xs
xsm
sm
md
lg

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 5

เวลาต่อมา ในลำธารอันเชี่ยวกรากไม่มี่วี่แววของทั้งคู่อยู่ชั่วอึดใจ สร้อยโผล่ขึ้นมาจากน้ำอย่างสนุกสะใจ แต่พอมองหารัชชานนท์ไม่เจอ เธอเริ่มใจเสีย

“คุณชาย! คุณชาย”
รัชชานนท์โผล่พรวดขึ้นจากน้ำห่างออกไปจากสร้อย ชูมือโบกไปมาขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วยๆ ฉันว่ายน้ำไม่เป็น”
รัชชานนท์ตะเกียกตะกายจะจมน้ำ แล้วพุ่งพรวดขึ้นมาใหม่
“ช่วยด้วย!”
สร้อยตกใจ รีบว่ายน้ำไปหารัชชานนท์แล้วคว้าคอกอดไว้จะพาพยุงเข้าฝั่ง
“ข้อยขอโทษ บ่ฮู้ว่า เจ้าว่ายน้ำบ่เป็น”
สร้อยพยุงพารัชชานนท์ลอยคอจนมาถึงจุดน้ำตื้น สร้อยเหนื่อยหอบแฮ่กๆ แล้วชะงักที่รัชชานนท์ยังคงเกาะตนอยู่ไม่ยอมปล่อยมือ สร้อยนึกได้
“เจ้าว่ายน้ำเป็นนี่ คนขี้ตั๋ว”
สร้อยโมโหจนหน้ามืด หันไปแล้วโผไปทั้งตัวจับหัวรัชชานนท์กดลงน้ำด้วยแรงทั้งหมดที่มี
รัชชานนท์สู้เอาตัวรอด พยายามจับมือสร้อยไว้ไม่ให้โดนเล่นงานได้อีก สร้อยทั้งทุบ ทั้งถีบใส่รัชชานนท์อย่างไม่ยั้งมือ
รัชชานนท์ตัดสินใจรวบตัวสร้อยเข้ามากอดไว้แน่น จนสร้อยกระดิกตัวไม่ได้
“ปล่อย”
“ขอโทษที่แกล้งนะ”
“บอกให้ปล่อย”
“ยกโทษให้ก่อนซิ”
สร้อยจ้องมองรัชชานนท์อย่างโมโหตัวเองที่สู้ไม่ได้ จำยอมพยักหน้าให้
“กะได้..ข้อยกโทษให้เจ้า”
รัชชานนท์ปล่อยมือจากสร้อยอย่างระวังรู้ว่า อาจจะมีหมัดแถมตามมาแน่ สร้อยค่อยๆลุยน้ำขึ้นฝั่งไปให้รัชชานนท์ตายใจ เขาเดินลุยน้ำตามสร้อยไป
“เราดีกันแล้วนะ สร้อยฟ้า”
“ไผว่าล่ะ”
สร้อยหันขวับกลับมาสวนหมัดใส่รัชชานนท์หงายเงิบลงน้ำไป สร้อยยิ้มอย่างสะใจค่อยหายโมโหหายเหนื่อยหน่อย

รัชชานนท์กับสร้อยค่อยๆเดินลากขาขึ้นมาจากลำธารอย่างเหนื่อยแรง ทั้งคู่นั่งลงพักเอาแรง เสื้อผ้าเปียกโชกทั้งตัวจนต้องบิดเสื้อบิดกางเกงเอาน้ำออก
สร้อยดึงผ้าโพกหัวออกมาบิดน้ำทิ้งพลางสะบัดสยายผมยาว
“เธอรู้ได้ยังไงว่า ฉันว่ายน้ำเป็น เป็นเธอนี่เองที่ไปแอบดูฉันอาบน้ำ ตอนนั้นฉันนึกว่าคิดไปเองที่รู้สึกว่า มีใครแอบมองอยู่ ไม่นึกเลยว่าจะเป็นคนใกล้ตัวนี่เอง”
“บ่ใช่ๆ ข้อยตามจับตาดูเจ้าอีหลี แต่กะเห็นแต่เจ้าเว้าสาวกับแม่หญิงของเจ้า บ่เคยไปแอบดูเจ้าอาบน้ำเลย”
“แล้วไป ไม่งั้นฉันอายเธอแย่เลย ถ้าเธอได้เห็นปานใหญ่น่าเกลียดที่หลังของฉัน”
“เป็นเล่น ข้อยบ่เห็นสักนิด เจ้าบ่มีปานสักหน่อย”
“นั่นแน่ ไหนบอกว่า ไม่ได้แอบดูฉันอาบน้ำ”
“คนเมืองเจ้าเล่ห์นัก”
สร้อยรีบลุกหนีรัชชานนท์ ทั้งอายทั้งโมโห เขารีบไปดึงสร้อยไว้
“ไม่เอาน่า สร้อยฟ้า เราอย่าทะเลาะกันอีกเลย เรามีเวลาอยู่ด้วยกันไม่มากแล้วนะ ฉันจะไปจากที่นี่พรุ่งนี้แล้ว”
สร้อยชะงักนิ่งอย่างใจหาย รัชชานนท์ก็มองสร้อยอย่างไม่วางตาแล้วค่อยๆลูบผมยุ่งๆของสร้อย เธอดูสวยเป็นธรรมชาติ เป็นผู้หญิงที่รัชชานนท์ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน
“เราอาจจะไม่ได้พบกันอีก ฉันไม่มีวันลืมเธอได้แน่ สร้อยฟ้า และฉันก็ไม่อยากให้เธอลืมฉันเหมือนกัน ฉันรู้ความหมายของคำว่าเสี่ยวมากกว่าที่เธอคิด เราไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกัน แต่เราเป็นเพื่อนแท้ที่ตายแทนกันได้”
รัชชานนท์ยื่นมือออกไป สร้อยมองสายตารัชชานนท์ที่มีแต่ความจริงใจให้ เธอยอมยื่นมือไปจับมือเขาไว้ รัชชานนท์ยื่นอีกมือกุมมือสร้อยไว้ทั้งสองมือ
สร้อยวางมือลงบนมือรัชชานนท์ แล้วจับมือรัชชานนท์ไว้ด้วยสองมือเหมือนกัน

จ่อยค่อยๆขึ้นเรือนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องในเรือนพ่อใหญ่ แล้วพึมพำ
“ถ้าพ่อใหญ่ช่วยเว้า จันทากะสิต้องยอมอยู่ที่นี่ต่อแน่ๆ”
เสียงไกสอนดังจนจ่อยต้องชะงัก
“ข้อยคึดว่า จังได๋อีสร้อยกะบ่ยอมดอก พ่อใหญ่”
จ่อยหยุดชะงักแอบฟังอยู่หน้าห้อง
ภายในห้อง พ่อใหญ่กำลังปรึกษาหารือกับไกสอนและแฮรี่อยู่
“ถ้าบ่ยอมกะต้องบังคับกันล่ะ” พ่อใหญ่ว่า
“พ่อใหญ่คิดดีแล้วหรือครับที่จะให้คุณชายรัชชานนท์พาเจ้าสร้อยไปจากที่นี่” แฮรี่ถามจ่อยตกใจ
“เฮาให้เจ้าสร้อยไปอยู่กับคุณชายในเมืองเป็นการชั่วคราว เฮาสิบ่ต้องคอยเป็นห่วงว่ามันไปก่อเฮื่องอะหยังอีก ไว้เฮาอพยพไปอยู่ที่ปลอดภัยมื้อได๋ค่อยไปรับเจ้าสร้อยกลับมา”
“พ่อใหญ่บ่ฮู้ฤทธิ์เดชของอีสร้อยเสียแล้ว ถ้าเฮาส่งเพิ่นไปในเมืองแค่นี้ รับรองบ่ทันพ้นวัน เพิ่นได้หนีกลับมาแน่” ไกสอนว่า
“ถ้าจังสั้นเฮาคงต้องส่งเจ้าสร้อยไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ถ้าคุณชายบ่มีปัญหามื้ออื่นกะให้เจ้าสร้อยเดินทางไปพร้อมคุณชายเลย” พ่อใหญ่บอก
จ่อยยืนนิ่งตกใจกับเรื่องที่เพิ่งรับรู้แล้วรีบผละออกไป พ่อใหญ่ปรายตามองไปที่หน้าห้องรู้สึกว่ามีใครมายืนแอบฟังอยู่

บริเวณชายป่า คุณชายธราธร พุฒิภัทร และรณพีร์เดินมาตามทางในป่า ทั้งสามหยุดยืนมองไปทางด้านหลังอย่างเหนื่อยหน่าย ชัชวีร์ประคองพาศินีนุชที่เดินๆหยุดๆมาตลอดทาง
บุญโฮมกับพรานเกิ้นแบกกระเป๋าของศีนินุชมาคนละใบเดินรั้งท้ายมา
ศินีนุชโวยวาย
“ช้าๆซิ พี่ชัช นุชเดินตามไม่ทันแล้ว ! โอ๊ยๆ นุชเหยียบอะไรก็ไม่รู้ อี๋ยๆๆ บอกแล้วว่าให้ช่วยดูทางให้ พี่ชัชนี่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ”
ชัชวีร์กัดฟันประคองน้องสาวต่างแม่เดินมาตามทางอย่างอดทน ชัชวีร์ต้องคอยปัดกิ่งไม้กรุยทางมาตลอดทาง ศินีนุชหยุดหอบด้วยความเหนื่อยเ งยหน้ามองคุณชายทั้งสามที่มองมา
เธอฝืนใจส่งยิ้มให้พลางโบกมือให้อย่างเก๋ไก๋
“พี่ๆล่วงหน้าไปก่อนเลยค่า เดี๋ยวนุชตามไป นุชไหวอยู่แล้ว”
รณพีร์หันมาทำปากเบ้กับพี่ชายทั้งสอง
“ผมบอกแล้วว่า ไม่ต้องรอๆ ดูซิครับว่า คุณน้องนุชเดินห้านาทีหยุดพักครึ่งชั่วโมง ผมว่ากว่าจะไปถึงน้ำตกที่หมายของเราก็คงพรุ่งนี้เช้าแน่”
“อย่าบ่นนักเลย ชายพีร์ บ่นไปก็เสียแรงเปล่า เก็บแรงไว้ช่วยแบกกระเป๋าให้เธอเถอะ เห็นทีพรานเกิ้นคงช่วยแบกได้ไม่นานหรอก”
พุฒิภัทรบอกพลางยิ้มขำ เมื่อความทุลักทุเลของทุกคนที่ตามหลังมาอีกครั้ง
“พี่ชายใหญ่ครับ อย่างนี้ไม่ไหวแน่ๆเลยนะครับ” รณพีร์บอก
“เราต้องหาที่ตั้งแคมป์ให้เร็วที่สุด แล้วให้น้องนุชเฝ้าอยู่ที่แคมป์ ให้ใครซักคนอยู่เป็นเพื่อนเธอ แล้วพวกเราค่อยแยกย้ายตามหาชายเล็กกัน” ธราธรบอก
“ปัญหาอยู่ที่ว่า แล้วเมื่อไหร่เราจะได้ไปที่ตั้งแคมป์ได้ล่ะครับ” รณพีร์บอก

คุณชายธราธร พี่ใหญ่แห่งจุฑาเทพ นิ่งคิดหาวิธีแก้ปัญหาโดยเร็ว

ในเวลาต่อมา ศินีนุชนั่งอยู่บนเสลี่ยงที่ทำด้วยไม้ไผ่อย่างหยาบๆ โดยมีพรานเกิ้นกับบุญโฮมช่วยกันยกเสลี่ยงขึ้นเตรียมหาม ศินีนุชนั่งทำหน้าหวาดหวั่นเสียวไส้อยู่

“ช้าๆ นะ ช้าๆ อย่าเดินเร็วล่ะ อย่าทำฉันตกลงไปเชียวนะ”
พรานเกิ้นกับบุญโฮมยกเสลี่ยงไปอย่างทุลักทุเลผ่านหน้าคุณชายทั้งสามและชัชวีร์ช้าๆ
“นุชเปลี่ยนใจแล้วล่ะค่ะ พี่ชายใหญ่ นุชเดินไหวค่ะ เพื่อพี่ชายเล็กแล้ว นุชทำได้ทุกอย่างค่ะ นุชไหวค่ะ ไหวจริงๆนะคะ”
เสลี่ยงของศินีนุชเคลื่อนตัวผ่านไปท่ามกลางความโล่งใจของทุกคน
“พี่ชายใหญ่ครับ”
รณพีร์กับชัชวีร์หันมาชูนิ้วโป้งให้อย่างนับถือ พลอยให้พุฒิภัทรชูนิ้วโป้งให้ธราธรไปด้วย
“เฮ้อ ! คราวนี้ค่อยเดินทางได้คล่องตัวหน่อย ไป ไอ้ชัช เรารีบไปกันก่อน ล่วงหน้ากันเลย รีบหาที่ตั้งแคมป์เหมาะๆ จะได้ตามหาพี่ชายเล็กได้เสียที” รณพีร์บอก
“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งเดินตัวปลิวไป นั่นกระเป๋าน้องนุช ช่วยกันยกคนละใบ”
รณพีร์หันไปมองกระเป๋าใบใหญ่ของศินีนุชอย่างเซ็งจัด
“นี่นับว่าโชคดีมากแล้ว ที่น้องนุชเธอยอมทิ้งกระเป๋าไว้ที่รถสองใบ ไม่งั้นได้ช่วยแบกกระเป๋ากันหลังแอ่นแน่” พุฒิภัทรบอก
“ฉันแบกเอง นายไม่ต้องหรอก” ชัชวีร์บอก
“เฮ้ย ไม่เป็นไร ฉันแบกไหว --เพื่อพี่ชายเล็กแล้ว นุชทำได้ทุกอย่างค่ะ นุชไหวค่ะ ไหวจริงๆ - - แต่พี่ๆไม่ไหวแล้ว” รณพีร์ล้อเลียนแบบท่าทาง น้ำเสียงของศินีนุช
ศินีนุชกรีดเสียงลั่น ขณะนั่งบนเสลี่ยงที่เอนไปเอียงมาอย่างน่าหวาดเสียว
“ระวังหน่อยซิ ระวังๆ อย่าให้ฉันตกลงไปเชียว !ไม่งั้นแกตาย”
รณพีร์มองชัชวีร์อย่างเห็นใจ
“ฉันถามนายจริงๆเถอะ ไอ้ชัช นายทนน้องสาวคนนี้ได้ยังไงวะ”
“ถ้านายเป็นฉัน นายจะรู้เอง”
ชัชวีร์ยกกระเป๋าของศินีนุชขึ้นแล้วเดินออกไป รณพีร์มองตามอย่างเห็นใจเพื่อน

คุณหญิงดารณีนุชยิ้มเบิกบานเดินมากับหม่อมย่าเอียดและย่าอ่อนอยู่ในวังจุฑาเทพ
“ตอนนี้ลูกนุชกับพวกพี่ๆ คงเข้าไปในป่าแล้วนะคะ ดิฉันรับรองได้เลยนะคะว่า ลูกนุชจะต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์ ไม่มีทางที่จะทำตัวเป็นภาระหรือเป็นปัญหาให้พวกพี่ๆอย่างแน่นอนค่ะ”
“น้องว่า เราคิดไม่ผิดหรอกค่ะที่อนุญาตให้หนูนุชไปด้วย ถึงหนูนุชจะเป็นผู้หญิงแต่ก็ดูเข้มแข็งอดทนไม่แพ้ผู้ชายเลยนะคะ ที่ไปก็มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น มีผู้หญิงไปด้วยซักคนจะได้ช่วยเรื่องอาหารการกิน เห็นว่าหนูนุชเรียนจบโรงเรียนการเรือนก่อนไปเรียนต่อที่ปีนัง อย่างนั้นฝีมือการทำอาหารต้องไม่แพ้ใครแน่ ใช่มั้ยล่ะค่ะ คุณหญิง” ย่าอ่อนบอก
ดารณีนุชยิ้มรับอย่างไม่เต็มที่นัก เพราะศินีนุชทำอะไรไม่เป็นเลย
“ค่ะ...ก็คงจะเป็นอย่างนั้น แต่กลัวว่าพวกพี่ๆจะไม่ยอมให้ลูกนุชหยิบจับอะไรน่ะซิคะ ทุกคนก็รู้กิตติศัพท์ของความเป็นสุภาพบุรุษของคุณชายวังจุฑาเทพดี ว่าดูแลและให้เกียรติสุภาพสตรีเหลือเกิน ดิฉันก็ว่าจะไม่พูดเรื่องนี้แล้วนะคะ เรื่องคุณชายเล็กกับลูกนุชน่ะค่ะ หม่อมป้า”
หม่อมย่าเอียดบอก
“รอไว้ให้เจอตัวชายเล็กก่อนเถอะนะ คุณหญิง ถ้าจับตัวกลับมาได้เมื่อไหร่ เราค่อยมาคุยเรื่องหมั้นหมายกัน”
“แต่ผมขออนุญาตไม่เห็นด้วยนะครับ หม่อมป้า”
ทุกคนหันไปเห็นพลตรี ม.ร.ว. อนุพันธ์เพิ่งเดินเข้ามา เขายกมือไหว้หม่อมย่าเอียดและย่าอ่อน ทั้งคู่รับไหว้อย่างตั้งรับไม่ทันนัก
“คุณมาที่นี่ทำไม” ดารณีนุชถาม
“คงเป็นครั้งแรกที่ใจเราตรงกันมั้ง คุณหญิงมาที่นี่ทำไม ผมก็มาด้วยเรื่องเดียวกัน แต่จุดประสงค์คงต่างกันอย่างแน่นอน”
ดารณีนุชมองอนุพันธ์อย่างหงุดหงิดใจที่มาขัดจังหวะได้

