คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 1
รูปพระบิดา หม่อมเจ้าวิชชากร จุฑาเทพ ซึ่งประดับอยู่ในกรอบทองตั้งอยู่เหนือโต๊ะทำงานของ น.พ. ม.ร.ว. พุฒิภัทร เสียงท่องปณิธานในการทำงานของพุฒิภัทรดังกังวานในใจ
“ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตน เป็นที่สอง
ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง
ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศ จะตกแก่ท่านเอง
ถ้าท่านทรงธรรมมะแห่งอาชีพ ไว้ให้บริสุทธิ์”
พุฒิภัทรในชุดคลุมของนายแพทย์ศัลยกรรม เดินออกมาจากห้องผ่าตัด เขาถอดหมวก ถอดหน้ากากอนามัยที่เปื้อนเลือดทิ้งแล้วไปล้างมือที่อ่างก่อนจะเงยหน้ามองกระจกด้วยสีหน้าอิดโรยแต่แววตามีความสุขในสิ่งที่ทำ
เพียงพร หัวหน้าพยาบาลเดินออกมา แพทย์วิสัญญี และพยาบาลผู้ช่วยก็เดินตามออกมา
“กรณีผ่าตัดสมองกรณีนี้ยากมาก ใช้เวลาเกือบ6ชั่วโมง คุณชายหมอรีบกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ” เพียงพรแนะนำ
“เพียงพร..ญาติคนไข้อกจะแตกตายแล้วมั้งป่านนี้ รีบไปบอกข่าวดีก่อนเถอะ” พุฒิภัทรบอก
เพียงพรยิ้ม “คิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอเลยนะคะ” เพียงพรเดินออกไป
พุฒิภัทรรีบเดินไปที่โต๊ะแล้วเขียนรายงานสิ่งที่ทำไปตอนผ่าตัดเป็นข้อๆ อย่างละเอียด
ณ เรสเตอรองก์หรูริมแม่น้ำเมืองอยุธยา รถยนต์คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอด บริกรเดินมาเปิดประตูให้พวกเศรษฐีและเศรษฐินีเดินเฉิดฉาย หัวเราะอย่างมีความสุขเข้าไป
ลูกค้าที่รวยมากคู่นึงเดินทางมาทางเรือ คนเรือผูกเรือให้แน่น ชายหนุ่มหล่อหรูก้าวขึ้นจากเรือแล้วยื่นมือเชื้อเชิญหญิงสาวที่มาด้วย
กรองแก้วที่ใส่ชุดเก่าๆหลวมๆ เหมือนเอาเสื้อพ่อมาใส่มีผ้าขาวม้าคลุมหัวถือตระกร้ามาลัยดอกมะลิเดินเข้ามาหา
“คุณคะ ซื้อมาลัยดอกมะลิสวยๆสำหรับคุณผู้หญิงสักพวงมั้ยคะ..หนูร้อยเอง สวยๆทั้งนั้นเลยนะคะคุณ”
บริกรรีบเข้ามาไล่กรองแก้ว “หนู..ขายเฉยๆ อย่าสร้างความรำคาญ..ไม่อย่างนั้นผู้จัดการจะไม่อนุญาตให้ขายนะ”
“ค่ะ”
บริกรเชิญแขกให้เข้าไปในร้าน
กรองแก้วได้แต่ยืนมองแล้วทรุดนั่งพักที่ศาลาท่าน้ำของเรสเตอรองก์ เธอเอาผ้าขาวม้ามาซับเหงื่อเผยให้เห็นใบหน้าของกรองแก้วว่าเป็นผู้หญิงสวย หน้าสะอาด ทำผมมวยเปีย
ทันใดนั้นก็มีเรือหางยาวแล่นมา
“นังแก้ว..นังแก้ว..ไปดูพ่อเอ็งเร็ว..เร็วๆ” คนเรือบอก
“พ่อ”
กรองแก้วรีบกระโดดลงเรือทันทีด้วยความตกใจ
คนเรือเทียบเรือที่ท่าบ้านกรองแก้วซึ่งเป็นบ้านไม้ธรรมดาๆ กลางๆ อยู่ติดคลองที่มีขนาดไม่ใหญ่มากโดยมีแสงไฟจากบ้านแต่ละหลังที่อยู่ห่างๆ กัน เรือยังไม่ทันเทียบท่าดี กรองแก้วก็กระโดดขึ้นจากเรือทันที
“เอ้า ระวังหน่อยนังแก้ว”
คนเรือผูกเรือแล้วขึ้นจากเรือเดินตามกรองแก้วไป
กรองแก้วรีบวิ่งไปอย่างคล่องแคล่ว เธอกระโดดแผล็วแล้วเดินอย่างคล่องตัวไปตามแผ่นไม้ที่ทอดจากท่าข้ามพื้นดินชื้นแฉะไปสู่ที่ที่สูงและแห้งกว่า
กรองแก้วเดินมาถึงตัวเรือนก็ต้องชะงักด้วยความตกใจเมื่อเห็นร่างของพ่อนอนฟุบอยู่ที่หน้าบันไดและมีท่าทางว่ากำลังระงับความทุรนทุรายอยู่
“พ่อ! พ่อ..เป็นอะไร ปวดหัวมากอีกแล้วเหรอคะพ่อ”
พ่อของกรองแก้วหันมาด้วยอาการปวดหัวมากจนตาพร่า “แก้ว..แก้ว..พ่อ..พ่อไม่ไหวแล้ว”
“พ่อ!!”
พุฒิภัทรถือเอกสารกระเป๋าทำงานของตัวเองเดินมาที่รถ เขาวางข้าวของไว้ที่ท้ายรถอย่างเป็นระเบียบก่อนจะเข้าไปในรถ สตาร์ทเครื่องแล้วขับออกจากที่จอด รถแล่นออกไปทางด้านหน้า แต่มีรถจี๊ปเก่าๆ ที่ชาวบ้านนั่งมาเต็มสวนเข้ามาจอดหน้าบันไดตึก แล้วชาวบ้านเหล่านั้นก็ช่วยกันรุมหามชายคนนึงในสภาพร่องแร่งลงมาจากรถแล้วพากันหามขึ้นตึกไป
ชายชาวบ้านเอะอะ ในทำนองเดียวกัน
“ช่วยด้วยๆครับ" / "คุณหมออยู่ไหน / "ช่วยด้วย ครับ”
พยาบาลเอาเปลออกมารับ
“คนไข้เป็นอะไรมา”
“คนไข้บาดเจ็บที่ศีรษะครับ” ชาวบ้านบอก
พุฒิภัทรรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของตน จึงรีบจอดรถทันทีแล้วกระโดดลงไป เขาคว้ากระเป๋าวิ่งกลับขึ้นตึกไปอย่างไม่ลังเล
ที่บริเวณจุดรับส่งคนไข้ฉุกเฉิน ทีมแพทย์และพยาบาลเวรเข้ามารุมรับคนไข้จากรถพยาบาล แล้วเข็นเข้าไปด้านในอย่างเร่งรีบ พุฒิภัทรรีบเดินกลับเข้ามาพร้อมทำงานต่อ
“คุณเพียงพร คนไข้บาดเจ็บที่ศีรษะใช่ไหม” พุฒิภัทรถาม
“คุณชายหมอ..เอ่อ แพทย์เวรกำลังมาแล้ว คุณชายหมอกลับไปพักเถอะค่ะ” เพียงพรบอก
“คนไข้กำลังรอหมออยู่ตรงหน้า คุณจะให้ผมหันหลังให้เขาเหรอ”
เพียงพรจนคำตอบ พุฒิภัทรรีบเดินตามเข้าไป
กลุ่มพยาบาลเข็นเตียงที่พ่อของกรองแก้วนอนไปตามทาง โดยมีกรองแก้ววิ่งตามไปตลอดจนกระทั่งถึงป้าย ห้องฉุกเฉิน พยาบาลกันกรองแก้วให้รอด้านนอกแล้วปิดประตู
“พ่อ..พ่ออย่าเป็นอะไรนะ”
กรองแก้วเศร้า
ในห้องฉุกเฉิน แพทย์วิสัญญีกำลังวัดค่าความดันคนไข้ที่สลบอยู่ นางพยาบาลยืนรอทำหน้าที่
พุฒิภัทรเดินเข้ามาในชุดเสื้อคอวีสวมกับกางเกงพร้อมทำงาน
“ความดัน 150-80 การหายใจปกติครับ” แพทย์วิสัญญีบอก
“ผมจะฉีดสี เพื่อเอ็กซเรย์สมอง ห้องเอ็กซเรย์พร้อมหรือยัง” พุฒิภัทรถาม
“พร้อมแล้วค่ะ” พยาบาลตอบ
พุฒิภัทรฉีดสีเข้าคอคนไข้
ช่างเทคนิคนำแผ่นเอกซเรย์มาให้
“ผลเอ็กซเรย์ครับ”
พุฒิภัทรอ่านแผ่นฟิล์ม “คนไข้มีอาการเลือดออกในเยื่อหุ้มสมองซีกซ้าย ต้องผ่าตัดเอาเลือดที่คั่งออกโดยด่วน ดูตรงนี้สิ แนวของเส้นเลือดเบี่ยงออกไปจากปกติ เลือดคงออกที่ตำแหน่งนี้..แต่จะรู้ให้แน่ว่าตรงไหน..ต้องเปิดเข้าไปในกระโหลกเท่านั้น”
ไฟห้องผ่าตัดถูกเปิดจนสว่างวาบ
ชายคนป่วยนอนบนเตียงผ่าตัด มีผ้าคลุมปิดหน้าตาไว้หมดโดยเปิดเฉพาะส่วนศีรษะที่ถูกโกนเกลี้ยงพร้อมผ่าตัดแล้ว
พุฒิภัทรล้างมืออย่างจริงจังโดยเอาแปรงขัดมือด้วย
พุฒิภัทรยืนประจำที่เหนือหัวคนไข้ แล้วถามหมอวิสัญญีเรื่องความดัน หมอวิสัญญีตอบ แพทย์ประจำบ้านเข้ามายืนดูอยู่บริเวณด้านหลังหมอวิสัญญี
พุฒิภัทรสวมเสื้อคลุมผ่าตัด สวมหมวกคลุมหัว ใส่ผ้าปิดปากอีกครั้ง เขาเลือกอุปกรณ์ต่างๆ มาวางเรียงบนผ้าที่อยู่บนถาดที่วางอุปกรณ์ด้วยตัวเอง
พุฒิภัทรตั้งสมาธิให้สงบนิ่ง จิตใจไม่วอกแวก แล้วเขาก็หยิบอุปกรณ์เจาะกะโหลกขึ้นมา แล้วเขาก็เจาะกะโหลกด้วยสีหน้าสงบเพราะมีสมาธิสุดๆ
กรองแก้วกระวนกระวายอยู่หน้าห้องผ่าตัด
พุฒิภัทรกำลังเลือกหยิบเครื่องมือต่างๆ ผ่าตัดไปแบบใจเย็น
แสงรำไรจากอาทิตย์ยามเช้าส่องเข้ามาในโรงพยาบาล กรองแก้วยังคงกระวนกระวายเพราะเป็นห่วงพ่อ ประตูห้องผ่าตัดเปิดออก พยาบาลเดินออกมา กรองแก้วรีบพุ่งเข้าไปหาทันที
“คุณพ่อของแก้วเป็นยังไงบ้างคะ”
“ท่านปลอดภัยแล้วค่ะ ไม่มีอะไรน่าห่วง” พยาบาลบอก แก้วโล่งอก “เดี๋ยวอาจารย์หมอกำลังออกมา..ฮ้า ออกมาพอดี อาจารย์คะ คุณแก้ว ลูกสาวคนไข้ค่ะ”
อาจารย์หมอซึ่งเป็นคนรุ่นลุงของแก้วเดินยิ้มแฉ่งออกมา กรองแก้วยกมือไหว้อาจารย์หมอ
พุฒิภัทรละมือออกแล้ววางอุปกรณ์ลงที่ผ้า
“คนไข้ปลอดภัยแล้ว” พุฒิภัทรบอก
พยาบาลและแพทย์คนอื่นๆ มองหน้ากันด้วยความดีใจ
ภายในห้องผู้ป่วยรวมแบบอนาถาของโรงพยาบาลอยุธยา พ่อของกรองแก้วนอนหลับตาพริ้มอยู่ที่เตียงริมประตู ส่วนกรองแก้วยืนคุยอยู่กะอาจารย์หมออยู่ที่ริมระเบียง
กรองแก้วน้ำตาจะไหลเพราะรู้สึกกลัวมาก “เนื้องอกในสมอง..ต้องผ่าตัด!”
“หมอเชื่อว่ามันไม่ใช่เนื้อร้าย แต่มันไปเบียดเนื้อสมองบางส่วน ทำให้ปวดหัว บางทีก็อาจจะวูบไป ทางที่ดี ควรเอาออก แต่เครื่องไม้เครื่องมือของโรงพยาบาลที่นี่..เรายังไม่มี แล้วก็ต้องใช้แพทย์ที่ชำนาญมากๆ..ที่เวลานี้ ก็มีอยู่แต่ที่โรงพยาบาลในพระนครเท่านั้น”
“แก้วต้องพาพ่อไปรักษาที่พระนครเหรอคะ”
“ใช่..หมอจะรีบทำเรื่องขึ้นไปนะ ว่าจะมีใครทำได้บ้าง แก้วก็เตรียมตัว ที่จะตามไปดูแลก็แล้วกัน ที่บ้านมีกันสองพ่อลูกเท่านั้นไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ค่ะ..แต่ แก้วจะไปพระนครได้ยังไง จะไปอยู่ที่ไหน กับใคร แก้วไม่เคยเข้าพระนคร ไม่รู้จักใครเลย แล้วไหนจะค่ากินค่าอยู่ ทุกวันนี้ เราก็ต้องทำทุกอย่าง..เพื่อใช้หนี้อยู่แล้ว”
“ในการรักษา ทางโรงพยาบาลไม่คิดค่าใช้จ่ายกับคนไข้อนาถาหรอกนะ แต่แก้วก็อาจต้องเตรียมหาค่าเดินทาง ค่ากินอยู่ของตัวแก้วเอง..ระหว่างนี้ หมอจะให้ยารักษาไปตามอาการ..พอประทังไปก่อน”
“แล้ว..ถ้าไม่ผ่าล่ะคะ” กรองแก้วถาม
“ถ้าไม่ผ่า .. อาการปวดศีรษะ และอาการวูบ ก็จะมากขึ้น เพราะก้อนเนื้อมันก็จะโตขึ้นๆ”
กรองแก้วอึ้งแล้วหันไปมองพ่อ เธอเห็นพ่อนอนหลับด้วยสีหน้าสงบ กรองแก้วรู้สึกทุกข์ใจ
ณ รพ.คลาสสิคที่ริมเจ้าพระยา กรุงเทพฯ คนไข้ของพุฒิภัทรเป็นหนุ่มฉกรรจ์อยู่ในสภาพหัวโล้นมีผ้าพันรอบกำลังนอนหลับอยู่ บรรดาหมอฝึกหัดยืนดูอยู่รอบเตียง ส่วนพุฒิภัทรกำลังยืนคุมแพทย์ฝึกหัดที่กำลังเอาฟิล์มเอ็กซเรย์มาให้ญาติคนไข้ดูแล้วชี้จุดต่างๆ เพื่ออธิบาย
แพทย์ฝึกหัดเปิดชาร์จคนไข้ประกอบการพูด “คุณสมบูรณ์ ประสบอุบัติเหตุตกรถราง ล้มศีรษะกระแทกพื้น ก่อนเข้าผ่าตัด รูม่านตา2ข้างขยายไม่เท่ากัน มีเลือดคั่งในสมอง แขนขวาอ่อนแรง..แต่หลังผ่าตัดแล้ว รูม่านตามีการตอบสนองดีขึ้น อัตราการเต้นของหัวใจและความดันเลือดคงที่ คิดว่าวันพรุ่งนี้น่าจะได้สติ”
“แล้วถ้าพรุ่งนี้ไม่ฟื้นล่ะครับ” ญาติถาม
“แล้วถ้าฟื้นขึ้นมา เขาจะมีอาการทางสมองอะไรหรือเปล่า จะยังคงใช้งานมือ เท้า แขนขา ได้เหมือนเดิมไหมใช่มั้ยคะ” ญาติอีกคนถาม
แพทย์ฝึกหัดอึกอัก “เอ่อ..”
