xs
xsm
sm
md
lg

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 9

เสื้อผ้าของมารตีหล่นเกลื่อนตามพื้นข้างเตียง มารตีนั่งพิงหัวที่ขอบเตียงด้วยสายตาเย็นชา พินิจที่นอนอยู่ข้างๆ พลิกตัวมากอดแต่มารตีผลักออกแล้วจะลุกหนี แต่พินิจดึงตัวเอาไว้
“จะไปไหน” พินิจถาม
“เอามือสกปรกของท่านออกไปจากตัวดิชั้น” มารตีว่า
“สกปรก? แต่เมื่อคืนไม่เห็นพูดอย่างนี้”
มารตีผลักพินิจออก “เมื่อคืนมันเป็นความผิดพลาด มันเป็นเพราะดิชั้นเมา ถ้าดิชั้นมีสติดีครบถ้วน ชั้นไม่มีทางมาลงเอยกับท่านอย่างนี้แน่”
“ไหนๆมันก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้ว ชั้นว่าเราก็มาคุยกันเรื่องอนาคตดีกว่า ชั้นยินดีจะรับผิดชอบดูแลเธอทุกอย่าง” พินิจบอก
“ท่านจะมารับผิดชอบดิชั้น ยังไงไม่ทราบ”
“ชั้นรวยนะ รวยมากด้วย”
“คิดว่าดิชั้นจะเป็นเหมือนพวกผู้หญิงชั้นต่ำ ที่ท่านจ่ายเงินซื้อมาหลับนอนด้วยทุกวันหรือไง”
“ชั้นรู้ ว่าเธอไม่เหมือนผู้หญิงพวกนั้น”
“แล้วท่านก็ไม่ต้องเอาไปเที่ยวพูดล่ะ”
มารตีผลักพินิจออกแล้วคว้าเสื้อผ้าจะเดินออกไป ทันใดนั้นเสียงลูกน้องของพินิจที่ห้ามคุณหญิงดาราไม่ให้เข้ามาก็ดังขึ้น มารตีได้ยินว่าคุณหญิงดาราจะเข้ามาก็ตกใจเพราะกลัวจะมีใครรู้เห็นเรื่องน่าอายเช่นนี้จึงรีบถอยไปหาที่หลบ มารตีเลือกไปที่เตียงแล้วคว้าผ้าห่มมาคลุมปิดหัวมิดชิด แต่เท้าดันพ้นชายผ้าออกมา ส่วนพินิจไม่ได้วิตกอะไร
“ไม่ต้องห่วงๆ ชั้นเคลียร์ได้”
คุณหญิงดาราอำไพเดินเข้ามามองสำรวจสภาพห้อง เธอเห็นเสื้อผ้า รองเท้า และเท้าของผู้หญิงที่อยู่บนเตียงก็ได้แต่กล้ำกลืน
“คุณหญิง..มีธุระด่วนอะไร” พินิจถาม
“ทำไม คุณไม่ไปนอนกันที่อื่น” คุณหญิงดาราถาม
“คุณมีปัญหาอะไร”
“ชั้นเคยขอคุณแล้ว แค่อย่างเดียว ชั้นขออยู่อย่างสงบและสบายใจในบ้านของชั้น แค่นี้ คุณให้ชั้นไม่ได้”
“ผมรู้ แต่เมื่อคืนมันสุดวิสัยจริงๆ เรือนสีชมพูคนเยอะ แล้วผมก็เห็นว่าห้องนอนแขกที่นี่ไม่ค่อยได้ใช้งานเดี๋ยวฝุ่นมันจะจับ แต่ผมรับรองนะคุณหญิงจะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้อีก เพราะผมว่าจะปลูกเรือนเพิ่มอีกสักหลัง สำรองเอาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินอย่างนี้ คุณว่าดีมั้ย”
คุณหญิงดาราผิดหวังจนน้ำตารื้น เธอหันกลับหลังแล้วเดินออกไปก่อนที่จะเสียน้ำตา พินิจไม่ได้สังเกตหรือใส่ใจอะไร มารตีค่อยๆแง้มหน้าออกมามอง

คุณหญิงดาราอำไพเดินออกมาจากห้องนอนผ่านพวกสมุนพินิจที่ยืนรักษาการณ์อยู่หน้าห้อง คุณหญิงดารายังคงวางท่าสง่างาม แม้ว่าสีหน้าจะเจ็บช้ำกล้ำกลืนมากกับการที่พินิจพาผู้หญิงขึ้นมาบนเรือนใหญ่
แม้จะเจ็บแค้นหนักหนาสาหัส แต่คุณหญิงก็ต้องพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกไว้

มารตีที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ทำท่าปึงปังจะหนีไปให้พ้นจากที่นี่

“เดี๋ยวสิๆ อยู่กับชั้นอีกสักพักไม่ได้หรือ”
พินิจตามมาพะนอ ออดอ้อน
มารตีเหลืออด “แค่วินาทีเดียวดิชั้นก็ไม่อยากอยู่ ดิชั้นทั้งเกลียดทั้งขยะแขยงท่านยิ่งกว่าเชื้อโรค รู้ไว้ด้วย” มารตีจะเดินไป
พินิจคว้าแขนมารตีไว้ “เธอยังไม่รู้จักชั้นดี!”
มารตีพูดเน้น “ดิชั้นไม่อยากรู้จัก”
พินิจจับแขนมารตีแน่นไม่ยอมปล่อย “ถ้าเธอเปิดใจ เธอจะรู้ว่าชั้นดีกว่าผู้ชายทุกๆคนที่เธอคิด”
มารตีกระชากแขนตัวเองออกมา “ดีกว่าแค่ไหน ดิชั้นก็ไม่เอา”
มารตีกระชากแขนตัวเองจากพินิจมาได้ก็จะเดินออกไป แต่อยู่ๆสมุนของพินิจ4-5คนก็เข้ามายืนเรียงขวางหน้ามารตีเอาไว้ โดยที่ทุกคนถือกล่องกำมะหยี่เอาไว้คนละใบ
“ท่านคิดจะใช้กำลังบังคับดิชั้นเหรอ” มารตีถาม
“เปิดใจมองชั้นดีๆหน่อยสิ” พินิจบอก
พินิจพยักหน้าให้สัญญาณ พวกสมุนเปิดกล่องมะหยี่ออก ในกล่องทุกกล่องล้วนคือเครื่องประดับเพชรราคาแพงทั้งสิ้น ทั้งสร้อยคอ สร้อยข้อมือ นาฬิกา แหวน ฯลฯ โดยแสงเพชรวิบวับแวววาวเต็มไปหมด
มารตีทึ่งจนเผลออ้าปาก พินิจเดินเข้ามาด้านหลังมารตีแล้วใช้สองมือจับที่ตันแขนก่อนจะลูบไล้เบาๆ
“อยู่กับชั้นอีกสักครู่ได้ไหม”
มารตีตะลึงลานแล้วปล่อยให้พินิจลูบโดยไม่ได้สนใจอะไรเลย

พุฒิภัทรกำลังเอากระเป๋าใส่รถที่จอดหน้าวังจุฑาเทพ
กรองแก้วถือกระเป๋าเดินทางเล็กๆ เพื่อเตรียมไปค้างรีบเดินมา “พ่อจะมาถึงกี่โมงคะคุณชาย”
พุฒิภัทรมองกรองแก้วที่สวมชุดใหม่ที่หม่อมเอียดให้ “หลานสาวคนใหม่ของหม่อมย่าเอียด..สวยจริง”
“คุณชายก็” กรองแก้วทำหน้าค้อนนิดๆ
พุฒิภัทรเดินเข้ามาใกล้แล้วจับมือกรองแก้ว “ในที่สุด แก้วก็ทำให้หม่อมย่าเห็น..ว่าแก้วน่ารักมากแค่ไหน เพราะฉะนั้น..ถึงพ่อแก้วจะหายดีแล้ว..แก้วก็ต้องทำหน้าที่เป็นสะใภ้จุฑาเทพอยู่ที่นี่ ห้ามหนีไปไหน”
กรองแก้วอึ้ง
ทันใดนั้นย่าอ่อนที่กลับมาจากนอกบ้านมาเห็นเข้าพอดี
“ชายภัทร!” ย่าอ่อนรีบวิ่งเข้ามากันท่าพุฒิภัทร “นี่จะไปไหนกัน.. มีธุระอะไร..จะขึ้นรถไปกับผู้ชายสองต่อสองกุลสตรีที่ไหนเขาทำกัน ฮึ” ย่าอ่อนใส่เป็นชุดจนหอบเหนื่อยเอง
“ย่าอ่อนครับ แก้วแค่ขออาศัยรถชายไปโรงพยาบาล คุณพ่อของแก้วกำลังถูกส่งตัวมาให้ชายผ่าตัดครับ” พุฒิภัทรอธิบาย
“อ้อ..แต่ถึงอย่างนั้น..มันก็ไม่ดีไม่งามอยู่ดี..โดยเฉพาะกับชายภัทรที่ต้องเป็นขี้ปากชาวบ้านเพราะผู้หญิงที่ไม่คู่ควรอย่างหล่อน”
ทันใดนั้นแก็งเล่นไพ่ของย่าอ่อน 3คนเดินตามมาที่บริเวณหน้ารั้วเข้าวัง
“พี่อ่อน..พี่ยังจำได้หรือเปล่า ว่าพี่ค้างเงินค่าไพ่ตองชั้นอยู่” ทองสุขพูด
“ยัยทองสุข” ย่าอ่อนมองพุฒิภัทรแล้วก็อึกอัก
“ความจริงชั้นก็ไม่อยากจะมาทวงหรอก แต่พี่ผัดแล้วผัดอีก ชั้นก็ชักจะเป็นห่วงว่าพี่ขาดแคลนอะไรหรือเปล่า”
“พวกหล่อนไม่ต้องทำมาเป็นห่วงเลย..เดี๋ยวจ่าย..กลับไป” ย่าอ่อนไล่
“เพื่อนๆมาหาถึงบ้าน จะให้กลับมือเปล่าเหรอ..ขออะไรติดไม้ติดมือหน่อยสิ” มิ่งว่า
“จ่ายหนี้เก่ามาให้หมดเถอะพี่อ่อน..ชั้นคิดถึงพี่..อยากให้พวกเราได้กลับมาเล่นไพ่ด้วยกันแบบขาครบๆอีก..ของชั้นเจ็ดสิบบาท” สดใสบอก
“ของชั้นห้าสิบสี่บาท” มิ่งทวง
ทองสุขทวงบ้าง “ของชั้นสองร้อย”
ย่าอ่อนอึ้งเพราะพูดไม่ออก เธอหันมาที่พุฒิภัทรและกรองแก้วก็พบว่าทั้งสองคนจ้องอยู่ กรองแก้วหน้าตื่น พุฒิภัทรยิ้มกระหยิ่ม
 
ย่าอ่อนยิ่งหน้าซีดเหมือนวัวสันหลังหวะ

อ่านต่อหน้า 2

พุฒิภัทรกับกรองแก้วทำทีจะเดินกลับเข้าวัง ย่าอ่อนรีบวิ่งตามมาขอร้อง

“อย่านะชายภัทร ย่าขอร้อง”
พุฒิภัทรแกล้งเต๊ะท่าวางมาดขึงขังขณะพูด
“หม่อมย่าเอียดสั่งห้ามทุกคนในวังอย่างชัดเจนแล้วว่าห้ามข้องเกี่ยวกับอบายมุขทุกชนิด เพราะมันไม่เหมาะสม และน่าอับอาย ขายหน้า สร้างความเสื่อมเสียให้แก่วงศ์ตระกูล”
“ย่ารู้ ย่าก็พยายามจะถอนตัวอยู่แล้ว”
“แต่ที่ผมได้ยิน เหมือนว่าย่าอ่อนกำลังหลบหน้าเพราะไม่มีเงินจ่ายหนี้มากกว่านะครับ”
“ชายภัทร สงสารย่าเถอะนะ ย่าแก่แล้ว ถ้าต้องถูกคุณพี่ดุเรื่องเล่นการพนันต่อหน้าบ่าวไพร่ในวัง ย่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
พุฒิภัทรทำเป็นคิด “อืมม..ไม่ได้ครับ”
“ชายภัทร”
“ปล่อยคุณย่าสักครั้งเถอะค่ะคุณชาย..อย่าไปฟ้องเลย” กรองแก้วขอ
“แก้ว..แก้วเข้าข้างคุณย่าเหรอ..ลืมไปแล้วเหรอว่าเมื่อกี้นี้คุณย่ายังต่อว่าแก้วอยู่เลย” พุฒิภัทรบอก
“คุณย่าว่าแก้วก็เพราะท่านรักคุณชาย แก้วจะไปโกรธท่านได้ยังไงกันคะ คุณชายนั่นแหละ ตอบแทนความรักของคุณย่าแบบนี้ ระวังจะถูกเรียกว่าอกตัญญูนะคะ” กรองแก้วว่า
พุฒิภัทรงง “อ้าว”
ย่าอ่อนรีบสนับสนุน “หนูแก้วพูดถูกที่สุด ถ้าชายภัทรฟ้องหม่อมย่าเอียด ก็เท่ากับชายภัทรทำลายความรักและหวังดีของย่า”
“ครับ..ผมจะไม่ฟ้องหม่อมย่าเอียด”
“จริงๆนะ”
พุฒิภัทรยิ้มแล้วพยักหน้าว่าจริงตามนั้น ย่าอ่อนดีใจจนเผลอตัวหันมาดีใจกับกรองแก้วด้วย
พุฒิภัทรรีบพูด “อะแฮ่มๆ ดีกับแก้วได้แล้วหรือครับ”
“อะไร ใครดี” ย่าอ่อนวางท่า
“ผมเปลี่ยนใจไปฟ้องหม่อมย่าเอียดดีกว่า”
ย่าอ่อนรีบกอดแขนกรองแก้วทันที “ดีแล้ว..ดีแล้วจ้า”
พุฒิภัทรกับกรองแก้วขำ

พุฒิภัทรขับรถมาบริเวณถนนที่จะเข้าโรงพยาบาล
“คุณชาย ไม่รู้จะไปแกล้งแหย่คุณย่าอ่อนทำไม นิสัยไม่ดี” กรองแก้วว่า
“อ้าว ถ้าไม่รักก็ไม่หยอกเล่นแบบนี้หรอก ย่าอ่อนก็แปลกคน ชอบจี้จุดอ่อนคนอื่น ต่อว่าต่อขานเสียใหญ่โต ทั้งๆที่ตัวเองก็มีข้อบกพร่องเหมือนกัน”
“ท่านทำก็เพราะรักคุณชายยังไงคะ”
“ผมทราบ แต่ความรักควรจะถูกใช้เป็นข้ออ้างในการทำเรื่องดีๆ ไม่ใช่เหรอครับ” พุฒิภัทรมองกรองแก้วแล้วอยากจะพูดเปรียบเทียบกับตัวเอง “เหมือนอย่าง อย่างแก้วกับพ่อ แก้วทำทุกอย่างเพื่อพ่อ โดยไม่สนใจว่าตัวเองจะลำบากยังไง ขอแค่คนที่เรารักปลอดภัยและมีความสุข นี่สิครับ ความรัก”
พุฒิภัทรมองกรองแก้วเหมือนอยากจะเผยความรู้สึกต่อ กรองแก้วสบตา
ทันใดนั้นก็มีรถเก๋งอีกคันขับมาประกบด้านข้างรถของพุฒิภัทรในระยะที่ใกล้มากจนแทบจะชิด รถคันนั้นบีบแตรใส่ พุฒิภัทรแปลกใจจึงกระชากรถออกห่าง รถคันนั้นเร่งเครื่องแซงและหักมาปาดหน้าก่อนจะจอดขวางกลางถนน
พุฒิภัทรกระทืบเบรกทันที รถจอดสนิทแบบหวุดหวิดจะชนกัน พุฒิภัทรกับกรองแก้วนั่งนิ่งเพราะไม่รู้ว่าคนขับรถคันนั้นคือใคร รถคันนั้นประตูเปิดออกคนที่ก้าวลงมาคือ ไกรฤกษ์ จากนั้นประตูอีก3บานก็เปิดออก สมุนอีก 3 คนก้าวลงมา
ไกรฤกษ์จ้องมาที่พุฒิภัทรแล้วยิ้มโรคจิต กรองแก้วอึ้ง
“พวกมันตามเรามาตลอด” พุฒิภัทรมีแววตาเด็ดเดี่ยว “รอผมอยู่ในรถนะแก้ว”
กรองแก้วเป็นห่วง “คุณชาย”
พุฒิภัทรก้าวลงมาเผชิญหน้า
“ขโมยผู้หญิงของคนอื่น สนุกมั้ยคุณชาย” ไกรฤกษ์ถาม
“แล้วนายล่ะ..ตามสะกดรอยชาวบ้าน สนุกไหม”
“ยียวนนักนะแก!!”
ไกรฤกษ์ตั้งท่าจะชก พุฒิภัทรไม่มีทางเลี่ยง เขาเหลือบมองด้วยความเป็นห่วงกรองแก้วเมื่อพบว่าพวกสมุนไปรุมล้อมที่รถ กรองแก้วยังคงนั่งอยู่ด้านในไม่ออกไปและไม่ให้พวกสมุนเข้ามา
“แก้ว”
“ชั้นมาปล้นของๆชั้นคืน” ไกรฤกษ์ว่า
ไกรฤกษ์กระโดดเข้าชกพุฒิภัทรโดยซัดขวาซัดซ้ายเข้าใส่ ไกรฤกษ์สนุกและย่ามใจจนประมาท พุฒิภัทรสวนหมัดเข้าใส่เต็มๆ เพียงหมัดเดียวที่ลิ้นปี่ ไกรฤกษ์ถึงกับร้องลั่นและมีอาการหายใจไม่ออกกะทันหัน จนถึงกับทรุดลงไปทุรนทุรายเหมือนคนไม่มีอากาศหายใจ
พุฒิภัทรปาดเลือดที่ปาก “หายใจไม่ออกใช่มั้ย..ตรงนี้” พุฒิภัทรชี้ “ใต้หัวใจ ช่วงที่กระดูกซี่โครงเริ่มแยกตัวเป็นซี่ๆ เป็นจุดที่เปราะบาง ถ้าถูกกระแทกแรงๆก็จะเป็นแบบที่เป็นนี้ แต่ไม่ถึงตายหรอก”
อยู่ๆไกรฤกษ์ก็ควักปืนออกมา พุฒิภัทรผงะ
ไกรฤกษ์ยันตัวขึ้นมาอย่างยากลำบาก “เก่ง..เก่งนัก ใช่มั้ย”
ไกรฤกษ์อาฆาตจึงคิดฆ่า เสียงกรองแก้วร้องออกมาจากรถ พุฒิภัทรหันไปพบว่าพวกสมุนพยายามจะลากกรองแก้วลงจากรถแต่กรองแก้วพยายามขัดขืน ไกรฤกษ์แสยะยิ้ม
“ทั้งแก..และนัง..แก้ว..ไม่รอด”
ไกรฤกษ์ทำท่าจะยิง
อยู่ๆ ก็มีรถเก๋งอีกคันที่บรรทุกคนเจ็บมาในรถเพื่อจะนำส่งโรงพยาบาลแต่เข้าไม่ได้เพราะรถของไกรฤกษ์และพุฒิภัทรจอดขวางอยู่บีบแตรไล่
ชายคนขับชะโงกหน้าออกมาโหวกเหวก “มาจอดอะไรตรงนี้ หลบไป ลูกข้าตัวร้อนจี๋เลย หลบๆๆ”

