xs
xsm
sm
md
lg

บทความ

x

แดงเดือด

เผยแพร่:   โดย: ชำนาญ พิเชษฐพันธ์

ยังไม่ทันจะสิ้นปี 2522 กลุ่มคนเสื้อแดงก็ประกาศนัดชุมนุมเพื่อกดดันรัฐบาล คราวนี้บอกว่าถ้าไม่ชนะไม่เลิก วัตถุประสงค์ของการชุมนุมที่ไม่ชนะไม่เลิกนี้ก็เพื่อบีบบังคับให้รัฐบาลยุบสภา เพื่อให้มีการนำรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาใช้บังคับแทนรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สถานะเดิมก่อนการรัฐประหารปี 2549

ที่ต้องการให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สถานะเดิมนั้น หลายคนสงสัยว่านอกจากจะให้สิทธิทางการเมืองกับคนที่ถูกตัดสิทธิไปแล้ว จะหมายถึงให้อดีตนายกฯ กลับมาเป็นนายกฯ เหมือนเดิมด้วยใช่หรือไม่ ถ้าใช่ นายกฯ อภิสิทธิ์ ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วย

การเรียกร้องให้มีการนำเอารัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 กลับมาใช้ และการเรียกร้องให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สถานะเดิมนั้น สอดคล้องกับความต้องการของพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค เพราะพรรคร่วมรัฐบาลเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้ของรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ถูกยุบพรรคและทำให้กรรมการบริหารพรรคต้องถูกตัดสิทธิในทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ทำให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้

การที่พรรคร่วมรัฐบาลเหล่านี้ตกลงร่วมหัวจมท้ายกับพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลที่มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ตอนนี้ปรากฏชัดจากคำให้สัมภาษณ์ของท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ เองว่า มีข้อตกลงกันเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้เป็นไปตามความต้องการของพรรคร่วมรัฐบาลเหล่านั้น โดยแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ตัดสิทธิทางการเมืองเฉพาะคนที่ทำความผิด ไม่ให้ตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรคที่ไม่มีส่วนร่วมรู้เห็นในการกระทำความผิดด้วย แต่ข้อตกลงนี้ก็มีข้อยกเว้นด้วยว่าจะต้องไม่มีการนิรโทษกรรมรวมอยู่ด้วย

ท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์แสดงให้เห็นเป็นที่เข้าใจมาโดยตลอดว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังมีการกระทำที่ทำให้เห็นได้ด้วยว่ามีการถ่วงเวลาการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด โดยการตั้งคณะกรรมการต่างๆ ขึ้นมาหลายคณะเพื่อศึกษา เวลาผ่านไปปีกว่าๆ แล้ว การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคประชาธิปัตย์ตกลงกับพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด

พรรคร่วมรัฐบาลรู้ท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างดี แต่ที่ผ่านมาก็ยอมให้พรรคประชาธิปัตย์เตะถ่วงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เพราะพรรคประชาธิปัตย์ป้อนอาหารให้กิน โดยยอมอนุมัติให้พรรคร่วมรัฐบาลได้งบประมาณแผ่นดินก้อนโตไปบริหาร ทั้งๆ ที่โครงการที่พรรคร่วมรัฐบาลขอเงินงบประมาณก้อนโตไปบริหารนั้น มีพฤติการณ์บ่งบอกให้เห็นว่าน่าจะมีการทุจริตประพฤติมิชอบรวมอยู่ด้วย

เมื่อเวลาผ่านไปนานถึงปีเศษ ประกอบกับงบประมาณต่างๆ ก็ได้มาเป็นกอบเป็นกำดีแล้ว อีกทั้งกลุ่มคนเสื้อแดงก็กำลังกดดันรัฐบาลในเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ พรรคร่วมรัฐบาลก็อาศัยแรงบีบของกลุ่มคนเสื้อแดงที่กำลังทำอยู่นี้ โดยการแสดงอาการไม่พอใจพรรคประชาธิปัตย์และนายกรัฐมนตรีที่เตะถ่วงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาเป็นเวลานาน และบอกเสียงดังๆ ฟังชัดว่าหากยังไม่มีการแก้รัฐธรรมนูญตามที่พวกตนเรียกร้อง พวกตนก็จะเปลี่ยนขั้วทางการเมืองโดยหันไปร่วมมือกับพรรคคนเสื้อแดง อันจะมีผลทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องพ้นจากรัฐบาล ซึ่งต้องเป็นที่แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์กลัว เพราะนักการเมืองและพรรคการเมืองนั้นย่อมมีเป้าหมายอันสูงสุดในการจัดตั้งรัฐบาลและบริหารราชการแผ่นดินตามนโยบายพรรคของตน

