งที่พุฒิภัทรย้อนแรง
พุฒิภัทรคุกเข่าอ้อนวอน “ตั้งแต่เล็กจนโต ผมศรัทธาในคำสอนของหม่อมย่าเอียดกับย่าอ่อนมาตลอด..ได้โปรด ครั้งนี้ อย่าห้ามผมทำในสิ่งที่สมควรต้องทำเลยนะครับ”
หม่อมเอียด ย่าอ่อนรู้สึกอ่อนใจ
“ย่าจะไม่ห้าม..แต่ชายภัทรจะต้องตอบคำถามย่าตามตรง..ชายภัทรไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้นใช่มั้ย”
พุฒิภัทรอึ้ง

ด้านกรองแก้วนั่งเหม่อลอยอยู่ริมชายหาด น้ำตาของเธอซึมออกมา คำพูดที่กระทบใจของย่าอ่อนดังแว่วอยู่ในหัว
“คุณชายคงไม่ได้เห็นนังผู้หญิงชั้นต่ำคนนี้ดีกว่าย่าทั้งสองคนแล้วหรอกนะ”
สักพัก นวลก็เข้ามานั่งด้วยข้างๆ อย่างเข้าใจความรู้สึก
“คุณแก้ว”
“ยาย” กรองแก้วปาดน้ำตาแล้วรีบปฏิเสธ “แก้วไม่ได้เป็น”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ยายเข้าใจ” นวลแทรกขึ้น
“แก้วก็แค่..อยากให้เรื่องร้ายๆพวกนี้มันจบลงซะที..แก้วสงสารคุณชาย ไม่อยากเป็นภาระให้คุณชายมากไปกว่านี้”
อยู่ๆแก้วก็ลุกพรวด
“แก้ว..แก้วอยากกลับบ้าน กลับไปอยู่กับพ่อ”
“คุณแก้ว..รอคุณชายกลับมาก่อนเถอะนะคะ”
“คุณชายเมตตาแก้วมาก แต่แก้วเป็นตัวปัญหา สร้างเรื่องเดือดร้อนให้คุณชาย..แก้วอยากกลับไปอยู่กับพ่อ จะเกิดอะไรขึ้นก็ช่าง!”
กรองแก้วหันจะเดินไป แต่พบว่าชุ่มมายืนขวางไว้ กรองแก้วผงะ
“รอคุณชายกลับมาก่อนนะครับคุณแก้ว..คุณจะหนีไปอย่างนี้ ไม่คิดเหรอครับว่าคุณชายจะเสียใจ..นะครับ” ชุ่มบอก
กรองแก้วยอมจำนน

พุฒิภัทรคิดหนัก รณพีร์เดินเข้ามายื่นแก้วให้
“ดื่มแก้กลุ้มหน่อยมั้ยพี่ชายภัทร”
พุฒิภัทรหันมามองเหยียด “คิดว่ามันช่วยแก้ปัญหาได้เหรอ..มันยิ่งทำให้เรามึนเมาขาดสติ คิดอะไรไม่รอบคอบน่ะสิ”
รณพีร์จ๋อย ก่อนจะเอาแก้วไปเก็บ รัชชานนท์ขำ
รัชชานนท์โอบไหล่กระซิบแหย่รณพีร์ “บอกแล้วว่าวิธีนี้ไม่ได้ผล”
“ฉันจะทำอย่างไรถึงจะช่วยแก้วจากท่านพินิจได้” พุฒิภัทรถาม
“แล้วปัญหาทางนี้ล่ะครับ เพราะท่าทางหม่อมย่าเอียดกับย่าอ่อนยังไม่ยอมรับการตัดสินใจของพี่ แล้วยังเรื่องคุณมารตีอีก”
“แก้ทีละปัญหา ตอนนี้ปัญหาของแก้วเร่งด่วนที่สุด” พุฒิภัทรบอก
รณพีร์แซว “แน่ะ เร่งด่วน เพราะอะไร เพราะหัวใจหรือเปล่าครับ”
พุฒิภัทรไม่พอใจ “ชายพีร์!!”
พุฒิภัทรหันหลบเพื่อไม่ให้เห็นสายตา
“ไม่มีอะไรเสียหายหรอกครับพี่ พวกเราห้าสิงห์ เราไม่เคยขายกันเองอยู่แล้ว รู้สึกอะไร กับใคร มีความลับซับซ้อนแค่ไหน เราไว้ใจพี่น้องได้” รณพีร์บอก
รัชชานนท์ถามทันที “พี่ชายภัทรรักคุณกรองแก้ว..ใช่มั้ยครับ”
พุฒิภัทรช็อคเพราะถูกจับผิดแล้วไปต่อไม่เป็น
“ถ้าไม่ใช่ยกมือซ้าย แต่ถ้าใช่ยกมือขวา” รณพีร์บอก
พุฒิภัทรเหมือนจะยกมือซ้าย แต่แล้วก็ยอมยกมือขวา
“ไชโยๆๆ ในที่สุด พระฤาษีก็ตบะแตกแล้ว เย้ๆ” รณพีร์ดีใจ
“ถ้าเป็นอย่างนี้ ผมคิดว่าก็พอจะมีทางช่วยเหลือคุณแก้วจากท่านพินิจได้ แต่..แต่พี่ต้องกลายเป็นหลานอกตัญญูในสายตาหม่อมย่า..พี่จะยอมมั้ยครับ” รัชชานนท์ถาม

พุฒิภัทรอึ้ง นิ่งงันไป

พุฒิภัทรเดินมาตามทางในโรงพยาบาล หมอใหญ่รอพุฒิภัทรอยู่ที่ศาลาในสวนอย่างเป็นส่วนตัว

“หมอใหญ่เรียกพบผมด่วน ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรครับ”
“คุณชายพุฒิภัทร..ทราบหรือเปล่าว่าเมื่อเช้านี้..ท่านพินิจมาที่นี่..แล้วท่านก็บอกอะไรผมมากมายเกี่ยวกับคุณชาย..และคุณกรองแก้ว..มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ครับ”
พุฒิภัทรยอมรับ “ครับ..ใช่ครับ”
หมอใหญ่อึ้งและกลุ้ม
“ผมกราบขอโทษนะครับที่ทำให้โรงพยาบาลต้องเดือดร้อน แต่ที่ผมทำ..เพราะผมทนเห็นคนดีๆคนนึง ต้องตกเป็นเหยื่อของคนที่จ้องจะเอาเปรียบไม่ได้” พุฒิภัทรบอก
“ท่านพินิจขู่จะยกเลิกเงินบริจาคทั้งหมดที่เคยให้โรงพยาบาล”
“หมายความว่า..”
“ผมไม่ได้อยู่ข้างใครนะครับคุณชาย ผมห่วงแต่คนไข้ ถ้าไม่มีเงินบริจาค คนไข้อนาถาที่พึ่งพาค่าใช้จ่ายจากเงินบริจาค จะทำยังไง”
“ท่านพินิจ คิดจะใช้วิธีนี้มาบีบให้ผมยอมเหรอครับ”
“ผมไม่ทราบ..คุณชาย..เอ้อ..เรา..เราจะแก้ปัญหานี้ยังไงครับ”
พุฒิภัทรเครียด

พุฒิภัทรเดินกลับเข้ามาที่ตึกเพื่อจะไปที่ห้องผ่าตัด มารตีเดินสวนออกมายืนเผชิญหน้า
“ไปเที่ยวหัวหินสนุกมั้ยคะ มารตีถาม
พุฒิภัทรแปลกใจที่มารตีรู้ แต่ก็ไม่อยากต่อปากต่อคำด้วยจึงผละเดินไป
มารตีเดินตาม “จะไม่บอกมารตีหน่อยหรือคะว่าไปเที่ยวกับใครมา”
“พี่ต้องไปผ่าตัด ไม่ว่างคุยด้วยตอนนี้”
“ไม่ว่างหรือไม่กล้าสู้หน้าคะ..อายหรือคะที่ถูกจับได้ว่าพานังผู้หญิงยั่วเมืองไปกกไกลถึงหัวหิน”
“มารตี!” พุฒิภัทรไม่พอใจ
พุฒิภัทรฉุนแต่สะกดอารมณ์ไว้แล้วรีบผละเดินไป มารตียิ่งฉุนและคั่งแค้น

นวลกำลังเอาที่นอนมาตากแดดอยู่ที่ระเบียงชั้นบนของบ้านพัก อยู่ๆ ก็มีรถแล่นผ่านมาจอดที่หน้าบ้าน คนในรถที่เป็นผู้ชาย 2-3 คนลงมาด้อมๆมองๆ เข้ามาในตัวบ้านเหมือนหาใครบางคน นวลมองผ่านระเบียงไปเห็นก็แปลกใจ แล้วผู้ชายพวกนั้นก็กลับขึ้นรถแล้วขับออกไป นวลสงสัย
ชุ่มเดินเข้ามาถาม “เหม่ออะไรอยู่เหรอจ๊ะแม่นวล”
“ไม่ได้เหม่อ แต่เมื่อกี้มีใครก็ไม่รู้ มาด้อมๆมองๆหน้าบ้าน” นวลบอก
“จริงเหรอ” ชุ่มชะเง้อมองแต่ไม่เห็นใครแล้ว
“คงไม่มีอะไรหรอก คงจะเป็นคนที่มาเยี่ยมญาติแถวนี้แล้วหาบ้านไม่เจอน่ะ..ไปๆ ช่วยชั้นเอาผ้าไปเก็บในห้องนอน”
“แล้วคุณแก้วล่ะอยู่ไหน” ชุ่มถาม
“อยู่ในครัวมั้ง”
“เมื่อกี้ข้าเพิ่งมาจากในครัว ไม่เห็นมี” ชุ่มบอก

กรองแก้วกำลังแอบเดินออกมาจากรั้วบ้าน
“แก้วขอโทษนะคะคุณชาย”
กรองแก้วกำลังจะไปแต่แล้วต้องผงะ เพราะมีผู้ชายร่างสูงใหญ่ 2คนยืนขวางอยู่
“ขอโทษค่ะ”
กรองแก้วจะเดินผ่านไป แต่ชายคนหนึ่งกระชากแขนกรองแก้วเอาไว้
“โอ๊ย คุณจะทำอะไร”
ใบบัวเดินออกมา
“ชั้นมารับเธอกลับบ้านน่ะสิยัยกรองแก้ว” ใบบัวบอก
กรองแก้วตกใจ “คุณใบบัว”
“ชั้นคิดแล้วไม่มีผิดว่าคุณชายต้องพาเธอมาซ่อนที่นี่..หมดเวลาพักผ่อนหย่อนใจแล้ว กลับไปทำหน้าที่นางสาวศรีสยามให้เสร็จสมบูรณ์ซะที”
“แก้วไม่กลับ”
“ที่ชั้นพูดน่ะ..ไม่ได้ถาม..เป็นคำสั่ง”
สมุนใบบัวกระชากกรองแก้วจะเอาไปขึ้นรถ กรองแก้วพยายามดิ้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ทันใดนั้นก็มีเสียงปืนดังเปรี้ยง พวกใบบัวชะงัก ชุ่มถือปืนลูกซองเดินกร่างออกมาแล้วยิงขู่ไปที่พื้นตรงหน้าใบบัวและสมุนอีกหลายนัด พวกใบบัวถอยร่น
“ปล่อยตัวคุณแก้วเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นนัดต่อไปมีคนตายแน่”
ชุ่มหันปืนไปทางใบบัว
พวกสมุนหยิบปืนขึ้นมาเช่นกัน
“คิดว่าแกคนเดียวจะทำอะไรพวกชั้นได้เหรอ” ใบบัวว่า
“นับดีแล้วเหรอว่ามีชั้นคนเดียว” ชุ่มบอก
ใบบัวแปลกใจ
นวลเดินนำพวกชาวบ้านที่กรองแก้วเคยไปช่วยทำคลอดให้เข้ามา ทุกคนมาพร้อมอาวุธทั้งจอบเสียมครบมือพร้อมจะช่วยเหลือกรองแก้ว
“เอ็งลองนับใหม่อีกทีสิ” นวลบอก
“ปล่อยตัวคุณแก้วซะ” ชุ่มสั่ง
“ถ้า..ถ้าแกทำอะไรชั้น นังแก้วก็ไม่รอดแน่” ใบบัวบอก
“ไม่จริง ท่านพินิจต้องการตัวแก้ว คนพวกนี้ไม่กล้าทำอะไรแก้วหรอกค่ะ” กรองแก้วขู่พวกสมุน “ถ้าแขนชั้นช้ำ ท่านพินิจเล่นงานพวกคุณแน่”
พวกสมุนผงะ กรองแก้วกระชากตัวเองหลุดมาได้แล้วก็วิ่งหนี สมุนจะตามจับกรองแก้วแต่นวลยิงปืนขู่กระสุนโดนสมุนคนนั้นที่ขาจนทรุดลงไปกับพื้น
“ว้าย ขอโทษ กะแค่ยิงขู่..แต่ดันแม่น” นวลบอก
กรองแก้ววิ่งมาหลบหลังชุ่ม
“แก..ไอ้พวกอันธพาล..แกไม่รู้ตัวว่าแกกำลังเล่นอยู่กับใคร” ใบบัวว่า
“กับหมากับแมวข้าก็ไม่สน..ที่นี่เป็นเขตวังเก่า ข้ามีหน้าที่ปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในเขตนี้..ไอ้พวกขี้ข้าเลียตูดหมาแมวที่ไหน ถ้ามันกล้าเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว ข้ายิงทิ้งแน่”
“นังแก้ว..หล่อนคิดเหรอว่าคุณชายพุฒิภัทรจะเป็นกำแพงแก้วคุ้มครองเธอได้ตลอดไป..ชั้นจะบอกให้..ไม่เคยมีใครทัดทานอำนาจของท่านพินิจได้..ชีวิตของเธอและคุณชายพุฒิภัทรจะไม่มีวันได้อยู่อย่างเป็นสุข” ใบบัวขู่
“คุณแก้วไม่ต้องไปฟังมันค่ะ” นวลบอก
“ถ้าเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นกับคุณชายพุฒิภัทร ก็ขอให้รู้ไว้ว่าทั้งหมดเป็นเพราะเธอ..เธอคนเดียว..กรองแก้ว” ใบบัวว่า
“ออกไปได้แล้ว ไป” ชุ่มไล่
ชุ่มและพวกชาวบ้านลุกฮือ
“เธอจะต้องเสียใจที่ทำอย่างนี้”
ใบบัวขู่ ก่อนจะหันกลับ พวกสมุนเดินตามออกไป

กรองแก้วอึ้งกับคำพูดของใบบัว นวลกอดปลอบกรองแก้ว

กรองแก้ววิ่งกลับเข้ามาในบ้านด้วยความสับสน นวลกับชุ่มเดินเข้ามาปลอบ

“คุณแก้ว อย่าไปใส่ใจกับคำพูดนังคุณนายคนนั้นเลย”
“ยายนวล ตาชุ่ม แก้วจะทำให้คุณชายเดือดร้อน ถ้าท่านพินิจโมโห แล้วทำอะไรรุนแรงกับคุณชาย..แก้วจะทำยังไง” กรองแก้วกังวล
“คุณแก้วครับ..มาถึงขนาดนี้แล้ว ต่อให้คุณแก้วหนีไปจากชีวิตคุณชาย ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาได้หรอกครับ..สิ่งเดียวที่คุณแก้วต้องทำตอนนี้คือเชื่อมั่นในตัวคุณชาย..อยู่ที่นี่ ไม่ต้องหนีไปที่ไหนอีก รอจนกว่าคุณชายจะกลับมา..นะครับ” ชุ่มบอก
“นะคะคุณแก้ว”
นวลกอดปลอบกรองแก้ว

ที่เรือนสีชมพู ไกรฤกษ์กำลังรอพบสุนันท์อยู่ที่ศาลาด้านนอกเรือน ระหว่างนั้นไกรฤกษ์ก็จ้องสาวๆที่เดินไปเดินมาจนตาแทบถลน สาวคนนึงที่เคยหลับนอนกับไกรฤกษ์มาก่อนเดินผ่านมา
“โอ้วว มาลี..จำพี่ได้มั้ยจ๊ะ” ไกรฤกษ์ถาม
ไกรฤกษ์ขยิบตาเจ้าชู้ มาลีค้อนขวับแล้วเดินไป
“แหม..ตอนไปฝึกเดินนางงามที่บ้าน..เวลาเมื่อย..ใครนวดตัวให้ ลืมซะละ”
สุนันท์เดินเข้ามา
“หื่นไม่เลือกเวลาและสถานที่จริงๆเลยนะ” สุนันท์ว่า
“นังสุนันท์..เวลาแกแจ๋น..ชั้นเคยด่าแกสักคำมั้ย”
ไกรฤกษ์แบมือขอเงิน
“ไม่มี
“อะไรไม่มี”
“เงินไม่มี..ไปบอกแม่ด้วยว่าถ้ามีเงินเมื่อไหร่ ชั้นจะส่งไปให้เอง ไม่ต้องให้พี่บุกมาขอส่วนบุญถึงที่นี่”
สุนันท์จะกลับไปแต่ไกรฤกษ์กระชากแขนเอาไว้
“แกได้ดีแล้วลืมพี่ลืมแม่เหรอ”
สุนันท์หันกลับมาจ้องตาสู้ “ปล่อยชั้น หรือจะให้ชั้นเรียกคนของท่านมาจัดการ”
“เอาเงินมา”
“ไม่มี”
“ไม่มีใช่มั้ย..แล้วไอ้สร้อยพวกนี้อะไร” ไกรฤกษ์ถาม
ไกรฤกษ์จะปลดสร้อยปลดต่างหูของสุนันท์ออก สุนันท์ฮึดฮัดไม่ยอมแล้วผลักไกรฤกษ์สุดแรง
“แกกล้าผลักพี่ชายเหรอวะ!!! หน็อย อีวัวลืมตีน”
ไกรฤกษ์ฉุนจึงลุกขึ้นมาจะตบสุนันท์ ทันใดนั้นเสียงพินิจก็ดังสนั่นมาจากบนเรือน
“อีนังโง่!!”
เสียงตบดัง แล้วตามมาด้วยเสียงใบบัวร้องโอย ไกรฤกษ์ชะงักมองไปตามเสียงนั้นแล้วก็เอะใจ