แพทย์ฝึกหัดอึกอัก ไม่รู้จะตอบญาติยังไง พุฒิภัทรยืนดูอยู่สักพักก่อนจะตอบกับญาติคนไข้ให้เอง
“จากแผ่นเอ็กซเรย์แล้ว..ผมมั่นใจครับ ว่าคุณสมบูรณ์จะต้องฟื้น และเป็นปกติแน่นอน เพราะจากตำแหน่งที่เลือดคั่ง จะเห็นว่า ก้อนเลือดไม่ได้ใหญ่มาก และไม่ได้กระทบเส้นประสาทที่สำคัญใดๆ เพียงแต่ตอนนี้ คงต้องให้คนไข้พักฟื้นร่างกาย รอให้สมองหายยุบบวมเสียก่อน ระบบประสาทถึงจะกลับมาทำงานตามปกติ”
บรรดาญาติของคนเจ็บหน้าตาสบายใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ขอบคุณนะคะคุณหมอ ขอบคุณค่ะๆ”
-บรรดาลูกศิษย์มองพุฒิภัทรอย่างศรัทธา
เพียงพรพูดกับบรรดาแพทยฺฝึกหัด “คุณหมอฝึกหัดทุกคนดูอาจารย์หมอหม่อมราชวงศ์พุฒิภัทรเป็นตัวอย่างไว้นะคะ ว่าแพทย์ที่จริงนั้น ไม่ใช่แค่รักษาแต่คนไข้เท่านั้น แต่ยังช่วยดูแลสภาพจิตใจของบรรดาญาติๆด้วย พี่คิดว่า การอธิบายให้ข้อมูลกับญาติ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆเหมือนกันค่ะ”
กลุ่มแพทย์ฝึกหัดต่างเห็นด้วย “ใช่เลยครับ /จริงที่สุดค่ะ / อาจารย์เก่งมากจริงๆ”
ป้าจิกกระแทกลิ้นชักเงินปิดดังปังแล้วมองหน้ากรองแก้ว ก่อนจะปิดสมุดบัญชีที่มีรายการยืม-รายการจ่ายดอกเบี้ยเต็มไปหมด
“แก้วจะกู้เงินไปรักษาพ่อเหรอ ก็ดี ที่เป็นลูกกตัญญูอย่างนี้..แล้วแก้วมีอะไรมาจำนองล่ะ”
“แก้ว..แก้ว..ไม่มีค่ะ” กรองแก้วตอบ
“นั่นสิ บ้านกะสวนของแก้วก็ติดจำนองธนาคารอยู่ ป้าไม่รับหรอกนะ”
“แล้วแก้วจะทำยังไงดีล่ะคะ”
“ถ้าหาคนมาค้ำประกันได้..ก็ให้กู้ได้”
“คนค้ำประกัน..แปลว่า ถ้าแก้ว..หาสตางค์มาใช้หนี้ไม่ทัน ป้าก็จะไปเก็บหนี้ ที่คนที่มาค้ำน่ะเหรอคะ”
“ก็ใช่น่ะสิจ๊ะ” ป้าจิกยิ้มเขี้ยวๆ ก่อนจะหันไปหาลูกหนี้อีก2คนที่มายืนรอ “อ้าว แม่แป้น ตานุ้ย..จะเอาดอกเบี้ยมาจ่ายเหรอ ดีมาก แต่มาช้ากว่ากำหนดทั้งสองคน แบบนี้ ดอกเบี้ยมันก็ต้องทบต้นขึ้นไปอีก เข้าใจไหม”
กรองแก้วสยอง
กรองแก้วกำลังกวาดลานเสาธง ในขณะที่เด็กคนอื่นๆ กำลังวิ่งเล่น ไล่ตี เล่นหมากเก็บ กินไอติม กันอย่างร่าเริง มีเด็กกลุ่มหนึ่งเผลอย่ำลงไปบนกองใบไม้ที่แก้วกวาดมารวมกันจนกระจายไปหมด กรองแก้วได้แต่ถอนหายใจแล้วก็ทำความสะอาดใหม่
ครูบุษบาเดินเข้ามามองกรองแก้ว
“กรองแก้ว”
“ครูใหญ่” กรองแก้วยกมือไหว้
“พ่ออาการไม่ดีขึ้นเลยเหรอ แก้วถึงต้องมาทำงานแทน”
“แก้วเกรงว่า..พ่อ..คงจะกลับไปทำงานที่โรงเรียนอีกไม่ไหวแล้ว”
“แล้วแก้วเอง..เรื่องแผนการเรียนต่อของเธอล่ะ..เรื่องรายละเอียดการสอบเข้าฝึกหัดครู..”
กรองแก้วก้มหน้า “แก้วคงไม่เรียนแล้วค่ะ แก้วต้องรีบทำงาน หาเงินมาผ่าตัดพ่อให้เร็วที่สุด”
“แก้ว..ค่าผ่าตัดสมอง..มันต้องใช้เงินมาก..ไม่ใช่เหรอ”
“หมอบอกว่า..ทางโรงพยาบาลจะพยายามช่วย..แต่ค่าใช้จ่ายก็คงต้องยังเป็นหมื่น”
“ครูเคยได้ยินว่าเป็นแสนเลยนะถ้าจะให้แน่นอนน่ะ แล้วถ้าหมอไม่เก่ง..ผ่าดีไม่ดี..อาจทำให้..แย่ไปเลยก็ได้” บุษบาไม่กล้าพูดตรงๆ “ต้องหาหมอเฉพาะทาง..จากโรงพยาบาลดีๆ รู้ไหม”
กรองแก้วหน้าซีดแล้วก็น้ำตาคลอออกมาก่อนจะหยดติ๋ง
บุษบาพูดต่อ
“แล้วครูจะช่วยหางานมาให้นะแก้ว..แก้วไม่เลือกงานอยู่แล้ว..ครูรู้”
ปวรรุจกับวรรณรสากำลังโพสท่าเคียงกันอยู่ที่สวนริมน้ำ รณพีร์ทำหน้าที่ตากล้องคอยถ่ายรูปและกำกับการโพสให้ดูสวีท
“ยิ้มหวานๆครับ ท่านหญิงรสา..รูปนี้สมควรขยายติดบ้านพักที่สวิส เอาไว้ดูเวลาหน้าหนาว จะได้นึกออก ว่า แม่น้ำเจ้าพระยาใต้แสงแดดอุ่นน่ะ มันเป็นยังไง”
ธราธร ชัชวีร์ และเพื่อนชายหญิงอีก 5 คนนั่งและยืนล้อมโต๊ะเลี้ยงน้ำชายามบ่ายที่จัดแบบบุฟเฟ่ท์ โต๊ะนั้นปูผ้าขาว ปักร่มสีขาวใหญ่ เจ้าของวันเกิดในวันนี้คือซิลวี่ สาวสวยลูกครึ่งที่แต่งชุดกางเกงขาสั้นและผมสั้นแบบออเดรย์ แฮปเบิร์น สาว 2 คนกำลังมอบของขวัญให้ซิลวี่
“แฮปปี้เบิร์ธเดย์" / "คิดอยากได้อะไร ก็ขอให้สมปรารถนานะ ซิลวี่”
ซิลวี่มองค้อนไปทางมุมนึง “โอ๊ย ..สิ่งที่ไออยากได้ คงไม่มีวันจะสมปรารถนาหรอก..”
ทุกคนมองตามสายตาซิลวี่
ที่ริมน้ำอีกด้าน รัชชานนท์กับพุฒิภัทรกำลังใช้กล้องส่องทางไกลดูนกที่ชายป่าริมน้ำด้วยกัน
“อ้ะ..ดู..นี่ล่ะ ที่เรียกว่านกกระเต็นหัวดำ” รัชชานนท์ปรับโฟกัสแล้วส่งกล้องให้
พุฒิภัทรส่องกล้องทั้งๆที่ยังสวมแว่นตา “สีสดใสมากๆเลยนะ ชายนนท์”
ซิลวี่ถอนใจ “เห็นไหมล่ะ ว่าเขายังสนใจนกมากกว่าซิลวี่คนนี้เป็นไหนๆ”
ทุกคนหัวเราะ
“คุณชายพุฒิภัทรคนนี้นี่นะ..รู้ไหม..5ปีก่อน ที่เรารู้จักกันที่ลันดั้น..” ซิลวี่เล่า
เมื่อห้าปีก่อน พุฒิภัทรเงยหน้าจากตำราเล่มโตแล้วมองลอดแว่น ซิลวี่อยู่ในชุดกางเกงขาสั้น เสื้อผูกไว้ใต้อก เปิดพุงถือตำรา2เล่มยืนทำท่าน่ารักอยู่ตรงหน้าพุฒิภัทร
“อากาศดีๆ คุณชายจะไปทำแล็บอยู่ในห้องปิดทึบ มืดๆเย็นๆงั้นเหรอ..ไปเที่ยวกันเถอะ” ซิลวี่ชวน
“ผมอยากเรียนให้จบเร็วๆ จะได้กลับกรุงเทพเร็วๆ จะได้ทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่โลกเร็วๆคนเราควรจะมีเป้าหมายในการที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่น ไม่ใช่อยู่ไปวันๆ คิดถึงแต่เรื่องที่ไม่มีแก่นสารสาระ เอาแต่สนุกสนาน..คิดถึงแต่ตนเอง..” พุฒิภัทรส่ายหน้าและสอนต่อไปอย่างจริงจัง
ซิลวี่ยืนฟังจนเกือบหลับ
เมื่อฟังเรื่องเล่าของซิลวี่ ทุกคนที่โต๊ะก็ขำสุดๆ ปวรรุจน์ ท่านหญิงวรรณรสา และรณพีร์เดินเข้ามาร่วมวง
“นี่ๆๆ แล้วมีใครเคยรู้เรื่องนิสิตแพทย์กับแฟชั่นกระโปรงบ้างไหม” รณพีร์ถาม
“ยังไงคะ..ยังไง เล่าๆๆ” ซิลวี่สนใจ
รัชชานนท์ยิ้มแล้วเล่า
พุฒิภัทรกำลังเดินมาจนถึงหน้าตึก นิสิตสาว 2 คนเดินกอดตำราลงบันไดมา ทั้งสองสาวใส่กระโปรงบานนิสิตทบซ้อนเนื้อเบาแบบมาริลีน มอนโร ความยาวคลุมเข่า คาดเข็มขัดเอวคอด และทำผมดัดหยิกฟู
ทันใดนั้น ลมแรงก็พัดมาทำให้กระโปรงของทั้งสองปลิวเปิดขึ้นแบบมาริลีน มอนโร ทั้งสองสาวร้องกรี๊ดกร๊าดและต้องปล่อยหนังสือทิ้งเพื่อปิดกระโปรงตัวเองกันจ้าละหวั่น
พุฒิภัทรยืนกอดอกมองด้วยแววตาสมเพช ลมพัดผ่านไป ทั้งสองคนรีบจัดชุดแล้วจะไปเก็บหนังสือ แต่พุฒิภัทรเดินเข้ามาก่อน
พุฒิภัทรพูดจริงจัง “ชุดนักศึกษา ไม่ควรจะดูแล้วทำให้คิดถึงมารีลีน มอนโรว์ การแต่งกายของนักศึกษา ไม่ควรจะตามแฟชั่น จนไม่คำนึงถึงกาลเทศะ โดยเฉพาะพวกเธอ นักศึกษาแพทย์ ไม่ควรจะทำให้คนสับสน ว่านี่..นักศึกษาแพทย์ หรือดาราระบำโป๊”
ทั้งสองสาวหน้าซีด คอตก
คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 1 (ต่อ)
ทุกคนที่โต๊ะหัวเราะอย่างครึกครื้น
“เชอะ..คุณชายรุจน์ อย่ามาหัวเราะเลย น้องชายคุณน่ะ ดีแต่ปากร้ายกับชาวบ้าน แล้วทีคุณมารตี คู่หมั้นของตัวเองล่ะ” ซิลวี่ว่า
“คุณมารตีน่ะหรือครับ..” ชัชวีร์ถาม
ชัชวีร์กับรณพีร์สบตากัน
ทุกคนรอฟัง
ชัชวีร์พูด “คือว่า..ที่จริง..คุณมารตี..กับชายภัทรเขา..ไม่ได้..”
ธราธรกระแอมออกมาเป็นทำนองเตือนว่าอย่าพูด
วรรณรสารีบเรียกดังๆ เพื่อตัดบท “ชายภัทร์ ชายนนท์ ไม่หิวกันเลยหรือคะ”
พุฒิภัทรกับรัชชานนท์หันกลับแล้วพากันเดินมาที่โต๊ะ
“ซิลวี่ปรุงชาให้ชายภัทรเอง..เอิร์ลเกรย์..ไม่ใส่อะไรเลย..ไม่ว่านมหรือน้ำตาล หรือมะนาว” ซิลวี่บอก
“ถูกต้องครับ ขอบคุณ ซิลวี่” พุฒิภัทรตอบ
รัชชานนท์จิ้มขนมจีบเข้าปากพอเคี้ยวๆ แล้วก็ชะงัก
“ฮะ..ขนมจีบนี่..” รัชานนท์ส่งให้พุฒิภัทร “ชิมสิ ชายภัทร..คิดว่าไง”
พุฒิภัทรจิ้มกินอย่างตั้งใจชิม แล้วสบตากับรัชชานนท์แบบตะลึงคล้ายไม่แน่ใจ เขาจิ้มอีกอันมาจิ้มน้ำจิ้มแล้วกินใหม่ “ใครทำนี่..หรือสั่งมาจากร้านไหนหรือซิลวี่..”
