xs
xsm
sm
md
lg

พธม.ย้ำหนุนกำลังใจ “เสธ.อ้าย” แต่ยังไม่ร่วมชุมนุม-ยันเดินสายให้ความรู้ ปชช.เพื่อปฏิรูปใหญ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พันธมิตรฯ แถลงย้ำจุดยืนให้กำลังใจ “พิทักษ์สยาม” เปิดทางพี่น้องเข้าร่วม แต่ยังไม่เข้าเงื่อนไขร่วมนำชุมนุม ยืนยันแนวทางเดินสายให้ความรู้ประชาชน รอสุกงอมก่อนเคลื่อนปฏิรูปใหญ่ ด้าน “สนธิ” เชื่อกลุ่ม เสธ.อ้าย อยากเห็นบ้านเมืองดี ยืนยันไม่หวงมวลชน ใครเข้าร่วมมีสิทธิบอกเป็นพันธมิตรฯ ย้ำการแก้ปัญหาชาติเป็นเรื่องระยะยาว ชุมนุมครั้งสองครั้งไม่จบ ต้องให้ปัญญญาประชาชนก่อน “ลุงจำลอง” จวกนักการเมืองเสียประโยชน์ค้านแช่แข็งประเทศ “พิภพ” เผย พันธมิตรฯ พร้อมร่วมทุกกิจกรรมหากนำสู่การปฏิรูป


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง แถลงการณ์จุดยืนของพันธมิตรต่อการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม  

เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.วันที่ 12 พ.ย.ที่บ้านพระอาทิตย์ ภายหลังจากการประชุมแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ รุ่นที่ 1 ได้แถลงข่าวจุดยืนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยามในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2555 มีเนื้อความดังนี้

“ตามที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 8/2555 เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ.2555 นั้น ได้แสดงจุดยืนต่อการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม สรุปเอาไว้ 3 ประการ ดังนี้

1.มีมติให้กำลังใจในการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม
2.มีมติแจ้งให้ทราบว่าแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังไม่พร้อมเข้าร่วมชุมนุม
3.การตัดสินใจของประชาชนในการเข้าร่วมชุมนุมถือเป็นเป็นสิทธิเสรีภาพที่ได้บัญญัติเอาไว้ในรัฐธรรมนูญ และถือเป็นวิจารณญาณของปัจเจกบุคคล

ต่อมา พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ในฐานะแกนนำองค์การพิทักษ์สยาม ได้แสดงเจตจำนงในการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศ โดยจะชุมนุมใหญ่ในวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2555 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าควรให้กำลังใจอย่างเป็นรูปธรรม จึงเห็นว่าควรงดกิจกรรมใดที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยามในวันดังกล่าว ดังนั้นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงมีมติอย่างเป็นเอกฉันท์ให้งดจัดงานเสวนาการปฏิรูปการเมืองในวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2555 ณ จังหวัดกาญจนบุรี และ วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2555 ณ จังหวัดเพชรบุรี เพื่อเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนได้ใช้วิจารณญาณและการตัดสินใจส่วนตนในการเข้าร่วมชุมนุมหรือไม่ก็ได้ในวันดังกล่าว โดยปราศจากอุปสรรคอันอาจเกิดจากการจัดกิจกรรมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

อย่างไรก็ตาม แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังจะคงเลือกวิธีการเดินสายสัญจรให้ข้อมูลประชาชนทั่วประเทศในประเด็นเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน และรอเวลาตลอดจนสถานการณ์ที่สุกงอมเพื่อให้ประชาชนตื่นรู้และเรียกร้องการปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่

ดังนั้น แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงยังขอยืนยันในมติของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตามแถลงการณ์ฉบับที่ 8/2555 ทั้ง 3 ประการ

ด้วยจิตคารวะ
แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ.2555
ณ บ้านพระอาทิตย์”