ชายคนขับบีบแตรถี่ๆ ไกรฤกษ์ชะงัก

จังหวะนี้ผู้คนที่อยู่ในโรงพยาบาลเริ่มมองออกมาว่าเกิดอะไรขึ้น ไกรฤกษ์ฉุนจึงเดินถือปืนกร่างพุ่งไปที่รถคันนั้น

“อยากตายใช่มั้ย”
ชายคนขับผงะและกลัวจนวิ่งหนีไป
พยาบาล2คนวิ่งออกมาจากด้านในโรงพยาบาล
“อ้าว คุณชายหมอ สวัสดีค่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
ไกรฤกษ์นิ่งแล้วแอบปืนไม่ให้พยาบาลเห็น
“ไม่มีอะไร” ไกรฤกษ์ตอบ
พยาบาลเห็นพวกสมุนไกรฤกษ์ “แล้วทำไม คนพวกนั้น”
พยาบาลไม่อยากเชื่อจึงเหลือบมองพุฒิภัทร
“ชั้นคุยธุระกับคุณชายอยู่ อย่ายุ่งได้มั้ย..ไป” ไกรฤกษ์ไล่
พยาบาลมองหน้ากัน “เอ่อ..ค่ะๆ”
พุฒิภัทรเรียกไว้ “เดี๋ยว”
ไกรฤกษ์ถลึงตาจ้องเพราะคิดว่าพุฒิภัทรจะบอกพยาบาลให้ช่วยเหลือ ไกรฤกษ์ลดปืนมาเล็งไปที่กรองแก้วโดยให้แค่พุฒิภัทรเห็นแต่พวกพยาบาลไม่เห็น
“มีเด็กไม่สบายในรถคันนั้น” พุฒิภัทรสั่งพยาบาลและขออนุญาตไกรฤกษ์กลายๆ “พวกคุณช่วยพาเขาเข้าไปก่อนได้มั้ย”
พยาบาลรับคำ “ค่ะๆ”
พวกพยาบาลเข้าไปประคองคนไข้ที่รถคันนั้นลงมา พวกไกรฤกษ์ยืนคุมเชิง พุฒิภัทรได้แต่นิ่งมองพยาบาลแต่ไม่กล้าส่งสัญญาณอะไร พวกพยาบาลพาคนไข้เข้าไปในโรงพยาบาล
ไกรฤกษ์รีบร้อน “เอาพวกมันขึ้นรถ เราต้องไปจากที่นี่”
ลูกน้องกระชากกรองแก้วจะให้ลงจากรถให้ได้
พุฒิภัทรรีบบอก “อย่าทำแก้ว”
พุฒิภัทรจะเข้าไปปกป้องแต่ก็ถูกพวกสมุนผลักออกมา
“ชั้นกับแก้ว จะไปกับพวกแกดีๆ” พุฒิภัทรบอก
พวกสมุนชั่งใจ ไกรฤกษ์พยักหน้าบอกให้พวกสมุนหลีก พุฒิภัทรเข้ามาโอบกรองแก้ว
พุฒิภัทรกระซิบบอกกรองแก้ว “ตั้งสตินะแก้ว รอจังหวะ”
“ค่ะ”
“ไปขึ้นรถชั้น” ไกรฤกษ์สั่ง
ไกรฤกษ์ผลักพุฒิภัทรให้เดิน อยู่ๆชายคนขับรถก็วิ่งกลับมาพร้อมตำรวจอีก2นาย
“ทางนั้นเลยครับ ไอ้นั่นครับ คนร้าย”ชายคนขับบอกตำรวจ
ไกรฤกษ์อึ้ง
พุฒิภัทรอาศัยจังหวะนั้นคว้ามือไกรฤกษ์ข้างที่ถือปืน เขาสับที่ข้อมือจนปืนหล่น พวกสมุนจะเข้ามาช่วย พุฒิภัทรเหวี่ยงไกรฤกษ์ไปกระแทกจนพวกสมุนเสียหลัก
“แก้ว ก้มต่ำ ไป!” พุฒิภัทรบอก
พุฒิภัทรให้กรองแก้ววิ่งไปหาที่หลบ พวกสมุนควักปืนจะไล่ตาม แต่พวกตำรวจรีบวิ่งมาขวาง
“หยุดนะ ทิ้งอาวุธ”
พวกสมุนผงะและถอยไป
ไกรฤกษ์เจ็บใจ “โธ่เว้ย!”
ไกรฤกษ์จำต้องถอยขึ้นรถแล้วขับถอยหนีไปอย่างรวดเร็ว พวกสมุนกระโดดขึ้นรถ
ตำรวจไล่ “หยุด..หยุดนะ หยุด”
ผู้คนบริเวณนั้นพลุ่กพล่านจนตำรวจไม่กล้ายิง ไกรฤกษ์ขับหนีไปอย่างรวดเร็ว กรองแก้วกับพุฒิภัทรต่างรีบมองหากัน
“คุณชาย”
“แก้ว”
ทั้งสองคนต่างวิ่งเข้ามาหากันด้วยความเป็นห่วงกันและกันมาก
“ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคะ/ครับ”
ทั้งสองพูดพร้อมกันอย่างใจตรงกัน แล้วก็ยิ้มๆ ออกมา

กรองแก้วดูแผลปากแตกให้พุฒิภัทร
“คุณชาย..เจ็บมากมั้ยคะ”
“ไม่เลย” พุฒิภัทรเปลี่ยนใจเพราะอยากอ้อน “เอ๊ย..ก็เจ็บอยู่เหมือนกันนะ”
“ตกลงว่าเจ็บหรือไม่เจ็บคะ”
“อืม ถ้าชั้นบอกว่าไม่เจ็บ แต่อยากให้แก้วสงสารเห็นใจ จะได้ไหมครับ”
“คุณชายอ่ะ”
“แก้ว พวกมันยังไม่ยอมเลิกราแบบนี้ ต่อไปแก้วต้องอยู่แต่ที่ในวัง รู้มั้ย?”
“คุณชายก็เหมือนกันนั่นแหละค่ะ วันนี้มันกล้าถือปืนมาดักถึงที่นี่ ครั้งหน้า มันจะทำอะไรร้ายแรงกว่านี้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
“แก้ว อย่าบ่ายเบี่ยงสิ รับปากผมมาก่อน”
“คุณชายนั่นแหละรับปากมาก่อน”
“แก้ว..”
“คุณชาย”

พุฒิภัทรกับกรองแก้วต่างก็ค่อยๆ ยิ้มออก

ไม่นานต่อมา พุฒิภัทรกับกรองแก้วเดินเข้ามาในโรงพยาบาล บุรุษพยาบาลกำลังเข็นเตียงที่พ่อของกรองแก้วนอนอยู่ออกมาเพื่อจะพาไปที่ห้องผ่าตัดพอดี

“พ่อ..พ่อ!!”
กรองแก้วรีบวิ่งเข้าไปหา
“แก้ว” กิตติพยายามยันตัวขึ้นมา
กรองแก้ววิ่งเข้ามากอดกิตติแล้วก็น้ำตาไหล
“แก้วอยู่นี่แล้วจ้ะพ่อ แก้วจะไม่จากพ่อไปไหนอีกแล้ว” กรองแก้วจับมือกิตติมาแนบแก้ม
“แก้ว..แก้วลูกพ่อ..ลูกไม่เป็นอะไรนะ”
“ค่ะพ่อ เพราะบารมีของพ่อปกป้องคุ้มครองลูก และเพราะคุณชายพุฒิภัทรเมตตา แก้วถึงปลอดภัยมาได้จนทุกวันนี้”
“คุณชาย..ผมขอบพระคุณคุณชายมากที่สุดเลยครับ” กิตติยกมือไหว้
พุฒิภัทรรีบรับไหว้ “ไม่เป็นไรครับๆ สิ่งที่ผมทำ ไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่าสิ่งที่คุณพ่อและแก้วทำให้แก่กันหรอกครับ แก้ว ให้คุณพ่อเข้าห้องผ่าตัดเถอะ ทุกอย่างจะได้เรียบร้อย”
“พ่อ คุณชายจะช่วยพ่อนะ พ่อจะหายดีมาอยู่กับแก้ว”
“คุณชายครับ” กิตติเรียกพุฒิภัทรไว้แล้วพูดฝากฝังแก้ว “ถ้าเกิดอะไรขึ้น..คุณชายช่วยเมตตาแก้วต่อไปด้วยนะครับ”
“ทำไมพ่อพูดอย่างนั้น” กรองแก้วไม่สบายใจ
“แก้ว โลกนี้มันไม่มีอะไรแน่” กิตติบอก
กรองแก้วตัดบท “ไม่ค่ะพ่อ อย่าพูดอย่างนี้ คุณชายเป็นศัลยแพทย์ที่เก่งมาก เก่งที่สุดในประเทศนี้ คุณชายบอกแก้วว่าเนื้องอกในสมองของพ่อ ไม่ได้ใหญ่มาก ยังไม่ร้ายแรง ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของคุณชายเลย ใช่มั้ยคะคุณชาย”
“ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้คุณปลอดภัย ไว้ใจผมนะครับ” พุฒิภัทรบอก
กิตติหวั่นๆ

เวลาผ่านไป กรองแก้วรู้ผลการผ่าตัดจากเพียงพร
“พ่อปลอดภัยแล้ว”
“ค่ะ คุณชายหมอเอาก้อนเนื้อออกได้หมด ตอนนี้ท่านกำลังทำการปิดแผลอยู่ เลยให้ดิฉันมาแจ้งคุณแก้วก่อน จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง สบายใจแล้วนะคะ” เพียงพรบอก
“ขอบคุณมากนะคะ”
“อีกไม่น่าเกินหนึ่งชั่วโมง คุณชายหมอก็คงจะออกมาแจ้งผลอย่างละเอียดให้คุณแก้วทราบอีกทีนึงค่ะ”
มารตีเข็นรถเข็นที่มีคนไข้นั่งอยู่ผ่านมาไกลๆ มารตีเห็นเพียงพรนั่งอยู่กับกรองแก้วก็ถึงกับชะงัก ด้วยความแปลกใจและนึกฉุนขึ้นมาที่เห็นหน้ากรองแก้ว
“คุณพยาบาลคะ..มีอะไรหรือเปล่าคะ”
ญาติคนไข้ที่เดินมาด้วยกันหันกลับมาเรียกมารตีที่ยังยืนจ้องกรองแก้วอยู่
มารตีทำหน้าที่ของพยาบาลต่อด้วยการเข็นรถเข็นคนไข้ไปแต่สายตายังคงเหลียวมองจ้องกรองแก้วด้วยความสงสัย

ยศวินกำลังออกตรวจคนไข้อยู่ตามเตียงต่างๆ แต่พอจะเงยหน้ามาดูน้ำเกลือก็สะดุดตากับมารตีที่เดินเข้ามาหยุดยืนในระดับสายตา มารตีจ้องด้วยแววตาจริงจังเพราะต้องการคุยด้วยแต่ยศวินไม่ใส่ใจ จึงดูแลคนไข้ตามหน้าที่ต่อไป มารตีเดินเข้ามาหายศวิน
มารตีพูดกับพยาบาลที่ช่วยยศวินอยู่ “เธอไปดูคนไข้ทางนั้นไป” พยาบาลเดินแยกไป มารตีทำหน้าที่พยาบาลช่วยยศวินแทนแล้วคุยกับเขาไปด้วย “มันมาทำอะไรที่นี่”
“เปลี่ยนขวดน้ำเกลือด้วย” ยศวินพูดกับคนไข้ “ทานอาหารได้มั้ยครับวันนี้ ได้นะ ดีครับ ถ้ายังเดี๋ยวช่วงบ่าย หมอขออนุญาตเอกซเรย์ช่องท้องอีกทีนะครับ”
ยศวินเดินแยกจะไปตรวจคนไข้รายอื่นต่อ มารตีรีบตามคาดคั้น
“ตอบชั้นมา”
“กาลเทศะมีบ้างมั้ย” ยศวินจะทำงานต่อ
มารตีจับมือยศวิน “มันมาทำอะไรที่นี่”
“คุณพยาบาล..คุณช่วยเรียกญาติคนไข้ให้สุภาพหน่อยได้มั้ยครับ”
“ญาติคนไข้?”
“คุณชายภัทรกำลังผ่าตัดเนื้องอกในสมองให้พ่อของคุณแก้วอยู่ คนดี มีความกตัญญูอย่างคุณแก้ว ก็ต้องมานั่งเฝ้าพ่อเขาสิครับ หรือคิดว่าคุณแก้วจะมาเดินออกกำลังบริหารร่างกายเล่นๆ”
“พ่อมันป่วยเหรอ”
ยศวินไปทำงานต่อแต่ก็ต้องแปลกใจที่เห็นพยาบาลชี้ชวนกันดูที่มารตี ยศวินเอะใจจึงหันกลับไปมองที่มารตีอีกรอบแล้วพบว่าที่นิ้วมือของมารตีมีแหวนเพชรเม็ดเป้งอยู่
“โห..ของจริงหรือปลอมล่ะนั่น”
“ระดับชั้นไม่มีทางใส่ของปลอมหรอกย่ะ” มารตีกรีดนิ้วระรัว “ถ้าไม่เชื่อ เชิญเข้ามาพิสูจน์ได้”
มารตียื่นมือรอ พวกพยาบาลเข้าไปดูใกล้ๆ ทุกคนต่างทึ่ง
“เพชรเม็ดขนาดนี้ ราคาต้องแพงหูฉี่..ลำพังเงินเดือนพยาบาลไม่มีทางซื้อได้แน่..คุณไปเอาเงินมาจากไหน หรือว่ามีใครให้มา” ยศวินถาม
มารตีแหวขึ้นมาทันที “ใครจะมาให้ชั้น!! ชั้นซื้อของชั้นเอง” มารตีรีบดัก “ไม่ต้องอ้าปากถามอีก เพราะชั้นไม่ว่างจะตอบ”
มารตีเดินเชิ่ดออกไป ยศวินสงสัย

กิตติยังนอนหลับไม่ได้สติ กรองแก้วนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ ไม่ยอมไปไหน ใส่ใจในทุกปฏิกิริยาเคลื่อนไหวของพ่ออย่างรอลุ้น เพราะมุ่งหวังให้กิตติลืมตาเสียที พุฒิภัทรเดินเข้ามาหากรองแก้ว
“พ่อของแก้วต้องการการพักฟื้นร่างกาย ท่านอาจจะหลับๆตื่นๆหนึ่งหรือสองวัน แต่ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก ผมรับประกัน”
“แก้วทราบค่ะ”
“งั้นก็ไปหาอะไรทานบ้างเถอะครับ”
กรองแก้วนิ่ง

“แก้ว..ไหนบอกว่าทราบไง”