“สั่งเด็กนักเรียนในจังหวัดนี่ล่ะค่ะ..มาทำให้ อร่อยมากใช่ไหมคะ..” ซิลวี่ภูมิใจ
ณ มุมทำกับข้าวที่สวนแห่งนั้น กรองแก้วที่แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตผู้ชายสีเทาตัวหลวมและเก่าจนนิ่ม มีรอยปะชุน พับแขนเหนือศอกกับกางเกงสี่ส่วนหลวมๆ สีกากี ผมยาวถักเปีย หน้าใสแบบไม่แต่งกำลังยกซึ้งที่มีขนมจีบเรียงรายสวยงามอยู่ด้านใน
“ขนมจีบล็อตใหม่สุกแล้วค่ะ ยกเสิร์ฟได้เลยค่ะ” กรองแก้วบอก
กรองแก้วรีบไปที่เตาย่างหมูสะเต๊ะ เธอหยิบถ่านเล็กๆ โรยลงไปเหนือเตาย่างจนมือเปื้อนถ่านดำปื๋อ กรองแก้วยกตะแกรงที่ปิ้งวางบนเตา จากนั้นเธอก็หันไปหยิบหมูเสียบไม้ที่หมักไว้ในถาดมาวางปิ้งเรียงกันอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะหันไปหยิบหม้ออวยกลมๆ ขนาดกลางมาวาง2หม้อ
“พี่พร..นี่น้ำจิ้มนะคะ แล้วนี่อาจาด เดี๋ยวพอหมูสุกแล้ว พี่ทะยอยให้บ๋อยจัดไปเสิร์ฟได้เลยนะคะ เดี๋ยวแก้วต้องกลับแล้วค่ะ เย็นมากแล้ว”
“ขอบใจมากนะแก้ว เดี๋ยวให้เด็กๆพวกนี้ปิ้งต่อเอง..ไม่มีอะไรแล้วหนิ” พรบอก
“แก้วไปนะคะ” กรองแก้วไหว้
กรองแก้วกำลังจะเดินออกไป บริกรที่เดินมาจากบริเวณสนามเดินเข้ามา
“แก้วๆ อย่าเพิ่ง มีคนฝากติ๊บมาให้เธอแน่ะ”
“ติ๊บ..อะไรนะ” กรองแก้วงง
“เงินพิเศษไง..” บริกรส่งแบงก์ร้อยให้กรองแก้ว “คุณชายอะไรพัดๆซักอย่างเนี่ย..เขาชอบขนมจีบของแก้วมากเลย.. อ่ะ! เขาฝากมาให้รางวัล”
กรองแก้วตาโต “โอ้โห..ตั้งร้อยเลยเหรอ” กรองแก้วรับมาแล้วเอาใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะยกมือไหว้ในอากาศ “สาธุๆๆ โชคดีจังเลย เมื่อคืนก็ไม่ได้ฝันอะไรซักนี้ด..” กรองแก้วไหว้แล้วเอามือมาลูบๆแปะๆหน้าทำให้ถ่านเปื้อนหน้าดำเป็นปื้น “งั้นฝากพี่เอาขนมจีบไปให้คุณชายท่านอีกนะคะ..แก้วไปก่อนนะ ทุกคน” กรองแก้วไหว้แม่ครัวและคนที่อาวุโสกว่าแล้วรีบเดินไป
“อ้าว แก้ว..แก้ว..เช็ดหน้าก่อนแก้ว” แม่ครัวทัก
กรองแก้วไม่ได้ยินจึงรีบเดินไป
5คุณชายพากันกินขนมจีบไม่หยุด
“อร่อยจริงๆ รสชาติเหมือนที่หม่อมหยกทำจริงๆด้วย” ธราธรชม
“คงเป็นสูตรเดียวกับทางแม่ผม..” พุฒิภัทรบอก
“โอย..น้ำตาจะไหล” รัชชานนท์พูด
“ไม่เลี่ยนแบบจีนแท้ซะทีเดียว มีขิงสับละเอียดผสม..นี่หรือ ฝีมือเด็กนักเรียนทำ ไม่น่าเชื่อ”
“เด็กมัธยม ลูกภารโรงด้วยนะ เก่งค่ะ หน้าตาดีด้วย แกยากจน แต่มีวิชาดี รับสั่งทำอาหาร ทำดอกไม้ จัดสถานที่..” ซิลวี่เล่า
“ว้า..เสียดายเป็นเด็กมัธยม ไม่งั้นพี่ชายภัทรไม่น่าจะให้รางวัลแค่หนึ่งร้อยบาทนะ ควรจะขอดูตัวซะเลย นี่ต้องเป็นกุลสตรีที่พี่ใฝ่ฝันแน่ๆ ทำอาหาร จัดดอกไม้..” รณพีร์แซว
“พูดจา..น่าเกลียดมาก ชายพีร์!” พุฒิภัทรดุ
คนรับใช้ของบ้านเดินเข้ามา
“ท่านชายพุฒิภัทรคะ..มีโทรศัพท์จากโรงพยาบาลค่ะ”
ทุกคนหันมามอง
“นานๆจะได้มาปาร์ตี้ทั้งที ยังจะให้เบอร์ติดต่อกับโรงพยาบาลไว้อีกเหรอชายพุฒิ” รณพีร์ถาม
“เผื่อเคสฉุกเฉิน” พุฒิภัทรมองทุกคนด้วยความเกรงใจนิดๆ แต่ก็ร้อนใจจึงรีบลุก “ผมขอตัวนะครับ”
พุฒิภัทรเดินแยกออกไป
เรือเร็วหรูสีขาวลำนึงจอดเทียบอยู่ด้านซ้ายของท่าน้ำ กรองแก้วที่ยังหน้าเลอะถ่านยืนรอเรืออยู่ทางขวา เรือรับจ้างแล่นแต๊กๆ มาจากอีกท่า กรองแก้วเตรียมขึ้น
ทันใดนั้น คนของซิลวี่ก็เดินนำพุฒิภัทรมาที่ท่าเรืออย่างเร่งรีบ กรองแก้วยืนขวางทางอยู่
“หลีกหน่อย หนู..”
คนของซิลวี่บอก
กรองแก้วขยับหลบทางให้คนของซิลวี่แต่ดันไปขวางทางพุฒิภัทรทำให้ทั้งสองเกือบชนกัน พุฒิภัทร เดินผ่านกรองแก้วที่หน้าดำเป็นปื้นไป
ชายเสื้อนอกสีขาวของพุฒิภัทรกวาดโดนมือเปื้อนถ่านของกรองแก้วทำให้เสื้อขาวสกปรกเป็นปื้นดำ
กรองแก้วมองตามรอยเปื้อนนั้นไปด้วยความตกใจ พุฒิภัทรมัวแต่สนใจเรือจึงไม่ได้สนใจกรองแก้วเลย
“เชิญครับ รับรองว่าไปทางนี้ คุณชายจะถึงภายในเวลาไม่ถึง1ชั่วโมงครับ คุณชายพุฒิภัทร” คนเรือส่งกุญแจเรือให้
“คุณชายพุฒิภัทร..”
กรองแก้วพึมพำ มองชายเสื้อพุฒิภัทรที่เปื้อนถ่าน แล้วเธอก็เงยขึ้นมามองหน้าพุฒิภัทรที่ดูมุ่งมั่น จริงจังพุฒิภัทรกระโดดลงเรือ สตาร์ท แล้วขับออกไปอย่างช้าในตอนแรกก่อนจะพุ่งปร๋อออกไป
กรองแก้วมองตามไปด้วยความทึ่ง เธอหยิบแบงก์ร้อยออกมาดู คนของซิลวี่เดินกลับไปรวดเร็วโดยไม่ได้สนใจกรองแก้ว เรือรับจ้างแล่นมาถึง กรองแก้วก้าวลงเรือไป
เรือเร็วที่พุฒิภัทรขับแล่นแหวกน้ำมา สีหน้าของพุฒิภัทรมุ่งมั่น สักพัก พุฒิภัทรก็เริ่มผ่อนคลายจึงนั่งพิงแบบสบายตัวขึ้นแล้วเพ่งมองดูตัวเองก่อนจะชะงัก เขาเห็นชายเสื้อนอกขาวเปื้อนถ่านดำ พุฒิภัทรเซ็ง เขาขมวดคิ้วด้วยความงงว่าเปื้อนอะไร
เสาธงหน้าโรงเรียนเอาธงลงแล้ว นักเรียนก็กลับบ้านไปหมดแล้ว ประตูใหญ่หน้ารร.ปิดโดยเปิดแต่ประตูเล็ก กรองแก้วรีบวิ่งมาในสภาพหน้ายังเปื้อนถ่านดำเป็นปื้น เธอรีบไปหยิบผ้ากับอุปกรณ์แล้วรีบไปถูพื้นบริเวณทางเดินบนอาคารทันที แม่บ้านคนหนึ่งดินถือไม้กวาดมา
“กรองแก้ว มาถึงไม่คิดจะพักหายใจหายคอก่อนเลยเหรอ”
กรองแก้วยกมือไหว้ “น้านง..แก้วไม่เหนื่อยหรอกจ้ะ ครูใหญ่อุตส่าห์จ้างแก้วทำงานพิเศษทั้งที ต้องทำให้คุ้มความเมตตาของท่านหน่อย..อีกอย่าง รีบทำงาน แก้วจะได้รีบกลับบ้านไปดูแลพ่อด้วยไงจ๊ะ”
“เจริญๆเถอะนะแม่คุณ”
กรองแก้วยิ้มๆ แล้วพนมมือขอบคุณ บุษบาโผล่ออกมาจากห้องพักครูใหญ่
“กรองแก้ว..มาพอดี..ครูกำลังรออยู่เลย”
กรองแก้วไหว้ “ครูใหญ่..ขอบคุณนะคะที่ให้แก้วไปทำอาหารในงานเลี้ยงของพวกคนรวย มีคนติดใจฝีมือแก้วและให้ทิปมาด้วยค่ะ” กรองแก้วนึกได้ “อ้อ ครูใหญ่มีอะไรให้แก้วรับใช้หรือคะ”
“แก้ว เข้ามานี่สิ..มา..มีคนอยากเห็นแก้ว..”
กรองแก้วงง
อิงอรมองดูกรองแก้ว กรองแก้วพนมมือไหว้โดยที่หน้ายังเปื้อน เสื้อหลวมซอมซ่อ ผมเปียรุ่ยๆทำให้เธอดูกะโปโลมากขึ้น กรองแก้วทั้งงง ทั้งสงสัยจึงยืนก็เก้ๆกังๆ เพราะห่วงหน้าพะวงหลังเมื่อนึกถึงพ่อ
“นี่ล่ะจ้ะ กรองแก้ว..เด็กที่เราพูดถึงกัน” บุษบาบอกอิงอร
อิงอรอารมณ์เสีย “อะไรกันเนี่ย..บุษบา..นี่หรือเด็กที่สวยที่สุดในโรงเรียน เธอหลอกชั้นให้เสียเวลาทำไม”
“คือ..” บุษบามองหน้ากรองแก้วแล้วก็เข้าใจ “โธ่..ยัยแก้ว เฮ้อ..เข้าไปในห้องน้ำครู แล้วล้างหน้าเดี๋ยวนี้”
“ทำไมคะ ครู” กรองแก้วถาม
บุษบาส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู “ไปดูกระจกเอาเองสิ เร็วเข้า..” บุษบามองกรองแก้วทั้งตัว “อ้อ..” บุษบานึกได้จึงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเครื่องแบบต่างๆที่เอาไว้ขายเด็ก แล้วเลือกหยิบห่อชุดพละของรร. ที่เป็นเสื้อยืดตรารร. กับขาสั้นในห่อพลาสติกใสออกมา “แล้วก็..เปลี่ยนเสื้อผ้าซะด้วย..ใส่ชุดพละออกมาด้วย”
กรองแก้วงงแต่พนมมือขอบคุณอย่างว่าง่าย เธอรับห่อชุดพละแล้วเดินเข้าห้องน้ำในห้องพักครู
กรองแก้วโผล่หน้ามาที่กระจกเหนืออ่างล้างหน้าแล้วก็ตกใจที่เห็นหน้าตัวเอง
“ว้าย..ตายล่ะ”
กรองแก้วรีบเปิดน้ำแล้วก้มลงล้างหน้าทันที
อิงอรเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจ
“บุษบา..เธอต้องเข้าใจนะ ว่านี่มันคืออาชีพของฉัน การส่งเด็กเข้าประกวดนางสาวศรีสยาม เป็นโอกาสที่ร้านเสื้อของฉันจะได้ประชาสัมพันธ์ตัวเอง ได้ค่าสปอนเซ่อร์ แล้วถ้าเด็กได้ตำแหน่งอะไรก็ตาม มันก็จะเป็นหน้าเป็นตา เป็นเกียรติเป็นศรีให้กับร้านอิงอร เธอจะมาทำเป็นล้อเล่นแบบนี้ไม่ได้”
“ใครว่าชั้นล้อเล่น ยายกรองแก้วเป็นเด็กที่สวยเด่นจริงๆ” บุษบาบอก
อิงอรลดสียงลง “แบบนั้นน่ะเหรอ..สวยของเธอ!”
ทันใดนั้นประตูห้องน้ำก็เปิดออก อิงอรหันไปมองแล้วก็อ้าปากค้าง
กรองแก้วก้าวออกมาในชุดพละเสื้อเข้ารูปคอโปโล ปักตรารร. สีชมพูสด กับกางเกงพละสีขาวขาสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย ใบหน้าที่เพิ่งล้างสะอาดใสผ่องนวลเปล่งปลั่ง แก้มแดงตามธรรมชาติ ตาโต คิ้วโก่ง ผมถูกรวบตึง เปียข้างหลังขมวดเป็นมวยแต่มีจอนผมที่ตกมาอย่างอ่อนหวานตามธรรมชาติ
อิงอรมองกรองแก้วหัวจรดเท้าและจากเท้าจรดหัว ช่วงขาของกรองแก้วยาว สวย แขนเรียว รูปทรงอก เอว สวยได้ส่วนสัดนางงาม
อิงอรถึงกับตะลึงงัน
พุฒิภัทรขับเรือเร็วมาถึงท่าน้ำของโรงพยาบาลอย่างสง่า พุฒิภัทรวนเรือมาเทียบ
ท่าอย่างคล่องแคล่วแล้วกระโดดลงมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้ม บุญสมวิ่งลงมา
“คุณชายพีร์โทฯไปสั่งผมที่บ้านให้มารอคุณชายพุฒิที่นี่ แล้วนั่น..เสื้อนอกไปไถดินหม้อที่ไหนมาครับ”
“ไม่รู้เหมือนกัน.. ช่างมันเถอะ รีบเอาเรือไปคืนคุณซิลวี่เลย ขอบใจมากๆนะ บุญสม” พุฒิภัทรเดินลิ่วเข้าไปในโรงพยาบาล
บุญสมกระโดดลงเรือ ส่วนพุฒิภัทรวิ่งเข้าไปรวดเร็ว
พุฒิภัทรเดินเข้ามาในโรงพยาบาล
“ไม่ได้มีเคสฉุกเฉินอะไร” พุฒิภัทรถาม
เพียงพรตอบสั้นๆ “ค่ะ”
“แล้วทำไมถึงต้องโทรไปตามผมให้รีบกลับมาด้วย”
“ท่านผอ.ใช้ให้เพียงพรโทรตามคุณชายค่ะ เพียงพรก็ไม่ทราบว่าเรื่องด่วนอะไร ท่านบอกแต่ตามมาเดี๋ยวนี้”
“ผมจะไปหาผอ.เอง”
พุฒิภัทรกำลังจะเดินไป แต่ทันใดนั้นก็เกิดความเคลื่อนไหวบริเวณบันได บุคลากรของโรงพยาบาลและคนที่หัวบันไดพากันหลีกทางแหวกออก พุฒิภัทรหันไปดูเห็นผอ.รพ.เดินนำคณะขึ้นมา
“ท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาล..” ผู้หญิงคนหนึ่งพูด
ท่านพิชิต ท่านผู้หญิงดารา และคณะผู้ติดตามเดินกันมาเป็นขบวน
ช่างภาพประจำคณะวิ่งดักหน้าดักหลังคอยยิงภาพจากกล้องที่มีแฟลชเป็นดวงกลมทำให้เกิดแสงวาบเนระยะ พุฒิภัทรมองอย่างทึ่งๆ
“ท่านพิชิตกับท่านผู้หญิงดารา” สาวคนหนึ่งพูดขึ้น
คณะผ่านมาตรงหน้าพวกพุฒิภัทรพอดี
ผอ. หันมาเห็นก็รู้สึกภูมิใจนำเสนอ “อ้าว..ท่านครับ..นี่ไงครับ..คุณชายนายแพทย์พุฒิภัทร จุฑาเทพ..เป็นนายแพทย์ศัลยกรรมประสาทมือดีที่สุดในประเทศไทยครับ”
พิชิตหยุด มอง แล้วยิ้มแบบมีพิธีก่อนจะยื่นมือออกมา “คุณชาย..ยินดีที่ได้รู้จัก”
พุฒิภัทรยิ้มแล้วยื่นมือไปจับด้วย “ยินดีครับ ท่าน”
“หน้าตาเด็กจริง เท่าๆกับลูกชายคนเล็กของเรากระมังจ๊ะ ท่านผู้หญิง” พิชิตว่า
พุฒิภัทรหันไปพนมมือไหว้ท่านผู้หญิง
ดารารีบรับไหว้แล้วยิ้มเก๋ๆ แบบดารา “หน้าใสมากค่ะ..คุณชายหมอ..ฝากสามีดิฉันด้วยนะคะ..รู้สึกประสาทไม่ค่อยปกติอยู่เหมือนกัน” ดาราพูดอย่างมีอารมณ์ขัน
คณะผู้ติดตามหัวเราะรับกันตามจังหวะ รวมทั้งตัวพิชิตที่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากกว่าเพื่อน
ผอ.หัวเราะ “ขอโทษที่ตามให้กลับมาด่วนนะคุณชายพุฒิ ผมอยากให้คุณชายกับท่านได้เจอกัน..คือ ท่านพิชิตกับท่านผู้หญิงไม่มีเวลาว่างมากนัก ท่านมาวันนี้ เพราะอยากจะปรึกษาเรื่องก่อตั้งมูลนิธิเพื่อให้ทุนกับบุคคลากรที่ทำงานทางด้านสมองและศัลยประสาท ผมก็เลยคิดว่า เป็นความจำเป็น..ที่จะให้คุณชายกับท่านได้คุยกันโดยตรง..”