ภายหลังอ่านแถลงการณ์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า คำว่า พันธมิตรฯ เป็นนามธรรม ใครก็ตามที่จะไปร่วมด้วยแล้วเคยร่วมกับพันธมิตรฯ นั้นเขาก็สามารถจะอ้างได้ว่าเป็นพันธมิตรฯ ซึ่งก็ไม่ผิด เพียงแต่ว่าเรามีมติเป็นเอกฉันท์และเป็นทางการว่าเราจะไม่ร่วมชุมนุมด้วย การที่เราไม่ร่วมชุมนุมเราก็ไม่ได้อยู่ในสภาวะที่เราไปประกาศเชิญทุกคนให้เข้ามาร่วมชุมนุม แต่ว่าใครก็ตามที่อยากจะเข้าไปร่วมชุมนุมด้วย เราก็ไม่ขัดข้อง เพราะเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล นั่นคือ ที่มาของการที่เราให้กำลังใจ เพราะสิ่งที่ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ แกนนำกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามทำนั้นก็เป็นการแสดงออกถึงความรักชาติรักแผ่นดิน อยากให้ชาติบ้านเมืองมันดีขึ้น

พันธมิตรฯ เป็นกลุ่มคนที่ต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมืองมาตั้งแต่ต้นปี 2549 จนกระทั่งปัจจุบันนี้ เรามีวาระที่ต้องทำงานให้ชาติบ้านเมืองอีกมาก เมื่อ พล.อ.บุญเลิศ และองค์การพิทักษ์สยาม ต้องการแสดงออกเราก็คิดว่าเราก็จะมุ่งมั่นไปในเส้นทางที่เราคิดว่าเรากำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว ก็คือ การปฏิรูปการเมือง และการต่อต้านการฉ้อราษฎร์บังหลวง ซึ่งเราไม่ได้หยุดอยู่กับที่ หรืออีกนัยหนึ่งคือเราเห็นใจ และเราก็ให้กำลังใจ เพราะฉะนั้นแล้วถ้าใครจะไปร่วมโดยที่เคยเป็นพันธมิตรฯ มาหรือเคยร่วมพันธมิตรฯ แล้วไปร่วมด้วยเราก็ห้ามอะไรไม่ได้ และเราก็ให้กำลังใจ นั่นคือคำตอบที่ผมคิดว่าน่าจะชัดเจน เพราะฉะนั้นการที่ เสธ.อ้าย บอกว่า พันธมิตรฯ จะไปร่วมด้วยนั้นก็ไม่ผิด พูดถูก เพราะว่าในเมื่อคนที่เคยมาร่วมพันธมิตรฯ แล้วก็บอกว่าตัวเองเป็นพันธมิตรฯ แล้วไปร่วม เขาก็มีสิทธิ์ที่จะพูดถึงนั้นได้ แต่ในขณะเดียวกันทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับมติของแกนนำ และมติแกนนำเป็นเอกฉันท์ว่าเราจะไม่ร่วมด้วย เราทำได้เพียงแต่ให้กำลังใจ เพราะว่าสิ่งที่ พล.อ.บุญเลิศพูดนั้นก็เป็นจุดยืนและก็เป็นหลักการที่เราต่อสู้มาตลอด นั่นก็คือว่า เราต้องการปฏิรูปการเมือง

ด้าน นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า คงทราบกันดีว่าพี่น้องประชาชนชาวไทยที่มาร่วมกันเป็นพันธมิตรฯ ก็เกิดจากการเห็นปัญหาของประเทศเป็นสำคัญ ว่าประเทศชาติมีปัญหาในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะตอนเริ่มต้นก็เริ่มต้นจากที่ร่วมการฟังการพูดของนายสนธิ และต่อมาองค์กรต่างๆ ก็เข้ามาร่วมจนกลายเป็นพันธมิตรฯ เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจก่อนว่าพี่น้องพันธมิตรฯ เป็นพี่น้องที่มีความรักชาติบ้านเมือง รักสถาบัน และมีความเร่าร้อนที่จะเข้ามาร่วมแสดงออกในการที่จะแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เมื่อมีการนำปัญหาของบ้านเมืองออกมาพูดจากันและจะรวมกลุ่มกันก็เป็นธรรมดาของพี่น้องพันธมิตรฯ ซึ่งมีความเข้าใจ และการที่อยู่กับเรามา 5-6 ปี ความตื่นรู้ในเรื่องปัญหาต่างๆ มีอย่างเต็มที่