ใบบัวนอนคว่ำหน้าเพราะถูกตบ สมุนกลุ่มที่ทำงานพลาดนั่งอยู่บริเวณนั้นด้วย พวกสาวๆคนอื่นๆจับกลุ่มอยู่ห่างๆ พินิจฉุนขาดจนนั่งไม่ติด เขายืนลุกลี้ลุกลนเพราะอัดอั้นจนแทบระเบิด อยู่ๆ เขาก็คว้าเอาเก้าอี้ไม้ตรงนั้นมาเขวี้ยงใส่เพื่อระบายอารมณ์
“แก..อีนังโง่..ชั้นให้โอกาสแกแล้ว แต่..แต่แกก็ทำให้ชั้นผิดหวังซ้ำแล้ว..ซ้ำอีก..แล้วป่านนี้หนูแก้วไม่หนีเตลิดไปที่อื่นแล้วเหรอ!”
“นังแก้ว..หลบอยู่ในเขตบ้านพักของคุณชาย..แล้วใบบัว..จะทำอะไรได้คะท่าน” ใบบัวบอก
พินิจไม่แคร์คำตอบ เขาควักปืนออกมาทันที
ใบบัวผงะ พวกสมุนของใบบัวหน้าซีด
“พอกันที..ชั้นไม่มีความไว้วางใจให้กับแกอีกแล้ว..โอกาสสำหรับแก..หมดแล้ว”
ใบบัวผงะ “ท่าน..ได้โปรดเถอะค่ะ..ท่าน”
อยู่ๆ สุนันท์ก็วิ่งเข้ามาด้วยความตกใจ
“ว้าย!! ..ท่าน..อย่านะคะ..อย่ายิงตรงนี้..เดี๋ยวเลือดเปื้อนพื้นเรือนหมด..แล้วถ้ามันอาฆาตกลายเป็นผีสิงเรือน พวกนันท์จะอยู่ยังไง..ลากไปยิงที่สนามสิคะท่าน” สุนันท์บอก
ใบบัวกราบเท้า “ท่านคะ ใบบัวกราบล่ะค่ะท่าน ไว้ชีวิตใบบัวเถอะนะคะ..ใบบัวขออีกครั้งเดียว..นะคะท่าน..ถ้ายังไม่ได้ตัวกรองแก้วมา ใบบัวจะจบชีวิตตัวเองต่อหน้าท่านเลยค่ะ..นะคะท่าน”
“ใครว่าชั้นจะยิงพวกแก ชั้นจะไปท้าดวลกับไอ้คุณชาย..แบบสุภาพบุรุษยุโรป ตัวต่อตัวไปเลยตังหาก ใครดี ใครได้”

พินิจบอกอย่างเดือดดาล

อ่านต่อหน้า 2

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 8 (ต่อ)

อยู่ๆ ไกรฤกษ์ก็เดินเข้ามาแสดงตัว

“ไอ้หมอแว่นหนาเตอะมันจะสู่ท่านได้หรือครับ..แต่ท่านจะไปดวลกับมันทำไม เหมือนราชสีห์รังแกกระต่ายน้อย..เสียศักดิ์ศรีเปล่าๆ ให้จิ้งจอกหนุ่มจอมลีลาอย่างผมจัดการแทนเถอะครับ” ไกรฤกษ์เสนอตัว
“แกเข้ามาได้ยังไง” พินิจหันขวับ “สุนันท์!”
“น้องนันท์ไม่ได้อนุญาตหรอกครับ ผมถือวิสาสะเข้ามาเอง พอเห็นท่านผิดหวังเรื่องกรองแก้วแล้ว..ผมก็อยากจะช่วย..ถ้าท่านอยากได้ตัวกรองแก้วจริงๆ ก็น่าจะเลิกใช้วิธีแบบผู้หญิงๆ แล้วมาให้ผมจัดการด้วยวิธีแบบผู้ชายๆบ้างนะครับ” ไกรฤกษ์บอก
“แกมีปัญญาเหรอ” พินิจถาม
“ถ้าผมทำสำเร็จ ผมขอค่าตอบแทนพิเศษจ่ายตรงกับผม ไม่ผ่านแม่..ได้มั้ยครับท่าน”
ไกรฤกษ์ยิ้มมั่นใจ พินิจสนใจและเริ่มคล้อยตาม

ฝ่ายพุฒิภัทรและยศวินถอดชุดผ่าตัดออกทางหัวแล้วโยนใส่ตะกร้าก่อนจะหยิบชุดปกติมาสวม ทั้งสองเดินออกมาจากห้องผ่าตัด
“คุณชายบอกว่าจะลาพัก3วัน นี่แค่2วันก็กลับมา..แล้วยังจะมาช่วยผมอีก”
“ก็..ไหนๆมาพบท่านผู้อำนวยการแล้ว..พอเห็นว่ามีคนไข้ที่ผมรู้อาการอยู่แล้วมาผ่าวันนี้ ผมก็เลยอยากทำเอง” พุฒิภัทรบอก
“บ้างานไม่เลิก แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะได้พักผ่อนยาวๆ” ยศวินบอก
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”
พยาบาลคนอื่นๆ เดินอยู่ที่ระเบียง มารตีบุกมา
“คุณชายหมอผ่าตัดเสร็จหรือยังล่ะ ถ้าเสร็จแล้ว ก็ต้องมาคุยเรื่องในครอบครัวกันหน่อย” มารตีถามกลุ่มพยาบาล
พุฒิภัทรกับยศวินเลี้ยวมาพบกับมารตีพอดี ต่างคนต่างสะดุ้ง
“พี่ชายภัทรคะ มารตีต้องพูดกะพี่ให้รู้เรื่อง..พี่ชายภัทรทำแบบนี้ แสดงว่าพี่ไม่สนใจชื่อเสียงเกียรติยศของครอบครัว วงศ์ตระกูลของเราทั้งคู่แล้วสินะคะ”
“มารตี..ที่นี่..ไม่ใช่ที่ๆเราจะมาพูดเรื่องนี้กัน” พุฒิภัทรบอก
พยาบาลคนอื่นเห็นสีหน้าพุฒิภัทรแล้วก็รีบหลบไป ยศวินงงๆ
“แล้วจะให้เราไปพูดที่ไหนกันหรือคะ ในเมื่อพี่ชายภัทรหนีออกไปจากวัง แถมยังลาพักร้อนจะไม่มาโรงพยาบาล..พี่ชายภัทรเปลี่ยนไป..เสียการเสียงาน..เสียผู้เสียคน..กลายเป็นพวกป๋าที่หมกมุ่นเรื่องในมุ้ง พาอีหนูแอบไปกกชายทะเล ไปที่ไหนไม่ไป ดันพาไปที่บ้านหัวหินของครอบครัว เสื่อมเสียและบัดสีที่สุด”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ มารตี ไม่มีเรื่องอะไรเสื่อมเสียเกิดขึ้นทั้งนั้น”
“พี่ชายพานังผู้หญิงงามเมืองหนีจากงานเต้นรำไปทะเลกันสองต่อสองกลางดึก..แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น..แล้วพาไปทำไมคะ..ไปยิงนกตกปลาหรือไง”
“เธอเป็นผู้ดีนะ มารตี อย่าทำตัวเป็นผู้หญิงปากตลาด”
“ผู้หญิงปากตลาด ก็ยังดีกว่านังผู้หญิงหน้าไม่อาย เอาขาอ่อนเที่ยวอวดเร่ขายทอดตลาด”
“พี่ไม่คุยกับเธอแล้ว เธอไม่ได้สนใจที่จะรู้ความจริง แต่เธอต้องการแค่จะด่าคนอื่นเท่านั้น”
พุฒิภัทรเดินหนีไป มารตีจะเดินตาม
“พี่ชายภัทร”

ยศวินกางแขนกั้นไว้ “ไม่ได้ยินหรือไง ว่าอาจารย์บอกว่า..ท่านจะไม่พูดกับคุณแล้ว”
“แล้วอาจารย์ยศวินมาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ เป็นองครักษ์พิทักษ์พี่ชายภัทรเหรอไง”
“ผมเป็นองครักษ์พิทักษ์องค์กรของเราตังหากล่ะ เพราะผมไม่ต้องการให้คุณพยาบาลคนนึงมาเที่ยวส่งเสียงแหวๆ ใส่คุณหมอท่านนึง แล้วท่านก็วิ่งหนีไปรอบๆโรงพยาบาล แต่คุณก็ยังวิ่งตามโวยวายโหวกเหวกประจานตัวเอง ยังกับพูดออกโทรโข่ง คนที่มาที่นี่เขาจะคิดยังไง คุณคิดว่ามันคือภาพ..เสียง และเหตุการณ์ที่น่าดูชมนักหรือ”

ถูกยศวินตำหนิยาวเหยียดและจริงทุกคำ มารตีถึงกับอึ้งไปเลย

ครู่ต่อมามารตีเดินมาพลางนั่งกระแทกตัวลงซับน้ำตาที่ม้านั่ง ยศวินเดินตามมา
 
“คุณมารตี..ผมว่า..คุณควรจะทำใจนะครับ”
“ยังจะตามมาอีก คุณหมอก็ไปให้พ้นเถอะ จะมาสนใจชั้นทำไม”
“มารตี..คุณเชื่อไหม..คุณจะหายจากความทุกข์ และกลายเป็นคนที่มีความสุขได้ทันที..แค่คุณเปลี่ยนใจ”
“หมายความว่าไง”
“คุณถูกปลูกฝังมาจากทางบ้านตั้งแต่เล็กๆ ว่าคุณต้องแต่งงานกะอาจารย์ ใช่ไหม คุณก็เลยยึดข้อนี้เป็นเงื่อนไขในชีวิตมาตลอด แล้วคุณเคยถามตัวเองบ้างไหม ว่าคุณรักอาจารย์จริงๆเหรอ หรืออาจารย์เคยรักคุณบ้างไหม”
มารตีทนฟังไม่ได้ “อ๊าย..หยุดพูดเดี๋ยวนี้”
“คุณไม่อยากฟัง เพราะไม่อยากพิจารณาทุกอย่างตามความจริงเหรอครับ คุณไม่อยากมองโลกในมุมอื่นบ้างหรือครับ คุณเป็นคนสวย มีความสามารถ ถ้าคุณลองเปิดใจ มองดูผู้ชายอื่นๆบ้าง แล้วปล่อยอาจารย์ไป”
“ปล่อยพี่ชายภัทรไป..ให้เค้าไปขึ้นเขาลงห้วยตามใจชอบ กะอินังกรองแก้วน่ะเหรอ”
ยศวินชะงัก “ฮะ..กะใครนะ”
“กรองแก้ว นางสาวศรีสยามเป็นขวัญใจอาจารย์ยศวินเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”
“คุณ คุณมารตีอย่าพูดเล่นสิครับ”
“คนอย่างชั้น ไม่มีคำว่าพูดเล่น คุณก็คงเห็น ว่าในงานเต้นรำคืนนั้น พี่ชายภัทรกะนังแก้วเต้นรำกันหวานซึ้งขนาดไหน นั่นแหละ หลังจากนั้น ไฟมันก็เลยช้อท เกิดความหน้ามืด ลืมผิดชอบชั่วดี ภาระหน้าที่ เกียรติยศความเป็นคน พากันหนีไปมั่วสวาทกันที่ทะเลหัวหิน”
“ไม่จริง..คุณแก้วไม่ใช่คนแบบนั้น คุณชายหมอก็ไม่ใช่”
“ฮะๆๆ” มารตีสะใจ “เป็นไงล่ะคะ ทำมาสั่งสอนคนอื่น ตัวเองโดนเข้าบ้าง รู้สึกยังไงบ้าง แม่นางฟ้านางสวรรค์ของคุณ..ที่แท้มันก็แค่ผู้หญิงไฟแรงสูง ใจง่าย ไร้ค่า”
“คุณอย่ามาใส่ร้ายแก้วหน่อยเลย” ยศวินว่า
“มีความทุกข์หรือคะ เสียใจ ผิดหวังหรือคะ แก้ง่ายนิดเดียวค่ะ..อาจารย์ยศวิน แค่คุณเปลี่ยนใจ เลิกรักเลิกหวังในตัวผู้หญิงสวยแต่รูปจูบเหม็นโฉ่คนนี้แค่นั้นเอง ง้าย..ง่าย”
“ผมไม่เชื่อที่คุณพูดหรอก”
“ทำใจสิคะ ทำใจ เปิดใจรับความจริง” มารตีหัวเราะเยาะ “ว่าคุณชายหมอของคุณน่ะ..ไม่ใช่คุณชายหมอพุฒิภัทรที่แสนดีคนเดิมอีกแล้ว..เขากำลังหน้ามืดตามัวบ้าตัณหา ถึงกับลางานลาการ หนีออกจากบ้าน เพื่อไปมีความสุขกะผู้หญิงของเค้า..ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่อ่อยและให้ความหวังคุณอีกคนด้วย ฮะๆ”
มารตีหัวเราะใส่หน้าอย่างสะใจแล้วเดินออกไป ยศวินอึ้ง

พุฒิภัทรขับรถมาตามถนนโดยเลี้ยวออกมาตามเส้นทางออกต่างจังหวัดซึ่งเป็นเส้นทางเปลี่ยว ระหว่างนาเกลือและมีกังหันลมสีขาวสวยงาม พุฒิภัทรรู้สึกผ่อนคลายและอารมณ์ดีขึ้นจึงผิวปากเป็นเพลงเบาๆ
“หัวหิน..เป็นถิ่นสัญญา..จากไป”
ทันใดนั้นก็มีรถสีดำไม่ติดป้ายทะเบียนแล่นมาประกบ พุฒิภัทรหันมาเห็นก็อึ้ง
ในรถคันนั้นมีไกรฤกษ์นั่งอยู่ มีพลขับและสมุนของพินิจนั่งมาอีกสองคน
พุฒิภัทรขบกรามด้วยความเครียดแล้วก็เร่งความเร็วขึ้น ไกรฤกษ์เร่งพลขับให้เร่งเครื่องตามจนรถเทียบเคียงกัน
ไกรฤกษ์ไขหน้าต่างลงแล้วยื่นหน้าออกมา “เฮ้ย..ไอ้คุณชาย..นึกว่าเป็นคุณชายแล้วใหญ่มากเหรอวะ”
พุฒิภัทรหันมองแล้วทำหน้าเย็นชาก่อนจะเร่งรถหนี พลขับเหยียบขึ้นมาประกบอีก
“เฮ้ย..คุณชาย..มึงเคยตายอ๊าป่าววะ” ไกรฤกษ์ถามขู่ๆ
พุฒิภัทรหันมามองแล้วตะโกนตอบ “ไม่เคย แล้วนายล่ะ”
“ไม่เคยเว้ย”
“อยากลองไหมล่ะ” พุฒิภัทรถาม
“อ๊าย..ไอ้นี่ มึง..มึงขู่กูเหรอ”
“ไม่ได้ขู่ ถามดู”
“เฮ้ย..” ไกรฤกษ์หันมาด่าพวกสมุน “นั่งเฉยๆกันอยู่ได้ จัดการสิวะ จัดการเลย”
สมุนพินิจควักปืนออกมาแล้วจ่อมาทางหน้าต่างโดยยื่นมาทางพุฒิภัทร พุฒิภัทรผงะแล้วคิดวิธีได้ก็รีบเหยียบสุดๆ จนรถพุฒิภัทรที่มีสมรรถนะสูงกว่าพุ่งหนีนำรถพวกไกรฤกษ์ไป
ไกรฤกษ์ตาลุกวาว เขาหันมาเบิ๊ดกะโหลกพลขับ
“ไอ้วัวเอ๊ย..ขับเร็วๆหน่อยสิวะ”
พลขับมองเคืองๆ แต่ก็รีบเหยียบคันเร่ง รถสองคันตามกันมาท่ามกลางถนนกลางนาเกลือ พุฒิภัทรขับนำมายาวๆ รถของพวกไกรฤกษ์ตามมาใกล้เข้ามา
ไกรฤกษ์หันมาหาสมุน “ยิงมัน ยิงสิวะ ยิงเลย”
“เฮ้ย..ยิงได้ไง เดี๋ยวก็ซวยกันหมด” สมุนคนหนึ่งบอก
“มีปืนก็ต้องยิงสิ ไอ้แมว..แกจะมีปืนเอาไว้ทำไดร์เป่าผมรึไงวะ ยิงๆๆ”
สมุนยกปืนมาแล้วโผล่ตัวออกไปนอกรถเพื่อเล็ง พลขับรถเร่งจนรถสองคันใกล้กัน พุฒิภัทรพยายามเหยียบแต่รถของพวกไกรฤกษ์ก็แล่นตามมาเทียบ สมุนถือปืนจ่อในระยะหวังผล
ทันใดนั้นพุฒิภัทรก็ตัดสินใจมองไปรอบๆ พุฒิภัทรเห็นถนนโดยรอบว่างไม่มีรถอื่น รถของพวกไกรฤกษ์เทียบมาใกล้ ปืนจ่อเข้ามาใกล้ พุฒิภัทรกัดฟันกรอดแล้วดึงเบรกมือทันที
รถพุฒิภัทรหมุนคว้างหันกลับจนฝุ่นกระจาย รถพวกไกรฤกษ์พุ่งไปข้างหน้าพวกคนในรถผงะ พุฒิภัทรขึ้นเกียร์แล้วขับพุ่งย้อนไปทางเดิม พวกไกรฤกษ์ตื่นตะลึงในขณะที่พากันหันไปดูข้างหลัง รถพุฒิภัทรหนีไปไกลจนเห็นแต่ฝุ่น
“เฮ้ย..มันไปไกลแล้ว แล้วแกจะมุ่งไปข้างหน้าหาพ่อของพ่อของพ่อของพ่อแกเหรอ หยุดๆ” ไกรฤกษ์สั่ง
พลขับเบรกกะทันหันจนทุกคนหัวทิ่ม ไกรฤกษ์หน้าคะมำ

