การได้มีโอกาสเดินทางไปยังต่างประเทศ แล้วได้ลิ้มลองขนมพื้นเมือง ที่แม้บางครั้งอาจจะไม่ถูกปากคนไทยเท่าไรนัก แต่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทำขนม เชื่อได้ว่าเมื่อชิมสักครั้งไอเดียคงบรรเจิดคิดเตลิดไปว่าขนมชนิดนั้นมีส่วนผสมอะไรบ้าง ซึ่งหนึ่งในนั้นเจ้าของแฟรนไชส์ “วอฟเฟิลฮ่องกง เอ้ก อี๊ เอ้ก เอ้ก” ที่ได้ปรับปรุงสูตรขนมวอฟเฟิลฮ่องกงให้ถูกปากคนไทย ลบจุดด้อย ขจัดจุดอ่อน จนพร้อมขายแฟรนไชส์ให้กับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของธุรกิจ
ชไมพร ขันธวิเชียร เจ้าของแฟรนไชส์วอฟเฟิลฮ่องกง เอ้ก อี๊ เอ้ก เอ้ก เล่าว่า เมื่อครั้งยังวัยรุ่นอายุ 20 ปี ได้เปิดร้านขายเสื้อผ้าร่วมกับเพื่อน ซึ่งแหล่งที่ซื้อเสื้อผ้าเพื่อไปจำหน่ายต่อคือ ฮ่องกง ทำให้ทั้งคู่มีโอกาสเดินทางไปฮ่องกงอยู่หลายครั้ง และทุกครั้งก็อดที่จะลิ้มลองขนมวอฟเฟิลที่มีขายอยู่ทั่วไปตามท้องถนนที่เป็นแหล่งชอปปิ้ง ทั้งถูกปากและไม่ถูกปากบ้าง แต่จุดด้อยที่เห็นได้ชัดคือแป้งที่นำมาทำขนม เมื่อทำเป็นวอฟเฟิลออกมาแล้วแป้งจะแข็งหากทิ้งไว้สักพัก หรือมีรสชาติที่ไม่กลมกล่อม จึงคิดอยากลองนำมาปรับปรุงสูตรและนำมาขายในเมืองไทยบ้าง ซึ่งแนวคิดดังกล่าวเกิดเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
สุดท้ายจึงตัดสินใจซื้อเครื่องทำขนมดังกล่าวจากฮ่องกง ซึ่งขณะนั้นยังเป็นเครื่องรุ่นเก่าไม่ได้ใช้ไฟฟ้า ซึ่งขั้นตอนการทำต้องนำพิมพ์ 2 ด้านที่ใส่แป้งแล้วนำมาประกบกัน แล้วนำมาปิ้งบนเตาถ่านที่มีขดลวดให้ความร้อนทั้ง 2 ด้าน พร้อมกับการทำวอฟเฟิลฮ่องกง แต่เมื่อทำตามสูตรที่ได้มา ผลที่ออกมาก็คล้ายกับที่รับประทานที่ฮ่องกงคือไม่อร่อย เนื้อแป้งกระด้าง และเหนียว จึงต้องหยุดความคิดในการทำขนมวอฟเฟิลฮ่องกงไว้ชั่วคราว
“ที่ฮ่องกงขนมวอฟเฟิลของเขา เป็นขนมพื้นเมืองหารับประทานได้ง่าย ซึ่งมีคอนเซ็ปต์คล้ายขนมครกในไทย ซึ่งวอฟเฟิลฮ่องกงนั้น คนฮ่องกงจะเรียกว่าเค้กไข่ เพราะส่วนผสมหลักคือไข่ไก่ และแป้งแต่ เมื่อเราลองนำมาทำบ้างรสชาติ และสูตรที่ได้ยังไม่เป็นที่พอใจจนกระทั่งเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้ไปเที่ยวฮ่องกงอีกครั้งกับสามี (นายสมเจตน์ ขันธวิเชียร) และเห็นเตาไฟฟ้าที่ทำสามารถทำวอฟเฟิลฮ่องกงได้ง่ายขึ้น จึงลองซื้อเตาดังกล่าวกลับเมืองไทยมาอีกครั้ง โดยพ่วงสูตรขนมมาด้วยตามธรรมเนียมเมื่อใครซื้อเตาก็จะได้สูตร แต่เมื่อลองนำมาทำก็เป็นสูตรเดิมๆ เหมือนเมื่อ 10 ปีก่อน เราจึงคิดว่าหากต้องการทำขนมชนิดนี้อย่างจริงจังต้องคิดสูตรเองขึ้นมาเพื่อถูกปากคนไทย”
