xs
xsm
sm
md
lg

จัดหนัก"สุขุมพันธ์-กทม." "ธาริต"ฟ้องตุกติกบีทีเอส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"ธาริต"จัดเต็ม มอบโชคใหญ่รับปีใหม่ สั่งฟ้อง “สุขุมพันธุ์” ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมผู้บริหาร พ่วง “กรุงเทพธนาคม-บีทีเอส” รวม 11 คน คดีอนุมัติขยายอายุสัมปทานการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสโดยไม่มีอำนาจ นัดเข้าพบพนักงานสอบสวน 9 ม.ค.นี้ พร้อมยัน รมว.มหาดไทย ใหญ่กว่า อ้างถ้าไม่ชอบด้วยกฎหมายสั่งโมฆะได้ ด้านคุณชายจ่อยื่นฟ้องดีเอสไอพ่วง "ปู" ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ดีเอสไอได้ทำหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาผู้บริหารกรุงเทพมหานครและผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวน 9 คน ได้แก่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการ กทม. นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัด กทม. นางนินนาท ชลิตานนท์ รองปลัด กทม. นายธนา วิชัยสาร ผอ.สำนักการจราจรและขนส่ง กทม. นายประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ ประธานกรรมการบริษัท กรุงเทพ ธนาคม จำกัด นายอมร กิจเชวงกุล กรรมการผู้อำนวยการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด นายคีรี การญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริษัท ระบบขนส่งมวลชน กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นายสุรพงศ์ เลาหาอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และอีก 2 องค์กร คือ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในข้อหา ร่วมกันประกอบกิจการรถรางโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือได้รับสัมปทานจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่กรุงเทพมหานครร่วมบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ทำการต่อสัญญาเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายใหม่ 3 เส้นทาง เพิ่มเติมจาก สัญญาสัมปทานเดิม เป็นเวลา 30 ปี กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (BTSC) โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

ทั้งนี้ ดีเอสไอจะออกหนังสือเชิญผู้ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาในวันพุธที่ 9 ม.ค.2556 ตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ

รายงานข่าวแจ้งว่า นายธาริตได้มอบหมาย ให้พนักงานสอบสวนทำหนังสืออีก 1 ฉบับ เพื่อส่งไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้พิจารณายกเลิกสัญญาดังกล่าวที่ทางกทม.เป็น ผู้ลงนามไป เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้มีอำนาจโดยตรงตามกฎหมาย

สำหรับประเด็นที่ดีเอสไอ เตรียมออกหมายเรียกแจ้งข้อกล่าวหาผู้บริหาร ข้าราชการระดับสูง ประธานกรรมการบริหาร(บอร์ด) และกรรมการผู้อำนวยการบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด หรือเคที (วิสาหกิจในกำกับของกทม.) ตลอดจนเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี รวม 11 คน ความผิดฐานร่วมกันประกอบกิจการค้าขายอันเป็นสาธารณูปโภคโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือได้รับสัมปทานจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 84 และมาตรา 86 แห่งประกาศคณะปฏิวัติ (ฉบับที่ 58) สืบเนื่องมาจากพนักงานสอบสวนและอัยการฝ่ายคดีพิเศษอ้างความเห็นว่า การลงนามต่อสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าระหว่างกทม.โดยเคทีกับ บมจ.บีทีเอสซี เป็นระยะเวลา 30 ปีวงเงิน 1.9 แสนล้านบาท ไม่ได้รับอนุญาตหรือสัมปทานจากกระทรวงมหาดไทย ขณะที่ในส่วนของกทม.มองว่ากรณีดังกล่าวเป็นการจ้างตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการ กทม.ฯ 2528 มาตรา 89 (8) ซึ่งเป็นการว่าจ้างไม่ใช่การต่อสัญญาสัมปทาน จึงไม่ต้องขออนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