พุฒิภัทรยกจานอาหารมาให้กรองแก้วที่นั่งรออยู่

“แก้ว..เลิกทำหน้าเศร้าได้แล้ว”
“ก็แก้ว”
“เป็นห่วงพ่อ ผมรู้ แต่แก้วคิดว่าพ่อแก้วอยากลืมตามาแล้วเห็นว่าแก้วอมทุกข์เพราะท่านเหรอ แก้วต้องสดใส มีความสุขสิ แล้วมันก็จะทำให้พ่อแก้วมีความสุขด้วย”
“แก้วทราบแล้วค่ะ”
“ทราบอีกแล้ว”
กรองแก้วฉีกยิ้ม “นี่ไงยิ้มแล้ว”
“ดีมากครับ ยิ้มไว้ แล้วต่อไปก็ต้องรับประทานเยอะๆ”
“ค่ะ แก้วจะรับประทานทุกอย่างที่ขวางหน้าเลย”
“ต้องอย่างนี้สิ”
“คุณชายก็ต้องรับประทานกับแก้วด้วยนะคะ”
“ได้”
“ต้องยิ้มเหมือนแก้วด้วย”
“หือ?”
“ยิ้มสิคะ”
พุฒิภัทรยิ้ม แล้วพุฒิภัทรกับกรองแก้วก็หัวเราะอย่างมีความสุข กรองแก้วหัวเราะสดใสจนพุฒิภัทรถึงกับตะลึงมองกรองแก้วหัวเราะยิ้มเหมือนตกในภวังค์ กรองแก้วเอะใจว่าพุฒิภัทรมองอะไร
“มองอะไรคะ”
“แก้ว รู้มั้ยว่าผมไม่ได้เห็นแก้วหัวเราะอย่างนี้มานานมากเลยนะ เวลาแก้วมีความสุข แก้วสวยมาก”
กรองแก้วเขิน “คุณชาย”
พุฒิภัทรยิ้มเพราะเอ็นดูในท่าทางเขินของกรองแก้ว
“ยิ้มอะไรคะ”
“เอ้า ก็เธอบอกให้ชั้นยิ้มไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่..แต่” กรองแก้วเขิน “คุณชายอ้ะ แก้วไม่ยิ้มแล้ว กินดีกว่า”
กรองแก้วก้มหน้าก้มตากินแก้เก้อ พุฒิภัทรยังเหล่ๆ ยิ้มๆ กรองแก้วอดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มตามไปด้วย

นิ้วมือของมารตีมีแหวนเพชรเม็ดเป้งสวมอยู่ โดยมารตีกำลังเดินกรุยกรายเลือกซื้อของในห้าง เธอใช้นิ้วข้างที่สวมแหวนเพชรชี้เลือกซื้อนั่น ซื้อนี่ แบบไม่แคร์เรื่องเงินเลย พินิจเดินเคียงข้าง พวกสมุนเดินรั้งท้ายถือถุงของเต็มสองมือ มารตีเลือกซื้อรองเท้าส้นสูงหลายคู่หลายสี
“เลือกไม่ถูก งั้นเอาหมดเลย” มารตีบอก
มารตีเลือกซื้อต่างหูเพชร เธอหยิบต่างหูจากหิ้งโชว์มาวางเหนือตู้กระจกทีละคู่ๆ แล้วหันไปมองหน้าพินิจ
“ทั้งหมดเท่าไหร่” พินิจถาม
มารตีทำหน้าหยิ่งๆ แต่แววตาระยิบระยับ พินิจยิ้มปลื้ม


รถพินิจมาจอดเทียบหน้าร้าน มารตีกับพินิจเดินลงมา โดยมีสมุนถือของเต็มสองมือ คนรถรีบลงมา เปิดท้ายแล้วเอาของขึ้นเก็บ อากงโผล่มายืนแอบดูอยู่ที่มุมนึง
“เดี๋ยวเราจะไปกินอะไรกันจ๊ะ มารตี” พินิจถาม
“มารตีอยากรับประทานอาหารฝรั่งเศสค่ะ”
“โอ๊ว..ใจเดียวกันเลย”
ทั้งสองขึ้นรถไป
ผู้จัดการห้างเข้ามาถาม “มีอะไรหรือครับ เถ้าแก่”
“ผู้หญิงคนนั้น” อากงบอก
“อีหนูคนใหม่ของท่านพินิจครับ”
“รู้สึกคุ้นๆหน้ายังไงชอบกล”
“ก็ส่วนใหญ่ สาวๆของท่านก็มักจะเป็นนางงาม หรือดาราล่ะครับ เถ้าแก่ หน้าตาคุ้นๆทั้งนั้น”
“ไม่ใช่..อั๊วะหมายถึงคนที่เราเคยรู้จัก”
“อั้นแน่ะ เถ้าแก่แอบไปรู้จักสาวๆสวยๆเป็นการส่วนตัวด้วยหรือครับ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น..อั๊วะว่า..อีเหมือนมารตี หม่อมหลวงมารตี ลูกสาวคุณชายเทวพันธ์ ที่เขาจะจับคู่ให้กับชายพุฒิภัทร หลานของอั๊วะเนี่ยแหละ”
“ฮ้า..แล้วจะเป็นอย่างนั้นได้ยางงาย”
“ก็น่านน่ะสิ”
รถของพินิจแล่นออกไป

สองคนนั่งอยู่ในร้านอาหารฝรั่งเศส มารตีกับพินิจชนแก้วไวน์กัน
“หนูสวยเหลือเกิน มารตี” พินิจชม
“สวยยังไง..ก็คงสู้พวกดารา หรือนางงามที่ท่านชอบไม่ได้หรอกค่ะ” มารตีว่า
“แหม..อย่าเอาไปเปรียบกันสิจ๊ะ แต่ละคน ก็มีดีเป็นของตัวเอง ความสวยน่ะ เอามาตรอะไรมาวัดไม่ได้หรอก ตอบได้แค่ว่า ถูกใจเราหรือเปล่า”
“แล้วหนูถูกใจท่านไหมล่ะคะ”
“ถูกใจสิจ๊ะ ถูกใจมากๆ”
“แล้ว..ระหว่างหนู..กับกรองแก้ว นางสาวศรีสยามล่ะคะ ใครที่ถูกใจท่านกว่ากัน”
“อุ๊ย..ไม่เอาน่า อย่าคุยเรื่องเหลวไหล ฉันจะไปรู้หรือ.. ว่าเขาจะเป็นยังไง เพราะฉันยังไม่เคยสัมผัสเขาสักที”
มารตียิ้มเย็น “แล้วท่านอยากจะได้สัมผัสไหมล่ะคะ”
พินิจแทบสำลักแล้วรีบเอาผ้าเช็ดปากซับ “แหม หนูก็ พูดอะไรก็ไม่รู้”
“หนูพูดจริงๆนะคะ ท่านยังอยากได้เจ้าหล่อนอยู่หรือเปล่า”
“หนู ต้องการจะบอกว่า”
“หนูจัดการให้ท่านได้ โดยไม่ต้องการอะไรแลกเปลี่ยนทั้งนั้น”

พินิจกลืนน้ำลายดังเอื๊อก

อ่านต่อหน้า 2

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 9 (ต่อ)

กรองแก้วเอาน้ำให้กิตติดื่มด้วยหลอด

“พ่อรู้สึกยังไงบ้างจ๊ะ” กรองแก้วถาม
“รู้สึกดีมากจ้ะลูก” กิตติตอบ
“จริงๆนะคะ”
“จริงสิ”
กรองแก้วตื้นตัน เธอจับมือกิตติมาวางบนหัว “ต่อไปนี้ พ่อจะไม่ต้องปวดหัวอีกแล้วนะ”
“ต่อไปนี้ พ่อจะทำงานทำการอะไรได้ ไม่ต้องเป็นภาระของลูกคนเดียวอีกแล้ว”
“พ่อ..พ่อไม่ต้องทำอะไรมากหรอกค่ะ แก้วโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ แก้วต้องเลี้ยงพ่อสิคะ”
“แต่ลูกไม่ต้องไปทำอะไรที่ลูกไม่อยากทำ เพื่อแลกกับเงิน รางวัล หรืออะไรก็ตาม”
พุฒิภัทรเดินมายืนฟังข้างหลังกรองแก้ว
พุฒิภัทรพูดอย่างเอ็นดู “ทันทีที่พ่อดีขึ้น แก้วก็มานั่งคุยให้พ่อฟังจ้อๆเลยนะ พ่อง่วงจะแย่แล้ว..แต่ลูกสาวก็พูดจ๋อยๆๆไม่หยุดเลย”
กิตติหัวเราะ กรองแก้วหันมาแล้วอายจึงรีบลุกขึ้นไหว้
“คุณชาย”
“ผมยังไม่ได้ขอบคุณคุณชายเลยครับ ที่ ทำอะไรให้เราสองพ่อลูกมามากมายเหลือเกิน”
“ไม่เป็นไรครับ ผมทำตามหน้าที่ของผม แต่ตอนนี้ ผมอยากให้คุณนอนหลับพักผ่อนซักนิด”
กรองแก้วหัวเราะ “งั้นแก้วปล่อยให้พ่อนอนก็ได้ แก้วไปหาของโปรดของพ่อมาให้พ่อกินดีกว่า พ่ออยากได้อะไรจ๊ะ ระหว่างก๋วยเตี๋ยวราดหน้า กับข้าวมันไก่”
“อะไรก็ได้ ลูก”
“อะไรก็ได้ ทุกทีเลย พ่อเลือกมาสิจ๊ะ งั้นแก้วซื้อ2อย่างนะ”
กิตติลูบผมกรองแก้วอย่างมีความสุข พุฒิภัทรแอบมองด้วยแววตาชื่นชม

กรองแก้วเดินผ่านร้านขนมแล้วหยุดดู พุฒิภัทรเดินตามติด
“อยากได้ขนมอะไรหรือแก้ว” พุฒิภัทรถาม
กรองแก้วหมายมั่น “ร้านขนมแบบนี้แก้วก็ทำได้ แก้วมีตำแหน่งเป็นตั้งนางสาวศรีสยาม ชาวบ้านที่อยุธยาต้องอยากมาอุดหนุนร้านแก้ว แล้วถ้าเขามาชิม พบว่าขนมร้านเราอร่อยจริง เขาก็จะเอาไปลือกันปากต่อปาก ร้านเราก็ต้องขายดิบขายดี ทีแรก ร้านเราอาจจะเล็กๆ แต่ต่อไป..เราอาจจะทำเป็นร้านใหญ่ๆสวยๆก็ได้”
พุฒิภัทรอึ้ง เขาเอานิ้วจิ้มหัวแก้วเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้และเอ็นดู “ในสมองน่ะ มีแต่เรื่องทำมาหากินนี่แหละ ใช่ไหม”
“อ้าว” กรองแก้วมองหน้างงๆ “แก้วกำลังวางแผนธุรกิจนะคะ แก้วได้แอบศึกษามาจากคุณเกษราบ้าง แล้วหลายๆวันมานี่..แก้วได้ความรู้ดีๆจากวังจุฑาเทพหลายอย่าง สิ่งที่แก้วได้รับมาภายในเวลาไม่กี่เดือนที่ ผ่านมานี้ มีคุณค่ายิ่งกว่าการศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยซะอีก แก้วจะไม่ให้มันสูญเปล่า”
“แก้วคิดแต่จะไป ไปจาก ชั้น”
กรองแก้วมองหน้าจริงจัง “คุณชายคะ..หลายๆวันมานี่..มันเหมือนกับความฝัน แต่เราจะนอนหลับ..แล้วเอาแต่ฝันตลอดไปไม่ได้ ซักวันนึง..แก้วต้องตื่น..แล้วต้องเผชิญกับความจริง”
พุฒิภัทรโกรธ

พุฒิภัทรดึงกรองแก้วลงมาให้นั่งคุยกัน
“ความจริงคืออะไร..แก้ว..ไหนเธอลองบอกมาซิ ว่าความจริงคืออะไร” พุฒิภัทรคาดคั้น
“ก็..แก้วต้องกลับบ้าน ต้องพึ่งตัวเองให้ได้ ไม่รับกวนคนอื่นอีกต่อไป”
“ใคร..คือคนอื่น?”
“ก็..”
“ชั้นใช่ไหม..คนอื่นที่ว่า”
“คุณชายคะ”
“เราเป็นอะไรกัน” พุฒิภัทรถาม
“คุณชาย”
“ตอบมาก่อนสิ ว่าเราเป็นอะไรกัน”
กรองแก้วก้มหน้า “แต่ว่า มันก็เป็นแค่ เอ้อ”
“แค่ทะเบียนสมรส ที่ทำให้เราเป็นสามีภรรยากัน”
“คุณชายไม่ต้องคิดมากนะคะ แก้วจะรีบจดทะเบียนหย่าให้เร็วที่สุด เท่าที่เป็นไปได้ แก้วจะไม่ถ่วงเวลาหรือบ่ายเบี่ยงเลย”
“เธอคงอยากไปจากชั้นให้เร็วที่สุดสินะ”
“ไม่ใช่ค่ะ”
“งั้น..เธอต้องการยังไงล่ะ”
“คุณชายทำเพื่อแก้วมามาก คุณชายเสียสละเพื่อช่วยคุ้มครองแก้วจากอันตราย คุณชายช่วยรักษาพ่อแก้ว แก้วเป็นฝ่ายรับตลอดเวลา แก้วเอาเปรียบคุณชาย แก้วอยากจะบอกว่าแก้วต้องการทำให้ตัวเองมีฐานะ มีหลักฐาน มีเกียรติมีทุกๆอย่างที่ดีกว่านี้ แก้วถึงจะตอบแทนคุณชายได้จริงๆ”
“เธอนี่มันหยิ่งยะโส จองหองที่สุด”
“แก้วไม่ได้ยะโส แต่แก้วไม่อยากงอมืองอเท้า คนเรา..จะต้องหายใจด้วยจมูกตัวเอง ยืนด้วยขาสองข้างของตัวเอง ทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น ไม่ใช่จะเอาแต่พึ่งพาคนอื่นร่ำไป”
“คำก็คนอื่น สองคำก็คนอื่น เคยได้ยินไหม ว่าสามีภรรยาก็คือบุคคลเดียวกันตามกฎหมาย”
“คุณชายพูดแบบนี้อีกแล้ว”
“เพราะ..มันคือความจริง” พุฒิภัทรจับตัวกรองแก้วมาใกล้ๆ แล้วจับที่สร้อยเส้นนั้น “ดูสิ ที่คอเธอก็มีสร้อยที่หม่อมแม่ฉันให้ไว้สวมให้สะใภ้ แบบนี้เราจะเป็นคนอื่นต่อกันได้อย่างไร ที่สำคัญทุกอย่างที่ฉันทำลงไป ก็คือหน้าที่ของ สามี ที่ต้องทำ เธอไม่ต้องมาคิดจะตอบแทนอะไร”
“หน้าที่เหรอ คุณชายไม่ได้มีหน้าที่อะไรซะหน่อย”
“ฉันมีหน้าที่ แล้วเธอก็มีหน้าที่เหมือนกัน หน้าที่ของเธอ ก็คือ” พุฒิภัทรโอบกอดเข้ามาโดยแตะที่เอวเบาๆ “ทำตัวให้เป็นภรรยาที่น่ารักหน่อย รู้จักพูดจาให้หวานๆ ทำตัวออดอ้อน” พุฒิภัทรทำเป็นมองรอบๆ “เล่นละครให้สมบทบาทหน่อย อย่าลืมสิ ว่าไอ้พวกเหล่าร้ายมันยังต้องการตัวเธอ แล้วก็หาโอกาสเล่นงานเราอยู่ตลอด..เธอต้องทำให้พวกมันเชื่อ..ว่าเรา..เป็นอะไรกันแล้วจริงๆ เข้าใจไหมคะ” พุฒิภัทรยื่นหน้ามากระซิบข้างหู
คนในตลาดจำนวนมากแอบมอง
กรองแก้วเห็นสายตาคนก็อายจึงพยายามเบี่ยงตัวออก แต่พุฒิภัทรไม่ยอมจึงดึงเข้ามา

พุฒิภัทรกับกรองแก้วเดินมาตามทางเดินในโรงพยาบาล พุฒิภัทรถือของให้กรองแก้ว
กรองแก้วพยายามแย่งคืน “คุณชายคะ แก้วถือเองได้”
“อีกแล้วนะ อยู่เฉยๆ สามีจะถือให้ภรรยา”
“โธ่ คุณหมอเป็นหมอที่นี่ แล้วเขาก็รู้จักแก้วกัน แล้วเขาจะว่ายังไง”
“เอาเลย ให้ทุกคนซุบซิบนินทาเลย ใครอยากจะคิดอะไรก็เชิญคิดตามสบาย”
“คุณชาย!”
“ทำไม..ชั้นไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้เลว ไมได้โกง ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ชั้นไม่แคร์”
มารตีแอบดูอยู่ที่มุมหนึ่งเห็นพุฒิภัทรกับกรองแก้วเดินขึ้นบันไดไปชั้น 2

มารตีปวดใจ แต่ก็ไม่วายคลำแหวนเพชรวงใหม่ที่นิ้วตัวเอง

กรองแก้วเปิดประตูห้องพักของกิตตินำมาก่อน พุฒิภัทรหอบของตามมา พยาบาลยิ้มให้แล้วไหว้พุฒิภัทรก่อนจะเดินออกไป

