ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ยิ่งใกล้วันที่ 24 พ.ย. สังคมออนไลน์ และสังคมข่าวสาร เต็มไปด้วยข่าวการนัดชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยามมากขึ้น
จนสร้างความสงสัยให้กับคนทั่วไปว่า ทำไมรัฐบาลและกลุ่มนปช. ถึงได้ “กลัว” กันมาขนาดนี้
กลัวเพราะเสื่อม
หรือกลัวเพราะมีจุดอ่อนมาก
“วัวสันหลังหวะ” มักมีพฤติกรรมเช่นนี้เสมอ
นั่นทำให้เป้าหมาย 1 ล้านคน...อาจจะเป็นไปได้
องค์การพิทักษ์สยาม จึงได้จัดให้มีการแถลงข่าวทุกวันเวลาบ่ายสาม
พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี โฆษกองค์การพิทักษ์สยาม แถลงว่า “หากประชาชนจะมากันอย่างมากมายก็ยิ่งดี เพราะจะเป็นการบ่งบอกถึงปวงประชาชาวไทยว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขระบบและกติกาควบคุมทางการเมือง รวมทั้งระเบียบวินัยที่จะดูแลบังคับข้าราชการ ไม่ให้มีการประพฤติมิชอบ"
"การชุมนุมครั้งนี้จะไม่ยืดเยื้อ และจะไม่เคลื่อนที่ ไม่มีนโยบายแผนงานที่จะยึดสถานที่ใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ได้ยืนยันไว้แล้ว โดยในวันที่ 24 พ.ย. จะเป็นวันที่ประชาชนออกมาแสดงพลัง ต้องการที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ซึ่งไม่ใช่เป็นการรัฐประหาร แต่จะให้รัฐบาลยุติการบริหารจัดการ"
พล.อ.ท.วัชระ ประเมินว่า “ขณะนี้มีกลุ่มประชาชนรักชาติรักแผ่นดิน ได้มีการลงทะเบียนไว้ชัดเจนประมาณ 5 แสนคน ถ้าหากมาทั้ง 5 แสน ก็ยังถือเป็นแค่กลุ่มเดียว ซึ่งก็ยังมีกลุ่มอื่น ๆ ร่วมอีก”
ลองนึกภาพดู หากมีคน 5 แสนคน มาชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้าจริง...รัฐบาลก็บริหารประเทศไม่ได้แล้ว
นั่นทำให้ทุกส่วนของพรรคเพื่อไทย เต้นเป็นเจ้าเข้า
พรรคเพื่อไทย ถึงกับแถลงข่าวทำลายความชอบธรรมการชุมนุมว่า “เท่าที่ทราบ มีการระดมทุนของกลุ่มที่เคยล้มรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อปี 49 รวมทั้งกลุ่มทุนใหม่ที่เสียประโยชน์จากการบริหารงานของรัฐบาล ได้ร่วมลงขันกัน และได้ทราบข้อมูลจากประชาชนในภาคใต้ว่า มีการส่งคนไปชักชวนประชาชน 11 จังหวัดภาคใต้ ให้มาร่วมชุมนุม โดยให้ค่าตอบแทน 1,500 บาท/วัน ตั้งเป้าจังหวัดละ 7,000-10,000 คน และยังทราบอีกว่า ใน กทม.และปริมณฑล ก็มีการเกณฑ์คนคล้ายกัน” โฆษกนักแสดงพรรคเพื่อไทย อธิบายเป็นฉากๆ
แม้กระทั่งทนายความในเครือข่ายอย่าง “นายหนึ่งดิน วิมุตตินันท์” ตัวแทนชมรมทนายผู้รักความเป็นธรรม ได้เข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ฟ้อง พล.อ.บุญเลิศ แก้ประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย ประธานกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม เพื่อขออำนาจศาลระงับให้ผู้ถูกร้องและกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมล้มล้างรัฐบาล ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ในวันที่ 24-25 พ.ย. อีกทั้งยังขอให้ศาลมีคำสั่งไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อขอใช้วิธีการคุ้มครองชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดี ตามมาตรา 264 ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เพื่อให้ยุติการชุมนุมตามวันและเวลาดังกล่าว ก่อนศาลจะมีคำวินิจฉัย เนื่องจากการกระทำของกลุ่ม พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เข้าข่ายตามมาตรา 68 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ”
