xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

"แจ๊ด” มีวันนี้เพราะพี่ให้"แต้ม หูดำ" ซุกปีกปชป.สัจธรรมตำรวจการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-สมราคาประโยคคลาสสิก "มีวันนี้เพราะพี่ให้" สำหรับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบ.ชน.)ที่ล่าสุดต้องไปให้คำชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กรณีที่สำแดงความเป็นตำรวจมะเขือเทศออกมาเต็มตัว ด้วยที่การที่บิ๊ก แจ๊ดเชิญชวนตำรวจมะเขือเทศพันธุ์เดียวกันเดินทางไปหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีม็อบตำรวจตบเท้าเดินทางกันมาอย่างพร้อมเพรียง

กระทั่งมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงตามมาว่า มิต่างอะไรจากการข่มขู่คุกคามคุกคามทางการเมืองชนิดที่ไม่น่าออกมาจากพฤติกรรมของตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับยศผู้บัญชาการตำรวจนครบาลด้วยซ้ำ แต่มาถึงขณะนี้ก็คงต้อง ยกเว้น นายตำรวจมะเขือเทศที่ชื่อ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ไว้สักคน

ทั้งนี้ ในวันที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์เดินทางไปให้ปากคำต่อกมธ.ตำรวจ ศิษย์ทักษิณผู้นี้ก็ยังคงเส้นคงคงว่าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยการชี้แจงว่า กรณีที่จะเดินทางไปประชาธิปัตย์เพื่อต้องการไปยื่นหนังสือชี้แจงทำความเข้าใจ กรณีที่มีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กรณีถ่ายรูปคู่กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ส่วนกรณีที่มีตำรวจไปให้กำลังใจนั้น เป็นเพราะเมื่อปรากฏข่าวออกไป ตำรวจที่ทราบข่าวก็ร่วมเดินทางไปด้วย ไม่ใช่การเกณฑ์

พุทโธ่เอ๋ย คงต้องบอกว่า ไม่ว่าจะอมพระอมโบสถ์มาพูดก็คงจะไม่มีใครเชื่อน้ำคำของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เพราะโดยความเป็นจริงแล้วมีหรือถ้าเกิดคนระดับผู้บัญชาตำรวจนครบาล อย่าง พล.ต.ท.คำรณวิทย์สั่งการเสียด้วยความจริงใจและเด็ดขาดว่าอย่าออกมากดดัน หรือก่อม็อบหน้าพรรคประชาธิปัตย์เสียอย่าง มีหรือพวกตำรวจชั้นผู้น้อยพวกนั้นจะไม่ทำตามคำสั่งของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์

อย่างไรก็ตาม อย่ากระนั้นเลยก็คงเพราะด้วย ประโยคคลาสสิกมีวันนี้เพราะพี่ให้กระมัง ที่ทำให้แม้แต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ต้องลงทุนลงแรงออกมาอุ้มกันอย่างดิบดีว่า “พรรคประชาธิปัตย์ชอบตำรวจหิ้วปิ่นโต เปิดประตูรถ ไม่รู้จักตำรวจดี ผมอยากถามว่าเขาผิดอะไร กรรมาธิการสภาเรียกไปชี้แจงก็ชี้แจงไปหรือไม่ต้องชี้แจงก็ได้ เพราะกรรมาธิการสภาไม่ใช่ตำรวจ ไม่ใช่อัยการ ไม่ใช่ศาล แค่รับฟังความคิดเห็น จะมีอะไรก็แอ็กอาร์ตไปอย่างนั้น เรียกพล.ต.ท.ไปชี้แจง เอะอะตึงตัง ฝรั่งเรียกว่านอนเซนต์ ไร้สาระ”

