xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” ย้ำธรรมนำหน้า เปิดใจแนะ “มาร์ค” ใช้ความถูกต้องกำราบมารใกล้ตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สนธิ” เปิดใจ ยามบ้านเมืองคับขัน ยินดีชักธงรบปกป้องพี่น้องพันธมิตรฯ หลัง “มาร์ค” ไม่ใช้ความเด็ดขาดจัดการโจร ปล่อยคนใกล้ตัวอย่าง “สุเทพ” ถือดีอุ้ม “ป๊อด” พ้นคดี 7 ตุลาฯ ขู่ หาก ก.ตร.ยังดื้อตาใสกลับมติ ป.ป.ช. หาช่องล้างผิดให้น้องป้อม ได้เจอพันธมิตรฯ ชุมนุมอีกครั้งแน่



 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัมภาษณ์  
 

รายการ “แอน-จินดารัตน์” ออกอากาศทางช่องเอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-22.00 น.วันที่ 18 มกราคม มี “แอน” จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญ นายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาร่วมพูดคุยในรายการถึงช่วงที่เดินทางไปต่างประเทศ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ รวมทั้ง วิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองไทย ที่คุกรุ่นอยู่ในขณะนี้

นายสนธิกล่าวถึงช่วงเวลาที่เดินทางไปต่างประเทศว่า ในช่วงที่เงียบหายไป มีหลายคนสงสัยและตั้งคำถามว่าไปทำอะไรมาบ้าง ซึ่งตนได้เดินทางไปต่างประเทศ แต่ไม่ได้เกรงกลัวใครหรือสิ่งใด แต่เป็นเพราะเหตุผลตอนนี้ไม่มีอะไรที่ประเด็นให้เคลื่อนไหวทางการเมือง ดังนั้น ตนจึงเห็นว่าควรจะใช้ช่วงเวลานี้ในการเดินทางไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ส่วนตัว เนื่องจาก ตอนนี้ในเมื่อมีรัฐบาลทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองอยู่แล้ว ฉะนั้น ก็ต้องปล่อยให้ทำตามหน้าที่ไป ส่วนตนแม้มีนิสัยเป็นคนที่รักสงบ แต่ถ้าหากให้เปรียบชาติบ้านเมืองเป็นซอยแห่งหนึ่ง แล้วเมื่อมีใครเข้ามารุกราน ตนก็พร้อมจะสู้และไม่ยอมเด็ดขาด แต่ตอนนี้ ในเมื่อมีรัฐบาลดูแลสถานการณ์อยู่แล้ว ตนก็คงไม่ต้องออกมาแสดงบทบาทใดๆ

“ผมคิดว่าคนจริง ไม่ต้องมาโชว์ออฟ ไม่ต้องออกมาเหมือน เสธ.แดง หรือเหมือนรองนายกฯ บางคน ผมคิดว่าถ้าหากเป็นคนจริง ก็ไม่ต้องเกรงกลัวใคร แล้วที่ นายจตุพร หรือร.ต.อ.เฉลิม พูดว่าผมหนีไปต่างประเทศ ที่ผมไม่ออกมาตอบโต้ เพราะผมไม่กลัวพวกคุณ และผมก็ไม่ได้สนใจอะไรพวกคุณ ดังนั้น เวลานี้เมื่อมีเวลาว่าง ผมก็อยากทำงานเงียบๆ แบบส่วนตัว แต่ถ้าหากวันใด ที่พี่น้องเดือดร้อนเมื่อไหร่ คนอย่างผมที่ว่าเงียบๆนี่น่ากลัวสุดๆ เหตุที่หายไป เพราะเดินทางไปหลายที่ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ เพื่อเดินทางไปพบปะบอกเล่าสถานการณ์บ้านเมืองให้พี่น้องที่นั่นฟัง นอกจากนี้ ยังเดินทางไปประเทศจีน เพื่อรักษาอาการป่วยของตัวเอง ซึ่งมีข่าวดีว่าผลการรักษาเป็นไปด้วยดี โดยผมใช้วิธีฝังเข็มเพื่อรักษา” นายสนธิกล่าว