กิตติยังนอนหลับอยู่ กรองแก้วเข้าไปดูด้วยความห่วงใย เห็นกิตติหลับอยู่หน้าตาอิ่มเอิบ กรองแก้วโล่งอกจึงหันมาช่วยพุฒิภัทรจัดของที่ซื้อมาบนโต๊ะ
“แล้ววันนี้จะกลับวังกี่โมง” พุฒิภัทรกระซิบเบาๆ
กรองแก้วอึ้ง “แก้ว ขออนุญาต ไม่กลับนะคะ แก้วจะนอนเฝ้าพ่อ”
“เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนทั้งคืนไม่ใช่เหรอ ไม่กลับไปพักที่บ้านล่ะ”
“แก้วไม่อยากทิ้งพ่อไว้คนเดียวอีกแล้วค่ะ”
“คนเดียวอะไร พยาบาลเขาก็มีให้ บอกฝากคุณเพียงพรเป็นพิเศษก็ได้ นอนที่นี่ มันสบายที่ไหน”
“ไม่เป็นไรคะ แก้วอยากอยู่ แก้วนอนได้ คุณชายนั่นแหละ ที่ต้องรีบกลับไปพักผ่อน ฝากกราบเรียนหม่อมย่าเอียดด้วย ว่าแก้วขออนุญาตอยู่เฝ้าพ่ออีกคืนนะคะ”
“ฉันอยากให้เธอกลับบ้านด้วยกัน แล้วพรุ่งนี้เช้าก็มาพร้อมกัน ชั้นไม่อยากปล่อยเธอไว้ตามลำพัง ถึงที่นี่จะเป็นถิ่นของฉันก็เถอะ แต่คนพวกนั้น”
“คุณชายอย่าห่วงแก้วเลยค่ะ แก้วจะอยู่แต่ในห้องกับพ่อ เราซื้อของมาครบทุกอย่างแล้ว แก้วสัญญาจะไม่ออกจากห้องไปไหนเด็ดขาด จริงๆนะคะ”
“แก้ว อย่าประมาทนะ”
“ไม่ค่ะ รับรอง” กรองแก้วทำหน้าประจบ
พุฒิภัทรใจอ่อน

พุฒิภัทรเดินขึ้นมาในตึกวังจุฑาเทพ เขาวางกระเป๋าลงแล้วหันมาก็ชะงักที่เห็นคุณย่าทั้งสองนั่งกอดอกรออยู่ พุฒิภัทรอึ้งแล้วไหว้คุณย่าทั้งสอง
“ออกไปด้วยกัน หายไปด้วยกัน แล้วก็ไม่กลับบ้านมาด้วยกันทั้งคืน” ย่าอ่อนว่า
“เรื่องที่เราไปรับพ่อเขามาผ่าตัด จริงหรือไม่ ยังไง” หม่อมเอียดถาม
“จริงครับ การผ่าตัดเป็นไปด้วยดี เอ้อ แก้วฝากผมมาก็ขออนุญาตหม่อมป้า อยู่เฝ้าพ่อเขาที่โรงพยาบาล จนกว่าจะออกครับ”
“แม่แก้วเขาก็ไม่ใช่คนนิสัยไม่ดีนะ นิสัย ความสามารถ หรือคุณสมบัติของตัวเค้านะ มันไม่เป็นปัญหาหรอก แต่เรื่องสายเลือด หรือพื้นเพน่ะ มันเปลี่ยนแปลงไม่ได้นะ ชายภัทร ขอให้หลานคิดให้ดี” ย่าอ่อนบอก
หม่อมเอียดพูดอย่างซีเรียส “ชายภัทร ย่าจะไม่อ้อมค้อมแล้วนะ ตกลงว่าหลานกับแก้ว ผูกสมัครรักใคร่กัน แล้วตกลงปลงใจกันไปแล้วใช่ไหม”
พุฒิภัทรอึ้ง

กรองแก้วกำลังจัดยาให้กิตติ โดยที่กิตติยังคงนอนหลับอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูเบาๆ กรองแก้วชะงักแล้ววางยาที่จัดเรียบร้อยไว้ที่โต๊ะเล็กข้างเตียง ก่อนจะลุกไปเปิดประตู มารตีที่ไม่ได้แต่งชุดนางพยาบาลก้าวเข้ามา
“คุณมารตี”
มารตีชะโงกดูกิตติ “คุณพ่อเธอหลับอยู่เหรอ แก้ว”
“คุณมารตี” กรองแก้วเกรงๆ
“ออกมาคุยกันหน่อย”
“เอ่อ..คุยกันในนี้ก็ได้ค่ะ”
“มาข้างหน้าห้องนี่เอง เรื่องสำคัญมาก ชั้นไม่อยากรบกวนคนไข้”
“แต่ว่า พูดในนี้ไม่ได้หรือคะ”
“เรื่องมันยาว..ทำไม เธอไม่อยากรับรู้เรื่องวุ่นวายของคนอื่นที่มีเธอเป็นต้นเหตุเหรอ”มารตีทำท่าเหมือนกลั้นร้องไห้ไม่ได้จึงปล่อยโฮแล้วเอามืออุดปากก่อนจะวิ่งหนีไป
กรองแก้วตกใจ

มารตีเดินออกมาแล้วทำเป็นซับน้ำตา กรองแก้วเดินตามมาห่างๆ ก่อนจะมองไปรอบๆ อย่างระแวงพอเห็นว่าไม่มีใครก็ค่อยโล่งใจ
“คุณมารตีคะ” กรองแก้วเรียก
มารตีหันมาสะอื้น “พี่ชายภัทรล่ะ เค้าอยู่ไหน”
“เอ่อ คุณชาย กลับบ้าน เอ๊ย กลับวังไปแล้วค่ะ”
“เหรอ งั้นป่านนี้ พี่ชายก็คงทราบเรื่องแล้วล่ะสิ”
“เรื่องอะไรคะ”
“ท่านพินิจ” มารตีบอก
“ท่าน?? ทำไมอีกหรือคะ”
“ท่านพินิจไปบุกวังจุฑาเทพแล้ว เมื่อเช้านี้”
“จริงเหรอคะ”
“จริงสิ ถามแบบนี้ เธอหาว่าชั้นโกหกเหรอ ชั้นจะกล้าโกหกเรื่องใหญ่เรื่องคอขาดบาดตายขนาดนี้ได้เหรอ”
“ท่าน ไปทำอะไร คะ บุก คำว่าบุก หมายความว่ายังไง”
“บุกก็คือบุก ท่านพาคนน่ากลัวไปบุกวัง แล้วก็ไปพูดทุกอย่างกับหม่อมย่า หม่อมย่าเอียดกับคุณย่าอ่อนถูกขู่อย่างน่ากลัวที่สุด เพราะท่านพินิจรู้ว่าพี่ชายภัทรพาเธอหนีมาซุกไว้ในวัง ท่านก็เลยไปเอาเรื่อง ขอให้ท่านทั้งสองมอบเธอคืนมา”
“พาหนี เอามาซุก มอบคืน มันไม่ใช่เลยนะคะ ฉันไม่ใช่สิ่งของ ไม่ว่าจะของท่าน หรือของใคร ท่านไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวฉันทั้งนั้น”
“นั่นแหละๆๆ แต่ตอนนี้คุณย่าทั้งสองเป็นทุกข์ใจมาก เพราะท่านก็รักหลานของท่าน เนื่องจากท่านพินิจไปขู่ว่าจะไล่พี่ชายภัทรออกจากโรงพยาบาลนี้ และถ้าท่านพินิจอดไม่ไหวจริงๆ ก็อาจจะลงมือ ฆ่าพี่ชายภัทร”
“บ้านเมืองมีขื่อมีแป คนเราจะรังแกกันได้ตามใจชอบแบบนั้นได้ยังไงกัน” กรองแก้วว่า
“เธออย่าพูดเอาแต่ได้ เข้าข้างตัวเอง เห็นแก่ตัว เธอก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าคนอย่างท่านพินิจมันต้องทำได้ทุกอย่าง เธอถือว่าพี่ชายภัทรรักเธอ ก็เลยเอาประโยชน์ทุกอย่างจากเค้า ตอนนี้พ่อของเธอ พี่ชายภัทรเค้าก็รักษาผ่าตัดให้สำเร็จแล้วนี่ ถ้าเธอพอจะมีหัวใจ มีความกตัญญูอยู่บ้าง เธอก็ควรจะรีบถอยไปให้ไกลจากเค้า เพื่อความปลอดภัยของเค้าสิ”
กรองแก้วอึ้ง
“ก็ได้ ถ้าเธอจะไม่รู้สึกรู้สมอะไร ก็แล้วแต่เธอ แต่ถ้าเกิดอันตรายอะไรขึ้นกะพี่ชายภัทร ก็ขอให้เธอรู้ว่า..เรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นกะเค้าทั้งหมด ก็เพราะพี่ชายภัทรพยายามปกป้องเธอ ฮือๆๆๆ ชั้นจะไปหาเค้าที่วัง.. ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น..ชั้นจะไปอยู่ข้างๆเค้า” มารตีวิ่งจากไป

กรองแก้วอึ้งๆ แล้วรีบเดินตามไป

มารตีวิ่งมาตามทางแต่ก็รีๆรอๆ ลุ้นๆ จึงหันไปมองข้างหลัง กรองแก้วโผล่มามองหามารตีแล้วเดินตามมา มารตีสมใจแล้ววิ่งไปไกลขึ้น

กรองแก้วเรียก “คุณมารตีคะ คุณมารตี”
มารตีหันมา “ไม่ต้อง เธอไม่ต้องตามมา ฉันจะไปบอกท่านย่า ว่าอย่าดุด่าว่ากล่าวเทศนาพี่ชายภัทรเลย แล้วถ้าท่านจะทำอะไรพี่ชายภัทร ฉันก็จะบอกท่านพินิจเอง ว่ามันไม่เป็นความจริง พี่ชายภัทรไม่ได้ช่วยเธอ เธอไม่เคยเข้าไปอยู่ในวัง ที่ท่านรู้มา ท่านทราบมาผิดๆ เพราะพี่ชายภัทรมีชั้นเป็นคู่รักอยู่แล้วทั้งคน เหตุการณ์ที่ท่านว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น เพราะฉันกับพี่ชายภัทรรักกันดี เธออย่าตามมา”
มารตีวิ่งออกไปจนพ้นเขตรพ.
กรองแก้วเรียก “คุณมารตี”
กรองแก้วลืมตัวจึงวิ่งตามมารตีไปจนถึงหน้ารพ.ริมถนนที่เป็นช่วงปลอดคนพอดี

เพียงพรเคาะประตูห้องพักกิตติ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบเธอจึงตัดสินใจเปิดเข้ามา สิ่งที่เพียงพรเห็นคือโต๊ะที่มีถุงอาหารที่ซื้อมาวางกองอยู่ ส่วนที่โต๊ะข้างเตียงมียาวางเตรียมอยู่ ส่วนกิตติหลับอยู่
เพียงพรย่องไปเปิดประตูห้องน้ำแต่ประตูก็เปิดอย่างง่ายดายเพราะไม่มีคน สักพักมีเสียงเคาะประตูเบาๆ แล้วยศวินก็เปิดเข้ามา
“อ้าว..คุณหมอ นึกว่าคุณแก้วซะอีก” เพียงพรบอก
“คุณแก้วไม่อยู่เหรอ” ยศวินถาม
“ไม่อยู่ค่ะ ไม่ทราบไปไหน”
ยศวินเดินมาดูกิตติ “คุณพ่อยังหลับอยู่เลย”
“ดิฉันจะมาวัดไข้ วัดความดันคุณพ่อ แต่ไม่อยากปลุกท่าน”
“เอาไว้ก่อนก็ได้ แต่คุณแก้วไปไหน” ยศวินสงสัย
“จะว่าไปหาอะไรรับประทาน ของรับประทานก็เต็มโต๊ะอยู่แล้ว”
กิตติลืมตาขึ้นมา
“อ้าว ตื่นพอดี”
“คุณหมอ..?? มีอะไรหรือครับ” กิตติถาม
“คือ..หนูจะขอวัดไข้ก่อนค่ะ คุณพ่อ”
ยศวินชักจะไม่สบายใจ

มารตีทำเป็นโบกรถบริเวณริมถนนที่ปลอดคน
“แท๊กซี่ๆๆ โธ่ แท็กซี่มันหายไปไหนหมด”
กรองแก้วเดินตามมา “ชั้นจะไปกับคุณ ชั้นจะไปบอกหม่อมท่าน ว่าชั้นจะไปจากคุณชายพุฒิภัทรวันนี้เลย คุณชายจะไม่ต้องถูกปองร้ายอีกต่อไป หม่อมท่านอย่าตำหนิคุณชายเลย คนผิด คือแก้วเอง ไม่มีแก้วซะคน เรื่องก็จบ”
ทันใดนั้น รถคันใหญ่ก็โฉบเข้ามา สมุน2คนของพินิจกรูลงมาดึงกรองแก้ว มารตีเองก็ช่วยจับกรองแก้วยัดเข้ารถไป กรองแก้วร้องกรี๊ดๆ สมุนของพินิจอุดปาก มารตีช่วยปิดประตูรถอย่างรวดเร็ว รถคันนั้นวิ่งไปอย่างรวดเร็ว มารตีมองตามแล้วยิ้มสะใจ

พุฒิภัทรนั่งสงบอยู่เบื้องหน้าหม่อมเอียดและย่าอ่อน
“พูดมาตามตรงดีกว่า ชายภัทร ว่าความจริงคืออะไร หลานกับเขา เป็นอะไรกันแล้วใช่ไหม แล้วมาทำเป็นหลอกย่า น่าไม่คิดเลย ว่าเด็กดีๆ คิดดีทำดีมาตลอด ไม่เคยดื้อรั้น ไม่เคยทำตัวเจ้าชู้ประตูดิน ไม่เคยสนใจผู้หญิง จะลุกขึ้นมาทำตัวชิงสุกก่อนห่ามแบบนี้” หม่อมเอียดว่า
“ชายไม่เคย ชิงสุกก่อนห่าม” พุฒิภัทรบอก
“อ๊ะแอ้ม” ย่าอ่อนกระแอม
“สร้อยกับตรามังกรพันหีบสมบัติ ที่แม่ของหลานทำไว้ ย่าเห็นกับตา ว่าอยู่ที่คอแม่แก้ว มันแปลว่าอะไร” หม่อมเอียดถาม
“คือ เรา จดทะเบียนสมรสกับแก้วแล้ว จดหลอกๆ” พุฒิภัทรบอก
“คุณชายพุฒิภัทร หลานอย่ามาล้อเล่นสิ” หม่อมเอียดว่า
“จดทะเบียน..มันจะเป็นเรื่องหลอกๆได้ยังไง” ย่าอ่อนถาม
“ได้สิครับ เพราะความจริง เรา ไม่ได้รักกัน” พุฒิภัทรบอก
“โอ๊ย ฉันจะเป็นลม เป็นไปได้หรือนี่” หม่อมเอียดว่า
“เป็นไปได้ เพราะ” พุฒิภัทรหน้าเศร้า “ผมหลอกให้เขาจด”
“หลอก..หลอกยังไง หลอกอะไร ใครๆก็ต้องอยากจะจดทะเบียนกับหลานทั้งนั้น ใครหลอกใครกันแน่”
“ผมหลอกเขาครับ” พุฒิภัทรสารภาพ “ผมหลอกว่าทะเบียนนี้ จะทำให้ท่านพินิจ เลิกมาสนใจเค้าได้ ตอนแรก เค้าไม่ยอม ผมก็ต้อง ชักแม่น้ำทั้งห้าไป หม่อมย่า คุณย่าครับ แก้วเขาไม่ได้รักผมหรอก แต่ผม รักเค้าข้างเดียวครับ”
“จะเป็นลม!” ย่าอ่อนแทบหงายหลัง
สองคุณย่าควักยาดมมาดมร่วมกัน
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น ทุกคนหันไปมอง พุฒิภัทรรีบรับ
“อาจารย์ยศวิน..มีเรื่องอะไรที่โรงพยาบาลหรือ..อะไรนะ” พุฒิภัทรตกใจ
คุณย่าทั้งสองงง

พุฒิภัทรที่เปลี่ยนเสื้อใหม่เป็นชุดลำลองเลิกงานเดินหน้าตื่นๆเข้ามาที่โรงพยาบาล
“ยศวิน แก้วกลับมาหรือยัง” พุฒิภัทรถาม
“ยังครับ” ยศวินตอบ
“เค้าไปไหน ก็สัญญากันดิบดีแล้วนะ ว่าจะไม่ออกไปไหนอีก”
“จะว่าไปหาอะไรรับประทาน หรือซื้อน้ำ ซื้อขนมอะไรก็ไม่น่าจะใช่”
เพียงพรวิ่งเข้ามา “ดิฉันไปดูตามโรงอาหาร หรือตามบริเวณรอบๆแล้ว แต่ก็ไม่มีค่ะ”
“ก่อนผมจะโทไปตามอาจารย์ ผมก็วิ่งดูหลายรอบแล้วครับผม” ยศวินบอก
“พ่อจะทราบไหม” พุฒฺภัทรจะเปิดเข้าห้องพัก
“จุ๊ๆ คุณชายหมออย่าเข้าไปค่ะ คุณพ่อคุณแก้วยังไม่ทราบ ว่าคุณแก้วหายตัวไป ดิฉันกลัวว่า หากคุณพ่อทราบ ท่านจะไม่ค่อยดีน่ะค่ะ”
“แล้ว ใครคือคนสุดท้าย ที่เจอแก้ว” พุฒิภัทรถาม

เพียงพรกับยศวินมองหน้ากันแล้วส่ายหน้า พุฒิภัทรหน้าซีด

พุฒิภัทรวางโทรศัพท์ที่เคาท์เตอร์แล้วหันมาทำหน้าซีด

“ที่วัง ก็ไม่ได้กลับไป ที่บ้านคุณเกษรา ก็ไม่มี” พุฒิภัทรบอก
“สงสัย ต้องเป็น..”
“ท่านผู้นั้น แน่ๆค่ะ” เพียงพรบอก