ภายในห้องทำงานของผอ. พุฒิภัทรกล่าวขอบคุณพิชิต
“ผมยินดีมากเลยครับ ที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เห็นความสำคัญของศัลยแพทย์ประสาท เพราะทุกวันนี้ บุคลากรทางด้านนี้น้อยมาก ในขณะคนไข้มีแนวโน้มจะมากขึ้นเรื่อยๆ..และการรักษาทางด้านนี้ ก็เป็นสิ่งที่ประชาชนที่ยากจนทั่วๆไปมีโอกาสเข้าถึงได้ยากมากครับ มันจะต้องเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนมากอย่างยิ่งเลยครับท่าน”
พิชิตเดินไปเดินมาเพื่อชมวิวภายนอกรพ. ในขณะที่ท่านผู้หญิงนั่งสง่าอยู่
“จริงๆแล้วมันเป็นความคิดคุณหญิงดารา ผมมีหน้าที่ตามใจ ก็แค่นั้น” พิชิตบอก
“ท่านคะ..ไม่ต้องปิดทองหลังพระตลอดเวลาหรอกค่ะ ให้คนอื่นทราบบ้าง นานๆที ไม่เป็นไรหรอก” ดาราหันมาหาพุฒิภัทร “คุณชายหมอคะ..คือ..คุณพ่อดิฉัน ท่านเส้นเลือดในสมองแตก และเสียชีวิต เพราะสมัยนั้นการรักษาโรคนี้ยังไม่เป็นที่รู้จัก ตอนนี้ พวกเราเป็นผู้มีอำนาจวาสนาแล้ว ดิฉันจึงอยากจะทำสิ่งนี้ เพื่ออุทิศให้คุณพ่อ..”
“ผมไม่มีความรู้ทางด้านแพทย์อะไรเท่าไหร่ แต่ผมเชื่อใจท่านผอ. ท่านว่าผมไว้ใจคุณชายได้ งั้นเอาเป็นว่า ผมฝากให้คุณชายรับผิดชอบแทนด้วยแล้วกันนะ ทั้งเรื่องการจัดตั้งมูลนิธิ แล้วก็เรื่องทุนการวิจัยสำหรับพัฒนาบุคลากรด้านนี้” พิชิตพูด
“ด้วยความยินดีครับท่าน ผมจะรีบร่างเอกสารทันทีเลยครับ” พุฒิภัทรบอก
พุฒิภัทร ผอ.เดินออกมาส่งพิชิตขึ้นรถที่ด้านหน้ารพ.
“ยินดีที่ได้เจอครับคุณชายหมอ ขอบคุณนะครับ คุณชายหมอ ขอบคุณนะครับ ทุกคน” พิชิตหันมาโปรยยิ้ม แล้วเห็นว่าแพทย์ฝึกหัดสาวทั้งสองหน้าตาเข้าทีจึงมองอย่างเอ็กซเรย์รวดเร็วราวกับเสือเห็นเหยื่อ ภายใต้ใบหน้าใจดีแต่มีรอยยิ้มมุมปาก
สองสาวก้มหน้าหลบตาทันที พุฒิภัทรสังเกตเห็นก็ชะงักและขมวดคิ้วเล็กน้อย คณะของพิชิตขึ้นรถ ไป
“เห็นสายตาท่านไหมเธอ” สาวคนแรกถามเพื่อน
“น่ากลัวนะ สมกับที่ได้ยินเลย ว่าอะไรๆ ก็ดีหรอก..แต่ท่านบ้าผู้หญิงมาก” สาวอีกคนบอก
“จุ๊ๆๆ เบาๆ สิเธอ”
สาวคนที่สองกระซิบกระซาบ
“ขนาดท่านผู้หญิงสวยขนาดไหน ยังไม่วาย..เขาว่า..พวกนางเอกหนัง ดาวโป๊ นักร้องสวยๆ กับพวกนางงามทุกเวที ไม่ว่าคนรอง หรือคนได้ครองมงกุฎ ก็โดนท่านเก็บเข้าวิมานสีชมพูหมดเลยนะเธอ”
พุฒิภัทรร่วมรับฟังแต่ทำหน้าตาไม่นิยม มารตีในเครื่องแบบพยาบาลเดินสวนมา
“พี่ชายพุฒิ!”
ทุกคนหันไปมองอย่างงงๆ
พุฒิภัทรขมวดคิ้ว “มารตี”
พุฒิภัทรเดินกลับเข้ามาตามทางเดินในโรงพยาบาล มารตีรีบตามมาคาดคั้น
“วันนี้พี่ชายพุฒิไปปาร์ตี้ที่บ้านยัยซิลวี่มาเหรอคะ”
“นี่ไม่ใช่เวลาพูดเรื่องส่วนตัว”
“ไหนว่าพี่ชายพุฒิไม่มีอะไรกะมัน”
“น้องควรไปทำงานได้แล้ว”
มารตีไม่ยอมไป
“หม่อมย่าท่านทราบหรือเปล่าคะ ว่าพี่ชายพุฒิยังคบค้าสมาคมกะยัยนี่”
พุฒิภัทรหันมา “ให้มันมีกาลเทศะหน่อยนะน้อง..พี่เห็นเธอเป็นน้องสาวหรอกนะ ถึงไม่อยากจะถือสา..ขอโทษนะ พี่จะไปทำงาน..พี่กำลังจะตั้งมูลนิธิ หาทุนทำวิจัยให้แผนกของพี่ นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก สำหรับวิชาชีพของเรา”
มารตีอ้าปากค้าง พุฒิภัทรกับผู้ช่วยรีบเดินไป มารตีหันมาแล้วก็สะดุ้งที่เห็นเพียงพรซึ่งเป็นหัวหน้าของเธอยืนหน้าเขม็ง
“คุณเข้าเวรอยู่ตึกโน้นไม่ใช่เหรอ หม่อมหลวงมารตี..” เพียงพรถาม
มารตีหน้าซีดเล็กน้อยแต่ยังวางฟอร์ม “ดิฉันมาพูดธุระกับคู่หมั้นนิดหน่อย..ไม่น่าจะมีปัญหานี่คะ”
“คู่หมั้น?? ให้ได้หมั้นก่อน ค่อยใช้คำนั้น จะดีไหม..ไม่ใช่อะไรหรอกนะคะ ดิฉันแค่ไม่สบายใจ..เวลาเห็นฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายตีฆ้องร้องป่าวอยู่ข้างเดียว..ยิ่งผ่านไปหลายปี เราจะยิ่งดูไม่ดีนะคะ..ดิฉันหวังดีนะคะ ถึงเตือน”
มารตีมองเพียงพรตาแทบลุกเป็นไฟแต่ก็ไม่กล้าเถียง เธอหันกลับแล้วเดินฉับๆ หน้าเชิดจากไป เพียงพรอ่อนใจ
กรองแก้วหน้าตาตื่นรีบปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่ค่ะ..”
“ทำไมล่ะแก้ว..เวทีนางสาวศรีสยามเป็นเวทีที่มีเกียรตินะ แล้วแก้วก็จะได้เป็นหน้าเป็นตาให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาของเราด้วย” บุษบาบอก
“แต่..แก้วคงทำไม่ได้”
อิงอรพูดด้วยท่าทีเปลี่ยนไปราวกับคนละคน
“หนูแก้วขา..หนูก็ได้ยินแล้วนะคะ ว่าถ้าหนูชนะ ได้ตำแหน่งนางสาวศรีสยาม หนูจะได้รางวัลเป็นมงกุฏเพชร เงินสดห้าหมื่น ขันทองคำ สายสะพาย แล้วจะได้เงินจากการไปปรากฏตัวตามงานต่างๆ ได้ชุดเสื้อผ้าสวยๆมากมาย แล้วก็อาจจะได้เป็นนางเอกหนังไทยด้วย ถ้าได้ตำแหน่งรอง..ก็จะได้รางวัลลดหลั่นกันลงมา หนูไม่อยากได้เหรอ”
กรองแก้วตอบทันที “ไม่ค่ะ”
“แต่หนูจะได้เปลี่ยนฐานะ เปลี่ยนชีวิต เหมือนตายแล้วเกิดใหม่เชียวนะ” อิงอรเสริม
“ไม่เป็นไรค่ะ..หนูชอบอยู่แบบนี้เหมือนเดิมค่ะ ดีแล้วค่ะ”
บุษบาอึ้ง อิงอรเซ็ง
“แก้ว.. ..ถึงแก้วจะไม่นิยม..แต่แก้วไม่อยากได้เงินไปรักษาพ่อเหรอ..มันก็เป็นทางเดียวนะแก้ว ที่จะได้เงินมากๆ ในเวลาที่เร็วๆ แล้วก็มีเกียรติด้วย แล้วครูว่า..แก้วสวยพอ..ที่จะได้รางวัลอะไรสักรางวัลแน่ๆ..ลองคิดดูนะแก้ว” บุษบากล่อม
รณพีร์กำลังนั่งรีแล็กซ์พลางดูหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องโดม เขาเปิดเฉพาะหน้าข่าวสังคมที่ลงรูปสาวสวยมากมาย
ธราธรเข้ามาชะโงกดู “อะไรกันนี่..ชายพีร์ ละลานตาไปไหม”
“พี่ชายใหญ่รู้จักใครซักคนไหม” รณพีร์ถาม
ธราธรส่ายหน้าแล้วหัวเราะ “ไม่รู้จักสักคน”
วรรณรสากับปวรรุจน์เข้ามาได้ยินพอดี
วรรณรสาวิ่งมาอย่างร่าเริง “รสารู้จักหมดเลย ดาราหนังไทยทั้งนั้น นี่...อมรา อัศวนนท์ เมตตา รุ่งรัตน์ อรสา อิศรางกูร ณอยุธยา พิศมัย วิไลศักดิ์..วิไลวรรณ วัฒนพาณิช รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง”
รณพีร์เอ่ยชม “สาวๆสวยๆทั้งนั้น”
ปวรรุจน์หัวเราะ “หนังสือที่ชายพีร์อ่าน กับหนังสือที่ชายภัทรอ่านนี่มันช่างต่างกันจริงๆ” ปวรรุจน์เดินไปที่ชั้นหนังสือในมุมของพุฒิภัทรแล้วหยิบตำราแพทย์ออกมาเปิดโชว์ “อ่ะ ชายพีร์ ดูสิ”
ในหนังสือเล่มนั้นมีแต่รูปอนาโตที่ผ่าเปิดจนเห็นอวัยวะภายในต่างๆ ดูแล้วชวนสยอง
รัชชานนท์เดินเข้ามาแล้วหัวเราะ “หนังสืออ่านเล่นของชายภัทร..ดูแล้วชวนให้ปลงอศุภะ เหมาะกับการใช้เป็นคู่มือการปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานมาก”
“ชายภัทรคงจะเป็นฤษี หรือบวชเป็นพระป่าสายปฏิบัติไปในไม่ช้าแล้วล่ะ เพราะปกติก็ชอบเทศนาสิ่งสอนชาวบ้านอยู่แล้ว” ธราธรบอก
“สวยสงบ เงียบสนิท ไม่ผิดประเพณี กุลสตรีเข้าครัว กราบผัววันละสามหน..” ปวรรุจน์เพ้อ
“ท่องอะไรของพี่ชายรุจคะ” วรรณรสาว่า
“คุณสมบัติผู้หญิงที่จะมาเป็นเมียชายภัทร ผิดไปจากนี้ พ่อเจ้าประคุณไม่มีวันแล”
ทุกคนต่างเฮฮาขำกันยกใหญ่กับคำพูดเย้าพุฒิภัทรของปวรรุจ
คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 1 (ต่อ)
ในขณะที่รณพีร์เปิดหนังสืออีกหน้า แล้วก็ชะงัก
“ฮ้า! งานประกวดนางสาวสยามจะมีเร็วๆนี้นี่!! รู้แล้ว เรามาพนันกันเอาไหม พี่ๆ”
“อะไร ชายพีร์ อย่ามาชวนพี่ชายรุจให้ไปฝักใฝ่อบายมุขนะ” วรรณรสาว่า
“โห..ท่านหญิง เห็นชายพีร์เป็นอะไรไปเนี่ย..ทุกคน ฟังนะ เราจะลากพี่ชายภัทรไปดูประกวดนางสาวสยามให้ได้ แล้วเรามาดูกัน ว่าพี่ชายภัทรได้เห็นขาอ่อนสลอนใกล้ๆตรงหน้าแบบนั้น พระฤษีของเรา จะตบะแตกหรือไม่” รณพีร์แซว
“แค่ที่นายว่าจะพาชายภัทรไปดูประกวดให้ได้ เราก็ขอพนันว่า..ไม่มีทางแล้ว ไม่ต้องไปถึงขั้นตบะแตกหรอก เพราะชายภัทรไม่มีวันชื่นชมงานโชว์เรือนร่างประเภทนี้เด็ดขาด” ธราธรบอก
ปวรรุจเสริม “หรือถึงชายภัทรไปได้เห็นขาอ่อนมาเรียงกันสลอนตรงหน้า เขาก็จะไม่มีวันคิดอย่างอื่น นอกจากนี่คือขาของมนุษย์ ประกอบไปด้วยกระดูก เส้นเอ็น เลือด เนื้อ ไขมัน น้ำเหลือง..ระบบประสาทต่างๆ ป่วยเป็นอะไรหรือไม่ ต้องรักษาอย่างไร”
รัชชานนท์ รณพีร์ วรรณรสาโห่ฮาขึ้นพร้อมกัน
“ไม่มีทางหรอกครับ ชายภัทรก็เป็นคน เป็นเพศชาย มีเลือด มีเนื้อ..เหมือนเราๆนี่เอง ไม่มีใครจะอดทนต่อขาอ่อนได้” รัชชานนท์บอก
รณพีร์เห็นด้วย “จริง..”
“โอเค..งั้นเรารับพนัน ชายภัทรไม่มีวันตบะแตก” ปวรรุจมั่นใจ
“เราด้วย ชายภัทรเห็นขาผู้หญิงเท่ากับเห็นตำราอนาโตมี่ เป็นวิชาการทางกายวิภาคนั้น” ธราธรบอก
“โอเค รสาเป็นกรรมการให้ ใครชนะ..จะได้อะไร”
“ได้รับเลี้ยงดินเน่อร์อาหารทะเล ที่ชายทะเลพัทยา” รัชชานนท์บอก
“เยสส..เลี้ยงสกี และล่องเรือไปเที่ยวเกาะขามด้วย” รณพีร์ดีใจ
ธราธรเสริม “ดีลล”
ทั้งหมดเฮขึ้นมาด้วยกัน
พระจันทร์สลัวอยู่ในม่านเมฆ กรองแก้วนั่งน้ำตาไหลอยู่ที่ท่าน้ำ ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าเบาๆ กรองแก้วรีบเช็ดน้ำตาก่อนจะหันไป พ่อกรองแก้วยืนเศร้าอยู่
“ถ้าแก้วไม่อยากประกวด แก้วก็ไม่ต้องไปหรอกลูก..”
“ไม่ได้หรอกค่ะพ่อ แก้วรับปากครูบุษบาไปแล้ว ครูก็ฝากฝังแก้วกับเพื่อนแล้ว”
“แต่แก้วต้องฝืนใจไม่ใช่เหรอ..แล้วแก้วต้องไป..นุ่งอะไรสั้นๆแบบนั้น..”
กรองแก้วมุ่งมั่น “แต่แก้วอยากได้เงินค่ะ”
“พ่อทำให้ลูกลำบาก..”
