“สนธิ” แจงสื่อ ปัดลี้ภัยหายสาบสูญ ยันไปรักษาขาที่จีนมา บอกการเมืองไทยต้องดูวันต่อวัน ซัด “อภิสิทธิ์” ไม่คงเส้นคงวา แนะกล้าตัดสินใจมติ ก.ตร. เชื่อประชาธิปัตย์มีไส้ศึก แต่ไม่ทำพรรคแตก แต่นายกฯ จะทนไม่ได้ และจะไม่มียุบสภา ฉะคอร์รัปชันยังเยอะ ชี้ “เสธ.แดง” สะท้อนความล่มสลายในวงการทหาร เชื่อ “นช.แม้ว” หลอกเสื้อแดงไปตาย พอได้อำนาจแล้วก็ลืม เมินนำการเมืองใหม่ตั้งรัฐบาลร่วมแล้วเกิดวังวนเก่า ขอสร้างบรรทัดฐานใหม่ไม่เป็นฝ่ายค้านและรัฐบาล ปัดพันธมิตรฯ ยึดสุวรรณภูมิ ชี้ “เสรีรัตน์” สั่งปิดเอง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล เปิดใจตอบทุกคำถามกับการเมืองใหม่
วันนี้ (19 ม.ค.) ที่พรรคการเมืองใหม่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ เปิดโอกาสให้สื่อสัมภาษณ์หลังจากเปิดที่ทำการพรรค และประกาศเจตนารมณ์พรรค ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่านายสนธิหายตัวไปว่า ตนไม่ได้หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศตามที่มีกระแสข่าวออกมา ซึ่งปกติแล้วเวลาตนไปไหนจะไปคนเดียว เพราะตนไม่เคยคิดว่าตนเป็นวีรบุรุษ ตนไม่ค่อยชอบเดินไปไหนเพื่อให้สื่อเห็น ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์รัฐผ่านสื่อนั้น แม้ตนจะรู้สึกไม่พอใจบ้าง แต่ก็ยังใช้ความอดกลั้นไม่ออกมาวิจารณ์ เพราะอยากอยู่อย่างสงบ แต่ก็จะมีการพูดคุยกับคนสนิทบ้าง จนกระทั่งมีข่าวลือว่าตนหายไปแล้ว ซึ่งอันที่จริงที่ไม่ได้พบเห็นตน เป็นเพราะตนไปรักษาขาซึ่งเกิดจากอาการหมอนรองกระดูกทับเส้น รักษาไม่หายมานานแล้ว ยิ่งในช่วงที่มีการชุมนุม 193 วัน การกินการนอนก็ไม่เป็นที่ ทำให้มีอาการปวดมากขึ้น พอหลังจากหยุดประท้วงก็ดีขึ้นบ้าง แต่พอถูกลอบสังหารซึ่งได้มีการผ่าตัดที่บริเวณสมองก็ทำให้ปวดอีก ตนจึงไปฝังเข็มในหมู่บ้านเล็กๆ ที่มณฑลหูนาน ประเทศจีน ไปอยู่ที่นั่น มีการสอนรำไท้เก็ก เกือบ 10 วัน จนตอนนี้ดีขึ้นแล้ว จากนั้นตนก็ไปจีน ไปฮ่องกง ซึ่งในขณะนั้นที่มีประท้วงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงระหว่างจีน-ฮ่องกง ทำให้ตนเห็นว่าที่ฮ่องกงการชุมนุมก็ไม่ต่างจากที่ไทย ตนจึงมั่นใจว่า สิ่งที่ตนต่อสู้ไม่ผิด ก่อนเดินทางต่อไปไต้หวัน และยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นการลี้ภัย
นายสนธิยังวิเคราะห์การเมืองไทยด้วยว่า ต้องดูกันวันต่อวัน จะดูเกิน 1 อาทิตย์ไม่ได้ เพราะทุกวันมีความขัดแย้งชัดเจน อย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ในกรณีมติคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ กลับมติ 7 ตุลา ป.ป.ช.ให้ 3 นายตำรวจกลับเข้าทำงาน เป็นการชี้ให้เห็นว่า มีนัยยะความขัดแย้งกันลึกซึ้งมาก ซึ่งในกรณีนี้ถ้ามาเปรียบเทียบกับกรณีหวยออนไลน์นั้น ถือว่านายอภิสิทธิ์ ไม่คงเส้นคงวา ทั้งนี้ตนเชื่อว่า มีคนในพรรคประชาธิปัตย์ เป็นไส้ศึกให้กับหลายฝ่าย แต่เชื่อว่าจะมีไม่การแตกหักภายในพรรค แต่นายอภิสิทธิ์จะทนไม่ได้เอง และตนเชื่อว่า จะไม่มีการยุบสภาในตอนนี้ ซึ่งจะลากกันต่อไป และถ้านานขึ้น นายสุเทพ และพรรคภูมิใจไทย ก็จะยิ่งชอบ
ส่วนการคอร์รัปชั่นนั้น ในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี การฉ้อราษฎร์บังหลวงโดดเด่นมาก เพราะทุกคนทุกฝ่ายพุ่งหา พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นจุดศูนย์รวมอำนาจ แต่ในสมัยนี้การฉ้อราษฎร์บังหลวงเกินขึ้นทุกกระทรวง อย่างกรณีกระทรวงสาธารณสุขก็แค่ตัวอย่างหนึ่ง แต่ตนมองว่าภายในกระทรวงคมนาคมมีมากกว่า ยกตัวอย่างกรณีนายวัลลภ พุกกะณะสุต ประธานกรรมการบริหารบริษัท การบินไทย กรณีขนกระเป๋าที่มีน้ำหนักเกินที่ลาออกไป จนท้ายที่สุดประธานกรรมการบริษัทก็ยังออกมาปกป้อง
ทั้งนี้ ตนมองว่า ความซื่อสัตย์ของรัฐบาลนี้อาจมีแค่ตัวนายอภิสิทธิ์คนเดียว ฉะนั้น นายอภิสิทธิ์จะต้องกล้าตัดสินใจ เอาให้ชัดจะไม่ส่งคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความกรณีมติก.ตร. อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่า นายอภิสิทธิ์ คงไม่พอใจรัฐมนตรีอีกหลายกระทรวง แต่พูดไม่ได้ เพราะนายสุเทพ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ยังเป็นตัวเชื่อมสะพานแห่งอำนาจ
มีคำถามว่านายอภิสิทธิ์จะยอมให้ครอบงำได้แค่ไหน ตนมองว่านายอภิสิทธิ์มีอำนาจ เพราะนายสุเทพ เดินเรื่อง และคาดว่านายสุเทพ คงพูดว่าเป็นหนี้บุญคุณเขาต้องตอบแทนนายสุเทพ ก็ตอบแทน พ.ล.ต.อ.พัชรวาท เยอะ ทั้งกรณีที่ให้นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เซ็นคำสั่งให้ย้ายกลับมานั่ง ผบ.ตร. นายสนธิยังยืนยันด้วยว่า ก.ตร.จะไปกลับคำสั่ง ป.ป.ช. ไม่ได้ เพราะก.ตร.มาจากกฏหมายลูก ส่วนป.ป.ช.เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ฉะนั้น ตนอยากถามนายสุเทพว่า เวลาแต่งตั้งตำรวจทำไมกลับไม่เห็นนายสุเทพ เป็นแค่แมสเซนเจอร์แทนเลย ส่วนการที่นายอภิสิทธิ์ โยนเรื่องให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ไปสอบถามคณะกรรมการกฤษฎีกาเอาเอง คือการซื้อเวลา ยืนยันชาติต้องการการตัดสินใจกล้าหาญและเด็ดขาด
ขณะที่กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดง เป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่น่าจับตามองทางการเมือง กรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศบุกพื้นที่เขาสอยดาว จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่เอกชน ถ้าเกิดเหตุการณ์คนในกลุ่มเสื้อแดงถูกยิงเสียชีวิต ก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น ส่วนกรณีพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ก็เป็นทหารในประวัติศาสตร์ เพราะตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ ตนยังไม่เคยเห็น พล.ต.ขู่กระทืบผู้บังคับบัญชา ซึ่งตรงนี้ส่อให้เห็นถึงความล่มสลายของวงการทหาร รวมถึงในส่วนของตำรวจด้วย ทั้งนี้ตนได้ฟังบางคนพูดไว้ว่า นายสุเทพอาจจะฮั้วกับนายอภิสิทธิ์ เพื่อสร้างภาพให้เกิดมีความขัดแย้งกัน
