xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

สนธิ ลิ้มทองกุล พรรคการเมืองใหม่ ไม่สมานฉันท์การเมืองเก่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสนธิ ลิ้มทองกุล
19 ม.ค.53

ปี่กลองการเมืองไทยร้อนแรงขึ้นอีกครั้งหลังพรรคการเมืองใหม่(กมม.) เปิดที่ทำการพรรคอย่างเป็นทางการ พร้อมกับการปรากฏตัวของหัวหน้าพรรคชื่อ “สนธิ ลิ้มทองกุล” เป็นครั้งแรกหลังหายหน้าหายตาไปในช่วงระยะเวลาหนึ่งจนเกิดคำถามต่างๆ นานาว่า นายสนธิหายไปไหน และยุติบทบาททางการเมืองแล้วหรือไม่ พรรคการเมืองใหม่ปิดฉากลงเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่

ที่สำคัญคือ เป็นการปรากฏตัวในช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองกำลังเป็นไปด้วยความดุเด็ดเผ็ดร้อนจากการเคลื่อนไหวของ “นช.ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งทำให้หลายคนอยากรับทราบความคิดเห็นของ “พ่อหมอ” คนนี้ว่าจะมีมุมมองอย่างไร

**หายตัวไปรักษาขาข้างขวา

เรื่องข่าวลือที่ว่าผมหนีไปอยู่เมืองนอก แล้วบอกว่าผมอพยพครอบครัวไปแล้วไม่กลับแล้ว วันนี้ก็นำตัวมาให้เห็นกัน คือจริงๆ แล้วต้องเรียนให้ทราบว่า ปกติแล้วผมเป็นคนขี้อาย นี่ไม่ได้พูดเล่น บทบาทบนเวทีที่เห็นกันอย่าไปเข้าใจผิด เพราะนั่นคือการต่อสู้ แต่ไหนแต่ไรแล้วเวลาไปไหนมาไหนผมจะไปคนเดียว ชอบขับรถไปกินข้าวคนเดียว บางทีก็ขับรถไปซื้อหนังสือที่สยามสแควร์คนเดียว เพิ่งจะมีช่วงหลังที่ต้องมีคนตามผมเยอะมากขึ้นเพื่อความปลอดภัย

ประเด็นที่สองเป็นเรื่องส่วนตัวของผม คือผมเป็นคนที่มีปัญหาที่ “ขาข้างขวา” ซึ่งเกิดจากหมอนรองกระดูกทับเส้น ผมเดินประมาณสัก 50 ก้าวผมก็ปวดขาแล้ว ผมต้องนั่งหรือไม่ก็ต้องหยุดยืนเฉยๆ รักษามาหลายครั้งก็ไม่หาย เหตุที่มีปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากการชุมนุม 193 วัน ทำให้มีอาการปวดมากขึ้น พอหลังจากหยุดประท้วง ผมก็เริ่มรักษาตัว แต่ดีขึ้นได้ไม่นานนักก็มาถูกลอบยิงอีก ซึ่งการใช้ยาสลบ รวมทั้งการผ่าตัดสมองส่งผลกระทบไปถึงเส้นต่างๆ ก็เลยกลับมาปวดอีกครั้งหนึ่ง ผมก็ต้องรักษาตัว ก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง จนในที่สุดงวดนี้ผมก็ตัดสินใจไปรักษายาวที่ต่างประเทศ

ผมไปฝังเข็มในหมู่บ้านเล็กๆ ที่มณฑลหูนาน ประเทศจีน ก็ไปกินนอนที่นั่น เขาฝังเข็มผมวันละ 3 เวลา แล้วเขาบังคับว่า ตอนหกโมงเช้าให้ตื่นมาเพื่อรำไท้เก๊ก ก็รักษาอยู่ประมาณเกือบ 10 วัน จนตอนนี้ดีขึ้นแล้ว

จากจีนผมก็ไปฮ่องกง ที่นี่ ผมได้ไปดูการประท้วงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงที่ทางการจีนต้องการสร้างจากกวางโจวมาที่ฮ่องกง เสร็จแล้วผมก็ไปไต้หวัน
    
**การเมืองไทยต้องดูวันต่อวัน   

สำหรับสถานการณ์การเมืองไทยนั้น วันนี้เราต้องดูกันวันต่อวัน เราวิเคราะห์อะไรเกินไปกว่า 1 อาทิตย์ไม่ได้ เพราะทุกวันมีความขัดแย้งชัดเจน ความขัดแย้งระหว่างคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะกับคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ในกรณี ก.ตร.มีมติสวน ป.ป.ช.ในคดี 7 ตุลา และให้ส่งเรื่องไปตีความที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตอนแรกคุณอภิสิทธิ์บอกว่าจบแล้ว แต่ตอนหลังก็อ่อนลงมา บอกว่าให้พล.ต.อ.ปทีป รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ส่งไปตีความที่กฤษฎีกาทั้งๆ ที่เคยตีความมาแล้ว ก็อ้างกันว่าที่ตีความกันคราวที่แล้ว เลขาฯ เขียนมาคนเดียวไม่ใช่คณะกรรมการฯ ซึ่งผมก็คิดว่าไม่น่าจะใช่ เพราะเลขาฯ กฤษฎีกาจะไม่เขียนอะไรซี้ซั้วออกมาถ้าไม่มีมติคณะกรรมการ

สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการชี้ให้เห็นว่า มีนัยความขัดแย้งกันลึกซึ้งมาก ลึกซึ้งตรงที่ว่า คุณอภิสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องหวยออนไลน์ กราฟแกพุ่งขึ้นปรี๊ดเลย พอแกมาตัดสินใจเรื่องก.ตร. กลับกลายเป็นหลักลอย เหลาะแหละ กราฟแกตกเลย ฉะนั้น คุณอภิสิทธิ์ไม่มีความคงเส้นคงวาในการทำงาน

ผมก็เลยสรุปว่า ขณะนี้ในพรรคประชาธิปัตย์มีคนที่ไม่ประสงค์ดีต่อพรรค แล้วก็ทำตัวเป็นไส้ศึกให้กับหลายๆ ฝ่าย แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะมีไม่การแตกหัก ทว่า เมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง นายอภิสิทธิ์อาจทนไม่ได้ คุณอภิสิทธิ์จะยุบสภาหรือเปล่า ผมตอบไม่ได้ แต่ผมรู้อย่างหนึ่งว่า คุณอภิสิทธิ์เป็นคนที่ชำนาญในทางการเมือง ดังนั้น คุณอภิสิทธิ์จะไม่ยุบสภาตอนนี้ เพราะถ้ายุบสภาตอนนี้โอกาสที่คุณอภิสิทธิ์จะกลับมาเป็นนายกฯ คงไม่มี ผมเข้าใจว่าคงจะต้องลากกันต่อไป ซึ่งเมื่อลากต่อไป ทางนายสุเทพก็จะยิ่งชอบ เพราะท่านจะได้มีบทบาทมาก ทางพรรคภูมิใจไทยก็ชอบ

สมัยคุณทักษิณเป็นนายกฯ เราเห็นภาพการฉ้อราษฎร์บังหลวงยิ่งใหญ่มาก เพราะถนนทุกสายไปรวมตัวที่คุณทักษิณหมด คุณทักษิณคุมทุกกระทรวง อย่าว่าแต่งบประมาณเลย จะตั้งอธิบดีสักกรมๆ หนึ่งยังต้องมาขออนุญาต แต่ในยุคนี้ คุณอภิสิทธิ์ไม่สามารถไปควบคุมพรรคร่วมรัฐบาลได้ ทำอะไรไม่ได้เลยก็ต้องปล่อยเขาทำกัน เพราะฉะนั้นการฉ้อราษฎร์บังหลวงจึงเกิดขึ้นทุกกระทรวง ความซื่อสัตย์สุจริตในรัฐบาลชุดนี้มันไม่มี อาจจะมีแค่คุณอภิสิทธิ์คนเดียว ซึ่งคุณอภิสิทธิ์คนเดียวจะทำอะไรได้ ฉะนั้นในทางการเมืองจึงต้องดูว่าคุณอภิสิทธิ์จะทนได้นานแค่ไหน คุณอภิสิทธิ์ต้องเลือกเอาระหว่างความสุขที่ได้เป็นนายกฯ กับการตัดสินใจเพื่อส่วนร่วม

ผมเชื่อว่าคุณอภิสิทธิ์คงไม่พอใจรัฐมนตรีอีกหลายกระทรวง แต่พูดไม่ได้ เพราะการจัดตั้งรัฐบาลนั้น แกมอบให้คุณสุเทพไปเจรจา เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดว่าระหว่างคุณสุเทพกับคุณประวิตร วงษ์สุวรรณ กับคุณพัชรวาท วงษ์สุวรรณกับคุณเนวิน ชิดชอบ 4 คนนี้ เป็นกลุ่มๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นตัวเชื่อมระหว่างสะพานแห่งอำนาจที่คุณอภิสิทธิ์ต้องพึ่ง คุณสุเทพคงจะใช้คำพูดว่า เราเป็นหนี้บุญคุณเขาต้องตอบแทน เรารับปากเขาไว้แล้ว เราก็ต้องพยายามตอบแทนให้ได้

คำถามก็คือกลุ่มนี้จะครอบงำคุณอภิสิทธิ์ได้นานแค่ไหน และคุณอภิสิทธิ์จะยอมให้กลุ่มนี้ครอบงำได้แค่ไหน

