xs
xsm
sm
md
lg

“แจ๊ส” แจง กมธ.ตร.ปัดสั่งลูกน้องไป ปชป.“ฉลอง” ชี้ไม่สมควร “จ่าประสิทธิ์” สวนไร้สาระ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



 
กมธ.ตำรวจ สภาฯ ถกกรณี “คำรณวิทย์” ขนตำรวจบุกประชาธิปัตย์ “สาธิต” โชว์คลิป ผบช.น.จ้องานเลี้ยงติดยศผิดตรงไหน ผบช.น.แจง อ้างเฉยมีเจตนาไป สตช.บอกลูกน้องแค่จะทำหนังสือถึง “อภิสิทธิ์” ไม่ได้สั่งไปชุมนุม แต่ชวนกันไปเอง บอกที่มาจริงๆ แค่ 100 แต่อีก 200 ให้ไปดูแลความสงบ ยันเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ใคร “ฉลอง” รับไม่สบายใจ มีอะไรให้มาร้องสภาฯได้ ชี้ ไม่สมควร “จ่าประสิทธิ์” จวกเรื่องไร้สาระ เจอพรรคเดียวกัน สวนทำงานด้วยกันต้องฟังเหตุผล ด้านมือขับรถปิดหน้า ปชป.โผล่โวยอยากรู้อะไรให้มาถาม

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง” ให้สัมภาษณ์  

วันนี้ (26 ก.ย.) ที่ห้อง 213 อาคารรัฐสภา 2 เมื่อเวลา 13.30 น.การประชุมคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร โดยมี นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ เป็นประธานการประชุม ซึ่งมีวาระการประชุม พิจารณาขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม กรณี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) นำกำลังตำรวจ 300 นาย ไปที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถือเป็นการคุกคามพรรคการเมือง โดยมีการเชิญ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ และจเรตำรวจ เข้าชี้แจง ทั้งนี้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ได้มอบหมายให้จเรตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงแทน โดย นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ตั้งข้อสังเกตว่า พฤติกรรมของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ อาจจะเข้าข่ายผิดกฎของคณะกรรมการข้าราชตำรวจ (ก.ตร.) หลายข้อ และมีความเป็นกลางทางการเมืองหรือไม่ ทั้งนี้ นายสาธิต ได้นำคลิปภาพงานฉลองวันเกิดของนายอดิศร เพียงเกษ แกนนำ นปช.ที่มีสมาชิกพรรคเพื่อไทยร่วมงานด้วย และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวปราศรัยในงาน ชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า “รูปภาพนั้น ให้คนที่รักเคารพรัก ติดยศให้ผิดตรงไหน อีกประเด็นหากเปลี่ยนรัฐบาล ผมก็จะลาออกทันที”

ทั้งนี้ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ทักท้วงว่า งานเลี้ยงนี้ไม่ใช่งานของพรรคเพื่อไทย และ นายอดิศร ก็ไม่ใช่สมาชิกพรรคเพื่อไทย ทำให้ นายสาธิต ต้องชี้แจงและถอนคำพูดดังกล่าว ทั้งนี้ กรณีที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า หากเปลี่ยนรัฐบาล ก็จะลาออกจากการเป็นข้าราชการนั้น เห็นว่า การที่จะแต่งตั้งหรือปรับเปลี่ยนโยกย้าย ก็ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ไม่ได้เกี่ยวกับนักการเมือง ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ตนทนไม่ได้ที่จะหากตำรวจที่มีพฤติกรรมลักษณะนี้จะได้ดี เพราะพฤติกรรมแบบนี้จะสร้างรอยด่างพร้อยให้วงการตำรวจ

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ชี้แจงว่า หลังจากที่ตนเดินทางกลับจากการไปราชการที่ต่างประเทศ เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา ก็ได้ทราบจากเจ้าหน้าที่ของสำนักงานฯ ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นตรวจสอบวินัย กรณีที่ตนนำรูปภาพที่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประดับยศให้ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรุ่นพี่ที่ตนเคารพรัก และตนมีเจตนาจะไปชี้แจงที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมกับบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจในสำนักงานฯ ว่า จะทำหนังสือทำความเข้าใจกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะนำกำลังเจ้าหน้าที่ไปชุมนุม ทั้งนี้ ในวันดังกล่าว เมื่อตนเดินลงมาจากสำนักงานฯ ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นประทวนหลายนาย บอกว่า จะเดินทางไปด้วย แต่ก็ไม่ทราบว่าจะเดินทางไปเป็นจำนวนมาก แต่ได้ทราบในช่วงดึก ว่า ตำรวจชั้นประทวนของ สน.ทองหล่อ ได้ชักชวนกันไปที่พรรคประชาธิปัตย์ และทราบว่า มีการขึ้นสโลแกนว่า “ใครว่างเวรไปให้กำลังใจ น.1” ซึ่งยืนยันว่า ตำรวจไม่มีใครเกณฑ์ได้ และตนก็ห้ามแล้วว่าอย่าให้มีตำรวจมาชุมนุม เพราะเกรงว่าจะมีปัญหา

“ผมเป็นตำรวจ จะทำร้ายประชาชนไม่ได้ และตั้งใจจะเดินทางไปแบบเงียบๆ จริงๆ เพียงแต่จะไปยื่นหนังสือทำความเข้าใจเท่านั้น ซึ่งตำรวจกับนักการเมืองไม่เหมือนกัน ตำรวจปลุกม็อบไม่ได้ คนพวกนี้ปลุกไม่ได้มันอยู่ที่ใจ” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าว

