xs
xsm
sm
md
lg

หนึ่งล้านคน ปฏิรูปประเทศไทย

เผยแพร่:   โดย: วิทยา วชิระอังกูร


หลังการชุมนุมใหญ่ที่สนามม้านางเลิ้ง เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2555  ซึ่งจัดโดยองค์การพิทักษ์สยามและภาคีเครือข่ายประสบผลสำเร็จ มีประชาชนออกมาร่วมชุมนุมจำนวนหลายหมื่นคน มากเกินคาดหมาย จนได้รับการกล่าวขวัญโดยทั่วไปว่าเป็นม็อบจุดติด ทำให้พลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์  แกนนำประกาศจะมีการจัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งหนึ่งประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน โดยให้คำมั่นสัญญาว่า หากมีประชาชนคนไทยออกมาร่วมชุมนุมจำนวน 1 ล้านคน จะนำขบวนขับไล่รัฐบาล แช่แข็งการเมืองไทย และจัดการปฏิรูปประเทศไทยใหม่ภายใน 5 ปี  ให้เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และอำนวยประโยชน์สุขแก่มหาชนชาวสยามอย่างแท้จริง

ต่อมาในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2555 พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ (เสธ.อ้าย) ประธานองค์การพิทักษ์สยาม พร้อมแนวร่วมภาคีเครือข่ายกว่า 500 คน ได้ร่วมประชุมแถลงกำหนดท่าที ในหัวข้อ “ประชาชนทนไม่ได้ ร่วมกำหนดชะตากรรม วันพิพากษา” โดย พล.อ.บุญเลิศ กล่าวถึงการจัดการประชุมปวงชนชาวไทยภาคีเครือข่ายพิทักษ์สยามว่า เป็นการจัดขึ้นเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารงานที่ผิดพลาดของรัฐบาล ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประชาชนต้องรวมตัวกันเพื่อขับไล่รัฐบาล และได้ร่วมกันอ่านปฏิญญาปวงชนชาวไทยพิทักษ์สยาม โดยเนื้อหาระบุว่า การบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มิได้เคารพยึดถือการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่างแท้จริง ส่งผลให้เกิดวิกฤตเสียหายอย่างรุนแรงต่อความมั่นคงของชาติ ทั้งในด้านการเมืองการปกครองด้านสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้านเศรษฐกิจ ด้านพลังงาน ฯลฯ ทั้งนี้ องค์การพิทักษ์สยามและภาคีเครือข่ายขอให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยุติการบริหารประเทศเพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้ร่วมใจแก้ไขวิกฤตประเทศ โดยยึดถือปฏิญญาปวงชนชาวไทยพิทักษ์สยามเป็นแนวทางร่วมกัน ดังนี้

1. ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกไม่ได้

2. ประเทศไทยต้องปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข องค์พระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องในทางใดมิได้

3. อำนาจอธิปไตยต้องเป็นของประชาชน ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการปกครองอย่างแท้จริง

4. การบริหารประเทศต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรมปราศจากการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ และให้มีมาตรการลงโทษอย่างรุนแรงรวดเร็ว

  5. การดำเนินการด้านเศรษฐกิจต้องเป็นไปตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ประชาชนเป็นสำคัญ และ

  6. ร่วมกันกำจัดระบอบการเมืองและนักการเมืองที่ทำลายชาติและทรยศประชาชน

  จากนั้นเวลา 12.00 น.พล.อ.บุญเลิศ ประกาศต่อแนวร่วมที่มาร่วมประชุมว่าให้ออกมาชุมนุมร่วมกันในวันที่ 24 พฤศจิกายน เวลา 09.01 น. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งวันนั้นจะเป็นวันพิพากษารัฐบาลโดยประชาชน

“ม็อบ เสธ.อ้าย” ที่เดิมถูกประเมินค่าไว้ต่ำ เพราะต้นทุนทางสังคมการเมืองของแกนนำที่แทบจะเรียกได้ว่ามีค่าเป็นศูนย์ กลับกลายเป็นม็อบที่กระทบใจและโดนใจประชาชนคนไทยส่วนหนึ่ง ที่เริ่มทนไม่ไหวและรับไม่ได้กับระบบการเมืองและนักการเมืองไทย และกลับกลายเป็นการระดมคนมารวมตัวกันได้หลายกลุ่มหลายเครือข่ายแบบไม่มีเสื้อสีเป็นเครื่องกำหนดกีดขวาง เป็นการรวมตัวกันของคนไทยที่มีจิตใจตรงกันในเรื่องชาติและราชบัลลังก์อย่างแท้จริง