ตนมองว่าหากมีการกระทำเช่นนี้จริงถือเป็นเรื่องที่น่ากลัว และในที่สุดชีวิตของนายอภิสิทธิ์ อาจจะพัง โดยตนหวังว่า เรื่องดังกล่าวจะไม่จริง แต่ตรงนี้ก็เป็นคำถามว่า ทำไมนายอภิสิทธิ์ ถึงไม่ทำอะไรให้ชัดเจน รวมทั้งกรณีที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ใส่ชุดทหารออกมารับอวยพรปีใหม่ ก็ถือว่ามีนัยยะ ตนมองว่า การเมืองไทย เป็นการเมืองสัญลักษณ์ เช่นเดียวกันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่แรกๆหลังรู้วันพิพากษาคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ออกมาทวิตเตอร์ให้ยอมรับศาล เหมือนได้รับสัญญาณอะไรบางอย่าง แต่ในอีกสัปดาห์ กลับเปลี่ยนคำพูดห้ามยึดเงิน แสดงว่า ทุกอย่างไม่นิ่งทั้งนี้พรรคการเมืองใหม่ จะไม่เต้นตาม เราขอให้มี ส.ส.ดี เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ตนมองว่า เมืองไทยสามารถแก้ได้ทุกเรื่อง ถ้านักการเมืองเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ตนไปเห็นมาทุกประเทศไม่มีใครสู้ไทยได้ แต่ไทยห่วยแตกที่นักการเมือง ฉะนั้นตนขอนักการเมืองอย่าเอาส่วนตัวเป็นตัวตั้ง
นายสนธิกล่าวต่อว่า ตนมองกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นพวกน่าสงสาร เพราะได้ข้อมูลที่ผิดมาปลุกปั่น เช่นกรณีหนี้ไอเอ็มเอฟ ราคายางพืชไร่สูง ตราบใดก็ตามถ้าประชาชนยังถูกครอบงำและรัฐบาลไม่ทำอะไรเลย เสื้อแดงจะถูกครอบงำ ทั้งนี้ ตนอยากจะแนะนำแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงให้ทำตัวโปร่งใส เพราะวันนี้ตนเห็นว่า ทุกคนร่ำรวยกันหมด จากบางคนข้าวยังไม่มีกินตอนนี้มีบ้านเป็นสิบล้าน บ้างก็มีร้านอาหารไทยเปิดอยู่ที่อังกฤษบ้าง ซึ่งปัญหาใหญ่อยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมจะแตกหักหรือเปล่า ซึ่งการแตกหักก็มีแบบเปิดเผยหรือแบบซ่อนเร้น แบบเปิดเผยก็คือประกาศตัวชัดเจนเลยว่าจะสู้ ส่วนซ้อนเร้นก็คือ หลอกกลุ่มคนเสื้อแดงให้ไปตายแล้วตัวเองจับมือกับอีกฝ่าย
ดังนั้นจึงอยากถาม พ.ต.ท.ทักษิณว่า การที่ไปจับมือร่วมกับพล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ สมัยทำรัฐประหาร รสช. เป็นนักประชาธิปไตยตรงไหน รวมทั้งกรณีจ่ายเงินให้ ปธน.ฟิจิ เพื่อแลกกับการออกพาสปอร์ตให้ด้วย ทั้งนี้ตนมองว่าโอกาสที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะทิ้งกลุ่มเสื้อแดงเมื่อตนเองได้สิ่งที่ต้องการแล้วมีสูง ไม่เหมือนกลุ่มพันธมิตรฯ คนที่ได้รับการบาดเจ็บจากการชุมนุม เรายังดูแลมาตลอด
ส่วนนโยบายสมานฉันท์นั้น ตนมองว่าบ้านเมืองจะต้องกลับไปสู่ความถูกต้อง ทั้งนี้นายสนธิยังเปิดเผยด้วยว่า ก่อนตั้งพรรคการเมืองใหม่มีคนจากกลุ่มเสื้อแดงติดต่อมา บอกว่า เสื้อแดงกับเสื้อเหลืองน่าจะคุยได้ ตนก็บอกได้ แต่ต้องมีเงื่อนไขตรงกันคือต้องไม่สู้เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ และยุติจาบจ้วงสถาบัน รวมถึงกรณีการต่อต้านคอร์รัปชัน ถ้าเสื้อแดงมีความจริงใจก็ต้องไปประท้วงทวงคืนสนามกอล์ฟอัลไพน์ให้เป็นของแผ่นดินด้วย ถ้าจะเอาถูกกับผิดผสมกันอันนี้ตนไม่เห็นด้วย
หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ยังพูดถึงการร่วมรัฐบาลด้วยว่า หากถ้าพรรคต้องร่วมรัฐบาลกับพรรคใดแล้วกลับไปสู่การเมืองเก่า ตนและนายสมศักดิ์ โกศัยสุข รองหัวหน้าพรรค คงจะไม่ร่วม เพราะการทำพรรคการเมืองต้องมีศรัทธาและต้องอดทน ถ้าเรามี 50 เสียงและจะไปร่วมรัฐบาลที่เป็นการเมืองเก่า ตนอาจจะบอกว่า เราไม่ต้องเป็นฝ่ายค้าน ไม่ต้องเป็นรัฐบาล แต่พร้อมจะยกมือสนับสนุนและคัดค้านรัฐบาลตามเจตนารมณ์ของพรรค เราพร้อมที่จะต่อสู้กับความฉ้อราษฎร์บังหลวง เราพร้อมจะเป็นฝ่ายตรวจสอบ นอกจากเสียจากเราจะมีเสียงข้างมากก็จะเป็นรัฐบาลให้ดู และจะขอเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
นายสนธิยังกล่าวถึงการที่มีคนพูดว่า การชุมนุมเป็นภัยต่อชาติว่า การชุมนุมที่เป็นภัยคือการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ตนก็อยากถามกลับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และนายสุเทพ ว่าเสื้อเหลืองเป็นตัววุ่นวายตรงไหน พันธมิตรไม่เคยเผารถเมล์ และเราก็ไม่เคยเห็นเสื้อแดงชุมนุมแล้วโดนระเบิดเอ็ม 79 ยิงถล่ม แต่พอเสื้อเหลืองชุมนุม ขนาดไปชุมนุมรวมพลังให้ในหลวง หายจากพระประชวรยังโดนยิงเลย แต่เสื้อแดงไม่เคยโดนไล่ทำร้าย มีแต่ตีกันเอง คนเสื้อเหลืองสู้ในเรื่องเดียว คือ แก้รัฐธรรมนูญ และ 193 วัน ที่มีการชุมนุมก็มาจากการเริ่มประเด็นเดียวคือการแก้รัฐธรรมนูญ ตนนอนกลางดินกินกลางทรายคิดว่าสนุกหรอ ที่นายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ จะตั้งรัฐบาลบนซากศพ
ทั้งนี้ นายสนธิยังได้ชี้แจงถึงการชุมนุมภายในสนามบินว่า พันธมิตรฯ ไปที่สนามบินดอนเมืองเพื่อบล็อกประชุมครม.ซึ่งในขณะนั้นใช้แทนทำเนียบรัฐบาล และยืนยันว่าพันธมิตรฯ ไม่ได้เป็นคนไปปิดสนามบิน เพราะพันธมิตรฯ ยังปล่อยให้นักท่องเที่ยวใช้เครื่องบินเดินทางได้ แต่คนที่สั่งปิดสนามบินสุวรรณภูมิที่แท้จริงคือนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งถูกเปิดโปงความสัมพันธ์กับนายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ในเวลาต่อมา ซึ่งในภายหลังนายเสรีรัตน์ก็ได้ออกมายอมรับว่า สั่งปิดจริง ส่วนกรณีการแก้รัฐธรรมนูญนั้นก็ต้องพิจารณาให้ดี ซึ่งพันธมิตรไม่ใช่ดื้อด้าน แต่ถ้าแก้เพื่อให้ใครพ้นผิดหรือมีเจตนาแอบแฝง เราไม่เอา แต่ก็ขอให้คอยดูกันต่อไป
ทั้งนี้ ตนรู้สึกว่าสังคมไทยล่มสลายแล้ว หลังจากที่ได้เห็นหลายคนรู้สึกเฉยๆกับการยกแผ่นดินให้เขมรของนักการเมือง ส่วนการเมืองภายในสภาฯ จะไม่สามารถแก้ปัญหาไม่ได้ ถ้านักการเมืองไม่เปลี่ยนนิสัยมองประเทศชาติเป็นของตน อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่ารัฐบาลนี้จะอยู่รอด
