xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ชำแหละงบปี 56 เปิดแผลจำนำข้าว แฉงบน้ำท่วมรั่ว ศึกนี้แค่อุ่นเครื่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เริ่มแล้วอย่างเป็นทางการ สำหรับการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2556 โดยคาดว่าจะใช้เวลาตั้งแต่วันที่ 15-17 สิงหาคม ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญได้พิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยปีนี้รัฐบาลตั้งงบประมาณไว้ถึง 2.4 ล้านล้านบาท

กล่าวสำหรับงานนี้อาจจะดูไม่ดุเดือดนัก เพราะถือเป็นการลับฝีปากของฝ่ายค้าน ก่อนได้ฤกษ์อภิปรายการแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 1 ปี และศึกซักฟอก “อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล” ซึ่งเมื่อสำรวจดู ส.ส.ที่ขอเสนอแปรญัตติแล้ว รวมถึง 193 คน เป็นพรรคฝ่ายค้านมากกว่าครั้งหนึ่ง คือ 122 คน โดยพรรคฝ่ายค้านตัวแม่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ก็วางยุทธศาสตร์ ”ชำแหละ” งบประมาณปี 56 ของรัฐบาล ”ปู“ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯหญิงคนแรกของประเทศ

ด้วยการวางตัวขุนพลในการอภิปรายไว้กว่า 100 คน นำโดย อดีตขุนคลัง กรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เกียรติ สิทธีอมร อดีตผู้แทนการค้าไทย จุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก ตามมาด้วย ส.ส.ฝีปากกล้าของพลพรรคค่ายสะตออีกหลายคน

เป้าหมายของการถกงบประมาณปี 56 นี้ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เน้นที่จะทำให้รัฐบาลเพลี่ยงพล้ำ เจ็บตัว มากนัก เพราะรู้กันแล้วว่า งบประมาณปี 56 จะผ่านฉลุย แต่ฝ่ายค้านจะใช้วิธีนี้เพื่อเป็นเวทีชิมลางก่อนเปิดศึกอภิปรายที่จะตามมาในเวลาต่อไป

โดยเป้าหมายของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มุ่งเน้นในกรอบการอภิปราย 3 ประเด็น คือ 1. ความล้มเหลวของการใช้งบประมาณในนโยบายสำคัญ ตามที่ได้หาเสียงไว้ ทั้งโครงการการรับจำนำข้าว , กองทุนตั้งตัวได้ เป็นต้น 2. ความผิดพลาดบกพร่องของการบริหารจัดการงบประมาณที่ใช้บริหารประเทศ อาทิ การแก้ไปปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร , สินค้าแพงราคาแพง 3. ความไม่ชอบมาพากลของการตั้งงบประมาณไว้ใช้จ่ายในลักษณะการเอื้อประโยชน์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อาทิ การตั้งงบประมาณให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จำนวน 900 ล้านบาท แต่กลับไม่มีรายละเอียดของการใช้เงิน และให้ฝ่ายการเมืองมีดุลพินิจที่จะใช้เงินดังกล่าว เป็นต้น

ทั้งนี้ หากแยกออกมาเป็นประเด็นสำคัญ ที่พรรคประชาธิปัตย์ พยายามจะเปิดแผลรัฐบาลก็มีหลากหลายประเด็น แต่ที่ฝ่ายค้านเน้นย้ำเป็นพิเศษ เห็นจะ ไม่พ้นโครงการรับจำนำข้าว ที่เห็นว่าอาจจะทำให้ขาดทุนกว่าหลายแสนล้านเลยทีเดียว

นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลตั้งงบปี 2556 ไว้สูงถึง 2.4 ล้านล้านบาท ถือว่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยประมาณการไว้ที่ 2.1 ล้านล้านบาท หมายความว่าตั้งงบขาดดุลถึง 3 แสนล้านบาท ที่สุดก็จะกลายเป็นภาระประชาชน ไม่เคยมีรัฐบาลไหนตั้งเป้าจัดเก็บภาษีประชาชนมากเท่ารัฐบาลนี้ ก็หวังว่าจะมีความยุติธรรมทั้งการจัดเก็บและการนำไปใช้ แต่ดูแล้วรัฐบาลนี้มีความยุติธรรมน้อย จากนโยบายปรับลดภาษีนิติบุคคล เดิมอยู่ที่ 30% ปรับลดเหลือ 23% ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ 1.5 แสนล้านบาท และอนาคตตั้งเป้าจะลดลงมาอยู่ที่ 20% ซึ่งคนกลุ่มนี้ที่ได้ประโยชน์เป็นกลุ่มคนที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศ เมื่อนายทุนไม่ต้องเสียภาษี ใครจะรับภาระก็ต้องเป็นประชาชน เมื่อรัฐบาลยังคงเพิ่มค่าใช้จ่าย ก็ต้องกู้ยืมเงินเพิ่มขึ้น จัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น ตนเชื่อในศักยภาพเจ้าหน้าที่หน่วยจัดเก็บภาษี อย่างกรมสรรพากร เมื่อรัฐมนตรีบอกว่าจะเก็บได้ตามเป้าแน่นอน อย่างโครงการจำนำข้าว กำลังสร้างความเสียหายทุกลำดับชั้น ทั้งขาดทุน คุณภาพข้าวต่ำ กระทบอุตสาหกรรมการค้าข้าว ทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ส่งออกข้าวปีละกว่า 1 แสนล้านบาท ที่น่าห่วงที่สุดคือกระทบต่อเกษตรกรที่เป็นเป้าหมายหลัก แต่รายงานจากผู้เชี่ยวชาญพบว่าทุก 100 บาท จะมีเม็ดเงินถึงมือชาวนาแค่ 30 บาทเท่านั้น หากเทียบกับโครงการประกันราคาข้าวของรัฐบาลที่แล้ว เม็ดเงินที่เราใช้น้อยกว่ามาก ไม่รั่วไหล หากใช้เงินเท่ากันจะดูแลเกษตรกรได้มากกว่าถึง 3 เท่า นี่ยังไม่พูดถึงการรั่วไหล

ตามมาด้วย ดาบสองในส่วนของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ก็พยายามชี้ให้เห็น ว่าขบวนการนี้มีกลโกงสวมสิทธิ์มโหฬาร โดยบอกว่า ขอตัดลดงบ 10% เพราะโครงการรับจำนำข้าวที่ตั้งเป้าว่า ชาวนาจะได้ราคา 15,000 บาทต่อตัน ไม่เป็นความจริง ชาวนาถูกเอา เปรียบหลายเรื่องได้แก่ 1.การโกงความชื้น พบในพื้นที่ภาคกลาง ภาคเหนือ 2.การโกงตาชั่ง ซึ่งน่ารังเกียจที่สุด เป็นการโกงกลางแดด สะท้อนว่ารัฐมนตรีไม่ได้เรื่อง ปล่อยให้ชาวนาถูกเอาเปรียบ 3.การโกงสิ่งเจือปน พบในพื้นที่ภาคอีสาน เมื่อหักลบแล้ว ชาวนาได้ไม่ถึง 13,000 บาท อยากให้มีการรื้อใบประทวนใหม่ ถ้าชาวนาถูกเอาเปรียบต้องคืนเงินให้ โครงการนี้มีการสวมสิทธิ์อย่างมโหฬาร ทุกโรงสีโกงได้อย่างเสรี โกดังของรัฐมีแต่ข้าวเสีย และโครงการจำนำข้าวเป็นที่มาของการเสื่อมสภาพสายพันธุ์ข้าวไทย เพราะการรับจำนำราคา 15,000 บาทต่อตัน ทำให้เกษตรกรคิดว่าไม่ต้องพัฒนาสายพันธุ์ก็ขายได้ราคาแล้ว เรารับไม่ได้กับพฤติกรรมแบบนี้ ถ้าจะทำโครงการนี้ต่อ ตนไว้ใจไม่ได้