ยิ่งหากย้อนประวัติ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ กับฟากการเมืองดูแล้วก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ เป็ดเหลิมจะลงทุนออกมาอุ้มและซัดกลับไปที่พรรคประชาธิปัตย์ อีกคำรบ เนื่องจาก พล.ต.ต.คำรณวิทย์ มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับ "เป็ดเหลิม" เป็นพิเศษ อาจเรียกได้ว่าเป็น เด็กในคาถา คงไม่ผิดนัก ครั้งหนึ่งถึงกับเคยหมายมั่นปั้นมือจับจองเก้าอี้ผบช.น.ให้กับ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ มาแล้ว แต่เมื่อไม่สำเร็จจึงปลอบใจด้วยการให้มานั่งผบช.ภ.1 คุมพื้นที่สำคัญ ซึ่งเป็นเสมือนฐานมั่นของคนเสื้อแดง แต่กลับติดปัญหากรณีของ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ที่คั่วตำแหน่งนี้อยู่ก่อน พล.ต.ต.คำรณวิทย์ จึงได้เพียงรางวัลปลอบใจแค่ รรท.ผบช.ภ.1

นอกจากนี้ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนางปวีณา หงสกุล ซึ่งเพิ่งหลุดบ่วงบ้านเลขที่ 111 และที่สำคัญที่สุดยังเป็นตำรวจไม่กี่นายที่สามารถเข้าถึง มีความใกล้ชิด เป็นมือเป็นไม้ให้ นช.ทักษิณ ชินวัตร มาไม่น้อยเช่นกัน

หากยังพอจำกันได้ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ เคยดำรงตำแหน่ง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส ในสมัยรัฐบาลทักษิณ 1 แต่ในครั้งนั้นมีปัญหาเรื่องการอุ้มฆ่าในพื้นที่ 3 จังหวัด จนเป็นเหตุให้ไฟใต้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง พล.ต.ต.คำรณวิทย์ จึงถูกโยกมาเป็น ผบก.ภ.จ.ตราด แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นการลงโทษแต่ประการใด เพราะผบก.ภ.จ.ตราด ใครๆ ก็อยากเป็น จากนั้นไม่นานก็ได้ดิบได้ดีย้ายมาเป็นผบก.ปดส.ตามลำดับ

ขณะเดียวกัน กล่าวถึงกราฟชีวิตที่ดูจะสวนทางกับรายของ บิ๊กแจ๊ด ที่ไม่ได้ "มีวันนี้เพราะพี่ให้" คือรายของ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ล่าสุดประกาศวางมือวงการสีกากีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากเกิดความน้อยใจในกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดมติ เป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 ให้ พล.ต.ต.วิชัย, พ.ต.ท.ศุภกฤช เดือนแจ้งรัมย์ และ ร.ต.ท.ทวีศักดิ์ โกษยานันท์ มีความผิดจริง ข้อหาการไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และกระทำการที่ได้ชื่อว่าเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตาม พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 8

สำหรับคดีดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลาดพร้าว สามารถจับกุมผู้เล่นการพนันที่เป็นผู้ต้องหาตามหมายศาลจังหวัดเชียงใหม่ ข้อหาหลบหนีไม่ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีฆ่าผู้อื่นรายหนึ่งได้ อย่างไรก็ตามเมื่อจับกุมได้ กลับนำตัวผู้ต้องหารายนี้ไปห้องทำงาน พล.ต.ต.วิชัย แทน แทนที่จะส่งมอบต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลาดพร้าว ซึ่งภายในห้องยังมี พ.ต.ท.ศุภกฤช, ร.ต.ท.ทวีศักดิ์ ร่วมเจรจาให้ผู้ต้องหาจ่ายหนี้สินค่าพนัน จำนวน 10 ล้านบาท แลกกับการไม่ดำเนินคดี

ทั้งนี้ บิ๊กแต้ม ยังแย้มว่าหลังจากการลาออกนั้น จะไปเป็นที่ปรึกษาให้กับหลายบริษัท และทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งจะลงเล่นการเมืองหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของอนาคต

แต่กระแสข่าวอีกสายหนึ่ง ว่ากันว่า สาเหตุหลักที่ทำให้เขาตัดสินใจวางมือจากวงการสีกากี เป็นเพราะ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อาจจะลงสมัครเป็นแคนดิเดตในตำแหน่งรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยมีข่าวว่า มือปราบหูดำจะลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์