ด้าน นายสมศักดิ์ กล่าวเสริมกรณีพรรคจะไม่เป็นทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลว่า พรรคอยากให้ซื่อสัตย์ต่อประชาชน ไม่ใช่ว่าใครให้ยกมือสนับสนุนก็ยก ส่วนเรื่องมติ ก.ตร. ตนมองเป็นเรื่องการเมืองเก่าเพื่อรักษาอำนาจ
รายละเอียด “สนธิ” ให้สัมภาษณ์สื่อ
“เรื่องข่าวลือที่ว่าผมหนีไปอยู่เมืองนอก แล้วอพยพครอบครัวไปแล้วไม่กลับแล้ว วันนี้ก็เป็นตัวตนมาให้เห็นกัน คือที่คนพูดถึงเรื่องนี้มากก็เพราะว่า ต้องเรียนให้พี่น้องสื่อมวลชนทราบนิดนึง เราพูดกันอย่างเพื่อนแล้วกัน จริงๆ แล้วผมเป็นคนขี้อาย นี่ไม่ได้พูดเล่น บทบาทบนเวทีที่เห็นกันอย่าเข้าใจผิด นั่นคือการต่อสู้ ผมเป็นคนที่ขี้อายแล้วสงบมาก ผมแต่ไหนแต่ไรแล้วก็ตาม ซึ่งมีช่วงหลังที่ต้องมีคนตามผมเยอะหน่อยเพื่อความปลอดภัย แต่ไหนแต่ไรแล้วผมไปไหนผมไปคนเดียว ผมจะเดินทางต่างประเทศ ก็ไม่มีใครมาดูแลผมที่สนามบิน ทั้งเข้า-ออกก็ตามปกติธรรมดา ชอบขับรถไปกินข้าวคนเดียว บางทีก็ขับรถไปซื้อหนังสือที่สยามสแควร์คนเดียว ภาพยนตร์ไม่ดู อ่านหนังสือ ผมเป็นคนไม่เคยคิด ด้วยความสัตย์จริง ว่าผมเป็นวีรบุรุษ หลังจากการต่อสู้มา ตลอดจนการโดนยิง สถานการณ์บังคับให้ผมเป็นคนที่อยู่ในวงการสื่อมวลชน แต่ด้วยตัวเองแล้วถ้าหลบสื่อมวลชนได้จะหลบ ไม่ค่อยชอบเดินไปไหนมาไหนแล้วโชว์ออฟว่า เฮ้ยผมสนธิ ลิ้มทองกุล
เพราะฉะนั้นแล้ว ด้วยเหตุนี้พอเรื่องราวต่างๆ เริ่มสงบลง ถึงแม้ผมจะมีความไม่พอใจอะไรหลายอย่างกับการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ แต่ผมยังอดกลั้น ผมคิดว่าอย่างน้อยที่สุดคุณอภิสิทธิ์ยังเป็นคนที่ใช้ได้ จะมีอะไรบ้างที่ผมสามารถจะวิพากษ์วิจารณ์ ผมก็จะวิพากษ์วิจารณ์ผ่านหมู่คณะเพื่อนฝูงสนิทสนม อย่างคุณสำราญนี่จะรู้ว่าผมจะบ่นเรื่องอะไร สุริยะใสก็จะรู้ว่าผมจะบ่นเรื่องอะไร ผมจะบ่น แหมทำไมกับอีแค่คำว่ากล้าหาญแค่นี้ทำไม่ได้วะ หรือว่า ทำไมต้องเป็นหนี้บุญคุณกันมากมายนัก ก็ช่วยเหลือมากันตั้งเยอะ จบที่ ป.ป.ช. ป.ป.ช.จบแล้วก็น่าจะจบเพียงแค่นี้ ยังจะช่วยอะไรกันต่อ นี่คือการบ่นของผมภายใน แต่ผมจะไม่เปิดแถลงข่าวประจำ แม้กระทั่งรายการโทรทัศน์ที่ผมเคยออกประจำผมก็เลิก ผมอยากอยู่อย่างสงบ นี่ก็เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้มีข่าวลือตลอดเวลาว่าผมหายไปแล้ว จริงๆ แล้ว โดยพื้นฐานในชีวิตผมตั้งแต่ก่อนมาสู้ผมก็เป็นคนที่หายไปแล้วอยู่แล้ว นอกจากออกรายการทีวี นี่ก็ข้อหนึ่งซึ่งก็ต้องอธิบายให้ฟังนิดหนึ่งนะครับ
อันที่ 2 นี่เรื่องส่วนตัวผม ผมเป็นคนที่มีปัญหาที่ขาข้างขวา ขาข้างขวาผมมันเกิดจากหมอนรองกระดูกไปทับเส้น แล้วมันปวดมาก ผมเดินประมาณสัก 50 ก้าว ผมก็ปวดขาแล้ว ผมต้องนั่ง ผมต้องหยุดยืนเฉยๆ ผมยืนนานกว่า 5 นาทีก็ไม่ได้ ก็ปรากฏว่ารักษามาหลายครั้ง เหตุที่ขาข้างขวาปวดก็เพราะ 193 วัน กินไม่เป็นที่ นอนไม่เป็นที่ บางทีก็นอนบนดิน บางทีก็นอนในสนาม บางทีก็นอนบนลานซีเมนต์ มันก็ปวดขึ้นมา เวลาพักไม่พอ พอเริ่มหยุดประท้วงแล้วผมก็เริ่มรักษาตัว ก็เริ่มดีขึ้น ก็โดนยิงอีก พอโดนยิง พอผ่าตัดหมอให้ยาสลบมันมีผลต่อเส้นมาก มันก็เคลื่อนไปหมดเลย เพราะร่างกายผมมัน หมอเขาบอกมันกระทบเส้นทั้งตัวเวลาผ่าสมอง ก็เลยกลับมาปวดอีกครั้งหนึ่ง พอปวดอีกครั้งหนึ่งผมก็รักษาตลอดเวลา ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง
จนในที่สุด งวดนี้ผมก็ไปต่างประเทศ ผมก็ตัดสินใจไปรักษายาว ผมไปฝังเข็มที่เขาเรียกว่าหมู่บ้านหมอจีน อยู่ที่มณฑลหูหนาน นั่งรถห่างจากสนามบินไป 2 ชั่วโมง ต้องไปกินนอนที่นั่น เขาฝังเข็มผมวันละ 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น แล้วเขาบังคับว่าตอน 6 โมงเช้าให้ตื่นมาให้รำไทเก็ก เขาสอนให้ผมรำไทเก็ก การรำไทเก็กคือการออกกำลังกายแบบช้าๆ รำแค่ 2 ท่านี่เหงื่อเต็มตัวเลย เพราะมันช่วยดึงเส้น ก็รักษาอยู่ประมาณเกือบสิบวันก็ดีขึ้น ตอนนี้ เมื่อกี้นี้ยืนบนเวทีไม่รู้สึกเจ็บเลย อันนี้ก็ถือว่าเป็นการพัฒนาและปรับปรุงขึ้นมา เพราะฉะนั้นการที่ผมหายไป หลายๆ ครั้ง บางทีผมก็หายไปเพราะผมอยากจะอยู่เฉยๆ แล้วผมก็เรียนให้ทราบว่าผมเป็นคนที่ใส่ใจในความรู้ ผมเป็นคนที่ไม่เคยคิดว่าผมฉลาด ผมคิดว่าผมนี่เป็นน้ำที่ไม่เคยเต็มแก้ว
ผมชอบเดินทางไปต่างประเทศ ผมเดินทางไปดูประเทศจีน ผมไปดูเขาประท้วงกันที่ฮ่องกงนะ ที่ประชาชนประท้วงเรื่องรถไฟความเร็วสูง ที่ทางจีนต้องการสร้างจากกวางโจว เข้าสู่ฮ่องกง แล้วรัฐบาลฮ่องกงต้องสร้างในส่วนของรัฐบาลฮ่องกง ใช้เงินประมาณ 60,000 ล้านเหรียญฮ่องกง ผมเห็นเขาประท้วงกันทำให้ผมเห็นว่า ไอ้การประท้วงที่เขาประท้วงที่ฮ่องกงไม่ได้ต่างกับการประท้วงที่เมืองไทยเลย ไม่ได้ต่างอะไรกันเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วคนที่มาประท้วงน่าสนใจมาก เป็นดาราภาพยนตร์ก็มี เป็นนางแบบก็มี เป็นนักธุรกิจ เป็นนักศึกษา มีคนหนึ่งเป็นนักศึกษา จบมหาวิทยาลัยฮ่องกง คนหนึ่งจบจากแคนาดามา เป็นคนฮ่องกง เขาถามคำถามซึ่งพวกเราก็เคยถามคำถามรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย เขาถามว่า 60,000 กว่าล้านเหรียญฮ่องกง ที่ไปสร้างทางรถไฟเพื่อเอาฮ่องกงไปเชื่อมต่อกวางโจวนั้น มันมีประโยชน์ต่อฮ่องกงตรงไหน ทำไมไม่เอา 60,000 กว่าล้านมาทุ่มในการศึกษา เอามาทุ่มในเรื่องของการรักษาพยาบาลคน นี่คือคำถามจากคนชนชั้นกลางและหนุ่ม ทำให้ผมเข้าใจว่า ทำให้ผมมีความมั่นใจมากขึ้นว่าสิ่งที่พวกเราทำมาในอดีต ใน 193 วันนั้นไม่ผิด เป็นสิ่งที่ถูก
แล้วผมก็ไปดูความเจริญของจีน ผมเห็นความแตกต่างของเขา ผมไปอยู่ในหมู่บ้านหมอที่หูหนาน ลำบากมาก ส้วมก็เป็นแบบส้วมซึม แล้วเตียงนะ ห้องไม่มีฮีทเตอร์ หนาวมาก ผมไปช่วงนั้นประเทศจีนหนาว ที่หมู่บ้านนั้นประมาณลบ 6 ลบ 7 ตอนกลางคืน กลางวันนี่ 0 องศาฯ แล้วเตียงนะ เท่าที่เคยอ่านหนังสือจำได้ไหม ที่เขาบอกเตียงต้องเอาฟืนใส่เข้าไปใต้เตียง เป็นอย่างนั้นเป๊ะเลย เขาเอาฟืนใส่ไว้ก่อนร้อนๆ แล้วหลังจากนั้นพอฟืนดับแล้วมันก็จะอุ่น ก็จะนอนต่อไปได้ ก็ไปเห็นชีวิตของคนจีน ทำให้ผมคิดในทางทฤษฎีทางการเมืองของผมขึ้นมาอีกเยอะ ในเรื่องเกี่ยวกับประเทศจีน แต่ผมขออนุญาตไม่พูด เดี๋ยวจะไปกระเทือนความสันพันธ์กัน