ด้านพุฒิภัทรจอดรถแล้วนิ่งคิดอยู่คนเดียวในซอยแห่งหนึ่ง เขาเกาะพวงมาลัยรถแล้วคิด พุฒิภัทรหน้าเข้มอย่างเอาจริง

สิงห์สามแห่งจุฑาเทพตัดสินใจแม่นมั่น ว่าเอาไงเอากัน และพร้อมชนทุกรูปแบบ

กลางดึกคืนนั้นพุฒิภัทรในชุดหล่อกับกรองแก้วยืนดูดาวอยู่ด้วยกัน ทั้งสองโอบกอดกันในขณะที่สายลมพัดผ่าน ดาวหางลอยผ่านไปอย่างช้าๆ

กรองแก้วเงยหน้าแหงนมองตามดวงดาวอย่างมีความสุข เธอหันมาจะยิ้มกับพุฒิภัทรแต่ก็ไม่มีพุฒิภัทรแล้ว กรองแก้วผงะที่ตัวเองยืนอยู่คนเดียวในที่โล่ง รู้สึกเคว้งคว้าง
“คุณชาย..คุณชายขา..คุณชายอยู่ไหน”
กรองแก้วหมุนรอบตัวท่ามกลางความมืดมิด ดาวบนท้องฟ้าหมุนเหวี่ยงไปรอบๆ กรองแก้วกอดตัวเองท่ามกลางสายลมแรง
“คุณชาย..อย่าทิ้งแก้ว”

ที่แท้กรองแก้วฝัน ผวาตัวตื่นขึ้นบนที่นอนที่มีแสงสว่างจ้า
“คุณชาย..อย่าทิ้งแก้ว”
กรองแก้วลืมตาขึ้นมาอย่างงงๆ
พุฒิภัทรก้มลงมามองด้วยแววตาห่วง
“แก้ว..แก้ว..ชั้นอยู่นี่”
กรองแก้วกระพริบตาเพื่อรวบรวมสติ “คุณชาย”
“ชั้นกลับมาแล้ว”
พุฒิภัทรมองมาอย่างอ่อนโยน
กรองแก้วดีใจจนลืมตัวจึงผวาเข้าหาพุฒิภัทร
“คุณชาย”
“แก้ว” พุฒิภัทรกอดกรองแก้วไว้แน่น
กรองแก้วร้องไห้อย่างขวัญเสีย
“โอ๋..แก้ว คนดี..ไม่เอานะ ไม่ร้องนะ..ชั้นจะไม่ไปไหนอีกแล้ว”
พุฒิภัทรรู้สึกห่วงและอยากดูแลกรองแก้วมากขึ้น
กรองแก้วได้สติจึงค่อยๆเบี่ยงตัวออกมาแล้วรีบลุก ก่อนจะถอยตัวออกจากพุฒิภัทรในระยะที่สมควร
“เอ้อ..คุณชาย..แก้ว..แก้วขอโทษค่ะ”
“ขอโทษ” พุฒิภัทรงง “เรื่องอะไร”
“เรื่อง..ที่แก้ว..กอดคุณชาย..คือ..แก้วลืมตัว แก้วดีใจ เพราะนึกว่า..คุณชายจะไม่กลับมาแล้ว”
“ทำไมชั้นจะไม่กลับมา ชั้นบอกว่าจะกลับ ก็กลับสิ”
“แก้ว..กลัวว่า..อาจจะเกิดอะไรกับคุณชาย..คือ..ทางวังขอคุณชาย..คงไม่อยากให้คุณชายต้องมาเสื่อมเสีย”
“ไม่มีใครจะมาขวางทางของชั้นได้ทังนั้น ถ้าคนอย่างฉันตั้งใจจะทำอะไร จะไม่มีอะไรมาเป็นอุปสรรคได้”
“จริงหรือคะ”
“หมายความว่ายังไง ‘จริงหรือคะ?’ ..นี่เธอไม่เชื่อชั้น หาว่าชั้นโกหกเหรอ”
“เปล่าค่ะ แต่..แต่..คุณชายอาจจะกำลังปลอบใจแก้ว หรือหลอกตัวเองอยู่”
“แก้ว..”
“เหมือนกับที่..คุณชายไม่ถนัดทำคลอด..และที่แท้แล้ว..คุณชายก็ไม่รู้จริงๆหรอก ว่าจะทำได้สำเร็จหรือไม่ แต่คุณชายก็แสดงความเชื่อมั่นมุ่งมั่นไปก่อน เพื่อให้ทุกคนสบายใจ”
“แก้ว”
“คุณชายคะ ปัญหาบางอย่าง..เราต้องยอมรับความจริงนะคะ”
พุฒิภัทรฉุน “ความจริงเหรอ ดี..งั้น ชั้นจะแสดงให้เธอเห็น ว่าอะไรคือความจริง ไป..ไปล้างหน้า อาบน้ำเดี๋ยวนี้เลย แล้วก็แต่งตัวให้เรียบร้อยด้วย”
“ถึงเวลาที่แก้วต้องไปแล้ว..ใช่ไหมคะ”
“ไม่ต้องมาถาม ทำตัวให้พร้อมจะออกไปข้างนอกให้เร็วๆเลย” พุฒิภัทรเดินออกไปจากห้องแล้วปิดประตูดังโครม
กรองแก้วอึ้ง งง และเสียใจ

กรองแก้วใส่ชุดที่ซื้อจากตลาดแบบเรียบง่ายถือถุงกระดาษที่ใส่ของจำเป็น2-3ใบโดยมีชุดราตรีพับแล้วกับรองเท้าส้นสูงอยู่คนละถุง พุฒิภัทรยืนกอดอกรออยู่ที่รถ เขามองกรองแก้วแบบหัวจรดเท้าแล้วก็ทำหน้าเหวี่ยงๆ
“แล้วถุงพวกนั้น..จะขนไปไหนล่ะ”
“อ้าว..ก็..เราจะกลับ”
“กลับไปไหนกัน” พุฒิภัทรเดินเข้ามาดึงถุงทั้งหมดจากมือกรองแก้วแล้วเอาไปวางที่โต๊ะใต้ถุน
กรองแก้วเดินตามไปอย่างงงๆ
“นี่มันของส่วนตัวของแก้ว..ส่วนชุดราตรีนี่ แก้วว่าจะเอาไปซักแห้งก่อน แล้วแก้วค่อยส่งคืน แก้วรู้ว่ามันแพงมาก”
ชุ่มกับนวลแอบดูอยู่ก็ตกใจ
“อย่าพูดอะไรที่จะทำให้ชั้นโกรธมากไปกว่านี้ อย่าพูด..เหมือนเราไม่รู้จักกัน..เหมือนเธอ..ไม่รู้จักชั้นเลย” พุฒิภัทรเดินดุ่มด้วยใบหน้าหงิกหน้างอมาเปิดรถให้
“เอ้า เชิญ!”
“แล้วเราจะไปไหนกันคะ” กรองแก้วขึ้นรถ
พุฒิภัทรปิดประตูให้กรองแก้วแล้วเดินอ้อมไปนั่งที่คนขับ “เราจะไป...ทำอะไรบางอย่าง เพื่อกำจัดอุปสรรคทั้งหมดให้ได้”
“ยังไงคะ”
“เธอมาหาว่าชั้นหลอกตัวเอง หาว่าชั้นดีแต่เสแสร้งแสดงท่าทางให้น่าเชื่อมั่น ชั้นจะทำให้เธอเห็น..ว่าชั้นไม่ได้ดีแต่ทำท่า ชั้นจะทำในสิ่งที่มีเอกสาร หลักฐาน ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ชนิดที่ใครจะมาขวางเราไม่ได้อีก”
พุฒิภัทรออกรถไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
“คุณชายภัทรไม่เคยเป็นคนแบบนี้เลยนะ แปลกว่ะ” ชุ่มบอก
“ก็..ท่านก็คงเหลืออดอะไรซักอย่างมั้ง..ขนาดมีไอ้พวกอันธพาลมันกล้ามาล้อมบ้านเราขนาดนั้น” นวลว่า
สองตายายเป็นกังวล

ณ ที่ว่าการอำเภอหัวหิน พุฒิภัทรจอดรถลงมาแล้วเดินลงมาเปิดประตูรถ
“ที่ว่าการอำเภอ..มาทำไมคะ” กรองแก้วงง
พุฒิภัทรเปิดลิ้นชักแล้วหยิบซองเอกสารออกมา
“นี่..บัตรประชาชนของเธอ..ชั้นแวะไปเอามาจากบ้านคุณเกษราก่อนมา”
“อะไรนะคะ ทำไมคะ คุณชายจะทำอะไร”
“ชั้นนัดกับนายอำเภอไว้แล้ว เราไปที่ห้องท่านได้เลย”
“คุณชาย..นี่มัน..เกิดอะไรขึ้น”
“มันเกิดอะไรขึ้นหลายอย่าง..ทั้งกับเธอที่นี่..แล้วก็..กับชั้น..ในหลายๆรูปแบบ”
“จริงหรือคะ เกิดอะไรขึ้นกับคุณชายบ้างคะ” กรองแก้วถาม
พุฒิภัทรอึ้งเพราะไม่อยากให้กรองแก้วกังวล “เธออย่ารู้เลย”
“คุณชาย..ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณชาย..เพราะแก้วคือต้นเหตุ คุณชายต้องให้แก้วรู้”
“ไม่จำเป็น”
“อ้าว..ทีคุณชาย..ยังหาว่าแก้วไม่ไว้ใจคุณชาย..แต่คุณชายก็ยังมีเรื่องที่ปิดบัง..ไม่บอกแก้วอยู่อีก..แบบนี้ก็แปลว่า คุณชายเองก็ไม่ไว้ใจแก้วเหมือนกัน”
พุฒิภัทรอึ้งไป “ชั้นไม่อยากให้เธอ..คิดมากไปกว่านี้แก้ว แค่นี้เธอก็ยังคิดจะหนีชั้นไป เพื่อไปเผชิญทุกอย่างด้วยตัวเอง”
“เพราะ..แก้วไม่มีสิทธิ์..ที่จะทำให้คนดีๆ ที่ชีวิตเค้าดีๆ ก็ต้องมามีปัญหาเพราะแก้ว”
“แล้วเธอคิดว่าเธอจะสู้เองคนเดียวได้เหรอ เธอไปจากชั้น แล้วเธอจะรอดเหรอ”
“รอดหรือไม่รอด แก้วก็ขอสู้แค่ตาย”
พุฒิภัทรส่ายหน้า “แก้ว..ถ้าชั้นยอมให้เธอไป..เพราะกลัวตัวเองเดือดร้อน..เธอว่า..ชั้นสมควรเรียกตัวเองว่าลูกผู้ชายอยู่หรือเปล่า”
กรองแก้วอึ้งแล้วหันไปมองที่ว่าการอำเภออีกที “แล้ว..นี่..เราจะมาแจ้งความ..หรืออะไรคะ”
พุฒิภัทรมองกรองแก้วอย่างอ่อนใจ

ส่วนกรองแก้วหน้างวยงง ด้วยเธอไม่กล้าคิดอะไรมากไปกว่านั้นแล้ว

ทะเบียนสมรสถูกวางลงมาบนโต๊ะตรงหน้า

“คุณชาย..คุณกรองแก้ว..เชิญครับ”
กรองแก้วอึ้ง
“ผมขอแสดงความยินดีด้วยจริงๆนะครับ..ผมเห็นคุณชายมานาน..ยังเคยคิดว่า..สุภาพสตรีที่ไหนจะเหมาะกับคุณชาย แล้วกลับมาเป็นถึง..คุณกรองแก้ว บุญมี นางสาวศรีสยาม” นายอำเภอชูบัตรประชาชนกรองแก้วขึ้นมา “อายุ21..พอดีปีนี้”
“แก้วจ๋า..เซ็นสิจ๊ะ” พุฒิภัทรบอก
“คุณชายแต่นี่มัน..”
“อะไรกัน..ก็เรารักกัน..ไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ต้องกลัวครับ คุณแก้ว..ผมเข้าใจดี ที่คนทีชื่อเสียงในสังคม..บางที..ก็ต้องทำอะไรหลบๆซ่อนแบบนี้ล่ะครับ”
“เอ้อ..คุณชายคะ..ขอแก้ว..คุยด้วยหน่อย”
“แหม..สุภาพสตรีก็แบบนี้แหละนะครับ ต้องคิดหนักเป็นธรรมดา อาจมีความลังเลบ้าง เชิญครับ ตามสบายๆ”
กรองแก้วมองหน้าพุฒิภัทร
พุฒิภัทรลุกขึ้นแล้วดึงมือกรองแก้วมาที่ข้างหน้าต่าง “แก้ว..วิธีนี้เท่านั้น ที่เราจะป้องกันตัวของเราทั้งคู่จากท่านพินิจได้”
กรองแก้วกระซิบเพราะกลัวนายอำเภอได้ยิน “แต่..นี่มันเรื่องจริงจังนะคะ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ”
พุฒิภัทรกระซิบตอบ “ก็จริงจังน่ะสิ”
“แต่..เรา..ไม่ได้..เป็น..เอ้อ..อะไรที่คู่ควรจะ..จดทะเบียนสมรสกัน”
“เธอไม่ต้องการ” พุฒิภัทรถาม
“ค่ะ..แก้วไม่ต้องการ”
“ก็ไม่เป็นไร..งั้นเธอก็แค่จดๆไป..เพื่อใช้เป็นเกาะป้องกันท่านพินิจ..แล้วพอพ้นจากวิกฤติการณ์แล้ว..เราค่อยหย่ากัน เรื่องนี้จะเป็นความลับ ไม่ต้องกลัว..ถ้าเธอไปเจอใครที่เธอรัก..รับรองว่า..ชั้นจะไม่ออกมาประจานหรอก..ว่า..เธอเคย..เป็น..เอ้อ..จดทะเบียนกะชั้นมาก่อน”
ทั้งสองคนกระซิบกันไปกันมาซึ่งดูเป็นภาพที่สวีทกันมาก นายอำเภอแอบดูแล้วก็ทำเมินเพราะเขิน
“คุณชาย..คุณชายจะเสื่อมเสียนะคะ” กรองแก้วบอก
“ชั้นเบื่อคำนี้เต็มที ตัวของชั้น จะเสื่อม..ก็เพราะการทำความชั่วด้วยตัวของชั้นเองเท่านั้น..คนอย่างเธอเหรอ จะมาทำอะไรให้ชั้นเสื่อมได้”
“ถ้าหม่อมย่าของคุณชาย”
“ชั้นอายุพอสมควรที่จะแต่งงานได้ ทำสัมมาอาชีพหาเลี้ยงตัวเอง ไม่ได้ขอใครกิน..หม่อมย่าก็ทำอะไรชั้นไม่ได้”
“แก้ว..”
“หรือเธอกลัวตัวเองเสื่อมเสีย กลัวเขาหาว่าไม่ได้เป็นสาวเป็นแส้ หรือเธอเห็นว่าชั้นมันต่ำต้อยเกินไป กว่าที่เธอจะ..จดทะเบียนสมรสด้วยได้”
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“งั้นเธอก็รีบเซ็นซะ อย่ามีปัญหา แก้ว..เธอเชื่อชั้นสิ คนอย่างท่านพินิจ ท่านมีเกียรติ และเป็นผู้ใหญ่พอที่จะไม่ยอมให้ตัวเองต้องถูกลบหลู่..หรือโดนใครเอาไปแฉ..ว่ามาแย่งภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายของคนอื่น นี่แหละ ไม้เด็ดของชั้น”
กรองแก้วอึ้ง

