พันธมิตรฯ แถลงให้กำลังใจ “องค์การพิทักษ์สยาม” จัดกิจกรรมเพื่อบ้านเมือง 28 ต.ค. พร้อมให้สิทธิพี่น้องเข้าร่วมตามความสมัครใจ แต่ยังไม่เข้าเงื่อนไข 3 ข้อ ที่แกนนำพันธมิตรฯ จะเข้าร่วมนำการชุมนุม พร้อมติดงานเสวนาที่เมืองคอน ย้ำแนวทาง พธม.มุ่งเดินสายให้ความรู้ประชาชน นำสู่การปฏิรูปครั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนขั้วรัฐบาล แล้ววิกฤติชาติยังคงเดิม
แสดง FLASH VIDEO (ขนาดใหญ่จอ 550 pixel)
เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 22 ต.ค.ภายหลังจากการประชุมแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บ้านพระอาทิตย์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แกนนำรุ่นที่ 2 และโฆษกพันธมิตรฯ ได้อ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 8/2555 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรื่อง จุดยืนต่อการเคลื่อนมวลชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย โดยมีเนื้อหาในรายละเอียดดังนี้
“สืบเนื่องมาจากสถานการณ์ในปัจจุบันประเทศชาติกำลังก้าวเข้าสู่ภาวะวิกฤตอีกครั้งหนึ่งพร้อมกันหลายด้าน อันได้แก่ ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันอย่างรุนแรง ปัญหาการก่อหนี้ภาครัฐ ปัญหาการสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในระหว่างประเทศ ปัญหาการถูกประเทศเพื่อนบ้านรุกรานอธิปไตย และปัญหาความไม่สงบชายแดนภาคใต้ รวมถึงปัญหาสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมีราคาแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฯลฯ
โดยปัญหาวิกฤตของชาติข้างต้นนั้น ได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลในระบอบทักษิณ อันได้แก่ รัฐบาลพรรคไทยรักไทย รัฐบาลพรรคพลังประชาชน และรัฐบาลพรรคเพื่อไทย หรือ รัฐบาลที่เป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับระบอบทักษิณ อันได้แก่ รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร จึงย่อมพิสูจน์เป็นที่ชัดเจนว่า การเมืองไทยในระบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันทุกขั้วอำนาจล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งการสลับเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมืองที่ผ่านมาก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาวิกฤติของชาติได้ เพราะเป็นเพียงแค่การช่วงชิงอำนาจทางการเมืองและแย่งชิงผลประโยชน์ให้กับนักการเมืองเพียงไม่กี่คนในขั้วอำนาจของตัวเองเท่านั้น ดังนั้น การต่อสู้ของภาคประชาชนที่เสียสละด้วยแรงกาย แรงใจ และชีวิต จะไม่สามารถปฏิรูปประเทศได้ หากเป็นเพียงแค่การโค่นล้มรัฐบาลชุดหนึ่งเพื่อให้นักการเมืองที่ล้มเหลวอีกชุดหนึ่งเข้ามาบริหารประเทศต่อไป
จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงเห็นว่า การปฏิรูปประเทศไทยที่มาจากการตื่นรู้ของประชาชน ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเพื่อช่วงชิงผลประโยชน์จากการนักการเมืองที่ฉ้อราษฎร์บังหลวงให้กลับมาเป็นของประชาชนเท่านั้น จึงจะสามารถหาทางออกที่แท้จริงให้กับประเทศได้ และเป็นเหตุทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ประกาศให้มีการจัดกิจกรรมเดินสายสัญจรให้ข้อมูล และความรู้กับประชาชนให้มากที่สุดดังที่ปรากฏเป็นกิจกรรมทั่วประเทศตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ การประชุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2555 ณ สวนลุมพินี พี่น้องประชาชนได้มีฉันทานุมัติเห็นชอบเป็นมติในการเคลื่อนไหวมวลชนปรากฏเป็นแถลงการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาชนเพื่อประชาธิปไตยฉบับที่ 2/2555 ภายใต้เงื่อนไข 3 ประการ คือ