อย่างไรก็ดี อีกเรื่องหนึ่งที่ประชาชนควรจะจับตาอย่างใกล้ชิดก็คือ งบเงินกู้ฟื้นฟูน้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท โดยในประเด็นนี้ นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ขอปรับลดงบประมาณรายจ่ายปี 56 ลง 4% หรือ 9.6 หมื่นล้านบาท เพราะมีการซุกเงินกู้รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 6 แสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นภาระของประชาชน โดยเฉพาะเงินกู้แก้ปัญหาน้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาทที่กังวลว่าจะได้ประโยชน์ไม่คุ้มค่ากับเงินกู้ เพราะโครงการไม่มีรายละเอียดชัดเจน การจ้างเหมาออกแบบและการก่อสร้างเปิดช่องให้เกิดการทุจริตได้ง่าย อีกทั้งการจ้างเอกชนมาเป็นที่ปรึกษาออกแบบร่วมกับการก่อสร้างอาจทำให้เกิดความล่าช้าได้ เพราะหลายโครงการไม่ได้ศึกษาความเหมาะสมผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม หรือยังไม่ได้เวนคืนพื้นที่ นอกจากนี้ ในทีโออาร์ของโครงการก่อสร้างระบบทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ยังกำหนดคุณสมบัติไว้สูงจนบริษัทไทยเข้าร่วมได้ยาก อยากให้ปรับลดคุณสมบัติเพื่อให้บริษัทคนไทยเข้าร่วมได้

นอกจากนั้นแล้วอีกงบหนึ่งของสำนักนายกฯ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดย นายจุติ ไกรกฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาถล่มงบประมาณในส่วนของสำนักนายกฯที่ดูจะเกี่ยวข้องไปถึง นช.ทักษิณ อีกด้วยว่าสำหรับสร้างภาพลักษณ์ของสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้กับกระทรวงการต่างประเทศ 100 ล้านบาทและอีกก้อนซุกอยู่ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 1.7 พันล้านบาท ซึ่งปัญหาก็เกิดจาการการที่พี่ชายนายกรัฐมนตรีเดินสายโจมตีกระบวนการยุติธรรมไทย นอกจากไม่คิดหยุดเรื่องนี้แล้วกลับจะนำเงินเงินภาษีประชาชนจำนวน 1.8 พันล้านบาทไปสร้างภาพลักษณ์ประเทศ ไปแก้ตัวให้ทนายต่างชาติรายนี้ ทั้งที่ปัญหาแก้ง่ายนิดเดียวแค่คนไทยหนึ่งคนเลิกว่าจ้างก็จบ ภาพลักษณ์ประเทศก็ดีขึ้น อย่างไรก็ตามการอภิปรายช่วงนี้ทำให้นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดงและ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดงลุกขึ้นประท้วงผู้อภิปรายผิดข้อบังคับพาดพิงบุคคลภายนอก ประธานที่ประชุมได้กล่าวตักเตือนและวินิจฉัยให้นายจุติอภิปรายต่อ