เพราะฉะนั้น จึงไม่แปลกใจเลยที่ พล.อ.บุญเลิศ บอกว่า พี่น้องพันธมิตรฯ จะเข้าร่วม และว่าไปแล้วพี่น้องพันธมิตรฯ จะเข้าร่วมในทุกจุดที่มีปัญหาต่อบ้านเมือง ไม่ใช่เฉพาะในกรณีที่การนำของ พล.อ.บุญเลิศในครั้งนี้เท่านั้น แม้แต่ในพื้นที่ในจังหวัดต่างๆ เมื่อมีปัญหาในระดับจังหวัด มีปัญหาในเรื่องทรัพยากร พี่น้องพันธมิตรฯ ที่ตื่นรู้ก็พร้อมที่จะเข้าร่วม อันนี้เป็นสิทธิและเสรีภาพ และปัญญาของพี่น้องพันธมิตรฯ การที่พี่น้องพันธมิตรฯ มีความเคารพแกนนำ และฟังแกนนำในการนำอยู่นั้นก็เพราะมีความเชื่อมั่น พี่น้องพันธมิตรฯ จะมีสองลักษณะ คือหนึ่ง มีความตื่นตัวทางปัญญาในการที่จะเข้าร่วมในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ไม่ว่าการนำของคนนำนั้นจะเป็นใคร แต่ขอให้แน่ใจว่าการนำนั้นเป็นการนำไปเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางบ้านเมือง ที่เป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อันนี้ก็เป็นธรรมชาติของพี่น้องพันธมิตรฯ และรวมทั้งพี่น้องอื่นๆ ที่อาจจะไม่เข้าร่วมกับพันธมิตรฯ ซึ่งเก็บตัวอยู่

สอง ปัญหาบ้านเมืองเป็นปัญหาที่ชัดเจน เมื่อมีการนำปัญหาบ้านเมืองมาพูดกันในที่สาธารณะ พี่น้องก็ย่อมจะเข้าร่วม สำหรับพี่น้องพันธมิตรฯ สามารถตัดสินใจได้ และเป็นคนที่มีสติปัญญา ที่กล่าวหาว่าแกนนำพันธมิตรฯ หวงมวลชนนั้นคงไม่สามารถทำได้ เพราะมวลชนซึ่งเป็นพันธมิตรฯ มีความเป็นตัวของตัวเองสูงและมีความรู้สึกที่จะเข้าร่วมแก้ไขปัญหาบ้านเมืองสูง แต่ขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะเข้าร่วมในทุกจุดที่นำปัญหาของบ้านเมืองมาพูดคุยกันในที่สาธารณะ การที่แกนนำพันธมิตรฯ ประกาศเฉพาะแกนนำที่ไม่เข้าร่วมในการชุมนุม ได้แต่ให้กำลังใจ เพราะเราได้ประกาศจุดยืนไว้ ตั้งแต่แถลงการณ์ฉบับที่ 8/2555 ในเรื่องสามเรื่องที่สำคัญ คือ เรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ กฎหมายปรองดอง และเรื่องการปฏิรูปประเทศ