***"สุขุมพันธุ์"เล็งฟ้องอาญา"ปู-ธาริต"
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ในการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาวันที่ 9 ม.ค. ตามที่ดีเอสไอจะออกหมายเรียกนั้น จะมีการหารือกับฝ่ายกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ก่อน เพราะถือเป็นเรื่องพรรคด้วย ซึ่งหากว่ากันตามกฎหมาย ตนเองมีความมั่นใจ และยังคงเชื่อมั่นในกฎหมาย แต่ไม่เชื่อมั่นในคน ที่ผ่านมา กทม.ก็ส่งเอกสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ดีเอสไอมาโดยตลอด ซึ่งก็ไม่ได้มีการขอข้อมูลเพิ่มเติมหรือเรียกพยานบุคคลไปให้ข้อมูล

ทั้งนี้ ผู้บริหารกทม.ตัดสินใจแล้วว่า ทันทีที่ได้รับหมายเรียกเป็นลายลักษณ์อักษรจากดีเอสไอแล้ว กทม.จะส่งเรื่องให้ศาลยุติธรรมตรวจสอบว่าการดำเนินการของอธิบดีดีเอสไอจะถือว่าเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 200 หรือไม่ และกทม. จำเป็นต้องใช้สิทธิดำเนินการตามกฎหมายกล่าวโทษผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งรวมถึงคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานต่อศาลอาญา ส่วนกรณีที่ดีเอสไอจะเสนอกระทรวงมหาดไทยให้บอกเลิกสัญญานั้น เป็นเรื่องที่กระทรวงมหาดไทยต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชนที่ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส หากบีทีเอสซี หยุดการเดินรถ

นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. โพตส์ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวว่า จำเป็นต้องใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญในการดำเนินการตามกฎหมายกล่าวโทษผู้เกี่ยวข้องต่อศาลอาญาทันทีที่ได้รับเอกสารจากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพราะถือได้ว่าการกระทำผิดสำเร็จ โดยจะได้ร้องขอให้มีการเร่งรัดการไต่สวนมูลฟ้องตลอดจนออกหมายเรียกเอกสารการประชุมทั้งสองครั้งและเรียกคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษทั้งสองชุดในการสอบพยานต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้สังคมไทยได้กลับเข้าสู่สภาวะความเที่ยงธรรมตามหลักนิติธรรมในการบริหารบ้านเมือง ตลอดจนการดำเนินการในส่วนของการกระทำอันขัดต่อรัฐธรรมนูญอันอาจนำไปสู่การยุบพรรคหรือการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

ด้านนางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกทม. ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับรายชื่อ 11 คนที่ถูกหมายเรียกจากดีเอสไอ ซึ่งมีรายชื่อข้าราชการประจำคือตนเองและนายธนา วิชัยสาร ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม. นั้น ขณะนี้ยังไม่มีความผิดทางวินัยข้าราชการ ต้องรอดูความชัดเจนในการตัดสินของกระบวนการยุติธรรมก่อน

ขณะที่นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ อดีตปลัดกทม. กล่าวว่า ตนเองยังไม่ทราบเรื่อง เพิ่งทราบจากที่ผู้สืิ่อข่าวโทรศัพท์มาสอบถาม จึงไม่สามารถตอบได้ว่าจะดำเนินการอย่างไร เนื่องจากต้องได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนก่อนและต้องรอให้ดีเอสไอแจ้งมาอย่างเป็นทางการ

**ปชป.มั่นใจ "คุณชาย" ชี้แจงได้

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ดีเอสไอ เตรียมดำเนินคดีเอาผิดกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ในกรณีทำสัญญาให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการ ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือรถไฟฟ้าบีทีเอส ว่า เป็นเรื่องที่คาดการณ์อยู่แล้ว และเชื่อว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ สามารถชี้แจงได้

นายวสันต์ มีวงษ์ โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จะขอเวลาดูคำแถลงของดีเอสไอก่อน และจะมีการชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง โดย กทม.พร้อมชี้แจงในทุกกรณี ทั้งจากดีเอสไอ หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยืนยันว่าทุกขั้นตอนที่มีการทำสัญญาเป็นไปตามกฎหมาย

