xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“แม้ว”ชักปาก“ปู”แหลข้ามประเทศ-ดึงโลกบีบไทยคลอด กม.นิรโทษ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวปาฐกถาในที่ประชุมระดับรัฐมนตรีครั้ง 7 ประชาคมประชาธิปไตย ที่เมืองอุลันบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย วันที่ 29 เมษายน 2556
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-การโกหกตอแหลใส่ร้ายประเทศของตัวเอง เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและครอบครัว อย่างที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้กระทำไป ระหว่างการปาฐกถาในที่ประชุมประชาคมประชาธิปไตย ที่เมืองอุลันบาตอร์ ของมองโกเลีย เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมานั้น ถ้าคนไม่ชั่วและอำมหิตจริงๆ คงทำไม่ได้แน่ๆ

แน่นอน เนื้อหาในปาฐกถาครั้งนี้ ไม่ได้ออกมาจากหัวสมองของ น.ส.ยิ่งลักษณ์โดยตรง แต่มาจากเล่ห์เหลี่ยมของ นช.ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพี่ชายต่างหาก

ความจริงการประชุมครั้งนี้เป็นเพียงการประชุมระดับรัฐมนตรีของ ประชาคมประชาธิปไตย(Ministerial Conference of the Community of Democracies) ซึ่งเป็นครั้งที่ 7 ประเทศไทยจะส่งแค่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมก็ได้
แต่ทำไม น.ส.ยิ่งลักษณ์ คนระดับนายกรัฐมนตรีจึงได้รับเชิญให้ไปกล่าวปาฐกถา

“ประชาคมประชาธิปไตย” นั้นเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ตั้งขึ้นมาเพื่อส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งให้กับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยทั่วโลก โดยผู้ริเริ่มก่อตั้งคืออดีตรัฐมนตรีต่างประเทศโปแลนด์ นายโบรนิสลาฟ เจเรเม็ก และนางเมดาลีน อัลไบรต์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา

การประชุมระดับรัฐมนตรี 6 ครั้งที่ผ่านมา เริ่มจากที่โปแลนด์ ตามด้วยเกาหลีใต้ ชิลี มาลี โปรตุเกส และลิทัวเนีย ผู้ที่เข้าร่วมส่วนใหญ่จะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศสมาชิก หรือบางประเทศก็ส่งแค่ตัวแทนรัฐมนตรีเข้ามาร่วม

ส่วนบุคคลระดับผู้นำประเทศที่มาร่วมการประชุม 6 ครั้งที่ผ่านมา มีแค่ประเทศเจ้าภาพการประชุมครั้งนั้นและเจ้าภาพการประชุมครั้งต่อไปเท่านั้น
ในเมื่อไม่มีผู้นำของประเทศไหนให้ความสนใจมาร่วมประชุม การล็อบบี้เพื่อให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้มาร่วมจึงไม่ใช่เรื่องยาก

เป็นความจงใจของ นช.ทักษิณ ที่จะให้น้องสาว ได้กล่าวปาฐกถาต่อเวทีนานาชาติเพื่อโจมตีกลุ่มผู้ต่อต้านตัวเขาในประเทศไทย โดยบิดเบือนว่า เป็นพวก “ต่อต้านประชาธิปไตย” ทั้งที่โดยเนื้อแท้ ผู้ต่อต้าน นช.ทักษิณส่วนใหญ่ คือผู้ต่อต้านการใช้อำนาจฉ้อฉลของนักการเมืองต่างหาก

เหตุการณ์ทางการเมืองที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์อ้างว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ตั้งแต่การรัฐประหารปี 2549 ตามด้วยการร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ขึ้นมานั้น ความจริงมีสาเหตุมาจากการใช้อำนาจอย่างไม่สุจริตเพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัวของ นช.ทักษิณ ชินวัตร ต่างหาก จึงนำไปสู่การรัฐประหาร และมีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นมาป้องกันการใช้อำนาจเกินเลยของนักการเมืองให้เข้มงวดยิ่งขึ้น

แต่ นช.ทักษิณ ก็สั่งให้น้องสาวบิดเบือนความจริงต่อที่ประชุมอุลันบาตอร์ว่า นั่นเป็นกระบวนการต่อต้านประชาธิปไตย

เท่านั้นยังไม่พอ ยังบังอาจแอบอ้างเอาเหตุการณ์ชุมนุมเผาบ้านเผาเมืองของคนเสื้อแดงปี 2553 ว่า เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จว่า มวลชนม้าใช้ของตนเองถูกยิงด้วยสไนเปอร์ตายถึง 91 คน

ทั้งที่ในข้อเท็จจริง ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการนองเลือด ก็คือ นช.ทักษิณนั่นเอง โดยมีเป้าหมายที่จะโค่นล้มรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เพื่อกลับมามีอำนาจ จนต้องตกเป็นจำเลยที่ 1 ในคดีก่อการร้ายเผาบ้านเผาเมืองในครั้งนั้น

แล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ถูกพี่ชายชักปากให้พูดก่อนจบปาฐกถาเรียกร้องให้นานาชาติช่วยกันกดดันประเทศไทยเพื่อให้ประชาธิปไตยยังคงอยู่ ด้วยการคว่ำบาตรและไม่ยอมรับสิ่งที่อ้างว่าเป็น“ระบอบต่อต้านประชาธิปไตย”