“ตอนนี้ภารกิจของพันธมิตรฯ คือนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงที่เป็นรากฐานที่จะนำความสงบและความเจริญมาสู่ประเทศชาติ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ นั่นก็คือการปฏิรูปประเทศ ถ้าในการชุมนุมครั้งนี้มีประเด็นในการปฏิรูปประเทศ ไม่ว่าประเด็นใดประเด็นหนึ่ง พี่น้องพันธมิตรฯ ก็พร้อมที่จะเข้าร่วม ดังที่ตนได้ทราบมาว่าจะมีประเด็นปฏิรูปที่ดิน ประเด็นเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พี่น้องพันธมิตรฯ มีความเป็นตัวของตัวเองและใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่มีทางที่แกนนำจะไปทำตัวเป็นเจ้าของพี่น้องพันธมิตรฯ ในการที่เขาจะแสดงออกที่จะมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง” นายพิภพ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีการชุมนุมยืดเยื้อต่อไป แกนนำจะมีการเปลี่ยนแปลงท่าทีหรือไม่ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า การยืดเยื้อของเหตุการณ์เป็นสิ่งที่เรากำลังประเมินอยู่ เพียงแต่ว่าเราต้องปรึกษาหารืออย่างชัดเจนว่าเราจะทำยังไง แต่ตนคิดว่าสิ่งที่ พล.อ.บุญเลิศพูด ซึ่ง พล.อ.บุญเลิศ มีกำหนดเวลาแน่นอนแล้วว่าจะทำกี่วัน หรือไม่ทำกี่วัน เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ที่บอกว่ามันจะยืดเยื้อออกไปยังไม่เกิด เมื่อเหตุการณ์เกิดเราถึงจะพิจารณา

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยมีการประเมินว่าจะมีการจับตัวนายกรัฐมนตรี ระหว่างช่วงประชุมรัฐสภา นางมาลีรัตน์ แก้วก่า แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่น 2 กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่ใช่พันธมิตรฯ เราคงตอบประเด็นนี้ไม่ได้ ซึ่งส่วนตัวตนไม่เชื่อ ถ้าพรรคเพื่อไทยประเมินแบบนั้นก็ให้เขาประเมินไป และให้เขาตกม้าตายเองก็แล้วกัน นายสนธิ กล่าวเสริมว่า ในข้อเท็จจริงมันตรงกันข้าม ตอนนี้พรรคเพื่อไทยจับประชาชนทั้งประเทศเป็นตัวประกัน ในเรื่องการจำนำข้าว ในเรื่องราคาน้ำมัน และในเรื่องของการฉ้อราษฎร์บังหลวง

เมื่อถามว่า การชุมนุมของ พล.อ.บุญเลิศ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ นายสนธิ กล่าวว่า ตนไม่อยู่ในสถานภาพที่จะชี้แบบฟันธงได้ แต่ตนอธิบายได้อย่างหนึ่งว่ามันเป็นความอัดอั้นตันใจของประชาชนที่เข้าไปร่วมชุมนุม การชุมนุมของ พล.อ.บุญเลิศ เมื่อมองย้อนหลังแล้วไม่ค่อยต่างกับการชุมนุมการก่อร่างสร้างตัวของพันธมิตรฯ เมื่อปลายปี 2548 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2549 ในขณะนั้นทุกคนอยากจะออกมาชุมนุมเพื่อที่จะกดดันให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลาออก เพราะฉะนั้นก็จะมีชนกลุ่มทุกกลุ่มทุกเหล่าเข้ามาร่วมชุมนุมกัน ครั้งนี้ก็เช่นกัน อาจจะเป็นเพราะว่าพันธมิตรฯ นั้น มีวาระที่ชัดเจน มีเงื่อนไขที่ชัดเจน ก็เลยทำให้การที่จะให้พันธมิตรฯ ออกไปชุมนุมแบบทุกเรื่องนั้นเราคงทำไม่ได้ เราจะทำในเรื่องใหญ่ๆ ที่เรารับปากไว้ อย่างเช่นเรื่องของกฎหมายปรองดอง ซึ่งเราได้ทำให้สังคมไทยได้เห็นแล้วในวันนั้น พิสูจน์ชัดเจนแล้วว่าถ้ากฎหมายนี้เข้าเมื่อไหร่ เราจะออกทันที เพราะฉะนั้นแล้วการชุมนุมครั้งนี้จะเกิดเรื่องหรือว่าจะเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ได้นั้นตนไม่ทราบได้จริงๆ เป็นเพียงแต่ว่าตนพอที่จะประเมินได้ว่า ถ้าสมมติว่าเขาหวังที่จะให้ทหารออก ถ้าทหารออกก็จะออกในรูปของการเปลี่ยนขั้วมากกว่า ก็จะกลับกลายเป็นเปลี่ยนขั้วเป็นพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล แล้วก็เอาพวกพรรคร่วมและไปร่วมในค่ายทหารอีกครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้นถ้ามาในรูปนี้ก็ไม่ได้เป็นการปฏิรูปทางการเมือง แต่ตนก็ไม่สามารถจะพูดได้ว่าจะเปลี่ยนแปลงได้หรือเปล่า