กรองแก้วรีบลุกมากอดแขนพ่อแล้วแสดงว่าร่าเริง “ลำบากอะไรกันคะ ดีออก แก้วจะได้ไปพระนคร ได้แต่งตัวสวยๆ เจอแต่เรื่องน่าสนุกทั้งนั้น”
“แต่พ่อเป็นห่วง”
“โธ่ พ่อขา..พ่อไม่ต้องกังวลอะไรเลย..คุณอิงอร เจ้าของร้านเสื้ออิงอรเค้าจะช่วยแก้วทุกอย่าง ทั้งเรื่องที่พัก อาหาร เสื้อผ้า การแต่งตัว แล้วยังจะสอนอะไรดีๆให้แก้วอีกตั้งเยอะ”
“เขาจะช่วยเราเปล่าๆ โดยไม่หวังอะไรเลย..งั้นเหรอ”
“ไม่เปล่านะคะ แก้วก็จะช่วยงานที่ร้านเค้า เค้าใช้อะไร แก้วก็จะทำ ถ้าแก้วได้เป็นนางงาม แก้วก็จะประกาศ..ว่าแก้วใส่ชุดของร้านนี้..คนก็จะพากันมาตัดเสื้อไงคะพ่อ”
“ไว้ใจได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ทำไมจะไม่ได้คะ เขาเป็นเพื่อนกะครูใหญ่”
“พ่อไม่อยากให้แก้วคิดหาเงินมารักษาพ่อด้วยวิธีนี้”
“พ่อคะ..ถ้าแก้วได้รางวัลมงกุฎกับขันน้ำพานรองเป็นทอง..ป้าจิกอาจจะยอมให้แก้วกู้เงิน ไหนจะรางวัลที่ได้จากการประกวดอีก แบบนี้ แก้วจะล้มเลิกไม่ได้หรอกค่ะ แก้วจะตั้งใจ พยายามชิงเอารางวัลชนะเลิศมาให้ได้ พ่อจะได้ผ่าตัด..แล้วจะไม่ต้องปวดศีรษะอีกต่อไป ไงคะ”
สีหน้าของกรองแก้วแน่วแน่สุดๆ ขณะที่พ่อกรองแก้วอึ้ง
ตะวันลอยขึ้นเหนือคุ้งคลองและสวนดอกมะลิกับกุหลาบมอญ กรองแก้วเก็บดอกมะลิในสวนด้วยอุปกรณ์และวิธีการแบบมืออาชีพอยู่กับป้าและลุงชาวสวน
กรองแก้วเอาดอกมะลิไปเทรวมใส่เข่งที่ริมคลอง คนที่มารับซื้อให้เงินค่าจ้าง กรองแก้วนับเงินด้วยความดีใจ
เวลาต่อมา กรองแก้วยืนสะบัดผ้าที่ซักเสร็จแล้วก่อนจะเอาขึ้นไปตากบนราว เด็กผู้หญิงรุ่นเดียวกับกรองแก้วเอาตะกร้าผ้าชุดชั้นในและถุงเท้ามาฝากให้ซัก
“แก้ว..ซักให้เราเพิ่มอีกนิดได้มั้ยจ๊ะ”
“เอ่อ จ้ะ” กรองแก้วรับคำ
แม่ของเด็กผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามา “อ้อย ชุดชั้นในกับถุงเท้าใช้เพื่อนซักได้ยังไง..หนูแก้ว หมดตรงนี้ก็กลับบ้านไปพักได้แล้วนะ อ่ะ นี่ค่าจ้างจ้ะ”
กรองแก้วยกมือไหว้ “ขอบคุณมากค่ะป้า”
กรองแก้วนับเงินด้วยความดีใจ
เวลาผ่านไป กรองแก้วนั่งร้อยพวงมาลัยที่บ้านด้วยแสงจากตะเกียง กรองแก้วหาวแล้วก็เผลอวูบ จนเข็มทิ่มนิ้วตัวเอง
กรองแก้วสะดุ้ง “อูยๆ” กรองแก้วดูดนิ้วเพื่อห้ามเลือดตัวเองแล้วก็ตบหน้าตัวเองเรียกสติ “ตื่นๆๆ”
วันถัดมา กรองแก้วเดินขายพวงมาลัยที่ร้านอาหารริมน้ำ
กรองแก้วเอาเงินเหรียญที่ได้มาหยอดกระปุกด้วยความมุมานะ
หลายวันผ่านไป กิตติที่หน้าตาซีดเซียวกำลังเอาต้นไม้ลงในสวนหย่อมเล็กๆรอบเสาธงของโรงเรียน กิตติพยายามยกกระถางแต่มีอาการเซ กรองแก้ววิ่งเข้ามาเห็นพอดี
“พ่อ!!” กรองรีบเข้าไปประคอง “พ่อนั่งพักก่อน ยาพ่ออยู่ไหนคะ เดี๋ยวแก้วไปหยิบมาให้”
“ไม่ต้องแก้ว พ่อไม่เป็นไร นั่งสักพักก็คงดีขึ้น”
กรองแก้วนั่งข้างๆ ด้วยความสงสาร “พ่อ..พ่อเลิกมาทำงานเถอะนะ อย่าฝืนเลย แก้วไม่อยากเห็นพ่อทรมาน”
กิตติลูบหัวลูกสาว “แก้วเอ๊ย พ่อรู้ว่าลูกรักและเป็นห่วงพ่อมาก แต่พ่ออยากให้แก้วห่วงตัวเองมากกว่า พ่ออายุมากแล้ว มีเวลาอยู่อีกไม่เท่าไหร่ แต่ลูกสิ ยังเด็ก ยังต้องมีชีวิตอยู่ไปอีกนาน”
“ทำไมพ่อพูดอย่างนี้”
“เรื่องที่ลูกไม่คิดจะเรียนต่อ” กิตติพูด กรองแก้วนิ่ง “แก้วเคยบอกกับพ่อว่าแก้วอยากเป็นครูไม่ใช่เหรอ ถ้าแก้วไม่เรียนต่อ แล้วแก้วจะเป็นครูได้ยังไง”
“พ่อจ๋า..ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญกับแก้วเท่าพ่ออีกแล้ว สิ่งเดียวที่แก้วต้องทำเป็นอันดับแรกก็คือพาพ่อไปผ่าตัดที่พระนครให้ได้”
“แก้วไม่ต้องทำอะไรเพื่อพ่อแล้ว เอาเงินที่หามาเก็บไว้ไปใช้สำหรับเรียนต่อเถอะ”
“ไม่..แก้วจะไม่ยอมให้พ่อเป็นอะไร”
“แก้ว..”
“พ่ออย่าห้ามแก้วเลย..ถ้าไม่มีพ่อ แก้วก็ไม่อยากเรียน ไม่อยากทำอะไรอีกแล้วทั้งนั้น..ขอแค่พ่อหาย แก้วยอมเสียทุกอย่าง”
กรองแก้วกอดพ่อแต่แววตามุ่งมั่นดื้อดึงเพราะชัดเจนในสิ่งที่ทำ บุษบามองสองพ่อลูกอยู่ที่ด้านหนึ่ง
ณ วังจุฑาเทพยามค่ำคืนซึ่งเปิดไฟสว่างไสว เสียงเปียโนเพลงเหงาๆ ดังกังวาน หม่อมเอียดกับย่าอ่อนเดินเล่นกันอยู่ในสนามหญ้าท่ามกลางแสงไฟโคมสวยงาม
ภายในตึก พุฒิภัทรในชุดลำลองกำลังเล่นเพลงโดยมีอารมณ์ดื่มด่ำไปในบทเพลง
หม่อมเอียดร้อง “วังเอ๋ยวังเวง หง่างเหง่ง! ย่ำค่ำระฆังขาน ฝูงวัวควายผ้ายลาทิวากาล ค่อยค่อยผ่านท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน ชาวนาเหนื่อยอ่อนต่างจรกลับ ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน ทิ้งทุ่งให้มืดมัวทั่วมณฑล และทิ้งตนตูเปลี่ยวอยู่เดียว เอย”
“ดอกสร้อย รำพึงในป่าช้า ของพระยาอุปกิตศิลปสาร” อ่อนร้องบ้าง
“เพลงของชายภัทร..ทำให้พี่รู้สึกวังเวง..เราเองก็ใกล้ป่าช้าไปทุกวัน แต่ก่อนตาย..พี่อยากเห็นหลานๆเป็นฝั่งเป็นฝาทุกคนก่อน แล้วดูสิ..ชายภัทรคงเหงา เพราะพี่ๆพากันมีคู่กันไปหมดแล้ว ชีวิตตัวเองก็มีแต่งาน ไม่มีความหอมหวานอะไรเลย” เอียดว่า
“คุณพี่ก็รีบไปสู่ขอหนูมารตีอย่างเป็นทางการเร็วๆสิคะ เพราะขืนคุณพี่เอาแต่ใจเย็น..ชายภัทรไปคว้าพวกผู้หญิงชาวบ้านต่ำชั้นกริยาชั่ว ไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาล่ะ น้องคงทนไม่ได้แน่ๆ” อ่อนบอก
พุฒิภัทรยังคงเล่นเพลงไปเรื่อยๆ อย่างสบายๆ
เช้าวันใหม่ หม่อมเอียดกำลังชมสวนอยู่ สักพักย่าอ่อนก็เดินนำพุฒิภัทรในชุดทำงานเข้ามา
“หม่อมย่า” พุฒิภัทรยกมือไหว้ “อรุณสวัสดิ์ครับ..วันนี้มีอะไรพิเศษหรือครับ เห็นว่าหม่อมย่าไม่สบาย อยากให้ผมช่วยดู”
“ใช่ ย่าไม่สบาย” หม่อมเอียดบอก
“อาการเป็นอย่างไรครับ”
“ย่ารู้สึกหดหู่ สิ้นหวัง เป็นกังวล แล้วก็รู้สึกผิดบาป จนไม่อยากจะพบหน้าใคร”
พุฒิภัทรตกใจ “แล้ว..หม่อมย่ามีอาการเบื่ออาหาร หลับไม่สนิท ชอบคิดในแง่ร้าย หูแว่ว เห็นภาพหลอนร่วมด้วยหรือเปล่าครับ”
“ชายภัทร..คุณพี่ไม่ได้เป็นโรคจิตนะ..แล้วก็ไม่ต้องจ่ายยาแก้โรคประสาทนะ..เพราะมีแต่ชายภัทรคนเดียวที่รักษาคุณพี่ได้”
ย่าอ่อนบอก
ธราธรกับปวรรุจวิ่งจ๊อกกิ้งผ่านมา พอธราธรเห็นว่าหม่อมเอียดกับย่าอ่อนอยู่ก็ถึงกับเบรก
“เฮ้ยๆๆๆ”
ธราธรเบรกเอี๊ยดแล้วรีบดึงปวรรุจมาหาที่หลบมุม
“มีอะไรครับพี่ชายใหญ่”
“ที่10 นาฬิกา..หม่อมย่าเอียด ย่าอ่อน…อยู่กับชายภัทร” ธราธรบอก
“ถึงคราวชายภัทรตกที่นั่งลำบากบ้างแล้ว..” ปวรรุจน์เป็นกังวล
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนรุมหว่านล้อมพุฒิภัทร
“พี่ๆของชายภัทร..ทำให้ย่าผิดหวังมาก..รู้ทั้งรู้ว่า หม่อมเจ้าวิชชากร จุฑาเทพ บิดาของชายภัทร มีสัญญาใจกับหม่อมราชวงศ์เทวพันธ์ เทวพรหม ว่าจะให้ลูกๆของทั้งสองสกุลแต่งงานกัน..แล้วดูสิ่งที่พี่ชายของหลานทำกับย่าสิ” หม่อมเอียดว่า
“คุณชายใหญ่..ปฏิเสธหม่อมหลวงเกษรา ย่ายังพอเข้าใจได้ เพราะคุณเกษราเองก็มีคนรักอยู่..แต่..แต่คุณชายอีกคน ฮึ ย่าขอไม่พูดถึง” ย่าอ่อนไม่พอใจ
“ชายภัทร..หลานคือหลานชายที่พวกย่ารักมากที่สุด..ตั้งแต่เล็กจนโต ชายภัทรเชื่อฟังย่ามาตลอด ตั้งใจเรียน สร้างแต่ความภาคภูมิใจให้ย่า ไม่เคยทำให้ย่าเสียใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว..ชายภัทรต้องไม่ทำให้ย่าผิดหวังนะ”
พุฒิภัทรอึดอัด
ธราธรเห็นแบบนั้นก็อยากจะเข้าไปช่วยชายภัทร
“โธ่ๆชายภัทรเอ๊ย เดี๋ยวก็ถูกมัดมือชกหรอก”
รัชชานนท์กับรณพีร์เดินเข้ามา
“ปล่อยให้ชายภัทรแก้ปัญหาเองเถอะ” รัชชานนท์บอก
“พวกนายไม่สงสารชายภัทรเหรอ” ธราธรถาม
“สงสารสิครับ แต่ก็สงสารตัวเองมากกว่า” รณพีร์บอก
“พวกพี่รอดตัวจากสัญญาใจของท่านพ่อแล้ว..แต่พวกเราสามคน..ยังไม่รอดนะครับ” รัชชานนท์พูด
“ชายภัทร เป็นคนง่ายๆ สบายๆ ไม่มีปัญหา...ชายภัทรเหมาะสมที่สุดที่จะแต่งงานกับพวกเทวพรหม” รณพีร์บอก
“เราสองคนก็จะเป็นอิสระ” รัชชานนท์สรุป
รณพีร์กับรัชชานนท์ปะมือกัน
พุฒิภัทรพยายามหาทางเลี่ยง
“ผม..ผมยังไม่คิดเรื่องแต่งงานตอนนี้”
“นี่ชายภัทรปฏิเสธเหรอ” ย่าอ่อนถาม
“คือ ผมไปร่ำไปเรียนวิชาแพทย์ที่เมืองนอกมาตั้งหลายปี ผมก็อยากจะใช้วิชาความรู้ช่วยเหลือประชาชนก่อนอื่นครับ”
“ก็หนูมารตีก็เป็นพยาบาล..หมอกับพยาบาล อุดมการณ์เดียวกัน..รักกัน..ช่วยกันทำงาน..ช่วยเหลือประชาชน..มันช่างเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบที่สุด” หม่อมเอียดสรุป
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนเคลิ้ม แต่พุฒิภัทรกลุ้มใจ
“อ้อ ชายภัทร เดี๋ยวแวะไปที่วังเทวพรหมก่อนนะ..ย่าบอกหนูมารตีว่าวันนี้ชายภัทรจะมารับไปทำงานพร้อมกัน..ป่านนี้คงจะแต่งตัวรอแล้ว..ไปๆๆ”
หม่อมเอียดเร่งให้หลานชายรีบไป
ส่วนมารตีในชุดสวยเปรี้ยวกำลังเอารองเท้าส้นสูงคู่ใหม่มาวางเรียงผสมกับคู่อื่นๆ วิไลรัมภาในชุดนักศึกษาเดินออกมา
“ทำไมพี่มารตีต้องแต่งตัวเช้งวับออกจากบ้านด้วย อีกประเดี๋ยว ถึงโรงพยาบาลก็ต้องเปลี่ยนเป็นชุดนางฟ้าสีขาวแล้ว”
มารตีหงุดหงิด “ความสุขเล็กๆน้อยๆของชั้น ไม่ต้องยุ่ง”
“อ้ะ นี่คู่ใหม่นี่หน่า โห คู่ที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย..แล้วพี่จะเอาเวลาที่ไหนมาสวม ทำงานพยาบาล ก็ได้แต่สวมรองเท้าขาวไม่ใช่เหรอ” วิไลรัมภาถาม
“เงินเดือนออกทั้งที..ก็ต้องซื้อของใหม่มั่งสิ”
“แล้วหัวหน้านางพยาบาลเค้าไม่เขม่นพี่หรือ นางพยาบาล ต้องมีระเบียบวินัยนะ”
“อย่าแตะต้องของๆ ชั้น!! ออกไปไกลๆ” มารตีไล่
เทวพันธ์เดินออกมาได้ยินเข้าพอดี จึงกรายเข้ามาเปรยๆ
“เงินเดือนออกแล้ว..ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์..ก็รีบเอาไปจ่ายๆซะ มารตี..เดี๋ยววังเทวพรหมของเราโดนตัดน้ำไฟโทรศัพท์ละก็..อายเขาตาย”
“คุณพ่อไปเอาที่พี่เกษสิคะ” มารตีว่า
“เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเขาก็เอามาให้แล้ว” เทวพันธ์บอก “แต่พ่อเอาให้สมหวังเอาไปจ่ายกับข้าว ที่เซ็นต์ไว้ที่ร้านไอ้โกหมด อีกอย่าง..เกษราเค้าก็ส่งเสียยัยวิไลรัมภาเรียนอยู่นี่ไง จะให้พ่อไปกวนอะไรเค้านักหนา เราน่ะ ทำงานมีเงินเดือนแล้ว ก็ต้องช่วยทางวังบ้าง..ไม่ใช่จะเอาแต่แต่งองค์ทรงเครื่อง” เทวพันธ์รำคาญ
“ลูกไม่ใช่ผู้จัดการธนาคารนะคะ”
“ก็รีบๆ ให้ชายภัทรเค้ามาขอสิ ได้เป็นสะใภ้หม่อมเอียด กะเจ้าสัวซ้ง ได้ทั้งเงินฝ่ายเจ้า กะฝ่ายจีน” เทวพันธุ์หัวเราะชอบใจแล้วเดินไป
มารตีอยากจะร้องไห้จึงตะโกนตามหลัง “เบื่อๆๆ เป็นหม่อมหลวงจนๆ อยู่วังผุๆ พังๆ เต็มทีแล้ว”
วิไลรัมภามองพี่สาวอย่างตกตะลึง
“มองอะไร อีเด็กบ้า!!” มารตีเอารองเท้าขว้างน้องทันที
วิไลรัมภารับรองเท้าส้นสูงคู่ใหม่ของมารตีไว้ได้แบบช็อกๆ
ทันใดนั้นพุฒิภัทรก็เดินเข้ามา โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่
“สวัสดีครับ..สวัสดีคุณอา..ผมมารับน้องมารตีครับ” พุฒิภัทรยิ้มให้ทุกคนอย่างงงๆ เมื่อเห็นวิไลรัมภาถือรองเท้าอยู่ก็แปลกใจ
วิไลรัมภารีบเอารองเท้าซ่อนที่ด้านหลัง มารตีที่กระฟัดกระเฟียดอยู่รีบเปลี่ยนท่าทีทันที เธอหันมายิ้มหวานให้พุฒิภัทร
“มารตีกำลังรออยู่เลยค่ะ..มารตีไปทำงานนะคะคุณพ่อ” มารตียกมือไหว้ “น้องวิไลรัมภา ตั้งใจเรียนนะจ๊ะ” มารตียกมือบ้ายบายด้วยท่าทางน่ารัก
บุษบากำลังเก็บของเตรียมกลับบ้าน กรองแก้วเดินเข้ามาในห้องพักครู
“แก้ว..มีอะไรหรือเปล่า” บุษบาถาม
“ครูบุษคะ ช่วยแก้วด้วย แก้วอยากกู้เงินจากป้าจิก แต่จะต้องมีใครสักคนค้ำประกันให้ ป้าจิกถึงจะให้กู้ ครูบุษช่วยแก้วได้ไหมคะ แก้วสัญญาว่าจะไม่ทำให้ครูบุษเดือดร้อน”
“แก้วจะกู้เงินจากป้าจิกเหรอ..คิดดีแล้วเหรอแก้ว”
“แก้วไม่มีทางอื่นแล้ว”
“แก้วมีทางเลือกที่ดีกว่านั้น ทางเลือกที่จะทำให้แก้วมีเงินพาพ่อไปรักษา และยังได้เรียนฝึกหัดครูต่อด้วย..ประกวดนางสาวศรีสยามยังไง..แก้วรู้หรือเปล่าว่า ถ้าแก้วชนะ ได้ตำแหน่งนางสาวศรีสยาม แก้วจะได้รางวัลเป็นมงกุฏเพชร ขันทองคำ สายสะพาย และเงินสดห้าพันบาท”
“เงินห้าพัน” กรองแก้วตกใจ
“ถ้าได้เป็นตำแหน่งรอง..รางวัลก็จะลดหลั่นกันลงมา แต่ก็ยังเยอะอยู่ดีนะแก้ว..แก้วจะได้เงิน มีเกียรติ..ได้เป็นหน้าเป็นตาของจังหวัดเรา แล้วก็ได้รู้จักคนสำคัญๆ..ครูว่า..แก้วสวยพอ..ที่จะได้รางวัลอะไรสักรางวัลแน่ๆ..ลองคิดดูนะแก้ว เป็นนางสาวศรีสยาม หนทางพาพ่อไปรักษาที่กรุงเทพฯน่าจะสะดวกกว่าเป็นชาวบ้านธรรมดาๆแบบนี้นะ”
กรองแก้วนิ่งไป เธอครุ่นคิดแล้วก็ตัดสินใจเด็ดขาด
นางพยาบาลสาวเดินกรายท่านางงามแข่งกันอยู่ในโรงพยาบาล
พยาบาลสาวร้องเพลง “โฉมเอย โฉมงาม อร่ามแท้ แลตะลึง..ได้เจอ..ครั้งหนึ่ง..”