แล้วก็ไปไต้หวัน เพราะผมเคยเรียนที่ไต้หวันเมื่อปี 1965 ไปเยี่ยมมหาวิทยาลัยเก่า National Taiwan University ก็ไปเห็นชีวิตคนไต้หวัน ซึ่งก็เป็นประเทศจีนเหมือนกัน แต่เป็นอีกแบบหนึ่งก็เลยได้ข้อคิด เพราะฉะนั้นแล้วผมไม่ได้หนีไปเพื่อลี้ภัยอะไรทั้งสิ้น ไม่มีเหตุผลที่จะต้องลี้ภัยนะครับ ผมไปแต่ละที่ผมไปเรียนรู้ทุกอย่าง
ประเด็นที่ 2 ที่คุณสำราญถามว่า ผมวิเคราะห์การเมืองอย่างไร ผมตอบอย่างนี้ดีกว่า ผมคิดว่าการเมืองวันนี้ ด้วยความสัตย์จริง เราต้องดูกันวันต่อวัน เราวิเคราะห์อะไรเกินไปกว่า 1 อาทิตย์ไม่ได้เลย ทำไมต้องดูกันวันต่อวัน เพราะทุกวันที่เราเห็น เราเห็นความขัดแย้งอย่างชัดเจน ความขัดแย้งระหว่างคุณอภิสิทธิ์กับคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ในเรื่องของการที่จะส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ หรือที่คุณอภิสิทธิ์บอกว่ามันจบแล้ว แล้วคุณอภิสิทธิ์ก็อ่อนลงมา บอกว่า ถ้าอย่างนั้นก็ให้ ผบ.ตร.รักษาการ ส่งไปให้ที่กฤษฎีกาตีความ ทั้งๆ ที่เคยตีความมาแล้ว ก็อ้างกันว่าที่ตีความมาคราวที่แล้วเพราะเลขาฯ เขียนมาคนเดียว ไม่ใช่คณะกรรมการ ซึ่งผมก็คิดว่าไม่น่าจะใช่ เพราะเลขาฯ จะไม่ซี้ซั้วเขียนอะไรออกไปถ้าไม่มีมติจากคณะกรรมการ แต่ไม่เป็นไรหรอก แต่กำลังจะชี้ให้เห็นว่า นัยของความขัดแย้งของสองคนนี้มีนัยที่ลึกซึ้งมาก ลึกซึ้งตรงไหนรู้ไหม ลึกซึ้งตรงที่ว่า คุณอภิสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องหวยออนไลน์ กราฟแกพุ่งขึ้นปรี๊ดเลย เพราะมาตัดสินใจเรื่อง ก.ตร. เรื่องความเหลาะแหละแกนะ หลักลอยนะ กราฟแกตกลงมา
ฉะนั้น คุณอภิสิทธิ์ไม่มีความคงเส้นคงวาในการทำงาน ผมก็เลยสรุปอย่างนี้ ผมสรุปบอกว่า ขณะนี้เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์มีไส้ มีคนซึ่งไม่ประสงค์ดีต่อพรรค ส่วนจะประสงค์ดีต่อนายกฯ หรือไม่ประสงค์ดี ผมไม่รู้ แล้วก็ทำตัวเป็นไส้ศึกให้กับหลายๆ ฝ่าย ผมก็เลยมองว่าความขัดแย้งในพรรคประชาธิปัตย์จะไม่แตกหักออกมา แต่จะมีถึงจุดๆ หนึ่งที่คุณอภิสิทธิ์อาจจะทนไม่ได้ คุณอภิสิทธิ์จะยุบสภาหรือเปล่า ผมตอบไม่ได้ แต่ผมรู้อย่างเดียวว่าคุณอภิสิทธิ์เป็นนักการเมืองที่ชำนาญเรื่องการเมืองมาก คงจะเรียนรู้วิทยายุทธจากคุณชวนจนหมดแล้ว เพราะฉะนั้นคุณอภิสิทธิ์คงจะไม่ยุบสภาตอนนี้ เพราะผมเชื่อว่าถ้าคุณอภิสิทธิ์ยุบสภาตอนนี้ โอกาสที่คุณอภิสิทธิ์จะกลับมาเป็นนายกฯ คงไม่มี แล้วผมก็เข้าใจว่าคงจะต้องลากต่อไป เมื่อลากกันต่อไปแล้ว ทางท่านรองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ ยิ่งลากไปนานท่านยิ่งชอบ เพราะว่าท่านจะได้มีบทบาทมาก พรรคภูมิใจไทยก็ชอบ
สมัยก่อนนี้ ผมอยากให้สื่อมวลชนลองดู สมัยก่อน สมัยคุณทักษิณเป็นนายกฯ เราเห็นภาพการฉ้อราษฎร์บังหลวงยิ่งใหญ่มาก เพราะทำไมรู้ไหม เพราะถนนทุกสายไปรวมตัวที่คุณทักษิณหมด คุณทักษิณแกคุมทุกกระทรวงเลย อย่าว่าแต่งบประมาณเลย จะตั้งอธิบดีสักกรมยังต้องมาขออนุญาตสำนักนายกฯ เลย ว่าคนนี้จะขึ้นอธิบดีเห็นด้วยไหม เขาคุมหมด เพราะฉะนั้นแล้วเป้าทุกอย่างมันเลย ปืนทุกกระบอกพุ่งไปหาคุณทักษิณหมด มันเลยทำให้คุณทักษิณโดดเด่นมากเรื่องนี้ แต่พอมายุคคุณอภิสิทธิ์แล้ว พรรคร่วมรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ไปคอนโทรลเขาไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลยก็ต้องปล่อยเขาทำกัน เพราะฉะนั้นแล้ว ลักษณะการฉ้อราษฎร์บังหลวงเกิดขึ้นทุกพรรค เกิดขึ้นทุกกระทรวง กระทรวงสาธารณสุขเป็นหนึ่งในหลายๆ กระทรวง หลายกระทรวงยิ่งใหญ่กว่านี้เยอะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระทรวงคมนาคมไปดูซิครับ กระทรวงคมนาคม เหมือนกรณี คุณวัลลภ พุกกะณะสุต อดีตประธานบริหารการบินไทย ขนของน้ำหนักเกินกว่า 500 กิโลกลับมา ใช้อำนาจของตัวเอง ไปกับภรรยา ฐานะตัวเองเป็นประธานกรรมการบริหาร ประธานบอร์ดการบินไทยยังออกมาปกป้องให้เลย แสดงว่าทั้งหมดความซื่อสัตย์สุจริตในรัฐบาลชุดนี้มันไม่มี อาจจะมีคุณอภิสิทธิ์เพียงคนเดียว เพราะคุณอภิสิทธิ์คนเดียวทำอะไรได้ที่ไหน เพราะฉะนั้นแล้วประเด็นเรื่องการเมืองจะต้องดูว่า คุณอภิสิทธิ์จะทนได้นานแค่ไหน คุณอภิสิทธิ์ต้องเลือกระหว่างความสุขการได้เป็นนายกฯ กับการตัดสินใจเพื่อส่วนรวม ถ้าคุณอภิสิทธิ์สามารถตัดสินใจเรื่องส่วนรวมได้ สิ่งที่คุณอภิสิทธิ์ต้องทำเมื่อวานนี้ ไม่ต้องมายืดเยื้อถึงวันนี้ก็คือว่า ต้องแจ้งชัดเจนเลยบอกว่าผมไม่ส่งกฤษฎีกา กฤษฎีกาความเคยตีความมาแล้วเรื่องนี้จบที่ ป.ป.ช. ไม่ต้องมีอะไรแล้ว นี่คือความกล้าหาญในการตัดสินใจ แต่คุณอภิสิทธิ์ไม่ตัดสินใจตรงนี้ เมื่อไม่ตัดสินใจตรงนี้ การเมืองก็มีความละเอียดอ่อนต่อไป
ผมรู้ว่าคุณอภิสิทธิ์พยายามสุดความสามารถในเรื่องรัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข แต่คุณอภิสิทธิ์ยังมีความรู้สึก ผมเชื่อว่าแกยังมีความรู้สึกว่ารัฐมนตรีอีกหลายกระทรวงที่แกไม่พอใจ แต่แกพูดไม่ได้ เพราะการจัดตั้งรัฐบาลนั้นแกมอบให้คุณสุเทพไปเจรจา เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดว่า ระหว่างคุณสุเทพกับคุณประวิตร วงษ์สุวรรณ กับคุณพัชรวาท กับคุณเนวิน 4 คนนี้เป็นกลุ่มๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นตัวเชื่อมระหว่างสะพานแห่งอำนาจที่คุณอภิสิทธิ์ต้องพึ่งในการเชื่อมต่อไปหลายๆ พรรคที่อยู่อีกด้านหนึ่ง คำถามคือ กลุ่มนี้จะครอบงำคุณอภิสิทธิ์ได้นานแค่ไหน และคุณอภิสิทธิ์จะยอมให้กลุ่มนี้ครอบงำได้นานแค่ไหน เพราะฉะนั้นด้วยเหตุนี้ผมถึงบอกว่า การเมืองในขณะนี้อย่าไปมองให้มันไกล มองกันวันต่อวัน