พรรคพวกหลายคนปรารภกับผมในครั้งแรกว่า จะไปรอดหรือกับบุคลิกลักษณะของแกนนำอย่างเสธ.อ้าย ที่พูดจาตะกุกตะกักไม่คล่องแคล่ว ปราศจากวาทศิลป์ของผู้นำมวลชน ซึ่งผมแย้งและเห็นต่างว่า เสน่ห์ของความตรงไปตรงมาแบบนายทหารที่ไม่มีลูกเล่น บุคลิกลักษณะเอาจริงเอาจังแบบนักเลงนักสู้ลูกผู้ชายไทย คือจุดแข็งที่โดนใจคนไทย ในภาวะกดดันที่ต้องอดทนกล้ำกลืนกับความกะล่อนปลิ้นปล้อนของนักการเมืองไทยมายาวนาน และคนไทยคงเริ่มเบื่อหน่ายกับวาทศิลป์ปลอมๆ ของผู้ดีจอมปลอมแบบนักการเมือง ที่เล่นการเมืองกันแบบคำนึงถึงแต่ประโยชน์พรรคและประโยชน์ส่วนตัวทางการเมือง โดยไม่มีใครเป็นผู้แทนที่รับใช้เพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริงเลย และผมย้ำกับพรรคพวกทุกคนว่า ผมเชื่อว่า “ม็อบเสธ.อ้าย” จะเป็นมิติใหม่ ในการรวมตัวกันของประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่าที่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้ และผมได้บอกต่อพรรคพวกคนแวดล้อมผมว่า อย่าได้ประเมินนายทหารระดับชื่อชั้นประธานรุ่นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 1 ต่ำจนเกินไป นะจะบอกให้

ในส่วนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น แม้จะประกาศจุดยืนว่าไม่เข้าร่วม แต่ก็ให้กำลังใจและสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยประกาศงดกิจกรรมเพื่อเปิดโอกาสให้มวลชนพันธมิตรฯ ไปร่วมชุมนุมได้อย่างเสรีเป็นส่วนบุคคล ซึ่งกรณีนี้ผมก็ออกจะเห็นด้วยกับท่าทีและจุดยืนของแกนนำพันธมิตรฯ เพราะอย่างน้อยเดิมพันของการเมืองภาคประชาชนในครั้งนี้ ซึ่งยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าจะแพ้หรือชนะ อย่างน้อยก็จะไม่เป็นการเสี่ยงสู้แบบเทหมดหน้าตัก หากม็อบเสธ.อ้าย เกิดพลาดพลั้งเสียที ไม่ประสบผลสำเร็จ ประชานคนไทยก็จะยังมีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือมวลชนคนเสื้อเหลือง เป็นหลักการเมืองภาคประชาชน เป็นหลักประกันที่จะต่อสู้เพื่อความถูกต้องชอบธรรมทางการเมืองอีกต่อไป หรือหากว่า “ม็อบเสธ.อ้าย” ประสบผลสำเร็จ พันธมิตรฯ ก็จะเป็นอีกหนึ่งองค์กรภาคประชาชนที่จะสามารถตรวจสอบท้วงติงการดำเนินงานขององค์การพิทักษ์สยามและภาคีเครือข่าย ให้ดำเนินการไปในทิศทางที่ถูกต้องและเอื้อประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนโดยส่วนรวม ตามเจตนารมณ์อันเป็นสัญญาประชาคม

การเมืองไทยเดินทางมาถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญอีกครั้งหนึ่ง วันที่ 24 พฤศจิกายน 2555 นี้ จะเกิดอะไรขึ้น ล้วนเป็นเรื่องคาดเดากันไปต่างๆ นานา แต่โพลต่างๆ เสนอผลการสำรวจตรงกันว่า คนไทยให้ความสนใจการชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า มากกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในรัฐสภา เพราะคนไทยคงเริ่มเบื่อหน่ายต่อ “ปาหี่” ทางการเมือง ที่ต่างก็เคยผลัดกันอภิปรายไม่ไว้วางใจกันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว และต่อให้มีข้อมูลการทำผิดทุจริตร้ายแรงชัดแจ้งแดงแจ๋อย่างไร พอลงมติฝ่ายรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากก็ชนะทุกครั้งไป โดยไม่ต้องสนใจไยดีต่อความผิดถูกชอบธรรมแต่อย่างใด เหมือนดูถูกดูแคลนประชาชนตลอดมา

ในส่วนของฝ่ายทหาร ท่าทีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เคยให้สัมภาษณ์อย่างแข็งกร้าวในช่วงแรกว่า ทหารคนใดไปร่วมชุมนุมถือเป็นการผิดวินัย จะพิจารณาลงโทษทางวินัยทหารอย่างเฉียบขาดนั้น ก็ดูเหมือนจะเริ่มมีท่าทีผ่อนปรนลง โดยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังว่า ทหารคนใดไปร่วมชุมนุมก็ถือเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ในส่วนของตนก็อยากให้ทหารทำหน้าที่ของทหาร ไม่อยากให้ไปร่วมชุมนุม ซึ่งท่าทีของ ผบ.ทบ. ครั้งหลังนี้น่าจะส่งผลบวกและผ่อนคลายต่อม็อบเสธ.อ้าย อย่างน่าติดตามตอนต่อไป

การชุมนุมที่ถูกฝ่ายรัฐบาลประเมินอย่างหมิ่นแคลนในเบื้องต้น เริ่มทำให้ฝ่ายรัฐบาลหวั่นไหวและเตรียมการสะกัดกั้นอย่างเต็มที่ทุกรูปแบบ แล้ว 24 พฤศจิกายน จะเป็นวันตัดสินว่าใครจะอยู่ใครจะไป ซึ่งเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่คนไทยทุกคนควรจับตามองอย่ากะพริบตา ผมขอส่งบทกวีมาร่วมด้วยช่วยกัน ดังนี้ครับ                                     

กำลังโหลดความคิดเห็น