กรองแก้วเซ็นชื่อตรงใบจดทะเบียน แล้วเงยขึ้นมาสบตากับพุฒิภัทร คุณชายหมอจับมือกรองแก้วมาบีบ
“แก้ว..ไว้ใจชั้น..ชั้นจะ..คุ้มครองเธอ..ให้ดีที่สุด”
นายอำเภอเอ่ยชม “โอว..ช่างเป็นคู่ที่น่าชื่นชมมากครับ”
พุฒิภัทรหยิบปากกามาเซ็นชื่อตัวเอง
กรองแก้วมองแล้วก็อึ้งเหมือนตัวเองฝันไป พุฒิภัทรเซ็นเสร็จก็เงยขึ้นมาสบตากรองแก้วอย่างมั่นคง กรองแก้วน้ำตาคลอ นายอำเภอมองแล้วซึ้งตามก่อนที่เขาจะเซ็นของตัวเอง
พุฒิภัทรกับกรองแก้วมองหน้ากัน พุฒิภัทรเอื้อมมือมากุมมือกรองแก้วเพื่อให้กำลังใจ
“เรียบร้อยแล้วครับ..หม่อมราชวงศ์พุฒิภัทร จุฑาเทพ กับนางสาวกรองแก้ว บุญมี ได้เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วยครับ”
นายอำเภอวางทะเบียนสมรสให้ทั้งสองคน

กรองแก้วปล่อยให้มือตัวเองอยู่ในอุ้งมือของพุฒิภัทร ในขณะที่น้ำตาไหลจนเต็มตา

อ่านต่อหน้า 3

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 8 (ต่อ)

ต้นไม้บริเวณถนนราชดำเนินยามค่ำคืนประดับไฟสีแดง เหลือง เขียว และน้ำเงิน แลดูสวยงามกรองแก้วและพุฒิภัทรนั่งอยู่ที่โต๊ะพับกลมๆ ที่มีเก้าอี้พับกลมๆ ล้อมรอบใกล้ๆ รถเข็นขายไอศกรีม คนขายยกไอศกรีม 2 ถ้วย มาวางให้

“สำหรับวันสำคัญวันนี้..วันจดทะเบียนสมรสของเรา..ฉันขอเลี้ยงฉลองด้วยไอศกรีมเจ้าอร่อยร้านนี้..แต่มันอาจจะไม่โก้เก๋พอนะ” พุฒิภัทรว่า
“สมรสหลอกๆ ได้รับประทานไอศกรีมก็หรูหรามากแล้วค่ะ” กรองแก้วบอก
พุฒิภัทรหน้าตึง “สมรสหลอกๆ หรือ..เราทำถูกต้องตามกฎหมายนะ”
“แต่เพื่อหลอกชาวบ้านนี่คะ” กรองแก้วยิ้มเอาใจ “ทำไมคุณชายต้องทำหน้าบึ้งด้วย คุณชายต้องยิ้มนะคะ แก้วเคยได้ยินมาว่าไอศกรีม เป็นอาหารที่ทำให้คนเรามีความสุข ไม่เคยมีคนทะเลาะกันเวลารับประทานไอศครีม แล้วก็ไม่มีนักเลงมาตีกันในร้านไอศกรีมด้วย”
พุฒิภัทรมองหน้ากรองแก้วแล้วทำสายตาอ่อนโยน “ได้ ชั้นจะยิ้ม”
พุฒิภัทรตักไอศกรีมกินพลางยิ้มไปด้วย กรองแก้วก็ตักกินแล้วยิ้มบ้าง ทั้งสองยิ้มกันไปกันมา แล้วต่างคนก็หัวเราะออกมาโดยที่ปิดปาก
พุฒิภัทรมองกรองแก้วด้วยแววตาแปลกๆ แล้วอยู่ๆ เขาก็ถอดสร้อยที่คอตัวเองออกมา กรองแก้วเห็นแบบนั้นก็ทำหน้าสงสัย พุฒิภัทรสบตากรองแก้วสร้อยที่เขาถอดออกมาเป็นทองที่มีจี้หยกกลม สลักลายมังกรล้อมหีบทองตรงกลาง
พุฒิภัทรยื่นสร้อยมาตรงหน้า “รับสร้อยเส้นนี้ไว้ด้วย..ถือเสียว่าเป็นของหมั้นของชั้น”
กรองแก้วถอย “อะไรนะคะ”
“ชั้นยังไม่มีเวลาไปหาซื้อแหวนให้แก้ว มีแต่สร้อยเส้นนี้ ที่มีค่ามากที่สุดของชั้น นี่เป็นตราหยกล้อมรอบหีบทองคำ หม่อมแม่ชั้น ท่านชื่อหม่อมหยก ท่านได้สั่งช่างจากเซี่ยงไฮ้ทำสร้อยนี้ขึ้นเมื่อชั้นมีอายุครบเดือน ชายเล็กก็มีเหมือนกันแบบนี้อีกอัน”
“อ้าว แล้วของมีค่าแบบนี้..คุณชายเอามาให้แก้วทำไมล่ะคะ”
พุฒิภัทรอึ้ง เขาทำท่าจริงจังขึ้นมาแล้วจับมือแก้วก่อนจะเอาสร้อยวางลงบนมือของเธอ “เพราะชั้นไม่มีอะไรที่จะแสดงให้ทุกคนเห็น..ว่าเราได้หมั้นหมายและแต่งงานกันแล้ว นอกจากของชั้นนี้ แก้วต้องสวมไว้ คนอื่นเข้าจะได้ไม่คิดว่าเราจดทะเบียนกันหลอกๆ”
กรองแก้วส่งคืน “คุณชายแน่ใจหรือคะ ว่ามันสมควร”
พุฒิภัทรถือสร้อยแล้วลุกขึ้นด้วยสีหน้าบังคับ “เพราะฉันเห็นสมควรแล้วน่ะสิ ถึงอยากเธอใส่ ถือเสียว่ามันคือตัวแทนของชั้น ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน ขอให้คิดไว้เสมอ ว่ามีชั้นอยู่ดูแลเธอตลอดเวลา..มา ชั้นจะสวมให้ อย่าปฏิเสธความหวังดีของชั้น..ขอร้องล่ะ” พุฒิภัทรจัดการสวมสร้อยให้กรองแก้ว
กรองแก้วอึ้งๆ แล้วก็นั่งนิ่งให้พุฒิภัทรเอามือจับรวบผมไปไว้ด้านนึง พุฒิภัทรสวมสร้อยให้กรองแก้ว เขามองดูต้นคอ ไรผมของเธอแล้วเกิดความรู้สึกอยากสัมผัสแต่ก็ต้องหักห้ามใจ
“เสร็จแล้ว” พุฒิภัทรกลับมานั่งตรงข้ามตามเดิม “ไหนดูสิ”
กรองแก้วจับล็อกเก็ตของสร้อยมาตรงหน้าแล้วยืดตัวขึ้นเพื่อให้ดูถนัด
“งั้น..ถ้าเราหย่ากันเมื่อไหร่..แก้วจะคืนให้นะคะ”
พุฒิภัทรมองหน้ากรองแก้วด้วยแววตาตัดพ้อแต่ไม่พูดอะไร กรองแก้วมองแววตานั้นอย่างงงๆ แต่ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองมากไป เธอก้มหน้าลงกินไอศรีมต่อ

พุฒิภัทรจอดรถหน้าวัง กรองแก้วมองแล้วก็อึ้ง
“ที่นี่..ที่ไหนคะ”
“วังจุฑาเทพ..เธอ..จะต้องพบกับ..คนที่ต่อต้านเธอที่สุด แต่เป็นคนที่จะคุ้มครองเธอได้ดีที่สุด”
“คุณชายหมายถึง...”
ทั้งสองมองหน้ากัน กรองแก้วช็อค

พุฒิภัทรพยักหน้าสำทับเพื่อตอกย้ำอย่างแน่วแน่

หม่อมเอียดมองอย่างช็อคๆ ย่าอ่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ ยกมือขึ้นทาบอก สมศรีที่แอบดูอยู่ทั้งทึ่งทั้งสนใจ

กรองแก้วกับพุฒิภัทรนั่งอยู่ที่พื้น ทั้งสองกราบย่าทั้งสองคนคนละทีแล้วเงยขึ้นมองที่ย่าทั้งสอง
หม่อมเอียดมองกรองแก้วทั่วตัว “นี่หรือ..คือ..นางสาวสยาม..ทำไม แต่งเนื้อแต่งตัว..แบบนี้”
“กรองแก้ว..บุญมี..นางสาวศรีสยาม ที่คุณย่าอ่อนไปพบที่หัวหิน ที่ต้องอยู่ในสภาพแบบนี้..เพราะเขากำลังหลบหนีภัยจากผู้ใหญ่..คนที่หม่อมย่าและคุณย่าทราบดีว่าใครนั่นแหละครับ” พุฒิภัทรบอก
“แล้วหลานพาหล่อนมาที่นี่เพื่อ” ย่าอ่อนถาม
“เพื่อ..มาพึ่งบารมีของหม่อมย่า..ที่จะคุ้มภัยแก้วได้จริงไงครับ”
หม่อมเอียดตกใจ “อะไรนะ”
“เรื่องที่อาจจะเคยมีคนเอามาเรียนให้หม่อมย่าทราบ..ว่าแก้วไม่ใช่คนดี เป็นอนุ หรือมาประกวดเพื่อเรียกราคาค่าตัวแพงๆ กับพวกเสี่ย หรือผู้มีอิทธิพลนั้น มันไม่เป็นความจริงน่ะสิครับ แก้วต้องหนีหัวซุกหัวซุนจากการฉุด การลักพาตัว การใช้เล่ห์เหลี่ยมและวิธีสกปรกหลายอย่าง ด้วยตัวคนเดียว หัวเดียวกระเทียมลีบจริงๆ”
“แล้วทำไมจะต้องหนี ในเมื่อหล่อนฐานะยากจน ไร้การศึกษา ไม่มีชาติตระกูล มีโอกาสที่จะมีคนเอาไปชุบเลี้ยงให้สุขสบาย หล่อนก็น่าจะดีใจสิ” ย่าอ่อนบอก
กรองแก้วสุดทน “ดิฉันจะดีใจได้อย่างไรเจ้าคะ ดิฉันเป็นคน มีศักดิ์ศรี มีความสามารถ มีความนับถือตัวเอง แม้จะไม่มีอะไรเลย อย่างที่ท่านว่า..แต่ดิฉันก็ขอขายแรงกาย แรงสมอง..แต่ไม่ขายตัวกินค่ะ”
หม่อมเอียดกระแอม “พูดได้ดีมาก..แต่ถ้าเธอเป็นคนดี รักนวลสงวนตัวจริง ทำไมเธอถึงกล้า..ก๋ากั่น ตามหลานชายของฉันไปค้างอ้างแรมตามที่นั่นที่นี่ล่ะ”
“คือ..” กรองแก้วอึกอัก
พุฒิภัทรรีบพูดตัด “คุณย่าอ่อนครับ หม่อมย่าครับ..ในพระมหานครที่กว้างใหญ่ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับหาใครคุ้มครองไม่ได้เลย ทุกคนต่างกลัวท่านพินิจกันหมด มีแต่ชายคนเดียว..ที่กล้าช่วยเธอ แล้วจะให้แก้วทำยังไงครับ”
“อ๋อ เพราะหล่อนไม่มีที่ไป ก็เลยจำยอมจำใจให้หลานพาเข้าวังว่างั้น” ย่าอ่อนสรุป
“ถ้าให้พักที่หัวหินก็ไม่ดี พามาที่นี่ก็ไม่ได้ แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะครับ คุณย่าอ่อน ให้พาไปหาบ้านหลังเล็กๆในที่ลับให้อยู่ หรือพาไปเปิดห้องที่โฮเต็ล..ถึงจะสมควรหรือครับ”
“ชายภัทร..หลาน..อะไรทำให้หลานกลายเป็นเด็กหัวแข็ง ทำอะไรออกนอกลู่นอกทางแบบนี้ หา”
“ชายยังอยู่ในลู่ในทาง..ในกรอบประเพณีเสมอ ที่ชายพาแก้วมาในวันนี้ ก็เพื่อมาฝากเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ให้หม่อมย่าอบรมสั่งสอน ในฐานะผู้หนีร้อนมาพึ่งเย็น ก็เท่านั้น ชายไม่ได้พาเขาไปอยู่ที่ตึกของชายซักหน่อย และเขาก็จะได้อยู่ในสายตาของหม่อมย่าตลอดเวลา หม่อมย่าจะได้เห็นเองไงครับ ว่าเขาเป็นคนยังไง แล้วถ้าเขาทำอะไรไม่ถูกใจ หม่อมย่าก็ดุว่าได้ตามใจชอบ โดยแก้วเขาก็จะยินดีน้อมรับ..และพร้อมรับใช้หม่อมย่าทุกอย่าง แบบนี้ ไม่ดีหรอกหรือครับ”
สองย่าอึ้งแล้วมองหน้ากันเพราะพูดไม่ออก กรองแก้วสบตาพุฒิภัทรด้วยความกังวล พุฒิภัทรกำกับด้วยสายตาว่าให้เฉยๆ ไว้แล้วจะดีเอง

รัชชานนท์กับรณพีร์ยืนขึ้นปรบมือกราวราวกับต้อนรับนักแสดงที่ยิ่งใหญ่เมื่อพุฒิภัทรเดินเข้าห้องมา
“อะไรกันๆ”
ทั้งสองหนุ่มเลิกปรบมือแล้วเดินเข้ามายื่นมือมาให้พุฒิภัทรจับแบบฝรั่ง พุฒิภัทรหัวเราะแล้วเดินเข้ามาจับมือกับทั้งคู่
“เยี่ยมมาก พี่ชายเรา แมนจริงๆ” รัชชานนท์กล่าวชม
“ในที่สุด พี่ชายภัทรก็ประกาศอิสรภาพสำเร็จ” รณพีร์แซว
“เพราะความรักใช่ไหม ที่เปลี่ยนคนเย็นชาไร้ใจคนนึง ให้กลายเป็นคนที่กล้าทุ่มเทเพื่อหญิงสาวคนรักขนาดนี้”
“ชั้นทำเพื่อความถูกต้อง และคุณธรรมต่างหาก” พุฒิภัทรบอก
“โอ๊ย..พี่ชายภัทร จนป่านนี้แล้ว ไม่ต้องมาปากแข็งแล้ว เก๊กอยู่ได้” รณพีร์ว่า
“นั่นสิ พวกเราอุตส่าห์ร่วมหัวจมท้ายกะชายภัทรนะ ถ้าพวกเราไม่คิดว่าทำเพื่อความรักของพี่แล้ว เราคงไม่ยอมเสี่ยงขนาดนั้นหรอก”
“ตกลงๆ..พี่ต้องขอบใจมากจริงๆ ที่น้องๆช่วยพี่อย่างเต็มที่”
“แล้วแบบนี้ แปลว่าพวกเราจะแสดงความยินดีได้หรือยัง” รณพีร์ถาม
“ยินดีอะไร”
“ยินดี..ที่พี่มีพี่สะใภ้ให้พวกเราแล้วน่ะสิ”
“ช่าย..อยู่หัวหินกันมาตั้ง2-3คืน..ป่านนี้..คง”
พุฒิภัทรตอบทันที “ยัง”
“ยังอะไร”
“ก็ยังนั่นแหละ..พูดได้แค่นี้..แล้วก็หยุดคิดอะไรกันบ้าๆได้แล้ว เป็นสุภาพบุรุษกันหน่อย” พุฒิภัทรดุ
ทั้งสองสะดุ้งแล้วก็รีบปิดปากตัวเอง

เรื่องวันนี้กลายเป็นประเด็นร้อนในครัว แจ๋วกระซิบกระซาบ
“แบบนี้..มันก็แปลว่า..คุณชายภัทรคิดจะให้หม่อมท่านยอมรับยัยนางสาวศรีสยามเป็นสะใภ้คนต่อไป ของวังจุฑาเทพแล้วล่ะสิ”
“จะยอมรับได้ยังไง แล้วแบบนี้ จะเอาคุณมารตีไปไว้ตรงไหน” สมศรีว่า
“ก็เอาไว้ที่เดิม ที่วังเทวพรหมของเธอ” ถนอมบอก
“แล้วหม่อมท่านจะยอมรับเหรอ ท่านออกจะมีกฏเกณฑ์ระบบระเบียบขนบธรรมเนียมที่เข้มงวด” สมบุญกังวล
“แล้วพวกเราล่ะ ควรจะทำยังไง ควรยินดีต้อนรับ หรือว่าควรจะต่อต้านดี” แจ๋วถาม
“แต่ผู้หญิงบ้านนอก ไม่มีชาติตระกูล ถึงจะได้ตำแหน่งนางงาม ก็ไม่คู่ควรกับคุณชายของเราสักนิด คุณมารตีเธอยังเป็นหม่อมหลวง เป็นเป็นคู่หมายกันมา..คุณชายก็ควรจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ ไม่ใช่เหรอ”

