อธิบดีดีเอสไอมอบโชคใหญ่รับปีใหม่ สั่งฟ้อง “สุขุมพันธุ์” ผู้ว่าฯ กทม.พร้อมผู้บริหาร พ่วง “กรุงเทพธนาคม-บีทีเอส” 11 คน คดีอนุมัติขยายอายุสัมปทานการเดินรถไฟฟ้าโดยไม่มีอำนาจ เตรียมนัดเข้าพบพนักงานสอบสวน 9 ม.ค.นี้ ยัน รมว.มหาดไทยใหญ่กว่า อ้างถ้าไม่ชอบด้วยกฎหมายสั่งโมฆะได้
วันนี้ (2 ม.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงข่าวคดีที่กรุงเทพมหานครอนุมัติให้ขยายอายุสัมปทานการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยกล่าวว่าคณะกรรมการคดีพิเศษร่วมกับอัยการมีมติร่วมกันให้แจ้งข้อหาแก่ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม., นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ อดีตปลัด กทม., นางนินนาท ชลิตานนท์ อดีตรองปลัด กทม. ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งปลัด กทม., นายธนา วิชัยสาร ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง กทม. รวมทั้งผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด และผู้บริหาร บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส รวม 11 คน ในข้อหาร่วมกันประกอบกิจการรถรางโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือได้รับสัมปทานจาก รมว.มหาดไทย ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59, 83, 84 และ 86 ซึ่งกรณีนี้ผลจากการที่ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพธนาคมฯ ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศของคณะปฏิวัติ ทำให้สัญญาให้บริการเดินรถรวมถึงสัญญาอื่นที่เกี่ยวข้องเป็นนิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดเจน โดยกฎหมายก็ถือว่าตกเป็นโมฆะ
นอกจากนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีการพิจารณาแล้วเห็นว่า รมว.มหาดไทยเป็นผู้ที่มีอำนาจ และมีหน้าที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติราชการของกรุงเทพมหานคร ซึ่งหาก รมว.มหาดไทยเห็นว่าการปฏิบัติใดๆ ของผู้ว่าฯ กทม.ขัดต่อกฎหมายหรือว่าเป็นไปในทางทำให้เกิดการเสียประโยชน์ของกรุงเทพมหานคร รมว.มหาดไทยสามารถยับยั้งหรือสั่งการตามที่เห็นสมควรได้ กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมีหนังสือไปถึง รมว.มหาดไทย โดยให้มีการพิจารณาถึงการปฏิบัติราชการของกรุงเทพมหานคร หากว่าเป็นไปไม่ชอบโดยกฎหมาย กระทรวงมหาดไทยในฐานะผู้มีส่วนได้เสียอาจจำเป็นต้องดำเนินการยกความเสียเปล่าแห่งความเป็นโมฆะของสัญญาขึ้นกล่าวอ้างได้ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้นัดหมายให้ผู้ต้องหาทั้ง 11 คน มาพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในวันที่ 9 ม.ค. ตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น.