เขาบอกว่า “การกระทำขององค์การพิทักษ์สยาม ที่จะออกมาชุมนุมล้มล้างการทำงานของรัฐบาล เข้าข่ายตามมาตรา 68 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ ในฐานะของความเป็นกบฏ”
ทั้งนี้มาตรา68 รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 บัญญัติไว้ดังนี้
บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้
ในกรณีบุคคลหรือพรรคการเมืองใดกระทำการตามวรรคหนึ่ง ผู้ทราบการกระทำดังกล่าว ย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริง และยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว แต่ทั้งนี้ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการดังกล่าว
ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้พรรคการเมืองใดเลิกกระทำการตามวรรคสอง ศาลรัฐธรรมนูญอาจยุบพรรคการเมืองดังกล่าวได้
ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งยุบพรรคการเมืองตามวรรคสาม ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ถูกยุบในขณะกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นระยะเวลาห้าปีนับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งดังกล่าว
เอาแค่ข้อหา “ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้” คุณหนึ่งดินก็กลายเป็นธุลีดินไปทันที
เหตุผลสำคัญก็คือ องค์การพิทักษ์สยาม ไม่ได้ล้มล้างการปกครอง แต่กำลังปกป้องการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทางเป็นประมุข
3 ข้อหาสำคัญของรัฐบาลเลวแห่งยุคก็คือ
1. รัฐบาลปล่อยให้มีการจาบจ้วง ล่วงละเมิดสถาบันฯ โดยไม่มีการป้องกัน และดูเหมือนจะมีการส่งเสริมมากกว่า 2. รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของ ทักษิณ ชินวัตร อีกทั้งยังไม่มีประสิทธิภาพในการบริหาร และขาดธรรมาภิบาล 3. รัฐบาลชุดนี้ปล่อยให้มีการทุจริตคอร์รัปชันเกิดขึ้น
ทำให้ความพยายามของคุณธุลีดิน..ไม่มีความหมาย
นอกจากนี้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังถ่มน้ำลายรดฟ้า ด้วยการประกาศว่า
“รัฐบาลจะเดินหน้าส่งเสริมการปรองดองบนพื้นฐานนิติรัฐ และการเจรจาระหว่างทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ข้อขัดแย้งทางการเมืองจะต้องแก้ปัญหาในรัฐสภา ไม่ใช่การประท้วงบนถนน และมีความรุนแรง” ในระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ ในหัวข้อ “2013: The Year of Opportunity in Thailand” ในการปฏิบัติภารกิจที่สหราชอาณาจักร
ทั้งๆ ที่รัฐบาลชุดนี้มาจากการประท้วงบนถนนของกลุ่ม นปช.
ลืมกำพืดของตัวเองเสียหมด
แม้กระทั่งตำรวจยังแสดงความกังวลผ่านการใช้กฎหมาย
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) บอกนักข่าวว่า “ทราบว่าทางรัฐบาลจะมอบให้ผมเป็นผู้อำนวยการในการดูแลสถานการณ์ ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ซึ่งทางรัฐบาลน่าจะมีการใช้กฎหมายฉบับนี้ ในการเข้ามาดำเนินการรับมือการชุมนุม ”
โดยเตรียมตำรวจไว้ 50,000 นาย ตามแผนกรกฎ 52
ผบ.ตร. แสดงตัวเป็นเครื่องมือของพรรคเพื่อไทย โดยบอกกับนักข่าวว่า “กระแสข่าวที่มีการระบุว่า กลุ่มทุนกลุ่มหนึ่งมีการลงขันด้วยเงินจำนวน 6,000 ล้านบาท เพื่อล้มล้างรัฐบาลนั้น ก็สอดคล้องกับกระแสข่าวของตำรวจสันติบาล โดยกลุ่มทุนดังกล่าว ยังได้หนุนกลุ่มผู้ชุมนุมขับไล่รัฐบาลอีกด้วย แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในเวลานี้ ”