บรรดาคนรับใช้ที่เรือนสีชมพูพยายามขวางพุฒิภัทร
“นี่ คุณ เข้ามาได้ไง พวกยามหน้าบ้านหายไปไหนหมด”
“คุณเป็นใคร นี่มันบ้านส่วนตัวนะ ออกไปเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวจะตามตำรวจมาจับซะเลย”
พุฒิภัทรพูดด้วยหน้าตาเอาเรื่อง
“กรองแก้วอยู่ที่นี่ ใช่ไหม กรองแก้วนางสาวศรีสยาม เจ้านายพวกคุณจับตัวมาใช่ไหม”
กนกลักษณ์กับสุนันท์ที่อยู่ในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยวิ่งออกมาด้วยความตกใจ
“ไหนๆ ท่านเอาตัวยัยกรองแก้วมาได้แล้วเหรอ” กนกลักษณ์ถาม
“หนอย ชั้นไม่ยอมให้มันมาอยู่เหนือพวกเรานะ ถ้าท่านลำเอียง ฉันจะผูกคอตาย ไม่เชื่อก็คอยดู” สุนันท์บอก
ทั้งสองสาวชะงักเมื่อเห็นพุฒิภัทร
“หา คุณชายหมอ ไหนล่ะคะ นัง เอ๊ย ยัยกรองแก้ว” สุนันท์ถาม
“นี่ คุณ อยู่ที่นี่” พุฒิภัทรงง
“ค่ะ” สุนันท์เดินเข้ามากอดแขนหน้าตาเฉย “แต่สุนันท์ไม่เต็มใจนะคะ เป็นเพราะนัง เอ๊ย ยัยแก้วนั่นแหละ ทำให้นันท์ต้องโดนท่านพินิจให้คนไปฉุดมา เพื่อชดใช้ ที่แม่ของนันท์เอาตัวมันมาให้ท่านไม่ได้อ่าค่ะ” สุนันท์เล่า
“แล้วแก้วล่ะ พวกมันไปฉุดแก้วมาที่นี่ใช่ไหม แก้วอยู่ที่ไหน” พุฒิภัทรถาม
“ไม่มีนี่คะ แก้วไม่ได้อยู่ที่นี่ค่ะ”
“จริงเหรอ”
“ค่ะ แก้วหายไปหรือคะ” กนกลักษณ์ถาม
เสียงคุณหญิงดาราดังขึ้น
“อะไรกัน คุณเป็นใคร ทำไมมาตามหาผู้หญิงที่นี่”
พุฒิภัทรชะงักแล้วหันไป คุณหญิงดาราตะลึง
“คุณชายหมอ!”
พุฒิภัทรยกมือไหว้ “คุณหญิงครับ ผมต้องขอโทษอย่างสูง ที่บุกรุกเข้ามาอย่างนี้ แต่มันจำเป็นจริงๆครับ”
“คุณชายเห็นบ้านฉันเป็นอะไร ทำไมถึงคิดว่า” คุณหญิงดารายังพูดไม่จบ
พุฒิภัทรตัดบท “กรองแก้ว หายไปจากโรงพยาบาล ขณะเฝ้าคุณพ่อของเค้า และคนที่แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการตัวแก้ว คือ ท่านพินิจ”
“ถ้าคุณชายไม่มีพยานหลักฐานอะไร..ก็อย่าเพิ่งสรุปสิคะ ดิฉันอยู่ที่นี่ ดิฉันขอรับรองได้ ว่าแก้วไม่ได้ถูกพาตัวมาบ้านนี้ ในวันนี้แน่ๆ ถ้ามาดิฉันต้องทราบ เพราะทุกครั้ง..ที่มีใครมาเป็นสมาชิกใหม่” คุณหญิงดาราปรายตาไปทางพวกสาวๆ “ท่านจะขอร้องให้ดิฉันช่วยดูแล แต่นี่ยังไม่มีการบอกกล่าวอะไรเลย”
“แล้วท่านอยู่ไหมครับ” พุฒิภัทรถาม
“ไม่อยู่ ไปต่างจังหวัด”
“จังหวัดอะไรครับ”
“ฉันไม่ทราบ ฉันไม่เคยก้าวก่ายเรื่องการงานของท่าน”
“ถ้าเช่นนั้น ผมก็ขอร้องให้คุณหญิงช่วยผมด้วย แก้วกับผมเป็นสามีภรรยากันแล้ว ผมหวังว่าท่านจะไม่พรากสามีภรรยาของคนอื่น เพราะมันบาป และผิดกฏหมายด้วย”
สุนันท์กับกนกลักษณ์ผงะ คุณหญิงดาราหน้าซีด พุฒิภัทรทำหน้าจริงจัง

วันใหม่ กรองแก้วค่อยๆ ได้สติขณะที่นอนบนที่นอนหรูหราและอ่อนนุ่ม กรองแก้วตาโต เธอลุกพรวดแล้วมองไปรอบๆ ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนก่อนจะก้มสำรวจตัวเองแล้วพบว่าเสื้อผ้ายังเหมือนเดิมทุกอย่าง กรองแก้วจับสร้อยที่พุฒิภัทรให้แล้วพบว่าสร้อยยังอยู่ เธอหยิบออกมาดู
กรองแก้วมองไปรอบๆอีกครั้งแล้วเห็นประตูจึงรีบวิ่งไปเปิด แล้วพบว่าประตูล็อค กรองแก้วหันมาอีกทาง เธอเห็นหน้าต่างจึงวิ่งไปใกล้แล้วก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าวิวข้างนอกคือป่า เหวลึก และภูเขาสูงรายล้อม
กรองแก้วมองไปเห็นประตูอีกบานที่เปิดสู่ระเบียง เธอลองเปิดออกไปพบว่าเป็นระเบียงกว้างยื่นลงไปในหุบเหว กรองแก้วมองรอบๆ ด้วยอาการตกใจ เมื่อพบว่าโดยรอบคือภูเขาสูงและกว้างโดยบ้านที่เธออยู่คือบ้านพักตากอากาศทรงยุโรปที่ตั้งอยู่ไหล่เขา ลึกลงไปคือป่าเขียว
กรองแก้วตกตะลึงว่าตัวเองมาอยู่ในที่ๆ ห่างไกลโลกภายนอก ไม่มีทางหนีหรือขอความช่วยเหลือได้ ทันใดนั้นก็มีเสียงประตูเปิดมาจากห้องโถงใหญ่ของบ้าน กรองแก้วหันไปมองแล้วหน้าซีดเมื่อเห็นพินิจเดินออกมากับสมุน2คน พินิจแต่งตัวสมาร์ทแบบเหมือนชุดเล่นกอล์ฟ
“ตื่นแล้วหรือจ๊ะ หนูแก้ว หนูนอนหลับไป8ชั่วโมงเต็มทีเดียวนะ” พินิจบอก
“ท่าน ท่าน ทำอะไรดิฉัน” กรองแก้วถาม
“จุ๊ๆๆ ไม่หรอก คนอย่างฉัน ไม่ทำคนไม่มีสติ แล้วก็ไม่ปลุกปล้ำใช้กำลังกับใคร ชั้นเป็นสุภาพบุรุษพอ ที่จะพูดคุย ทำความสนิทสนม แล้วก็ต่อรองเงื่อนไขกับสาวๆทุกคนจนกว่าพวกเจ้าหล่อนจะพอใจและยินยอม เป็นไงบ้างจ๊ะ หิวไหม หรืออยากดื่มน้ำ หรืออยากทำอะไร อาบน้ำ แต่งตัวใหม่สวยไหม ฉันพร้อม เสนอสนองต่อหนูแก้วทุกอย่าง”

พินิจยิ้มอย่างโปรยเสน่ห์ กรองแก้วอึ้งและเครียด มองหาทางหนีคิดหาทางเอาตัวรอด

อ่านต่อหน้า 3

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 9 (ต่อ)

พินิจนั่งลงที่โซฟา ท่าทีใจเย็น

“เรามาคุยกันดีๆ เถอะนะหนูแก้ว”
กรองแก้วไม่ไว้ใจจึงถอยหนี
พินิจลุก “มานั่งสิ”
กรองแก้วผวาถอยหนีจนไปกระแทกกับตู้ด้านหลัง แม้จะแรงมากแต่กรองแก้วก็ไม่รู้สึกสักนิดเดียว
“หนูแก้ว..เจ็บหรือเปล่า”
“อย่าเข้ามา!”
“แก้ว..เธอกลัวชั้นทำไม ชั้นเป็นคนที่ทะนุถนอมและห่วงใยเธอมาตลอดนะ จำได้มั้ย ตอนที่เธอตกเวทีประกวด ชั้นเป็นคนกำชับหมอพยาบาลให้ดูแลเธออย่างดีที่สุด เธอยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่าชั้นรักเธอตั้งแต่แรกเห็น อย่ากลัวคนที่รักเธอเลย”
“ปล่อยแก้วไปเถอะ แก้วไม่อยากเป็นอนุของท่าน”
“เป็นอนุของชั้นไม่ใช่เรื่องเสียหายนะ เพราะใครๆก็จะให้เกียรติเธอ ไปไหนมาไหนก็จะมีแต่คนกราบไหว้นบนอบ ถ้าเธอยอมนะแก้ว ชั้นสัญญาว่าจะให้เธอมีสิทธิ์เทียบเท่าคุณหญิงทุกอย่าง ชั้นพาเธอออกงานสังคม เธอจะได้แต่งตัวสวยๆ เสื้อผ้าราคาแพงจากประเทศนอก แก้วแหวนเงินทองเพชรนิลจินดาบ้านรถที่ดิน เธอจะเอาอะไร ชั้นจะมีให้เธอทุกอย่าง จะไม่มีใครดูถูกเธอได้”
“แก้วไม่ต้องการ”
“แล้วเธอต้องการอะไร บอกมาสิ”
“แก้วอยากกลับบ้าน”
พินิจจะเข้ามาจับตัว “ไม่เอาน่าแก้ว มีเหตุผลหน่อยสิ”
“อย่าเข้ามา” กรองแก้วผวาหนีแล้วรีบคว้าแจกันที่อยู่ใกล้ๆ มาถือ “ถ้าท่านคิดจะทำอะไรสกปรกกับแก้วแม้แต่นิดเดียว แก้วจะ..”
“คิดว่าเธอจะทำอะไรชั้นได้เหรอ”
กรองแก้วทุบแจกันใบนั้นกับผนังจนกลายเป็นปากฉลาม
“แก้วจะฆ่าตัวตาย”
พินิจช็อค “อะไรนะ”
กรองแก้วย้ำอย่างเด็ดเดี่ยว “แก้วยอมตาย ดีกว่าเป็นอนุของท่าน”
พินิจคร่ำครวญจนอาละวาด “ทำไม ทำไมเธอต้องเกลียดกลัวชั้นขนาดนี้ ชั้นมีอำนาจบารมีมากมาย ชั้นเสกทุกสิ่งทุกอย่างให้เธอได้ ทำไมเธอถึงกล้าปฏิเสธความรักของชั้น! กรองแก้ว เธอจะเอายังไงกับชั้น เธอทำให้ชั้นหัวปั่นซ้ำแล้วซ้ำอีก ต้องทำยังไงเธอถึงจะยอมสยบให้ชั้น”
กรองแก้วสยองเพราะท่าทางคลุ้มคลั่งของพินิจ
“คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสมาจากไหน” พินิจว่า
พินิจพุ่งเข้ามาจับมือกรองแก้วแล้วบิดแจกันปากฉลามทิ้งอย่างง่ายดาย
“ถ้าชั้นจะใช้กำลังกับเธอ มันก็ง่ายนิดเดียว”
กรองแก้วขอร้องทั้งน้ำตา “อย่าทำแก้ว”
พินิจใจอ่อนยอมปล่อยมือกรองแก้วออก “ไม่ ชั้นทำไม่ได้ ชั้นมันสุภาพบุรุษเกินไป ชั้นไม่โรคจิตเที่ยวไล่ปล้ำผู้หญิงที่กำลังร้องไห้ขอชีวิตอยู่ได้” พินิจอาละวาด “ทำไมแก้ว ทำไมเธอถึงไม่อยากเป็นภรรยาของชั้น ทำไมๆๆ”
กรองแก้วโพล่งเสียงดัง “แก้วเป็นของท่านไม่ได้เพราะแก้วเป็นของคนอื่นแล้ว”
“อะไรนะ”
“แก้วแต่งงานกับคุณชายพุฒิภัทรแล้ว”
“ไม่จริง เธอโกหก”
กรองแก้วหยิบสร้อยหยกของพุฒิภัทรออกมาจากในเสื้อ “สร้อยหยกประจำตัวของคุณชายพุฒิภัทร คงจะช่วยยืนยันได้ ว่าแก้วเป็นคนพิเศษของคุณชาย ถ้าท่านไม่เชื่อก็ไปตรวจสอบได้เลยว่าแก้วกับคุณชาย เราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว”
พินิจไม่อยากเชื่อ
กรองแก้วพูดต่อ “แก้วมีสามีแล้ว ไม่ใช่หญิงสาวสะอาดบริสุทธิ์ ถ้าท่านทำอะไรแก้ว เท่ากับท่านล่วงละเมิดภรรยาบุคคลอื่น ผิดทั้งกฎหมาย ผิดทั้งศีลธรรม”
“เธออย่ามาเล่นลูกไม้หลอกชั้นหน่อยเลยแก้ว”
“แก้วพูดความจริง”
“ชั้นไม่เชื่อ ไม่เชื่อเด็ดขาด..ชั้นจะไปสืบดู ถ้าเธอโกหกชั้นล่ะก็ ได้เห็นดีกันแน่”
พินิจหัวเสีย เขาเดินกระฟัดกระเฟียดออกจากห้องไปแล้วปิดประตูกระแทกเสียงดัง


พินิจเดินพุ่งออกมาจากด้านในห้องแล้วพูดกับสมุน
“พวกแกไปสืบมาว่ากรองแก้วกับคุณชายพุฒิภัทร แต่งงาน จดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยากันแล้วจริงๆหรือไม่..ชั้นต้องการรู้คำตอบเร็วที่สุด..ไป!!”
พวกสมุนรีบแยกย้าย พินิจฉุนจนแววตาถลนเพราะแค้นสุดๆ

กรองแก้วกระวนกระวายอยู่ในบ้านพัก เธอคิดหาทางหนีจึงสำรวจบริเวณต่างๆ ของห้องแต่ก็ไม่มีทางออกเลย กรองแก้วพยายามมองหาโทรศัพท์ก็ไม่เจอ มองหาเส้นทางปีนหนีออกไปก็ไม่พบ
“พ่อ พ่อจ๋า ช่วยแก้วด้วย”
ทันใดมีเสียงแกร๊กๆ เหมือนมีคนไขกุญแจจะเข้ามา กรองแก้วตกใจรีบหาที่หลบแอบมอง
ประตูเปิดออกมา มีเท้าคนๆนึงก้าวเข้ามาแล้วเดินเข้าไปด้านใน ซึ่งก็คือแม่บ้านหญิงที่ถือเสื้อผ้าชุดใหม่มาวางให้กรองแก้วและเตรียมจะจัดห้อง กรองแก้วเห็นจังหวะจึงรีบไปที่ประตู แต่แล้วก็ต้องผงะ เพราะเห็นสมุนหน้าเหี้ยมของพินิจเฝ้าอยู่ 2 คน สมุนทั้งสองชี้หน้ากรองแก้วด้วยท่าทางที่ไม่ปรานี กรองแก้วถอยกลับเข้ามา
สมุนตะโกนบอกแม่บ้าน “เอ้า ป้า รีบๆทำห้องให้เสร็จแล้วก็รีบออกไป อย่าพูดมากล่ะ ฮ่าๆๆ”
พวกสมุนปิดประตู กรองแก้วหันมองแม่บ้านแต่แม่บ้านรีบก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเอง กรองแก้วตามมาขอร้องแม่บ้าน
“พี่จ๋า พี่ช่วยแก้วด้วย”
แม่บ้านเดินหนี
“แก้วไม่อยากเป็นอนุของท่าน แต่ท่านจับแก้วมา พี่ช่วยพาแก้วออกไปจากที่นี่ทีนะคะ”