ภายในห้องรับแขก หม่อมย่าเอียดและย่าอ่อนนั่งอยู่ด้วยกัน ทั้งสองค่อนข้างเกรงใจอนุพันธ์อยู่เหมือนกัน ฝ่ายอนุพันธ์กับดารณีนุชต่างแยกนั่งกันคนละมุม ดารณีนุชรีบขยับรุกก่อนทันที
“หม่อมป้าไม่ต้องไปฟังคุณชายอนุพันธ์หรอกค่ะ เรื่องนี้คุณชายไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไร เรื่องของลูกนุชเป็นสิทธิ์ขาดของดิฉันคนเดียวค่ะ”
“ผมก็เป็นพ่อของยายนุชนะ คุณหญิง”
“คุณชายไม่เคยสนใจไยดีลูกนุชอยู่แล้ว แล้วจะมาสนใจอะไรตอนนี้ ฉันรู้นะ คุณกลัวลูกนุชจะได้ดีเกินหน้าลูกชายของคุณ คุณถึงพยายามขัดขวางไม่ให้ลูกนุชได้แต่งงานกับคุณชายเล็ก”
“เหลวไหลเลอะเทอะใหญ่แล้ว คุณหญิง ถ้าผมไม่สนใจลูกนุช ผมจะไม่มาที่นี่ในวันนี้หรอก หม่อมป้าครับ ถึงผมจะไม่เห็นด้วยเรื่องสัญญาระหว่างพี่เทวพันธ์กับท่านชายวิชที่ได้ตกลงกันไว้ แต่ผมก็ไม่คิดจะขัดขวางหรอกนะครับ”
“แต่คุณชายก็ไม่สนับสนุน...แต่ฉันอยากจะให้คุณชายให้โอกาสชายเล็กอีกซักครั้งเถอะนะ ชายเล็กด่วนตัดสินใจตามประสาคนหนุ่ม แต่เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว เราคงไม่ตัดสินใจอะไรจนกว่าจะรู้แน่ว่า อะไรเป็นอะไรใช่มั้ยล่ะ คุณชาย”
“คุณพี่พูดถูกที่สุดเลยค่ะ เราควรรอให้ชายเล็กได้ทำความรู้จักมักคุ้นกับหนูนุชอีกครั้ง เชื่อได้เลยว่า ชายเล็กจะต้องถูกตาต้องใจหนูนุชแน่ๆ ไม่ว่าจะมองไปด้านไหนหนูนุชก็เหมาะสมกับชายเล็กที่สุดแล้ว” ย่าอ่อนบอก
“การแต่งงานไม่ได้ขึ้นกับความเหมาะสมอย่างเดียวนะครับ”
“หรือว่าคุณชายเป็นห่วงเรื่องสินสอดทองหมั้น โอ๊ย ไม่ต้องห่วง รับรอง หนูนุชจะไม่น้อยหน้าใครเลย เมื่อคราวงานแต่งงานของชายรุจน่ะนะ ...” ย่าอ่อนพูดยังไม่จบ
อนุพันธ์แทรกขัดขึ้น
“ผมไม่ได้สนใจเรื่องสินสอดทองหมั้นหรอกนะครับ ผมขอแค่ให้คุณชายเล็กเต็มใจที่จะแต่งงานกับลูกสาวของผมก็พอ ไม่ใช่แต่งงานเพราะสัญญาของผู้ใหญ่หรือถูกใครบังคับ การทำอะไรที่ต้องฝืนใจตัวเอง ไม่มีความสุขไปได้หรอกครับ มันมีแต่ความทรมานใจ”

อนุพันธ์มองดารณีนุชเป็นเชิงให้รู้ว่า ต้องการสื่อถึงเธอโดยเฉพาะ

ด้านรัชชานนท์กับสร้อยเดินกลับเข้ามาในหมู่บ้าน ต่างมองกันด้วยความรู้สึกดีๆ ยิ่งใกล้เวลาที่ต้องจากกัน รัชชานนท์ยิ่งไม่อยากจากสร้อยไป

“สร้อยฟ้า... เธอเคยคิดถึงอนาคตของตัวเองบ้างมั้ย ความหวังของเธออยู่ที่เจ้าหลวงกับเจ้ารัชทายาท ถ้าเธอตามหาไม่เจอล่ะ เธอก็ต้องอพยพหนีทหารเวียงไปเรื่อยๆอย่างนี้ ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้เลยว่า เธอจะได้กลับไปเวียงภูคำ”
“แล้วเจ้าสิให้ข้อยเฮ็ดจังได๋ล่ะ”
“ ฉันอยากจะให้เธอมีชีวิตที่มั่นคงกว่านี้ ดีกว่านี้...เธอไปจากที่นี่กับฉัน ฉันจะดูแลเธอเอง”
“ข้อยเล่าเฮื่องเจ้ารัชทายาทให้เจ้าฟัง เพราะไว้ใจเจ้า บ่ใช่เพราะต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า บ่ต้องมาสงสาร ข้อยมีชีวิตที่ดีอยู่แล้ว บ่ต้องให้ไผมาดูแล เจ้ามาดูแลข้อย แล้วเจ้าสิเอาจันทาไปไว้ที่ไส”
“ฉันต้องดูแลจันทาอยู่แล้ว แต่สำหรับเธอ ฉันจะดูแลในอีกฐานะนึง ในฐานะ...ฉัน...ฉันจะพูดยังไงกับเธอดี”
รัชชานนท์มีอาการเก้อเขินอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทับทิมเดินทื่อๆตรงเข้ามาหารัชชานนท์
“ย่างตามหาเสียทั่ว มาอยู่หม่องนี้เอง พ่อใหญ่ให้ไปหาเดี๋ยวนี้เลย”
ทับทิมเดินนำออกไปทันที รัชชานนท์จำต้องรีบเดินตามไป จ่อยวิ่งมาอีกทางตรงมาหาสร้อย
“อีสร้อยๆ เกิดเฮื่องใหญ่แล้ว”
สร้อยแปลกใจกับหน้าตาตื่นตกใจของจ่อย

รัชชานนท์นิ่งคิด เมื่อได้รับรู้เรื่องที่พ่อใหญ่จะฝากสร้อยไปด้วย พ่อใหญ่นิ่งรอฟังคำตอบอย่างสงบเงียบ ส่วนไกสอนกับแฮรี่ต่างหน้ากันอย่างไม่แน่ใจนัก
“ผมรู้ว่า ผมกำลังทำให้คุณชายต้องลำบากใจ แต่ผมมีความจำเป็นจริงๆที่ต้องขอความช่วยเหลือจากคุณชาย”
“ผมไม่ได้ลำบากใจอะไรเลยครับ พ่อใหญ่ สร้อยฟ้าเคยช่วยชีวิตผมไว้ ผมเองก็ซาบซึ้งในความเมตตาของพ่อใหญ่และทุกคนในหมู่บ้านวลาหก ผมยินดีที่จะพาสร้อยไปด้วย แต่ว่าเรื่องที่จะให้พาสร้อยไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ผมยังติดขัดปัญหาบางอย่าง คือ..ผมยังไม่อยากกลับกรุงเทพฯในตอนนี้น่ะครับ แต่ผมขอให้พี่ชายช่วยได้ ว่าแต่สร้อยฟ้าพร้อมที่จะไปจากที่นี่เมื่อไหร่ล่ะครับ”
สร้อยพรวดพราดเข้ามา จ่อยวิ่งตามรั้งท้ายมา
“ข้อยบ่ไปกับเจ้า จังได๋ข้อยกะบ่ไป ไผกะบังคับข้อยบ่ได้”
“เจ้าสร้อย”
“ข้อยบ่ไป ! ให้ข้อยตายเสียดีกว่าที่สิไปจากพ่อใหญ่”
สร้อยวิ่งพรวดพราดออกไปด้วยความโกรธจัด จ่อยรีบวิ่งตามไป
“เดี๋ยวผมไปพูดกับสร้อยฟ้าให้เองครับ พ่อใหญ่”
รัชชานนท์รีบเดินออกไป ไกสอนกับแฮรี่ขยับเข้ามาหาพ่อใหญ่อย่างไม่สบายใจ
“พ่อใหญ่ ! อีสร้อยบ่ยอมอีหลี พ่อใหญ่คึดหาทางอื่นเถอะ” ไกสอนว่า
“เรายังพอมีเวลาทบทวนเรื่องนี้ใหม่นะครับ พ่อใหญ่” แฮรี่บอก
พ่อใหญ่เฮาคึดดีแล้ว! บ่ว่าจังได๋ข้อยกะบ่เปลี่ยนใจ !
พ่อใหญ่นิ่งอย่างมั่นคงในการตัดสินใจครั้งนี้มาก

รัชชานนท์วิ่งออกมาตามหาสร้อย
“อีสร้อยๆ ไปเฮ็ดหยังบนนั้น ลงมาก่อน”
รัชชานนท์วิ่งไปตามเสียงของจ่อย จนเจอจ่อยกำลังตะโกนเรียกสร้อยที่อยู่บนต้นไม้
“บ่ต้องมายุ่ง ! ไปๆ”
รัชชานนท์วิ่งไปชะเง้อมองสร้อยที่อยู่บนต้นไม้สูง
“สร้อยฟ้า ! ลงมาก่อน ลงมาคุยกัน”
“บ่ลง ไปให้พ้น ไปๆ”
สร้อยเด็ดลูกไม้อะไรได้ก็ขว้างใส่รัชชานนท์กับจ่อยอย่างเต็มแรง ให้ต้องสะดุ้งเจ็บไปตามๆกัน
รัชชานนท์/จ่อยต่างร้อง “เฮ้ยๆ”
“ไปๆ ข้อยอยากอยู่คนเดียว”
“เอ้า ! โกรธเสียให้พอ แล้วใช้เวลาที่อยู่คนเดียวนี่แหละ คิดดูให้ดี คิดอย่างคนใช้เหตุผล แล้วเธอจะรู้ว่าที่พ่อใหญ่ตัดสินใจอย่างนี้เพราะอะไร ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงเธอหรอกเหรอ”
- สร้อยที่อยู่บนต้นไม้ยังนิ่งโกรธไม่ตอบโต้ใดๆทั้งนั้น
“อีสร้อย ! ลงมาก่อนเถอะ”
รัชชานนท์พูดกับจ่อย
“ปล่อยให้อยู่คนเดียวก่อน ตอนนี้พูดอะไรไปคงไม่ฟังหรอก”
รัชชานนท์ยืนรออย่างอดทน จ่อยยืนรอได้ซักพักก็เดินง่วนไปมาอย่างร้อนใจ อีกพักเดียวรัชชานนท์เงยหน้ามองไปบนต้นไม้ สร้อยหายไปอย่างเงียบกริบ
“สร้อยฟ้า”
จ่อยรีบปีนขึ้นบนต้นไม้ดู แล้วร้องลั่น
“อีสร้อยหายไปแล้ว”
รัชชานนท์นิ่งอึ้งอย่างหนักใจแทนพ่อใหญ่

สร้อยผลุบเข้ามาในห้องแล้วรีบคว้าหยิบเสื้อผ้าจัดยัดใส่ย่ามผ้าอย่างลวกๆ แล้วหันไปเปิดตู้ที่ใส่อาวุธปืนแล้วหยิบคว้าปืนและกล่องกระสุนออกมา
สร้อยผลุบเข้าไปในห้องพ่อใหญ่ รีบค้นหาแผนที่แล้วเอายัดใส่ย่ามผ้าแล้วหันไปเจอหีบเล็กบนโต๊ะประจำของพ่อใหญ่ สร้อยเดินไปเปิดหีบออกเห็นสมุดบันทึกปกหนังอยู่ในนั้น
สร้อยเอื้อมมือไปยังไม่ทันจะแตะสมุดบันทึก พ่อใหญ่ก็เดินเข้ามาหยุดยืนมองสร้อย
“เจ้าสร้อย”
สร้อยตกใจรีบปิดหีบเล็กลงแล้วหันไปเผชิญหน้ากับพ่อใหญ่
“พ่อใหญ่ ! บ่ต้องมาไล่ข้อยกะได้ ข้อยไปเอง ข้อยสิบ่อยู่เป็นภาระให้พ่อใหญ่แล้ว ข้อยสิไปให้ไกลสุดหล้าฟ้าเขียว บ่ให้พ่อใหญ่ได้เห็นหน้าอีก”
“พ่อบ่ได้คึดไล่เจ้า พ่อต้องการส่งเจ้าไปอยู่ในที่ปลอดภัยก่อน มื้อใด๋ที่พวกเฮาพร้อมกลับเวียงภูคำ พ่อสิไปรับเจ้ากลับมา”
“เป็นหยังข้อยสิอยู่กับพ่อใหญ่บ่ได้ เพราะข้อยเป็นผู้หญิงใช่บ่ ถ้าข้อยเป็นผู้ชาย พ่อใหญ่กะบ่ขับไล่ข้อยไป พ่อใหญ่กะฮู้ ข้อยบ่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอที่ต้องให้ไผมาปกป้องดูแล”
“พ่อบ่เคยคึดจังสั้น บ่ว่าลูกสาวหรือลูกชาย พ่อกะห่วงคือกัน เจ้าเคยรับปากว่าสิเชื่อฟังพ่อ เจ้าสัญญาจากหัวใจของเจ้าเอง ถ้าเจ้ารักษาคำสัญญาบ่ได้ กะบ่เป็นหยัง เจ้าชอบอ้างสิทธิ์เป็นลูกพ่อใหญ่ แต่เจ้าบ่เคยฮู้หน้าที่ จังซี้แล้วเจ้าเหมาะที่สิอยู่เคียงข้างพ่อบ่”
สร้อยนิ่งทิ้งย่ามผ้าลงพื้นอย่างจำยอมในคำพูดของพ่อใหญ่
“ได้ ข้อยสิเฮ็ดตามคำสั่งของพ่อใหญ่ ! ขอให้พ่อใหญ่ฮู้ไว้ด้วยว่า ข้อยบ่ได้ย่านดอกความตาย แต่ข้อยย่านสิบ่ได้เห็นหน้าพ่อใหญ่อีก”

สร้อยวิ่งออกไปอย่างคนเสียขวัญ กำลังใจหมดสิ้น พ่อใหญ่ยืนนิ่งในท่าทีอันเด็ดเดี่ยว

ส่วนภายในป่า ธราธร พุฒิภัทรและรณพีร์กำลังช่วยกันตั้งเต๊นท์ใหญ่อยู่ใกล้ลำธาร ชัชวีร์ยืนเฝ้าอยู่หน้าเต๊นท์เล็กที่ติดตั้งเสร็จ ด้วยท่าทางเบื่อหน่ายแต่ก็อดทนไหวอยู่

บุญโฮมกับพรานเกิ้นนอนแผ่หราหมดแรงอยู่ข้างเสลี่ยงที่เอียงกะเท่เร่อยู่บนพื้น
ศินีนุชในเสื้อคลุมอาบน้ำและหมวกว่ายน้ำสีสด เธอถือกระเป๋าใส่ของใช้สำหรับอาบน้ำเปิดเต๊นท์แล้วก้าวออกมาราวกับนางละครที่ออกมาจากม่านบนเวที เธอเดินผ่านชัชวีร์ไปอย่างไม่ใส่ใจ พลางส่งเสียงเจื้อยแจ้วก่อนที่จะเดินตรงไปหาคุณชายทั้งสาม
“พี่ๆค่ะ นุชเหนียวเนื้อเหนียวตัวเต็มทนแล้ว นุชจะอาบน้ำได้ที่ไหนคะ”
รณพีร์พยักเพยิดไปทางลำธารที่เห็นตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมศินีนุชไม่เห็น
“ก็ลำธารนี่ไง”
“อุ๊ย ! เราจะอาบน้ำตรงนี้กันเลยเหรอคะ ไม่ได้หรอกค่ะ ประเจิดประเจ้อแย่เลย นุชเป็นผู้หญิงนะคะ แล้วพี่ชายพีร์จะให้นุชอาบน้ำในลำธารที่มีคนย่ำไปย่ำมาเป็นร้อยเป็นพันเหรอคะ ไม่ไหวนะคะ”
“ไหนน้องนุชบอกว่า เพื่อพี่ชายเล็กแล้ว น้องนุชทำได้ทุกอย่างไงคะ”
ศินีนุชทำท่าอิหลักอิเหลื่อค่อยๆ เดินไปที่ริมลำธาร แล้วค่อยๆกลั้นใจแหย่เท้าลงไปในน้ำ เธอหันไปเห็นบุญโฮมกำลังวักน้ำล้างหน้าบ้วนปากใส่ลำธาร เธอรีบชักเท้ากลับทันที เธอส่ายหน้ายิกๆทำหน้าอยากร้องไห้
“นุชอาบน้ำตรงนี้ไม่ได้จริงๆ ค่ะ”
รณพีร์แหย่ต่อ
“อาบๆไปเถอะ น้องนุช ถ้าเห็นอะไรลอยมา ก็หลับหูหลับตาอาบไป อยู่ในป่าก็ต้องใช้ชีวิตแบบนี้แหละ”
“อะไรจะลอยมาหรือคะ พี่ชายพีร์ !”
“ชายพีร์! หยุดแหย่น้องนุชได้แล้ว พี่เห็นทางด้านหลังมีแอ่งน้ำอยู่แน่ะ น้องนุชไปอาบน้ำที่นั่นก็แล้วกัน ดูสะอาดและอยู่ในที่ลับตา แต่ต้องให้ใครซักคนไปเป็นเพื่อนน้องนุชด้วย” ธราธรบอก
รณพีร์โบ้ยทันที
“พี่ชายภัทรแล้วกันครับ คุณหมอจะได้ช่วยตรวจสอบความสะอาดของน้ำให้น้องนุชด้วยไงครับ ผมกับไอ้ชัชจะเริ่มออกไปตามหาพี่ชายเล็กกันเลย ส่วนพี่ชายใหญ่ก็อยู่เฝ้าแคมป์ไปก่อน ไป ไอ้ชัช”
รณพีร์รีบช่วยชีวิตเพื่อน ลากชัชวีร์ออกไปทันที
“ชายพีร์ !” พุฒิภัทรเรียก
“เฮ้ย ! จะดีเหรอวะ”
“ดีซิวะ”
รณพีร์ลากตัวชัชวีร์เดินผ่านพรานเกิ้นที่ยังนอนเป็นซากอยู่
“แข็งแฮงยิ่งกว่าม้าศึก ! เชื่อแล้วว่า พรานเกิ้นแข็งแรงจริงๆ”
พรานเกิ้นรีบลุกขึ้นทำท่าแข็งขันยกสัมภาระที่ยังกองอยู่ขึ้นมา พอนายทั้งสองเดินไปก็ล้มลงนอนต่อ ศินีนุชยืนยิ้มหวานรอพุฒิภัทรนำทางไปอาบน้ำ พุฒิภัทรทำหน้าปูเลี่ยนๆไม่อยากไป ธราธรพยักหน้าบังคับให้พุฒิภัทรไป

