xs
xsm
sm
md
lg

ยงยุทธ-คำรณวิทย์-ค้อนปลอม แต้มสะสมขาลงระบอบแม้ว!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ผ่าประเด็นร้อน

นอกจากการบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่เอาอ่าว “ห่วยแตก” ของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของ ทักษิณ ชินวัตร ที่เชิดขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีนานปีกว่า ที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่สมราคาคุย ทั้งที่มีองค์ประกอบทุกอย่างอยู่ในมือพร้อมสรรพ แต่เมื่อผลออกได้แค่นี้ ถือว่า “ไม่คุ้มค่า” สร้างความผิดหวังไปทั่ว และเชื่อว่านับจากนี้ไปก็จะเกิดภาวะขาลงตกต่ำไปเรื่อยๆ

เพราะเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มในอนาคตโดยเปรียบเทียบกับมาตรฐานในปัจจุบันที่เป็นอยู่มันก็ยิ่งน่าเป็นห่วง ยิ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านหนักหนาสาหัสแน่นอน

เพราะขนาดปัจจัยภายในที่พอควบคุมได้ผลยังออกมาแบบโกลาหลอย่างที่เห็น หากเจอกับปัจจัยภายนอก ทั้งวิกฤติยุโรป สหรัฐอเมริกา ที่เศรษฐกิจถดถอย ซึ่งวิกฤติการณ์ดังกล่าวจะเริ่มถาโถมเข้ามาและเห็นผลอย่างชัดเจนในต้นปีหน้า มันก็ยังนึกไม่ออกว่าจะเอาตัวรอดได้อย่างไร

ล่าสุดขนาดนโยบายประชานิยมทีเด็ดของพรรคเพื่อไทย ในเรื่องขึ้นค่าแรงวันละ 300 บาท กำลังส่งผลกระทบไปทั่ว และกลับกลายเป็นว่าฝ่ายที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือกลุ่มผู้ใช้แรงงานและลูกจ้างกลายเป็นคนตกงานเพิ่มมากขึ้น เพราะภาคเอกชนเจ้าของกิจการต่างอ้างว่า แบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไม่ไหว

แน่นอนว่าในช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมานโยบายการขึ้นค่าแรงวันละ 300 บาท ถือเป็นอีกนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อไทย ทำให้ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย แต่เมื่อนำมาปฏิบัติจริงมีการนำร่อง 7 จังหวัดก็ได้ยินเสียงโอดโอยจากภาคเอกชน จนกระทั่งรัฐบาลมีการประกาศว่าจะปรับขึ้นค่าแรงดังกล่าวพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 มกราคม 2556 ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวคัดค้านทันที โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมในภาคเหนือ ที่ย้ำว่าแบกรับภาระต้นทุนไม่ไหว

ที่น่าสนใจก็คือ การแถลงของกลุ่มสภาอุตสาหกรรมภาคเหนือตอนบน ที่นำโดย วีระยุทธ สุขวัฑฒโก เรียกร้องให้ชะลอการปรับขึ้นค่าจ้างดังกล่าวออกไปก่อน พร้อมทั้งได้กล่าวเหน็บแนมรัฐบาลอย่างเจ็บแสบว่า “พรรคการเมืองหาเสียงโดยไม่ใช้เงิน แต่ถึงเวลาผู้ประกอบการเป็นคนจ่าย ถ้าไม่ปฏิบัติตามก็กลายเป็นผู้ร้าย มันไม่ยุติธรรม”

คำพูดดังกล่าวถือว่าสะท้อนความรู้สึกลึกๆ ออกมาได้ดี ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มผู้กอบการรายย่อยทั่วประเทศที่ไม่อาจปรับตัวได้จะต้องปิดตัวลง หรือต้องลดการจ้างงานลงไป

นั่นเป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลที่สร้างปัญหาให้เกิดขึ้น ยังไม่นับนโยบายอื่นๆ เช่น นโยบายจำนำข้าว ที่ก่อให้เกิดปัญหาทุจริต ทำให้รัฐต้องขาดทุนนับแสนล้านบาท และอีกสารพัด

ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณากันถึงเรื่องปัญหาใกล้ตัว ที่เป็นชีวิตประจำวัน เรื่องค่าครองชีพ นาทีนี้ไม่ต้องมาถกเถียงกันแล้ว เพราะ “แพงทั้งแผ่นดิน” เดือดร้อนไปทั้งทุกหย่อมหญ้า

กรณีที่เกิดขึ้นมันก็ทำให้คนไทย “ตาสว่าง” มากขึ้น เริ่มเกิดภาวะถดถอยลงไป

แต่นั่นยังไม่หนำใจเท่ากับกรณีของ “โจรประดับยศให้ตำรวจ” ที่ตำใจคนไทยที่ยึดมั่นในหลักการ กฎหมาย ตามนิยาม “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” เพราะปรากฏการณ์ “มีวันนี้เพราะพี่ให้” ของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่เกิดขึ้น รวมไปถึงการจัด “ม็อบตำรวจ” พกพาอาวุธตบเท้าไปข่มขู่พรรคฝ่ายค้าน มันยิ่งเสียหายจนกู่ไม่กลับ

สดๆ ร้อนๆ ที่ยังคาราคาซัง และเป็นเรื่องท้าทายมาตรฐานจริยธรรมทางการเมืองก็คือ การดันทุรังช่วยเหลือกันให้ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรองนายกรัฐมนตรีต่อไป ทั้งที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดร้ายแรง จากการไปรับรองการซื้อขาย “ธรณีสงฆ์” ของวัดธรรมิการาม เมื่อปี 2545 และต่อมาคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงมหาดไทย มีมติไล่ออก แม้ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์ซ่อนเร้นหวังให้กฎหมาย “ล้างมลทิน” ครอบคลุมไปถึง ใช้วิธีศรีธนญชัย ช่วยเหลือกันแบบด้านๆ

ทั้งที่ประเด็นมีอยู่เรื่องเดียวก็คือ คุณธรรมและจริยธรรมของนักการเมืองที่ต้องมีมาตรฐานสูงกว่าคนทั่วไป แต่กลายเป็นว่าคนพวกนี้ไม่เคยใส่ใจ เพราะคิดว่าไม่มีใครล้มลงได้ง่ายๆ

แค่นั้นยังไม่พอเมื่อมีการตรวจสอบพบว่า ประธานรัฐสภา สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ได้นำสื่อในเครือพวกเดียวกัน ไปทัวร์เมืองนอกถลุงงบประมาณปลายปีกันสนุกมือ มีแต่เสียงสะท้อนด้านลบตามมารอบทิศ พิสูจน์ได้จากผลสำรวจมีเสียงยี้ดังลั่น

ปรากฏการณ์ดังกล่าว ทั้งความล้มเหลวจากการบริหารราชการแผ่นดิน ทำให้เกิดปัญหาข้าวยากหมากแพง ความเหิมเกริมโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง มันก็เหมือนกับการสะสมความไม่พอใจในทางลบมากขึ้นทุกวัน!!
ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์
สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์
กำลังโหลดความคิดเห็น