แม่บ้านเดินหนีอีก

กรองแก้วตามมาจับมือแม่บ้านเอาไว้

“พี่จ๋า พี่ช่วยไปบอกตำรวจหรือบอกนักข่าวทีว่าชั้น นางสาวศรีสยามถูกจับตัวมาอยู่ที่นี่” แม่บ้านพยายามดึงมือออก กรองแก้วตื๊อ “พี่ก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน พี่จะปล่อยให้ลูกผู้หญิงถูกรังแกอย่างนี้เหรอ เมตตาแก้วเถอะ สงสารลูกนกลูกกาเถอะนะคะ”
แม่บ้านสงสารแต่ทำภาษามือว่าเธอช่วยไม่ได้ แล้วจะทำงานต่อ
“ถ้าพี่ไม่ช่วย แก้วไม่มีใครแล้ว” กรองแก้วบอก
แม่บ้านทำภาษามือและทำท่าชัดเจนว่าฉันพูดไม่ได้ ฉันช่วยไม่ได้
“พี่พูดไม่ได้เหรอ” กรองแก้วถาม
แม่บ้านพยักหน้าแล้วส่งภาษามือว่าขอโทษด้วยก่อนจะทำงานต่อ กรองแก้วเครียดแล้วคิดอย่างรวดเร็ว
“แต่พี่ฟังชั้นออก แล้วชั้นจะเขียนจดหมาย” กรองแก้วรีบไปหากระดาษกับปากกามาเขียน “ฝากพี่ช่วยเอาไปส่งตามที่อยู่นี้ แล้วพี่ก็แค่เขียนที่อยู่ของที่นี่ บอกให้เขารู้ว่าที่นี่คือที่ไหน อยู่ส่วนไหนของประเทศ แค่นี้เอง นะคะ”
แม่บ้านส่ายหน้าแล้วโบกมือปฏิเสธ
กรองแก้วรีบผวากอดขาแม่บ้านไว้ “อย่าปฏิเสธแก้วเลยค่ะพี่ แก้วไม่มีใครแล้ว”
แม่บ้านปฏิเสธ กรองแก้วตามตื๊อ
“ได้โปรด ช่วยแก้วด้วย แก้วกราบ”
กรองแก้วก้มกราบจนหัวติดพื้น
แม่บ้านรู้สึกสงสาร กรองแก้วยื่นกระดาษให้ด้วยแววตาไร้ที่พึ่ง

ณ ห้องใต้โดมของห้าสิงห์แห่งวังจุฑาเทพ พุฒิภัทรกำลังเครียดและกระวนกระวาย
“ต้องเป็นท่านพินิจแน่ๆ ไม่มีใครอื่นอีกแล้ว แต่เขาพาแก้วไปซ่อนไว้ที่ไหนนี่สิ! ชายพี ยังไม่ได้ข่าวอะไรบ้างเลยเหรอ”
“ผมให้คนช่วยตามสืบความเคลื่อนไหวของท่านพินิจแล้ว ทันทีที่พบตัวท่าน เขาจะแจ้งมา” รณพีร์บอก
“ไม่ต้องห่วงนะพี่ชายภัทร ท่านพินิจมีหน้าที่การงานใหญ่โต คนระดับนี้หายตัวไปไม่ได้นานหรอก เราเจอตัวเขาแน่” รัชชานนท์บอก
“พี่ห่วงแก้ว กว่าเราจะตามเจอตัวท่านพินิจ แก้วจะเป็นยังไง จะเกิดอะไรขึ้น มันจะทำอะไรกับแก้วแล้วบ้าง พวกนายเข้าใจมั้ย”
“เอางี้ เดี๋ยวผมจะไปขอให้เพื่อนที่เป็นหน่วยกรองข่าวช่วยตรวจสอบดูว่าท่านพินิจมีเซฟเฮ้าส์ที่ไหนซ่อนไว้บ้าง”
“ดีๆๆ ชั้นไปด้วย”
ทันใดนั้นก็มีเสียงกริ่งของวังดังขึ้น พวกพุฒิภัทรไม่ได้ใส่ใจแล้วทั้งหมดก็รีบออกไป

เสียงกริ่งยังคงดังอยู่ ถนอมกับสมศรีเดินมาด้อมๆมองๆ ว่าใครที่มากด แม่บ้านใบ้เป็นคนที่มายืนกด
“มาหาใคร” ถนอมถาม
หญิงใบ้พยายามส่งภาษามือว่าที่นี่ใช่วังจุฑาเทพหรือเปล่าและคุณชายพุฒิภัทรอยู่หรือเปล่า
ถนอมกับสมศรีงง
“อะไร ไม่เข้าใจ”
หญิงใบ้ยังคงส่งภาษามือ
“พูดไม่ได้เหรอ” ถนอมถาม หญิงใบ้พยักหน้า “แล้วไง มาหาใคร มาผิดแล้ว”
“ที่นี่วังจุฑาเทพ วังเจ้านายเก่า รู้จักป่าว ไม่มีคนที่เอ็งตามหาหรอก ไปๆ”
ถนอมกับสมศรีจะกลับไป
หญิงใบ้เกาะรั้วแล้วส่งเสียง “อื้อๆๆ”
“นี่ อย่ามาทำตัวไม่รู้ที่ต่ำที่สูงแถวนี้ ระวังจะได้นอนตะราง” ถนอมว่า
หญิงใบ้หยิบกระดาษที่กรองแก้วเขียนออกมายื่นให้ “อื้อ”
“อะไร..ไม่เอา..จะมาขอบริจาคเงินเหรอ ไปๆๆ”
หญิงใบ้โบกมือว่าไม่ใช่ แล้วชี้ที่กระดาษให้อ่าน
“ไม่ได้เรี่ยไรเงินนะ” สมศรีถาม
หญิงใบ้ยื่นให้ “อื้อ”
ถนอมรับกระดาษมา หญิงใบ้ส่งภาษามือย้ำว่าให้อ่าน
ถนอมไม่เข้าใจภาษามือ “เออ ไปได้แล้วไป ไปๆๆ”
หญิงใบ้เดินจากไป
“เป็นใบ้แล้วยังบ้าอีก” สมศรีขยำกระดาษแผ่นนั้นโดยไม่แยแสเลย
“อ้าว เอ็งจะไม่อ่านหน่อยเหรอ” ถนอมว่า
“อ่านทำไม เกิดเป็นยาผีบอก ข้าไม่ต้องนั่งเขียนจนมือหงิกเหรอ”
พุฒิภัทรเดินออกมาพอดี
“เมื่อกี้ใครน่ะ” พุฒิภัทรถาม
“อ๋อ ยัยบ้าใบ้ที่ไหนก็ไม่ทราบครับ มาอื้ออ้าๆ ทำเหมือนรู้จักกับใครในวัง”
“พอไล่ให้ไป ก็ให้เศษกระดาษผมมาใบนึง สงสัยจะบ้าน่ะค่ะ”
พุฒิภัทรแปลกใจ
รัชชานนท์กับรณพีร์ขับรถมาจอดรอ
“รีบไปกันเถอะพี่ชายภัทร” รณพีร์เร่ง
พุฒิภัทรถูกเร่งเลยจะเดินไปขึ้นรถ ถนอมกับสมศรีเดินตามมาส่ง แต่ก่อนจะขึ้นรถพุฒิภัทรก็ชะงักเพราะเอะใจ หันมาถาม

“ที่บอกว่าหญิงใบ้เอากระดาษมาให้ กระดาษอะไร”

รณพีร์ดูที่อยู่ในกระดาษแผ่นนั้น

“นี่ๆๆ ลายมือนี้ ลายมือของแก้ว แต่ลายมือโย้เย้ตัวเท่าหม้อแกงข้างล่าง..ที่เขียนที่อยู่ต่อลงมา เป็นลายมือคนอื่น แก้วเขียนว่า คุณชายคะ ที่อยู่ข้างล่างนี่ คือที่ที่ท่านจับแก้วมา” พุฒิภัทรบอก
“อาจเป็นลายมือหญิงใบ้คนนั้น” รัชชานนท์ท้วง

รณพีร์เอาไปดูชัดๆ “เป็นไปไม่ได้”
“อะไร” พุฒิภัทรถาม
“ก็ ที่อยู่ในนี้น่ะสิครับ มันจะมีบ้านไปตั้งอยู่ตรงนั้นได้ยังไง นี่มันเป็นที่อุทยานแห่งชาติ ไม่ไกลจากภูเขาที่พวกทหารอากาศไปตั้งสถานีเรด้าข้างบน ที่ผมยังเคยไปฝึกงานเลย”
“ไม่แปลก สมแล้วที่เป็นถึงท่านพินิจ บารมีคับประเทศจริงๆ” รัชชานนท์ว่า
พุฒิภัทรหุนหัน “เอาที่อยู่มา ชั้นจะไปช่วยแก้ว”
“ใจเย็นก่อนพี่ชายภัทร พื้นที่เสี่ยงอย่างนั้น พี่คิดว่าพี่จะบุกเข้าไปง่ายๆได้เหรอ งานนี้เราต้องรอบคอบ วางแผนให้ดี อย่าบุ่มบ่าม และทางที่ดีผมคิดว่าเราจะต้องมีผู้ช่วยฝีมือดีด้วย”
พุฒิภัทรสงสัยว่าเป็นใคร

พุฒิภัทร รัชชานนท์ที่แต่งชุดพร้อมลุยเดินมาตามทางเดินภายในค่ายทหารอากาศ เครื่องบินรบอยู่ที่ด้านหลัง นักเรียนทหารกำลังฝึกอยู่ตลอดทาง พุฒิภัทรกับรัชชานนท์เดินมาหยุดบริเวณนึง รณพีร์ในชุดทหารอากาศเต็มยศเดินเข้ามาทางด้านหลัง
“ชายพีร์ พี่ไม่ได้จะยกทัพไปรบนะ พี่รีบ อย่าพามาเสียเวลาสิ” พุฒิภัทรบอก
“พี่ชายใจร้อน น้องเข้าใจ แต่เราต้องหาตัวช่วยที่เหมาะสมครับ ไม่เช่นนั้น จะทำการไม่สำเร็จ” รณพีร์มองหาแล้วก็ชี้ไปทางเครื่องบินฝึกลำหนึ่ง “ฮ้า นั่นครับ”
เรืออากาศตรี มล.ชัชวีร์เดินออกมาจากเครื่องบินฝึกลำนั้น
“พี่ชายภัทร พี่ชายเล็กครับ นี่คนคุ้นเคยของเรา เรืออากาศตรี หม่อมหลวงชัชวีร์ เทวพรหมพี่ต้องยังไม่เคยเห็นมันในเครื่องแบบแน่ๆ” รณพีร์แนะนำ
พุฒิภัทรกังวล “ชัชวีร์ จะเหมาะเหรอ พี่เคยได้ยินมา ว่าเพื่อนสนิทของน้องคนนี้ ฝีมือโดดเด่นที่สุดในรุ่น แต่ว่า..เค้าเป็น”
ชัชวีร์ตอบทันที “ใช่ครับ ..หม่อมหลวงชัชวีร์ เทวพรหม ผมกับน้องมารตีเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะเรื่องของหัวใจ ผมทราบว่าห้ามกันไม่ได้ ชายพีร์โทมาเล่ารายะเอียดทุกอย่างให้ผมทราบแล้ว ตอนนี้ผมออกเวรแล้ว เราไปกันได้เลย ผมลองวางแผนคร่าวๆในหัวแล้ว..งานนี้ผมกับชายพีร์จะแต่งเครื่องแบบนี้ไปเลย เพื่อกิจนี้ครับ”
ชัชวีร์กับพุฒิภัทรจับมือกันอย่างแมนๆ

รถเก๋งของพวกพุฒิภัทรแล่นมาจอด ทั้งหมดกระโดดลงจากรถ ชัชวีร์และรณพีร์เป็นคนเดินนำทางจากถนนลัดเลาะไปตามทางดินเล็กๆ พุฒิภัทรรีบตามด้วยความมุ่งมั่น
พวกชัชวีร์มายืนหลบหลังก้อนหินใหญ่ที่อยู่เบื้องล่างของบ้านพักตากอากาศของพินิจ ทุกคนมองขึ้นไปเห็นว่ารอบๆบริเวณบ้านตามจุดต่างๆ ล้วนมีสมุนของพินิจเดินคุ้มกันอย่างแน่นหนา ทั้งหน้าบ้าน หลังบ้าน ระเบียง ชั้นบน และชั้นล่าง
“บ้านหลังนี้เหรอที่แก้วถูกจับตัวมา” พุฒิภัทรถาม
“คนคุ้มกันเยอะขนาดนี้ ถ้าไม่บอกต้องนึกว่าเป็นบ้านผู้นำประเทศมาพักเลยนะ แล้วเราจะผ่านไปได้ยังไง” รัชชานนท์หวั่นใจ
ชัชวีร์มองหน้ารณพีร์แบบรู้กันเพราะวางแผนกันมาแล้ว “พวกเราสุภาพบุรุษอยู่แล้ว ทำอะไรเราต้องเปิดเผย ตรวจสอบได้ ไม่มีนอกมีใน”
“แล้วจะทำอะไร” พุฒิภัทรถาม
ชัชวีร์ยิ้มๆ ก่อนจะเดินนำไปทางประตูทางเข้าด้านหน้า
“พี่ชายทั้งสอง จับตาดูประตูทางนั้ให้ดีนะครับ ผมส่งสัญญาณเมื่อไหร่ ให้รีบบุกเข้ามาสมทบทันที..เข้าใจนะครับ” รณพีร์บอก
พุฒิภัทรถามทันที “นายจะทำอะไร”
รณพีร์ยิ้มๆ แล้วเดินตามชัชวีร์ไป พุฒิภัทรกับรัชชานนท์แปลกใจที่เห็นชัชวีร์กับรณพีร์เดินไปที่รถ เพราะไม่รู้ว่า2คนนั้นจะทำอะไร

พวกสมุนของพินิจกำลังยืนยามกันอยู่ แต่แล้วอยู่ๆรถของชัชวีร์ก็พุ่งเข้ามาเบรกดังเอี๊ยด ชัชวีร์กับรณพีร์กระโดดลงมาอย่างขึงขังจริงจังแล้วเดินพุ่งเข้าไปหาพวกสมุน พุฒิภัทรกับรัชชานนท์ที่แอบดูอยู่แปลกใจว่าจะทำอะไร
ชัชวีร์โวยวายขึงขัง “พวกคุณเป็นใคร ที่ตรงนี้เป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ไม่ควรมีใครมาปลูกสิ่งก่อสร้างที่นี่”
สมุนคนนึงอึ้ง “เอ่อ..”
รณพีร์พูดต่อ “นี่ถ้าทางเราไม่มาทำการสำรวจพื้นที่ คงไม่รู้ว่ามีบ้านพักอยู่ตรงนี้ พวกคุณก่อสร้างกันมานานมากแค่ไหนแล้ว กี่เดือน กี่ปี มีโฉนดหรือเปล่า ใบอนุญาตก่อสร้างมีมั้ย แล้วใครอนุญาต!”
“พวกคุณมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ข้อหาร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์ ก่นสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา!!” ชัชวีร์บอก
“ขอเชิญพวกคุณทุกคนออกมาจากบ้านด้วย ผมจำเป็นต้องยึดบ้านหลังนี้เอาไว้เป็นของกลาง เชิญ”
พวกสมุนขวางไว้ไม่ยอมให้ทั้งสองเดินผ่านเข้าไป
“บ้านพักนี้เป็นของท่านพินิจ” สมุนคนหนึ่งตอบ
พวกสมุนทำหน้ากวนเหมือนว่าชื่อพินิจคือใบผ่านทุกๆอย่าง
“แล้วไหนล่ะ ท่านพินิจอยู่ไหน” ชัชวีร์ถาม
“ท่านไม่อยู่ เข้าไปประชุมกับคนใหญ่คนโตในพระนคร”
“พวกคุณอย่าเอาชื่อท่านพินิจมาอ้างดีกว่า ท่านเป็นคนดี ไม่มีทางทำอะไรลับหลังกฎหมายอย่างนี้แน่ หรือต่อให้เป็นท่านพินิจจริง พวกผมก็ไม่สามารถละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้” ชัชวีร์ว่า
รณพีร์ประกาศกร้าวอย่างดุดัน “ทุกคนที่อยู่ในบ้าน ออกมาให้หมด!! ออกมาๆๆ” พวกสมุนที่อยู่ด้านในทยอยออกมา “ผมต้องยึดและตรวจค้นบ้านหลังนี้ ถ้าพวกคุณคนไหนขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ก็จะถูกดำเนินคดีด้วย!!”
รณพีร์กับชัชวีร์จะบุกเข้าไป สมุนขยับขวางแล้วควักมีดขึ้นมาขู่

รณพีร์ผงะ พุฒิภัทรกับรัชชานนท์ลุ้น

รณพีร์ทำใจดีสู้เสือไม่แสดงอาการเกรงกลัวใดๆ

“แน่ใจเหรอว่าจะขัดขวาง ผมว่าไปติดต่อเจ้าของบ้านมาโดยเร็วจะดีกว่า” รณพีร์ว่า
พวกสมุนสยองๆ และเริ่มมองกันว่าจะเอายังไงดี รณพีร์กับชัชวีร์ไม่รอช้าจึงบุกฝ่าเข้าไปเลย
พุฒิภัทรโล่งใจ “สองคนนั้นบุกเข้าไปได้แล้ว งั้นเราก็” พุฒิภัทรนึกได้ “รีบไปๆ”
พวกสมุนยังมึนงงกันอยู่
“ลูกพี่..หน้าที่ตรวจสอบอะไรพวกนี้ เกี่ยวอะไรกับทหารอากาศวะ มันต้องพวกกรมป่าไม้ไม่ใช่เหรอ” สมุนคนนึงถาม
“เออจริง อ้าว ไอ้พวกนั้นก็มั่วดิ”