แล้วยังมีตัวแปรอีกตัวคือ กลุ่มเสื้อแดงของคุณทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะเกิดบ้าบอคอแตกกันเมื่อไหร่ เช่น บอกจะไปบุกเขาสอยดาว เขาจะไปบุกเขาสอยดาวเพราะเขามองว่า เขาสอยดาวนั้นเจ้าของคือธนาคารกรุงเทพ เขามอง พล.อ.เปรม ท่านเป็นที่ปรึกษาธนาคารกรุงเทพ การเล่นงานเขาสอยดาวเท่ากับเล่นงาน พล.อ.เปรม แต่เขาลืมนึกไปอย่างหนึ่งว่า การที่เขาบุกทำเนียบ หรือที่เขาจะไปบุกหน่วยงานราชการนั้น นี่เป็นของราชการ แต่ถ้าเขาไปบุกที่เอกชน ตรงนั้นถือเป็นที่เอกชน ส่วนที่นั้นได้มาถูกหรือไม่ถูกผมยังไม่รู้ ถ้าเอกชนยิงสวนออกมา เดินเข้าไปพวกเสื้อแดงตาย 5-10 คน เกิดอะไรขึ้นผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเกิดเหตุไม่คาดหมายขึ้นมาก็ได้
เพราะฉะนั้นแล้ว ผมมีความรู้สึกว่ามันมีระเบิดเวลาวางไว้หมด ตลอดจน พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ท่านก็เป็นทหารตัวอย่างในประวัติศาสตร์กองทัพไทยที่ไม่เคยมีมาก่อนในอดีต ที่ลุกขึ้นมาด่าพ่อล่อแม่ผู้บัญชาการของตัวเอง ผมเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ผมยังไม่เคยเห็น พล.ต.บอก พล.อ. ผู้บัญชาการทหารบก ว่ามึงอย่าออกจากกองทัพบก ออกมาเมื่อไหร่กูกระถืบมึง เกิดมาผมไม่เคยเจอ ไปเล่าให้ฝรั่งฟังไปเล่าให้คนต่างชาติฟัง คนต่างชาติเขาบอกว่า มีด้วยหรอวะในโลกนี้ เพราะฉะนั้นแล้วคุณจะเห็นได้ว่า ความล่มสลายของกองทัพ ล่มสลายไปแล้ว ล่มสลายตำรวจ คุณสล้าง บุนนาค ออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อวาน บอกว่า ตำรวจจะหมดกำลังใจในการทำงาน แต่สังคมไม่เคยตั้งคำถามถามว่า สังคมไทยไปให้สิทธิคุณสล้าง ไปให้สิทธิตำรวจเที่ยวยิงฟรีๆ โดยไม่ผิดได้อย่างไร คุณเอาอภิสิทธิ์คุณเป็นพระอิศวร หรือพระอินทร์รึไง คุณเป็นมหาเทพรึไง ที่คุณยิงใครก็ได้แล้วคุณมาอ้างบอกว่า ถ้าจับผมถ้าผมไม่ผิดแล้วทำให้ผมไม่มีกำลังใจทำงาน นี่เห็นรึยัง ล่มสลายหมดแล้วนะ ไม่ใช่ไม่ล่มสลาย ทุกอย่างล่มสลายหมดทุกส่วน
เพราะฉะนั้นแล้วผมก็มองว่า ความล่มสลายตรงนี้บวกกับคุณสุเทพ คุณอภิสิทธิ์ สุดท้ายที่ผมกลัวอยู่อย่างหนึ่งคือ มีคนเขาบอกว่า คุณอภิสิทธิ์กับคุณสุเทพรู้กัน คือคุณสุเทพเล่นบทมาร คุณอภิสิทธิ์เล่นบทเทพ มีคนพูดให้ผมฟัง สมมุติเป็นจริงน่ากลัวมาก น่ากลัวตรงที่ว่าวันหนึ่งข้างหน้าถ้าความจริงโผล่ออกมาว่าคุณอภิสิทธิ์เล่นบทเทพแล้วคุณสุเทพเล่นบทมารแล้วสองคนเหยียบเท้ากัน ชีวิตคุณอภิสิทธิ์พังหมดเลยนะ เพราะประชาชนที่ยังหลงว่าคุณอภิสิทธิ์เป็นคนดีก็จะมีความรู้สึกหมดหวังคุณอภิสิทธิ์ แล้วคุณอภิสิทธิ์จะไม่มีโอกาสอีกเลย ผมหวังว่ามันไม่จริง แล้วผมหวังว่าถ้ามันไม่จริง เมื่อมันไม่จริงคนก็ถามต่อว่า ในเมื่อไม่จริงแล้วคุณอภิสิทธิ์เป็นผู้นำประเทศ มีอำนาจบริหารเด็ดขาดทำไมไม่แก้ไขปัญหานี้ให้ชัดเจน ทั้งๆ ที่ตัวเองพูดอยู่แล้วว่าเรื่องนี้จบแล้ว พออีกวันตัวเองพลิกอีกคำพูด นี่ก็เป็นคำถามซึ่งทุกคนเริ่มตั้งข้อสงสัยเหมือนกัน
อีกด้านหนึ่งคือ พล.อ.เปรม ท่านแต่งชุดทหารออกมา ท่านก็มีนัยอะไรหลายอย่างเยอะแยะไปหมด พล.อ.ประวิตร การเมืองเมืองไทยต้องจำไว้อย่างพี่น้องสื่อมวลชนผมจะแนะให้ มันเป็นการเมืองแห่งสัญลักษณ์ ให้ศึกษาสัญลักษณ์ให้ดีๆ สัญลักษณ์ถึง พล.อ.ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์ นำผบ.เหล่าทัพไปอวยพร ท่านประธานองคมนตรีท่านก็พูดกับ ผบ.เหล่าทัพ สั้นๆ ขอบใจ ขอบคุณที่มา อีกแถวนึงกลายเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.ท.คณิต แม่ทัพภาค 1 แล้วผู้บังคับกองพันกองพล ท่านพูดกับฝั่งโน้นแค่ 1 นาที แล้วท่านมาพูดทางฝั่งนี้เกือบครึ่งชั่วโมง แล้วท่านบอกว่า ทหารมีทั้งดีทั้งเลว แล้วท่านชี้ไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกนี่เป็นทหารน้ำดี เห็นหรือยัง การเมืองมันออกมาทางสัญลักษณ์ ซึ่งผมไม่รู้ผมทายใจใครไม่ถูก
ส่วนคุณทักษิณก็บ้าๆบอๆ ไปตามเรื่องตามราวของแก วันดีคืนดีแกทวิตเตอร์มา เนื่องจากคดีความของแกกำลังจะพิพากษาแล้ว แกก็บอกว่าแกเชื่อมั่นในศาล เชื่อ เสื้อแดงก็ไม่ด่าศาล ไม่มีใครด่าศาลสักคนเลย คล้ายๆ ได้สัญญาณมาว่า น่าจะไฟเขียวหลายเรื่อง แต่หลังจากนั้นอีกอาทิตย์นึงแกออกมาอีกแล้ว แกบอกใครอย่ามาเอาเงินแกไปนะ เป็นไงเป็นกัน แสดงว่าอะไรต่ออะไรขณะนี้มันเหมือนน้ำที่ไหลในจาน มันไม่นิ่ง เพราะฉะนั้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองไทยเกิดขึ้นได้ทุกวัน ทุกเวลา ขอให้เชื่อผม การเมืองใหม่ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เราอยู่ในช่วงการตั้งไข่ เราสร้างพรรค เราสร้างคน เราไม่สนใจ เราวิเคราะห์การเมืองได้ แต่เราไม่เต้นไปตามสถานการณ์การเมือง เรามีเป้าหมายชัดเจน เมืองไทยจะเป็นอย่างไรก็ตามในอนาคต เราขอให้การเมืองใหม่ดี ขอให้เรามี ส.ส.ที่ดี มีคุณภาพ ขอให้เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง
เมื่อคืนนี้ผมออกรายการทีวี ASTV คุณแอน จินดารัตน์ ผมพูดชัดเจน ผมบอกอย่างนี้ครับ ผมบอกเมืองไทยแก้ได้ทุกเรื่องถ้านักการเมืองเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้งอย่าเอาส่วนตัวเป็นตัวตั้ง ถ้าคนเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้งแก้ปัญหาได้ง่าย เพราะไม่กระทบส่วนตัว คุณอภิสิทธิ์แก้ปัญหาหวยออนไลน์เพราะคุณอภิสิทธิ์เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง คุณอภิสิทธิ์มองว่าหวยออนไลน์จะมอมเมาเยาวชน เห็นไหมแกแก้ได้ แต่พอมาถึงเรื่องตำรวจ แกเอาส่วนตัวเป็นตัวตั้ง ทำไมแกเอาส่วนตัวเป็นตัวตั้ง แกกลัวว่าถ้าแกไปหักคุณสุเทพก็ไปกระเทือนคุณประวิตรแล้วจะกระเทือนคุณเนวิน ก็จะทำให้เสียงสนับสนุนหายไป ทำให้แกไม่ได้เป็นนายกฯ แต่ถ้าแกเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง แกก็สามารถแก้ปัญหาได้เหมือนหวยออนไลน์ ได้ทันที เพราะฉะนั้นแล้วเมืองไทยถ้านักการเมืองทุกคนเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ไม่เอาส่วนตัวเลย