สมศรีสรุป ทำเอาทุกคนอึ้งไปทั้งแถบ

ข้าวของของกรองแก้วในถุงกระดาษถูกนำมาวางรวมๆ กันที่โต๊ะ ย่าอ่อนเดินมามองแล้วทำหน้าดูถูก กรองแก้วยืนสงบอยู่ตรงนั้น

“อะไรกันเนี่ย..นี่เหรอ นางสาวศรีสยาม ใช้ถุงกระดาษพวกนี้ใส่เสื้อผ้า..แล้วข้าวของทั้งหมดของเธอ มีแค่นี้น่ะเหรอ” ย่าอ่อนถาม
“ยังมีบางส่วนอยู่ที่บ้านคุณเกษราค่ะ” กรองแก้วตอบ
“อะไรนะ บ้านเกษรา”
“ค่ะ ก่อนหน้านี้..คุณชาย..พาแก้วไปฝากไว้ให้ช่วยคุณเกษราทำขนมขาย แต่พอดี..แก้วโดนคนร้ายพาตัวไปจากงานเต้นรำ..คุณชายไปช่วยแก้วไว้ได้..ก็เลย”
“พอๆๆ ขี้เกียจจะฟังนิยายเรื่องเศร้าเคล้าน้ำตาของพวกเธอ โอ๊ย..ชายภัทรนะชายภัทร ทำอะไรพิลึกกึกกือ แสดงว่าเรื่องของเขากับเธอ..พวกเทวพรหมก็รู้กันหมดแล้วล่ะสิ นี่เขาคิดอะไรของเค้า เขาต้องการจะทำลายสัญญาของพวกจุฑาเทพ กับพวกเทวพรหม แล้วใช้เธอมาเป็นเครื่องมือน่ะเหรอ”
กรองแก้วงง “เครื่องมือ..?”
“ใช่สิ..เด็กผู้ชายพวกนี้ ทุกคนเลย ไม่เต็มใจจะแต่งงานกับพวกหม่อมหลวงสาวๆ จากวังเทวพรหมที่ผู้ใหญ่เขาหมายมั่นปั้นมือให้ได้แต่งงานกัน พวกพี่ๆเขาก็พากันหนีไปได้ภรรยากันหมดแล้ว ตอนนี้คิวมาตกที่ชายภัทร แล้วทั้งๆที่ชายภัทรกะมารตีก็รักกันนะ แต่ไม่อยากทำตัวเชื่องๆตามผู้ใหญ่ อยากทำตัวกบฏ ก็เลยไปหาใครก็ได้ มาอ้าง.. พอดี เธอซมซานเข้ามาได้จังหวะ เขาก็เลยใช้เธอมาบังหน้า..เธออย่านึกเข้าข้างตัวเองไปหน่อยเลย ว่าคุณชายผู้สูงส่ง จะไปรักผู้หญิงอย่างเธอลงคอจริงๆน่ะ ชายภัทรเขาเป็นคนถือตัวจะตายไป”
กรองแก้วอึ้ง
สมศรีกับแจ๋วเดินเข้ามาแล้วพากันย่อตัวลงคุกเข่า
“คุณอ่อน..ให้หา หรือคะ” สมศรีถาม
“อ้อ สมศรี แจ๋ว..ไปหาห้องให้แม่นางสาวศรีสยามเขาอยู่หน่อย เอาให้สมเกียรติเลยนะ” ย่าอ่อนสั่ง
“อ๋อ มีห้องว่างอยู่ที่เรือนคนใช้..ห้องเก่าของป้าจาด..คนรีดผ้าไงคะ” สมศรีบอก
“ดี..เอาห้องนังจาดนั่นแหละ” ย่าอ่อนเห็นด้วย
“แต่..เขาว่า..ป้าจาดแกชอบมาดึงคนลงจากเตียงตอนดึกๆนะคะ บางที ก็มาเป็นกลิ่นธูปบ้าง..อะไรบ้าง”
กรองแก้วตกใจ “หา..หมายความว่า”
หม่อมเอียดเดินมา
“ว่ายังไง..แม่อ่อน จัดการที่ทางห้องหับของแก้วเสร็จหรือยัง ดึกแล้วนะ”
“เรียบร้อยค่ะ มาสิ เธอ..ถือของตามชั้นลงจากตึกซะที” สมศรีบอก
“อะไรนะ..สมศรี ทำไมพูดกับแก้วเขาอย่างนั้น แก้วเขาเป็นแขกของฉัน เป็นคนของคุณชายพุฒิภัทร พวกแกต้องให้เกียรติเขาตามสมควรสิ เขาเป็นถึงนางสาวศรีสยามนะ แล้วนี่จะลงไปจากตึกทำไม แม่อ่อน จะให้แก้วไปนอนไหน” หม่อมเอียดถาม
“ก็ ห้องที่เรือนคนใช้” ย่าอ่อนตอบ
“ว้าย..ล้อกันเล่นหรือเปล่า จะให้แก้วนอนเรือนคนใช้ได้ยังไง ให้เขานอนห้องเหลือง ห้องรับรองแขกห้องเล็ก ข้างๆห้องของเธอนั่นแหละ แม่อ่อน”
“คุณพี่..”
“แขกของชายภัทร ก็คือแขกของฉัน เขาฝากฉันแล้ว และฉันก็รับปากแล้ว แม่แก้ว หล่อนไม่ต้องกลัว ถ้าฉันรับปากให้เธออยู่ด้วย ฉันก็ต้องคุ้มครองเธอให้สมกับที่ชายภัทรไว้วางใจ” หม่อมเอียดหันมาทางคนใช้ “แจ๋วแน่ะ ดูแลรับใช้คุณแก้วด้วย เขาเป็นนางงามคนสวยของประเทศ รับใช้เขาดีๆ เผื่อเขาจะพาแกไปออกงานออกการในภายหน้า แกจะได้พลอยเป็นคนดังไปด้วยไง ดีไหม”
กรองแก้วทำหน้าดีใจและศรัทธาในตัวหม่อมเอียดขึ้นมา
หม่อมเอียดเดินมาดูถุงข้าวของของกรองแก้ว “ขอโทษนะ ขอดูหน่อย” หม่อมเอียดเปิดๆดู แล้วทำหน้าสมเพช “มีข้าวของแค่นี้เองหรือเธอ” หม่อมเอียดถอนใจแล้วส่ายหัว “สมศรี..ไปดูเสื้อผ้าสมัยสาวๆของฉันที หาเสื้อผ้า ชุดลำลอง ชุดอยู่บ้าน ชุดนงชุดนอนที่ดีๆเอามาให้แก้วเขาใช้ด้วย”
ย่าอ่อนแอบหมั่นไส้และรู้สึกเสียหน้า สมศรีหน้าซีดและหลบตา แจ๋วชักเปลี่ยนท่าทีมาทำหน้าแป้นใส่กรองแก้ว แต่พอย่าอ่อนมองมาเธอก็รีบก้มหน้าสงบเสงี่ยม

ตกกลางดึก กรองแก้วในชุดนอนกระโปรงขาวผ้าป่านตัวยาวหลวมติดลูกไม้ตามขอบๆ แบบชุดนอนฝรั่งโบราณซึ่งเป็นชุดเก่าของหม่อมเอียดกำลังแปรงผมหน้ากระจกสลักแบบเก่าในห้องที่ตกแต่งแบบเก่า เธอมองเงาตัวเองลอยๆ เพราะไม่อยากจะเชื่อ เสียงเปียโนหวานดังแว่วมา
พุฒิภัทรนั่งเล่นเปียโนอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยหน้าตาอิ่มเอม มีความสุข แล้วเขาก็อดหันไปมองทางทิศของตึกหม่อมย่าที่กรองแก้วอยู่ไม่ได้
กรองแก้ววางแปรงลงแล้วเดินมาที่หน้าต่างก่อนจะมองไปทางตึกที่พุฒิภัทรอยู่
กรองแก้วเห็นตึกที่พุฒิภัทรอยู่ เธอมองหาที่มาของเสียงดนตรี กรองแก้วมองไปที่หน้าต่างห้องที่มีเปียโน พุฒิภัทรกำลังเล่นเปียโนเพลงหวานพร้อมกับหน้าหันมองไปทางตึกหม่อมย่าด้วยแววตาอ่อนโยน เหมือนกับจะส่งเสียงดนตรีนี้ไปให้กรองแก้ว
กรองแก้วอ่อนโยนลง เธอจับสร้อยที่คอซึ่งมีรูปมังกรล้อมหีบทอง กรองแก้วเดินไปนั่งที่เตียง มือจับที่สร้อยนั้นแต่แววตาหวานปนเศร้า เธอนอนลงด้วยตาลอยเศร้าเหมือนไม่รู้อนาคต

พุฒิภัทรเล่นเปียโนอย่างเต็มฝีมือ

มารตีในชุดสีสดนั่งติดขนตาปลอมอย่างบรรจงอยู่ที่หน้ากระจก วิไลรัมภาเดินมามองข้างหลัง

“ที่จริง..แต่งตัวให้น้อยลงนิด..แล้วทำตัวให้อ่อนหวาน สมเป็นนางพยาบาลที่ดี ประดุจฟลอเรนซ์ ไนติงเกล ที่ถือตะเกียงไปคอยดูแลคนไข้ในยามค่ำคืน..พี่มารตีก็อาจจะพิชิตใจพี่ชายภัทรได้ไปนานแล้ว” วิไลรัมภาบอก
มารตีกระแทกเครื่องสำอางในมือดังปังก่อนจะลุกขึ้นแล้วหันมา “นี่..วิไลรัมภา แกจะเป็นอีกคนใช่ไหม ที่ซ้ำเติมชั้น พี่เกษราก็เห็นคนอื่นดีกว่าชั้นไปคนนึงแล้ว ชั้นนี่มันดวงตกสุดขีดเลยใช่ไหม เหมือนมีตัวคนเดียวในโลก อย่าว่าแต่ผู้ชายที่ไม่รัก พี่น้องตัวเองก็ยังมารุมเกลียดรุมอิจฉาริษยา”
“น้องพูดจริงนะคะ พี่มารตี..น้องแนะนำในสิ่งที่ถูกต้องให้พี่มาตลอด แต่พี่ก็ไม่เคยเชื่อ”
“ให้ชั้นทำความดีเพื่อเอาชนะผู้หญิงประเภทเงินมา-ผ้าหลุด..อย่างนังแก้วน่ะเหรอ ใครบอกแก ว่าพี่ชายภัทรเสร็จมัน เพราะมันมีคุณงามความดีอะไรตรงไหน แต่พี่ชายภัทรหลงมัน เพราะขาอ่อนกับโนมเนื้อที่มันปิดโชว์ตังหากล่ะ”
“ก็เพราะมันทำแบบนั้นไงคะ พี่มารตีถึงสมควรจะทำความดี ความเมตตาที่เหนือกว่าเข้าไปหักล้าง.. ไม่ใช่จะเปิดผ้า หรือเสริมสวยแข่งกะเค้า เค้าเป็นนางงาม เรามันคนธรรมดา จะไปประกวดความงามทางร่างกายแข่งกะเค้า เราก็แพ้ เราต้องแข่งที่จิตใจค่ะ”
“อีบ้า หยุดเพ้อพล่ามได้แล้ว จะไปไหนก็ไปไป๊ รำคาญ”
เทวพันธุ์เดินเข้ามา
“วิไลรัมภา มากวนประสาทพี่เขาทำไม พี่เค้ายิ่งทุกข์ใจอยู่ด้วย”
วิไลรัมภาเงียบไป
เทวพันธ์ุเดินเข้ามาโอบปลอบมารตี “มารตี..ลูกไม่ต้องกลัว พ่อจะทำให้คุณชายพุฒิภัทรต้องรับผิดชอบทุกอย่างให้ได้ ไอ้พวกเด็กบ้าวังจุฑาเทพอย่าหวังว่าจะมาฉีกสัญญาเกียรติยศที่พวกมันต้องรักษาไว้ยิ่งชีพ..ไม่งั้น..พ่อเอามันตายแน่”

เครื่องแก้ววางอยู่เต็มโต๊ะอาหาร ทั้งชาม อ่าง แจกัน ถ้วย แก้ว แสงจากชันดาเลียร์กระทบระยิบระยับแวววาว กรองแก้วยืนมองอย่างตะลึงพรึงเพริด หม่อมเอียดยิ้มเย็น
“นี่คือผ้าลินินแห้ง ..เธอเอาผ้านี้เช็ดฝุ่นเครื่องแก้วนี้ทั้งหมด แล้วก็จัดเข้าไปเก็บตามเดิมในตู้ ใช้วิจารณญาณเอาเอง..ว่าตอนเก็บ จะวางอะไรไว้ตรงไหน เข้าใจนะ” หม่อมเอียดบอก
กรองแก้วอึ้ง “เข้าใจค่ะ”
“มาค่ะ..อิฉันจะช่วย” แจ่มบอก
“ไม่ต้อง” หม่อมเอียดรีบพูด “ให้คุณกรองแก้วทำคนเดียว ชายภัทรฝากให้ฉันสั่งสอนอบรมเขาได้ตามใจ เข้าใจไหม คนอื่นไม่ต้องมามุง ใครมีงานอะไรก็ไปทำ”
ย่าอ่อนมาแอบดูอย่างไม่ชอบใจ หม่อมเอียดเดินออกมา ย่าอ่อนรีบดึงตัวมากระซิบ
“คุณพี่คะ ทำไมไปไว้ใจให้มันมาทำงานละเอียดอ่อนกับของเก่ามีราคาล้ำค่าอย่างนั้น คนมือห่างตีนห่าง รักสวยรักงามไปวันๆ ไม่มีสมอง ไม่มีรากเหง้า เกิดมาไม่เคยเห็นของดีๆ ไม่เคยหยิบจับงานประณีต เดี๋ยวมันก็ทุบแตกหมดพอดี” ย่าอ่อนว่า
“ก็ดีสิ” หม่อมเอียดบอก
“คุณพี่!”
“ฝูงชนกำเนิดคล้าย คลึงกัน
ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ แผกบ้าง
ความรู้อาจเรียนทันกันหมด
ยกแต่ชั่วดี กระด้างอ่อนแก้ ฤาไหว
โคลงพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้ารัชกาลที่5 เธอเข้าใจไหม ว่าหมายความว่าอะไร” หม่อมเอียดถาม
“เอ่อ..”
“คนเรามันเกิดมาก็เหมือนๆกันนั่นแหละ รูปร่างหน้าตาผิวพรรณก็อาจจะผิดแผกกันไป
บ้าง เรื่องความรู้การศึกษา ก็อาจจะเรียนได้เท่าเทียมกันหมด ยกเว้น..แต่เรื่องความดี-ชั่ว ความหยาบกระด้าง-หรือละเอียดอ่อน..ที่มันอยู่ในกมลสันดานลึกๆของแต่ละบุคคล ที่แก้ไขไม่ได้ ใครเป็นยังไง ก็มักจะเป็นเช่นนั้นร่ำไป..คราวนี้เราก็จะได้รู้กัน ว่าแม่แก้วคนนี้ เป็นแก้วหน้าม้า หรือแก้วมณีล้ำค่า ที่เหมาะกับชายภัทรของเราหรือไม่” หม่อมเอียดบอก
“คุณพี่หม่อมของน้องคะ..คุณพี่จะลงทุนพิสูจน์ด้วยของแพงเกินไปหน่อยหรือเปล่า”
“แก้วแตกก็ซื้อใหม่ได้ แต่เลือกคนผิด เลือกใหม่..ยากกว่า..จะเสียดายอะไรกับวัตถุ..ถ้ามันจะทำให้เราได้เห็นลักษณะในบางด้าน..ของคน”

ย่าอ่อนอึ้งนิ่งงันไป

อ่านต่อหน้า 4

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 8 (ต่อ)

ขณะที่หม่อมเอียดกำลังตัดแต่งไม้ดอกราคาแพงอย่างกล้วยไม้หายากอยู่ ย่าอ่อนเดินตามมาด้วยหน้าตาอยากรู้อยากเห็น