ขณะเดียวกัน ในงบประมาณการศึกษา นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้ออกมาเปิดแผลการจัดซื้อแท็บเล็ต ว่าได้รับข้อมูลจากภาคเอกชนถึงการดำเนินการโครงการแท็บเล็ตให้เด็ก ป.1 ซึ่งรัฐบาลได้ทำสัญญาซื้อเครื่องแท็บเล็ตที่ซื้อจากบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ของจีน โดยในสัญญากำหนดให้ทางบริษัทให้ต้องเปิดศูนย์บริการ 30 แห่งภายในเวลา 6 เดือนซึ่งสามารถให้ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด โดยต้องเปิดบริการ 24 ชั่วโมง กรณีส่งเครื่องที่มีปัญหาหรือเสียมาซ่อม ต้องจัดส่งคืนเจ้าของภายในเวลา 5 วันทำการ โดยในประเทศไทยมีการอ้างว่าได้จัดตั้ง บจก. สโคป ไทยแลนด์ (เป็นชื่อที่จดในประเทศไทย) เฉพาะบริษัทนี้ได้รับงานไปรวมเป็นเงินจำนวน 2,460 ล้านบาท จึงจำเป็นต้องเปิดบริษัทตัวแทนที่ดูแลแท็บเล็ตกว่า 1 ล้านเครื่อง ที่ได้แจกจ่ายให้เด็ก ป.1 ไป ซึ่งแจกจ่ายไปแล้วรวม 5.5 หมื่นเครื่อง โดยออฟฟิศอยู่ที่อาคาร ทีซีซี. เยื้องกับ ม.ธุรกิจบัณฑิต เป็นตึกเก่า บริษัทอยู่ชั้น 8 ด้านหน้าบริษัทยังไม่มีป้ายชื่อบริษัท ส่วนความพร้อมในการรับประกันสินค้ามีเพียงเจ้าหน้าที่ประจำออฟฟิศ 4 คน ทำหน้าที่ช่างซ่อม 1 คนมาจากประเทศจีน พูดไทยและอังกฤษไม่ได้ จึงเกิดคำถามว่า เมื่อแทบเล็ตถึงมือเด็ก ป.1 แล้ว หากเกิดของเสียหาย จะทำอย่างไร จะติดต่อเพื่อขอรับซ่อมบริการได้หรือไม่ นี่ขนาดเป็นเมืองหลวงที่แท็บเล็ตลอตแรกกระจายให้เด็กไปแล้ว คือ กทม. กระบี่ กาฬสินธุ์ กาญจนบุรี ขอนแก่น จันทบุรี กำแพงเพชร ฉะเชิงเทรา จะทำอย่างไร

นอกจากนี้ หลักเกณฑ์การสุ่มตรวจสินค้าระบุว่า ในจำนวน 500 เครื่อง เสียได้ไม่เกิน 7 เครื่องถือว่าผ่าน แต่จากการสุ่มตรวจเกือบทุกครั้ง ทุก 500 เครื่องจะพบเครื่องเสียหรือมีปัญหา 7 เครื่องทุกครั้ง คือ อัตราเสียสูงสุดตามที่กำหนด ไม่มีต่ำกว่านี้ ถามว่าคุ้มค่ากับงบประมาณหรือไม่ และข่าวที่ลือก่อนหน้านี้ว่ามีการล็อกสเปกเพื่อให้จัดทำแท็บเล็ตในโครงการนี้ จริงหรือไม่อย่างไร หรือใช้เสร็จ ป.1 ปีนี้แล้วเสียต้องทิ้งไปเลย.

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงเบื้องต้นของงบประมาณบางส่วน ที่รัฐบาลถูกฝ่ายค้านนำมาอุ่นเครื่อง เปิดแผลชำแหละเป็นรายมาตรา ในช่วง3 วัน 3 คืน อภิปราย ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 56 ดูแล้วคงไม่ถึงกับ ร้อนแรง ซัดกันดุดัน ระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้าน เนื่องจากกรอบการอภิปรายก็ต้องอยู่ในเรื่องงบประมาณเป็นหลักจะออกนอกเรื่องก็พอได้แต่เกินขอบเขตมากนัก ซึ่งฝ่ายค้ายอย่างประชาธิปัตย์ คงต้องการแค่อุ่นเครื่อง และรอจัดชุดใหญ่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในศึกใหญ่ อภิปรายไม่ไว้วางใจต่อไป

หมายเหตุ : 'ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์' มีเว็บเพจแล้วนะครับ ขอเชิญเข้าไปพูดคุยและแสดงความคิดเห็นกันได้ที่ http://www.facebook.com/Astvmanagerweekend
กำลังโหลดความคิดเห็น