เมืองไทยวิเศษ ผมเดินทางออกไปเดือนกว่าในรอบที่ผ่านมานี้ ตั้งแต่ ธ.ค.จนถึงต้น ม.ค. ผมไปเห็นทุกประเทศแล้วไม่มีประเทศไหนสู้ประเทศไทยได้เลย แต่ประเทศไทยห่วยแตกอยู่เรื่องเดียวคือ นักการเมืองเฮงซวย ขอให้นักการเมืองเลิกผูกขาดทางการเมือง ขอให้เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าพิศมัยมากและเป็นประเทศที่ดีที่สุด ทุกคนชม”
ช่วงถามตอบ
สนธิ - เรื่องของคนเสื้อแดง ผมเรียนให้ทราบอย่างนี้ คนเสื้อแดงเป็นคนที่น่าสงสาร ส่วนใหญ่ได้ข้อมูลที่ผิดหมด จากการที่ถูกปลุกปั่นทุกอย่าง ข้อมูลอะไรผิด ข้อมูลผิดอย่างเช่นว่า ผมเคยดูโทรทัศน์ตอนที่เขาดำเนินคดีคนเสื้อแดงแล้วมีประชาชนเสื้อแดงคนนึงยืนข้างหลังคนที่ถูกดำเนินคดี แล้วร้องลั่นเลย ไปให้คุณทักษิณออกนอกประเทศได้ยังไง เขาเป็นคนใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ อันนี้ยกตัวอย่าง เราก็รู้ข้อเท็จจริงว่า หนี้ไอเอ็มเอฟถูกเลื่อนให้ใช้เร็วขึ้น เหตุผลเพราะว่า หนี้ไอเอ็มเอฟมีระยะเวลาที่ต้องเบิก แล้วงวดสุดท้ายประเทศไทยไม่มีความจำเป็นต้องเบิก เมื่อไม่มีความจำเป็นต้องเบิก ระยะเวลาการใช้หนี้ก็ถูกร่นบีบเข้ามา โดยอัตโนมัติคุณทักษิณจ่ายตรงตามงวดพอดีเลย จริงๆ แล้วการจ่ายล่วงหน้าไม่ได้เป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าถ้าเรารอจ่ายตรงตามเวลา เงินบาทแข็งขึ้นทำให้เราเสียเงินบาทซื้อดอลลาร์น้อยลง นี่คือข้อเท็จจริงซึ่งคนเสื้อแดงไม่รู้เรื่อง ถามต่อ คนมาโวยวายว่า คุณทักษิณทำให้ราคายางสูงขึ้น เห็นไหมคุณทักษิณอยู่ราคาพืชไร่สูง ราคายางสูง แต่ทุกคนลืมนึกไปเลยว่า ช่วงคุณทักษิณอยู่เป็นช่วงประเทศจีนเริ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมรถยนต์จีนต้องใช้ยางรถยนต์ ก็เลยต้องซื้อยาง ก็เลยทำให้ยางราคาขึ้น แล้วทำไมวันนี้ยางราคาไม่ตก ก็คุณทักษิณไม่อยู่
ประเด็นผมอยู่ตรงที่ว่า เมื่อใดก็ตามถ้าประชาชนยังถูกครอบงำด้วยข้อมูลที่ผิด และรัฐบาลไม่ทำอะไรเลยในการชี้แจงข้อมูลให้ประชาชนฟัง กระบวนการเสื้อแดงจะเจริญเติบโตต่อไปเรื่อยๆ เหมือนทุกวันนี้เริ่มเจริญเติบโตต่อมา แต่เสื้อแดงมีข้อเสียอย่างหนึ่ง ผมคิดว่าการนำของเสื้อแดงนั้นเขาต้องทำตัวเขาโปร่งใสมากกว่านี้ ทุกวันนี้แกนนำเสื้อแดงร่ำรวยกันทุกคน จากคนซึ่งสมัยก่อนเรียนหนังสือมหาวิทยาลัยรามคำแหง ข้าวซื้อกินสักมื้อยังไม่มีปัญญากินแค่บะหมี่ วันนี้มีบ้านเป็นสิบๆ ล้าน บางคนซื้อรถใหม่ไม่รู้กี่คันแล้ว คนบางคนมีร้านอาหารไทยอยู่ในลอนดอน 2 ร้าน จากเริ่มสู้มา เพราะฉะนั้นแล้วผมคิดว่าปัญหาของคนเสื้อแดงไม่ใช่เป็นปัญหาใหญ่ ปัญหาใหญ่อยู่ที่ คุณทักษิณจะแตกหักรึเปล่าเท่านั้นเอง จะพร้อมแตกหักรึเปล่า เพราะถ้าคุณทักษิณพร้อมแตกหัก ก็มีอีก 2 ประเด็นต้องจำไว้
แตกหักอย่างเปิดเผย หรือแตกหักโดยใช้เสื้อแดงเป็นเครื่องมือ แตกหักอย่างเปิดเผยหมายความว่า สู้เพราะเชื่อว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม จะสู้อย่างเต็มที่ จ่ายเงินให้คนโน้นคนนี้ช่วยหน่อย แตกหักอย่างซ่อนเร้น หมายความว่า วางแผนให้เสื้อแดงไปตายแล้วตัวเองแอบจับมือกับอีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อให้เกิดเหตุขึ้นแล้วตัวเองจะได้ประโยชน์ เสื้อแดงบอกคุณทักษิณรักประชาธิปไตย คุณทักษิณพูดตลอดเวลาว่า พี่จ๊อด พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ มีบุญคุณกับผม เพราะว่าเป็นคนให้สัมปทานดาวเทียม วันที่ พล.อ.สุนทร ยึดอำนาจ คุณทักษิณเข้าไปจับมือ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ แล้วแกรักประชาธิปไตยที่ไหน ประธานาธิบดีอะไรก็ไม่รู้ เกาะๆ นึง ในฟิจิ เป็นนักรัฐประหาร คุณทักษิณบินไปพบเพื่อขอลงทุน 300 ล้านเหรียญ เพื่อแลกกับพาสปอร์ตฟิจิ แกรักประชาธิปไตยที่ไหน เพราะฉะนั้นแล้วผมมองว่าเสื้อแดงกำลังถูกใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองมากกว่า เพื่อประโยชน์ทางการเมืองของคุณทักษิณ เพื่อประโยชน์
จริงๆ แล้วผมทำนายไว้ก่อนล่วงหน้าเลยว่า โอกาสที่คุณทักษิณจะทิ้งเสื้อแดงเมื่อตัวเองได้สิ่งที่ตัวเองได้แล้ว โดยที่ไม่เคยแคร์ว่า เสื้อแดงจะเป็นอะไรไปจะมีสูง ไม่เหมือนพวกเรา ประชาชนที่ตายไปจากการปฏิบัติการตำรวจ และที่พิการ ทุกวันนี้เรายังใส่ใจอยู่เลย เรามีความเป็นห่วงเป็นใย คุณพิภพ ธงไชย ยังเดินทางไปเยี่ยมนะครับ ตี๋ ชิงชัยที่แขนขาดยังวาดภาพอยู่ เรายังเอาภาพคุณตี๋ ชิงชัยไปประมูล เอาเงินให้คุณตี๋ ชิงชัย เมื่อกี้ตี๋อีกคนที่ใช้ไม้ค้ำมา เท้าขาดไป ผมยังเสนอแกตั้งนานว่า ถ้าไม่มีงานทำมาอยู่เอเอสทีวี มานั่งเฝ้าเป็นยาม เรายังดูแลทุกคนอยู่ เราไม่ได้ทอดทิ้งเลยแม้แต่นิดเดียวนะครับ เพราะฉะนั้นแล้วความผูกพัน ความเอื้ออาทร ความมีจิตใจ ที่มันเกิดจากความจริงใจ และความศรัทธาที่แท้จริงมันไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นผมไม่กังวลเรื่องเสื้อแดงหรอกครับ ผมคิดว่า ถ้าคุณจะดูว่า จะมีปัญหาหรือไม่มีปัญหาให้คุณฟังคุณทักษิณดีๆ ทุกอย่างยังกลับไปสู่จุดเดิมคือ ประเทศนี้มีปัญหาอยู่ทุกวันนี้ เกิดขึ้นแบบนี้ เพราะคนๆ เดียวนี้แหละเท่านั้นเอง
ถาม - (เสียงไม่ชัด)
สนธิ - คือผมมองอย่างนี้ ผมมองว่า การที่คุณอภิสิทธิ์ได้ขึ้นมามีอำนาจเป็นนายกฯ นั้น เป็นเพราะว่า คุณสุเทพเป็นคนเดินเรื่อง ไปเจรจากับคุณประวิตร ไปเจรจากับคุณอนุพงษ์ และไปเจรจากับคุณเนวิน ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว มันไม่มีเหตุการณ์หรอก ที่เอาพวกพรรคร่วมรัฐบาลไปคุยกันแล้ว ไปบอกว่า ถ้าไม่มาสนับสนุนประชาธิปัตย์แล้วจะยึดอำนาจ อันนี้ข่าวออกมาหลายสาย ใช่ไหมครับ ซึ่งมันจะจริงหรือไม่จริงอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าดูเนื้อหาแล้ว มันมีความเป็นไปได้สูงว่า ว่าคุณประวิตรและคุณอนุพงษ์ ตลอดจนคุณเนวินนั้น มีบทบาทที่คุณสุเทพต้องพึ่งพาอาศัยในการผลักดันให้คุณอภิสิทธิ์ขึ้นมาเป็นนายกฯ ด้วยเหตุนี้คุณสุเทพคงใช้คำพูดว่า เราเป็นหนี้บุญคุณเขา เรารับปากเขาไว้แล้วนะครับ เราต้องพยายามที่จะตอบแทนให้ได้ ซึ่งการตอบแทนคุณพัชรวาท เขาตอบแทนหลายประการ ประการแรกตั้งแต่คุณพัชรวาท ถูกคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ย้ายไปประจำกระทรวงมหาดไทยจำได้ไหมครับ เขาให้คุณชวรัตน์ย้ายกลับนะครับ ทั้งๆ ที่คุณพัชรวาทโดนข้อหาทุจริต สมัยที่คุณเสรีพิศุทธ์ เป็น ผบ.ตร.ต้องเข้าใจตรงนี้ก่อนนะครับช้าๆ คุณเสรีพิศุทธ์ตั้งกรรมการสอบสวนคุณพัชรวาท คณะกรรมการบอกมีมูล เมื่อมีมูลตามกฎหมายแล้ว เขาต้องส่งเรื่องคุณพัชรวาทขึ้นไปสำนักนายกฯ เพื่อให้นายกฯ ตั้งคณะกรรมการสอบสวน และเซ็นย้ายคุณพัชรวาทออกไปจากตำรวจนะครับ