“คุณพี่ขา ที่จริงแล้ว ทั้งหมดมันเป็นแผนใช่ไหมคะ”
“อะไร”
“คุณพี่นี่ฉลาดที่สุด แทนที่จะทำตัวร้ายกาจให้คุณหลานชายตกใจ พาผู้หญิงหนีไปสร้างรังรักลับหูลับตาเรา คุณพี่กลับรับนางสะใภ้เถื่อนมาอยู่ใต้สายตา แล้วก็แกล้งเชือดมันด้วยมือตัวเองแบบแยบยลมากๆ”
“แม่อ่อน นี่เธอฟังละครวิทยุคณะแก้วฟ้ามากเกินไปแล้วนะ พูดจา”
“ก็จริงนี่คะ แบบนี้ถ้ามันแสดงนิสัยต่ำๆออกมาให้จับได้ เราก็จะได้มีเหตุผลที่จะเทียบมันกะหนูมารตี แล้วก็เฉดหัวมันไปได้อย่างชอบธรรมที่สุด ฮะๆ”
ทันใดย่าอ่อนต้องหัวเราะค้างแล้วก็ชะงัก หม่อมเอียดหันไปมองแล้วก็อึ้งเมื่อเห็นเทวพันธ์เดินเข้ามา ไหว้ ทั้งสองรับไหว้ด้วยความอึดอัดใจ
“หม่อมป้า”
“คุณชาย”
“คุณชาย..มาธุระแถวนี้หรือคะ” ย่าอ่อนถาม
“มากราบเยี่ยมคุณพี่นั่นแหละครับ แต่..วันนี้ไม่มีขนมมาฝาก..เพราะ..รู้สึกไม่สบายใจเอามากๆ”
“อากาศร้อนๆ คุณชายก็อย่าร้อนตามอากาศดีไหม เชิญนั่งก่อน ตรงนี้ลมเย็นหน่อย” หม่อมเอียดบอก
“ผมคงจะเย็นไม่ไหวหรอกขอรับ หม่อมป้า..เวลานี้มันอับอายชาวบ้านชาวช่องไปทั่วพระนครแล้ว เพราะพ่อพุฒิภัทรหลานรัก ได้กระทำความประพฤติที่ฉาวโฉ่ เหลวแหลกเต็มที หากหม่อมป้าไม่สามารถกำกับดูแลหลานชายได้..แล้วต่อไป มันจะเกิดอะไรที่บัดสีบัดเถลิงในสังคมอีกเพราะฝีมือเด็กๆจุฑาเทพไหมครับ โธ่..เสียชื่อเสียงเกียรติยศของวงศ์ตระกูลของเราทั้งคู่จริงๆเลย” เทวพันธุ์ใส่เป็นชุด
หม่อมเอียดอึ้ง ย่าอ่อนมองอย่างซีดๆ

กรองแก้วกำลังก้มหน้าก้มตาเช็ดเครื่องแก้วซึ่งเธอเช็ดไปได้เยอะแล้ว
สมศรี แจ๋วและนางเล็กๆ อีก2คนแอบลุ้นอยู่ที่มุมนึง
สมศรีเม้า “เจ้าหล่อนท่าทางคล่องตัวอยู่นา”
“นั่นสิ มือเบา ประณีต แต่ไม่เชื่องช้าซะด้วย” แจ๋วบอก
“แป๊บเดียว ทำไปได้กว่าครึ่งแล้ว”
“จะมีแตกซักใบสองใบไหม”
ทันใดนั้นมารตีในชุดสีสดก็เดินขึ้นมาแล้วมองภาพข้างหน้าอย่างตกตะลึง กรองแก้วรู้สึกแปลกๆ จึงเงยหน้าขึ้นพอเห็นมารตีเธอก็ชะงัก
“นังแก้ว..แก..แกมาทำอะไรที่นี่” มารตีถาม
กรองแก้วตั้งสติได้ก็ยกมือไหว้ “คุณมารตี..สวัสดีค่ะ”
“ไม่ต้องมาไหว้ชั้น อีหน้าด้าน ใครพาแกมาที่นี่..พี่ชายภัทรเหรอ มันหมายความว่ายังไง”
“คุณมารตีคะ แก้วแค่มาขออาศัยเพื่อหลบจากปัญหาบางอย่าง เมื่อไหร่ปัญหาคลี่คลาย แก้วก็จะไป แก้วไม่”
“อีดัดจริต โกหกหน้าด้านๆ หน้าอย่างแก จะมีปัญหาอะไร นอกจากออเซาะสร้างเรื่องมาหลอกคุณชายให้หลงรัก คิดจะจับผัวผู้ดีมีทรัพย์มาเป็นที่พึ่ง หวังเปลี่ยนฐานะน่ะสิ อย่าหวังเลย” มารตีคว้าชามแก้วใบหนึ่งมาเขวี้ยงใส่กรองแก้ว
กรองแก้วตกใจจึงถอยหลบ ชามแก้วใบนั้นกระทบผนังแล้วตกลงมาแตกดังเพล้ง พวกบ่าวทุกคนตกใจ หม่อมเอียด ย่าอ่อน และเทวพันธุ์เดินเข้ามาพอดี
“ว้าย..แก้วแตก” ย่าอ่อนตกใจ
กรองแก้วยืนเซ่อ
“อ้าว เกิดอะไรขึ้น ตายแล้ว นี่เธอทำชามนี้แตกหรือ แก้ว เธอรู้ไหม ว่านี่แก้วมาจากฮังการีนะจ๊ะ” หม่อมเอียดบอก
“หม่อมย่าขา ยัยนี่มันเลวมาก หยาบคายที่สุด พอหลานถามว่ามันคิดแผนโกหกต่างๆนานามาเพื่อแย่งพี่ชายภัทรไปจากหลานใช่ไหม มันโกรธหลานถึงกับทุ่มชามแก้วนี่เลยล่ะค่ะ” มารตีใส่ไฟ
พวกบ่าวหันมองหน้ามารตีขวับแล้วหันมาสบตากันเพราะทึ่งในความหน้าด้านของมารตี
กรองแก้วงง “อะไรนะ..คุณมารตีคะ..ทำไม”
“เงียบนะ นังตัวดี” มารตีว่า
“ใจเย็นๆ มารตีลูกพ่อ เราเป็นเพชร อย่าไปลู่กับกระเบื้องเลยลูก..มันจะเสียราศี” เทวพันธุ์มองกรองแก้วหัวจรดเท้า “นี่เหรอ..นางงามที่ชายภัทรกำลังติดอยู่ หม่อมป้าให้เข้าวังมาได้ยังไงกันครับ คนต่ำๆมันก็แบบนี้ ชอบทำอะไรต่ำๆ นี่ถึงกับทำลายข้าวของเชียวเหรอเธอ”
“เดี๋ยวก่อนนะคะ ทุกๆท่าน แต่แก้วไม่ได้เป็นคนทำลายอะไรเลยนะคะ”
“อุ๊ยตาย คนดีชอบแก้ไข คนอะไรจ๊ะ ที่ชอบแก้ตัว” ย่าอ่อนว่า
กรองแก้วหันมาหาพวกบ่าว “ทุกคนก็เห็น จริงไหม แก้วไม่ได้ทำ”
“จริงเหรอ พวกแกเห็นเหรอ” หม่อมเอียดถาม
พวกบ่าวอึ้งแล้วมองหน้ากันไปมาว่าจะเอายังไงดี
หม่อมเอียดถามย้ำ “ฉันถาม..ทำไมไม่ตอบ พวกแกเห็นหรือเปล่า”
“เห็นเจ้าค่ะ” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียว
“แก้วทำชามนี่แตกเหรอ” หม่อมเอียดถาม
ทุกคนมองหน้ากันแล้วส่ายหน้า
“อ้าว..เลยเป็นใบ้กันหมดเลย ไม่ใช่แก้วเหรอ งั้นแล้วใครล่ะที่ทำชามแตก บอกมา”
ทุกคนมองหน้ากันว่าจะเอายังไงดี แล้วทั้งหมดก็หันไปมองมารตีเป็นตาเดียว
“แล้วกัน ทำไมไม่พูดออกมาล่ะ พูดความจริงสิ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย บอกมา ใครทำชามแตก” เทวพันธุ์บอก
ทุกคนตอบออกมา “คุณมารตีเจ้าค่ะ”
พวกผู้ดีถึงกับอึ้ง
มารตีผงะและทำตัวไม่ถูก “อ๊าย..ไม่จริงนะ ไม่จริ๊ง..อีพวกนี้ โดนนังแก้วมันติดสินบนหมดแล้ว มารตีไม่ยอม” มารตีปิดหน้าร้องไห้แล้ววิ่งออกไปทันที

ทุกคนอึ้ง กรองแก้วมองหน้าพวกบ่าวด้วยสีหน้าขอบคุณ

ด้านพุฒิภัทรกำลังเดินอย่างเร่งรีบจะไปห้องผ่าตัด เขาเปิดชาร์ตประวัติของคนไข้ดูไปด้วยขณะที่เดินไปแล้วส่งคืนให้พยาบาลที่เดินตามมา

“ฝากบอกอาจารย์ยศวินให้เข้าผ่าตัดด้วยนะครับ กรณีนี้ผมต้องการผู้ช่วย แล้วผมจะรีบตามไป ขอบคุณครับ”
พยาบาลรับชาร์ตคืนแล้วรีบเดินล่วงหน้าไปก่อน มารตีในชุดสีสดเดินตามหลังพุฒิภัทรเข้ามาแล้วพูดเสียงดัง
“พี่ทำกับมารตีเกินไปแล้วนะคะ..คุณชายพุฒิภัทร”
พุฒิภัทรชะงักแล้วถอนใจยาว มารตีขยับมาขวางแบบจงใจไม่ให้ไป
“พี่ต้องไปผ่าตัด” พุฒิภัทรบอก
มารตีมองหน้าพุฒิภัทรแล้วก็น็อตหลุดจึงพุ่งเข้าไปทุบตีพุฒิภัทร
“มารตีจะไม่ทนอีกแล้ว มารตีจะไม่ทน!”
“มารตี..พอๆๆ” พุฒิภัทรจับแขนทั้งสองข้างของมารตีแล้วผลักออก “ที่นี่โรงพยาบาลนะ ให้เกียรติสถานที่บ้าง”
มารตีเจ็บช้ำ “มารตียังเหลือเกียรติอะไรอีกคะ พี่ชายภัทรย่ำยีจนไม่เหลืออะไรอีกแล้ว”
“ไม่มีใครย่ำยีเกียรติของเธอ นอกจากตัวเธอเอง”
“พี่ชายพาผู้หญิงอื่นเข้าไปมั่วสวาทในวัง..แล้วพี่ชายยังจะบอกว่าเป็นความผิดมารตีเองอีกงั้นเหรอคะ..ทุเรศ!”
“ระวังคำพูดหน่อยนะ เพราะพูดอะไรออกมา เธอก็จะเป็นอย่างนั้น”
“แล้วคนที่ไม่พูด แต่ทำ เป็นคนยังไงคะ”
“พี่ทำอะไร..พี่มั่นใจว่าพี่ไม่เคยทำอะไรที่เป็นการแสดงออกเลย ว่าพี่รักและอยากแต่งงานกับน้อง ทั้งหมดน้องกับหม่อมย่าคิดกันไปเองทั้งนั้น”
“ไม่จริง ใครๆเขาก็รู้กันทั่วว่าเราสองคนเป็นคู่หมั้นกัน”
“พี่รักและห่วงมารตี เหมือนน้องสาวของพี่คนนึง ไม่มีอะไรมากกว่านั้น..มารตี น้องควรจะได้เจอใครที่รักน้องจริงๆ อย่าเสียเวลากับพี่อีกเลย เพราะพี่คงไม่สามารถรักน้องแบบที่น้องต้องการได้ เพราะ เพราะพี่รักคุณแก้ว อยากจะใช้ชีวิตอยู่กับคุณแก้ว”
“อ๊าย เพราะมัน นังผู้หญิงยั่วเมือง ไปกกกับมันมาไม่กี่คืน พี่ชายก็คิดเอาเองว่ารักมัน..นั่นไม่ใช่ความรัก มันเป็นแค่ความใคร่”
“มารตี”
มารตีสวน “ไม่ต้องมาเอ็ดมารตี!..มารตีทำตัวไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่เคยทำตัวสกปรกเหมือนพี่ชายภัทร..พี่ชายภัทรไม่รักษาสัจจะ พี่ชายภัทรอยากให้เราสองสกุลหมางใจกันตลอดไป”
“ถ้าอย่างนั้น พี่คิดว่า เราก็คงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก”
พุฒิภัทรเดินผ่านไป มารตีจ้องตามด้วยความแค้นสุดๆ
“นังกรองแก้ว มันเป็นผู้หญิงชั้นต่ำ เป็นกาลกิณี พี่ชายภัทรไปเกลือกกลั้วกับมัน ชีวิตพี่ก็จะมีแต่ความอัปยศ ตกต่ำ และไม่มีวันได้อยู่อย่างเป็นสุขแน่”
พุฒิภัทรเดินออกไป มารตีแค้น

พุฒิภัทรเข้ามาในห้องพักส่วนตัวแล้วก็พบว่ายศวินรออยู่
“อ้าว ยศวิน”
ยศวินทำหน้าบึ้งไม่ยิ้มแย้ม
“คุณชาย” ยศวินลุกขึ้นคาดคั้น “ที่คุณชายลาพักร้อน..ก็เพราะ..คุณชายไปหัวหินกับคุณกรองแก้ว ใช่มั้ยครับ”
พุฒิภัทรเหนื่อยใจ “มารตีบอกหรือ”
“ตอบผมมาสิครับ”
“ผมมีเหตุผลที่ต้องทำอย่างนั้น”
“เหตุผลอะไร..เพราะคุณชายรักคุณกรองแก้วใช่มั้ยครับ”
พุฒิภัทรนิ่งไปแล้วตัดสินใจพูด “ใช่..ผมรักคุณแก้ว”
ยศวินอึ้ง “ทำไม..ทำไมคุณชายทำอย่างนี้..คุณชายก็น่าจะทราบว่าผมคิดยังไงกับคุณกรองแก้ว แล้วคุณชายก็ยังจะ นี่ คุณชายยังเห็นผมเป็นเพื่อนอยู่หรือเปล่า”
“ยศวิน..แล้วคุณล่ะ คุณก็น่าจะทราบเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ว่าผมคิดยังไง”
“ผมไม่ทราบ ผมจะไปทราบได้ไง ผมนึกว่าคุณชายรักใครไม่เป็นด้วยซ้ำ”
“อ้าว..”
ยศวินทรุดนั่งเครียดและกุมขมับ
“คุณชายทราบมั้ย ว่าผมอกหัก ผมเสียใจมาก” ยศวินบอก
“แล้วจะให้ผมทำยังไง” พุฒิภัทรถาม
“ผม..ผมไม่ทราบ”
เพียงพรวิ่งเข้ามาตามในห้อง
“คุณชายคะ อาจารย์ยศวิน..คนไข้พร้อมนานแล้วนะคะ”
ยศวินยังนั่งเครียด
“เก็บปัญหาของเราไว้ก่อนเถอะยศวิน..คนไข้รอเราอยู่” พุฒิภัทรบอก
พุฒิภัทรรีบไป เพียงพรงงแต่ก็รีบตามไปอีกคน ยศวินทั้งอึ้ง ทั้งเครียดและสับสน

เพียงพรเดินนำเข้าห้องผ่าตัด พุฒิภัทรกำลังจะตามเข้าไป แต่ยศวินมาขวางไว้
“ยศวิน”
“ถ้ายังมีอะไรค้างคาใจ ผมทำงานกับคุณชายไม่ได้..ตอบผมมาตามตรง..คุณชายรักคุณแก้ว แล้วคุณแก้วรักคุณชายด้วยหรือเปล่า”
“เราค่อยคุยกันหลังผ่าตัดไม่ได้เหรอยศวิน”
“ผมขอร้องล่ะ..ช่วยตอบหน่อย”
“ผมไม่ทราบ.. ความรู้สึกแก้ว คุณต้องไปถามแก้วเอาเอง” พุฒิภัทรจะเดินไป
พุฒิภัทรจะไป ยศวินดึงตัวไว้แล้วจับตัวพุฒิภัทรเพื่อพูดคาดคั้น
“ผมไม่กล้าถามหรอก..เรื่องแบบนี้ มันไม่ได้พูดกันง่ายๆ คุณชายต้องเป็นคนถาม”
เพียงพรเดินกลับออกมาตาม
“มีเรื่องอะไรกันคะ”
“แล้วเราค่อยมาคุยกันอีกที”
พูดจบพุฒิภัทรก็รีบเข้าห้องผ่าตัดไปก่อน ส่วนยศวินยังยืนนิ่ง
“คุณหมอคะ”
“ผม..ผมอกหัก” ยศวินพูดแล้วก้าวถอย
“คุณหมอยศวิน!!..คุณหมออกหัก แต่คนไข้..โดนกระสุนปืนเฉียดปอดไปนิดเดียว..ใครน่าเห็นใจกว่ากันคะ” เพียงพรถาม
ยศวินได้สติ “จริงด้วย ขอโทษ ขอโทษ โอเค ผมพร้อมแล้ว” ยศวินหันกลับแล้วเดินเข้าห้องผ่าตัดไป
เพียงพรส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจ

พวกคนรับใช้กำลังรวมตัวกันอยู่ในครัวเพื่อเตรียมทำอาหารเย็น อยู่ๆ ย่าอ่อนก็เดินลากแขนกรองแก้วเข้ามา