เมื่อถามว่า ตอนนี้ทางรัฐบาลก็มีการรณรงค์หรือประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนว่าให้ต่อต้านการชุมนุมของ พ.อ.บุญเลิศ เพราะว่าเป็นการทำให้ประเทศถอยหลัง นายสนธิกล่าวว่า คำถามนี้น่าสนใจมาก ในตอนที่กลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งเป็นพวกพรรคเพื่อไทยชุมนุมที่ราชประสงค์และเผาราชประสงค์ ตนไม่เห็นคนพรรคเพื่อไทยออกมาพูด และตนไม่เห็นคนพรรคเพื่อไทยมารณรงค์ ณ เวลานี้ในฐานะที่เป็นรัฐบาลว่าตอนที่เสื้อแดงชุมนุมที่ราชประสงค์นั้น เป็นการทำให้ประเทศไทยถอยหลังไปหลายก้าว ตนคิดว่ามันเป็นเรื่องของการโกหกพกลมมากกว่า

เมื่อถามว่า แล้วแนวคิดแช่แข็งประเทศไทยพันธมิตรฯ เห็นว่าอย่างไร พลตรีจำลอง ศรีเมือง กล่าวว่า เป็นความตั้งใจของ พล.อ.บุญเลิศ เห็นว่า บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ไปไม่ได้ บ้านเมืองนับวันมีแต่จะเสียหาย และที่เสียหายมากมายก็เพราะนักการเมือง พล.อ.บุญเลิศจึงมีความคิดเหมือนกับอีกหลายต่อหลายคนว่า หยุดไว้สักครั้งหนึ่งได้ไหม ให้มาปฏิรูปครั้งใหญ่กันซะก่อน แล้วค่อยเดินหน้าในเรื่องสภาต่อไป ในส่วนตัวตนสำหรับ พล.อ.บุญเลิศ ตนเคยพูดมาครั้งหนึ่งแล้วว่าตนชมเขา ไม่ใช่ชมในฐานะที่เป็นนักเรียนนายร้อยหลังตน 9 รุ่น แต่ตนชมเขาว่า เขาเป็นทหารแก่อีกคนหนึ่งที่ไม่มีวันตายไปจากชาติ เกียรติ วิเนัย กล้าหาญ 4 คำนี้ เขาไม่ตายไปจากความเป็นคนรักชาติ ความเป็นคนมีเกียรติ ความเป็นคนมีวินัย และความเป็นคนกล้าหาญ เขาอยู่เฉยๆ เขาสบายแล้ว เพราะเกษียณมาแล้ว ทำไมเขาจะต้องมาคิดเรื่องนี้เรื่องนี้อีก ตนก็ชมเขา