พุฒิภัทรเดินนำศินีนุชมาที่แอ่งน้ำทางด้านหลังที่พักแรม ศินีนุชรีบเดินตามพุฒิภัทรเดินโดยทิ้งระยะห่างไม่ยอมใกล้ชิดศินีนุชนัก เธอโผเข้าเกาะแขนพุฒิภัทรอย่างไม่ถือสา
“รอนุชด้วยซิคะ พี่ชายภัทร จะรีบเดินไปไหน”
“น้องนุชต้องรีบหน่อยนะ วันนี้ดูท่าทางจะมืดเร็ว”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ นุชเป็นคนปรับตัวเก่งค่ะ วันนี้เราเพิ่งเดินทางวันแรก ก็เลยขลุกขลักกันนิดหน่อย พรุ่งนี้รับรองเลยค่ะ นุชจะคล่องแคล่วว่องไวกว่านี้ นุชจะช่วยพี่ๆตามหาพี่ชายเล็กอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลยล่ะค่ะ แต่วันนี้ขอพักวันนึงนะคะ พรุ่งนี้ค่อยเริ่มต้นใหม่”
ศินีนุชยิ้มหวานพลางถอดเสื้อคลุมอาบน้ำออกเผยให้เห็นชุดว่ายน้ำเก๋ไก๋ที่ไม่เข้ากับป่าเลย พุฒิภัทรค่อยๆหันหลังให้อย่างสุภาพ
“น้องนุชรีบอาบน้ำเถอะ เราจะได้รีบกลับที่พัก”
ศินีนุชหยิบฟองน้ำพร้อมขวดครีมอาบน้ำแล้วก้าวลงอาบน้ำเล่นน้ำอย่างสุขสำราญ
“พี่ชายภัทรรอประเดี๋ยวเดียวค่ะ รับรองนุชอาบน้ำไม่นานหรอก”
พุฒิภัทรยืนรออย่างเบื่อแต่ก็ต้องอดทนไม่ปริปากบ่น ศินีนุชยิ้มเริงร่า
“น้ำเย็นจังเลยค่ะ พี่ชายภัทร น้ำที่นี่ใสแจ๋วจริงๆ ใสจนเห็นตัวปลาเลยล่ะค่ะ ปลาอะไรก็ไม่รู้ ตัวเล็กๆสีสดใส น่ารักจังเลยค่ะ”
อยู่ๆศินีนุชก็นิ่งเงียบไปเสียเฉยๆ พุฒิภัทรนิ่งฟังอย่างแปลกใจ
ศินีนุชจ้องไปที่อะไรบางอย่างที่ต้นไม้ไกลออกไปแล้วกรี๊ดลั่น
“งูค่ะ พี่ชายภัทร งูๆๆ”
ศินีนุชทิ้งทุกอย่างในมือแล้ววิ่งขึ้นจากแอ่งน้ำกระโจมเข้ากอดพุฒิภัทร
“ไหนๆ ไหนงู”
พุฒิภัทรดันตัวศินีนุชออกไปพร้อมมองหางู
“อยู่โน่นค่ะ อยู่บนต้นไม้โน่น”
“โธ่เอ๊ย น้องนุช มันอยู่ตั้งไกล มันไม่เลื้อยมาถึงนี่หรอก แล้วมันก็ไม่น่าใช่งูมีพิษด้วย นั่นมันงูเขียว ไม่อันตรายหรอก”
“ไม่รู้ล่ะค่ะ งูอะไร นุชก็กลัวทั้งนั้น นั่น ! นั่นตัวอะไรอีกค่ะ หลังต้นไม้นั่น”
ศินีนุชกรี๊ดแล้วกระโดดเข้ากอดพุฒิภัทรอีกรอบ พุฒิภัทรหันไปมองตัวที่ศินีนุชกรี๊ดใส่อย่างระอาใจ
“นั่นมันตัวชะมด ! น่ากลัวตรงไหน”
ศินีนุชยังคงหลับตากอดพุฒิภัทรแน่น
“หน้าตามันน่าเกลียดนี่คะ โอ๊ย ทำไมมันมีอะไรต่ออะไรเยอะไปหมด”
“ก็เพราะเราอยู่ในป่าน่ะซิ น้องนุช”

พุฒิภัทรพยายามแกะมือศินีนุชออก ทั้งสองยุ่งพัลวันพัลเกอยู่ตรงนั้นอย่างน่าปวดหัว

อ่านต่อหน้า 2

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 5 (ต่อ)

ในห้องที่มืดสลัวนั้น รัชชานนท์เดินถือตะเกียงเข้ามา ทำให้ห้องเริ่มสว่างขึ้น เขานุ่งแต่ผ้าขาวม้าตัวเดียวเพิ่งอาบน้ำกลับเข้ามาแล้วหยิบกางเกงขึ้นมา

รัชชานนท์รู้สึกเแปลกๆเหมือนมีใครอยู่ในห้อง มองไปที่ฟูกนอนเห็นผ้าห่มเคลื่อนไหวไปมา
“ใครน่ะ”
สร้อยที่อยู่ใต้ผ้าห่มยังไม่ยอมตอบ
“ไม่ตอบก็ไม่ต้องตอบ”
รัชชานนท์ทำท่าจะถอดผ้าขาวผ้าออกเพื่อใส่กางเกงนอน สร้อยโผล่พรวดขึ้นมาจากผ้าห่ม
“ห้ามถอด ! ข้อยบ่อยากดูคนแก้ผ้า”
รัชชานนท์ยิ้มอย่างโล่งใจที่เห็นสร้อย รีบใส่กางเกงแล้วโยนผ้าขาวม้าทิ้งไปก่อนที่เข้าไปใกล้สร้อย
“บ่ต้องเข้ามาใกล้”
“แล้วไปทำอะไรใต้ผ้าห่มของฉัน”
“ข้อยย่านว่าสิมีไผเห็นข้อยเข้า มันบ่งาม”
“ก็รู้อยู่ว่าเข้ามาในห้องนี้ มันไม่งาม ก็ออกไปคุยข้างนอกกัน ไป”
“ข้อยอยู่บ่โดนดอก...ข้อยมาขอร้องคุณชาย”
รัชชานนท์จ้องหน้าสร้อยที่ตาบวมเป่งเพราะร้องไห้มาอย่างหนัก
“นี่เธอร้องไห้เหรอ สร้อยฟ้า”
สร้อยทำท่าจะร้องไห้อีกรอบแต่กลั้นน้ำตาไว้

พ่อใหญ่นิ่งเครียดกว่าปกติยังคงคุมอารมณ์ไว้ได้อยู่ ไกสอนกับแฮรี่เดินเข้ามานั่งร่วมปรึกษาด้วย
“พ่อใหญ่ คนของเฮากลับมาจากลาดตระเวนในป่าแล้ว บ่เจอทหารเวียงแม้แต่ผู้เดียว แต่เห็นว่ามีคนเมืองมาเที่ยวป่ากลุ่มใหญ่ ตอนนี้พักแรมอยู่ที่น้ำตก แต่เบิ่งแล้วเฮ็ดคือ นักท่องเที่ยวธรรมดา บ่มีพิษมีภัย” ไกสอนว่า
“ตอนนี้เป็นช่วงที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราให้คุณชายพาเจ้าสร้อยออกไปจากหมู่บ้านพรุ่งนี้เลยมั้ยครับ” แฮรี่บอก
“อีสร้อยบ่เต็มใจไปจังซี้ มันต้องก่อปัญหาปวดหัวให้คุณชายเป็นแน่ แล้วมันสิไปอยู่กับคุณชายในฐานะอะหยัง พ่อใหญ่บ่ย่านว่าผู้อื่นสิสงสัยเอาบ่ อยู่ๆคุณชายกะมีผู้สาวตามไปอยู่ด้วย” ไกสอนว่า
“คุณชายสิพาจันทาไปอยู่ด้วย ไผถาม กะบอกไปว่าเจ้าสร้อยเป็นญาติกับจันทา เฮากะแค่ขออาศัยให้คุณชายพาเจ้าสร้อยไปส่งที่กรุงเทพฯ และช่วยหาที่พักให้เท่านั้น บ่ได้คึดจะให้เจ้าสร้อยพักอยู่กับคุณชายไปตลอด” พ่อใหญ่บอก
“พ่อใหญ่คงเห็นอีสร้อยอยู่ป่าโดนไปแล้วบ่ คงอยากให้มันไปเฮียนฮู้ความศิวิไลซ์ของคนเมือง เป็นการเตรียมตัวก่อนที่พวกเฮาสิกลับเวียงภูคำ ข้อยกะบ่เคยคึดถึงข้อนี้เลย” ไกสอนว่า
“ถ้าอย่างนั้นคงต้องรบกวนให้คุณชายหาที่เรียนให้เจ้าสร้อยด้วยนะครับ แล้วพ่อใหญ่จะให้ใครติดตามเจ้าสร้อยไปด้วย ให้ไปซักกี่คนดี”
“เฮื่องนั้นบ่ต้องเป็นห่วง ที่เฮาเป็นห่วง กะคือภาระหน้าที่ที่ข้อยสิ มอบให้เจ้าสร้อย”
พ่อใหญ่หยิบแหวนเจ้าหลวงออกมาวางไว้บนโต๊ะ
“ถ้าเจ้าสร้อยฮู้เฮื่องนี้ คุณชายกะต้องฮู้ด้วย ปัญหากะคือ เฮาสิ ไว้ใจคุณชายผู้นี้ได้ส่ำใด๋ เฮาสิวางอนาคตของเวียงภูคำไว้ในมือของมงกุฎแห่งเทพได้บ่”
พ่อใหญ่นิ่งคิดเรื่องที่จะให้สร้อยและรัชชานนท์ช่วยตามหาเจ้ารัชทายาท

สร้อยเมินหน้าหนีรัชชานนท์เอาผ้าห่มเช็ดน้ำตาน้ำมูกแล้วรวบรวมสติใหม่ สร้อยหันมาจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง
“เจ้าต้องช่วยข้อย”
“เธอต้องเข้าใจพ่อใหญ่นะ พ่อใหญ่เป็นห่วงเธอ ถึงได้คิดจะส่งเธอไปอยู่กรุงเทพฯ พ่อใหญ่รู้ว่า อีกไม่นานเวียงภูคำก็ต้องส่งทหารมาอีก แล้วเธอคิดว่า เธอจะเอาชีวิตรอดได้ทุกครั้งงั้นเหรอ”
“ข้อยสิยินดีตายกับทุกคนที่นี่ดีกว่าหนีเอาตัวรอดผู้เดียว”
“แล้วถ้าทุกคนยอมตายกันหมด แล้วจะเหลือใครกลับไปกอบกู้แผ่นดินเวียงภูคำกลับคืนมาล่ะ”
“จังได๋ข้อยกะบ่อยากไป ข้อยมีพ่อใหญ่อยู่ผู้เดียว...ข้อยสิทิ้งพ่อใหญ่ไปได้จังได๋ ข้อยชังพ่อใหญ่นัก เป็นหยังต้องบังคับให้ข้อยไปกับเจ้าด้วย เจ้าต้องไปบอกพ่อใหญ่นะ ไปบอกว่า เจ้าพาข้อยไปด้วยบ่ได้ เจ้าเป็นหนี้บุญคุณข้อย เจ้าต้องเฮ็ดตามที่ข้อยสั่ง”
สร้อยพร่ำสั่งรัชชานนท์ทั้งน้ำตา เพราะรู้อยู่ว่ายังไงก็ขัดคำสั่งพ่อใหญ่ไม่ได้
“เธอก็รู้ว่า ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้ ฉันเชื่อว่า พ่อใหญ่ตัดสินใจทำสิ่งที่ถูกต้อง...ฉันให้สัญญา เธอจะต้องได้กลับมาพบพ่อใหญ่อย่างแน่นอน”
“บ่มีไผฮู้ดอกว่า ต่อไปสิเกิดอะหยังขึ้นกับพวกเฮาที่นี่ ข้อยไปกะเท่ากับทิ้งให้พ่อใหญ่เสี่ยงชีวิตอยู่ที่นี่ แล้วเจ้าสิให้ข้อยเป็นลูกอกตัญญูหรือจังได๋ ข้อยฮู้จังได๋มื้อนี้กะต้องมาเถิง แต่บ่ฮู้ว่า มันสิมาถึงเร็วจังซี้ ข้อยยังเฮ็ดใจบ่ได้ บ่ได้อีหลี”
สร้อยน้ำตาไหลเหมือนเด็กที่ขาดที่ยึดเหนี่ยว ยิ่งกลั้นน้ำตาก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น รัชชานนท์ดึงสร้อยเข้ามากอดไว้แนบอกอย่างปลอบใจ
ทั้งสองไม่ได้รู้ตัวว่ากำลังกอดกันอยู่ใต้ผ้าห่มโดยที่รัชชานนท์ใส่แค่กางเกงตัวเดียว
เสียงเคาะประตูเบาๆ ก่อนที่ไกสอนกับแฮรี่จะเดินเข้ามา โดยยังไม่ทันจะมองเข้าไปที่ฟูกที่นอน
“คุณชายครับ เฮาขอโทษที่เข้ามารบกวน คือว่า พ่อใหญ่”
ไกสอนชะงักมองไปที่รัชชานนท์กับสร้อยนอนกอดกันอยู่
“อีสร้อย”
แฮรี่เริ่มได้สติก่อนขยับถอยจะไปห้ามคนที่เดินตามมาข้างหลัง
พ่อใหญ่ก้าวช้าๆ เข้ามาหยุดยืนกลางระหว่างไกสอนกับแฮรี่ จ้องมองไปที่รัชชานนท์กับสร้อยที่เพิ่งรู้สึกตัวรีบผละออกจากกัน
“เจ้าสร้อย”
รัชชานนท์กับสร้อยหน้าตาตื่นตกใจกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นเร็วเหลือเกิน จุกจนพูดไม่ออก
พ่อใหญ่นิ่งขึ้งเครียดดูน่าเกรงขาม แต่สีหน้านิ่งเงียบเกินปกติ

เหมือนระเบิดที่รอเวลาจะปะทุออกมา ทุกคนได้แต่นิ่งเงียบ กลั้นหายใจลุ้นรอดูเหตุการณ์ต่อไปอย่างระทึก!

พ่อใหญ่ถือไม้ค้ำยัน พยุงตัวเดินออกมาถึงนอกชานเรือน สร้อยรีบตามออกมาติดๆ อย่างร้อนรน และกลัวจนทำอะไรไม่ถูก

“พ่อใหญ่ !”
พ่อใหญ่หยุดชะงักแต่ไม่หันหน้ากลับมามองลูกสาว
“กลับเฮือน”
รัชชานนท์รีบใส่เสื้อตามไปอีกคน
ไกสอนกับแฮรี่ออกมาพร้อมรัชชานนท์ ช่วยกันประกบตัวรัชชานนท์ไว้ก่อน
“พ่อใหญ่ครับ! ขอโอกาสให้ผมได้อธิบายก่อน...”
พ่อใหญ่หันกลับมองรัชชานนท์ด้วยสายตาของผู้มีอำนาจจนคุณชายหนุ่มเกรงจนขาแทบอ่อน
“เก็บข้าวของๆคุณซะคืนนี้ พรุ่งนี้ผมจะให้คนไปส่งที่ชายป่า”
พ่อใหญ่ขยับตัวเดินลงเรือนไปอย่างเงียบๆ สร้อยรีบตามพ่อใหญ่ไปทันที
“เดี๋ยวซิครับ พ่อใหญ่”
รัชชานนท์ขยับจะตามไป แต่ถูกไกสอนและแฮรี่ดึงตัวไว้
“บ่ต้องตาม ! สิตามไปเว้าอะหยัง สิบอกว่าเฮาเข้าใจผิดจังสั้นล่ะซิ” ไกสอนว่า
“ก็มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ นี่ครับ คือ...ผมกับสร้อยฟ้า” รัชชานนท์พูดไม่ออก
“คุณบ่ต้องมาแก้ตัว ! เฮ็ดจังซี้มันขะลำ ! คุณ..มัน..คนบ่ฮู้จักคุณคน”
ไกสอนเดินออกไปอย่างโกรธจัด รัชชานนท์เถียงอะไรไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง
“อย่าว่าแต่การถูกเนื้อต้องตัวกันเลย การที่ชายหญิงอยู่ตามลำพังสองคน ก็ถือว่าผิดผีบ้านผีเรือนแล้ว คุณชายคิดเอาเองเถอะว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มันเป็นความผิดใหญ่หลวงแค่ไหน”
“แล้ว...แล้วผมควรจะทำยังไงดีครับ”
“นั่นเป็นเรื่องที่คุณต้องหาคำตอบเอาเอง คุณยังโชคดีอยู่นะ คุณชายรัชชานนท์ ถ้าที่นี่เป็นแผ่นดินของเวียงภูคำ คุณชายไม่มีชีวิตรอดกลับไปแน่” แฮรี่บอก
แฮรี่เดินออกไป รัชชานนท์เครียดหนักเข้าไปอีก ยังหาหนทางแก้ไขไม่ได้

