xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“แม้ว”จัดหนักรับปีงู บทเรียนความขี้ขลาดของ ปชป.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ย่างเข้าสู่ศักราชใหม่ 2556 เพียงไม่กี่วัน นช.ทักษิณ ชินวัตร ก็ให้ของขวัญแบบจัดหนักแก่พรรคประชาธิปัตย์ ถึง 2 ชิ้นใหญ่

ชิ้นแรกคือการลงนามปลดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกจากการเป็นทหาร โดย พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้ลงนามในคำสั่งที่ 1/2556 เพิกถอนคำสั่งกระทรวงกลาโหม ที่ 720/30 ลงวันที่ 7 ส.ค. 2530 ที่บรรจุนายอภิสิทธิ์ เป็นข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตร ตำแหน่ง รร.อจ.ส่วนการศึกษา รร.จปร. และเพิกถอนคำสั่งที่ 339/31 ลงวันที่ 26 เม.ย. 2531 ที่แต่งตั้งนายอภิสิทธิ์เป็นนายทหารสัญญาบัตรยศว่าที่ ร.ต.

การยกเลิก 2 คำสั่งดังกล่าว รมว.กลาโหมอ้างเหตุผลว่า นายอภิสิทธิ์ได้สมัครเข้ารับราชการในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เมื่อวันที่ 9 เม.ย.2530 โดยขาดคุณสมบัติ เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ยังไม่ผ่านการเกณฑ์ทหาร และไม่มีเอกสารใบสำคัญทางทหาร หรือเอกสารการผ่อนผันที่ถูกต้องตามกฎหมายประกอบการบรรจุและแต่งตั้งเป็นนายทหารสัญญาบัตร

ภายหลังการยกเลิกคำสั่งบรรจุและแต่งตั้งนายอภิสิทธิ์ดังกล่าว จึงถือว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้เป็นทหารแล้ว แต่เนื่องจากยศว่าที่ ร.ต.เป็นยศพระราชทาน กระทรวงกลาโหมจึงจะทำเรื่องขอถอดถอนยศพระราชทานอีกครั้ง โดยใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน

พล.อ.อ.สุกำพล ให้สัมภาษณ์ย้ำอีกครั้งว่า การเพิกถอนคำสั่งบรรจุ และแต่งตั้งนายอภสิทธิ์เป็นนายทหารนั้น เกิดจากความไม่สุจริต โดยหลีกเลี่ยง ขัดขืน หลบหนีเกณฑ์ทหารเมื่อปี 2530 และทางกระทรวงกลาโหมได้ดำเนินการต่อนายอภิสิทธิ์กรณีนำหลักฐานไม่ถูกต้องเข้ารับราชการ ทั้งการบรรจุ การแต่งตั้งยศ

นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคนใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์ ได้ออกมาตอบโต้ว่า คำสั่งเพิกถอนที่ออกมา มีความขัดแย้งกันเอง เพราะครั้งแรกออกคำสั่งปลดออกจากราชการ แสดงให้เห็นว่านายอภิสิทธิ์ต้องเป็นข้าราชการจึงจะปลดได้ แต่ล่าสุดกลับเป็นคำสั่งเพิกถอนไม่ได้เป็นข้าราชการตั้งแต่ต้น แสดงให้เห็นถึงความไม่สุจริตในการทำหน้าที่ของพล.อ.อ.สุกำพล เป็นหลักฐานยืนยันให้เห็นว่าพล.อ.อ.สุกำพลดำเนินการครั้งนี้เพื่อกลั่นแกล้งทางการเมือง

ถึงพรรคประชาธิปัตย์จะออกมาโต้แย้งอย่างไร แต่บริวารทักษิณ ก็นำเรื่องนี้ไปขยายผลต่อ โดยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ได้ยื่นเรื่องให้ กกต.พิจารณาคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ ซึ่งการถูกปลดออกจากราชการ ถือว่าขาดคุณสมบัติเป็น ส.ส. เป็นอีกปมหนึ่งที่นายอภิสิทธิ์ต้องตามแก้ตั้งแต่ต้นปี 2556

ส่วนของขวัญอีกชิ้นนั้น นช.ทักษิณ มอบให้แก่คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ซึ่งก็คือคนของพรรคประชาธิปัตย์ กรณีการขยายอายุสัมปทานเดินรถไฟฟ้าให้แก่บริษัทกรุงเทพธนาคม โดยนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเมื่อวันที่ 2 ม.ค.ว่า คณะกรรมการคดีพิเศษร่วมกับอัยการมีมติร่วมกันให้แจ้งข้อหาแก่ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม., นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ อดีต ปลัด กทม., นางนินนาท ชลิตานนท์ อดีตรองปลัด กทม. ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งปลัด กทม., นายธนา วิชัยสาร ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง กทม. รวมทั้งผู้บริหารบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด และผู้บริหาร บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส รวม 11 คน ในข้อหาร่วมกันประกอบกิจการรถรางโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือได้รับสัมปทานจาก รมว.มหาดไทย ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59, 83, 84 และ 86 โดยได้นัดหมายให้ผู้ต้องหาทั้ง 11 คน มาพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในวันที่ 9 ม.ค.
ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เตรียมโต้กลับ โดยทันทีที่ได้รับหมายเรียกเป็นลายลักษณ์อักษรจากดีเอสไอแล้ว กทม.จะส่งเรื่องให้ศาลยุติธรรมตรวจสอบว่าการดำเนินการของอธิบดีดีเอสไอเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 200 หรือไม่ นอกจากนี้ กทม.จะใช้สิทธิตามกฎหมายกล่าวโทษผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานต่อศาลอาญา