ชัชวีร์กับรณพีร์รีบเดินเข้ามาในบ้านแล้วจะแยกย้ายกันหาคนละส่วนของบ้าน รณพีร์กำลังจะไปเปิดหน้าต่างเพื่อให้รัชชานนท์กับพุฒิภัทรเข้ามา รณพีร์เปิดหน้าต่างเสร็จ พุฒิภัทรกับรัชชานนท์ที่รออยู่แถวนั้นกำลังจะปีนเข้าไป แต่อยู่ๆพวกสมุนพินิจก็วิ่งเข้ามา
“หยุด พวกแกมาทำอะไรที่นี่” สมุนถาม
รณพีร์หันกลับมาทำเนียน “เอ้า ก็บอกแล้วไงว่าจะมาตรวจสอบบ้านหลังนี้”
“แต่การตรวจสอบยึดทรัพย์ มันไม่ใช่หน้าที่ของทหาร พวกแกเป็นใคร คิดจะทำอะไรกันแน่ ออกไปจากที่นี่ไป!”
“แล้วเพื่อนแกอีกคน อยู่ไหน!” สมุนพินิจถาม
รณพีร์ทำทีจะไป “นั่นสิ หายไปไหนก็ไม่รู้ เดี๋ยวชั้นไปตามให้”
“อย่าตุกติก!!” สมุนเสียงดัง
รณพีร์ชะงัก “โอเคๆๆ งั้นชั้นออกไปก่อนก็ได้ แต่ถ้าเจอเพื่อนชั้นก็ฝากบอกด้วยแล้วกันนะว่า...ระวังจะมีเคราะห์”
“ระวังจะมีเคราะห์?” สมุนงง
รณพีร์หมุนตัวล่อให้สมุนคนนั้นหันหน้ามาหาตนโดยหันหลังให้ทางหน้าต่าง ทันใดนั้นรัชชานนท์ก็โผล่มาจากด้านหลังของสมุนแล้วพุ่งสับสันมือลงที่แขนสมุนคนนั้นอย่างแรงจนอาวุธในมือของสมุนหล่น
“โอ๊ย!”
รณพีร์ได้จังหวะอัดสมุนคนอื่นที่อยู่ตรงนั้นทันที พวกสมุนบริเวณนั้นทรุดจนหมด พุฒิภัทรเผลอตัว เข้าไปดูแลสมุนพินิจราวกับเป็นคนไข้
พุฒิภัทรพิจารณาแขนที่ถูกรัชชานนท์สับ “แขนไม่น่าจะหักนะ พักสักสองสามวันจะดีขึ้น”
สมุนคนนั้นโกรธ “พวกแก หน็อย!”
สมุนคนนั้นจะทำร้ายพุฒิภัทร พุฒิภัทรที่จับมือเขาอยู่กระชากแล้วบิด สมุนคนนั้นร้องลั่น
“บอกแล้วว่าต้องพัก ทีนี้กระดูกหักแน่ ว่างๆไปหาหมอโรงพยาบาลนะ” พุฒิภัทรบอก
รณพีร์รีบเข้ามาไล่ “พี่ชายภัทร ไป ไปตามหาคุณแก้วก่อน ผมจะล่อพวกมันตรงนี้ให้เอง”
“ผมจะช่วยชายพีอีกคน” รัชชานนท์ว่า
พุฒิภัทรวิ่งขึ้นไปแต่ก็ต้องผงะ เพราะชัชวีร์วิ่งสวนลงมาก่อน
“ทางนี้ท่าจะไม่สะดวกแล้วครับ”
พวกสมุนพินิจอีกจำนวนนึงวิ่งไล่ตามลงมา ชัชวีร์ตั้งหลักได้ก็กระชากพวกสมุนที่ตามลงมาด้วยการดึงให้หล่นบันไดลงมาเป็นพรวน พุฒิภัทรคว้าข้าวของที่มีแถวๆนั้นเข้าช่วย ชัชวีร์กระชากเขาสัตว์แต่งบ้านมาเป็นอาวุธฟาดกับพวกสมุน
พวกสมุนปะทะ4หนุ่มที่ต่อสู้ได้เก่งมาก พุฒิภัทร ชัชวีร์เคลียร์ที่บริเวณบันไดชั้นบน
ชัชวีร์ฟาดหัวสมุนคนนึงที่ขวางอยู่ที่บันไดจนสลบคาที่ “ลองดูปีกขวาครับคุณชาย ปีกซ้าย ผมหาแล้วไม่มีคุณแก้ว”
พุฒิภัทรรีบวิ่งขึ้นไป รณพีร์ รัชชานนท์ และชัชวีร์กันพวกสมุนเอาไว้

พุฒิภัทรวิ่งมาที่ชั้นบนเพื่อตามหากรองแก้ว พุฒิภัทรเรียกหาไปตลอดทาง
“แก้ว..แก้ว”

พุฒิภัทรเปิดประตูห้องที่เป็นทางผ่านไปแต่ก็ไม่ใช่สักห้อง

อ่านต่อหน้า 4

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายพุฒิภัทร ตอนที่ 9 (ต่อ)

กรองแก้วฟังเสียงเอะอะอย่างกระวนกระวายอยู่ภายในห้อง ได้ยินเสียงพุฒิภัทรเรียกดังมาก็รีบวิ่งไปทุบประตูปังๆๆ

“คุณชาย..แก้วอยู่นี่ค่ะๆๆๆ”
พุฒิภัทรได้ยินเสียงก็รีบวิ่งมาที่หน้าห้องด้านในสุด
“แก้ว!!”
กรองแก้วดีใจ “คุณชาย!”
“ชั้นมาช่วยเธอแล้วแก้ว ไม่ต้องกลัวนะ”
พุฒิภัทรพยายามจะเปิดประตูแต่เปิดไม่ได้ เขาพยายามกระชากด้วยมือแต่ก็ไม่ออก พุฒิภัทรมองหาทางอื่นก็ไม่มี พุฒิภัทรคิดจะพังเข้าไปจึงถอยมาตั้งหลัก แต่แล้วอยู่ๆหญิงใบ้คนเดิมก็วิ่งเข้ามา
หญิงใบ้มาห้ามไม่ให้พุฒิภัทรต้องพังประตู
“ถอยไป” พุฒิภัทรไล่
พุฒิภัทรทำมือให้หญิงใบ้หลบแล้วจะวิ่งไปกระโดดถีบประตู หญิงใบ้หยิบพวงกุญแจที่เหน็บเอวไว้ออกมาชูให้ดู
พุฒิภัทรเกือบเบรคไม่ทัน หญิงใบ้รีบไขเปิดประตูให้

ประตูเปิดออก พุฒิภัทรวิ่งเข้ามาหากรองแก้วด้วยความดีใจ
“แก้ว!!”
“คุณชาย!!”
ทั้งสองคนเข้ามากอดกัน
“แก้วรู้ว่าคุณชายจะต้องมา เทวดาของแก้วจะต้องมาช่วยแก้ว” กรองแก้วน้ำตาไหล
“ชั้นขอโทษแก้ว ที่ชั้นดูแลเธอไม่ดี ทำให้เธอถูกจับตัวมา ชั้นขอโทษเธอ” พุฒิภัทรกอดอีกครั้ง “รีบไปเถอะแก้ว เร็ว!”
“ค่ะ”
พุฒิภัทรจะพากรองแก้วออกไป หญิงใบ้ยืนอยู่
“แก้วขอบคุณพี่มากนะคะ แก้วจะไม่ลืมพระคุณพี่เลย” กรองแก้วกล่าว
“คุณมีที่อยู่ผมแล้ว มีอะไรที่ผมจะตอบแทนได้ ไปหาผมได้เลยนะครับ” พุฒิภัทรบอก
หญิงใบ้ยิ้มให้ทั้งสองคนด้วยความบริสุทธิ์ใจ
พุฒิภัทรกับกรองแก้วรีบพากันออกไปจากห้อง แต่สมุนคนนึงวิ่งเข้ามาพอดี กรองแก้วตกใจ พุฒิภัทรดึงกรองแก้วหลบแล้วชกสมุนจนคว่ำก่อนจะคว้ามือกรองแก้วแล้วพาวิ่งออกไป
หญิงใบ้ดีใจที่กรองแก้วหนีไปได้ สมุนคนเดิมยันตัวลุกมาได้แล้วก้าวจะตาม หญิงใบ้ยื่นเท้าไปสกัด จนสมุนคนนั้นสะดุดล้มหัวทิ่ม

พุฒิภัทรพากรองแก้ววิ่งลงมา รณพีร์ รัชชานนท์ ชัชวีร์อัดพวกสมุนจนนอนกันเรียบ
“รีบไปเถอะ” พุฒิภัทรบอก
สมุนอีกคนวิ่งมาจากหลังบ้านพร้อมปืน ชัชวีร์เห็นก่อนก็ร้องเตือน
“ระวัง”
สมุนยิงแต่พลาดเป้า ทุกคนหลบทันแล้วรีบวิ่งออกไป

รัชชานนท์วิ่งมาถึงที่รถก่อน เขากระโดดขึ้นรถแล้วสตาร์ทเครื่อง ทุกคนรีบทยอยตามมาขึ้นรถ สมุนของพินิจไล่ตามมาแล้วเล็งปืน พวกของคุณชายขึ้นรถจนหมด รัชชานนท์กระชากรถถอยแล้วหักรถกลับ อย่างรวดเร็ว ก่อนจะขับรถพุ่งทะยานออกไปทันที สมุนอีกคนขับรถมาขนาบเพื่อรับสมุนที่มีปืนให้ขึ้นรถไป แล้วขับไล่ตาม

รถของพวกคุณชายแล่นฉิวมาตามทาง รัชชานนท์เหยียบคันเร่งสุดๆ เมื่อถึงทางแยกซึ่งมาบรรจบกันรถของพวกสมุนก็พุ่งไล่ตามบี้มา สมุนยื่นตัวพ้นหน้าต่างมาเล็งปืนแล้วยิงดังปัง กระสุนนัดแรกโดนที่ตัวรถ
กรองแก้วตกใจ พุฒิภัทรกอดกรองแก้วเอาไว้แบบปกป้อง สมุนยิงอีกนัด
รถของพวกคุณชายโดนยิงที่ยางจนยางแตก รถของพวกคุณชายส่ายไปมา รัชชานนท์พยายามประคองรถจนกระทั่งรถไถลไปกระแทกกับต้นไม้ใหญ่แล้วหยุด รัชชานนท์พยายามจะถอยรถแต่รถติดหล่ม จนล้อฟรี
“ยางแตก..ล้อติดหล่ม ให้มันได้ยังงี้สิ!” รัชชานนท์บ่น
“พี่ชายภัทร” ชัชวีร์โยนกุญแจรถให้ “วิ่งลัดเลาะตัดชายป่าทางด้านนี้ไป จะเจอรถสำรองที่ผมซ่อนไว้ พาคุณแก้วหนีไปก่อน”
“นายก็ไปด้วยนะชายเล็ก” รณพีร์บอก
“ไม่ ชั้นจะอยู่ช่วยพวกนายอีกคน” รัชชานนท์บอก
“แล้วพวกนายล่ะ” พุฒิภัทรถาม
สมุนยิงมาโดนที่ตัวรถอีกหนึ่งนัด
ชัชวีร์หยิบปืนออกมาจากเก๊ะรถมาส่งให้รณพีร์และรัชชานนท์ “พวกเราเป็นทหาร หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว ไว้ใจเถอะครับ..รีบไปเถอะ”
รณพีร์กับชัชวีร์เอารถเป็นป้อม ทั้งสองโผล่ออกไปยิงกันพวกสมุนเอาไว้เพื่อให้พุฒิภัทรวิ่งหลบเข้าชายป่าไปได้อย่างรวดเร็ว
พุฒิภัทรตะโกนบอกน้อง “ดูแลตัวเองด้วย”
พุฒิภัทรลงจากรถแล้วประคองพากรองแก้ววิ่งตัดชายป่าไป รัชชานนท์ยังพยายามจะถอยรถให้ได้ เขาเร่งเครื่องแต่ล้อก็ยังฟรี

พุฒิภัทรพากรองแก้วลัดเลาะผ่านภูมิประเทศที่เป็นทุ่งหญ้า ทั้งสองคนรีบวิ่งแหวกฝ่าทุ่งหญ้าเหล่านั้นไปเป็นทาง อยู่ๆ ก็มีคนยิงปืนดังเปรี้ยงแต่พลาดเป้า พุฒิภัทรกับกรองแก้วมองไปก็พบว่ามีสมุนคนนึงไล่ตามมา
พุฒิภัทรให้กรองแก้วก้มตัวแล้วรีบพากันวิ่งหนี สมุนพินิจวิ่งไล่และพยายามหาจังหวะยิงแต่ก็ไม่ได้จังหวะ พุฒิภัทรพากรองแก้ววิ่งตัดเข้าไปในป่าอีกทาง สมุนไล่ตาม
พุฒิภัทรพากรองแก้ววิ่งลัดเลาะ เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา แล้วพาออกนอกเส้นทางกระโดดข้ามขอนไม้ใหญ่ตะไคร่จับที่ล้มขวางเส้นทางอยู่แล้วจะไปต่อ แต่อยู่ๆ พุฒิภัทรกับกรองแก้วก็หล่นฮวบลงไปคล้ายพื้นดินยุบตัวแล้วถูกกลืนหายลงไปในแผ่นดิน
 
สมุนวิ่งตามมาก็หาไม่เจอจึงแยกไปอีกทาง

รัชชานนท์พยายามเร่งเครื่องรถที่เสียหลักคันนั้น ล้อรถยังคงฟรี

“ไปๆๆ” รัชชานนท์เหยียบคันเร่งเหมือนจะให้ไปให้ได้
แล้วทันใดนั้นรถก็พุ่งถอยปรี๊ดขึ้นมาได้ รัชชานนท์บังคับรถให้ถอย พวกสมุนเกือบถูกชนจึงต้องกระโจนหลบทำให้ปืนกระเด็น
ชัชวีร์กับรณพีร์กระโดดขึ้นรถ แต่รัชชานนท์กลับเร่งเครื่องไม่ออกแล้วเครื่องก็ดับ สตาร์ทใหม่ก็ไม่ติด
“โธ่เว้ย..จบเห่จริงๆแล้ว คราวนี้” รณพีร์ว่า
“ได้เวลาดิ่งพสุธาแล้วสิพลทหาร..ไป” ชัชวีร์บอก

รัชชานนท์งง รณพีร์กับชัชวีร์กระโดดลงจากรถแล้ววิ่งหนี รัชชานนท์รีบวิ่งตาม

พุฒิภัทรได้สติก็รีบมองหากรองแก้ว
“แก้ว..”
กรองแก้วฟุบอยู่อีกด้าน พุฒิภัทรรีบเข้าไปหา
“แก้ว”
กรองแก้วค่อยๆพยุงตัวขึ้นนั่ง
“คุณชาย แก้วไม่เป็น โอ๊ย”
กรองแก้วมีอาการเจ็บเท้า
พุฒิภัทรถาม “ไหวไหม”
“สงสัยเท้าแพลงนิดหน่อยค่ะ แต่ไม่น่าจะถึงกับหัก”
พุฒิภัทรเงยหน้ามอง “สูงและชันมากทีเดียว เราปีนออกไปไม่ได้แน่”
“แล้วที่นี่ที่ไหนคะ”
พุฒิภัทรกับกรองแก้วมองสำรวจ
“ชั้นคิดว่าเราจะตกลงมาในช่องเขา” พุฒิภัทรบอก
“ช่องเขา?”
“ใช่ ร่องลึกระหว่างเขานั่นแหละ” พุฒิภัทรเห็นบางอย่างที่ไกลออกไปจึงเดินไปดู “เอ๊ะ รอชั้นตรงนี้นะ” พุฒิภัทรเดินแยกไป
“คุณชายจะไปไหนคะ”
กรองแก้วพยายามเดินเขยกตามมา พุฒิภัทรเดินมาอีกด้านแล้วก็ผงะนิ่งไป
“มีอะไรคะคุณชาย” กรองแก้วถาม
ภาพที่ทั้งสองเห็นคือเศษซากของรองเท้านักบิน เมื่อมองไล่ไปก็เห็นเศษเสื้อผ้า ชิ้นส่วนเครื่องบิน กรองแก้วกับพุฒิภัทรสยองแต่ก็เดินตามเข้าไปดู เมื่อเดินลึกเข้าไปก็พบซากเครื่องบินเล็กที่ตกลงมาหักเป็นท่อนโดยมีต้นไม้ปกคลุม
“เครื่องบิน” กรองแก้วพูด
“ต้องเป็นเครื่องบินสำรวจของทหาร ที่เคยมีข่าวว่าตกระหว่างทำการบินสำรวจพื้นที่แน่ๆ”
กรองแก้วหันมองไปอีกด้านแล้วก็ตกใจ
“ว้าย”
พุฒิภัทรรีบหันมาโอบเพื่อปกป้อง สิ่งที่กรองแก้วเห็นคือซากนักบินที่นอนแห้งตาย
“ที่ตรงนี้ อยู่นอกเหนือพิกัดทหาร เลยไม่มีใครค้นหาเครื่องบินลำนี้เจอ” พุฒิภัทรบอก
“แล้วอย่างนี้เรา จะมีใครเจอเรามั้ยคะ” กรองแก้วกลัว
พุฒิภัทรหน้าซีดและไม่มีคำตอบ เขาเข้าไปค้นที่เครื่องบิน
“คุณชาย..ทำอะไร” กรองแก้วถาม
พุฒิภัทรเจอกระเป๋าเป้ที่มีข้าวของบางอย่างในซากเครื่อง “หาอุปกรณ์ยังชีพ เผื่อมีอะไรหลงเหลือ”
กรองแก้วสยองแต่ก็ยกมือไหว้ซากนักบินก่อนตามมาช่วยค้น
“ไฟแช็ก” กรองแก้วบอก
พุฒิภัทรเข้ามาดู “ซิปโป้ด้วย หวังว่าจะยังใช้ได้นะ” พุฒิภัทรลองกดดูปรากฏว่าไฟติดเบาๆ “โอเค! เยี่ยม! อาหารกระป๋องพวกนี้หมอสภาพแล้ว แต่นี่มีมีดพกสวิส สนิมเขรอะ แต่พอใช้ได้”
ทั้งสองช่วยกันค้น พุฒิภัทรรวบรวมเสื้อผ้าที่กระจายมารวมกันแล้วเอามีดตัด
“ทำอะไรคะ”
“จะมืดแล้ว เราต้องการคบไฟ เพราะไม่รู้ว่าเราจะติดอยู่ในนี้ไปนานแค่ไหน”
กรองแก้วหาอะไรที่เป็นแท่งๆมาแล้วเอาเศษผ้าพวกนั้นมาพันที่ปลายให้แน่นๆ
“เก่งมากแก้ว ถ้าโชคดี อาจมีพวกน้ำมันเครื่อง หรือเชื้อเพลิงอะไรหลงเหลืออยู่..เราจะเอาคบไฟนี้ไปจุ่มให้ชุ่ม แล้วใช้จุดส่องทางได้บ้าง หรือมีไฟไว้ พวกสัตว์ร้ายจะได้ไม่มากวน” พุฒิภัทรเดินหาข้าวของในซากเครื่องบิน
“สัตว์ร้าย”