เหล่านางพยาบาลที่กำลังเดินนางงามทำท่าหมุน พอหันไปก็ต้องผงะยืนแข็งทื่อเมื่อเห็นพุฒิภัทรยืนจ้องถมึงทึง นางพยาบาลเห็นพุฒิภัทรก็หน้าซีดกันหมด
“เป็นนางพยาบาลดีๆไม่ชอบ อยากเป็นนางงาม เอาอะไรมาคิด..” พุฒิภัทรว่า
“เป็นนางงามได้แต่งตัวสวยๆ ได้เงินเยอะ แล้วก็มีแต่คนชอบนะคะคุณหมอ” นางพยาบาลคนหนึ่งบอก
“เป็นสุภาพสตรี แต่เที่ยวไปนุ่งน้อยห่มน้อย เดินให้คนดูของสงวน แล้วถ่ายรูปเอามาวิพากษ์วิจารณ์กัน ..มันดีตรงไหน”
ยศวินเดินเข้ามา “คุณชายมองโลกในแง่ร้ายไปหรือเปล่าครับ ประเทศนอกที่ไหนๆเขาก็ประกวดกันให้ครึกโครม เป็นสีสันทำให้โลกสดใส”
“ยศวิน..พูดอะไร เกรงใจชุดที่นายสวมอยู่บ้าง..นางพยาบาลมีหน้าที่ช่วยชีวิตคน ดูแล ช่วยเหลือ ผ่อนคลายความทุกข์ให้ผู้ป่วยที่น่าสงสาร มีประโยชน์แก่โลกมากกว่าเป็นนางงามไร้สาระ”
เสียงปรบมือดังเข้ามา ทุกคนหันไปมอง มารตีที่เปลี่ยนเป็นชุดพยาบาลแล้วเดินยิ้มอย่างมีชัยเข้ามา
“พี่ชายภัทรพูดถูกค่ะ มารตีภูมิใจจริงๆ ในความเป็นนางพยาบาลของตัวเอง” มารตีมองอย่าดูถูกพยาบาลทุกคน “อาชีพของเรา มีเกียรติกว่าพวกนางงามขายหน้าตาและเรือนร่างมาก..โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..นางพยาบาลเป็นนางฟ้าสีขาวที่ได้ทำงานเคียงข้างกับหมอ..เพราะ..เราเกิดมาคู่กัน..นะคะ พี่ชายภัทร” มารตีเข้ามากอดแขนพุฒิภัทรทำท่าสนิทสนม
นางพยาบาลคนอื่นๆ ต่างพากันแยกย้ายไปด้วยความเซ็ง
“นางฟ้าสีขาว?”
ยศวินมองมารตีหัวจรดเท้า
ปวรรุจถือถาดชา ขนมของว่าง และผลไม้เล็กๆน้อยๆพร้อมเสิร์ฟ ธราธร รัชชานนท์ และรณพีร์รุมกัน แอบดูอยู่ที่ประตูด้วยหน้าตาซุกซน
พุฒิภัทรอ่านแฟ้มงานคนไข้และเซ็นต์รับทราบด้วยท่าทางจริงจังอยู่ภายในห้อง บรรดาพี่ๆน้องๆหันมาสบตากัน รณพีร์ให้คิวปวรรุจเดินเข้าไป ปวรรุจเข้าไปวางถาดชาพร้อมของว่างลงที่โต๊ะ
รณพีร์พยักหน้ากับพี่ๆ ก่อนเดินเข้าไป “พี่ชายรุจๆ วันเสาร์หน้าไปดูประกวดนางงามกะเรานะ”
ปวรรุจหันมาหลิ่วตาให้กัน “วันเสาร์หน้า! โอ๊ชายพีร์..เราไปไม่ได้หรอก เรานัดกับรสาไว้ว่าจะไปดินเน่อร์กับเพื่อนๆเค้า..เพราะต้นเดือนหน้า เราก็ต้องเดินทางไปสวิสแล้ว”
“โอ..จริงด้วย แย่มากๆ ทำไงดี เรารับบัตรเชิญมา ที่หน้าสุดตรงกลางเลยนะ รับรอง ว่าเห็นเหงื่อนางงามทุกเม็ด คนไหนมีขนหน้าแข้งละก็..เห็นชัดๆเลย” รณพีร์หันไปแล้วแอบยกมือให้คิว
ธราธรชี้ที่ตัวเองแล้วพยักถาม รณพีร์พยักหน้าตอบ
ธราธรเดินเข้ามาพูดด้วยแอ๊คติ้งที่ไม่ค่อยเนียนนัก “โอ๊ย..เหนื่อยจังเลย หิวมากด้วย.. มีอะไรกินมั้ย”
รณพีร์กระโดดมากอด “พี่ชายใหญ่คร้าบ..วันเสาร์หน้า พี่ชายใหญ่ไปดูประกวดนางสาวไทยกับผมน้าๆๆๆ ผมไม่อยากไปคนเดียว ผมอยากไปกับพี่น้อง”
“เสาร์หน้าพี่ไม่ว่าง มีงานที่มหาวิทยาลัย ทำไมชายพีร์ไม่ไปกับชายนนท์ล่ะ” ตอนท้ายธนาธรถาม
รัชชานนท์เดินเข้ามาโวยวายแบบโอเว่อร์ “งานนางสาวไทยใช่ไหม อยากดูมากๆๆๆเลย เสียดายที่สุดๆๆๆเลย เราไปไม่ได้..ชายพีร์ ได้ข่าวว่าปีนี้มีแต่คนสวยๆทั้งนั้นด้วยสิ แต่เราต้องไปสัมมนาต่างจังหวัดตั้งแต่วันพุธแน่ะ ว้า..แย่จัง”
ทุกคนพูดจังหวะเดียวกัน “แล้ว..ทำไมนายไม่ชวนชายภัทรล่ะ!”
“จริงด้วย..พี่ชายภัทร ไปกับผมนะ..ผมเหลือแต่พี่คนเดียว.. ผมรู้ว่าเสาร์อาทิตย์นี้ พี่ไม่มีผ่าตัดอะไร ถ้าพี่ไม่สงสารผม ไม่ไปกับผม..ผมก็คงไม่มีใครอีกแล้ว เหมือนกับว่า..เหลืออยู่ตัวคนเดียวในโลก” รณพีร์เข้ามาคุกเข่าจับมือพุฒิภัทรแล้วทำตาปริบๆ ราวกับขอแต่งงาน
“ขอโทษนะ ชายพีร์.. นายไปชวนเพื่อนๆเถอะงานประเภทนี้ ชั้นไม่ชอบจริงๆ” พุฒิภัทรปัด
รณพีร์ทำดราม่า “พี่ชายภัทรใจร้าย ..เรามีพี่น้องก็เหมือนไม่มี..เราเสียใจมาก เราผิดหวังในตัวชายภัทรมาก ความเป็นพี่น้องของเรา...มันคงไม่มีความหมาย ต้องให้เราไปชวนเพื่อนๆงั้นเหรอ..ไหนคนโบราณเคยว่าไว้..ว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ”
พุฒิภัทรมองหน้า “นายเป็นอะไรไป เรื่องแค่นี้เอง..”
“ชายพีร์.. ชายภัทรเค้าคงเกรงใจมารตีน่ะ” ธราธรว่า
“จริงด้วย หมอมีคู่หมั้นเป็นพยาบาลก็งี้..ยัยมารตีคงคุมแจ ไม่ให้ไปมองผู้หญิงที่ไหน” ปวรรุจเสริม
“นั่นสิ ชายภัทรไม่กล้าทำอะไรให้มารตีเคืองหรอก เค้ารักกัน” รัชชานทท์บอก
“ใครบอก..เราไม่ใช่คู่หมั้นมารตี ไม่ได้รัก ไม่ได้เกรงใจอะไรเค้าทั้งนั้น” พุฒิภัทรรีบปฏิเสธ
“แล้วทำไม พี่ไม่กล้าไปดูประกวดนางงามกับผม..แค่แป๊บเดียวเองก็ไม่กล้า” รณพีร์ถาม
“ทำไมเราจะไม่กล้า ..โอเค..เราจะไปกับนาย..จบหรือยัง?” พุฒิภัทรตกหลุม
ทุกคนพูดพร้อมกัน “จบ!”
ทุกคนกระดี๊กระด๊าผิดปกติ ทั้งหมดจับมือกันเขย่าแล้วแยกย้ายกันไป พุฒิภัทรงง
คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 1 (ต่อ)
ขณะเดียวกันกรองแก้วหยิบกระปุกออมสินของตัวเองออกมา แล้วแววตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นเด็ดขาด กรองแก้วเอาสากกะเบืออันใหญ่ทุบจนกระปุกแตก
เงินที่ไหลออกมามีแบงค์ยี่สิบเพียงใบเดียวนอกนั้นคือเหรียญจำนวนหนึ่ง กรองแก้วกอบประคองเงินเหล่านั้นอย่างแน่วแน่ ดวงตาวาววับด้วยน้ำตาแห่งความภูมิใจในตัวเอง
สายวันต่อมา กรองแก้วอยู่ในชุดที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นกางเกงไม่ค่อยเข้ารูปทรงกับเสื้อของแม่ ผมยาวของเธอถูกถักเปียอย่างตั้งใจจะให้เรียบร้อยทั้ง 2 ข้าง กรองแก้วถือกระเป๋าเดินทางเก่าๆ ลายสก็อตเชยๆ ใบย่อม ใส่รองเท้าผ้าใบขาว เดินมองซ้ายขวาอย่างตื่นๆ งงๆ ออกมาหน้าสถานีรถไฟสามเสนเพื่อมองหาเส้นทางที่จะไปต่อ
รถแล่นผ่านไป ท่อไอเสียตุ๊กๆ คันหนึ่ง ปล่อยควันดำออกมาใส่หน้ากรองแก้วเต็มๆ กรองแก้วผงะ เพราะเหม็น เธอปัดควันแล้วเดินต่อ คนมากมายเดินมาอย่างรีบเร่งแล้วเลี้ยวเข้าไปในสถานี หลายคนชนกรองแก้วจนเซ
กรองแก้วถอยหลบแล้วมองหาจนเห็นแม่ค้าขายผลไม้ดองอยู่แถวนั้น กรองแก้วตัดสินใจเดินไปหาแม่ค้า ก่อนจะยกมือไหว้แล้วถามเส้นทาง เธอควักแผ่นที่ที่จดมาอ่านให้แม่ค้าฟัง แม่ค้าขอแผ่นไปอ่านเอง แล้วอธิบายพลางชี้ทาง
คนขับรถรางขับไปสักพักก็เขย่าระฆังแล้วมองดูทางข้างหน้า กรองแก้วนั่งอยู่ในรถรางคันนั้น เธอหันมองหน้าต่างดูข้างทางด้วยความตื่นตาตื่นใจไปตลอด รถรางแล่นโคลงเคลงๆ แล้วก็เบรกทำให้กรองแก้วตัวเอนไปข้างหน้าแล้วก็เอนกลับ กรองแก้วเริ่มเวียนหัว คลื่นไส้ และรู้สึกผะอืดผะอม
สามล้อถีบรถมาในซอย กรองแก้วนั่งมาในรถสามล้อด้วยความเพลียเพราะอากาศร้อนมาก แสงแดดยามบ่ายแผดจ้าลงบนหัว กรองแก้วเงยหน้ามอง แสงแดดเข้าตา เธอเอามือป้อง
รถสามล้อถีบมาจอดหน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งสภาพเจ้าของบ้านน่าจะเป็นคนที่มีฐานะปานกลาง มีรั้วรอบขอบชิด มีสนาม ลานปูน และตัวบ้านไม้ทาสีที่ไม่หรูหราเท่าไหร่
หน้าบ้านมีป้ายติดว่า “บ้านอิงอร” พี่เลี้ยงนางงามชื่อดัง
คนถีบสามล้อจอด “ที่นี่ล่ะ บ้านอิงอร”
กรองแก้วก้าวลงจากรถ เธอยกกระเป๋ามาตั้งข้างตัวแล้วก็เซนิดๆ แต่ก็แข็งใจเปิดกระเป๋าออก
“ค่ารถเท่าไหร่” กรองแก้วถาม
“5 บาท” สามล้อรับจ้างบอก
“โห..5 บาท” กรองแก้วล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบแบงค์ 1 บาทออกมานับส่งให้ 5 ใบด้วยหน้าความเสียดายมาก “นี่จ้ะ”
คนขับสามล้อรับไปแล้วถีบสามล้อกลับ
กรองแก้วเช็ดเหงื่อแล้วรวบรวมกำลังยกกระเป๋าเข้าไปกดออดแล้วก็เซ กรองแก้วชะเง้อชะแง้มอง เธอตาลายจึงเห็นทุกอย่างพร่ามัวเป็นภาพซ้อน มะลิ คนรับใช้ของบ้านวิ่งออกมาแล้วมองตรงมาที่ประตู
กรองแก้ววางกระเป๋าเพราะเริ่มหน้ามืด เธอจึงเกาะเสาประตูไว้
มะลิเปิดออกมา “มาหาใครหรือ” มะลิมองหัวจรดเท้า
กรองแก้วมองหน้ามะลิ
“อ้าว..เธอ..หน้าซีดเชียว มาหาใคร..” มะลิถามย้ำ
กรองแก้วเห็นหน้ามะลิหน้าเป็นภาพซ้อน แล้วก็ฝ้าฟาง ขาวพร่า ก่อนจะมืดลง
“คุณ..อิงอร..ดิฉัน..จะมาสมัครเข้าประกวด..นางงาม นางสาวศรีสยามค่ะ..”