บรรยากาศยามค่ำบริเวณที่พักแรม มีเต๊นท์อยู่สองหลังใกล้ลำธาร ธราธรเทอาหารกระป๋องใส่หม้อเล็กเพื่ออุ่นอาหารบนกองไฟ เขามองไปที่พุฒิภัทร น้องชายที่ยืนเฝ้าหน้าเต๊นท์เล็กอย่างอดขำไม่ได้
รณพีร์กับชัชวีร์เดินกลับเข้ามาอย่างเหนื่อยอ่อน
“ได้เบาะแสอะไรมาบ้าง”
รณพีร์ผิดหวังมาก
“ไม่ได้อะไรเลยครับ”
รณพีร์หันไปเห็นพุฒิภัทรยืนทำหน้าเหนื่อยหน่ายอยู่หน้าเต๊นท์เล็ก
“แล้วนั่นพี่ชายภัทรไปยืนทำอะไรตรงนั้น... นี่คุณเธอเปลี่ยนชุดอีกแล้วหรือครับ”
ธราธรหน่ายใจ
“คราวนี้ขอเปลี่ยนชุดสำหรับดินเนอร์คืนนี้”
ศินีนุชเปิดเต๊นท์ก้าวออกมาในชุดเดรสยาวสวย
“ขอบคุณนะคะ พี่ชายภัทร “
คุณชายพุฒิภัทรพูดจริงจังอย่างสั่งสอน
“น้องนุชคงต้องรีบปรับตัวกับการใช้ชีวิตในป่าได้แล้ว พวกพี่ๆคงตามเฝ้าดูแลน้องนุชทุกย่างก้าวอย่างนี้ไม่ได้”
“อุ๊ย ! พวกพี่ๆก็ไม่ต้องมาดูแลอะไรนุชมากหรอกค่ะ แหม ก็แค่ช่วยเฝ้าหน้าเต๊นท์เวลานุชเปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้น แล้วก็ไปเป็นเพื่อนเวลานุชไปอาบน้ำ แล้วก็คอยอยู่เป็นเพื่อนนุช อย่าให้นุชอยู่คนเดียว แค่นั้นก็พอค่ะอุ๊ย พี่ชายพีร์กลับมาแล้วเหรอคะ” ศินีนุชบอก
ศินีนุชปราดเข้าไปหารณพีร์แล้วชะเง้อมองหารัชชานท์ทันที
“พี่ชายเล็กล่ะค่ะ ไหน ไหนคะ พี่ชายเล็กอยู่ที่ไหน”
“เรายังตามหาพี่ชายเล็กไม่เจอ” ชัชวีร์บอก
“พี่ชายเล็กหลงป่านะครับ น้องนุช ไม่ได้หลงทางในสวนสนุก จะได้ตามหาเจอง่ายปานนั้น ป่ากว้างใหญ่ขนาดนี้ พี่ว่าอาจจะใช้เวลาเป็นเดือนๆ กว่าจะเจอ พี่ว่านะ น้องนุชกลับไปรอที่บ้านพักในเมืองดีกว่ามั้ย”
“ถ้าพวกพี่ๆไปตามหาพี่ชายเล็กกันเอง เราน่าจะไปได้คล่องตัวขึ้น เราจะได้ไม่ต้องมาคอยห่วงหน้าพะวงหลังอยู่อย่างนี้ แล้วพวกพี่ก็ไม่อยากให้น้องนุชต้องมาลำบาก”
ศินีนุชปรี๊ดสวนทันที
“นี่ พี่ชัชหาว่า นุชเป็นตัวถ่วงเป็นภาระของพวกพี่ๆงั้นหรือ นุชมาด้วยก็เพราะนุชแน่ใจว่า นุชช่วยพวกพี่ๆตามหาพี่ชายเล็กได้ เพื่อพี่ชายเล็กแล้ว นุชไม่กลัวอะไร ไม่กลัวลำบาก ไม่กลัวเหนื่อย ไม่กลัวอันตรายใดๆทั้งสิ้น”
“แล้วไม่กลัวผีด้วยหรือเปล่า” รณพีร์ข่มขู่
ธราธร พุฒิภัทร ปรามเสียงดุ
“ชายพีร์ !”
ศินีนุชตกใจ
“ผี...ผีอะไรคะ พี่ชายพีร์เอาที่ไหนมาพูด”
รณพีร์ทนไม่ไหว เมินไม่มองสายตาตำหนิของพี่ชายทั้งสอง ถึงขั้นนี้ต้องใช้ไม้ตายแล้ว
“ผีเจ้าป่าเจ้าเขายังไงล่ะ แล้วยังผีป่าผีดงทั้งหลายอีก มีเสียงเล่าลือว่า ป่าที่นี่มีอาถรรพ์ ใครเข้ามาแล้ว กลับออกไปไม่ได้ก็มี น้องนุชกลับไปในตอนที่ยังมีโอกาสดีกว่านะ”
ศินีนุชเริ่มขนลุกด้วยความกลัว
“ป่าอาถรรพ์หรือคะ...เข้ามาแล้วกลับไปไม่ได้ เพราะอะไรคะ”
“เพราะผีเจ้าป่าเจ้าเขาไม่ให้กลับน่ะซิ”
ศินีนุชมองไปทางด้านหลังรณพีร์ เห็นพรานเกิ้นถือตะเกียงเดินกระย่องกระย่องเข้ามาเงียบๆ
“แอร๊ย... ผีๆๆ”
ศินีนุชกรี๊ดจะกระโดดกอดรณพีร์ แต่รณพีร์หลบได้ทันก็เลยเข้ากอดชัชวีร์แทน ศินีนุชหลับหูหลับตากรี๊ดไม่หยุด บุญโฮมวิ่งเข้ามาทางเดียวกับเกิ้นเพราะเสียงกรีดร้องของศินีนุช
“นั่นพรานเกิ้น! ไม่ใช่ผี” ธราธรบอก
ศินีนุชหยุดกรีดร้องแล้วหันไปมองพรานเกิ้นที่ชูตะเกียงไฟส่องโชว์หน้าตัวเอง แต่ก็ยังน่ากลัวหลายอยู่
“ข้อยเองเด้อ บ่ใช่ผีสางที่ไส!”
ศินีนุชยังเกาะแขนชัชวีร์แน่น มองพรานเกิ้นอย่างหวาดกลัว แล้วมองไปรอบๆอย่างขนลุกเกรียว ทุกคนพุ่งตามองไปที่รณพีร์เพียงผู้เดียวซึ่งยังไม่รู้ตัว หัวเราะขำอยู่
“คืนนี้ไม่ได้หลับไม่ได้นอนแน่!” พุฒิภัทรบ่น

รณพีร์หันมาสบตากับหนุ่มๆคนอื่นแล้วต้องสะดุ้ง ยิ้มเจื่อนๆ อย่างรับผิด

ชัชวีร์ยืนอยู่ห่างออกมาจากเต๊นท์ที่พักมองออกไปไกลในความมืดอย่างค้นหา รณพีร์เดินเข้ามาตบไหล่ชัชวีร์อย่างรู้สึกผิดอยู่บ้าง

“ไม่ต้องเป็นห่วงนะ น้องนุชหลับไปแล้ว”
ธราธรกับพุฒิภัทรเดินตามมาสมทบ
“ถ้าไม่ได้คุณหมอพุฒิภัทรมาด้วย คงต้องจัดเวรยามเฝ้าน้องนุชทั้งคืนแน่”
พุฒิภัทรบอกกับชัชวีร์
“พี่ให้ยาคลายเครียดอ่อนๆไป จะได้หลับถึงเช้าไปเลย”
“ทำไมไม่ให้ยาที่ทำให้หลับไปซักสามวันเลยล่ะครับ” รณพีร์ว่า
“ยังจะมาทำพูดเล่นอีก หยุดหาเรื่องให้ทุกคนต้องปวดหัวได้แล้ว ไหนนายสรุปอีกครั้งซิ วันนี้นายไปตามหาชายเล็กตรงจุดไหนบ้าง แล้วทำไมถึงไม่ได้เบาะแสอะไรกลับมาเลย” ธราธรถาม
“ไม่มีเบาะแสอะไรเลยจริงๆครับ มีแต่รอยเท้าของพวกทหารเวียงเต็มป่าไปหมด ราวกับว่า ไม่เคยมีใครมาเหยียบที่นี่นอกจากพวกทหารเวียงเท่านั้น”
“มันไม่น่าเป็นไปได้ อย่างน้อยก็น่าจะมีร่องรอยของคนที่มาท่องเที่ยว หรือไม่ก็พวกพรานป่า หรือว่านี่เป็นฝีมือของพวกทหารเวียง” พุฒิภัทรบอก
“ผมว่า ไม่น่าใช่ พวกทหารเวียงจะมากลบเกลื่อนร่องรอยพวกนี้ทำไม น่าจะเป็นฝีมือของพวกอื่นมากกว่า” ชัชวีร์บอก
“สงสัยป่าที่นี่จะมีอาถรรพ์จริงๆ” รณพีร์บอก
ธราธร/พุฒิภัทรปรามขึ้นพร้อมกัน
“ชายพีร์”
“ก็พี่ชายเล็กเล่นหายไปอย่างไร้ร่องรอยอย่างนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะที่นี่เป็นป่าอาถรรพ์ แล้วจะเป็นเพราะอะไรล่ะครับ ผมชักจะกลัวแล้วล่ะว่า เราจะตามหาพี่ชายเล็กไม่เจอ พรุ่งนี้เราจะไปตามหาพี่ชายเล็กที่ไหนต่อ ผมยังนึกไม่ออกเลย !”
“ฉันรู้แล้วว่า พรุ่งนี้เราจะไปตามหาพี่ชายเล็กที่ไหน” ชัชวีร์บอก
ชัชวีร์ชี้ไปทางเบื้องหน้า ทุกคนมองตามที่เขาชี้ ได้เห็นหมอกควันจางๆลอยอยู่ในความมืดที่อยู่ไกลออกไป ดูเป็นกลุ่มหมอกควันที่หนาทึบแล้วกระจายตัวเหลือหมอกควันจางๆอย่างน่าพิศวง
ชัชวีร์มองไปทิศทางของหมอกควันอย่างรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างรออยู่ที่นั่น

เรือนพ่อใหญ่ในตอนกลางคืนที่ดูเหมือนมีหมอกควันปกคลุมเรือนแล้วจางหายไป พ่อใหญ่นั่งนิ่งเงียบอยู่ ยังไม่ยอมมองสร้อยที่นั่งอยู่แทบเท้าพ่อใหญ่
“พ่อใหญ่ ! พ่อใหญ่ด่าว่าอะหยังข้อย กะด่าว่ามา หรือพ่อใหญ่สิเฆี่ยนตีข้อยกะได้ แต่อย่าได้นิ่งเงียบจังซี้”
“เจ้าสิให้พ่อด่าว่าอะหยัง พ่อด่าว่าเจ้ากะคือด่าว่าตัวพ่อเอง ที่พ่อบ่ได้อบรมสั่งสอนเจ้าให้ดี...”
“ข้อยผิดเองที่บ่คึดหน้าคึดหลัง เฮ็ดเฮื่องบ่งาม แต่พ่อใหญ่เชื่อข้อยเด้อ ข้อยแค่ไปขอร้องคุณชายอย่าพาข้อยไปกรุงเทพฯด้วยซำนั้น ข้อยกับคุณชายบ่ได้เฮ็ดอะหยังกันเกินเลย ข้อยสาบานได้ ! พ่อใหญ่”
ไกสอนกับแฮรี่ที่ยืนฟังอยู่ห่างๆ เริ่มขยับเข้ามา
“บ่ว่าเจ้าฮู้สึกผิดปานใด กะบ่ช่วยลบล้างความผิดเทื้อนี้ไปได้ง่ายๆ อีสร้อยเอ๊ย ถ้าเจ้าฮู้จักเฮ็ดโตคือแม่หญิงคนอื่น กะคงบ่เกิดเฮื่องจังซี้ดอก” ไกสอนบอก
“ที่จริงตอนนี้คนที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ก็มีแค่พวกเรา ส่วนคุณชายรัชชานนท์ ผมแน่ใจว่า เขาเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่พูดเรื่องนี้อีกแน่ ให้เรื่องมันจบตรงนี้เลยแล้วกันนะครับ พ่อใหญ่” แฮรี่บอก
“ถึงผู้อื่นบ่ฮู้ แต่เฮาฮู้ ! เฮาบ่เคยมองข้ามความผิดของไผ เจ้าสร้อยเองกะสิอยู่ด้วยความละอายแก่ใจไปตลอดชีวิต”
สร้อยยิ่งก้มหน้ามุดลงไปด้วยความละอายยิ่งขึ้นอีก
รัชชานนท์ก้าวเดินเข้ามาหยุดฟังเงียบๆ
“เฮื่องนี้มีทางแก้ไขทางเดียว แต่พ่อใหญ่บ่ยอมใช่บ่ พ่อใหญ่ถึงยอมปล่อยคุณชายไปง่ายๆ !” ไกสอนว่า
“มีทางแก้ไขยังไงหรือครับ ?!”
ทุกคนหันไปมองรัชชานนท์เป็นตาเดียว
“ถ้ามีทางแก้ไขเรื่องนี้ได้ ผมยินดีทำทุกอย่างเพื่อแก้ไขสิ่งที่ผมทำลงไป”
“ถึงคุณยินดี แต่พวกเฮาบ่ยินดี ถึงคุณสิมีเชื้อมีสายกะยังบ่คู่ควรกับอีสร้อย” ไกสอนว่า
รัชชานนท์ยังคงไม่เข้าใจว่า ไกสอนหมายถึงการแต่งงานกับสร้อยเพื่อรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้น
“ลุงไกสอนหมายถึงอะไรครับ ใครไม่คู่ควรกับใคร อธิบายให้ผมเข้าใจกว่านี้ได้มั้ยครับ เรื่องที่ผมทำผิด ผมเข้าใจ ถ้าหากมีการลงโทษ ก็ขอให้ลงโทษผมคนเดียว ผมขอรับผิดชอบทุกอย่างเอง”
แฮรี่ว่า
“ถ้าหากคุณจะรับผิดชอบจริงๆ...ตามจารีตประเพณีของเรา คุณก็ต้องรับผิดชอบโดยการ..แต่งงานกับเจ้าสร้อย”
สร้อยตกใจ
“แต่งงาน ! บ่ ! ข้อยบ่แต่ง”
รัชชานนท์นิ่งอึ้งพูดไม่ออก ไม่ทันเฉลียวใจว่าจะออกมาในรูปนี้
“ทุกคนออกไปก่อน”
ทุกคนยังนิ่งอึ้งเหมือนถูกตรึงอยู่กับที่ พ่อใหญ่จับตามองที่รัชชานนท์อยู่คนเดียว
พ่อใหญ่พูดกับรัชชานนท์
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน !” ก่อนหันไปบอกกับคนอื่นๆ “ออกไป”
ไกสอนกับแฮรี่รีบเดินออกไป สร้อยลังเลมองพ่อใหญ่ที่ยังไม่ละสายตาจากรัชชานนท์
สร้อยไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่มองรัชชานนท์ส่งสัญญาณให้ด้วยการส่ายหน้ายิกๆ
พ่อใหญ่หันมามองจนสร้อยสะดุ้ง รีบออกไปจากห้องโดยเร็ว

พ่อใหญ่หันมามองรัชชานนท์ถึงเวลาที่ลูกผู้ชายต้องเปิดอกคุยกัน!

จันทาอยู่บนเรือนแม่เฒ่า นั่งอยู่ชานเรือนมองไปที่พระจันทร์บนท้องฟ้า เธอดึงสร้อยจี้พระจันทร์ที่ใส่อยู่ออกมาดู นึกถึงคำพูดของแม่เฒ่า

“เจ้าต้องเก็บสร้อยเส้นนี้ไว้ แล้วสร้อยเส้นนี้จะพาเจ้ากลับไปที่ที่เจ้ามา พ่อที่เลี้ยงเจ้ามายังตั้งชื่อเจ้าว่า จันทา กะเพราะสร้อยพระจันทร์เส้นนี้ มื้อนี้เจ้ายังบ่ยอมรับ แต่มื้อหน้าเจ้าจะยอมรับเองว่า เจ้าเป็นคนเวียงภูคำ”
“บ่...ข้อยบ่ใช่เป็นคนเวียงภูคำ บ่ใช่อีหลี มื้ออื่นข้อยสิไปจากที่นี่แล้ว”
จ่อยเดินเร็วๆ เข้ามาในเวลาเดียวกับที่จันทาลังเลไม่กล้าถอดออก ได้แต่ยัดกลับใส่ใต้เสื้อไป จ่อยส่งเสียงดัง
“แม่เฒ่าๆ !”
จ่อยชะงักกึกเมื่อเห็นจันทา
“ขอโทษทีเด้อ ข้อยบ่ทันเห็นเจ้า ข้อยเฮ็ดให้เจ้าตกใจบ่”
“มีอะหยังจ๊ะ อ้าย” จันทาถาม
“อีสร้อยมาที่นี่บ่ ข้อยตามหามันทั่วหมู่บ้านแล้ว หาจังได๋กะบ่เจอ”
“ข้อยบ่เห็นเพิ่นเลย แล้วเจ้าไปหาที่เฮือนคุณชายบ่”
“ไปเบิ่งมาแล้ว บักคุณชายกะบ่ฮู้ไปไส บ่ฮู้เป็นหยัง อีสร้อยหายไปทีไร กลับมากับบักคุณชายทุกที”
จันทานิ่งอึ้งรู้สึกเรื่องสร้อยกับรัชชานนท์สะกิดใจอีกแล้ว แม่เฒ่าเดินเข้ามาเงียบๆ
“บ่ต้องเป็นห่วงดอก อีสร้อยอยู่ที่เฮือนแล้ว เจ้าอยากไปหา กะฟ่าวไป แล้วฝากบอกพ่อใหญ่ด้วยว่า ไผกะฝืนชะตาฟ้าลิขิตบ่ได้”
“แม่เฒ่าเว้าฟังยากอีกแล้ว ไว้แม่เฒ่าบอกพ่อใหญ่เองเถอะ ข้อยฟ่าวไปหาอีสร้อยล่ะ ไปล่ะนะ จันทา”
จ่อยรีบผละออกไปทันที จันทาหันไปมองแม่เฒ่า
“แล้วชะตาของข้อยล่ะ แม่เฒ่า ฟ้าลิขิตไว้ว่าจังได๋”
“มื้ออื่นเจ้าสิฮู้เอง”
จันทามองแม่เฒ่าอย่างไม่เข้าใจ ไม่ได้ทำให้รู้สึกมั่นใจในอนาคตได้เลย

รัชชานนท์นิ่งคิดอย่างหนักเรื่องที่ต้องแต่งงานกับสร้อย พ่อใหญ่มองคุณชายอย่างประเมินและคิดหนักไม่แพ้กัน
รัชชานนท์ตัดสินใจได้
“พ่อใหญ่ครับ ! ผมยินดีรับผิดชอบสร้อยฟ้าครับ”
“คุณชายคิดให้ดีๆ ก่อนที่จะตัดสินใจอะไรลงไป คุณชายอาจจะคิดว่า แค่รับสาวบ้านป่าไปเลี้ยงคนนึง คงไม่ใช่เรื่องอะไรนักหนา”
“ผมไม่เคยคิดอย่างนั้นครับ ถ้าหากต้องแต่งงานกับสร้อยฟ้า ผมยินดีแต่งงานอย่างถูกต้องตามประเพณีทุกอย่าง”
“คุณชายไม่รู้หรอกว่า คุณชายกำลังเอาชีวิตเข้ามาเสี่ยงกับอะไร คุณชายจะต้องเจออะไรบ้าง ถ้าหากแต่งงานกับเจ้าสร้อย”
“พ่อใหญ่ก็ตัดสินใจให้ผมพาสร้อยฟ้าไปจากที่นี่แล้วไม่ใช่หรือครับ ผมจะต้องไปเสี่ยงชีวิตได้ยังไง นอกจากว่าพ่อใหญ่มีแผนการอะไรต่อจากนี้ พ่อใหญ่คิดจะบุกเวียงภูคำเมื่อไหร่หรือครับ”
พ่อใหญ่นิ่งอึ้งไป หาทางหลีกเลี่ยงการตอบคำถามนี้ของรัชชานนท์
“หมู่บ้านวลาหกไม่ใช่หมู่บ้านลี้ภัยของชาวเวียงภูคำเท่านั้น แต่ยังเป็นกองกำลังกู้ชาติที่กำลังรอวันที่จะกลับไปกอบกู้แผ่นดินคืนให้เจ้าหลวง ผมไม่รู้หรอกนะครับ พ่อใหญ่เคยมีตำแหน่งอะไรที่เวียงภูคำ แต่ที่แน่ๆไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาๆแน่ ถึงได้เป็นผู้นำกองกำลังที่สำคัญมากจนนายพลเซกองต้องส่งทหารมาตามล่าไม่ได้หยุด”
“ผมเป็นแค่ผู้นำของชาวเวียงภูคำกลุ่มเล็กๆที่อยากกลับแผ่นดินเกิดเท่านั้น แต่ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่กับผม ทุกคนมีค่าหัวทั้งนั้น คุณอยู่กับเจ้าสร้อย ก็เท่ากับคุณตกอยู่ในอันตราย อย่างนี้แล้วคุณยังคิดจะรับผิดชอบเจ้าสร้อยอีกหรือ คุณชายรัชชานนท์”
พ่อใหญ่จ้องมองรัชชานนท์รอดูผลว่าจะกล้าหาญแค่ไหน