ขณะที่ “สายลับแบบฉบับไอ้ปื้ด” อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี บอกว่า “ทางสันติบาลรายงานว่า บางกลุ่มมีจำนวนมาก บางกลุ่มมีจำนวนน้อย แต่ตั้งตนเองเป็นกลุ่ม ส่วนนายทุน ผมได้ประสานไปแล้ว 4 กลุ่ม ซึ่งเขาก็ได้อธิบายความให้ฟังว่า ใครมาติดต่อเขาบ้าง แต่สุดท้ายแล้วเขาไม่ให้ ยังมีบ่อนเล็กๆ น้อยๆ อย่างบ่อนบางนา เตาปูน ส่วนแหล่งยาเสพติดยังไม่ ”
สายลับแบบเฉลิม ที่เคยได้เกรด A วิชากฎหมายจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง เล่าให้นักข่าวฟังเป็นฉาก ๆ
แต่ธุรกิจสนามมวยอ้อมน้อย กลับคึกคักเป็นพิเศษ มีรายได้เกือบ 70 ล้านบาท
เฉลิมไม่พูดถึง
คนปากมอมหลงตัวเองแบบ “ปลอดประสพ สุรัสวดี” ได้วิจารณ์ด้วยประสบการณ์การเมืองอันไม่มากนักว่า “ อยู่ๆ มีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นคนล้าหลัง สมัยยุคหินได้รวมตัวกันและป่าวประกาศจะแช่แข็งประเทศไทย ทำตัวต่อต้านประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่คนอื่นมีแต่สนับสนุนประชาธิปไตย ผมอยากฝากเตือนคนเหล่านั้นว่า คุณอยากจะดังหรืออย่างไร หรือถ้าคุณคิดอยากจะดังอย่างนี้จริงๆ คุณต้องเข้าป่าและหาเหวสักแห่ง แล้วก็ประกาศประเทศของท่านเอง แล้วก็ปิด จะอยู่แบบลิงแบบค่าง แบบมดแบบปลวกก็ว่าไปเลย แต่กรุณาอย่ามายุ่งกับประเทศไทยและกรุงเทพมหานคร”
ทั้งๆ ที่คุณท่านปลอดยังไม่มีปัญญาแก้ปัญหาน้ำท่วมได้
เคยถูกส.ส.ในพรรคเพื่อไทยชี้หน้าด่าแล้ว ยังไม่หลายจำ ทั้งๆที่เก่งแต่ปากเท่านั้น
คล้ายๆ กับการตกใจกลัวของ “คนไม่มีคุณภาพ” อย่าง “เหวง โตจิราการ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่า “อยากให้ประชาชนทั้งประเทศต่อต้านการชุมนุมของ เสธ.อ้าย โดยไม่เข้าร่วมชุมนุม และควรแช่แข็ง เสธ.อ้าย ด้วยการไม่ต้องต้อนรับ ไม่ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมทุกชนิดเสธ.อ้าย กับพวก”
ทั้งๆที่สังคมไม่สังสรรค์คนที่ชื่อนี้อยู่แล้ว
หากเอ่ยชื่อ “เหวง” แล้วบ่งบอกสรรพคุณไว้ครบ โดยไม่มีคำบรรยายแนบท้าย
ไม่เว้นแม้กระทั่ง “ญาติผู้พี่ทักษิณ” พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เตรียมทหารรุ่น 5 ( ตท.5 ) อดีต ผบ.สส. พล.อ.ธนู ศรียากูล ประธานศิษย์เก่าเตรียมทหารรุ่น 5 , พล.อ.ไตรศักดิ์ อินทรรัสมี (ตท.10) อดีตที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก, พล.อ.วิเชียร วิเวก (ตท.10) อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.ท.มนัส เปาริก (ตท.10) อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 ได้ร่วมแถลงการณ์แสดงเจตนารมณ์เพื่อเรียกร้องให้ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ (เสธ.อ้าย) ประธานองค์การพิทักษ์สยาม หยุดเคลื่อนไหวชุมนุมขับไล่รัฐบาล
แม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ยังต้องตอกย้ำ “ความมีวินัยของทหาร”
เพราะหลายคนเชื่อว่า ทหารจะถอดเครื่องแบบมาร่วมชุมนุมด้วย
นั่นจึงทำให้ พันธมิรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย งดกิจกรรมทางการเมืองระหว่างวันที่ 24-25 พ.ย.นี้ ทั้งหมด
เพื่อแสดง “ความไม่เชื่อถือ” ให้ปรากฏแก่สายตาสังคมไทย !!