จุดที่น่าสังเกตก็คือ การที่ พล.ต.ต.วิชัยเปิดแถลงข่าวชิงลาออกก่อน เพร้าจะว่าไปแล้ว คดีความและการสอบสวนก็ยังไม่เสร็จสิ้นสะเด็ดน้ำ ซึ่งทำให้หลายฝ่ายต่อจิ๊กซอว์ได้ว่า ข่าวการลงเล่นการเมืองในนามพรรคประชาธิปัตย์มีมูลเป็นความจริงด้วยเช่นกัน เพราะสอดรับกับกระแสข่าวที่ร่ำลือหนาหูก่อนหน้านี้ว่า บิ๊กแต้ม มีเป้าหมายเล่นการเมืองนานแล้ว และคาดการณ์ว่าจะลงเป็นทีมงานรองผู้ว่าฯ ซึ่งถ้าจะว่ากันในมุมนี้แล้ว หลายคนชื่นชมฝีมือการทำงานของ “บิ๊ก แต้ม” เมื่อครั้งเป็นมือปราบ และตอนคุมม็อบ การได้มาเป็นทีมงานเสริมแกร่ง ในทีมรองผู้ว่าฯ ถือว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้คนไปเสริมทัพให้ตัวเองได้อย่างดีทีเดียว

ขณะเดียวกัน พูดถึงประวัติการทำงานของ บิ๊กแต้ม เติบโตมาจากสายบู๊เช่นกันผ่านร้อนผ่านหนาวคดีสำคัญและวังวนการเมืองมานับไม่ถ้วนเช่นกัน เคยดำรงตำแหน่ง ผบก.น.1 และรอง ผบช.น.เป็นที่โด่งดังกับบทบาทนักเจรจาในช่วงการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ แต่ท้ายที่สุดก็ถูกย้ายเข้ากรุในตำแหน่งปัจจุบันเป็นรอง จตร. (สบ 7) หลังจากเป็นหนึ่งต้นเหตุที่ทำให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย(พท.) เข้าประชุมสภา เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดองไม่ได้ ส่งผลให้ตั๋วกลับบ้านของ "นายใหญ่" ต้องดีเลย์ออกไปอย่างไม่มีกำหนด

ขณะที่ฟากการเมืองก็ชัดเจนว่า พล.ต.ต.วิชัยมีความสนิทสนมชิดเชื้อกับนายเนวิน ชิดชอบ ขาใหญ่แห่งพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงมีความสนิทสนมกับ "บิ๊กออฟ" พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.

อย่างไรก็ตาม กล่าวสำหรับทั้ง พล.ต.ท.คำรณวิทย์และพล.ต.ต.วิชัย ก็ต้องบอกว่าสถานะขณะนี้เหมือนจะต่างกันโดยสิ้นเชิง ที่รายของบิ๊กแจ๊ด ได้ดิบได้ดีทางหน้าที่ การงาน ออกอาการใหญ่คับเมือง พร้อมแสดงตนชัดเจนว่าทั้งตัวและหัวใจมอบให้ นายใหญ่ของคนเสื้อแดงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กล้าถึงกับประกาศว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็พร้อมจะลาออกในทันที

ส่วน บิ๊กแต้ม หูดำ ต้องพบกับชะตากรรม ถูกเซ่นทางการเมือง ด้วยการละเลยไม่สลายม็อบตามใบสั่งการเมือง และยังมาถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดฐานร้ายแรง จนส่งผลให้เจ้าตัวต้องตัดสินใจโบกมือลาจากวงการสีกากี

เรียกได้ว่าต่างกันกับรายของบิ๊กแจ๊ดราวฟ้ากับเหว

แต่สิ่งหนึ่งที่คล้ายกันของทั้งสองคนก็คือ ถือเป็นข้าราชการตำรวจที่ได้เลือกข้างอิงแอบฝ่ายการเมืองอย่างชัดเจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หมายเหตุ : ตอนนี้ 'ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์' มีแฟนเพจแล้วนะครับ ขอเชิญท่านผู้อ่านร่วมพูดคุย แสดงความคิดเห็นกันได้ที่ http://www.facebook.com/#!/Astvmanagerweekend
กำลังโหลดความคิดเห็น