ชไมพร อาศัยความที่คลุกคลีอยู่กับวงการการทำขนมมานาน ทั้งการทำขนมส่งให้กับร้าน 904 และส่งตามที่ต่างๆ จึงลองผิดลองถูกหาแป้งที่เหมาะสมในการทำขนมวอฟเฟิลฮ่องกงอยู่นาน จนกระทั่งไปฝึกอบรมโครงการผู้ประกอบการใหม่ ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งหนึ่งในผู้ประกอบการที่เข้าอบรมด้วยกัน แนะนำแป้งที่ผู้ผลิตไม่ได้จำหน่ายในไทย ส่งออกไปต่างประเทศ 100% ให้ และเมื่อลองนำมาทำก็ได้ขนมวอฟเฟิลฮ่องกงที่มีความกรอบนอกนุ่มใน แต่ก็ยังไม่นำออกขายทันที แต่ได้ลองตลาดด้วยการทำให้เพื่อนได้ลองชิม ติชมเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข เป็นเวลาแรมปีเลยทีเดียว กว่าจะได้สูตรขนมที่ลงตัวอย่างในปัจจุบัน
“เมื่อได้สูตรที่ลงตัว เราก็ลองนำแป้งมาผสมกับสตรอเบอรี่ ช็อกโกแลตชิบ ลูกเกด กีวี ก็รู้สึกว่ารสชาติเข้ากันได้ดี จึงทดลองขายเอง ทำคีออสก์ขึ้นมาติดป้ายว่า วอฟเฟิลฮ่องกง เอ้ก อี๊ เอ้ก เอ้ก นำร่องที่ตลลาดนัดสวนจตุจักร และ JJ Mall ซึ่งผลตอบรับดีมาก ขายวันแรกได้รายได้มาประมาณ 10,000 บาท (ยังไม่หักค่าใช้จ่าย) และล่าสุดได้ขยายสาขาไปที่สมาคมศิษย์เก่าสวนกุหลาบ (ใกล้หอสมุดแห่งชาติ และโรงเรียนเซนต์คาเบรียล) จึงคิดขยายธุรกิจในรูปแบบของแฟรนไชส์ ซึ่งขณะนี้มีสาขาแรกอยู่ที่ซีคอนสแควร์ ซึ่งราคาขายอยู่ที่ชิ้นละ 29 บาท (ไม่ใส่เครื่อง) และราคา 39 บาท (ในเครื่อง)”
สำหรับการลงทุนในรูปแบบธุรกิจแฟรนไชส์ในเบื้องต้นเริ่มต้นที่ 30,000 บาท คืออุปกรณ์ทั้งหมด ได้แก่ ค่าคีออสก์ และจำนวนเตาที่จะนำไปตั้งในคีออส โดยราคาเตาอยู่ที่ 12,000 บาท/เตา ซึ่งหากเป็นคีออสก์ควรที่จะใช้ประมาณ 3 เตา จะเหมาะสมที่สุด ลูกค้าไม่ต้องรอนาน เพราะการทำวอฟเฟิลฮ่องกงแต่ละชิ้นจะใช้เวลาประมาณ 3.50 นาที ในขณะที่ราคาแป้งอยู่ที่ถุงละ 120 บาท สามารถทำได้ 10 ชิ้น ซึ่งที่ผ่านมาก็มีผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์ไป ได้เพิ่มหน้าต่างๆ เข้าไปด้วยเช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และงา เป็นต้น
***สนใจติดต่อ 086-386-6346 , 086-376-1636 หรือที่
www.eggeeggegg.net***