พูดจบกรองแก้วก็เป็นลมล้มพับกองกับพื้น
“อ่าว..”
มะลินั่งลงไปประคองแก้ว เธอหันไปมองในบ้านด้วยความอึดอัดใจ
กรองแก้วค่อยๆ กระพริบตาตื่นขึ้นมาอย่างงงๆ มะลิให้กรองแก้วดมยาดม ทุกคนที่รุมอยู่รอบๆ วิพากษ์วิจารณ์เหมือนมุงดูสัตว์
“โอ้โห..ดูตาเค้าสิ สวยยังกับตาลูกกวาง”
“ดูผิวเค้าก่อนดีกว่า..นี่เหรอ เด็กบ้านนอก..ผิวละเอียดมากเลย”
“รูปร่างเค้าก็ดีนะ ดูสิ แขนยาว ขายาว..แบบนี้ถ้าใส่ชุดว่ายน้ำ เราคงสู้ไม่ได้”
“บอบบาง ขี้โรค อ่อนแออย่างนี้จะขึ้นไปเดินบนเวทีใหญ่ๆ ไหวเร้อ” สุนันท์ว่า
กรองแก้วมองดูคนนั้นที คนนี้ที เพราะไม่รู้จักใครเลย
“หนู..เธอ..เป็นยังไงบ้าง..เป็นลมไปตั้งนาน..หิวข้าวหรือเปล่า..เอ้า กินน้ำๆ ก่อน”
พูดจบมะลิก็ประคองศีรษะกรองแก้วขึ้นมาแล้วเอาน้ำให้กิน
ระหว่างนี้อิงอรที่ถือกระเป๋ากลับมาจากนอกบ้านเดินมาดู
“อะไรกันน่ะ มุงอะไรกัน ใครเป็นอะไร”
ทุกคนแหวกทางให้ อิงอรเห็นกรองแก้วก็ดีใจ
“หนูกรองแก้ว..อ๊าย..ชั้นนึกว่าหนูจะเบี้ยวซะแล้ว..แล้วนั่นเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ ไม่ได้นะ เหลือเวลาอีกไม่กี่วันเท่านั้นเอง หนูจะป่วยไม่ได้..ไม่งั้น..ร้านเสื้ออิงอรต้องแย่แน่ๆ เราจะสูญเงินหลายหมื่นเลยนะหนู”
กรองแก้วรีบประคองตัวลุกขึ้น “เปล่าค่ะ..หนู..หนูไม่ได้เป็นอะไร หนูแค่..เมารถ..ถนนกรุงเทพฯ มันเหมือนน้ำมันมาก”
“อี๋...เมารถ..แหวะ บ้านนอกจัง” สุนันท์ว่า
“หนูเค้าคงท้องว่างด้วยแหละค่ะ หิวหรือเปล่าจ๊ะ หนู” มะลิถาม
กรองแก้วเงยหน้าแล้วทำตาโต ทันใดนั้นท้องของเธอก็ร้องจ๊อก ทุกคนสะดุ้ง
“จริงด้วยค่ะ แก้ว..ยังไม่ได้ทานอะไรเลย..ตั้งแต่เช้าแน่ะค่ะ” กรองแก้วบอก
ทุกคนหัวเราะขำๆ ยกเว้นสุนันท์ที่ค้อนขวับ
ด้านพุฒิภัทรเดินมาตามทางโรงพยาบาลโดยมีมารตีควงแขนโชว์ความสนิท ยศวินเดินตามหลังมาห่างๆ พร้อมกับทำหน้าเหยกับพฤติกรรมของมารตี คนในโรงพยาบาล เดินผ่านมา พอเห็นทั้งสองคนยืนติดเกาะกัน ก็เดินเลี่ยงไป
พุฒิภัทรปลดมือมารตีออก “เอ่อ..อย่าจับตัวพี่สิ มารตี คนเห็นเข้า เธอจะดูไม่ดี”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มารตีไม่ถือ”
“แต่พี่ถือ…นางพยาบาล เป็นวิชาชีพที่ดี มีเกียรติ และเราทั้งคู่คือข้าราชการ ควรมีความประพฤติที่ดีงาม น่าเชื่อถือ สำรวม สง่างาม ไม่ใช่ดูเละเทะ ไร้กิริยา ไม่ควบคุมอาการ”
มารตียอมปล่อยแล้วพยายามออดอ้อน “แหม..พี่ชายคะ..บ่นเก่งจัง ยังกะตาแก่..”
“พี่สอนเธอเพราะอยากให้เธอเป็นคนดี ใครๆ เขาจะได้ชื่นชม นับถือ”
“เฮ้อ..แต่มารตีก็ชอบฟังนะคะ พี่ชายภัทรบ่น..ฟังแล้วมารตีไม่เคยเบื่อเลยค่ะ..กลับบ้านเย็นนี้..มารตีขอติดรถไปด้วยได้ไหมคะ พี่ชายกรุณาแวะไปส่งมารตีที่วังเทวพรหมหน่อย..นะคะ..เพราะคุณพ่อของมารตีมีธุระอะไรก็ไม่ทราบ..อยากจะปรึกษาพี่ชายหน่อยน่ะค่ะ”
“พี่จะโทร.ไปคุยกับคุณอาเองก็แล้วกัน แต่พี่คงแวะไปส่งน้องไม่ได้ ต้องขอโทษทีนะ พอดีพี่รีบ”
พุฒิภัทรสลัดออกมาได้ก็รีบเดินลิ่วหนีไป มารตีอยากกรี๊ดแต่คนผ่านมาเยอะจึงต้องเก็บอาการ ยศวินถอยไปทำเป็นมองทางอื่นแล้วก็กลั้นขำไว้
มารตีหันมาเห็นก็ฉุนจี๊ด “ขำอะไรคะ นายแพทย์ยศวิน”
“เปล่าครับ ผมดู ผีเสื้ออยู่อะครับ แน่ะบินหนีไปละ ตลกจัง” ยศวินบอก
“ผีเสื้อ...บินหนีแล้วทำไม...มันตลกตรงไหนไม่ทราบ”
“คือธรรมชาติของผีเสื้อน่ะ...ถ้าเราไล่จับ มันจะบินหนีครับ แต่บางที ถ้าเรายืนนิ่งๆ มันจะบินมาเกาะเราเองครับ ตลกดีนะครับ”
ยศวินเดินหนี มารตีมองตามแล้วคิดแค้นจึงรีบตามไป
ยศวินเดินขึ้นบันไดตึก มารตีรีบเดินตามมา
“นายแพทย์ยศวิน เดี๋ยวก่อนค่ะ”
“ครับ..”
“เรื่องผีเสื้อน่ะค่ะ”
“ทำไมครับ”
“มันบินหนีเราไม่ได้หรอกนะคะ ถ้ามันถูกจับ ตรึงหมุด แล้วก็อัดใส่กรอบกระจกเอาไว้”
“แต่นั่นมันคือผีเสื้อที่ตายแล้วนะครับ”
“ชั้นไม่สนใจหรอก ว่ามันจะเป็น..หรือตาย..ขอแต่ให้มันเป็นของเราก็พอ”
“งั้น..คุณก็ไม่รักผีเสื้อสิครับ ถ้ารักมัน ก็ต้องอยากให้มันมีชีวิตและโบยบินไป แต่นี้ คุณคิดอยากให้ฆ่ามันด้วยซ้ำ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณหมอด้วยล่ะคะ”
“อ๋อ พอดี..ผมเป็นคนรักธรรมชาติน่ะครับ ผมว่าอะไรที่ไปบีบบังคับขืนฝืนธรรมชาติ มันจะไม่สวยครับ” ยศวินว่า
“ช่างสิ อะไรจะสวย หรือไม่สวยก็ช่าง ขอให้ชั้นสวย..แล้วก็ได้ดังใจทุกอย่างก็พอ”
พูดจบมารตีก็เดินเชิดจากไป ยศวินอึ้ง
ฝ่ายอิงอรจับเนื้อตัวและแขนขาของกรองแก้วมาพลิกดูมือ เท้า เข่า ศอก
“มือ เท้า แขนขาสะอาดดีค่ะ คุณนาย เล็บสั้นไปนิด แต่แปลกดี ไม่เห็นข้อแตกแบบคนทำงานหนักเลยซักนิด” มะลิบอก
มะลิจับกรองแก้วมาวัดสัดส่วน โดยที่อิงอรคอยจด
“รอบอก..34นิ้ว..เอว..22นิ้ว..”
อีกจังหวะ กรองแก้วโดนจับแหวกริมฝีปากเพื่อดูฟัน กรองแก้วโดนจับพลิกหัว ดูหู ดูตีนผมหน้าหลังอย่างละเอียด ดูลักษณะเส้นผมต่างๆ
ฟากสุนันท์เดินปังๆ เข้ามาโวยวายกลางห้องนอนของตัวเองที่กรองแก้วยืนถือกระเป๋าเดินทางเด๋ออยู่ในห้อง
“คุณแม่..อะไรกันคะ จะให้ยัยบ้านนอกนี่นอนกะนันท์หรือคะ”
กรองแก้วหน้าเสีย อิงอรกำลังหยิบผ้าเช็ดตัวจะเอามาให้ก็ชะงัก
“เตียงลูกออกจะกว้างใหญ่ กรองแก้วเขาอาศัยนอนไม่กี่คืนหรอกน่า” อิงอรบอก
“ไม่เอานะคะ..ห้องนันท์แคบจะตาย จะอยู่กันเข้าไปได้ไง2คน.. นันท์ไม่ชอบอยู่กับใครเบียดๆ..โดยเฉพาะ..พวกคนแปลกหน้า เหม็นสาบแย่..ทำไมคุณแม่ไม่ให้มันไปนอนห้องนังมะลิล่ะ”
“ลูกนันท์..จะให้กรองแก้วเค้าไปนอนห้องคนใช้ได้ยังไง แก้วเค้าเป็นตัวแทนร้านเรา..ที่ร้านเราส่งเข้าประกวดนางสาวศรีสยามนะ”
“ไม่รู้ล่ะ..งั้นก็ให้ไปนอนห้องพวกนางงามข้างหลังสิ” สุนันท์หันมาหากรองแก้ว “ใช่ไหมยะ แม่แก้ว หล่อนนอนที่ไหนก็ได้ ใช่ไหม หล่อนไม่ใช่คนเรื่องมากหรอก..ชั้นรู้”
“เอ้อ คุณอิงอรคะ” กรองแก้วพูด “แก้วนอนที่ไหนกับใครก็ได้ค่ะ ขอแค่มีที่นอน แก้วก็ดีใจแล้ว คุณอิงอรจะให้แก้วทำงานบ้านก็ได้นะคะ แก้วอยากช่วยค่ะ จะให้แก้วซักผ้า รีดผ้า กวาดถูบ้าน หรือทำกับข้าวก็ได้นะคะ”
“จริงเหรอ ดีนี่..งั้น” สุนันท์เปิดตู้แล้วเอาชุดที่แขวนออกมา “เอาชุดนี้ไปรีด..”
“นี่..ยายนันท์..ไม่เอาน่า..” อิงอรจูงกรองแก้วมา “นี่..หนูแก้ว ไม่ได้นะจ๊ะ ไม่ได้ หนูมาที่นี่ในฐานะแขกของเรา ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น นอกจากเตรียมตัวเข้าประกวด..ยัยนันท์” อิงอรหันไป “ถ้าอย่างนั้น..ลูกก็พาแก้วไปห้องพักนางงามที อย่ามาเกเรนะ..ทำตามที่แม่สั่ง” อิงอรจ้องตาดุโดยแฝงความนัยบางอย่าง
กรองแก้วอึดอัดใจ สุนันท์ทำหน้าเซ็งแล้วก็ค้อนใส่วงใหญ่
ตรงทางเดินหลังบ้านอิงอร มีห้อง 2 - 3 ห้องที่ถูกปิดเอาไว้ และมีห้องน้ำรวมตรงสุดปลายทาง สุนันท์เดินนำเข้ามาแล้วเอากุญแจมาไขประตูห้องแรก
“นี่ย่ะ...ห้องนอนหล่อน จะอาบน้ำก็โน่นนะ ห้องน้ำ...แล้วอย่าทำสกปรกล่ะ อย่าปีนขึ้นไปนั่งยองๆเหยียบฝาชักโครก เข้าใจไหม”
กรองแก้วมองไปห้องอื่นที่ดูมืด “พวกผู้หญิงที่จะมาเข้าประกวดด้วยกัน...พักที่นี่ด้วยหรือเปล่าคะ”
“อุ๊ย สามคนนั่นเค้าเป็นลูกผู้ดีมีสกุล บ้างก็เป็นลูกข้าราชการ...มาจากกรมกองต่างๆในกรุงเทพฯนี่เอง เค้าซ้อมเดินเสร็จ ก็กลับบ้าน มีคุณพ่อคุณแม่มารับ...ไม่มีใครเค้าอนาถาอย่างหล่อนหรอก” สุนันท์ว่า
“พวกลูกคนที่มีเกียรติแบบนั้น..ทำไมเขาถึงมาประกวดนางงามล่ะคะ” กรองแก้วถาม
“ใครๆ ก็อยากจะโก่งค่าตัวกันทั้งนั้นแหละ ก็เหมือนกับหล่อนเหมือนกัน”
“โก่งค่าตัวอะไรหรือคะ แก้วเปล่า แก้วมาประกวดเพราะจะได้เอาเงินไปรักษาพ่อ” กรองแก้วบอกเหตุผลจริงๆ
สุนันท์กลับหัวเราะจนท้องแข็ง “พ่อป่วยเหรอ..ฮะๆๆ พ่อป่วย..อุ๊ยตาย..ลูกกตัญญู เชอะ ถ้าพ่อหล่อนป่วยจริง ชั้นขอแนะนำ...ว่าอีกหน่อย ให้หาผู้ชายรวยๆ มาเลี้ยงสิ ได้ทั้งบ้าน รถ ค่ารักษา ค่าเทอม..คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม”
กรองแก้วหน้าตึง “แก้วไม่ได้ต้องการอะไรแบบนั้น แก้วมาเพราะจำเป็นจริงๆนะคะ”
“นี่โกรธงั้นเหรอ หน้าบางจริ๊ง...ทำเป็นรับไม่ได้ขึ้นมาเชียว เรื่องพรรค์นี้ใครๆเค้าก็รู้กันทั้งนั้น อย่ามาทำเป็นดัดจริตไม่เข้าใจวงการนางงามหน่อยเลย...พอขึ้นไปบนเวที ก็จะมีนายหน้ามาคอยจัดหา จับจองตัว เพื่อส่งไปให้…”
อิงอรโผล่มาได้ยินพอดีก็ตกใจ
“ยัยนันท์!”
