xs
xsm
sm
md
lg

“สุขุมพันธุ์” เชื่อ กม.ไม่เชื่อคน เล็งฟ้องอาญา “ปู-ธาริต” หากมีหมายเรียกคดีบีทีเอส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“สุขุมพันธุ์” เล็งฟ้องอาญา “ยิ่งลักษณ์-ธาริต” คดีบีทีเอส เผย เชื่อมั่นในกฎหมาย แต่ไม่เชื่อมั่นในคน ลั่นหากได้รับหมายเรียกเตรียมส่งต่อศาลยุติธรรมตรวจสอบการดำเนินคดีของอธิบดีดีเอสไอผิดกฎหมายหรือไม่
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. (แฟ้มภาพ)
วันนี้ (2 ม.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น.ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงข่าวกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะมีหมายเรียกผู้บริหาร กทม.บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี ไปรับแจ้งข้อกล่าวหาในโครงการที่ กทม.ดำเนินการให้มีจ้างเดินรถไฟฟ้าเป็นเวลา 30 ปี ในวันที่ 9 ม.ค.นี้ ว่า การเข้ารับทราบข้อกล่าวหาวันที่ 9 ม.ค.ตามที่ดีเอสไอจะออกหมายเรียกนั้น จะมีการหารือกับฝ่ายกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ก่อน เพราะถือเป็นเรื่องพรรคด้วย ซึ่งหากว่ากันตามกฎหมาย ตนเองมีความมั่นใจ และยังคงเชื่อมั่นในกฎหมาย แต่ไม่เชื่อมั่นในคน ที่ผ่านมา กทม.ก็ส่งเอกสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ดีเอสไอมาโดยตลอด ซึ่งก็ไม่ได้มีการขอข้อมูลเพิ่มเติมหรือเรียกพยานบุคคลไปให้ข้อมูล

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ผู้บริหาร กทม.ตัดสินใจแล้วว่า ทันทีที่ได้รับหมายเรียกเป็นลายลักษณ์อักษรจากดีเอสไอแล้ว กทม.จะส่งเรื่องให้ศาลยุติธรรมตรวจสอบว่าการดำเนินการของอธิบดีดีเอสไอถือว่าเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 200 หรือไม่ นอกจากนี้ กทม.จำเป็นต้องใช้สิทธิดำเนินการตามกฎหมายกล่าวโทษผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งรวมถึงคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานต่อศาลอาญา ส่วนกรณีที่ดีเอสไอจะเสนอกระทรวงมหาดไทยให้บอกเลิกสัญญานั้น เป็นเรื่องที่กระทรวงมหาดไทยต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชนที่ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส หากบีทีเอสซี หยุดการเดินรถ

“กทม.ขอยืนยันว่า โครงการดังกล่าวได้ผ่านการตรวจสอบข้อกฎหมายอย่างครบถ้วน จนมีความชัดเจนแล้วจึงดำเนินการ และขอยืนยันว่า ไม่ใช่การต่อสัญญาสัมปทาน แต่เป็นการจ้างโดยใช้ทรัพย์สินของ กทม.สุดท้ายแล้วรายได้ทั้งหมดจะตกเป็นของ กทม.โดยใช้อำนาจและหน้าที่ของ กทม.อย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 281 และมาตรา 283 และ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 และ พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว

ด้านนางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัด กทม.ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับรายชื่อ 11 คนที่ถูกหมายเรียกจากดีเอสไอ ซึ่งมีรายชื่อข้าราชการประจำ คือ ตนเอง และ นายธนา วิชัยสาร ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม.นั้น ขณะนี้ยังไม่มีความผิดทางวินัยข้าราชการ ต้องรอดูความชัดเจนในการตัดสินของกระบวนการยุติธรรมก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อนึ่ง ฐานความผิดตามประมวลกฎหมายและวิธีพิจารณาความคดีอาญา หมวดที่ 2 ว่าด้วยความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมมาตรา 200 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา หรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดๆ ในตำแหน่งอันการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใด มิให้ต้องโทษหรือให้รับโทษน้อยลง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน สูงสุดถึง 7 ปี และเสียค่าปรับ 1,000-14,000 บาท และถ้าการกระทำหรือไม่กระทำนั้นเป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องรับโทษ รับโทษหนักขึ้น หรือต้องถูกบังคับตามวิธีการเพื่อความปลอดภัย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกตั้งแต่ 1-20 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000-40,000 บาท

มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขณะที่ นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ อดีตปลัด กทม.กล่าวว่า ตนเองยังไม่ทราบเรื่อง เพิ่งทราบจากที่ผู้สืิ่อข่าวโทรศัพท์มาสอบถามจึงไม่สามารถตอบได้ว่าจะดำเนินการอย่างไรเนื่องจากต้องได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนก่อนและต้องรอให้ดีเอสไอแจ้งมาอย่างเป็นทางการ
กำลังโหลดความคิดเห็น