บริเวณหน้าเรือนพ่อใหญ่ สร้อยเดินพล่านเป็นหนูติดจั่นอย่างว้าวุ่นสับสนใจ ไกสอนกับแฮรี่ถกเถียงกันด้วยความเห็นไม่ตรงกันเสียเลย
“คุณกะคึดง่ายไปแล้ว ถึงอีสร้อยแต่งงานกับคุณชาย กะบ่หมายความปัญหาทุกอย่างสิจบสิ้น คุณอย่าลืมซิว่า อีสร้อยเป็นลูกสาวไผ”
“พ่อใหญ่ก็ตั้งใจให้เจ้าสร้อยไปจากที่นี่กับคุณชายตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าเจ้าสร้อยไปกับคุณชายในฐานะเมีย เจ้าสร้อยก็จะอยู่อย่างปลอดภัยมากขึ้น”
“แล้วคุณคึดถึงอนาคตของอีสร้อยบ่ ถ้าเจ้าหลวงกลับคืนไปครองบัลลังก์เวียงภูคำได้มื้อใด๋ อีสร้อยกะต้องกลับไปด้วย”
“แล้วเมื่อไหร่จะถึงวันนั้นก็ไม่รู้ อีกสิบปีหรือยี่สิบปี นี่ยังไงโชคชะตาถึงได้พาคุณชายรัชชานนท์มาที่นี่ คุณชายคนนี้แหละที่เป็นทางออกของเรา”
“บ่ ! คุณชายผู้นี้บ่ใช่ทางออก แต่เป็นตัวปัญหา มงกุฎแห่งเทพอะหยังกัน ตั้งแต่เพิ่นฮอดหมู่บ้านเฮา กะมีเฮื่องได้ทุกมื้อ”
จ่อยวิ่งเข้ามา พอได้เจอตัวสร้อยแล้วก็ดีใจ แต่ต้องหยุดชะงักหน้าเหวอ...
“บ่ต้องเถียงกัน จังได๋ข้อยกะบ่แต่ง”
“เจ้าว่าจังได๋ ไผสิแต่งงาน”
“เฮื่องสำคัญจังซี้ เจ้าตัดสินใจเองบ่ได้ดอก”
“คนที่ตัดสินใจเรื่องนี้ได้ คือ พ่อใหญ่คนเดียวเท่านั้น”
จ่อยพูดอย่างร้อนรน
“ไผกะได้บอกข้อยมา ไผสิแต่งงาน อีสร้อย ! บ่ใช่เจ้าบ่ เจ้าสิแต่งงานกับไผ เกิดอะหยังขึ้น”

สร้อยนิ่งคิดหน้าเครียดไม่สนใจฟังอะไรใครทั้งนั้น

อ่านต่อหน้า 3

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 5 (ต่อ)

รัชชานนท์ยืนประจันหน้ากับพ่อใหญ่อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ไหนๆก็ไหนๆแล้วลุยกันต่อไป

“ผมยังยืนยันคำเดิมครับ พ่อใหญ่ ผมขอรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำลงไป แล้วไม่ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะต้องเสี่ยงอันตรายแค่ไหน ผมก็จะยืนอยู่เคียงข้างสร้อยฟ้า ผมพูดอะไรแล้วไม่เคยคืนคำ !”
“คุณรักลูกสาวผมงั้นหรือ”
รัชชานนท์นิ่งอึ้ง
“ผมไม่รู้ครับ ตอนนี้ผมยังตอบคำถามนี้ไม่ได้ ผมรู้แต่ว่า ตอนนี้สร้อยฟ้าเป็นเพื่อนตายของผม”
“แค่นั้นยังไม่พอ ผมจะให้ลูกสาวไปอยู่กับผู้ชายที่ต้องแต่งงานด้วยเพียงเพราะความรับผิดชอบได้ยังไง”
“พ่อใหญ่เปิดทางให้ผมเดินออกไปจากห้องนี้ได้ทุกเมื่อ แต่พ่อใหญ่ก็เห็นแล้วว่า ผมยังยืนอยู่ตรงนี้และรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ผู้ชายอย่างผมไม่มีวันพร้อมจะแต่งงานกับใครหรอกครับ แต่ผมพร้อมที่จะดูแลปกป้องลูกสาวของพ่อใหญ่”
พ่อใหญ่นิ่งอึ้งคิดอย่างหนักอีกครั้ง เห็นความตรงไปตรงมาของรัชชานนท์
“...ดูแลปกป้องด้วยชีวิตของผมเอง !”
รัชชานนท์จ้องมองพ่อใหญ่นิ่งอย่างให้คำมั่น

สร้อยเดินพล่านจนเหนื่อย และต้องนั่งลงถอนใจเฮือกๆอย่างไม่รู้อนาคต จ่อยเดินวนเวียนๆรอบๆ สร้อยอย่างหงุดหงิดโมโห
“เกิดเฮื่องจังซี้ได้จังได๋ ! อีสร้อย”
“บ่ฮู้ ! ข้อยบ่ฮู้ว่า เป็นหยังต้องเกิดเฮื่องนี้กับข้อย เจ้าคึดว่า ข้อยบ่กลุ้มใจบ่ ข้อยสิบ้าตายแล้ว บ่ฮู้ว่า พ่อใหญ่ตัดสินใจจังได๋”
“เจ้ากับบักคุณชายบ่มีอะหยังกันใช่บ่”
“บ่ ! บ่มี ถามอะหยังบ้าๆ เดี๋ยวข้อยสิเอากำปั้นยัดปาก”
“ถ้าจังสั้นกะซำบายใจได้ เจ้าเป็นลูกสาวพ่อใหญ่ เป็นชาวเวียงภูคำ จังได๋กะแต่งงานกับคนเมืองบ่ได้ ! ป่านนี้พ่อใหญ่คือสิกระทืบบักคุณชายอยู่ โทษฐานมาแตะต้องตัวเจ้า มื้อนี้มันได้ตายอีหลี เดี๋ยวข้อยหามศพมันไปทิ้งให้เอง”
พ่อใหญ่เดินออกมาที่หน้าชานเรือน ไกสอนกับแฮรี่ที่เฝ้ารออยู่รีบลุกขึ้นยืน สร้อยกับจ่อยที่อยู่หน้าเรือนพากันวิ่งขึ้นบันไดมา
“เห็นบ่ ! บักคุณชายบ่ได้ออกมาด้วย มันนอนเป็นศพไปแล้ว”
รัชชานนท์เดินตามหลังพ่อใหญ่ออกมา ทั้งสร้อยกับจ่อยต่างหยุดชะงักมอง
พ่อใหญ่บอกกับไกสอน
“ไปตามแม่เฒ่ามา”
สร้อยก้าวพรวดพราดขึ้นไปหยุดที่ตรงหน้าพ่อใหญ่
“ไปตามแม่เฒ่ามาเฮ็ดหยัง”
“พ่อสิปรึกษาเฮื่องงานแต่งงานของเจ้า”
“พ่อใหญ่ !”
สร้อยผงะถอยหนีเตรียมตัวเผ่น พ่อใหญ่จ้องมองสร้อยนิ่งจนสร้อยชะงัก ก้าวขาไม่ออก
สร้อยหันไปมองรัชชานนท์อย่างตกใจ ไม่นึกว่าจะต้องแต่งงานกันจริงๆ

บริเวณทางไปเรือนตาจั่น รัชชานนท์เดินตามหลังจ่อยมาอย่างช้าๆ ด้วยยังมึนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น รัชชานนท์ไม่ได้สังเกตจ่อยที่มีสีหน้าทะมึน ก้าวพรวดๆเดินไปอย่างไม่รอ
“บักจ่อยๆ ส่งฉันแค่นี้ก็พอ เดี๋ยวฉันกลับเองได้ ขอบใจนะที่มาส่ง งานแต่งงานพรุ่งนี้ฉันต้องทำอะไรบ้าง ก็ช่วยแนะนำด้วย”
จ่อยหันขวับกลับมาอย่างเร็วฃ ชกหน้ารัชชานนท์เต็มแรงโดยไม่ให้ตั้งตัว
“นี่ไงคำแนะนำของข้อย ! บักห่าเอ๊ย กล้าดีจังได๋ ถึงได้ล่วงเกินอีสร้อย พ่อใหญ่บ่เฮ็ดหยังเจ้า ข้อยสิเฮ็ดเอง”
จ่อยพุ่งพรวดเข้าไปกระชากคอเสื้อรัชชานนท์
“ฉันไม่ขอแก้ตัวอะไรทั้งนั้น อยากทำอะไร ก็เชิญเลย”
จ่อยเงื้อหมัดจะชกรัชชานนท์อีก แต่ทับทิมเข้ามาจับมือจ่อยไว้ได้ก่อน ทับทิมดึงจ่อยให้ออกมา
ทับทิมบอกกับรัชชานนท์
“กลับเฮือนไปซะ”
รัชชานนท์ยอมเดินออกไปเพราะไม่อยากมีเรื่องอีก จ่อยดิ้นรนจะตามไปเล่นงานอีก
“เฮ้ย ! ปล่อยๆ ไอ้ทับทิม ปล่อยกู”
ทับทิมรอจนรัชชานนท์เดินหายออกไปแล้วค่อยปล่อยมือจากจ่อย
“ไอ้ทับทิม ห้ามกูเฮ็ดหยัง ! มึงอยากเจ็บตัวแทนมันใช่บ่”
จ่อยโกรธแค้นหงุดหงิดโมโห พอทับทิมยอมปล่อยมือก็หันมาเงื้อหมัดจะชกระบายอารมณ์ แต่ทับทิมชกพรวดสวนทางไปก่อน จ่อยหน้าหงายเซไปหลายก้าว
“เจ้าอาละวาดเป็นหมาบ้าจังได๋กะเปลี่ยนใจพ่อใหญ่บ่ได้ เลิกคึดเฮื่องอีสร้อยได้แล้ว ฮู้บ้างว่า เจ้ามีหน้าที่อะหยัง อย่าเฮ็ดโตเสียชาติเกิด !”
ทับทิมเดินออกไป ทิ้งให้จ่อยทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง

พ่อใหญ่นั่งนิ่งมือแตะอยู่บนหีบเล็กบนโต๊ะ นิ่งคิดเรื่องลูกสาว สร้อยคลานเข้ามากอดเอวพ่อใหญ่ไว้ไม่กล้าอาละวาดอะไรอีก
“พ่อใหญ่...ข้อยบ่อยากไปจากพ่อใหญ่”
สร้อยมองพ่อใหญ่อย่างตัดพ้อ พลางเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด
“พ่อกะย่านบ่ได้เห็นหน้าเจ้าอีก เจ้าสร้อย พ่อเสียแม่ของเจ้าไปแล้ว เจ้าคึดหรือว่า พ่ออยากเสียเจ้าไปอีกคน แต่เทื้อนี้พ่อต้องให้เจ้าไป”
“แต่ข้อยบ่อยากแต่งงาน”
“เฮื่องบางเฮื่องกะเหมือนฟ้าเบื้องบนได้กำหนดลงมาแล้ว พ่อพยายามแล้ว แต่พ่อคงฝืนชะตาฟ้าลิขิตบ่ได้ ในเมื่อพ่อต้องเสียแก้วตาไป กะขอเสียไปให้กับผู้ที่พ่อฝากชีวิตเจ้าได้”
“แต่ชีวิตพ่อใหญ่ล่ะ สิฝากไว้กับไผ เป็นหน้าที่ของข้อยที่ต้องดูแลพ่อใหญ่ ข้อยสาบานไว้แล้ว ข้อยสิพาพ่อใหญ่กลับเวียงภูคำเอง”
“ถ้าเจ้าอยากพาพ่อกลับเวียงภูคำ เจ้ากะต้องแต่งงานกับคุณชายรัชชานนท์”
สร้อยนิ่งอึ้งงงจนต้องหยุดฟังอย่างตั้งใจ
“ก่อนหน้านี้ที่พ่อขอร้องให้คุณชายพาเจ้าไปอยู่กรุงเทพฯ นอกจากพ่ออยากให้เจ้าไปอยู่ในที่ปลอดภัยก่อน พ่อยังมีภาระหน้าที่มอบให้เจ้าเฮ็ด พ่อสิให้เจ้าไปตามหาเจ้ารังสิมันตุ์..เจ้ารัชทายาทของเฮา”
พ่อใหญ่เปิดหีบเล็กออกแล้วหยิบแหวนเจ้าหลวงออกมาส่งให้สร้อย
“เจ้าเคยถามว่า เจ้าเป็นแก้วตา แล้วไผคือดวงใจของพ่อ เจ้ารังสิมันต์นี่แหละเป็นดวงใจของพ่อ เป็นดวงใจของชาวเวียงภูคำทั้งแผ่นดิน! เจ้าสิ ต้องตามหาเพิ่นให้เจอ”

สร้อยมองแหวนเจ้าหลวงในมืออย่างงงงัน

ด้านรัชชานนท์ผุดนั่งผุดนอนอยู่บนฟูกภายในเรือนตาจั่น อย่างคนนอนไม่หลับ เขาลุกขึ้นไปหยิบปืนออกมาตรวจเช็ดความสะอาด ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี

“เราต้องแต่งงานจริงๆ หรือวะ”
รัชชานนท์วางปืนลง คว้ากล้องถ่ายรูปมาเช็ดทำความสะอาด หาอะไรทำดับความว้าวุ่นใจ

เรือนพ่อใหญ่ สร้อยยังคงจ้องมองแหวนเจ้าหลวงในมืออย่างไม่เข้าใจ สร้อยเงยหน้ามองพ่อใหญ่ที่ควบคุมอารมณ์และเก็บความลับได้อย่างแนบเนียน
“นี่แหวนอะหยัง”
“แหวนของเจ้าหลวงสุริยวงศ์”
“แหวนของเจ้าหลวง... แล้วเป็นหยังถึงมาอยู่ที่พ่อใหญ่ได้”
“เฮื่องนี้เจ้าบ่ต้องฮู้ดอก เจ้ารังสิมันตุ์กะมีแหวนแบบนี้อยู่ เจ้าใช้แหวนนี้เป็นเบาะแสในการเริ่มต้นตามหาเจ้ารัชทายาท”
“แล้วเจ้าส่องดาว...พระชายาของเจ้าหลวงล่ะ พ่อใหญ่บ่คึดสิตามหาบ่”
พ่อใหญ่นิ่งอึ้ง
“เจ้าส่องดาว...คงบ่มีชีวิตอยู่แล้ว พ่อเชื่อว่า ถ้าเพิ่นยังอยู่ บ่ว่ายากเย็นแสนเข็ญจังได๋ เพิ่นต้องหาทางส่งข่าวให้พวกเฮาฮู้ บ่ใช่เงียบหายไปเป็นสิบปีจังซี้”
“แล้วเป็นหยังพ่อใหญ่ถึงมั่นใจว่า เจ้ารัชทายาทยังบ่ตายล่ะ”
“เจ้าส่องดาวสัญญาไว้...ถึงต้องตาย กะสิปกป้องรักษาชีวิตเจ้ารัชทายาทไว้ให้ได้ พ่อเชื่อในคำสัญญาของเพิ่น พ่อเองกะสัญญากับแม่เจ้าไว้คือกัน พ่อสิปกป้องเจ้าจนถึงลมหายใจสุดท้าย”
“แล้วข้อยสิไปตามหาเจ้ารัชทายาทที่ไส”
“ตอนที่พวกเฮาหนีข้ามมาฝั่งไทยได้ พ่อได้ข่าวว่า เจ้าส่องดาวพาเจ้ารังสิมันตุ์หนีเข้าตัวเมืองไป พ่อให้คนไปตามหาอยู่นานแต่กะบ่เจอ พ่อคาดว่า เจ้าส่องดาวคงสิหนีไปกรุงเทพฯแล้ว”
“หนีไปกรุงเทพฯ เป็นหยังเพิ่นถึงหนีไปไกลโพดจังสั้น”
“เพิ่นต้องหาที่หลบซ่อนที่ปลอดภัยที่สุดให้ลูก เมื่อตอนเด็กเจ้าส่องดาวเคยอยู่กรุงเทพฯหลายปี เพิ่นคงขอความช่วยเหลือจากคนฮู้จักบ่ยากนัก ถ้าเจ้าสืบหาได้ว่า เจ้าส่องดาวไปขอความช่วยเหลือจากไผ แล้วเจ้ากะเจอเจ้ารังสิมันตุ์เอง”
“เป็นหยังพ่อถึงฮู้เฮื่องเจ้าส่องดาวหลาย”
พ่อใหญ่ลี่ยงตัดบทไป
“เจ้าฮู้แล้วบ่ ว่าเป็นหยังเจ้าถึงต้องแต่งงานกับคุณชายรัชชานนท์ ! เป็นหยังพ่อถึงส่งเจ้าไปกรุงเทพฯ”
สร้อยก้มลงมองแหวนเจ้าหลวงในมืออย่างรู้สึกหนักอึ้งในภาระหน้าที่

ผ่านเวลาซักครู่ สร้อยเดินออกมาที่ชานเรือนอย่างคิดหนัก เธอมองแหวนเจ้าหลวงที่อยู่ในมือ
“ไปกรุงเทพฯ แต่งงาน เฮาต้องแต่งงาน แต่งงานกับบักคุณชาย”
สร้อยเดินไปเดินมา แล้วหยุดมองไปที่ป่าในความมืดที่อยู่ไกลๆ พลางคิดถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคุณชายรัชชานนท์ …
สร้อยหยุดยืนนิ่งอย่างคนตัดสินใจได้แล้ว

บนเรือนตาจั่น รัชชานนท์ยังคงเช็ดทำความสะอาดปืนไปด้วยท่าทางแข็งขันเกินเหตุ แล้วชะงักหันไปมองที่ฟูกนอนที่สร้อยเคยแอบเข้ามาหลบอยู่ใต้ผ้าห่ม ซึ่งเป็นต้นเหตุของเรื่องปวดหัวที่เกิดขึ้น
… สร้อยกอดผ้าห่มร้องไห้อย่างน่าสงสาร รัชชานนท์ดึงสร้อยมากอด...
รัชชานนท์เก็บปืนใส่ซองและวางปืนลง ไม่คิดอะไรอีกต่อไปแล้ว
“แต่งก็แต่ง เอาไงเอากัน”
รัชชานนท์นิ่งคิดตัดสินใจแล้ว ยังไงก็ต้องเดินหน้าต่อไป

