“ปานเทพ” ชี้ พธม.ยกเลิกงานเสวนา และให้มวลชนตัดสินใจเองในการร่วมชุมนุม ถือเป็นการก้าวไปมากกว่าให้กำลังใจเฉยๆ วิเคราะห์ “เสธ.อ้าย” เลือก 24 พ.ย. อาจหวังผลในวันที่ 25 พ.ย. ซึ่งมีอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะใช้เป็นโอกาสแช่แข็งนักการเมืองทั้งสองฝ่ายไปพร้อมกันเลยหรือไม่ เสนอแม้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ควรมีองค์การพิทักษ์สยามไว้ต่อไป จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปประเทศอย่างมาก
วันที่ 12 พ.ย. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
โดยนายปานเทพ ได้กล่าวว่า การงดงานเสวนาของพันธมิตรฯ ในวันที่ 24-25 พ.ย. บางคนเข้าใจว่าเป็นการสนับสนุนมวลชนให้ไปร่วมชุมนุมกับองค์การพิทักษ์สยามให้มาก ท่าทีของพันธมิตรฯ มี 3 ระดับ คือ 1.ให้กำลังใจ 2.ส่งเสริมสนับสนุน 3.ประกาศเข้าร่วมอย่างเต็มตัว
เมื่อชัดเจนว่า พล.อ.บุญเลิศ ไม่เอาขั้วการเมืองไหนเลย แม้ยังเห็นความเสี่ยงอยู่ก็ตาม แต่พันธมิตรฯ ขอให้กำลังใจอย่างเป็นรูปธรรม โดยที่อย่างน้อยที่สุดในการจัดกิจกรรมใดที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหวขององค์การพิทักษ์สยามก็สั่งงด เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนมีวิจารณญาณส่วนตัวในการตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ เมื่อประกาศว่าแกนนำไม่ร่วมให้ประชาชนตัดสินใจเองได้ อย่างน้อยมวลชนจะได้ไม่ตัดสินใจบนพื้นฐานที่ว่ามีกิจกรรมของพันธมิตรฯ อยู่
ท่าทีของแกนนำพันธมิตรฯ ครั้งนี้ จึงอยู่ระหว่างขั้นที่ 1 กับ 2 คือ ให้กำลังใจกับสนับสนุน มันก้าวไปมากกว่าให้กำลังใจเฉยๆ
นายปานเทพ กล่าวอีกว่า พล.อ.บุญเลิศ นัดชุมนุมวันที่ 24 พ.ย. ซึ่งเป็นวันเสาร์ ในฐานะคนวงนอก ตนมองว่าอาจมีเป้าหมายในวันอาทิตย์ เขาคงอ่านขาดว่าวันอาทิตย์คือวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะมีทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาลที่ พล.อ.บุญเลิศ ตั้งใจจะแช่แข็งทั้งสองฝ่าย มารวมตัวในที่เดียวกัน การมารวมกันมากๆ ในที่เดียวกันมันก็มีโอกาสคิดได้ว่าเขาจะแช่แข็งนักการเมืองพร้อมๆ กันได้หรือเปล่า เพราะโอกาสน้อยมากที่จะมารวมกันแบบนี้ จึงเป็นการกำหนดวันที่มีเป้าหมายชัดเจน ถ้าท่านจะแช่แข็ง พวกเขาก็มาอยู่ต่อหน้าท่านแล้ว
ประการต่อมา อย่างที่เคยบอกว่า ทางออกของรัฐบาลอาจยุบสภาเพื่อหนีปัญหา แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่อนุญาตให้นายกฯ ยุบสภา หมายความว่าถ้าการอภิปรายยังไม่เสร็จสิ้นด้วยการลงมติ จะยุบสภาไม่ได้ด้วย ฉะนั้นเงื่อนไขนี้จึงตกไป
ดังนั้น ภายใต้เงื่อนไขนี้ตนก็ยังไม่รู้ว่าคนคิดกลยุทธ์มีเป้าหมายอย่างไร แต่ความจำเป็นของฝ่ายรัฐบาลก็ต้องรีบให้การอภิปรายจบลงไปเร็วๆ จะได้มีเครื่องมือในการตัดสินใจ อย่างเช่น ยุบสภา เพียงแต่ว่ามีผู้ชุมนุมอยู่เพียบ ฝ่ายรัฐบาลยังพร้อมที่จะเข้าประชุมสภาหรือเปล่า แล้วทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาลมั่นใจหรือไม่ว่าเข้าไปแล้วจะออกมาได้
นายปานเทพกล่าวต่อว่า ที่พันธมิตรฯ รักษาระยะห่างจะเกิดคุณูปการมหาศาล คือถ้าองค์การพิทักษ์สยามมีเป้าหมายกลยุทธ์เฉียบแหลม ต้องการโค่นนักการเมืองจริงๆ ไม่มีแกนนำพันธมิตรฯ นั้นเป็นประโยชน์ทำให้การนำเดี่ยวของ เสธ.อ้าย มีคนหลายกลุ่มเข้าร่วมอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ สอง หากชนะก็ยังมีมวลชนอีกฝั่งที่ยังมาไม่หมด ก็จะเป็นแรงหนุนให้ในการปฏิรูป สาม ถ้าผิดพลาดพันธมิตรฯ ก็ยังเป็นหลักประกันชั้นที่สองให้ สี่ การที่องค์การพิทักษ์สยามขับไล่รัฐบาลโดยวิธีการทื่ไม่เหมือนพันธมิตรฯ เป็นประโยชน์ยิ่ง แล้วถ้าไม่สำเร็จก็ไม่อยากให้ยุติบทบาทไป ประชาชนก็คงไม่อยากให้ยุติเช่นกัน ถ้าจริงใจต้องการปฏิรูปจริง เพียงแต่วิธีการต่างกับพันธมิตรฯ ฝั่งนึงเน้นโค่นรัฐบาลก่อนปฏิรูป อีกฝั่งเน้นปฏิรูปก่อน ทำให้มีสองหน้าไพ่ในการเล่นของภาคประชาชน อย่างเช่น พันธมิตรฯ เรียกร้อง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม และกฎหมายคอร์รัปชัน ในขณะเดียวกัน ก็มีองค์การพิทักษ์สยาม จะทำให้รัฐบาลคิดหนัก จะเกิดอำนาจต่อรองโดยสถานการณ์ ถ้ารัฐบาลยอมปฏิรูปตามที่พันธมิตรฯ เรียกร้อง ก็จะช่วยลดมวลชนในการโค่นล้ม แต่ถ้าปฏิเสธก็มีโอกาสที่พันธมิตรฯ จะเข้าร่วมในการโค่นล้ม ถ้ากำหนดยุทธวิธีที่ถูกต้อง การดำรงรักษาสถานภาพขององค์การพิทักษ์สยามไว้เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