ปรากฏเรื่องนั้นไปถึงคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ก็ย้ายมา แต่กำลังจะเซ็นตั้งพนักงานสอบสวน ปรากฏว่า คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ออกก่อน คำสั่งที่เซ็นตั้งพนักงานสอบสวนยังไม่ได้เซ็น เมื่อไม่ได้เซ็นแล้ว คุณอภิสิทธิ์เข้ามาคุณอภิสิทธิ์ต้องเซ็นตั้ง ปรากฏคุณอภิสิทธิ์ละเว้น ปรากฏคุณอภิสิทธิ์ไม่เซ็น เพราะเรื่องอยู่ที่คุณสุเทพ คุณสุเทพไม่ยอมส่งเรื่องต่อ ใช้วิธิยื้อคือว่า ใช้กฤษฎีกาเป็นเครื่องมือคือ ส่งเรื่องให้กฤษฎีกาตีความ คือเขายื่นเรื่องให้ท่านปลัดสำนักนายกฯ คนเก่า ที่เกษียณไปแล้ว ซึ่งเป็นเพื่อนคุณพัชรวาทให้เป็นคนสอบ ปลัดสอบบอกว่า ตั้งคณะกรรมการสอบบอกว่าไม่ผิด ปรากฏว่า กฤษฎีกาในที่สุดตีความกลับมาบอกว่า ปลัดไม่มีอำนาจ อำนาจอยู่ที่นายกฯ คนเดียวใช่ไหมครับ พอดีมาเกิดเรื่อง ป.ป.ช.ขึ้นมา แต่นี้จะเห็นว่า พยายามช่วยคุณพัชรวาทมาตลอด ยื้อเพื่อไม่ให้คุณพัชรวาทโดนคดี เพราะถ้าโดนคดีเมื่อไหร่ ต้องถูกย้ายทันที มาสิ้นสุดเอาตรง ป.ป.ช
นะครับ เมื่อสิ้นสุดตรง ป.ป.ช.แล้ว โดนพื้นฐานแล้ว คุณสุเทพควรจะบอกทางคุณประวิตร หรือคุณพัชรวาท ว่ามันจบแล้วนะที่ ป.ป.ช. ช่วยได้แค่นี้น่าจะพอแล้ว แต่ไม่ ไปทำเรื่องตลกในสังคมขึ้นมา ก็คือไปบอกว่า ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจ ทั้งที่ ป.ป.ช.เป็นองค์กรของรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่ ก.ตร.เป็นกฎหมายลูก ก.ตร.จะไปสั่ง ป.ป.ช.ได้อย่างไร จะไปมีมติ
ตำรวจนะเมืองไทยคือปัญหาเรื่องปัญญาแล้ว ตำรวจมีอยู่ 2 ประเด็น ให้จำไว้ จะดำเนินคดีกับตำรวจที่อยู่ในราชการ ทำได้ 2 วิธี วิธีแรกก็คือว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าตำรวจคนนี้ทำผิดหรือเปล่า ทำผิด มีมูล พิสูจน์แล้ว ก็ส่งเข้า ก.ตร. ก.ตร.ก็ชี้ว่าคนนี้ผิดให้ไล่ออก คนนี้ผิดให้ปลดออก ทำได้วิธีหนึ่ง อีกวิธีหนึ่งในกรณีที่ ก.ตร. สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ทำ ทำไมถึงไม่ทำ เพราะผู้ต้องหาเป็นตำรวจใหญ่ ผู้ใหญ่เขาเลยไม่ทำ ป.ป.ช.ก็ต้องเป็นคนทำ พอ ป.ป.ช.ทำ ป.ป.ช.ค้นหาข้อมูลข้อเท็จจริงเสร็จ ป.ป.ช.ก็ส่งข้อมูลข้อเท็จจริงไปให้ ก.ตร. ก.ตร.ทำหน้าที่ได้ 2 อย่าง 2 อย่างเท่านั้นตามกฎหมาย
คือ 1. พิจารณาข้อมูลแล้วบอกว่ให้ออก หรือว่าไล่ออก เกินกว่านั้นไม่ได้ นี่ ก.ตร.มาทำตัวเป็นผู้พิพากษา บอกว่า ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจ เพราะฉะนั้นคุณอภิสิทธิ์ แกก็เป็นคนซึ่งมีหลักกฎหมายแม่น แกบอกว่าทำไม 3 คนนั้นไม่ไปฟ้องศาลปกครอง แต่หลักกฎหมายแม่นอย่างเดียวไม่พอ ต้องเด็ดขาด ต้องบอกว่า ผมได้สั่งรองฯ สุเทพไปแล้วว่าเรื่องนี้จบแล้ว ไม่ต้องส่ง คุณสุเทพอ้างว่าคุณสุเทพเป็นแมสเซนเจอร์บอย เป็นแมสเซนเจอร์ได้อย่างไร คุณนั่งเป็นประธาน ก.ตร.อยู่ แต่เวลาแต่งตั้งตำรวจผมไม่เห็นคุณสุเทพ เป็นแมสเซนเจอร์เลย คุณสุเทพบอกเอาคนโน้นลงตรงนี้ คนนี้ลงตรงนั้น เข้าใจหรือยัง ผมถึงบอกว่าเดี๋ยวนี้สื่อสารมวลชนมันโปร่งใส มันโกหกกันไม่ได้ ตรงนี้ก็เลยเคลียร์ ว่าในที่สุดแล้ว คุณอภิสิทธิ์ก็เห็นใจ เพราะคุณสุเทพคงไปพูดกับคุณอภิสิทธิ์ว่าเราไปรับปากเขาไว้แล้วนะต้องดูแล คุณอภิสิทธิ์ก็เลยต้องเตะลูกออก ให้คุณปทีปส่งให้กฤษฎีกาตีความ คืออะไร ก็คือซื้อเวลาอีกต่อไปใช่ไหม มันก็ไม่จบ บ้านเมืองมันซื้อเวลากันได้อย่างไร
ไฟไหม้บ้าน ต้องเอาน้ำรีบดับทันที เราต้องบอกว่าอย่าเพิ่ง ซื้อเวลาหน่อย รอสักนิดได้ไหม รอให้มันไหม้ถึงห้องรับแขกก่อนได้ไหมแล้วค่อยดับ มันไม่ใช่ไง ชาติบ้านเมืองมันต้องการการตัดสินใจที่กล้าหาญ และเด็ดขาด และรวดเร็ว
ถาม - พรรคการเมืองใหม่ นโยบายพรรค...ความสมานฉันท์
สนธิ - เราสมานฉันท์อยู่บนความถูกต้อง ผมยืนยันตรงนี้มาตลอด บ้านเมืองต้องกลับไปสู่ความถูกต้องก่อน เมื่อถูกต้องแล้วปัญหาผมไม่มี มีคนฝ่ายเสื้อแดงบางคนติดต่อผมมาก่อนหน้าที่จะเป็นพรรคการเมืองใหม่เสียด้วยซ้ำ บอก เฮ้ย แดงกับเหลืองน่าจะคุยกันได้นะ ก็บอกเฮ้ยได้ ผมไม่มีอะไร แล้วจับมือกันได้ไหม จับมือกันได้ ไม่ยากหรอกเงื่อนไขมีอยู่ 2 ข้อ คุณทำได้ไหมล่ะ เขาบอกเงื่อนไขอะไร ข้อแรกต้องไม่สู้เพื่อทักษิณ ต้องให้ทักษิณกลับมาติดคุก แล้วข้อที่ 2 ล่ะ ข้อที่ 2 ยุติทุกกระบวนการในการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำได้ไหมแค่ 2 ข้อนี้ ถ้าคุณทำข้อ 2 นี้จบได้ก็จบ ผมไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น และเพราะว่าผมต่อสู้เพื่อต่อต้านการฉ้อราษฎร์บังหลวง คุณก็อ้างไม่ใช่เหรอว่าคุณต่อสู้เพื่อการฉ้อราษฎร์บังหลวง เหมือนเสื้อแดงจะไปบุกเรื่องเขาสอยดาว เขายายเที่ยง แต่ผมไม่เห็นเสื้อแดงไปบุกเรื่องสนามกอล์ฟอัลไพน์เลย เห็นหรือยัง ทำอะไรมันต้องคงเส้นคงวา เขาก็เงียบไปเลย เขาเงียบผมก็เลยถามตัวผมเองว่า คำว่าสมานฉันท์มันอยู่ตรงไหน สมานฉันท์มันต้องยืนอยู่บนความถูกต้องก่อน อะไรที่ผิดต้องยอมรับ อันนี้ถูกนะต้องยืนตรงนี้ คุณเห็นด้วยไหม อันนี้ถูก เรามายืนตรงนี้ก่อน เมื่อยืนก่อนแล้วข้อแตกต่างระหว่างคุณกับผมแตกต่างกันตรงไหน เรามาคุยกันได้ สมานฉันท์ต้องเริ่มด้วยการยืนอยู่บนความถูกต้องเสียก่อนถึงจะสมานฉันท์ได้ ถ้าคุณยืนอยู่บนที่ผิดที่ผมไม่เห็นด้วย แล้วคุณจะบอกว่าเอาถูกกับผิดมาผสมกัน นี่ผมไม่เอาด้วย