เช้าวันใหม่ที่เรือนหม่อมเอียด ซึ่งมีรูปถ่ายของคุณชายจุฑาเทพทั้งห้าที่ติดฝาผนัง หม่อมเอียดเดินเข้ามาหยุดมองดูรูปถ่ายของหลานๆทั้งห้าอย่างคิดถึงและเป็นห่วง
“เมื่อไหร่จะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาซักทีนะ”
ย่าอ่อนเดินยิ้มหน้าตาเบิกบานเข้ามาหา
“อีกไม่นานหรอกค่ะ คุณพี่ อีกไม่นานหลานๆก็จะกลับมาแล้ว”
“ชายใหญ่ส่งข่าวมาแล้วงั้นหรือ แม่อ่อน”
“ยังค่ะ แต่เมื่อคืนน้องฝันดีค่ะ ฝันว่ามีคนเอาแหวนทองมาให้ชายเล็ก แสดงว่า ชายเล็กกำลังหมดทุกข์หมดโศก นั่นก็หมายความว่า คนของเราต้องตามหาชายเล็กเจอแน่ๆ”
“ถ้าเชื่ออย่างนั้นแล้วสบายใจ ก็เชื่อไป แต่ตอนนี้ฉันขอรอฟังความจริงดีกว่า แล้วฝันอะไรได้เป็นตุเป็นตะอย่างนั้น แล้วความฝันของเธอนี่เป็นตัวกำหนดบอกอนาคตของคนอื่นได้ด้วยงั้นหรือ”
“อุ๊ย คุณพี่ก็..น้องฝันอะไรแล้ว ไม่เคยพลาดนะคะ ตอนที่ใครๆคิดว่า ชายเล็กจะเป็นหลานคนสุดท้ายของจุฑาเทพ น้องก็ฝันว่า มีคนเอาแหวนเพชรมาให้คุณพี่ ยังไงๆคุณพี่ก็ต้องได้หลานอีกคน แล้วเป็นยังไงคะ อีกไม่กี่ปีชายพีร์ก็เกิดตามมา คราวนี้น้องก็คงฝันไม่ผิดเหมือนกันค่ะ”
“ก็ขอให้เป็นจริงอย่างที่เธอพูดก็แล้วกัน”
“แล้วคุณพี่รู้มั้ยคะ ฝันว่าได้แหวนเพชรแหวนทองนี่ ตีความว่าได้เจอเนื้อคู่ด้วยนะคะ นี่ก็แสดงว่า ชายเล็กได้เจอหนูนุชแล้วแน่ๆ เรากำลังจะได้หลานสะใภ้คนใหม่แล้วค่ะ คุณพี่”
หม่อมเอียดมองน้องสาวอย่างไม่เชื่อ แต่ก็ขี้เกียจขัดคอ

เรือนตาจั่นในตอนเช้า รัชชานนท์นอนหลับอยู่ที่ฟูกที่นอนค่อยๆขยับตัวตื่นขึ้น ลืมตาโพลงมองเพดานคิดเรื่องแต่งงาน
“เรื่องจริงหรือฝันไปวะ”
“เจ้าบ่ได้ฝัน !”
รัชชานนท์มองไปที่ปลายเท้าต้องสะดุ้งที่เห็นสร้อยนั่งรออยู่แล้วอย่างเงียบเชียบ
“สร้อยฟ้า”
รัชชานนท์รีบลุกขึ้นนั่งทันที
“ถ้าเจ้าคึดถึงเฮื่องมื้อคืน มันเป็นเฮื่องจริง บ่ใช่ความฝัน เจ้าต้องแต่งงานกับข้อยมื้อนี้”
“ฉันยังไม่ได้ขอโทษเธอเลย ฉันขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ ที่ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าเธอไม่อยากแต่งงานกับฉันจริงๆล่ะก็...เรามาหาทางออกกัน”
“บ่เป็นหยัง ข้อยสิแต่งงานกับเจ้า”
รัชชานนท์ขยับพรวดพราดไปถึงตัวสร้อยอย่างประหลาดใจ
“ว่ายังไงนะ เธอยอมแต่งงานกับฉันจริงๆเหรอ ตอนแรกที่พ่อใหญ่จะให้ฉันพาเธอออกไปจากที่นี่ ยังอาละวาดหมู่บ้านแทบแตก นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“ข้อยสิแต่งงานกับเจ้า แต่ข้อยบ่ยอมเป็นเมียเจ้า เข้าใจบ่”
“เข้าใจ... ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะฉันไม่เคยเห็นเธอเป็นผู้หญิงอยู่แล้ว เราเคยอยู่ด้วยกันทั้งคืน ยังไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย ถ้าไม่เชื่อ พิสูจน์ตอนนี้ก็ยังได้นะ”
รัชชานนท์ขยับไปแกล้งโอบไหล่สร้อยไว้หลวมๆ สร้อยถองศอกเข้าให้อย่างแรงแล้วผลักรัชชานนท์จนหงายหลังไป
“อยากตายบ่ ! ข้อยบ่ยอมเป็นเมียเจ้า แล้วกะบ่ยอมให้เจ้ามาถูกตัวข้อยด้วย ! ข้อยตามหาเจ้ารัชทายาทเจอมื้อใด๋ ข้อยกะจะกลับมาหาพ่อใหญ่ เข้าใจทุกอย่างแล้วใช่บ่”
สร้อยลุกขึ้นเดินออกไป รัชชานนท์ประคองร่างขึ้นมาใหม่ได้รีบตามไปดึงมือสร้อยไว้
“เดี๋ยวๆ เรื่องแต่งงานแต่ในนามนี่เข้าใจ เรื่องตามหาเจ้ารัชทายาทนี่มันอะไรกัน”

สร้อยจ้องมองรัชชานนท์อย่างรำคาญใจ ทำไม เข้าใจอะไรยากจริงๆ

รัชชานนท์อยู่หลังเรือนตาจั่น ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว หันหน้ามาหาสร้อยจะคุยต่อ

“ถ้าหากเธอมีเงื่อนไขมาอย่างนี้ ฉันก็มีเงื่อนไขของฉันเหมือนกัน”
สร้อยขว้างผ้าขาวม้าโปะหน้ารัชชานนท์พอดิบพอดี เขาตะครุบผ้าไว้ทัน
“เงื่อนไขอะหยัง”
รัชชานนท์ใช้ผ้าขาวม้าเช็ดหน้าไป แล้วมองหน้าสร้อยอย่างเข็ดเขี้ยว อยากจับตีก้นนัก
“เงื่อนไขของฉันก็คือ เธอจะต้องยอมเป็นเมียฉัน”
“บักคุณชายนี่” สร้อยฉุน
“ฟังก่อนซิ ฟัง ฉันหมายความว่า ถึงเราจะไม่ได้เป็นผัวเมียกันจริงๆ แต่เธอก็ต้องแสดงตัวเป็นเมียฉันต่อไป ตอนนี้หม่อมย่าของฉันพยายามที่จะจับฉันแต่งงาน ถ้าท่านรู้ว่าฉันมามีเมียที่นี่เสียแล้ว จะได้เลิกยุ่งกับฉันอีก”
“กะได้ ! แล้วข้อยต้องเป็นเมียเจ้านานปานใด๋ล่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“บ่ฮู้ได้จังได๋ ! จังซี้ข้อยบ่ต้องเป็นเมียเจ้าไปจนตายเรอะ บ่ฮู้ล่ะ ถ้าข้อยตามหาเจ้ารัชทายาทมื้อใด๋ เฮากะเลิกเป็นผัวเป็นเมียกัน”
“เฮอะ ! พูดหยั่งกับว่า ตามหาเจอได้ง่ายๆงั้นแหละ พ่อใหญ่ตามหามาสิบกว่าปีแล้ว ยังตามหาไม่เจอเลย แล้วเธอจะเจอเร้อ”
“จังได๋ข้อยกะต้องตามหาเจ้ารัชทายาทให้เจอ แล้วเจ้ากะต้องช่วยข้อย”
“ก็ได้ เป็นอันตกลงตามนี้ ฉันจะช่วยเธอตามหาเจ้ารัชทายาท ส่วนเธอก็ต้องทำให้หม่อมย่ายอมรับเป็นหลานสะใภ้ให้ได้”
“บ่ยาก ! ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านนี้เอ็นดูข้อยทุกคน ไผที่ได้ฮู้จักข้อย บ่มีไผดอกที่บ่ฮักข้อย”
รัชชานนท์แกล้งเข้าชิดจ้องใกล้ๆหน้ามอมๆของสร้อยอย่างพิจารณา
“สงสัยจะมีฉันนี่แหละเป็นคนแรก ตั้งแต่รู้จักเธอ ก็มีแต่เรื่องให้ต้องเจ็บตัว คงจะรักไม่ลงหรอก แต่ไม่แน่นะ ถ้าคืนนี้เราได้เข้าห้องเข้าหอกัน เธออาจจะทำให้ฉันเปลี่ยนใจก็ได้”
สร้อยสวนหมัดใส่กะจะเสยคางเข้าให้ แต่รัชชานนท์คว้าหมับจับมือไว้ทัน ยิ้มกริ่มกวนใส่ เธอกระชากมือออกแต่เขายังจับมือไว้อยู่ สร้อยเตะหน้าแข้งเขาอย่างเต็มแรง
รัชชานนท์ต้องปล่อยมือจากสร้อยทันที
“โอ๊ย !”
“ข้อยกะฮักเจ้าบ่ลงคือกัน”
สร้อยเดินดุ่มๆ หัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไป ส่วนรัชชานนท์กระโดดเหยงๆไป

บนเรือน แม่เฒ่ากำลังวุ่นวายกับการจัดเตรียมพานบายศรีสำหรับงานแต่งงานอยู่ กลุ่มแม่บ้านยกตะกร้าดอกไม้ป่า ถาดข้าวของเดินเข้าออกกันวุ่นวาย
จันทาเดินออกมาจากในเรือนมองความวุ่นวายตรงหน้าอย่างแปลกใจ เธอตรงไปหาแม่เฒ่าช่วยหยิบจับตกแต่งพานบายศรี
“มื้อนี้ไผจัดงานบายศรีผูกข้อมืออีกหรือ แม่เฒ่า”
แม่เฒ่ามองหน้าจันทานิ่งจนจันทารู้สึกเอะใจ
“มีอะหยังจ๊ะ”
“จันทาเอ๊ย เจ้าต้องคึดเสียว่า เจ้าบ่ได้เฮ็ดบุญร่วมกันมา เพิ่นบ่ได้เป็นเนื้อคู่ของเจ้า แต่บ่ต้องย่านไป เจ้าบ่ได้เกิดมาเพื่ออยู่ตัวคนเดียว สิมีผู้มีวาสนามาอุปถัมภ์ค้ำชูเจ้า..อีกบ่โดนดอก อีกบ่โดน”
“บอกข้อยมา มื้อนี้มีงานอะหยัง”
จันทามองแม่เฒ่าอย่างคาดคั้นเอาคำตอบด้วยความสังหรณ์ใจ

เวลาต่อเนื่องมา จันทาเดินใจลอยผ่านแปลงผักหรือทุ่งนาในหมู่บ้าน กลุ่มชาวบ้านหอบตะกร้าดอกไม้ป่าเดินสวนทางไปกลุ่มใหญ่ เธอหยุดมองกลุ่มชาวบ้านที่เดินกันเป็นครอบครัวก็ยิ่งรู้สึกอ้างว้างขึ้น
รัชชานนท์เดินตามหาจันทามาตลอดทาง และดีใจที่หาจนเจอ
“จันทา”
จันทาหันไปมองรัชชานนท์ที่วิ่งมาหาอย่างปกติธรรมดา ไม่ได้รู้สึกผิดแต่อย่างไร
“ฉันเพิ่งไปหาเธอที่เรือนแม่เฒ่ามา แม่เฒ่าบอกว่า เธอน่าจะมาเดินแถวนี้ ดีที่คราวนี้ไม่บอกให้ฉันเดินตามหาเอาเองอีก เออ..คือ..เราต้องเลื่อนการเดินทางออกไปก่อน คือว่าวันนี้...” คุณชายรัชชานนท์กระดากปากที่จะพูด
“วันนี้คุณชายจะต้องเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าสร้อย”
รัชชานนท์พูดพร่ำไปอย่างผู้ชายที่ตื่นเต้นกำลังจะแต่งงานในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด
“แม่เฒ่าคงบอกเธอแล้วซินะ คนทั้งหมู่บ้านตื่นเต้นวุ่นวายกันยกใหญ่ ฉันเองก็ทำอะไรไม่ถูกเลย แฮรี่บอกให้อยู่เฉยๆ เดี๋ยวจะจัดการทุกอย่างให้เอง ฉันรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ พี่ชายฉันแต่งงานไปสองคนแล้ว ฉันก็พอรู้อยู่บ้างเหมือนกันว่า ฝ่ายชายจะต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง”
“แล้วจันทาล่ะ ที่คุณชายเคยบอกว่าจะรับผิดชอบจันทา”
“ถึงฉันจะแต่งงาน ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม ฉันจะเป็นคนดูแลจันทาแทนพรานเจ้ยเอง”
“นี่หมายความว่ายังไง คุณชายยังคิดจะพาจันทาไปอยู่ด้วยเหรอ แล้วจะให้จันทาไปอยู่กับคุณชายในฐานะอะไร เมียน้อยงั้นหรือ”
“เฮ้ย ! เมียน้อยอะไร จันทาเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”

จันทายืนมองรัชชานนท์นิ่ง อึ้งตะลึงแล้วเดินหนีออกไป รัชชชานนท์ยืนงงงันอยู่

จันทาเดินหนีมาอีกทางหนึ่งอย่างคนไม่อยากฟังความจริง รัชชานนท์รีบเร่งตามเธอมา

“จันทา ! เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งเดินหนี”
จันทาไม่ฟังรีบเดินต่อไป เขาดึงแขนเธอไว้ไม่ให้ไป
“เราควรจะพูดกันให้รู้เรื่องก่อน ที่ฉันจะพาจันทาไปอยู่ด้วย ไม่ได้หมายความว่า ฉันคิดอะไรกับจันทานะ”
“แล้วที่คุณชายบอกว่าจะรับผิดชอบจันทา จะดูแลคุ้มครอง แล้วก็ยังเคยบอกว่า จะจัดการเรื่องของจันทาให้ถูกต้อง มันหมายความว่าอะไร ถ้าไม่ได้หมายความว่า คุณชายจะรับจันทาไปเป็นเมีย !”
คุณชายรัชชานนท์นิ่งอึ้งเหมือนถูกทุบหัว
“ฉันขอโทษ...ฉันขอโทษที่ทำให้จันทาเข้าใจผิด ฉันไม่เคยคิดเกินเลยกับจันทาจริงๆ ฉันตั้งใจจะดูแลจันทาเหมือนน้องสาวของฉันคนนึง ฉันคิดถึงขนาดว่า จะรับจันทาเป็นน้องบุญธรรมให้เป็นเรื่องเป็นราว”
จันทารับความจริงอย่างเจ็บปวด พยายามกลั้นน้ำตาไว้แต่ก็กลั้นไม่ได้
“จันทาเข้าใจแล้ว คุณชายไปเถอะจ้ะ เดี๋ยวจะไปเข้าพิธีไม่ทัน”
“จันทา”
“ไม่ต้องขอโทษอีก จันทาผิดเอง จันทาเรียนมาน้อย ฟังที่คุณชายพูดไม่รู้เรื่องเอง เอาไปคิดเองเออเอง เป็นผู้หญิงที่ไม่มียางอายจริงๆ”
“โธ่...จันทา ยิ่งพูดอย่างนี้ ฉันก็ยิ่งรู้สึกผิด”
“ก็จันทาโง่จริงๆนี่จ๊ะ ถ้าจันทาฉลาดกว่านี้ซักนิด ก็น่าจะคิดได้ว่า ผู้ชายสูงศักดิ์อย่างคุณชายไม่มีทางที่จะลดตัวลงมาแต่งงานกับผู้หญิงบ้านป่าอย่างจันทา จันทาขอโทษที่ทำให้คุณชายต้องมาเสื่อมเสียเกียรติด้วย”
“ฉันต่างหากที่ทำให้จันทาต้องเสื่อมเสีย ฉันต่างหากที่โง่ พูดอะไรไปโดยไม่คิดให้ดีก่อน ไม่ว่าตอนนี้จันทาจะโกรธจะเกลียดฉันแค่ไหน ฉันก็ยังรู้สึกกับจันทาไม่เปลี่ยนแปลง ฉันคิดกับจันทาเหมือนน้องสาวจริงๆ ประโยคนี้ผู้ชายอื่นอาจจะใช้เพื่อตัดรอนความสัมพันธ์กับผู้หญิง แต่สำหรับฉัน นี่จะเป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ของเรา ฉันขอเป็นพี่ชายของเธอ..ได้หรือเปล่า จันทา”
จันทาเช็ดน้ำตาฝืนยิ้มให้ ม.ร.ว. รัชชานนท์ จุฑาเทพ แต่ยังพูดอะไรไม่ออกได้แต่พยักหน้ารับ รัชชานนท์โล่งอก คิดไปเองว่าแก้ปัญหาจบไปแล้ว