1.มีการดำเนินการใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือออกกฎหมายอื่นใด ที่มีความชัดเจนว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือลดพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์
2.มีการดำเนินการใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือออกกฎหมายอื่นใด ที่มีความชัดเจนว่าจะนำไปสู่การนิรโทษกรรมให้กับนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร และพวก
3.เมื่อเหตุการณ์บ้านเมืองเข้าสู่สถานการณ์ความเหมาะสมที่ประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยครั้งใหญ่
ภายใต้เงื่อนไข 3 ประการดังกล่าวข้างต้น เกิดขึ้นเมื่อใด พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะแจ้งให้ทราบและพร้อมจัดให้มีการชุมนุมใหญ่โดยทันที
ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงได้ประกาศในแถลงการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยฉบับที่ 3/2555 เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ.2555 ด้วยหลักปกครองประเทศ 15 ประการ ซึ่งเป็นการประกาศ “เป้าหมาย” การปฏิรูปการเมืองในเชิงเนื้อหาว่าประเทศชาติและประชาชนจะได้ประโยชน์อย่างไร โดยได้ปรากฏต่อมาว่าไม่มีขั้วอำนาจใดที่ออกมาขานรับหลักปกครองประเทศดังกล่าว ย่อมแสดงให้เห็นว่า นักการเมืองทุกขั้วอำนาจขาดความจริงใจที่จะปฏิรูปประเทศชาติ และสนใจแต่จะรักษาอำนาจ หรือช่วงชิงอำนาจทางการเมืองให้มาเป็นของพวกตนเองอยู่เหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้มีกลุ่มภาคประชาชน 30 กว่าองค์กรได้รวมตัวกันในนาม “องค์การพิทักษ์สยาม” นำโดย พลเอก บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ที่ได้ประกาศว่าจะจัดกิจกรรมการชุมนุมในวันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ.2555 นั้น เมื่อแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพิจารณาวัตถุประสงค์ขององค์กรดังกล่าวแล้วเห็นว่า “องค์การพิทักษ์สยาม” เป็นองค์กรภาคประชาชนอีกองค์กรหนึ่งที่หวังดีต่อประเทศชาติซึ่งควรให้กำลังใจ
แต่เนื่องจากวัตถุประสงค์ของการชุมนุมอาจพุ่งเป้าไปที่เฉพาะความล้มเหลวของรัฐบาลชุดปัจจุบันเท่านั้น ซึ่งแม้ในความเป็นจริงรัฐบาลชุดปัจจุบันจะเป็นส่วนหนึ่งของการเมืองที่ล้มเหลวในภาวะวิกฤตก็ตาม แต่ก็ยังไม่สอดคล้องกับเงื่อนไขการเคลื่อนไหวมวลชนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตามแถลงการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยฉบับที่ 2/2555 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2555 และยังไม่ชัดเจนว่า จะมีเป้าหมายสอดคล้องกับการปฏิรูปประเทศไทยโดยหลักปกครองประเทศ 15 ประการตามแถลงการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฉบับที่ 3/2555 เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ.2555 หรือไม่ ประกอบกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้มีกำหนดการในการจัดกิจกรรมของตนเองซึ่งประกาศล่วงหน้าว่าจะมีการจัดเสวนาการปฏิรูปประเทศไทยที่จังหวัดนครศรีธรรมราชในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ.2555 ซึ่งตรงกับการจัดกิจกรรมขององค์การพิทักษ์สยามอีกด้วย
จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงยังไม่พร้อมที่จะเข้าร่วมชุมนุมกับองค์การพิทักษ์สยามในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ.2555 นี้ และขอให้กำลังใจองค์การพิทักษ์สยามในการจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง ส่วนการตัดสินใจของภาคประชาชนที่จะเข้าร่วมกับองค์การพิทักษ์สยามนั้นวันและเวลาดังกล่าวนั้น แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยให้ถือเป็นสิทธิเสรีภาพในการใช้วิจารณญาณของแต่ละปัจเจกบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ
ด้วยจิตคารวะ
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ.2555
ณ บ้านพระอาทิตย์”
หลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น พลตรี จำลอง กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องมีการประชุมและแถลงข่าวในวันนี้ เนื่องจากมีคำถามเข้ามามาก ว่า การที่องค์การพิทักษ์สยามจัดการชุมนุมที่สนามม้านางเลิ้ง ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ พันธมิตรฯ เห็นว่าอย่างไร เมื่อประชุมเสร็จแล้วจึงได้ออกแถลงการณ์ว่า เราให้กำลังใจ แต่ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงยังไม่พร้อมที่จะไปร่วมชุมนุมดังกล่าว และเราได้กำหนดล่วงหน้าไว้นานแล้วว่าจะจัดกิจกรรมอะไร
ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (21 ต.ค.) ได้จัดเสวนาที่ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งวันที่องค์การพิทักษ์สยามจะจัดการชุมนุมก็บอกไว้ล่วงหน้าว่าจะไปจัดเสวนาที่ จ.นครศรีธรรมราช และวันที่ 4 พ.ย.มีกำหนดที่จะจัดกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยรังสิต จ.ปทุมธานี เราจึงไม่พร้อม แต่ก็ให้กำลังใจ ขอให้จัดกิจกรรมเป็นผลสำเร็จ ใครก็ตามที่ออกมาเพื่อเสนอความคิดเห็นในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ทั้งนั้น เราไม่ได้ผูกขาดความรักชาติ ความรักบ้านเกิดเมืองนอนไว้เพียงกลุ่มเดียว ใครออกมาทำให้บ้านเมืองดีขึ้น เราก็เห็นดีด้วยทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่รัฐบาลอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส่งคนไปเจรจากับ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ แกนนำกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พันธมิตรฯ ตัดสินใจไม่ร่วมชุมนุมหรือไม่ พลตรี จำลอง กล่าวว่า เรื่องนี้เราไม่ได้เอามาคิด มีเพียงสองเหตุผลซึ่งปรากฏเป็นหลักฐานของการประชุมและแถลงการณ์มาเป็นลำดับ ไม่ได้เอาเรื่องนี้มาเป็นเรื่องตัดสินใจว่าเราไม่พร้อม เมื่อถามว่า การที่รัฐบาลส่งคนไปเจรจา พลังในการชุมนุมจะลดน้อยลงหรือไม่ พลตรีจำลองกล่าวว่า ไม่ทราบ กลุ่มองค์การพิทักษ์สยามก็คงวิเคราะห์ได้เอง แล้วแต่ว่าจะมีความคิดเห็นอย่างไร เมื่อถามว่า ในเมื่อการเมืองทุกขั้วอำนาจล้มเหลว มีวิธีที่จะเสนอแก้ปัญหาบ้านเมืองไปยังสังคมอย่างไร พลตรีจำลอง กล่าวว่า เราเสนอไปแล้ว 15 ข้อ ตามที่เราระบุไว้ชัดเจน มีทั้งลายลักษณ์อักษรและคำพูด แต่ปรากฏว่า ขั้วการเมืองต่างๆ เขาเฉย ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย
นายปานเทพ กล่าวเสริมว่า กรณีที่ได้สอบถามว่า การพูดคุยกับ ร.ต.อ.เฉลิม กับ พล.อ.บุญเลิศมีผลต่อการตัดสินใจหรือไม่ เราพิจารณาในการที่จะไม่พร้อมในการเข้าร่วมชุมนุมครั้งนี้ด้วยสองเงื่อนไข คือ พันธมิตรฯ ไม่ได้ต่อสู้เพื่อขั้วอำนาจ แต่เราต่อสู้เพื่อการปฏิรูปประเทศ ดังนั้นถ้าวัตถุประสงค์จำกัดอยู่เพียงแค่เปลี่ยนขั้วอำนาจ เราก็ยังไม่พร้อม อีกประการหนึ่งคือ เรามีกิจกรรมที่ต้องทำในวันที่ 28 ต.ค.ที่ประกาศไว้ล่วงหน้าแล้ว