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยืนยันว่า โครงการดังกล่าวได้ผ่านการตรวจสอบข้อกฎหมายอย่างครบถ้วน จนมีความชัดเจนแล้วจึงดำเนินการ และขอยืนยันว่า ไม่ใช่การต่อสัญญาสัมปทาน แต่เป็นการจ้างโดยใช้ทรัพย์สินของ กทม.สุดท้ายแล้วรายได้ทั้งหมดจะตกเป็นของ กทม.โดยใช้อำนาจและหน้าที่ของ กทม.ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 281 และมาตรา 283 และ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 และ พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542

เห็นได้ชัดเจนว่า ทั้งสองกรณี ฝ่ายเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร ได้อ้างข้อกฎหมายที่พิลึกพิลั่น เพื่อเอาผิดคนของพรรคประชาธิปัตย์ให้ได้

กรณีการปลดและถอดยศทางทหารนายอภิสิทธิ์นั้น เห็นได้ชัดว่า เป็นการรื้อเอาเรื่องเก่าที่ทางกองทัพเคยยุติเรื่องไปแล้ว กลับมาทำลายอนาคตทางการเมืองของนายอภิสิทธิ์ให้ได้

ส่วนกรณีการเอาผิดผู้บริหาร กทม.กรณีสัมปทานรถไฟฟ้า ก็เป็นการอ้างกฎหมายคณะปฏิวัติปี 2515 ซึ่งมีกฎหมายใหม่ออกมาหักล้างไปแล้ว

ทั้งสองกรณีเห็นได้ชัดเจนว่า หากมีโอกาสจะฟาดฟันคู่ต่อสู้แล้ว นช.ทักษิณ ชินวัตร ไม่รั้งรอที่จะลงมือ
นอกจากสองกรณีดังกล่าวแล้ว ยังมีกรณีอื่นๆ เช่น การนำคดี 91 ศพที่ตายระหว่างการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 2553 ขึ้นสู่ศาลอาญาระหว่างประเทศ(ไอซีซี)ที่ฝ่ายทักษิณมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่ง

ตรงกันข้ามกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในขณะที่เป็นนายกรัฐมนตรี กุมอำนาจบริหารประเทศไว้ในมือ ที่พยายามทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ แสดงท่าทีปรองดองกับฝ่ายทักษิณ หวังเอาใจคนเสื้อแดง

ระหว่างเป็นนายกฯ 2 ปี 8 เดือน นายอภิสิทธิ์ไม่ยอมถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งที่มีเงื่อนไขที่ชัดเจนกว่าการถอดยศนายอภิสิทธิ์ด้วยซ้ำ นั่นเพราะ นช.ทักษิณ ถูกศาลตัดสินจำคุกกรณีซื้อขายที่ดินรัชดา โดยคดีถึงที่สุดแล้ว

นายอภิสิทธิ์ไม่ยกเลิกหนังสือเดินทางของ นช.ทักษิณ ไม่เอาจริงเอาจังในการติดตามจับกุมตัว นช.ทักษิณ แม้แต่การแจ้งอินเตอร์โปลหรือตำรวจสากลให้ติดตามจับกุมตัว ก็เป็นเพียงแค่คำคุย
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ ในรัฐบาลนายอภสิทธิ์ เดินทางไปพบ นช.ทักษิณ ที่ประเทศนอร์เวย์ นายอภิสิทธิ์ก็นิ่งเฉย

แถมยังเอื้ออำนวยให้มีการประกันตัวคนเสื้อแดงที่ก่อเหตุสังหารเจ้าหน้าที่-เผาบ้านเผาเมือง ช่วงการชุมนุมปี 2553

ส่วนคดีฆ่าตัดตอนยาเสพติด การสังหารหมู่ที่กรือเซะ-ตากใบ ซึ่งน่าจะถูกนำขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศก่อนหน้านี้ตั้งนาน พรรคประชาธิปัตย์ก็เพิ่งจะหยิบขึ้นมาขู่ นช.ทักษิณ หลังจากที่ทนายฝรั่งของ นช.ทักษิณเอาคดี 91 ศพไปยื่นต่อไอซีซี.แล้ว

ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะความหน่อมแน้ม ไม่ทันเกมของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองเก่าแก่ที่เชี่ยวชาญเกมการเมืองเป็นอย่างยิ่ง

หรือ เป็นเพราะโดยลึกๆ แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ ยังต้องการซูเอี๋ยกับ นช.ทักษิณและบริวาร เพราะทั้งสองฝ่ายต่างเป็นนักการเมืองพันธุ์เดียวกัน ต้องการผลัดเปลี่ยนกันเข้าสู่อำนาจรัฐ เพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตัวเหมือนกัน

2 ปี 8 เดือนของการอยู่ในอำนาจรัฐ ช่วงปลายปี 2551-2554 พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้เอาจริงเอาจริงกับการกำจัดเครือข่ายระบอบทักษิณ จนเมื่อตัวเองพ้นจากอำนาจ และถูก นช.ทักษิณไล่กระทืบแบบไม่เลี้ยง จึงเริ่มรู้สึก

บทเรียนนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะจดจำหรือไม่ หรือจะเพียงแค่ยอมโอนอ่อนตามเกมของ นช.ทักษิณที่ถือไพ่เหนือกว่า เพื่อเอาตัวรอดเฉพาะหน้าไปเท่านั้น

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. โดนเครือข่ายทักษิณจัดหนักตั้งแต่ต้นปี
กำลังโหลดความคิดเห็น