ศินีนุชเดินเฉิดฉายมาในชุดเดินป่าชุดใหม่มานั่งที่เก้าอี้สำหรับแคมปิ้ง เธอค่อยๆรินกาแฟจากกระติกใส่ถ้วยกาแฟ ทำหน้าเบ้นิดหน่อยกับถ้วยดีบุกที่ใส่กาแฟ เธอจิบกาแฟช้าๆ พลางมองธรรมชาติอย่างดื่มด่ำเหมือนมาเที่ยวรีสอร์ต
เหล่าคุณชาย ...ธราธร พุฒิภัทร รณพีร์และชัชวีร์สุมหัวอยู่อีกมุมพากันมองมาที่เธอ
พุฒิภัทรบอกกับรณพีร์
“เมื่อวานฉันกับพี่ชายใหญ่เฝ้าแคมป์ไปแล้ว ฉะนั้นวันนี้ต้องเป็นเวรของนายกับนายชัช”
“โอ๊ย ให้ลุงบุญโฮมกับตาเกิ้นเฝ้าก็ได้นี่ครับ สองคนนั้นต้องอยู่เฝ้าแคมป์อยู่แล้ว ก็ให้อยู่เฝ้าน้องนุชไปด้วย”
“น้องนุชไม่ยอมแน่ ! ฉันอยู่กับน้องนุชเองแล้วกัน นายไปเถอะ” ชัชวีร์บอก
“ไม่ได้หรอก มันไม่ยุติธรรม ถึงนายจะเป็นพี่ชายของน้องนุช ก็ใช่ว่าต้องรับผิดชอบน้องนุชคนเดียว เราทุกคนต้องช่วยกันรับผิดชอบ ฉะนั้นฉันว่า ใช้วิธีจับไม้สั้นไม้ยาวดีกว่า ใครจับได้ไม้ยาวที่สุด ต้องอยู่ดูแลน้องนุช ตกลงมั้ย”
ธราธรชูกิ่งไม้เล็กๆสี่อันในกำมือขึ้นมาให้ดู
“ตกลงครับ สมเป็นพี่ชายใหญ่จริงๆ อย่างนี้ซิครับ ถึงจะยุติธรรมกับทุกคน”
รณพีร์รีบดึงไม้ออกจากกำมือของธราธรเป็นคนแรก,พุฒิภัทรและชัชวีร์ค่อยดึงไม้ตาม
ทุกคนยังกำไม้ไว้ในมืออยู่ ธราธรเหลือบมองรณพีร์แวบเดียวก็รู้ว่ากำลังแอบหักไม้ให้สั้นลง
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว เปลี่ยนเป็นใครจับได้ไม้สั้นที่สุด ต้องอยู่โยงเฝ้าน้องนุช”
“เฮ้ย ! ไม่ได้ๆ อยู่ๆจะมาเปลี่ยนใจอย่างนี้ได้ยังไงครับ พี่ชายใหญ่”
ธราธรไม่ฟังเสียงโวยของรณพีร์ ชูไม้ของตัวเองขึ้นทันที พุฒิภัทรยิ้มขำรู้ทัน รณพีร์ชูไม้เทียบกับไม้ของธราธรที่ยาวเท่ากัน ชัชวีร์มองรณพีร์อย่างหน่ายใจแล้วชูไม้เทียบอีกคน
รณพีร์ค่อยๆ ชูไม้ของตัวเองเทียบกับคนอื่นๆ เห็นว่าไม้ของรณพีร์สั้นที่สุด
“อยากเล่นโกงดีนัก ก็ต้องเจออย่างนี้”
รณพีร์โอดครวญ
“ปกติผมไม่เคยเล่นอะไรนอกกติกาอย่างนี้นะครับ แต่สำหรับน้องนุชนี่ เธอเหลือรับประทานจริงๆ ! ผมยอมติดอยู่ในป่าสามเดือนดีกว่าอยู่กับคุณเธอหนึ่งวัน”
อยู่ๆกิ่งไม้หักร่วงใส่หัวศินีนุช เธอตกใจลุกพรวดแล้วก็ต้องเต้นเร่าๆไปมา ไม่ยอมหยุด
“แอร๊ย...ว้ายๆ อะไรกันนี่ ว้ายๆ มดค่ะ มดกัด ! โอ๊ย เจ็บๆ”
บุญโฮมกับพรานเกิ้นวิ่งหน้าตื่นรุมล้อมศินีนุชอย่างไม่รู้จะช่วยยังไง
“อยู่เฉยๆซิครับ เดี๋ยวผมจะจับมดออกให้” บุญโฮมบอก
“อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ ไป ไป ไป”
“บ่ใช่มดครับ คุณผู้หญิง นี่มันเห็บป่า กัดบ่เจ็บดอก บางทีมันกะลอยตามลมมาเกาะเนื้อเกาะตัวเฮา ปัดออกกะเหมิดเฮื่อง”
“เห็บป่า...เห็บที่เหมือนเห็บหมาเห็บแมวงั้นเหรอ อี๊ๆๆ น่าขยะแขยงที่สุด”
ศินีนุชหายเจ็บทันทีแต่รู้สึกขยะแขยงแทน เธอเต้นเร่าปัดเนื้อปัดตัวไม่หยุด
คุณชายรณพีร์มองธราธรอย่างอ้อนวอนสุดฤทธิ์
“พี่ชายใหญ่ครับ”
“ช่วยไม่ได้ นายทำตัวของนายเอง”
ชัชวีร์มองรณพีร์อย่างขำๆ แต่ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ

รณพีร์เดินลิ่วๆ นำหน้าศินีนุชมาที่แอ่งน้ำ เธอเดินกระหืดกระหอบตามหลังมา
“รอด้วยค่ะ พี่ชายพีร์ เดินช้าๆหน่อยซิคะ นุชเดินตามไม่ทัน”
รณพีร์หยุดยืนรออย่างเบื่อหน่าย แต่พอศินีนุชเดินมาถึงก็ฝืนยิ้มให้ เพื่อรักษาภาพสุภาพบุรุษ
“น้องนุชก็เดินเร็วๆ หน่อยซิครับ”
“พี่ชายพีร์อยากไปตามหาพี่ชายเล็กเร็วๆใช่มั้ยคะ ไม่ต้องห่วงค่ะ นุชขอเอาน้ำลูบเนื้อลูบตัวประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นเอง แล้วนุชจะอดทนรอไว้ค่อยอาบน้ำตอนเย็นก็ได้ เดี๋ยวเรารีบไปตามพี่ชายเล็กด้วยกันนะคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ พี่ชายใหญ่สั่งให้เรารออยู่ที่นี่ ห้ามไปไหนทั้งนั้น”
“โธ่ ! พี่ชายใหญ่ห่วงนุชเกินไปแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้นุชเริ่มชินกับการใช้ชีวิตในป่าแล้ว นุชน่ะแข็งแกร่งกว่าที่ทุกคนคิด พวกพี่ๆไม่ต้องคอยปกป้องนุชหรอกค่ะ เพราะนุชสามารถปกป้องตัวเองได้”
ศินีนุชฉวยปืนกระบอกจิ๋วๆออกมาจากกระเป๋าสะพายใบจิ๋วที่สะพายมาด้วย
“น้องนุช”
“ไม่ว่าใครหรือตัวอะไรก็ทำร้ายนุชไม่ได้หรอกค่ะ”
ศินีนุชถือปืนแล้วยืนโพสท่าอย่างเก๋ไก๋
“น้องนุชส่งปืนมาให้พี่เดี๋ยวนี้”
“อุ๊ย ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ นุชใช้ปืนเป็น อย่าลืมซิคะว่า คุณพ่อของนุชเป็นทหารนะคะ ลูกทหารใช้ปืนไม่เป็นได้ยังไง”
ศินีนุชพูดไปก็ขยับปืนไป เธอหันปากกระบอกปืนไปทางรณพีร์อย่างน่าเสียวไส้
“อุ๊ย พี่ชายพีร์ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น นุชเก็บปืนก็ได้ นุชเพียงแต่ต้องการให้พี่ชายพีร์วางใจว่า ไม่ต้องเป็นห่วงนุชอีกต่อไป”
ศินีนุชพูดไม่ทันขาดคำ ก็ทำปืนลั่นเปรี้ยงออกเฉียดหูรณพีร์ไปนิดเดียว เธอกรีดเสียงร้องอย่างตกใจทิ้งปืนลงพื้น ทำปืนลั่นได้อีกนัด
“ว้ายๆ ตายแล้วๆ ! พี่ชายพีร์ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”

รณพีร์ยืนหูดับไปข้าง ยิ่งเซ็งในชีวิตหนักขึ้นไปอีก

อ่านต่อหน้า 4

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 5 (ต่อ)

ขณะเดียวกันภายในห้องรับแขก วังกิตติวงศ์ ดารณีนุชกำลังคุยโทรศัพท์เสียงเจื้อยแจ้วไม่ได้หยุด

“อุ๊ย! ตายแล้ว อย่าไปเชื่อข่าวลือค่ะ คุณพี่ขา คุณชายรัชชานนท์ไม่ได้หนีหายไปไหน ก็จริงค่ะที่คุณชายยังไม่ได้เจอกับลูกนุชของดิฉัน คุณชายไม่ได้หลบหน้าทางเราค่ะ เธอถูกเรียกตัวไปทำงานที่หนองคายอย่างกะทันหัน พูดไปแล้วอย่าเอ็ดไปนะคะ”
นายพลอนุพันธ์ในชุดนายทหารเดินเข้ามาหยุดยืนฟังเงียบๆ
“ตอนนี้ลูกนุชก็อยู่ที่หนองคายเหมือนกัน คงไม่ต้องบอกนะคะว่า ไปเยี่ยมใคร แหม! ก็ทางวังจุฑาเทพเชิญมา จะไม่ไปก็น่าเกลียด ค่ะๆ อีกไม่นานต้องมีข่าวดีแน่ๆ”
ดารณีนุชเพิ่งเห็นอนุพันธ์ยืนฟังอยู่ก็ชะงักไปนิด
“ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วงลูกนุชของดิฉัน แล้วพบกันคืนนี้นะคะ คุณพี่”
ดารณีนุชค่อยๆวางโทรศัพท์ลงไปอย่างใจเย็น
“ผมไม่เข้าใจ...ลูกสาวไปเที่ยวไล่ล่าตามหาผู้ชาย มันน่าภูมิใจนักหรือยังไง ถึงได้เที่ยวประกาศบอกใครๆให้รู้”
“อย่ามาพูดจาน่าเกลียด ลูกนุชแค่ไปตามหาคู่หมายของตัวเอง แล้วฉันก็ไม่ได้คิดจะบอกเรื่องนี้กับใคร ยายคุณพี่อัปสรเป็นฝ่ายโทรศัพท์มาหาฉันเอง เพราะสอดรู้สอดเห็นอยากรู้ว่า ข่าวลือที่คุณชายเล็กหนีลูกนุชน่ะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ฉันก็ต้องช่วยรักษาเกียรติของลูกน่ะซิ ฉันไม่รู้ว่า ทำไมฉันต้องมาอธิบายให้คุณฟัง พูดไป คุณก็ไม่เคยเข้าใจ”
“ถ้าคุณอยากจะรักษาเกียรติของลูก ก็ไม่ควรจะปล่อยให้ลูกไปตั้งแต่แรก ถึงนายชัชจะไปด้วย แต่เป็นผู้หญิงคนเดียวไปค้างอ้างแรมกับผู้ชายที่ไม่ใช่ญาติพี่น้อง มันยากที่จะรักษาเกียรติไว้ได้”
อนุพันธ์เดินออกไป ดารณีนุชโกรธฮึดฮัดแล้วรีบเดินตาม

อนุพันธ์เดินตรงเข้ามาหยิบชุดสูทออกมาสองชุดจากตู้เสื้อผ้า ดารณีนุชตามเข้ามาในห้อง
“แล้วคุณกลับบ้านมาทำไมตอนนี้”
“ผมมาเปลี่ยนชุด ตอนบ่ายผมต้องไปพิธีรดน้ำศพ แล้วตอนเย็นก็ต้องไปงานเลี้ยงอีกงาน”
“ฉันจะไปกับคุณด้วย รอเดี๋ยว ฉันขอไปเปลี่ยนชุดก่อน”
“ไม่ต้อง ผมไปคนเดียวได้ คุณควรอยู่สะสางปัญหายายนุชดีกว่า คุณปล่อยข่าวออกไปอย่างนั้น รับรองเสียงโทรศัพท์ได้ดังไม่ขาดสายแน่”
“แต่ฉันจะไปกับคุณด้วย เราไม่เคยออกงานด้วยกันนานแล้ว เดี๋ยวได้มีข่าวลือบ้าๆออกมาแน่”
“คุณบอกเองว่า มันเป็นข่าวลือบ้าๆ แล้วจะไปสนใจมันทำไม”
“ก็เริ่มมีข่าวลือออกมาแล้วว่า คุณกับฉันมีปัญหากัน บางข่าวถึงกับว่า เรากำลังเลิกร้างกัน แต่ยังไงมันก็ได้เป็นแค่ข่าวลือ ฉันไม่มีวันที่จะให้มันเป็นจริงไปได้ คุณก็รู้ เพื่อครอบครัวแล้ว ฉันทำได้ทุกอย่าง”
ดารณีนุชจ้องมองอนุพันธ์ที่หยิบข้าวของในกระเป๋ากางเกงออกมาวางบนโต๊ะ ทั้งกระเป๋าเงิน กุญแจและนาฬิกาพกที่ดารณีนุชหมายตาอยู่
“คุณไม่ต้องห่วง ผมทนมาได้ถึงป่านนี้ ผมก็คงจะทนต่อไปได้ เราก็คงอยู่ด้วยกันจนวันตายแหละ แต่ผมคงต้องทนไปอีกไม่กี่ปี เพราะใครที่ต้องทนอยู่กับคุณนี่ ไม่น่าจะอายุยืน”
“คุณชายอนุพันธ์”
ดารณีนุชยืนกำมืออย่างโมโหได้อีก อนุพันธ์หันไปวางเสื้อสูทลงบนเตียงแล้วหันไปเลือกเสื้อสูทอีกตัวในตู้ เป็นโอกาสแวบเดียวที่เปิดช่องว่างให้ดารณีนุชเข้าคว้านาฬิกาพกที่อยู่บนโต๊ะมาได้
อนุพันธ์หันขวับมามองดารณีนุชอย่างตกใจ
“คุณหญิง”
ดารณีนุชกำนาฬิกาพกอย่างเหนือกว่า
“ทีนี้ฉันจะได้รู้ซักทีว่า ในนาฬิกานี่มันมีอะไร คุณถึงได้เก็บไว้กับตัวไม่เคยห่าง ถ้าฉันเดาไม่ผิด คงเป็นรูปแม่ไอ้ชัชใช่มั้ย”
ดารณีนุชเปิดฝานาฬิกาพกออก เห็นรูปเจ้าส่องดาวได้เพียงแวบเดียวก็รู้สึกคุ้นๆ
“เอ๊ะ นี่มัน !”
อนุพันธ์รีบคว้านาฬิกาพกกลับคืนไปทันที
“ฉันเคยเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้”
อนุพันธ์หันไปจับแขนดารณีนุชแล้วบีบแน่น
“ไม่ ! คุณไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จักผู้หญิงคนนี้ อย่ามาละเมิดเรื่องส่วนตัวของผมอีก ไม่งั้นข่าวลือที่คุณกลัว ได้เป็นเรื่องจริงแน่”
อนุพันธ์คว้าเสื้อสูทเดินพรวดๆ ออกไปอย่างโมโหและใจหายกลัวดารณีนุชจำส่องดาวได้
ดารณีนุชนิ่งตกใจไม่คิดว่าอนุพันธ์จะโกรธได้ขนาดนี้ แต่ยังคลางใจว่าเคยเห็นหน้าส่องดาวที่ไหนซักแห่ง

ขบวนแห่ของฝ่ายเจ้าบ่าวที่มีขบวนนางรำ นางฟ้อนพร้อมวงดนตรีเวียงภูคำกำลังสนุกสนาน รัชชานนท์ในชุดเจ้าบ่าวเวียงภูคำเดินมาอย่างตื่นเต้น แฮรี่และทับทิมเดินประกบเคียงข้าง จบท้ายด้วยขบวนชาวบ้านที่ถือพานขันหมาก พานบายศรี พานดอกไม้ธูปเทียน
สองข้างทางมีชาวบ้านยืนรอดูกันอยู่อย่างคับคั่ง
“แต่งงานครั้งแรก มันตื่นเต้นอย่างนี้นี่เอง”
รัชชานนท์รู้สึกตื่นเต้นจนหันไปตบไหล่ทับทิมแก้เก้อที่เห็นชาวบ้านทุกคนต่างมองมา
“ครั้งหน้าคงไม่ตื่นเต้นเท่านี้หรอกเนอะ”
แฮรี่กับทับทิมหันมามองหน้ารัชชานนท์จนเขาต้องแก้ตัวเป็นพัลวัน
“แต่งงานครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกและจะเป็นครั้งสุดท้ายแน่นอนครับ”
รัชชานนท์นึกได้ รีบส่งกล้องถ่ายรูปในมือให้แฮรี่
“เออ..ผมฝากถ่ายรูปให้ด้วยนะครับ แต่งงานทั้งทีน่าจะมีรูปไว้เป็นที่ระลึก”
แล้วรัชชานนท์ก็พึมพำกับตัวเอง

“มีหลักฐานขนาดนี้ หม่อมย่าจะต้องเชื่อว่า เราแต่งงานจริงๆ”

รัชชานนท์ยิ้มขำเมื่อนึกถึงหม่อมเอียด เขาเริ่มรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามีเป้าหมายในการแต่งงานครั้งนี้

ขบวนนางรำนางฟ้อนเคลื่อนมาถึงบริเวณลานจัดพิธีแต่งงาน แล้วก็แยกไปยืนเป็นสองแถว แฮรี่กับทับทิมพารัชชานนท์เดินผ่านกลางสองแถวของขบวนนางรำนางฟ้อนอย่างช้าๆ จนมาหยุดที่ทางเข้าลานจัดพิธีที่เป็นวงกลม
แฮรี่รับด้ายขาวที่ทับทิมเอามาส่งให้ รัชชานนท์มองด้ายขาวในมือแฮรี่ที่ยาวโยงไปจนถึงอีกฝั่งที่มีไกสอนถือด้ายขาวไว้
เสียงดนตรีดังขึ้นเป็นการบอกถึงการเริ่มพิธี
แฮรี่พยักหน้าให้รัชชานนท์เริ่มได้ เขาคล้องแหวนเงินเกลี้ยงเข้าไปในด้ายขาว แหวนเงินไหลเลื่อนไปตามด้ายขาวที่ยาวไปถึงอีกฝั่ง
สร้อยเอาแหวนทองคล้องเข้าไปในด้ายขาว
รัชชานนท์เดินตามแหวนเงินที่ไหลเลื่อนมาตามด้ายขาวเรื่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง...
สร้อยในชุดเจ้าสาวเวียงภูคำที่สะอาดสวยหมดจดอย่างที่รัชชานนท์ไม่เคยเห็นมาก่อน
สร้อยเดินตามแหวนทองที่ไหลเลื่อนตามด้ายขาวมาเรื่อยๆ คราวนี้รัชชานนท์ไม่ได้จับตาที่แหวนเงินแล้วแต่จับตาที่สร้อยที่กำลังเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
แหวนทองและแหวนเงินไหล่เลื่อนมาชนกันกลางลานจัดพิธี พร้อมๆกับที่รัชชานนท์กับสร้อยที่ก้าวมาประจันหน้ากันที่กลางลานจัดพิธี
แม่เฒ่าเดินนำพ่อใหญ่เข้ามายืนเป็นประธาน รัชชานนท์กับสร้อยยืนมองกันนิ่งด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
แฮรี่กับไกสอนจากที่ถือด้ายขาวกันคนละฝั่งมายืนรวมตัวกันแล้ว แฮรี่นำแหวนทองและแหวนเงินจากด้ายขาวมอบให้พ่อใหญ่
“มอบแหวนให้กันและกัน แล้วจะได้ดำเนินการทำพิธีต่อไป”
พ่อใหญ่มอบแหวนเงินให้รัชชานนท์และมอบแหวนทองให้สร้อย
สร้อยแบมือซ้ายออกรอให้รัชชานนท์วางแหวนลงบนฝ่ามือ
รัชชานนท์กลับจับมือสร้อยดึงเข้ามาแล้วค่อยๆ สวมแหวนเงินให้ที่นิ้วนาง
ไกสอนและแฮรี่ต่างมองพ่อใหญ่ที่ดูปฏิกิริยาที่รัชชานนท์แหวกประเพณี แต่พ่อใหญ่นิ่งเฉยเสีย
รัชชานนท์ยื่นมือซ้ายให้ สร้อยไม่สวมแหวนให้กลับจับมือรัชชานนท์หงายมือแล้วยัดแหวนทองไปให้อย่างรวดเร็ว รัชชานนท์ต้องเอาแหวนทองสวมใส่นิ้วนางของตัวเองไป
สร้อยมองแหวนที่นิ้ว รู้สึกถึงการถูกผูกมัดระหว่างเธอกับรัชชานนท์ ทั้งสองคนมองสบตากันอีกครั้ง