นายพิภพ กล่าวเสริมว่า ประเด็นเรื่องแช่แข็งประเทศ หรือนักการเมืองไว้ ตนเห็นว่าเป็นอารมณ์ความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศ ว่าปล่อยให้ประเทศชาติมีนักการเมืองที่โกงกิน ไม่ว่าพรรคใดผลัดกันเป็นรัฐบาลประเทศชาติไปไม่ได้ แต่สังคมไทยยังตีโจทย์ตัวนี้ไม่แตก ว่าเมื่อไปไม่ได้และไม่ควรจะให้นักการเมืองเหล่านี้มาปกครองประเทศจะทำอย่างไร อันนี้เป็นโจทย์ของสังคมไทย เพียงแต่ว่าที่นักข่าวถามก็เป็นประเด็นหนึ่งที่เป็นโจทย์ว่าถ้าแบบนี้เป็นยังไง หรือแบบนี้เป็นยังไง ตนเห็นว่าเป็นหน้าที่ของสังคมไทยที่จะต้องตีโจทย์นี้ให้แตก สำหรับพันธมิตรฯ เราตีโจทย์นี้ว่าต้องปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ และใน 15 ข้อหลักการปกครองเราก็เขียนไว้ละเอียด รวมทั้งเกี่ยวกับกรณีนักการเมืองด้วย นอกจากนี้ เรายังเอาโจทย์ใหญ่ๆ มาเคลื่อนไหว เช่น กรณีเรื่องปิโตรเลียม กรณีเรื่องคอร์รัปชัน และต่อไปก็จะเป็นกรณีเรื่องที่มาของนักการเมือง ตนอยากจะเรียนว่านี่เป็นโจทย์ของประเทศ จะเป็นความรู้สึกของคนตนเห็นว่าเป็นจำนวนมากด้วย ว่าบ้านเมืองไปไม่ได้ ถ้านักการเมืองแบบนี้ยังบริหารประเทศและทุจริตคอร์รัปชันกัน

พลตรี จำลอง กล่าวอีกว่า เรื่องที่ พล.อ.บุญเลิศ กล่าวว่า น่าจะแช่แข็งสัก 5 ปีนั้น ใครเป็นนักการเมืองเขาก็ไม่ชอบ เพราะจะตกงานไป 5 ปี แต่ละเดือนเขาได้แสนกว่าบาทไม่สบายกว่าหรือ เขาก็ต้องออกมาต่อต้านแน่ จะต่อต้านโดยตรงหรือทางอ้อมก็แล้วแต่ หรือปลุกประชาชนขึ้นมาเพื่อให้ต่อต้านคณะขององค์การพิทักษ์สยาม เป็นเรื่องธรรมดา

เมื่อถามว่า หากการชุมนุมของ พล.อ.บุญเลิศ ไม่ประสบผลสำเร็จ จะส่งผลกระทบต่อการชุมนุมของกลุ่มอื่นหรือไม่ นายสนธิ กล่าวว่า สิ่งหนึ่งซึ่งพวกเราแกนนำพันธมิตรฯ ได้พิจารณาตลอดเวลา คือ การแก้ไขปัญหาประเทศชาตินั้นเป็นเรื่องระยะยาว ไม่ใช่เป็นการชุมนุมเพียงครั้งสองครั้งแล้วทุกอย่างจะจบ ปัญหาใหญ่ของสังคมไทย คือ เป็นสังคมด้อยปัญญา และไม่ใช่ด้อยปัญญาเฉพาะประชาชน ด้วยความเคารพ สื่อมวลชนส่วนใหญ่ก็ด้อยปัญญา นี่คือปัญหาใหญ่ที่สุด เพราะฉะนั้นแล้วนี่คือเหตุผลหนึ่ง ซึ่งแกนนำพันธมิตรฯ ตัดสินใจที่จะให้เพียงแค่ให้กำลังใจและไม่ขอเข้าร่วมชุมนุม เพราะว่าเรายังมีวาระและภาระที่เราจะต้องแบกกับเรื่องของชาติบ้านเมืองต่ออีกหลายๆ เรื่อง ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของ ปตท. ไม่ใช่เพียงเรื่องของฉ้อราษฎร์บังหลวง ยังรวมไปจนถึงจริยธรรม คุณธรรม และที่มาที่ไปของนักการเมือง ถ้าเรามองย้อนหลังไปสักนิดหนึ่ง การเมืองเมืองไทยนับตั้งแต่ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อจาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ การเมืองไทยจากวันนั้นถึงวันนี้ 2531-2555 ยี่สิบสี่ปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีแต่เสื่อมลงๆ มาตลอด และการคดโกงมีแต่มากขึ้นๆ จริยธรรมของคนหายไปหมด ทุกอย่างพูดกันเรื่องเงินเรื่องทอง ทุกอย่างไม่มีพูดถึงเรื่องคุณธรรม ไม่มีเรื่องความยุติธรรม และทุกส่วนภาคส่วนของสังคมนั้นกระทบกระเทือนและก็สั่นคลอน และก็ลำบากจากบทบาทของนักการเมืองทุกยุคทุกสมัย หรือกล่าวอีกนัยยะหนึ่ง นักการเมืองคือตัวทำลายชาติ ทำลายบ้าน ทำลายเมือง ด้วยเหตุนี้จะต้องถึงวาระที่จะต้องปฏิรูปการเมืองกันใหม่หมด