เรื่องคดี 7 ตุลา คุณอภิสิทธิ์คงกลัวว่า ถ้าแกไปหักคุณสุเทพ ก็จะไปสะเทือนคุณประวิตร ก็จะไปสะเทือนคุณเนวิน แล้วก็จะทำให้เสียงสนับสนุนหายไป ทำให้ไม่ได้เป็นนายกฯ

 **คนเสื้อแดงน่าสงสาร

คนเสื้อแดงเป็นคนที่น่าสงสาร ส่วนใหญ่ได้ข้อมูลที่ผิดหมดจากการที่ถูกปลุกปั่น ซึ่ง ตราบใดก็ตามถ้าประชาชนยังถูกครอบงำด้วยข้อมูลที่ผิดและรัฐบาลไม่ทำอะไรเลยในการชี้แจงข้อมูลให้ประชาชนทราบ ขบวนการเสื้อแดงก็จะเจริญเติบโตไปเรื่อยๆ

ส่วนคุณทักษิณก็บ้าๆ บอๆ ไปตามเรื่องตามราวของแก วันดีคืนดีแกก็ทวิตเตอร์มาเกี่ยวกับเรื่องคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน แกก็บอกว่าแกเชื่อมั่นในศาล เสื้อแดงก็ไม่ด่าศาล ไม่มีใครด่าศาลสักคนเลย เหมือนกับคล้ายๆ ได้สัญญาณมาว่า น่าจะไฟเขียวหลายเรื่อง แต่หลังจากนั้นอีกอาทิตย์หนึ่งแกออกมาอีกแล้ว แกบอกว่าใครจะมายึดทรัพย์ อย่ามาเอาเงินแกไปนะ เป็นไงเป็นกัน แสดงว่า อะไรต่ออะไรในขณะนี้เหมือนน้ำที่ไหลบนจาน มันไม่นิ่ง

**ทักษิณคือตัวปัญหา

อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าคนเสื้อแดงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ปัญหาใหญ่อยู่ที่คุณทักษิณ พร้อมจะแตกหักหรือเปล่าเท่านั้นเอง ซึ่งถ้าพร้อมจะแตกหักก็มีอีก 2 ประเด็นที่ต้องจำไว้คือ แตกหักแบบเปิดเผยหรือแบบซ่อนเร้น แบบเปิดเผยก็คือประกาศตัวชัดเจนเลยว่าจะสู้ เพราะเชื่อว่า ตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ส่วนแตกหักซ่อนเร้นก็คือ ใช้คนเสื้อแดงเป็นเครื่องมือ วางแผนให้กลุ่มคนเสื้อแดงให้ไปตายแล้วตัวเองจับมือกับอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อให้เกิดเหตุขึ้นแล้วตัวเองก็จะได้ประโยชน์

ผมมองว่าเสื้อแดงกำลังถูกใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองของคุณทักษิณมากกว่า ผมทำนายไว้เลยว่า โอกาสที่คุณทักษิณ จะทิ้งกลุ่มเสื้อแดงเมื่อตนเองได้สิ่งที่ต้องการโดยที่ไม่ได้แคร์ว่าเสื้อแดงจะเป็นอย่างไร มีสูง

ผมคิดว่า ถ้าคุณจะดูว่า สถานการณ์จะมีปัญหาหรือไม่มีปัญหา ให้ดูคุณทักษิณคนเดียว ทุกอย่างก็กลับไปสู่จุดเดิมว่า ประเทศนี้ มีปัญหาอย่างเช่นทุกวันนี้ เกิดเพราะคนๆ เดียว

**กมม.พร้อมเป็นฝ่ายตรวจสอบ

        ถามว่า ในวันข้างหน้ามีโอกาสเข้าร่วมเป็นรัฐบาลไหม ผมตอบไม่ได้ ผมตอบปรัชญาส่วนตัวของผมก็แล้วกันนะ ถ้าเป็นการร่วมรัฐบาลแล้วนำไปสู่การเมืองเก่า ส่วนตัวผมไม่ร่วม เราต้องทำตัวเป็นตัวอย่าง

สมมุติถ้าเรามี 50 เสียงและจะไปร่วมรัฐบาลที่เป็นการเมืองเก่า ผมอาจจะบอกว่า เราไม่ร่วมดีกว่า เราไม่ต้องเป็นฝ่ายค้าน ไม่ต้องเป็นรัฐบาล แต่พร้อมจะยกมือสนับสนุนและคัดค้านรัฐบาลตามเจตนารมณ์ของพรรค เราพร้อมที่จะต่อสู้กับความฉ้อราษฎร์บังหลวง เราพร้อมจะเป็นฝ่ายตรวจสอบ พรรคการเมืองใหม่พร้อมที่จะอยู่เฉยๆ ไม่เป็นทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล นอกจากเสียจากเราจะมีเสียงข้างมากก็จะเป็นรัฐบาลให้ดู และจะขอเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น