บริเวณลานกว้าง ในหมู่บ้านวลาหก พานบายศรีสูงเจ็ดชั้นอยู่กลางลานจัดพิธีพร้อมพานขันหมาก พานประกอบพิธีแต่งงาน พ่อใหญ่นั่งเป็นประธาน ไกสอนและแฮรี่นั่งเคียงข้างเยื้องไปด้านหลังและต่ำกว่า โดยมีทับทิมยืนอยู่ด้านหลังไกสอน กลุ่มชาวบ้านแต่งตัวสวยงามกว่าปกติมาร่วมงานกับเต็มลาน
แม่เฒ่าเดินนำรัชชานนท์กับสร้อยมานั่งอยู่หน้าพานบายศรี
แม่เฒ่าจับมือสร้อยให้แตะที่พานบายศรีแล้วจับมือรัชชานนท์ให้แตะพานบายศรีโดยไขว้แขนทับบนแขนสร้อย แต่สร้อยไม่ยอมเปลี่ยนมาไขว้แขนทับแขนรัชชานนท์เป็นคนอยู่ด้านบนแทน
แฮรี่กับไกสอนมองอย่างอดขำไม่ได้ บรรยากาศเริ่มคลายความขึ้งเครียด
พ่อใหญ่มองภาพลูกสาวที่กำลังเข้าพิธีแต่งงานอย่างทำใจไม่ถูก แม่เฒ่าเริ่มทำพิธีสู่ขวัญแต่งงาน เสียงแม่เฒ่าเบาบางมาพร้อมกับเสียงดนตรีบรรเลงที่แสนจะไพเพราะๆ เข้มขลังๆ
“ศรี ศรี..มื้อนี้แม่นมื้อดี มื้อเศรษฐีอะมุตตะโชค..”
พ่อใหญ่ผูกด้ายขาวที่ข้อมือให้รัชชานนท์
“ฝ้ายผูกแขนห้อยระย้า มาจากฟ้าเมืองพรหม มาเชยชมสององค์อ่อน เข้าบ่อนนอนหนุนหมอน สองเนานอนแขนก่าย ทั้งสองฝ่ายตกลง สองอนงค์ลูกของแม่...มาแหนแห่เฮือนห่อ..”
พ่อใหญ่ผูกด้ายขาวให้สร้อย สบตามองกันอย่างรู้สึกว่ายิ่งใกล้วันที่ต้องจากกัน
“ขวัญเอย สองเจ้าจงมากอดเป็นมิ่งสาย แนน เอาสองแขนมาจับกันไว้แน่น...เตียงไม้ยูงพ่อแม่แต่งไว้ เพิ่นแต่งให้ม่านใส่ทั้งสอง หมอนมาฮองเฮียงเป็นคู่ เพิ่นให้อยู่นำกันอย่าหนี หลายนานปีจนแก่จนเฒ่า”
พ่อใหญ่ผูกด้ายขาวให้สร้อยเสร็จก็เอามือแตะที่หัวสร้อยอยู่นาน
“พ่อใหญ่”
สร้อยโผขึ้นกอดเอวพ่อใหญ่ไว้แน่น รัชชานนท์มองพ่อใหญ่อย่างเข้าใจความรู้สึก
“ฝากดูแลลูกสาวของผมด้วยนะครับ คุณชายรัชชานนท์”
“ครับ พ่อใหญ่ ! ผมให้สัญญา”
พ่อใหญ่มองรัชชานนท์อย่างจริงจัง
“ผู้เหนือเกษป่อนลงมา เทวดาเอามาสู่ เอามาสู่เคหา สองผัวเมียจักได้เกิด พระอินทรเปิดส่องพระแจ พระพรหมแลเปิดส่องพระโอษฐ์ พาขวัญเที่ยงบายศรี งามแสนดีเจ็ดชั้น แถนพ่อปั้น แต่งมานำ..”
แม่เฒ่าผูกด้ายขาวที่ข้อมือสร้อยแล้วโยงมาผูกข้อมือรัชชานนท์ด้วย ทั้งคู่ต่างมองด้ายขาวที่ผูกทั้งไว้แล้วเงยหน้ามองหน้ากันอีกครั้ง

เสียงกล่าวคำสู่ขวัญของแม่เฒ่าและเสียงดนตรีงานแต่งงานดังแว่วมา

จันทายืนอยู่ที่บนโขดหินสูง เธอมองลงไปยังน้ำตกที่ไหลแรงเชี่ยวกรากสู่เบื้องล่าง เธอยืนนิ่งคิดถึงรัชชานนท์ ค่อยๆ เดินออกไป พลางชะโงกลงไปมองน้ำตกข้างล่าง
จ่อยเดินเข้ามาหยุดชะงักมองจันทาอย่างตกใจ
“อย่า !”
จ่อยรีบกระโจนเข้ากอดจันทาจากด้านหลัง แล้วพาลากออกมาห่างๆจากจุดอันตราย
“เจ้าสิคึดเฮ็ดอะหยัง”
จันทาสะบัดตัวออกจากจ่อยทันที
“แล้วเจ้าคึดว่า ข้อยสิเฮ็ดอะหยัง”
จันทาจ้องจ่อยอย่างเอาเรื่อง
“เจ้าคึดว่า ข้อยสิฆ่าตัวตายบ่ เจ้าคึดว่า ข้อยโง่หลาย อยากตายเพราะผู้ชายคนเดียว เจ้าคึดจังสั้นอีหลีบ่”
“เจ้า..เจ้าบ่ได้คึดกระโดดน้ำตายบ่”
“ข้อยบ่คึดสั้นจังสั้นดอก ! ข้อยต้องฮักษาชีวิตไว้เพื่อพ่อ บ่จังสั้น ความตายของพ่อข้อยกะบ่มีค่าอะหยังเลย ข้อยสิต้องอยู่ต่อไป”
จันทาเดินออกไป จ่อยรีบเดินตามไป
“เจ้าสิไปไส”
“ข้อยสิไปให้พ้นจากที่นี่ ข้อยบ่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป บ่ต้องห่วง ข้อยอยู่คนเดียวได้ บ่ต้องมีไผมาดูแล ชีวิตนี้ข้อยบ่หวังพึ่งผู้ใดอีกต่อไปแล้ว”
จันทาเดินเร็วๆออกไปอย่างเข้มแข็งขึ้นและตัดสินใจได้แล้ว
“จันทา”

จ่อยรีบรุดตามจันทาไปอย่างรวดเร็ว

ทางด้าน ธราธร พุฒิภัทรและชัชวีร์เดินลุยป่ากันมา พยายามมองหาร่องรอยเท้า ร่องรอยคนมาพักแรม ทั้งสามตัดสินใจแยกกันไปตามหาคนละทาง

พุฒิภัทรเดินมาหยุดที่ริมลำธาร แล้วกวาดตามองไปรอบๆ โดยเฉพาะร่องรอยตามพื้นที่น่าจะมีร่องรอยอะไรไว้บ้าง ขณะที่กำลังจะเดินออกไป รู้สึกเหมือนจะมีอะไรสีเขียวหยกแวบๆผ่านตาเข้ามา
พุฒิภัทรหันกลับไปมองและจ้องอีกครั้ง เห็นสร้อยจี้หยกของรัชชานนท์จมอยู่ในกองกรวดหิน เขาก้าวยาวๆ ไปดึงสร้อยจี้หยกขึ้นมา
“ชายเล็ก...ชายเล็กเคยมาที่นี่”
พุฒิภัทรยิ้มดีใจที่เริ่มมีร่องรอยของรัชชานนท์

ธราธร พุฒิภัทร และชัชวีร์เดินมารวมกันอีกครั้ง พุฒิภัทรส่งสร้อยจี้หยกให้ธราธรดู
“นี่เป็นสร้อยของชายเล็กแน่ๆ ครับ พี่ชายใหญ่ เราสองคนมีสร้อยหยกแบบนี้เหมือนกัน หม่อมแม่เป็นคนให้เราไว้น่ะครับ”
“สร้อยเส้นนี้มีความสำคัญต่อชายเล็กมาก ไม่น่าจะทำหล่นหายได้ พี่ว่า...จะต้องเกิดเรื่องอะไรร้ายแรงกับชายเล็กแน่ๆ เราต้องรีบค้นหาต่อไป”
ธราธรจะเดินไปทางขวา
“ไปทางนี้ดีกว่าครับ” ชัชวีร์ว่าพลางชี้ไปทางซ้าย
“ทางนั้นไงครับ หมอกควันที่เราเห็นเมื่อคืนมาจากทางนั้น”
ธราธรบอก
“พี่ถามพรานเกิ้นแล้ว แกบอกว่า ทางแถวนั้นอันตราย ไม่ค่อยมีใครไปกัน ที่ชาวบ้านเล่าลือว่า ป่าที่นี่มีอาถรรพ์ก็เพราะเห็นว่า แถวนั้นมีหมอกควันจนมองไม่เห็นทาง ใครเข้าไปแล้วก็ต้องหลงกลับมาที่เดิมทุกที”
“ชายเล็กอาจจะไปแถวนั้นก็ได้นะครับ ก็รู้กันอยู่ว่า ชายเล็กเป็นพวกนักผจญภัย ชอบทำอะไรเสี่ยงอันตราย ลองไปดูกันเถอะครับ” พุฒิภัทรบอก
“ไปเถอะครับ พี่ชายใหญ่ ผมว่า ถ้าไปทางนั้นจะต้องได้ร่องรอยหรือเบาะแสของพี่ชายเล็กอีกแน่” ชัชวีร์บอก
“ไปก็ไป ถ้าไม่ลองเสี่ยง ก็จะไม่มีวันรู้”
ชัชวีร์รีบเดินนำทางไปทันที ธราธรกับพุฒิภัทรรีบเดินหลังไป

ชัชวีร์เร่งเดินมาอย่างไม่หยุด เหมือนมีสิ่งดึงดูดให้ต้องไปให้ได้
เขาหยุดชะงักมองไปที่ถ้ำข้างหน้าที่มีควันหมอกปกคลุมจนมองไม่เห็นทางเข้า
ธราธรากับพุฒิภัทรเดินตามมาทัน หยุดมองปากทางเข้าถ้ำอย่างพิศวง
“มองไม่เห็นทางเข้าเลย จะเอายังไงดีครับ” พุฒิภัทรว่า
“ไม่มีทางเลือกแล้ว คงต้องลุยเข้าไป ถ้าได้เจอชายเล็กจริงๆ ก็คุ้มค่ากับการเสี่ยงล่ะ” ธราธรบอก
“แล้วถ้าไม่เจอล่ะครับ” ชายภัทรท้วง
“ต้องเจอซิ ยังไงเราก็ต้องตามหาชายเล็กให้เจอให้ได้”
“ผมเห็นทางเข้าแล้วครับ” ชัชวีร์พูดขึ้น
หมอกควันเริ่มจางลงบ้างจนพอเห็นทางเดิน ชัชวีร์รีบเดินนำเข้าไปอย่างกระตือรือร้นธราธรกับพุฒิภัทรตามติด

ทันทีที่ทั้งสามคนเข้าไปในถ้ำ หมอกควันก็เริ่มลอยตัวขึ้นตาหนาทึบ ปิดบังบริเวณปากถ้ำมิดจนมองไม่เห็นตัวของคนทั้งสาม!!

ถึงพิธีบายศรีผูกข้อมือในช่วงท้าย ผู้เฒ่าผู้แก่ผูกข้อมือให้รัชชานนท์กับสร้อยจนครบทุกคน พ่อใหญ่ลุกขึ้นยืน ไกสอนและแฮรี่ที่นั่งอยู่เบื้องหลังลุกขึ้นตาม

ทับทิมหันไปเห็น ลูกน้องคนหนึ่งยืนกระสับกระส่ายมองมาไกลๆ ไม่กล้าเข้ามาขัดจังหวะพิธี ทับทิมรีบเดินออกไป
เสียงดนตรีเปลี่ยนเป็นเพลงสดใสครึกครื้น ขบวนนางฟ้อนนางรำเริ่มเคลื่อนขบวนอีกครั้ง
รัชชานนท์กับสร้อยยืนเคียงกันโดยมีด้ายขาวผูกข้อมือทั้งสองด้วยกันไว้
แม่เฒ่าเดินนำคู่บ่าวสาวเดินออกไปจากลานจัดพิธี
พ่อใหญ่กำลังจะก้าวเดินตามแล้วต้องชะงัก ทับทิมเดินกลับเข้ามากระซิบบอกไกสอนเรื่องกลุ่มคนแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไกสอนพยักหน้าให้เป็นสัญญาณ ทับทิมรีบผละออกไปทันที
รัชชานนท์กับสร้อยเดินตามหลังขบวนนางฟ้อนนางรำออกไป มีขบวนชาวบ้านถือพานขันหมากพานดอกไม้เดินปิดท้ายขบวนพอเอิกเกริก
สร้อยหันไปมองพ่อใหญ่ที่ยืนฟังไกสอนกับแฮรี่รายงานข่าวอะไรบางอย่าง
รัชชานนท์ต้องสะดุดหยุดเดินไปเพราะสร้อยหยุดเดิน รัชชานนท์กระตุกด้ายขาวที่ผูกทั้งสองคนไว้ด้วยกันเบาๆ สร้อยรู้สึกตัวจำต้องยอมเดินตามไปด้วย

ธราธร พุฒิภัทรและชัชวีร์เดินหลุดออกมาจากในส่วนถ้ำที่เป็นทางเข้าหมู่บ้าน
ทั้งสามมองไปรอบๆอย่างพิศวงที่หลุดเข้ามาอีกด้านหนึ่งของป่า เมื่อมองไปทางด้านหลังไม่เห็นทางออกไป เพราะมีแต่หมอกควันปิดทางเข้าจนหมด...
ธราธรมองไปที่พื้นเพื่อหารอยเท้าของผู้คนที่เคยผ่านมาแถวนี้
"นี่ไม่ใช่รอยเท้าของพวกทหารเวียงใช่มั้ย นายชัช"
"ไม่ใช่ครับ รอยเท้ามีหลายลักษณะ มีทั้งผู้ชายทั้งผู้หญิง ดูเหมือนมีคนเคยผ่านไปมาแถวนี้ไม่น้อย"
"ชายเล็กอาจจะหลงทางมาแถวนี้ก็ได้นะครับ พี่ชายใหญ่" พุฒิภัทรบอก
"อาจจะเป็นไปได้ มีหมอกควันปิดทางเข้าทางออกไว้อย่างนี้ ชายเล็กถึงได้หาทางออกไปจากที่นี่ไม่ได้"
"งั้นเราเดินตามรอยเท้าพวกนี้ไปเถอะครับ" ชัชวีร์บอก
"ไปซิ รีบไปต่อกันเลย !"
ธราธรกับพุฒิภัทรเริ่มเดินต่อไปอย่างรวดเร็วอย่างมีความหวังมากขึ้น
"เดี๋ยว ! หยุดก่อนครับ"
ชัชวีร์ร้องทัก เล่นเอาสองคุณชายชะงักกึกในทันที
ข้อเท้าของทั้งสองเฉียดฉิวเกือบจะถึงสายเถาวัลย์ที่ขึงพาดอยู่ ธราธรกับพุฒิภัทรค่อยๆ ถอยหลังออกมาอย่างรู้ว่าควรทำอะไร ชัชวีร์ก้าวอย่างระวังไปที่ต้นไม้ที่มีเถาวัลย์ผูกขึงไว้ ชัชวีร์ตัดเถาวัลย์ฉับ ไม้ไผ่แหลมนับสิบก็พุ่งออกมาทันที!!
ชัชวีร์หันไปมองหน้าธราธรกับพุฒิภัทร ต่างรู้ว่ามีอันตรายรออยู่ข้างหน้าแน่

จันทาเดินมาห่างจากน้ำตกมากแล้ว จ่อยรีบเดินมาขวางทางไว้
"เจ้าไปบ่ได้ ! จังได๋ข้อยกะบ่ยอมให้เจ้าไป"
"เจ้าเป็นไผถึงมาห้ามข้อย"
"ข้อยเป็นคนช่วยชีวิตเจ้าไว้ ข้อยมีสิทธิ์ห้ามเจ้าบ่ ปากเจ้าบอกว่าสิฮักษาชีวิตตัวเองไว้ แต่เจ้ากลับคึดออกไปเสี่ยงตายผู้เดียวในป่า จังซี้บ่เรียกว่าคึดฆ่าตัวตาย แล้วสิเรียกว่าอะหยัง"
"ข้อยบ่ได้คึดสั้นอีหลี ตอนนี้ในป่าบ่มีพวกทหารเวียงแล้ว ข้อยเองกะพอฮู้จักหนทางในป่าอยู่ จังได๋ข้อยหาทางกลับไปในเมืองได้แน่ เจ้าบ่ต้องเป็นห่วง อ้ายจ่อย...ให้ข้อยไปเถอะ ข้อยตัดสินใจดีแล้ว"
"แม่เฒ่าฮู้เฮื่องนี้บ่ แล้วบักคุณชายล่ะ บอกลาเพิ่นแล้วบ่"
จันทานิ่งไม่กล้าตอบอะไร
"เจ้าบ่ได้บอกไผเลยบ่ บ่มีย่ามผ้าบ่มีเสบียงติดตัวมาเลย เจ้าหุนหันพลันแล่นตัดสินใจมาอย่างคนบ่มีสติ บ่ได้คึดให้ดีก่อน กลับไปกับข้อย"
จ่อยรวบมือจันทามากุมไว้อย่างเป็นห่วงด้วยใจบริสุทธิ์
"เฮาไปช่วยกันคึดว่า สิเฮ็ดหยังกับชีวิตเจ้าต่อไปดี บ่ว่าเจ้าสิตัดสินใจจังได๋ ข้อยกะจะอยู่เคียงข้างเจ้า ช่วยเจ้าเอง เจ้าบ่ได้อยู่ตัวคนเดียวเด้อ เจ้ายังมีอ้ายจ่อยคนนี้ จำไว้ด้วย"

จ่อยจับมือจันทาพาเดินออกไป ขณะที่จันทามองจ่อยอย่างไว้ใจนัก

อ่านต่อตอนที่ 6  
กำลังโหลดความคิดเห็น