“อย่านึกนะ ว่าวันนี้เธอทำให้หลานสาวฉันแตกพ่ายไป..แล้วเธอจะเป็นผู้ชนะ” ย่าอ่อนว่า
“แก้วไม่ได้” กรองแก้วพยายามพูด
“อย่าเถียง เธอต้องพิสูจน์ให้คุณพี่เอียดเห็น..ว่าเธอเหนือกว่ามารตีจริงหรือเปล่า เชอะ” ย่าอ่อนหันมาเห็นคนครัว “ยายสาย อาหารเย็นวันนี้ มีอะไรบ้าง”
“เอ่อ มีแสร้งว่ากุ้ง หมี่กรอบ แกงรัญจวน แล้วก็พริกขิงเครื่องทอด ของโปรดของหม่อมเอียดกับคุณอ่อนทั้งนั้นเลยเจ้าค่ะ” สายตอบ
“ดี มีแต่อาหารยากๆทั้งนั้น พวกหล่อน ออกไปได้”
ย่าอ่อนไล่พวกคนรับใช้ให้ออกไป ทุกคนลุกเดินออกไปยืนมองห่างๆ อย่างงงๆ
ย่าอ่อนพูดกับกรองแก้ว “หล่อนบอกว่าหล่อนทำอาหารเป็นใช่ไหม”
“คุณย่าจะให้แก้วทำเหรอคะ” กรองแก้วถาม
“ชั้นก็อยากจะรู้ว่า..นอกจากสะบัดผ้าขึ้นเวทีโชว์แล้ว..หล่อนมีคุณสมบัติความเป็นกุลสตรีดีเด่อะไรบ้าง..หล่อนคงไม่รังเกียจหรอกนะ”
ย่าอ่อนสะบัดหน้าแล้วหันหลังกลับมายิ้มสะใจที่ได้กลั่นแกล้งกรองแก้วโดยลืมไปว่าพวกคนรับใช้อื่นๆยืนมองอยู่ พอได้สติย่าอ่อนก็รีบหุบยิ้มแล้วตีหน้าเครียดใส่
“อย่าให้รู้ว่าใครช่วยเชียวนะ”
ย่าอ่อนจะเดินไป แต่แล้วก็เปลี่ยนใจนั่งลง
“ชั้นว่าชั้นนั่งดูหล่อนทำดีกว่า..ลงมือสิ”
กรองแก้วยิ้มรับและเริ่มลงมือทำ พวกคนใช้ได้แต่มอง

กรองแก้วหั่นเครื่องปรุงต่างๆ ทั้งตะไคร้ ขิง หัวหอม มะกรูด ผักชี พริก ต้นหอม ฯลฯ ด้วยท่าทางคล่องแคล่ว พวกคนรับใช้ที่แอบมองกันอยู่คอยช่วยลุ้น
“หนูแก้วจับมีดเป็นอยู่นะ คงจะเคยเข้าครัวมาบ้าง” สายบอก
“จับมีดเป็น แต่จะรู้จักอาหารที่ต้องทำหรือเปล่าล่ะ อาหารชาววังทั้งนั้นเลยนะ” สมศรีว่า
ย่าอ่อนที่นั่งชูคอวางมาดทำเสียงปรามให้เงียบ
“ชู่ว์”
พวกคนใช้เงียบ
“หวังว่าจะไม่ท่าดีทีเหลวก็แล้วกัน..เมนูแรก..แสร้งว่ากุ้งใช่มั้ย หึๆ” ย่าอ่อนบอก
กรองแก้วพัดเตาไฟจนได้ที่แล้วหยิบกุ้งที่เตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว
ย่าอ่อนพึมพำ “ใช้ตะแกรงสิ”
กรองแก้วกลับโยนกุ้งลงไปในไฟถ่านเลย ย่าอ่อนตะลึง
“นี่ หล่อนรู้ด้วยเหรอ”
“แม่แก้วเคยสอนว่า อย่าย่างกุ้งบนตะแกรง เพราะเนื้อกุ้งจะแข็ง ทานไม่อร่อย..ให้โยนลงไปในไฟเลย แล้วค่อยเอามาฉีกค่ะ”
พวกคนใช้หายใจทั่วท้อง ย่าอ่อนเบ้ปากไปมา

กรองแก้วยกเส้นหมี่มาผึ่งไว้บนกระด้งก่อนจะเอาไปทอดจนเส้นเหลือง กรองแก้วเอาเครื่องปรุงของการทำหมี่กรอบ ทั้งน้ำตาลปี๊บ มันกุ้ง ส้มซ่า น้ำตาลทราย กุ้ง เต้าหู้ หมู ฯลฯ เทใส่ลงไปผัดรวมกัน ย่าอ่อนลุ้นแบบแอบเย้ย
กรองแก้วหยิบมะนาวมาฝานแล้วบีบใส่
“หมี่กรอบ จะต้องเปรี้ยวโด่ง หวานนำ และจะต้องผัดให้แห้ง ไม่แฉะ ถึงจะได้หมี่กรอบที่รสชาติดีที่สุด” กรองแก้วบอก
ย่าอ่อนเบ้ปากที่กรองแก้วทำเป็นอีกแล้ว
“อย่าบอกนะว่าแม่หล่อนสอนมาอีก”
“ใช่ค่ะคุณย่า”
ย่าอ่อนคอตั้ง หลังตรงและทำท่าเชิดใส่

กรองแก้วเคี่ยวหม้อต้มซุปรัญจวนอยู่
“ยาย..ดูสิ รู้ด้วยว่าซุปรัญจวนต้องเคี่ยวไฟอ่อนๆ” สมศรีบอก
“กลิ่นหอม ไม่เหม็นคาววัวเลยสักนิด เอ็งว่ามั้ย” สายชม
“ใช่ หอม” ย่าอ่อนยอมรับ
พวกคนใช้งงที่ย่าอ่อนเผลอตัวตอบ แล้วย่าอ่อนก็ได้สติ
ย่าอ่อนลุกยืนคอตั้งวางฟอร์ม “ชั้นจะไปรอทานที่โต๊ะอาหาร อย่าให้เกินเวลาล่ะ”
ย่าอ่อนเดินออกไป พวกคนใช้หัวเราะคิกคักเชียร์กรองแก้ว

กรองแก้วทำอาหารต่อด้วยท่าทางมีความสุข

อาหารเมนูต่างๆ ถูกจัดเรียงอย่างสวยงามอยู่บนโต๊ะอาหาร หม่อมเอียดกับย่าอ่อนทึ่งกับอาหารที่ดูดี น่ารับประทาน กรองแก้วยืนลุ้นอยู่ใกล้ๆ โดยมีพวกคนใช้ร่วมด้วย

“หล่อนแกะสลักผักพวกนี้เองด้วยเหรอ” หม่อมเอียดถาม
“ค่ะ คุณครูที่โรงเรียนสอนค่ะ เวลามีงานโรงเรียน คุณครูก็ชอบให้แก้วไปช่วยแกะสลักผักผลไม้ประจำค่ะ”
ย่าอ่อนหันขวับไปจ้องกรองแก้วแล้วพูด
“คุณพี่คะ..เห็นอาหารหน้าตาดูดี แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจไปค่ะ..เพราะพวกหน้าตาดี แต่เนื้อแท้เน่าเฟะก็มีเยอะแยะถมเถไป”
หม่อมเอียดตักอาหารมาชิม ย่าอ่อนตักชิมตาม กรองแก้วและพวกคนใช้ลุ้น หม่อมเอียดมีสีหน้าสงบ ในขณะที่ย่าอ่อนเบ้หน้าอย่างชัดเจนในทุกเมนูที่ชิม
“หึ รสชาติ..งั้นๆ” ย่าอ่อนว่า
หม่อมเอียดตักชิมทีละอย่าง ย่าอ่อนตักชิมตามทุกอย่าง
“งั้นๆ” ย่าอ่อนว่า
หม่อมเอียดตักอาหารชิมจนครบทุกอย่าง
ย่าอ่อนรีบพูดดักทันที “รสชาติดาษดื่น ทุกจาน ไม่ได้วิเศษวิโสอะไร กินแล้วก็เสียปาก..ใช่มั้ยคะคุณพี่”
“ปากเธอคงจะสูงมากเลยนะแม่อ่อน เพราะชั้นว่ามันอร่อยมาก” หม่อมเอียดยอมรับ
“คุณพี่” ย่าอ่อนเบาเสียง “จะไปชมเด็กมันทำไมล่ะคะ”
“ชั้นไม่ได้ชม แต่อาหารอร่อยก็ต้องบอกว่าอร่อย..เธอจะให้ชั้นโกหกเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างนี้ทำไมกัน”
“คุณพี่อ่ะ”
“ไปเรียนทำอาหารมาจากใคร” หม่อมเอียดถามกรองแก้ว
“จาก..จากแม่ค่ะ” กรองแก้วตอบ
“แม่หล่อน..สอนหมดทุกอย่างนี่เลยเหรอ”
“เปล่าค่ะ อย่างหมี่กรอบ แก้วเคยช่วยแม่ทำไปขายตามงานวัดบ่อยๆ..ส่วนเมนูอื่นๆ แก้วกับแม่ก็อาศัยครูพักลักจำเวลาไปเป็นลูกมือทำอาหารตามงานนั้นบ้างงานนี้บ้าง แล้วแต่จะมีคนจ้างค่ะ”
“ครูพักลักจำ..อ๋อ ก็ขโมยสูตรเขามานั่นแหละค่ะคุณพี่” ย่าอ่อนแทรก
“ถ้าแม่หล่อนมีฝีมือขนาดนี้ ทำไมไม่เปิดร้านอาหารให้เป็นเรื่องเป็นราว” หม่อมเอียดถาม
“แม่แก้ว..เสียไปนานแล้วค่ะ” กรองแก้วบอก
“อ้าว”
“แก้วอยู่กับพ่อสองคนค่ะ”
“แล้วทำตัวอย่างนี้ พ่อหล่อนไม่ว่าเหรอ” ย่าอ่อนถาม
“พ่อไม่ทราบค่ะ แก้วลาพ่อมาประกวดนางสาวศรีสยาม แล้วพ่อก็ล้มป่วย รอผ่าตัดเนื้องอกในสมอง แต่แก้วก็กลับไปดูแลพ่อไม่ได้ เพราะ..แก้วถูกท่าน”
“พอๆ ไม่ต้องพูดเรื่องนั้น ชั้นรู้จากชายภัทรแล้ว” หม่อมเห็นจานขนมจีบที่ปะปนมาอยู่บนโต๊ะอาหารด้วย “แล้วนี่อะไร..ขนมจีบ..ใครใช้ให้ทำ”
“พอดีแก้วเห็นว่ามีวัตถุดิบ เลยทำให้คุณย่าทาน เป็นขนมจีบสูตรคุณแม่ของแก้วเองนะคะ”
หม่อมเอียดจิ้มขนมจีบขึ้นชิมแล้วก็เอะใจ
“เสียปากมากๆใช่มั้ยล่ะคะคุณพี่” ย่าอ่อนถาม
“เธอลองชิมสิแม่อ่อน” หม่อมเอียดบอก
ย่าอ่อนจิ้มขึ้นมาชิมแล้วก็ต้องเอะใจเช่นกัน
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนมองหน้ากัน
“หล่อนทำเองจริงๆเหรอ”
“ค่ะ ตอนที่แก้วอยู่กับคุณเกษรา ขายดีมากๆเลยนะคะ” กรองแก้วบอก
หม่อมเอียดจ้องพวกคนใช้ ทุกคนพยักหน้า หม่อมเอียดกับย่าอ่อนฉงน

รัชชานนท์กับรณพีร์จิ้มขนมจีบกิน
“ใช่แน่นอนครับ ขนมจีบนี้รสชาติเดียวกันกับขนมจีบฝีมือหม่อมแม่หยก ที่ผมกับพี่ชายภัทรเคยกิน” รัชชานนท์บอก
“แล้วก็เป็นรสชาติเดียวกับที่คุณมารตีอ้างว่าทำเองด้วยครับ” รณพีร์ว่า
“หรือว่าแม่แก้วจะไปขโมยสูตรเขามาคะ” ย่าอ่อนท้วง
“คนที่น่าจะขโมย..ผมว่า..คุณมารตีมากกว่านะครับคุณย่า” รณพีร์ว่า
“หนูมารตีเป็นหม่อมหลวง ไม่ทำพฤติกรรมอะไรอย่างนั้นหรอก” ย่าอ่อนบอก
หม่อมเอียดเรียก “ถนอม..ถนอมอยู่ไหน”
สมศรีที่อยู่แถวนั้นรีบไปตามถนอมเข้ามา
“มีอะไรให้ผมรับใช้ครับคุณท่าน”
“เธอไปจัดการสืบประวัติแม่กรองแก้วให้ชั้นที..พ่อแม่เขาเป็นใคร ทำอะไร อยู่ที่ไหน เรื่องจริงเป็นยังไง ชั้นต้องการรู้ความจริงทุกอย่างเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงคนนี้ จะได้รู้ไปเลยว่าใครคือคนที่โกหก”
รัชชานนท์กับรณพีร์สบตากันอย่างทึ่งๆ
ถนอมรับคำ “ครับคุณท่าน”

หม่อมเอียดมีแววตาแข็งกร้าว เพราะต้องการรู้ให้ได้

ทางด้านยศวินเปลี่ยนเป็นชุดไปรเวทแล้ว ถือเอกสารเดินมาตามทางเพื่อจะกลับบ้าน ด้วยท่าทางอ่อนแรง ไม่รับไหว้พวกพยาบาลที่เดินสวนมา ไม่แม้แต่จะเหลียวมอง ยศวินเดินลงจากตึกไป

มารตีเดินพรวดออกมาจากอีกด้านของตึก ทั้งคู่เจอกันพอดีก็ชะงัก มารตีแผดเสียงใส่
“อาจารย์ยศวิน! เพราะคุณ…เพราะคุณคนเดียว”
“อะไรของคุณ” ยศวินงง
“คุณเป็นผู้ชายประสาอะไร คุณรักนังแก้ว แล้วทำไมถึงปล่อยให้นังแก้วมันมาคบกับพี่ชายภัทรได้... คุณมันไม่มีน้ำยา เสียเชิงชายที่สุด”
“นี่ คุณมารตี คุณชายไม่รักคุณแล้วมาพาลโทษคนอื่นได้ไง ทำไมไม่หัดดูตัวเองบ้าง ว่าทำอะไรที่สมควรจะถูกรักแล้วหรือยังไง..วันๆ เอาแต่ดูถูกคนนั้นคนนี้ ทำงานเช้าชามเย็นชาม ทำไมไม่ลาออกจากงานไปให้รู้แล้วรู้รอด” ยศวินสุดทน ด่าออกไป
“ชั้นก็รอให้เขาไล่ออกอยู่เนี่ย ไม่อยากจะทำนักหรอกนะ”
“กรรมเวรจริงๆ ลาออกแล้วจะไปทำอะไร จับคนรวยๆ มาแต่งงานเหรอ คนรวยเขาก็ไม่โง่นะครับ”
“นี่..คุณเป็นผู้ชายประสาอะไร พูดกับสุภาพสตรีแบบนี้ได้ไง” มารตีว่า
“หา..ไหนฮะ สุภาพสตรี..ไม่เห็นมีแถวนี้เลยครับ”
“อีตาบ้า”
ยศวินไม่แยแส เขาจะเดินขึ้นรถไป
มารตีตามมากระชากตัว “จะไปไหน..คุณหมอต้องไปแย่งแม่กรองแก้วคืนมาเดี๋ยวนี้”
“อย่ามายุ่งกับผม”
“คุณจะยอมแพ้พี่ชายภัทรเหรอ”
“คนเขาไม่รักเรา ก็ต้องยอมรับความจริง ไม่ใช่ตามราวีทำให้ตัวเองดูน่าสมเพชไม่จบไม่สิ้น..เหมือนคุณ”
“ชั้นไม่ยอมแพ้ ชั้นจะต้องชนะ” มารตีว่า
“งั้นก็เชิญตามสบาย” ยศวินบอก
ยศวินขึ้นรถ มารตีวิสาสะขึ้นรถของยศวินด้วย
“ขึ้นมาทำไม” ยศวินถาม
“ไปส่งชั้นที่วังจุฑาเทพ”
“ผมไม่ใช่รถรับจ้าง กรุณาลงจากรถผมไปด้วย”
“ไปส่งชั้นที่วังจุฑาเทพเดี๋ยวนี้” มารตีสั่ง
มารตีดื้อ ยศวินเซ็ง
“จะไม่ลงไปใช่มั้ย” ยศวินถาม

ยศวินขับรถไปตามทางที่ค่อนข้างเปลี่ยวและมืด มารตีมองเส้นทาง
“นี่ไม่ใช่ทางไปวังจุฑาเทพ คุณหมอจะพาชั้นไปไหน”
ยศวินไม่ตอบแต่ยังขับไปเรื่อยๆ
“ตอบชั้นมา” มารตีเขย่าตัวยศวิน “ตอบๆๆ”
“เฮ้ย อยากตายหรือไงคุณ”
“คุณคิดจะทำอะไรชั้น”
“ไม่ต้องกลัว ผมบอกแล้วไงว่าต่อให้ตาบอดผมก็ไม่เลือกคุณ..ผมจะไปในที่ๆผมอยากไป ส่วนคุณ อยากตามมาเองก็ดูแลตัวเอง”
“ไปส่งชั้นที่วังจุฑาเทพ”
“เงียบ!! หรืออยากจะให้ผมทิ้งคุณไว้แถวนี้”
ยศวินขับต่อไป

รถยศวินจอดที่หน้าไนต์คลับ เขาก้าวลงจากรถแล้วเดินเข้าไปด้านในทันทีโดยไม่ได้สนใจมารตีเลย จนมารตีต้องลงตามมา มองสภาพไนท์คลับ
“หมอยศวิน..พาชั้นมาที่นี่ทำไม”
“ผมจะมาพักผ่อนตามประสาคนแพ้..ส่วนคุณ..จะอยู่แพ้กับผมก็อยู่ หรืออยากจะไปชนะที่ไหนก็ไป” ยศวินเดินเข้าไปทันที
มารตีรู้สึกขัดใจๆ แต่แล้วก็มีท่าทีอ่อนลง