ส่วนที่มีการสอบถามว่าจะหาทางออกอย่างไร สถานการณ์ที่พันธมิตรฯ ได้ประกาศเป็นเงื่อนไขในการชุมนุม 3 ข้อ ในข้อที่ 3 คือ เมื่อประชาชนตื่นรู้พร้อมๆ กัน หรือเป็นสถานการณ์ที่ประชาชนพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงทั้งประเทศ วิธีการดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้กรณีเดียว คือ ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างครบถ้วน รอบด้าน ว่า หลักปกครองประเทศของพันธมิตรฯ นั้น มีวัตถุประสงค์และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติอย่างไร ถ้าประชาชนเห็นด้วยอย่างมาก ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อต้องการเกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบปัจจุบัน หรือการที่ประชาชนลุกขึ้นเรียกร้องในข้อเรียกร้องทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นต่อไป เราจึงให้ความสำคัญกับการเดินสายและสั่งสมกำลังทั้งความรู้และข้อมูลให้ประชาชนให้ได้มากที่สุด เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม เราก็จะตัดสินใจในการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อถามว่า พันธมิตรฯ คิดอย่างไรที่มีคนพูดว่า เรื่องของการปฏิวัติประชาชนขึ้นมาในสังคม นายปานเทพ กล่าวว่า การปฏิวัติโดยประชาชน ถ้าจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อประชาชนมีความคิดเห็นตรงกันว่า ลักษณะการเมืองที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไม่สามารถตอบโจทย์กับวิถีชีวิตของพวกเขาได้ การเมืองในปัจจุบันทำให้ประชาชนมีความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า กรณีตัวอย่างที่เราเห็นชัดที่สุด คือ กรณีของพลังงาน ราคาน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วอยู่ภายใต้อาณัติของกลุ่มผลประโยชน์ของนักการเมืองเพียงไม่กี่คน แต่ประชาชนเดือดร้อนทั้งประเทศ
ดังนั้น เมื่อพันธมิตรฯ พูดถึงในการปฏิรูปประเทศ จะหยิบยกเรื่องพลังงานให้เห็นถึงความล้มเหลวทุกขั้วการเมือง ว่า ถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีใครเสนอทางออกในการแก้ไขปัญหาของชาติอย่างเป็นรูปธรรมได้ กรณีเช่นนี้ถ้าเกิดขึ้นหลายกรณีมากขึ้น ประชาชนก็จะมีโอกาสลุกขึ้นมาเรียกร้องเพื่อทวงผลประโยชน์ของประชาชนเอง คนที่จะไปต่อสู้เพื่อโค่นล้มขั้วอำนาจหนึ่ง และเรียกร้องหรือต้องการให้อีกขั้วอำนาจหนึ่งเข้ามาแทนที่ หรือเพียงแค่เรียกร้องในการรักษาขั้วอำนาจโดยที่ประชาชนไม่เคยได้ประโยชน์อะไรเลย สถานการณ์นี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อประชาชนมีความพร้อม หรือสถานการณ์สุกงอมขึ้นเอง
พลตรี จำลอง กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจอย่างหนึ่งว่า การที่พันธมิตรฯ ยังไม่พร้อมที่จะไปร่วมชุมนุมนั้น ไม่ใช่ว่าเราอยู่เฉยๆ สบายๆ เราทำงานหนักมาตลอด โดยการจัดเวทีจังหวัดต่างๆ ต่อเนื่องกันมา 15 จังหวัด ที่เราทำเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาของชาติ ต้องการให้ประชาชนรู้โดยทั่วกัน ว่าบ้านเมืองเราเป็นอย่างนี้ ต้องแก้ไขปัญหา เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเราเอง ไม่ได้ทำเพื่อหมู่คณะ ไม่ได้ทำเพื่อพรรคการเมือง เราทำด้วยจิตบริสุทธิ์จริงๆ เพราะฉะนั้นการที่เราทำอย่างนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ถ้าผู้สื่อข่าวเห็นว่าเราควรที่จะทำอะไรเพิ่มเติม ช่วยบอกมาด้วย เราพร้อม ไม่อยากที่จะให้เวลาผ่านไปเฉยๆ โดยที่เราเอาแต่วางเฉย นอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ติดภารกิจจริงๆ และก็ได้เสนอความคิดเห็น แล้วเราก็นำความคิดเห็นของนายสนธิและพวกเราด้วย และมีมติเอกฉันท์ในวันนี้โดยไมีการโต้เถียงแต่อย่างใด ซึ่งมีการใช้เวลานานมากในการพิจารณาหลายแง่มุม โดยค้นคว้าหาเอกสารหลักฐานที่เราเคยทำมาแล้ว เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าเราต้องทำตามนั้น จะไปเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น และที่สำคัญเราก็บอกว่า เราให้กำลังใจ และขอให้การชุมนุมที่สนามม้านางเลิ้งในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้เป็นผลสำเร็จก็แล้วกัน