นช.ทักษิณกำลังพูดต่อเวทีโลกโดยใช้ปากของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ใครที่ต่อต้านตัวเขา คือ ผู้ที่ต่อต้านประชาธิปไตย

กระแสใดๆ ก็ตามที่ต่อต้านการกระทำของเขา ถูกบิดเบือนต่อเวทีโลกว่าเป็นการต่อต้านประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นการต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ที่พวกเขาจะแก้ไขมาตรา 68 มาตรา 190 มาตรา 237 เพื่อลดอำนาจประชาชน และเพิ่มอำนาจให้ทุนสามานย์นักเลือกตั้ง) หรือ การคัดค้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรม(เพื่อลบล้างความผิดให้ตัวเขาเองและพวกพ้องบริวาร)

ก่อนหน้านี้ นช.ทักษิณพยายามปิดบังความต้องการที่แท้จริงของตัวเองมาโดยตลอดว่า การออกกฎหมายนิรโทษกรรมรวมทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นไม่ได้ทำเพื่อตัวเขา แต่ทำเพื่อประชาธิปไตยและความปรองดองของคนในชาติ

1 ปีที่แล้ว ในวันครบรอบเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงที่สี่แยกราชประสงค์ นช.ทักษิณวิดีโอลิงก์บอกกับคนเสื้อแดงว่า ไม่ต้องห่วงเขาอีกแล้ว เพราะคนเสื้อแดงได้พายเรือส่งเขามาถึงฝั่งแล้ว ต่อจากนี้เขาจะนั่งรถโฟร์วีลขึ้นภูเขาเอง

แต่ในการประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา นช.ทักษิณก็เผยไต๋ออกมาแล้วว่า ต้องการให้กฎหมายนิรโทษกรรมส่งผลรวมไปถึงตัวเขาด้วย

นช.ทักษิณสไกป์เข้าไปยังที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทยนอกจากจะกำชับให้ ส.ส.ทุกคนกล้าดันทุรังเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 โดยให้แถไปว่าไม่ได้เป็นการตัดสิทธิ์ของประชาชนแล้ว ยังได้บอกชัดเจนว่าเห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ปรองดองของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี โดยบอกว่าจะทำอะไรควรทำอะไรให้มันสุดซอย ส่วนร่างของนายวรชัย เหมะ เหมือนเดินไปครึ่งๆ กลางๆ ไม่สุดซอย จะทำอะไรก็ควรทำให้สุดซอย

ทั้งนี้ เพราะร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของนายวรชัย เหมะนั้น ให้งดเว้นความผิดเฉพาะประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุม ไม่รวมไปถึงแกนนำหรือผู้มีอำนาจตัดสินใจสั่งการให้มีการชุมนุม

ขณะที่ร่าง พ.ร.บ.การปรองดองแห่งชาติฯ ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิมแถลงเปิดตัวตั้งแต่วันที่ 18 เมษายนนั้น มีสาระสำคัญคือทุกคนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมืองตั้งแต่ปี 2549 ไม่ว่าจะเป็นประชาชนผู้ร่วมชุมนุม แกนนำ เจ้าหน้าที่รัฐ ตลอดจนผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามคำสั่งของคณะรัฐประหารเมื่อวัน19 กันยายน 2549 และคำสั่งเกี่ยวเนื่อง ให้พ้นจากความผิดทั้งหมด แล้วมารีสตาร์ทประเทศไทยกันใหม่

ในสไกป์วันที่ 30 เม.ย. นช.ทักษิณถึงกับขอร้องให้ ส.ส.ทุกคนสามัคคีกัน “ให้นึกถึงผมบ้าง ยังลอยคอในทะเล อย่าให้ลอยคอนาน มันหนาว จะเป็นปอดบวมตายอยู่แล้ว อยากกลับบ้าน” แสดงถึงความกระสันอยากเหลือเกินที่จะให้กฎหมายนิรโทษกรรมผ่านออกมาโดยเร็ว

ถึงแม้เหล่าขี้ข้าบริวารของ นช.ทักษิณ ชินวัตร จะพากันยกโขยงออกมาประจบประแจงว่า ปาฐกถาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่เมืองอุลันบาตอร์ เมื่อวันที่ 29 เมษายน เป็นสุดยอดของปาฐกถาที่เปิดเผยความจริงให้โลกรู้ และล้างมลทินให้ประเทศที่เคยถูกมองว่าเป็นเผด็จการ โดยที่ประชุม ครม.ถึงขั้นมีมติจะเผยแพร่ปาฐกถาชิ้นนี้ออกกสู่สาธารณชนในวงกว้างด้วย

แต่ในข้อเท็จจริง นี่คือปาฐกถาที่เป็นสุดยอดของการบิดเบือนความจริงชนิดกลับขาวเป็นดำกลับดำเป็นขาว โดยมีเป้าหมายที่จะดึงเอากระแสนานาชาติเข้ามากดดันกระแสภายในประเทศ ไม่ให้ต่อต้านหรือคัดค้านสิ่งที่ นช.ทักษิณ ชินวัตรต้องการ นั่นคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้ทุนสามานย์เข้ามาใช้อำนาจหาผลประโยชน์ได้ตามใจชอบ และออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้เขาพ้นจากความผิดและมีผลพลอยได้คือการได้ทรัพย์สิน 4.6 หมื่นล้านที่ศาลสั่งยึดเข้าหลวงเพราะข้อหาทุจริตกลับคืนมาอีก


กำลังโหลดความคิดเห็น