เมื่อถามว่า มองการชุมนุมของ พล.อ.บุญเลิศ ว่า หากขับไล่รัฐบาลแล้วจะจบลงหรือไม่ พลตรีจำลอง กล่าวว่า เราไม่รู้ว่าจะลงเอยอย่างไรถ้าถามตนยังยืนยันว่าจะพิจารณาตามสถานการณ์ วันนี้เรายังคาดไม่ได้ทั้งนั้น แต่เราพร้อมเสมอที่จะติดตามสถานการณ์ และจะพิจารณาในวันนั้นว่าเราจะทำยังไง วันนี้ไม่มีใครทายถูกว่ามันจะลงเอยอย่างไร เพราะไม่มีอะไรที่เป็นเครื่องยืนยันว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน จะต้องเป็นอย่างนี้แน่นอน ไม่มี เมื่อถามว่า ประเมินว่าไม่สามารถทำอะไรนักการเมืองได้ พลตรีจำลอง กล่าวว่า เราไปปรามาสได้อย่างไร จะไปดูถูกความสามารถเขาได้อย่างไร เราก็ไม่รู้ เขาอาจทำได้ตามที่เขาตั้งใจก็ได้ ที่แล้วๆ มาถามว่าถ้าคราวนี้ล้มเหลวไปแล้วจะกระทบกระเทือนต่อกลุ่มมวลชนที่จะมีการต่อต้านคัดค้านสิ่งที่ไม่ถูกต้องในบ้านเมืองหรือเปล่า คงไม่กระเทือน เพราะที่แล้วๆ มาบางกลุ่มก็ทำสำเร็จ บางกลุ่มก็ทำไม่สำเร็จ ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ไม่อย่างนั้นแล้ว กลุ่ม เสธ.อ้ายก็ผุดขึ้นมาไม่ได้ เพราะคราวที่แล้วมีการชุมนุมกันในบางที่บางแห่ง ไม่ประสบผลสำเร็จก็ไม่เห็นเป็นไร ไม่มีใครย่อท้อ เพราะบ้านเมืองนี้เป็นบ้านเมืองของเรา

เมื่อถามต่อว่า การชุมนุมของ พล.อ.บุญเลิศ จะนำไปสู่การปฏิวัติหรือไม่ พลตรีจำลอง กล่าวว่า การปฏิวัตินั้นไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าจะมีหรือไม่ เพราะองค์กรประชาชนเรายังไม่เข้มแข็ง ถ้าเราเข้มแข็งอย่างบางประเทศถ้าไปลือกันว่ามีการปฏิวัติแล้วหัวร่องอหาย เช่นเราลือว่าอเมริกาจะมีปฏิวัติ อังกฤษจะปฏิวัติ ออสเตรเลียจะมีปฏิวัติ มันเป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับเมืองไทยเป็นไปได้ทั้งนั้น มันจะมีหรือไม่มีไม่มีใครไปทราบได้ เคยมีการยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่ายว่าจะไม่มีการปฏิวัติ พอพูดขาดคำได้ไม่นานเท่าไหร่ก็ปฏิวัติ อย่าไปเชื่อ มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ มันแล้วแต่









กำลังโหลดความคิดเห็น