สุนันท์ชะงักแล้วหันไป กรองแก้วหันไปด้วย
“ยัยนันท์ เสร็จธุระแล้ว..แกจะไปทำอะไรก็ไป” อิงอรว่า
สุนันท์ทำหน้าเชิดแล้วเดินปังๆ จากไป
อิงอรถือขันใส่ของใช้ในห้องน้ำมาให้แล้วยิ้มหวานเอาใจกรองแก้ว
“อย่าไปฟังลูกสาวชั้นเลย กรองแก้ว ยัยนันท์มันนิสัยไม่ดี ขี้อิจฉา ชอบแกล้งคน...ไม่เหมือนหนูกรองแก้วเล้ย..นิสัยดี..กตัญญู..ไม่ต้องกลัวนะ หนูแก้วจ๋า ขอให้หนูเชื่อชั้น..แล้วรับรองว่าหนูต้องได้เป็นนางสาวศรีสยามแน่ๆ” อิงอรยิ้มหวานฉ่ำขณะพูดประโยคต่อมา “แล้วคอยดูสิ ชีวิตของหนูแก้วจะเปลี่ยนไป..โลกทั้งโลก..จะเป็นของหนู ลาที ชีวิตจนๆ..ฉันจะพาหนูไปสู่ชีวิตใหม่ ชั้นสัญญาจ้ะ”
กรองแก้วตาโตด้วยอาการเคลิ้มคล้อยไปกับคำหวาน
วันใหม่ กรองแก้วใส่รองเท้าส้นสูงประมาณ 4 นิ้ว และกำลังพยายามเดินอย่างลำบากยากเย็น 3 สาวงามที่มาประกวดฝึกเดินกันไปพร้อมๆ กัน พร้อมกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่เปิดเพลง นางฟ้าจำแลง มะลินั่งดูตาเป็นประกาย ทำหน้าเหมือนอยากเดินบ้าง
“ช้าๆ..เดินช้าๆ..เยื้องกรายไป..ทอดแขน..ขากับแขนต้องสลับกันสิคะ ไม่ใช่ก้าวเท้าไหน แล้วเอาแขนนั้นไปข้างหน้าด้วยกัน..ผิดค่ะ ผิดๆๆ ถ้าขาไหนไปข้างหน้า แขนข้างนั้นต้องไปข้างหลังค่ะ” อิงอรกำกับ
กรองแก้วตั้งใจทำเต็มที่ทำให้เกร็ง จนกลายเป็นคนที่เดินเอาขากับแขนข้างเดียวกันไปพร้อมกัน เธอเลยหยุดเดินแล้วลองแกว่งแขนไปมา แล้วสังเกตดูก่อนจะก้าวเดินใหม่
“ดีขึ้นๆ..ช้าๆ อย่าเดินขาไขว้ไปมาเป็นปูแบบนั้นสิคะ เดินตรงๆ สมมุติว่าก้าวไปบนแผ่นไม้กระดานแผ่นเดียว” อิงอรบอก
กรองแก้วก้มหน้าดูเท้าตัวเองให้ตรง
“อย่าก้มหน้ามองพื้นสิคะ มองไปรอบๆ..สมมุติว่ามีคนดูเต็มไปหมด..ยิ้มให้ทุกคน จ้อง..มองทุกคน แต่ไม่ต้องกลัว คนดู..ก็เปรียบเสมือนดอกไม้ในสวน เราคือนางพญาเจ้าของสวน ที่เดินไป..มองดูดอกไม้ ต้นไม้ ใบหญ้าต่างๆในสวนของเราไป..แล้วก็ยิ้ม..ที่เห็นต้นไม้ในสวนของเราเยอะแยะ..ออกดอกสวยงาม.. ยิ้มมากๆ..ให้เห็นฟัน..ทำตาหวานๆ”
ทุกคนพยายามทำตาม
ทันใดนั้น กรองแก้วที่รองเท้าสูงมากก็เกิดเท้าพลิกจนล้มลงไปนั่งพับเพียบกับพื้น
“กรี๊ด!!!” ทุกคนร้องออกมา
“ว้าย..” มะลิรีบเข้าไปประคอง “หนูแก้ว เป็นอะไรมากไหมคะ..ไหนดูซิ หักหรือเปล่า”
“ไม่ได้นะ หักไม่ได้นะ..ห้ามหัก..ขืนหัก ล่ะเสียหายหลายแสนเลยชั้น..” อิงอรว่า
กรองแก้วถอดรองเท้าออกแล้วลองหมุนเท้าไปมา “คงไม่หักหรอกค่ะ แค่เท้าพลิก..”
“ยัยมะลิ เอายาหม่องมาทาให้แก้วที” อิงอรสั่ง
“ค่ะๆ” มะลิรีบไป
“กรองแก้ว..เธอออกไปนั่งพักก่อนไป” อิงอรสั่ง
“ไม่เป็นไรค่ะ แก้วไม่ต้องพักก็ได้ แก้วอยากซ้อมต่อ แก้วยังเดินไม่ดีเลย”
“เอ๊ะ..อย่าดื้อสิเธอ..” อิงอรดุแล้วรีบกลับเป็นพูดหวาน “แหม..หนูแก้วจ๋า..พักก่อนเถอะนะ ไปให้มะลินวดเท้าก่อน..อย่าหักโหมนะจ๊ะ ไม่งั้นที่เป็นน้อยจะกลายเป็นมาก..นะจ๊ะๆๆ”
มะลิทายาและนวดข้อเท้าให้กรองแก้ว
มะลินวดกด “ดูสิ พี่ว่ามันบวมขึ้นจริงๆนะ ไปเอาน้ำแข็งมาประคบดีกว่า”
“น้ำแข็งเหรอคะ..”
สุนันท์เดินเข้ามา
“มะลิๆ มีอะไรกินมั่ง..” สุนันท์เห็นมะลินั่งบนพื้นโดยมือยังจับอยู่ที่ขากรองแก้วที่นั่งบนเก้าอี้ “ต๊าย..อะไรน่ะ มะลิ เธอกลายเป็นคนใช้ยัยนี่ไปแล้วเหรอ ต๊าย..ตาย..ยังไม่ทันได้เป็นนางงามเลย ทำตัวเป็นเจ้าคนนายคนไปแล้วเหรอยะ แม่กรองแก้ว!!”
“ไม่ใช่นะคะ..คือ..” กรองแก้วจะอธิบาย
“ทุเรศ..ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย ยัยมะลิ..รีบไปหาอาหารเช้าให้ชั้นกะพี่ไกรกินเดี๋ยวนี้ พี่ไกรยิ่งแฮ้งๆอยู่ด้วย อารมณ์ไม่ดี เข้าใจไหม ไปทำอะไรร้อนๆมา2ที่..แล้วขึ้นไปเสิร์ฟที่ข้างบนด้วย เร็วๆ” สุนันท์เดินสะบัดปังๆ ออกไป
“คุณไกรกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย..ซวยละเรา” มะลิมองหน้ากรองแก้วด้วยความเกรงใจ “แก้ว..ดูแลตัวเองไปก่อนนะ” มะลิรีบเดินไป
“ใครน่ะ..คุณไกร..”
กรองแก้วงง แล้วก็ถอนใจอย่างเหนื่อยๆ มองไปที่ตู้เย็น แล้วตัดสินใจลุกเดินเขยกๆ ไปเปิดตู้เย็น
กรองแก้วเปิดช่องฟรีซ เห็นถาดน้ำแข็งจึงหยิบออกมา พอหันมาก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นไกรฤกษ์ซึ่งใส่แต่กางเกงนอนลายทางแต่เปลือยอกยืนอยู่ใกล้เธอมาก จนเหมือนตัวของกรองแก้วอยู่ในอ้อมอกของเขา เพราะไกรฤกษ์ใช้มือหนึ่งจับประตูตู้เย็นไว้ ส่วนอีกมือจับขอบตู้
“อุ๊ย” กรองแก้วถอยแต่ก็ติดตู้เย็นจึงไม่รู้จะทำยังไง
“จะทานน้ำแข็งเหรอครับ..ผมก็จะทานเหมือนกัน..ให้ผมทำให้ไหมครับ..” ไกรฤกษ์ถาม
กรองแก้วมองไกรฤกษ์ที่ยื่นมือมา เพื่อหยั่งเชิง แล้วรีบส่งถาดน้ำแข็งให้ เพื่อที่ไกรฤกษ์จะได้เอามือมารับถาดนั้น โดยปล่อยมือจากการจับตู้เย็นที่เหมือนอ้อมแขนมากอดเธอไป
และพอไกรฤกษ์ใช้มือทั้งสองรับถาด กรองแก้วก็รีบมุดรอดออกมาให้พ้นอย่างรวดเร็วสุดชีวิต แล้วถอยออกมาจนไกลที่สุด
“คุณ…เป็นใครคะ” กรองแก้วถาม
“ผม...ลูกชายคุณอิงอรไงครับ ผมชื่อไกรฤกษ์ ส่วนคุณ...คงเป็นพวกที่มาเตรียมตัวจะเข้าประกวดนางสาวศรีสยามสิฮะ คุณชื่ออะไรครับ”
“กรองแก้วค่ะ” กรองแก้วถอยแบบกระเผลกๆ
“กรองแก้ว..ไกรฤกษ์..แหม..ชื่อเราคล้องจอง..เข้ากันดีจังนะครับ..” ไกรฤกษ์มองกรองแก้วทั้งตัว “คุณขาเจ็บนี่นา..อ๋อ จะเอาน้ำแข็งนี่ไปประคบเท้าแน่ๆเลย..ให้ผมช่วยจัดการให้ นะครับ ไหนดูซิ เท้าเป็นยังไงบ้าง” ไกรฤกษ์เข้ามานั่งคุกเข่าลงแล้วจับที่เท้ากรองแก้ว
กรองแก้วตกใจจนตัวแข็ง พอตั้งสติได้เธอก็รีบเก็บรองเท้าที่วางอยู่ แล้ววิ่งกระเผลกหนีไปห้องซ้อม
ไกรฤกษ์ยิ้มกระหยิ่มอย่างเอ็นดู
อิงอรคนส่วนผสมในชามซึ่งมีทั้งชามใส่เกลือ ชามใส่มะขามเปียกและชามใส่ขมิ้น กรองแก้ว และสามสาวนั่งให้มะลิและอิงอรช่วยกันขัดผิวด้วยเกลือ
โดยทั้งสามสาวสวมกระโจมอกนั่งเรียงกันอยู่ กรองแก้วจัดการถูสครับเกลือบนผิวด้วยตัวเองแล้วขัดแขนทั้งสองไปมาอย่างเบาๆ
อิงอรเอาน้ำมาราดให้ “เกลือจะช่วยให้ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดออก แล้วก็จะเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตด้วย”
“แล้วนี่..มะขามเปียก..จะทำให้ผิวขาวเนียน..” มะลิพูดแล้วมองดูผิวของกรองแก้ว “แต่ผิวของหนูแก้วนี่มันขาวเนียนสวยอยู่แล้วนะเนี่ย น่าแปลกจริง เนี่ยเหรอคนฐานะยากจน มาจากต่างจังหวัด” มะลิขัดมะขามเปียกให้กรองแก้ว
ไกรฤกษ์มองลงมาที่สาวๆ จากมุมสูง โดยเน้นเฉพาะกรองแก้วที่เห็นเนินอกในกระโจมอก ไกรฤกษ์มองจ้องด้วยดวงตาวาววับ
ตกกลางคืน กรองแก้วในเสื้อพ่อกับกางเกงหลวมๆ กำลังนั่งเขียนจม.ในกระดาษสมุด ด้วยปากกาบิ๊กสีเหลือง เหงื่อของเธอไหลจึงต้องคอยเช็ดเหงื่อเป็นระยะ
“พ่อจ๋า..แก้วอยู่ที่นี่สะดวกสบายทุกอย่าง คุณอิงอรดูแลแก้วอย่างดี พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ.. พ่อต้องพักผ่อนให้มาก กินอาหาร กินยาตามเวลานะ พ่อจะได้แข็งแรงพอที่จะผ่าตัดได้อย่างไม่มีอันตรายนะจ๊ะ รักพ่อที่สุด แก้ว..”
กรองแก้ววางปากกาลงแล้วถอนใจ ก่อนจะลุกขึ้นบิดตัวไปมา
กรองแก้วที่ใส่กระโจมอกและมีผ้าเช็ดตัวคลุมไหล่ ผมรวบสูง เดินถือขันที่มีอุปกรณ์อาบน้ำออกมาจากห้องนอน เธอเดินไปที่ห้องน้ำในสภาพเหงื่อไหลไม่หยุด เธอปาดเหงื่อไปมา
กรองแก้วเดินไปถึงห้องน้ำที่ปิดไฟมืด เธอกดเปิดไฟแล้วขยับจะดึงประตูห้องน้ำออก ทันใดนั้นประตูห้องน้ำก็เปิดผางออกมา ไกรฤกษ์ที่นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวค่อยๆ ก้าวออกมา
“จ๊ะเอ๋”
กรองแก้วตกใจ “ว้าย..”
ไกรฤกษ์ยิ้มๆ
“คุณ..ขอโทษนะคะ เชิญตามสบายนะคะ” กรองแก้วเห็นท่าไม่ดีก็รีบหันกลับ
ไกรฤกษ์คว้าแขนกรองแก้วหมับ “จะไปไหนล่ะจ๊ะ น้องแก้ว จะอาบน้ำไม่ใช่เหรอครับ ขืนอาบดึกกว่านี้ เดี๋ยวจะหนาวนะ”
กรองแก้วสะบัดแขน “คุณจะทำอะไรน่ะ”
“เปล่า..ผมก็แค่..เป็นห่วงคุณ” ไกรฤกษ์ดึงผ้าขนหนูที่คลุมไหล่กรองแก้วออก “โอ้โห..ขัดผิวด้วยขมิ้นนี่..มันได้ผลจริงๆนะครับ” ไกรฤกษ์เอื้อมมือมาจะจับ
กรองแก้วสะบัดเต็มแรงแล้ววิ่งหนี ไกรฤกษ์วิ่งมาขวางแล้วกางมือดักไว้ “จะรีบไปไหนล่ะครับ คุยกันก่อนสิ ผมอยากรู้จักกับคุณ..”
กรองแก้วถอยด้วยความกลัว ไกรฤกษ์กระโดดคว้า กรองแก้วมุดลอดใต้วงแขนได้อย่างหวุดหวิด แล้ววิ่งหนี ไกรฤกษ์ตามมาคว้าเอวกรองแก้วไว้จากข้างหลัง
“อย่าดิ้นสิแก้ว ผมจะสอนให้ อีกหน่อย ตอนคุณไปเป็นอนุฯของไอ้ท่านคนนั้น เธอจะได้เก่งๆ ไงล่ะ”
กรองแก้วหยุดดิ้นแล้วทำตัวแข็ง
ไกรฤกษ์ได้ใจจึงเอามือหนึ่งมาจับหน้ากรองแก้วให้หันไปหมายจะจูบ กรองแก้วหันไปแล้วประเคนขันทั้งใบใส่เต็มกบาลไกรฤกษ์
“โอ๊ย” ไกรฤกษ์ปล่อยมือ
กรองแก้วซัดขันอีกทีเข้าไปที่หน้าไกรฤกษ์แล้ววิ่งสุดฝีเท้าเข้าห้อง ก่อนจะปิดประตูแล้วกดล็อกทันที ไกรฤกษ์วิ่งตามมาจนเกือบทัน
“แก้ว…คุณแก้ว เปิดนะ บอกให้เปิด” ไกรฤกษ์ทุบประตู
กรองแก้วยืนตัวสั่นอยู่ในห้อง เธอจ้องมองประตูด้วยความสยอง
“เปิด..เปิดเดี๋ยวนี้ ไม่งั้น ชั้นจะให้แม่ไล่เธอออกจากบ้าน”
“คุณ!” กรองแก้วตัวสั่น “คุณเมามากแล้ว..กลับไปสงบสติอารมณ์ก่อนเถอะ”
“ชั้นไม่ได้เมา ออกมา เปิดประตู ถ้าไม่เปิด..ชั้นจะพังประตูเข้าไปเดี๋ยวนี้”
กรองแก้วเอามืออุดปากร้องไห้แล้วพยายามตั้งสติ เธอมองซ้ายขวาแล้วไปเลื่อนโต๊ะมาขวางประตูไว้ ก่อนจะถอยออกมาจ้องที่ประตูแล้วกำมือแน่นพร้อมเผชิญหน้า
ไกรฤกษ์ทุบประตูต่อสักพักแต่ก็เปิดไม่สำเร็จจึงยืนเซ็ง มะลิเดินหน้าหงิกมายืนจ้องที่มุมหนึ่ง ไกรฤกษ์เงยมาเห็นมะลิจ้องเขม็ง ก็ทำหน้ายักษ์ใส่แล้วล่าถอยไป มะลิมองแล้วถอนใจด้วยความรู้สึกอนาถ
ส่วนกรองแก้วยืนร้องไห้อยู่ที่หลังประตูในห้อง อย่างเจ็บปวดใจกับชะตากรรมของเธอ
ติดตาม "คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 2