แม้คนใหญ่คนโตของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ต่างก็ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่เปลี่ยนขั้วทางการเมืองอย่างไรก็ตาม ในทางการเมืองนั้น คำพูดของนักการเมืองไม่อาจเชื่อได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ต้องฟังหูไว้หู แล้วติดตามดูอย่างใกล้ชิด แต่เมื่อพรรคร่วมรัฐบาลก็ออกมาพูดถึงการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองแล้ว แรงบีบของพรรคร่วมรัฐบาลที่บีบรัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ก็เกิดขึ้นแล้ว การที่จะคิดไปว่าแรงบีบของพรรคร่วมรัฐบาลครั้งนี้จะไม่ส่งผลอะไรเลยก็เป็นความคิดที่น่าจะเป็นการวางใจเกินไป หลายคนเชื่อว่าหากนายกฯ อภิสิทธิ์ ไม่เร่งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคร่วมรัฐบาลก็อาจจะได้งบประมาณก้อนโตๆ ไปบริหารจัดการตามอำเภอใจอีก

ไม่อย่างนั้นคราวนี้กลุ่มคนเสื้อแดง บวกกับพรรคร่วมรัฐบาล คงทำให้พรรคประชาธิปัตย์ตกเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไปค่อนข้างแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภากำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้

ปีเต็มๆ ที่กลุ่มคนเสื้อแดงพยายามกดดันรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ให้ยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่ไม่เป็นผล เป็นที่เห็นได้ชัดว่ากลุ่มคนเสื้อแดงต้องใช้จ่ายเงินไปเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าเงินที่นำมาใช้จ่ายของกลุ่มคนเสื้อแดงจะมาจากไหนก็ตาม แหล่งเงินนี้จะต้องมีก้อนใหญ่มหาศาล เพราะยังไม่มีทีท่าว่าจะหมดหรือลดน้อยลงแต่อย่างใด ทั้งยังกลับแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่จะใช้จ่ายเงินเพื่อการนี้อย่างไม่อั้น

ยิ่งนานวันเข้า ความพยายามของกลุ่มคนเสื้อแดงก็มีมากขึ้น มากขึ้นจนเหมือนกันว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่มีความอดทนที่จะพ่ายแพ้หรือทำอะไรไม่ประสบความสำเร็จต่อไปได้อีก การหมดความอดทนของกลุ่มคนเสื้อแดงนี้ แสดงออกมาให้เห็นแล้วโดยยืนยันว่าการชุมนุมคราวนี้ ถ้าไม่ชนะไม่เลิก

คำพูดของกลุ่มคนเสื้อแดงที่บอกว่าไม่ชนะไม่เลิกนี้จะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหนก็ต้องพิจารณาเอา แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ชัดก็คือ ท่าทีที่แสดงออกนั้น เป็นท่าทีที่ก้าวร้าว แสดงให้เห็นที่การใช้ความรุนแรงมาประกอบการเคลื่อนไหวในคราวนี้ ท่าทีที่จะใช้ความรุนแรงของกลุ่มคนเสื้อแดงคราวนี้ รัฐบาลรู้และเชื่อว่ามีแนวโน้มที่เป็นไปได้ค่อนข้างแท้จริงที่จะใช้ความรุนแรง รัฐบาลจึงแสดงท่าทีในการตอบโต้ความรุนแรงด้วยการอนุมัติเงินเป็นร้อยล้านบาทเพื่อซื้ออุปกรณ์ในการควบคุมการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรง

การอนุมัติเงินก้อนโตเพื่อไปซื้ออุปกรณ์ในการควบคุมการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรงตอนนี้ หลายคนเชื่อว่าเป็นเพียงการแสดงท่าทีในการตอบโต้กลุ่มคนเสื้อแดงของรัฐบาลเท่านั้น เพราะถ้าหากหน่วยราชการไม่มีเครื่องมือเหล่านี้ที่พอเพียงอยู่แล้ว ก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อ และการอนุมัติเงินจำนวนมากเพื่อซื้ออุปกรณ์การปราบปรามการชุมนุมในระยะเวลากระชั้นชิดกับการชุมนุมเช่นนี้ คงจัดซื้อได้ไม่ทันการ แล้วยังเป็นการสุ่มเสี่ยงกับการฉ้อราษฎร์บังหลวงที่เกิดความจำเป็นที่ต้องจัดซื้อโดยวิธีพิเศษอีกด้วย

การชุมนุมของคนเสื้อแดงคราวนี้ มีข้อบ่งชี้ให้เห็นว่าความรุนแรงอาจเกิดขึ้นได้จริง ข้อบ่งชี้ประการหนึ่งคือการประกาศของคนเสื้อแดงเองว่าต้องชนะ รัฐบาลต้องล้ม กำลังของคนเสื้อแดงก็มีมากกว่าเดิมขึ้น โดยเฉพาะกำลังของคนระดับทหารเก่าตำรวจแก่ที่เข้าเป็นมาสมัครพรรคพวก ถึงขนาดที่ทหารเก่าระดับใหญ่คนหนึ่งพูดถึงขั้นยอมตาย ทุนทรัพย์ของคนเสื้อแดงที่จะนำมาใช้จ่ายก็ไม่เคยเป็นที่สงสัยเลยว่าคนเสื้อแดงจะขาด อีกทั้งกลุ่มคนเสื้อแดงเคยแสดงให้เห็นความรุนแรงมาก่อนด้วยการพังประตูโรงแรมที่พัทยาเพื่อล้มการประชุม กับเผารถเมล์และนำรถบรรทุกก๊าซมาข่มขู่คนกรุงเทพฯ เมื่อเดือนเมษายน 2552 คงยังไม่ลืมกัน

การชุมนุมชนิดแพ้ไม่ได้ของคนเสื้อแดงคราวนี้ ความวุ่นวายเป็นเรื่องที่คาดหมายได้ ถ้าจะถนอมประเทศ ไม่ให้เกิดความเสียหาย รัฐบาลคงประมาทไม่ได้ รัฐบาลต้องป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวายและไม่ให้เกิดความเสียหาย อย่างจริงจัง ทันท่วงที และต้องได้ผล ไม่อย่างนั้น ความเสียหายของประเทศคงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

การที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติเงินให้นำไปซื้ออุปกรณ์ในการปราบปรามก่อนหน้ากำหนดการชุมนุมของคนเสื้อแดงไม่กี่วัน นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงท่าทีที่ไม่เด็ดขาดของรัฐบาลแล้ว ยังทำให้ประชาชนตื่นกลัวถึงความวุ่นวายและความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้

ถ้ารัฐบาลไม่สามารถระงับยับยั้งความวุ่นวายและความเสียหายในคราวนี้ได้ คงไม่มีใครเสียดายที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จะต้องพ่ายแพ้ และพ้นจากการบริหารราชการแผ่นดินไป แต่ที่สำคัญสถาบันจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

รัฐบาลต้องไม่ประมาท ต้องวางแผนไว้เป็นการล่วงหน้าเป็นอย่างดีและรอบคอบ รัฐบาลต้องรู้ว่าหากเกิดความวุ่นวายขึ้นแล้ว รัฐบาลจะเสียเปรียบ เพราะใช้ความรุนแรงในการปราบปรามไม่ได้

รัฐบาลทำให้คนตายไม่ได้ คนเสื้อแดงก็บอกเป็นนัยๆ แล้วว่าหากมีคนบาดเจ็บล้มตาย พวกเขาจะไม่รับผิดชอบ

อย่าได้วางใจเป็นอันขาด


                                                   chamnanktp@hotmail.com
กำลังโหลดความคิดเห็น