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวต่อว่า ภายหลังที่มีการเข้าใจกันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เดินทางไปยังพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการปลุกม็อบไป ซึ่งได้ชี้แจงพร้อมสั่งการ และทราบว่า มีการออกคำสั่งไปหลายโรงพักให้นำกำลังไปให้ได้ประมาณ 150 นาย และ สน.บางซื่อ กับ สน.พญาไท อีก สน.ละ 30 นาย ทั้งนี้ ตามปกติหากมีการชุมนุม ตนจะสั่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 กองร้อยหรือ 150 นาย ไปดูแลรักษาความสงบในสถานที่ชุมนุม ซึ่งเหตุการณ์ที่หน้าพรรคประชาธิปัตย์ 200 นาย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลความเรียบร้อย และอีก 100 นาย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เดินทางมาให้กำลังใจตน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ที่ตนเดินทางมาชี้แจง ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง ตนเป็นคนยอมรับความจริง ไม่มีเจตนายุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมือง ตนอยู่กับพรรคพวกพี่น้องตำรวจ เรื่องที่เกิดขึ้น เพราะมีการยื่นเรื่องตรวจสอบตนก่อน จึงใช้สิทธิเพื่อยื่นเรื่องทำความเข้าใจเท่านั้น ส่วนหลังจากนี้ จะมีใครไปยื่นตรวจสอบอะไรอีกนั้น ก็ยินดีไปชี้แจง และยืนยันว่า ตนมีความเป็นกลางทางการเมือง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด

ด้าน นายฉลอง เรี่ยวแรง ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ กล่าวว่า ตนมองเห็นเรื่องนี้แล้วรู้สึกไม่สบายใจ เพราะจะทำให้กระทบกับวงการตำรวจทั้งหมด รวมทั้งในส่วนของการเมือง หรือพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีระเบียบวินัย หากจะร้องเรียน หรือต้องการชี้แจงอะไร ก็มาร้องเรียนที่รัฐสภาก็ได้ ตนไม่อยากจะตำหนิใคร แต่ใครที่ทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับผลเช่นนั้น ซึ่งประชาชนได้ให้ความสนใจและวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้มาก เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาเป็นม็อบเสียเอง รวมทั้งนำรถของราชการนำกำลังมาชุมนุม ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวตนเห็นชัดเจนว่าเป็นการเกณฑ์คนมาชุมนุมที่หน้าที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน

“เหตุการณ์นี้ผมคิดว่าไม่สมควรทำ วินัยของตำรวจควรจะมีมากกว่านี้ ต้องรักเกียรติวินัยของตำรวจ หากคุณทำตัวเหมือนคนธรรมดา แล้วจะไปปราบม็อบได้ยังไง จะเอาอะไรไปบีบหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เหรอ แค่เราชี้แจงเขาไปก็จบแล้ว ผมไม่เห็นด้วยที่เอาเวลาทำงานของราชการเกณฑ์คนมาชุมนุมกันแบบนี้ ผมมองว่า สิ่งที่ท่านชี้แจงไม่เป็นความจริง อยากให้พิจารณาตัวเองว่าสิ่งที่ทำถูกต้องหรือไม่ เกียรติวินัยของคุณไปอยู่ไหน” นายฉลอง กล่าว

ทั้งนี้ ระหว่างมีการชี้แจงนั้น ก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้น เนื่องจาก พ.ต.อ.(พิเศษ) ศรศักดิ์ แก้วรักษา นายกสมาคมกฎหมายปกครองไทย ที่เข้าร่วมฟังการประชุม ได้ตะโกนว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์วันดังกล่าวที่พรรคประชาธิปัตย์ อยากรู้อะไรให้ถามตนได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องนำตัวพ.ต.อ.(พิเศษ) ศรศักดิ์ ออกจากห้องประชุมทันที ทั้งนี้ มีรายงานว่า พ.ต.อ.(พิเศษ) ศรศักดิ์ เป็นผู้ที่ขับรถยนต์เข้าไปจอดขวางหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในวันดังกล่าวด้วย

หลังจากนั้น จ.ส.ต.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ตนขอขอตั้งคำถามกับ นายสาธิต ที่เป็นผู้ยื่นเรื่องนี้เข้ามาสู่ที่ประชุมคณะกรรมาธิการ ว่า มีวัตถุประสงค์อะไร ซึ่งหากเป็นตนนั้น เรื่องไร้สาระแบบนี้จะไม่ยื่นอย่างแน่นอน เพราะเหตุการณ์นี้ยังไม่มีผลเสียอะไรที่เกิดขึ้น และมีเป้าหมายเดียว ที่ต้องการจะพูดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ต้องหาและเมื่อตำรวจไปพบ ทำไมไม่จับกุม ทำให้นายฉลอง ต้องกล่าวตัดบทว่า ตนในฐานะเป็นรองประธาน ขอชี้แจงว่า จ.ส.ต.ประสิทธิ์ พูดแบบนี้ไม่ถูกต้อง เรามานั่งในที่นี้ในฐานะกรรมาธิการ ที่ต้องทำงานร่วมกัน ต้องรับฟังเหตุผลของทั้ง 2 ฝ่ายอย่าเอาเรื่องสี เรื่องพรรคการเมืองมาเกี่ยวข้อง กรรมาธิการจะมาซักถามกันเองเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ตนเข้าใจว่า จ.ส.ต.ประสิทธิ์ เคยเป็นตำรวจมาก่อน มีชีวิตจิตใจ และต้องการปกป้องตำรวจ แต่เรื่องนี้ไม่ถูกต้อง












กำลังโหลดความคิดเห็น