ถาม -(เสียงไม่ชัด)
สนธิ - ตอบไม่ได้ แต่ว่าผมตอบปรัชญาส่วนตัวผมแล้วกันนะ ปรัชญาส่วนตัวของผมก็คือว่า ถ้าเป็นการร่วมรัฐบาลแล้วในที่สุดมันนำไปสู่ลักษณะการเมืองเก่า ส่วนตัวผม ผมไม่ร่วม ผมเชื่อว่าคุณสมศักดิ์ก็คงไม่ร่วมเหมือนผม เราต้องการทำเป็นตัวอย่าง เหมือนอย่างผมยกตัวอย่าง เมื่อคืนผมออกรายการคุณแอน จินดารัตน์ ผมบอกเป็นหมู่บ้านๆ หนึ่ง พรรคการเมืองก็เหมือนกับบ้านแต่ละหลังๆ ในหมู่บ้านนั้น เป็นหมู่บ้านนักการเมืองแล้วกัน หมู่บ้านหนึ่งเปิดซ่อง หมู่บ้านหนึ่งเปิดคาราโอเกะ หมู่บ้านหนึ่งเปิดบาร์ หมู่บ้านหนึ่งเปิดบ่อน มีบ้านเราบ้านเดียวที่ทำมาหากินโดยสุจริต ตกเย็นลูกกลับบ้าน ลูกช่วยพ่อแม่ทำกับข้าว ลูกยกกับข้าวมาวาง พ่อแม่กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน ทานเสร็จต่างฝ่ายต่างช่วยกันล้างชาม พอทานเสร็จก็ไปอ่านหนังสือกัน ลูกไปทำการบ้าน พ่อกับแม่นั่งคุยกัน ดูโทรทัศน์ แล้วพอดึกรวมพลกันทั้งพ่อแม่ลูกสวดมนต์ ทำวัตรเย็น แล้วก็นอนหลับ บ้านข้างๆ เปิดคาราโอเกะทั้งวันทั้งคืน อีกหลังหนึ่งเปิดบ่อนการพนัน อีกหลังหนึ่งเปิดเป็นซ่อง ขวักไขว่ไปหมด ในหมู่บ้านนั้นคนที่อยู่รอบๆ หมู่บ้านเขาก็จะเห็นว่าบ้านหลังไหนมีศีลมีธรรม บ้านหลังไหนไม่มีศีลไม่มีธรรม มันต้องใช้เวลา มันไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ภายในวันนี้ พรุ่งนี้ มันต้องอดทน เพราะฉะนั้นการมาทำพรรคการเมืองมันต้องมีศรัทธาก่อน ถ้ามีศรัทธาแล้วต้องอดทน อย่าไปหวั่นไหวว่าจะได้กี่เสียง อย่าไปหวั่นไหวว่าเฮ้ย สมมุตินะ ว่ามีสัก 50-60 เสียง แล้วก็บอกว่าไปร่วมรัฐบาล
ผมเชื่อว่าสมาชิกพรรคการเมืองใหม่จะเข้าใจผม ถ้าผมบอกว่า เราไม่ร่วมดีกว่า เราอยู่ของเราอย่างนี้ เราไม่ต้องเป็นฝ่ายค้านหรือเป็นฝ่ายใด แต่เราจะยกมือให้รัฐบาลในการตั้งรัฐบาลถ้าอยากตั้ง แต่ถ้าเราจะค้านเขาเพราะเขาทำไม่ดี เขาคอร์รัปชั่น เขาฉ้อราษฎร์บังหลวง เอาอย่างนี้ดีกว่ามั้ย ผมคิดว่านี่คือบทบาทพรรคการเมืองใหม่ที่ควรจะเป็น และก็จะเป็นบทบาทที่ประชาชนเขาบอกว่ารอมานานแล้วที่อยากจะเห็นพรรคการเมืองแบบนี้ ที่เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ไม่ได้เอาส่วนตัวเป็นตัวตั้ง เมื่อเกิดเหตุนี้ขึ้นมาก็จะมีหลายคนเริ่มมาเห็นว่าพรรคการเมืองใหม่มันไม่เลวนะ มันมีอุดมการณ์ มันใช้ได้ แต่มันจะใช้เวลาอีกปี สองปี สามปี สี่ปี ก็ต้องใช้ไป
ถาม - พรรคการเมืองใหม่พร้อมจะเป็นพรรคฝ่ายค้าน
สนธิ - พรรคการเมืองใหม่พร้อมจะอยู่เฉยๆ ไม่เป็นทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล แต่เราพร้อมจะต่อสู้ต่อการฉ้อราษฎร์บังหลวง เพราะการเมืองในสภาคือ การลงคะแนนเสียงเพื่อสนับสนุนการฉ้อราษฎร์บังหลวง เราจะต่อต้านตรงนี้ เพราะฉะนั้น เมื่อเราต่อต้านตรงนี้ เราไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายรัฐบาล และเราไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายค้าน
ถาม - แล้วถ้าเป็นฝ่ายตรวจสอบ
สนธิ - เป็นฝ่ายตรวจสอบ นอกจากว่า เรามีเสียงข้างมาก เราจะเป็นรัฐบาลให้ดู และเราจะเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุด ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่เคยมีรัฐบาลมา
ถาม - ต่อไปนี้ ในฐานะคุณสนธิ เป็นแกนนำสถานการณ์การเมืองขณะนี้ ที่ถูกมองว่า เป็นการคุกคามรูปแบบใหม่
สนธิ - การชุมนุมที่เป็นภัยนั้น คือการชุมนุมของคนเสื้อแดง ไม่ใช่เสื้อเหลือง คุณอยู่กับเสื้อเหลืองมาตั้งนาน คุณไปสังเกตการณ์ จะเห็นว่า ประเด็นการต่อสู้ เราสู้เรื่องเดียว ตั้งแต่ต้นจนจบ คือประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ เราไม่เคยเปลี่ยน
เราเริ่มสู้มาตั้งแต่คุณสมัคร คุณสมัคร เราก็ไม่ได้สู้เขา คุณสมัครเข้ามาย้ายคุณสุนัย มโนมัยอุดม เราก็ออกแถลงการณ์เตือนคุณสมัครว่า อย่าทำอย่างนี้ ไม่เหมาะ ทำนู้น ทำนี้ เราก็เตือนแก เราไม่ได้สนใจเราไม่ได้ออกมาชุมนุม จนกระทั่งแกตัดสินใจจะแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อฟอกผิดคุณทักษิณ ตรงนั้นแหละที่เราออกมาชุมนุม และเป็นประเด็นของการสู้จากวันนั้นจนวันนี้ และเราถูกบิดเบือนไปหมด จากวันนั้นถึงวันนี้ ที่เราไปชุมนุมหน้ารัฐสภา เพื่อไม่ให้ประชุมเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ
เพราะไม่ใช่เราเริ่มจากตรงนี้หรือ พรรคประชาธิปัตย์ถึงได้เป็นรัฐบาล ถ้าเรานอนหลับเฉยๆ เราไม่สนใจ ตัวใครตัวมัน คุณนึกว่าสนุกหรือ ที่พวกผมต้องนอนกลางดินกินกลางทราย เอาชีวิตแลกลูกปืน และในที่สุด คุณสุเทพ มาเป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และบอกว่า ไม่รู้จักพันธมิตร คุณอภิสิทธิ์ ท่านก็ดีไป มีภาพพจน์ดีไป เพราะท่านได้ไปบนซากศพของคนซึ่งบริสุทธิ์
และอีกข้อหนึ่งที่เราไปชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขอทำความเข้าใจก่อน คุณก็รู้ ว่าวันนั้น คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะกลับมาจากอเมริกาใต้ ทำไมเราต้องไปชุมนุมที่ดอนเมือง เพราะเขาย้ายที่ประชุม ครม.ไปที่ดอนเมือง เราต้องการบล็อกไม่ให้เขาแก้รัฐธรรมนูญ และคุณสมชายกลับมาจากอเมริกาใต้ เราก็ไปที่สุวรรณภูมิ พอเราไปที่สุวรรณภูมิ คุณเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ซึ่งเป็นคู่เขยกับคุณวีระ มุสิกพงศ์ ประกาศปิดสนามบิน คนที่สั่งเครื่องบินลงไม่ได้ ให้ลงไม่ลง ไม่ใช่พวกเรา คือคุณเสรีรัตน์ ระหว่างที่เราอยู่ข้างหน้า ถามว่ายังมีประชาชนเดินทางไป มี ชาวมุสลิมที่เดินทางไปฮัจญ์ ยังขึ้นเครื่องบินได้ เราเปิดทาง ปรากฏว่า ถูกบิดเบือนข้อเท็จจริง แล้วในการประชุมการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย คุณวุฒิพันธ์ เป็นประธานกรรมการ ก็กล่าวตำหนิคุณเสรีรัตน์ แต่ไม่มีการลงโทษ คุณเสรีรัตน์ บอกเองว่าเขาเป็นคนปิดสนามบิน