**เพื่อไทยข้องใจ กทม. โยงนายกฯ เอี่ยว

ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่ที่ปรึกษาของ นายธีระชน ข่มขู่จะฟ้อง น.ส ยิ่งลักษณ์ เพราะการที่ดีเอสไอตั้งข้อกล่าวหาแก่ กทม. นั้น สะท้อนให้เห็นว่า ไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย เนื่องจากกรณีดังกล่าวไม่ได้มีมูล และไม่มีพื้นฐานทางกฎหมายใดๆ ที่จะไปเกี่ยวข้องกับ น.ส ยิ่งลักษณ์ อีกทั้งดีเอสไอเป็นองค์กรที่มีความเป็นอิสระ ย่อมต้องตัดสินใจไปตามพยานหลักฐานที่มี หาก กทม. เชื่อมั่นว่าตัวเองบริสุทธิ์ ก็ควรไปชี้แจงข้อเท็จจริงและพิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ออกมาอวดเบ่งและข่มขู่ผู้ที่จะดำเนินคดีกับตัวเอง ซึ่งเป็นการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม และเป็นการแสดงความเขลาทางกฎหมายในที่สาธารณะ

"หากพวกคุณไม่มีที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ก็ไม่ควรพูดจาเลอะเทอะ เพราะยิ่งน่าสงสัยว่า ที่ถูกดำเนินคดีกรณีบีทีเอส เป็นเพราะไม่รู้กฎหมาย จนอาจไปทำอะไรไม่ชอบมาพากลไว้หรือเปล่า อยากถามว่าการดึงนายกฯ มาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ เป็นการสร้างประเด็นเพื่อหวังประโยชน์ในการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม ใช่หรือไม่ หากใช่ ก็ขอประณามที่เล่นสกปรก" ร.ท.หญิงสุณิสากล่าว

ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวว่า กทม.ควรชี้แจงกับประชาชนในเรื่องสนามฟุตซอล ที่สร้างไม่เสร็จ รวมถึงเวลาฝนตกทีไรน้ำท่วมกทม.ทุกครั้ง ซึ่งการชี้แจงเรื่องเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนมากกว่า แต่การออกมาขู่ว่าจะยื่นถอดถอนนายกฯ เพื่อให้มีการยุบพรรคเพื่อไทยนั้น สมควรไปเข้ารับการบำบัดโดยด่วน

**แนะคุณชาย”ไขก๊อกหนีปมร้องเรียน

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธาน กกต.กทม. กล่าวภายหลังประชุม กกต.กทม. เพื่อเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า ผู้ว่าฯ กทม. จะครบวาระในวันที่ 10 ม.ค. นี้ หาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. อยู่จนครบวาระ กกต. จะมีเวลาจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน และกำหนดเบื้องต้นไว้วันที่ 17 ก.พ.2556 แต่หาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ลาออกก่อนครบวาระ กกต. จะมีเวลาจัดการเลือกตั้งเพิ่มเป็น 60 วัน ดังนั้น น่าจะกำหนดวันเลือกตั้งได้ในวันอาทิตย์ที่ 3 มี.ค.2556

“เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาร้องเรียนและสุ่มเสี่ยงกับการกระทำผิด ตามมาตรา 57 ของกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น จึงอยากขอร้องให้ ม.รว.สุขุมพันธ์ ลาออกก่อนครบวาระ เพราะจะได้หมดปัญหาเรื่องการร้องที่เข้าข่ายการกระทำผิดมาตราดังกล่าว” นายทวีศักดิ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมยังได้หารือกรณีว่าที่ผู้สมัครขึ้นป้ายหาเสียงคู่กับบุคคลสำคัญว่าจะเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ ที่ประชุมเห็นว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นไม่มีข้อห้ามไว้ และว่าที่ผู้สมัครไม่ได้สังกัดพรรคการเมือง แต่เตือนให้ระมัดระวัง ข้อความหาเสียง เพื่อไม่ให้เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น