นักร้องประจำในไนท์คลับกำลังร้องเพลงหวานเศร้า “ฟ้าคลุ้มฝน” ยศวินนั่งดื่มอยู่ที่บาร์ มารตีที่มีท่าทีอ่อนลงเดินเข้ามานั่งข้างๆ
“ขอแบบเดียวกันที่นึง” มารตีสั่ง
ยศวินเหลือบมองนิดนึงแล้วยิ้มมุมปาก
“ยิ้มอะไร” มารตีถาม
“เปล่า”
พนักงานเอาเครื่องดื่มมาวาง
มารตีคว้าเครื่องดื่มมาซดทีเดียวจนหมดแก้วแล้ววางกระแทก “เอามาอีก!!! ชั้นยังไม่ยอมแพ้ ชั้นแค่จะใช้ความคิด เพื่อหาทางแย่งพี่ชายภัทรคืนมาให้ได้”
“ตามสบายเลยครับ เชิญ” ยศวินบอก
พนักงานเสิร์ฟอีก มารตีกระดกจนหมดอีก “เอามาอีก”
“ถามจริงเถอะ..คุณรักคุณชายภัทรมากขนาดนั้นเลยเหรอ” ยศวินถาม
“ตั้งแต่เด็ก..ชั้นถูกหมายมั่นมาตลอดว่าต้องแต่งงานกับผู้ชายสกุลจุฑาเทพ..แล้วก็ไม่มีใครเหมาะสมกับชั้นเท่าพี่ชายภัทรอีกแล้ว..ใครๆก็สนับสนุนเราสองคน..แล้วจะให้ชั้นยอมแพ้ ยอมรับการเป็นหม้ายขันหมาก อย่างนั้นเหรอ”
“ไม่ๆๆ ผมถามคุณว่า คุณรักคุณชายภัทรมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ถ้าไม่รักชั้นจะทำอย่างนี้เหรอ!”
“ผมว่าคุณอยากเอาชนะมากกว่า..ยิ่งคู่แข่งเป็นแค่นางงาม ที่ไม่ได้มีเกียรติอะไรสูงส่ง ก็ยิ่งทำให้ศักดิ์ศรีความเป็นหม่อมหลวงของคุณ มันเดือดเลือดพล่าน อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ใช่มั้ย..แบกเอาไว้มากๆ ไม่กลัวว่าหลังจะหักเพราะเกียรติของตัวเองเหรอครับ”
“ลูกตาสีตาสาอย่างคุณหมอ..อย่าสะเออะมาพูดว่าเข้าใจเรื่องเกียรติยศศักดิ์ศรีได้มั้ย”
มารตีกระดกเหล้าต่อแล้วก็เห็นว่าคนหนุ่มคนนึงมองจ้องมา
มารตีลุกขึ้นยืนถลึงตาใส่ “มองอะไรไม่ทราบ”
หนุ่มนั้นหงอไป
ยศวินตามมา “เอ้า..คุณ..เขามองคุณก็เพราะเขาชอบคุณน่ะสิครับ”
“ชอบชั้นเหรอ หึ ไม่เจียมตัว” มารตีว่า
“คุณนี่..หน้าตาก็สะสวย แต่พฤติกรรม..ไม่ได้เรื่อง..คุณรู้ตัวมั้ยว่าตอนที่คุณเดินเข้ามา ใครๆก็สนใจคุณ มองคุณทั้งนั้น..แต่พอคุณแสดงพฤติกรรมออกมา..คุณดูสิ..หายไปหมด..ไม่เหลือใคร”
“ช่างหัวมันสิ ชั้นไม่เห็นจะใส่ใจ”
“ใส่ใจหน่อยก็ดีนะคุณ..เพราะคุณชายภัทรก็หนีคุณเพราะเหตุผลเดียวกันนี้แหละ..ถ้าคุณไม่ปรับนิสัยตัวเองนะ..ผมทำนายอนาคตได้เลย ว่าชีวิตคุณก็จะเป็นอย่างนี้แหละ..อยู่คนเดียว จนตาย”
“ถ้าต้องอยู่กับคนต่ำๆ ชั้นยอมอยู่คนเดียวดีกว่า”
ยศวินพยายามสะกดกลั้นอารมณ์
“ไป กลับบ้านเถอะ ผมจะไปส่ง อ้อ ไม่ใช่บ้านสินะ ต้องเรียกว่าวัง”
“ชั้นไม่กลับ คุณจะไปไหนก็ไป”
“ผมปล่อยให้คุณอยู่ในที่แบบนี้คนเดียวไม่ได้หรอก ไป กลับบ้าน”
“ไม่ไป..แล้วคนอย่างคุณหมอก็เลิกยุ่ง เลิกวิจารณ์ชั้นได้แล้ว เรามันคนละชั้นกัน”
“นี่คุณมารตี บอกตรงๆนะ ผมไม่เคยเห็นใครที่ทั้งกาย วาจา ใจ น่าเกลียดเท่าคุณมาก่อนเลย”
มารตีสาดเหล้าในมือใส่หน้ายศวินทันที
“ไปเลย..ไป..ไปให้พ้นเลย ได้คนไม่มีน้ำยา”
ยศวินฉุน เขาวางเงินแล้วเดินแยกออกไปจากไนท์คลับ มารตีมองตามไป
“ผู้ชาย มีแต่โง่ๆทั้งนั้น” มารตีคว้าเหล้ามากระดกจนหมด “เอามาอีก!”
พนักงานเอาเหล้ามาเสิร์ฟ มารตีกระดกหมดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เอามาอีก!”
อยู่ๆ ก็มีเครื่องดื่มที่หน้าตาแปลกไปถูกยื่นมาตรงหน้าแทน
มารตีฉุน “นี่อะไร อะไร!!!..ชั้นไม่ได้สั่ง”
เสียงของชายคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังของมารตี
“ผมสั่งให้คุณเองครับ”
มารตีหันกลับมาเห็นพินิจยืนยิ้มให้อยู่ตรงหน้า
“เครื่องดื่มนี้ ผมสั่งให้สำหรับคุณเองครับ” พินิจบอก

มารตีอึ้ง แล้วอยู่ๆ เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาจึงยิ้มยั่วยวนให้ท่าพินิจ

พุฒิภัทรเดินเข้ามาจากด้านนอกพร้อมข่าวดี คุณชายหมอรีบร้อนตามหากรองแก้ว และกำลังจะขึ้นไปที่ห้องพักด้านบน แต่แล้วก็ชะงักเปลี่ยนใจไปที่ห้องครัวแทน พุฒิภัทรพบว่ากรองแก้วอยู่ที่นั่นและกำลังทำอาหารอยู่

“แก้ว”
กรองแก้วรีบไหว้ “จะไปโรงพยาบาลหรือคะ..จะรับอาหารเช้าก่อนมั้ยคะคุณชาย”
“เอาไว้ก่อนเถอะ ชั้นมีข่าวดีจะบอกเธอ..เมื่อกี๊..หมอที่อยุธยาโทรแจ้งมาว่า พ่อของแก้วแข็งแรงขึ้นพอที่จะทำการผ่าตัดได้แล้ว”
กรองแก้วดีใจจนแทบกระโดด “จริงเหรอคะ”
“ชั้นได้ขอให้ทางนั้นส่งตัวพ่อแก้วเข้ามาผ่าตัดที่โรงพยาบาลแล้ว บ่ายนี้พ่อของแก้วจะมาถึง และชั้นจะผ่าตัดทันที”
“พ่อ”
“ไม่มีอะไรต้องกังวลนะแก้ว ชั้นรับรองว่าพ่อของเธอจะต้องหายดี”
กรองแก้วดีใจมากจนน้ำตาไหล “แก้วจะได้เจอพ่อแล้ว..แก้วจะได้เจอพ่อแล้ว.. แก้วกราบขอบพระคุณมาก” กรองแก้วนั่งลงแล้วจะกราบพุฒิภัทร
พุฒิภัทรรีบดึงไว้ “ไม่ต้อง.. ชั้นเต็มใจจะช่วยพ่อของแก้วอยู่แล้ว แก้วก็น่าจะรู้”
“ถ้าพ่อหายดีเมื่อไหร่ เราพ่อลูกคงจะได้ไปจากพระนคร กลับไปอยู่บ้าน มีชีวิตตามปกติ..อย่างสงบเหมือนเดิมเสียที”
กรองแก้วดีใจมาก แต่พุฒิภัทรชะงักเพราะรู้สึกโหวง
กรองแก้วยังคงดีใจไม่หาย “หมดเคราะห์ไปที..คุณชาย..แก้วขอไปเปลี่ยนชุดแล้วขอติดรถไปโรงพยาบาลด้วยนะคะ” กรองแก้วรีบวิ่งออกไป
พุฒิภัทรมองตาม แล้วอยู่ๆ ก็รู้สึกใจร้อนพลุ่งพล่านขึ้นมาจึงรีบเดินไป

กรองแก้วเดินออกมา พุฒิภัทรตามมาดึงแขนเธอไว้
“เดี๋ยวแก้ว..เธอไม่ชอบอยู่ใกล้ๆชั้นเหรอ”
กรองแก้วชะงักแล้วฉงนว่าพุฒิภัทรเป็นอะไร “คะ?”
“ทำไมเธอกับพ่อต้องกลับอยุธยาด้วย” พุฒิภัทรถาม
“ก็..บ้านแก้วอยู่อยุธยา”
พุฒิภัทรฉุนที่กรองแก้วไม่เข้าใจอะไรเลย “ทำไมเธอไม่อยากอยู่ที่นี่ ที่วังจุฑาเทพ เธอกับพ่อมาอยู่ที่นี่ได้ อย่าลืมสิว่าเธอกับชั้นเป็น...”
“อย่าพูดค่ะ” กรองแก้วมองไปรอบๆ เพราะกลัวคนได้ยิน
“ชั้นจะพูด เรา เป็นสามีภรรยากันแล้ว”
“คุณชาย..เมื่อถึงเวลา ทุกอย่างก็จะจบ เราก็จะเป็นอิสระต่อกัน ไม่ใช่หรือคะ”
พุฒิภัทรตอบทันที “ไม่ใช่”
“ก็ เราตกลงกันแล้ว”
กรองแก้วจะเดินไปแต่พุฒิภัทรดึงตัวเอาไว้
“ตกลงกันแล้ว..ก็เปลี่ยนแปลงได้” พุฒิภัทรบอก
“อะไรนะคะ” กรองแก้วจะขืนตัวออก
พุฒิภัทรยังจับแขนเธอไว้ “ชั้นไม่ชอบที่เธอคอยตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแค่การจัดฉาก”
“คุณชาย เป็นอะไรไป”
“เธอก็รู้ว่าชั้นรู้สึกอะไร ใช่มั้ยแก้ว”
“เราอย่า อย่ารู้สึกอะไร ดีกว่าค่ะ”
พุฒิภัทรยื้อตัวกรองแก้วเอาไว้ “ทำไมล่ะแก้ว ทำไม”
“เพราะ แก้วเป็นแค่เด็กบ้านนอก ลูกสาวภารโรง ที่ๆแก้วควรอยู่ไม่ใช่ที่นี่ ที่ที่” กรองแก้วชี้ที่ชันดาเลียร์ “โคมไฟดวงเดียวก็มีค่ากว่าแก้วทั้งชีวิตแล้ว คุณชายดูสิคะ”
“สิ่งของจะมีค่ากว่าคนได้ยังไง อย่ามาอ้างเหลวไหล ที่แท้ เธอแค่จะรอวันที่ให้ชั้นช่วยรักษาพ่อเธอให้หายเท่านั้น แล้วเธอก็จะทิ้งชั้นไปงั้นเหรอ”
พุฒิภัทรยื้อตัวกรองแก้วเอาไว้
“คุณชายคิดแบบนั้นได้อย่างไรคะ”
ทันใดนั้นหม่อมเอียดก็เดินเข้ามา
“ชายภัทร!”
พุฒิภัทรรีบผละออกห่างจากกรองแก้ว
หม่อมเอียดจ้องเขม็งอย่างตำหนิพุฒิภัทรและกรองแก้ว
“คิดว่าที่นี่เป็นอะไร เป็นสถานที่พลอดรักกันอย่างนั้นหรือ ชายภัทร”
กรองแก้วซีด
“เป็นถึงหม่อมราชวงศ์ ที่ใครๆยกย่องว่าเป็นสุภาพบุรุษจุฑาเทพ แต่ทำอะไรน่าขายหน้า ไม่รู้จักให้เกียรติสุภาพสตรี” หม่อมเอียดว่า พุฒิภัทรงง “ยังจะมอง ทำผิดไม่รู้จักสำนึกอีก”
“ขอโทษครับ”
“เวลานี้หนูแก้วเป็นเด็กในความดูแลของย่าแล้ว จะทำอะไรเกรงใจกันบ้าง เข้าใจมั้ย”
พุฒิภัทรดีใจ “หม่อมย่า”
“ทำไม มีอะไรน่าข้องใจมากหรือ” หม่อมเอียดถาม
“เปล่าครับๆ”
“งั้นไปทำงาน..แล้วก็อย่ามายุ่งกับคนของย่าอีก”
“ครับ..งั้น” พุฒิภัทรมองหน้ากรองแก้วทำนองบอกว่าเดี๋ยวจะรอ แล้วก็ถอยไป
หม่อมเอียดหันมาจ้องกรองแก้วเขม็ง กรองแก้วมองอย่างเกรงใจแต่ก็ซึ้งใจ

กรองแก้วหมอบกราบหม่อมเอียดที่นั่งพักอยู่อย่างนอบน้อม
“จะขออนุญาตไปโรงพยาบาลหรือ” หม่อมเอียดถาม
“ค่ะ” กรองแก้วตอบ
ทันใดนั้น หม่อมเอียดก็เห็นสร้อยคอที่ห้อยพ้นชายเสื้อของกรองแก้วออกมาพอดี
“เดี๋ยว” หม่อมเอียดขยับเข้ามาจับสร้อยที่คอกรองแก้วพิจารณา “สร้อยเส้นนี้ สร้อยของชายภัทร ชายภัทรให้หรือ”
“เอ่อ คือ” กรองแก้วอึกอัก
หม่อมเอียดตัดบท “เก็บไว้ให้ดี”
กรองแก้วชะงักด้วยความแปลกใจ
“ถ้าชายภัทรให้หล่อน หล่อนก็ควรจะเก็บรักษามันให้ดี ให้มิดชิด อย่าให้ใครเห็น”
หม่อมเอียดจ้องกำชับ กรองแก้วแปลกใจ
“ตกลง พ่อเรา เขาจะมาผ่าอะไรนะ” หม่อมเอียดถาม
“วันนี้พ่อจะผ่าตัดสมองค่ะ”
“อ้อ งั้นก็ไปสิ ผ่าตัดสมอง เป็นผ่าตัดใหญ่ มีความเสี่ยงมากนี่ ขออวยพร..ให้ปลอดภัย หายจากโรคาพยาธิ”
กรองแก้วตื้นตัน “แก้วเข้าใจแล้ว ว่าที่คุณชายหมอเป็นคนมีเมตตากรุณาไม่เลือกชั้นวรรณะอย่างนั้น เพราะมีหม่อมย่าที่แสนประเสริฐเช่นนี้นี่เองค่ะ”
“หล่อนนี่ นอกจากสวย แล้วก็ยังเป็นคนพูดจาเก่งนะ มิน่าล่ะชายภัทรถึง” หม่อมเอียดนิ่งไปเล็กน้อย “เอ่อ..ชั้นน่ะ ไม่ได้เป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่างหรอกนะ ถึงชั้นจะมีอคติกับคนบางประเภท แต่ก็ใช่ว่าจะหน้ามืดตามัวจนแยกออกว่าอะไรคือดีอะไรคือไม่ดี ถ้าหล่อนคิดดี ทำดี วางตัวดี ทำไมชั้นจะเมตตาไม่ได้”
“ค่ะ”
“คำว่ากุลสตรี แปลว่า สตรีที่มีชาติตระกูลและมารยาทดี” หม่อมเอียดบอก
“แก้วทราบดีค่ะ ว่าแก้ว ไม่ใช่”
“หยุด อย่าสอดแทรกเวลาผู้ใหญ่พูด ฟังก่อนสิ” หม่อมเอียดดุ
กรองแก้วจ๋อย “ค่ะ”
“คำว่ามีชาติตระกูล ไม่ได้หมายถึงแค่ชาติกำเนิด แต่หมายถึงผู้ที่พ่อแม่ หรือทางบ้านได้อบรมสั่งสอนมาดีแล้ว เพราะฉะนั้น หล่อนประพฤติตัวอย่างไร หล่อนก็เป็นอย่างนั้น..จะเป็นสุภาพสตรีหรือไม่ ก็อยู่ที่ตัวหล่อนเอง”
“ค่ะ แก้วจะจำไว้ค่ะ” กรองแก้วบอก

กรองแก้วตาพราวด้วยความปีติเพราะรับรู้ได้ถึงความเอ็นดูของหม่อมเอียด

อ่านต่อตอนที่ 9
กำลังโหลดความคิดเห็น