กรองแก้วหน้าซีด

ท่ามกลางความมืดมิด กรองแก้วนั่งพิงผนังหินเหยียดเท้าข้างที่เจ็บออกไป พร้อมคลำเท้าข้างนั้นพลางมองไปเบื้องบนจนเห็นฟ้าสีเทาพ้นต้นไม้ที่ขึ้นทึบมาเป็นช่วงๆ โดยรอบมืดสนิท

ข้างหน้าของเธอคือกองไฟเล็กๆ เศษซากเครื่องบินอยู่ไกลออกไปข้างหน้า แสงไฟจากคบไฟสว่างมาจากข้างหน้าเป็นดวงวาบ
กรองแก้วดีใจ “คุณชาย!”
พุฒิภัทรเดินกลับมาโดยถือคบไฟที่ช่วยกันทำขึ้นส่องทางมา
“ไม่เห็นทางออกไปจากซอกนี้เลย ชั้นว่า เราควรรออยู่ตรงนี้ไปเลยดีกว่า ถ้ายิ่งเดินไปแบบไร้ทิศทาง อาจจะยิ่งหลงไปกันใหญ่”
“ค่ะ อยู่ตรงนี้..คนข้างบนอาจจะตามเราเจอ”
พุฒิภัทรแหงนมอง “เราตกลงมาสูงมาก หวังว่าควันไฟจะลอยพ้นขึ้นไปให้คนข้างบนเห็น แก้วเป็นอะไรหรือเปล่า” พุฒิภัทรเข้ามาคุกเข่าตรงหน้าแล้วมองเพื่อวินิจฉัยเท้ากรองแก้ว “เท้าเธอบวมแล้ว ปวดมากไหม”
“ไม่ค่ะ”
พุฒิภัทรอึ้งๆ เขามองรอบๆ เพื่อจะหาอะไรมาพันแต่ก็หาไม่ได้ พุฒิภัทรมองตัวเองแล้วเอามีด ตัดแขนเสื้อข้างนึงของตัวเองก่อนจะฉีกออก
กรองแก้วมองอย่างงงๆ พุฒิภัทรเอาแขนเสื้อมาพันข้อเท้ากรองแก้วอย่างตั้งใจ กรองแก้วมองพุฒิภัทรอย่างซาบซึ้ง
“คุณชาย แก้วจะไหว้ หรือจะขอบพระคุณ ยังไงก็คงพูดได้ไม่หมด”
พุฒิภัทรยิ้ม “ก็ไม่ต้องพูด” พุฒิภัทรมองแล้วจับหน้ากรองแก้ว “ขนาดมืดๆ ยังเห็น..ว่าเธอหน้าซีดนะ” พุฒิภัทรนั่งลงข้างๆ แล้วจับชีพจรกรองแก้ว “ชีพจรเต้นเร็ว แก้ว เธอกำลังขาดน้ำ”
“แก้วไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“เราจะหาน้ำได้จากไหน ทางโน้นไม่มีอะไร นอกจากผนังหิน เดี๋ยวชั้นจะลองไปทางนี้บ้าง” พุฒิภัทรชี้ไปด้านหลังกรองแก้ว
“มืดๆแบบนี้..คุณชายจะไปหาเจอได้ไงคะ ไม่มีหรอก”
“อาจจะเจอก็ได้..ยังไงก็ต้องลองดู” พุฒิภัทรรีบเดินแยกไป
พุฒิภัทรเดินตามหาแหล่งน้ำโดยเอาคบไฟส่องๆไปเรื่อยๆ ตามผนังหิน สูงบ้าง ต่ำบ้าง บนบ้าง ล่างบ้างเขาเดินมือคลำไปตามผนังหินข้างๆ จนพบหินเปียก พุฒิภัทรเอาคบส่องแล้วพบว่าหินตรงนั้นมีตะไคร่น้ำเกาะเขียวหนา
พุฒิภัทรส่องไปตามทางตะไคร่น้ำจนพบชะง่อนหินด้านหนึ่งมีน้ำซึมหยดแหมะๆ ออกมา
เหมือนท่อน้ำรั่วเบาๆ พุฒิภัทรดีใจ เขารีบหันไปแล้ววิ่งไปส่องหาวัสดุมารองจนเจอต้นไม้พวกกล้วย เฟิร์น ต้นบอน พุฒฺภัทรเอามีดสวิตตัดใบกล้วย
พุฒิภัทรเอาคบไฟเสียบข้างก้อนหิน แล้วเอาใบตองที่ทำเป็นกรวยรองน้ำ จากนั้นเขาก็ถือคบมือนึง กรวยน้ำในใบตองที่มีน้ำประมาณค่อนกลับมาให้กรองแก้ว
“น้ำมาแล้วแก้ว รีบดื่มเร็ว”
“คุณชาย แล้วคุณชายล่ะ”
“เธอดื่มก่อนเถอะ”
พุฒิภัทรป้อนให้กรองแก้วดื่ม
กรองแก้วดื่มเสร็จแล้วเอ่ยถาม “แล้วคุณชายล่ะคะ”
“ชั้นดื่มมาแล้ว”
“จริงเหรอคะ..เป็นหมอก็ป่วยได้นะคะ”
“ก็ได้ๆ ชั้นจะไปดื่มน้ำอีก แล้วจะเอากลับมาให้เธออีกนะ”
กรองแก้วอึ้งที่พุฒิภัทรเป็นห่วงเธอทุกอย่าง “คุณชาย”
“เธอนอนซะ สงวนพลังงานไว้ เราไม่มีอาหาร”
พุฒิภัทรคลำทางกลับไปด้วยคบไฟที่ริบหรี่เต็มทน กรองแก้วมองตามไปอย่างซึ้งใจ
เวลาผ่านไป กรองแก้วกับพุฒิภัทรนั่งอยู่ด้วยกันในซอกหินเพื่อหลบลม กรองแก้วที่กำลังพยายามจะหลับหลับตาแต่เย็นมือจึงเอามือถูกัน พุฒิภัทรเห็นก็ขยับมาใกล้แล้วกุมมือกรองแก้ว
กรองแก้วหลับฟุบซบบ่าพุฒิภัทร พุฒิภัทรโอบกอดและกุมมือกรองแก้วเอาไว้

เช้าวันใหม่ กรองแก้วลืมตาตื่นเพราะแสงแดด เธอพบว่าตัวเองนอนอิงพุฒิภัทรอยู่ กรองแก้วคิดจะปลุกแต่แล้วก็ปล่อยให้พุฒิภัทรได้พักผ่อนอีกสักหน่อย เสียงชัชวีร์เรียกดังแว่วมา
“คุณชายพุฒิภัทร..คุณกรองแก้ว”
เสียงเรียกดังซ้ำไปซ้ำมาจากหลายคน กรองแก้วได้ยินก็รีบเรียกพุฒิภัทร
“คุณชายคะ คุณชาย”
พุฒิภัทรลืมตาตื่น
“เสียง..”
พุฒิภัทรได้ยินเสียงก็รีบกระเด้ง
“เราอยู่นี่ เราอยู่กันตรงนี้ นางสาวศรีสยามอยู่ตรงนี้!”
“คุณชายพุฒิภัทรอยู่ตรงนี้” กรองแก้วตะโกน
ทั้งสองคนเรียกคนอื่นด้วยความดีใจ
มีเชือกหย่อนลงมา รัชชานนท์โรยตัวลงมาพร้อมกับเชือก พุฒิภัทรกับกรองแก้วจับมือกันด้วยความดีใจที่รอดชีวิต
รัชชานนท์เอาเชือกผูกตัวกรองแก้วแล้วส่งสัญญาณให้คนข้างบนดึงขึ้นไป รัชชานนท์กับพุฒิภัทร ช่วยกันประคองส่งตัวกรองแก้วให้ลอยไปตามการดึงเชือก
เวลาผ่านไป พุฒิภัทรถูกดึงขึ้นมาจนพ้นจากร่องเขา กรองแก้วยืนรออยู่แล้วด้านบน รัชชานนท์ รณพีร์ ชัชวีร์และพวกทหารอีกบางส่วนที่รออยู่ปรบมือยินดีที่ช่วยชีวิตได้ พุฒิภัทรเข้าไปหาชัชวีร์
“ชัชวีร์ ยังมีวีรบุรุษนักบินอีกคนรออยู่ข้างล่าง อย่าทอดทิ้งเขานะ”
ชัชวีร์ยิ้มมั่นใจ

“แน่นอนครับ”

เวลาผ่านไป หม่อมเอียดกอดพุฒิภัทรด้วยความห่วงใย กรองแก้ว รัชชานนท์ และรณพีร์ยืนมองอยู่ใกล้ๆ อย่างขำๆ

“ชายภัทรๆๆ หลานรักของย่า คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองจริงๆ..ย่าขอเถอะนะ ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย อย่าทำอะไรบ้าเลือดอีก..รู้หรือเปล่าว่าย่าแทบจะขาดใจตายอยู่แล้ว” หม่อมเอียดเริ่มหายใจไม่ทันจึงเรียกหายาดม “ยาดมๆๆ”
“หม่อมย่า..ชายปลอดภัยดีครับ” พุฒิภัทรบอก
รณพีร์รีบเอายาดมมาให้ “สูดเยอะๆครับ..สูด แหม ถ้าผมหายไปบ้าง หม่อมย่าจะห่วงขนาดนี้มั้ยนะ”
“ก็ต้องห่วงสิจ๊ะพ่อ แต่คงไม่มากเท่าห่วงชายภัทร ก็เราน่ะมันกะล่อนรอบจัด” ย่าอ่อนว่า
“ชายภัทรก็ปลอดภัยดีแล้ว แต่ต่อไปจะทำอะไร ต้องคิดให้เยอะกว่านี้ เข้าใจมั้ย” หม่อมเอียดตำหนิ
“ใช่ เราน่ะเป็นถึงศัลยแพทย์เชียวนะ มันคุ้มแล้วเหรอที่จะเอาชีวิตไปเสี่ยง” ย่าอ่อนว่า พุฒิภัทรอึ้ง เพราะห่วงความรู้สึกของกรองแก้วที่อยู่ใกล้ๆ “ย่าหมายถึง..ชีวิตชายภัทรทำประโยชน์กับคนได้อีกมาก จะทำอะไรต้องคิดให้รอบคอบ”
“ชายภัทร โทร.ไปบอกคุณพ่อแก้วที่โรงพยาบาลหรือยัง คุณพ่อของคุณแก้วคงเป็นห่วงแย่ ลูกสาวหายไปตั้งหลายวัน” หม่อมเอียดบอก
“จริงด้วย คุณพ่อของแก้วจะได้สบายใจที่เห็นแก้วปลอดภัยดี”
“ปลอดภัยดี ถูกท่านพินิจจับตัวไปตั้งกี่คืน แล้ว ท่านพินิจไม่ได้ทำอะไรหล่อนเลยเหรอ” ย่าอ่อนถาม
กรองแก้วอึ้งที่ถูกถามตรงๆ
ย่าอ่อนพูดต่อ “หรือว่าทำ?”
ย่าอ่อนกับหม่อมเอียดมองกรองแก้วแล้วหันมาสบตากัน หม่อมเอียดส่ายหัวตำหนิย่าอ่อน
กรองแก้วอึ้ง “เอ่อ..”
พุฒิภัทรหันมามองกรองแก้วด้วยสายตาสงสัยและรอฟังว่ากรองแก้วจะตอบอะไร
กรองแก้วสะอึกที่เห็นจ้องพุฒิภัทรหน้าอยู่อย่างนั้น
สองคุณชายที่เหลือมองหน้ากันแล้วทำเป็นก้มหน้า ก่อนจะมองไปทางอื่นเหมือนไม่สนใจ กรองแก้วยิ่งแค้นใจ

กรองแก้วเดินแยกออกมาที่รถกับพุฒิภัทร
“ที่คุณชายมองหน้าแก้วอย่างนั้น หมายความว่ายังไงคะ คุณชายคิดว่าแก้ว มีอะไรกับท่านพินิจแล้ว ใช่มั้ยคะ” กรองแก้วถาม
“ไม่ใช่อย่างนั้นแก้ว ชั้นก็แค่มองชั้นไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย” พุฒิภัทรบอก
“แต่สายตาของคุณชายมันไม่ใช่”
พุฒิภัทรประคองมือกรองแก้วอย่างอ่อนโยน “แก้ว ชั้นจะบอกให้นะ ไม่ว่าแก้วจะมีหรือไม่มีอะไรกับท่านพินิจ ความรู้สึกของชั้นที่มีต่อแก้ว ก็เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง”
กรองแก้วดึงมือกลับ “อ้อ คุณชายพูดแบบนี้ก็แปลว่าคุณชายคิดว่าแก้ว..กับท่าน”
“ไม่ใช่เลยแก้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะ มันไม่ผิดที่คุณชายจะไม่เชื่อใจแก้ว ก็แก้วเป็นแค่สาวบ้านนอก ไม่มีเกียรติ ไม่มีศักดิ์ศรีอะไร แก้วเป็นผู้หญิงอีกชั้นนึง ไม่ควรค่าจะอยู่ในวังจุฑาเทพแห่งนี้”
กรองแก้วน้อยใจจึงจะเดินแยกไป
“แก้ว เดี๋ยว ชั้นไปส่ง”
“แก้วไปโรงพยาบาลเองได้ คุณชายไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ เดี๋ยวรถจะแปดเปื้อนเปล่าๆ”
กรองแก้วเดินเร็วไปหน้าวังด้วยความเสียใจ พุฒิภัทรรีบเดินตาม
“แก้ว..อย่าคิดมากได้ไหม ไม่มีใครเขาว่าอะไรเลยนะ”
“น้อยไปสิ”
รถสามล้อเข้ามาส่งแจ๋วที่ยกตะกร้ากับข้าวลงมา
“สามล้อๆ” กรองแก้วเรียกแล้วรีบขึ้น “ไป รีบไปเร็วๆเลย เร็วสิ”
สามล้อรีบแล่นไป พุฒิภัทรมองตามด้วยความกลุ้มใจ
“แก้ว อย่าทำอย่างนี้สิ”
กรองแก้วนั่งเชิดหน้าน้ำตาไหล พุฒิภัทรอึ้ง

ขณะที่กิตติกำลังวุ่นวายอยู่กับพยาบาลที่วอร์ดเพราะพยายามจะขอโทรศัพท์ติดต่อลูกสาวให้ได้
“ขอประทานโทษเถอะครับ กรุณาติดต่อคุณชายหมอพุฒิภัทรหน่อย ได้ไหมครับ ผมขอร้องล่ะ ขอรบกวนอีกครั้งนะครับ”
“คุณพ่อคะ คือดิฉันเข้าใจนะคะ ว่าคุณพ่อเป็นห่วงคุณแก้ว แต่ขอรับรองว่า..” เพียงพรยังพูดไม่จบ
กรองแก้วโผล่มาเห็นพอดีก็รีบวิ่งเข้ามาหาพ่อสุดฤทธิ์
“พ่อ..”
“แก้ว” กิตติรีบเข้าไปหา “แก้ว ลูกปลอดภัยใช่มั้ย”
“แก้วแคล้วคลาดจากสิ่งร้ายๆได้ก็เพราะบุญบารมีของพ่อค่ะ..พ่อจ๋า แก้วไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว เรากลับบ้านของเรากันเถอะ กลับวันนี้เลยนะคะ”
“มีอะไรหรือเปล่าแก้ว” กิตติถาม
“แก้ว แก้วคิดถึงบ้าน อยากอยู่กับพ่อ แค่สองคน แก้วไม่ต้องการใครอีกแล้ว พี่เพียงพรคะ แก้วขอพาพ่อกลับบ้าน เดี๋ยวนี้เลย ได้ไหมคะ”
“แต่อาจารย์..”
“คุณชายอนุญาตแล้วค่ะ..แก้วต้องทำอะไรบ้างคะ”

กรองแก้วกอดพ่อเพื่อข่มความน้อยใจพุฒิภัทรเอาไว้ กิตติลูบหัวลูกสาวอย่างสัมผัสได้ แม้สงสัย แต่ก็ไม่เอ่ยปากอะไร

อ่านต่อตอนที่ 10 (อวสาน)
กำลังโหลดความคิดเห็น