นายสนธิกล่าวต่อว่า ตอนที่ตนเดินทางไปประเทศจีน ตนนึกถึงหลักเศรษฐกิจพอเพียงของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องจากที่นั่นมีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเลี้ยงดูวิถีชีวิตผู้คน ทำให้ตนเห็นว่าหลักปรัชญาดังกล่าว เปรียบเสมือน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีตาทิพย์ ที่ทอดพระเนตรแล้วนำมาสั่งสอนคนไทยให้รู้จักพอเพียง ซึ่งหลักปรัชญาดังกล่าว สามารถนำมาใช้ได้กับทุกด้าน ไม่เว้นแม้แต่เรื่องการเมือง ที่เวลานี้นักการเมืองถือว่าใช้ไม่ได้ เพราะประเทศไทยเกิดปัญหาขาดผู้นำที่กล้าหาญ และไม่มีวิสัยทัศน์เพียงพอ

“ผมอยากยกตัวอย่างให้เห็นว่าระหว่างคนอย่าง นายสุเทพ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ มีอะไรเหมือนและคล้ายคลึงกัน คือ ทำอะไรก็ตาม ไม่ได้คำนึงถึงความถูกต้อง เรื่องอะไรที่ควรจบก็ทำให้ไม่จบ อย่างกรณี ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด 3 นายตำรวจในคดี 7 ตุลาฯ แต่ กตร. ที่มี นายสุเทพเป็นประธาน ก็ยังคงยอมทำตัวเป็นเครื่องมือ เพื่อปกป้อง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. โดยเรื่องนี้ นายสุเทพ ถ้ายืนอยู่บนความถูกต้อง ก็คงไม่เกิดปัญหาเรื่องนี้ แต่ในเมื่อ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดแล้ว นายสุเทพกลับไม่ยอมรับและช่วยเหลือคนกระทำผิด ก็ต้องดูที่นายอภิสิทธิ์ ว่าจะมีความกล้าหาญทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งเวลานี้ผมไม่เข้าใจว่ายังต้องเกรงใจใครอีก ในเมื่อเรื่องชาติบ้านเมือง หรือเรื่องแผ่นดิน จะไปเกรงใจใครไม่ได้” นายสนธิ กล่าว

นายสนธิกล่าวอีกว่า ตนไม่คิดว่าการที่นายอภิสิทธิ์ออกมาดักคอนายสุเทพ ถือเป็นบทพิสูจน์ความกล้า เพราะเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องหักหน้ารองนายกฯ แต่ขอเพียงแค่ นายอภิสิทธิ์ ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งถ้าหากต่อไปนายกฯ ส่งคดีนี้ไปให้กฤษฏีกา ตีความอีกครั้ง ตนก็ไม่รู้ว่าจะไปหวังพึ่งอะไรด้วยอีก เนื่องจาก ดูอย่างคดีลอบยิงตนที่โดนยิงด้วยอาวุธสงครามกว่า 200 นัด แต่จนถึงวันนี้ เรื่องยังเงียบและไม่สามารถจับกุมตัวคนกระทำผิดได้ หรือแม้แต่พวกที่ใช้เอ็ม 79 ยิงถล่มเวทีพันธมิตรฯ ที่ท้องสนามหลวง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ตนไม่เข้าใจว่า หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น มันทำให้ประเทศไทยไม่น่าอยู่ ทั้งที่มีดีกว่าอีกหลายประเทศ ดังนั้น ตนยืนยันว่า การเมืองถ้ายังเป็นแบบนี้ ถือว่ายังแก้ปัญหาประเทศชาติไม่ได้

“ตอน พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในอำนาจ ทุกอย่างอยู่ที่ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ คนเดียว โดยมีทีมงานคอยดูแลผลประโยชน์ให้ หากโครงการใด พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ไฟเขียว ก็ไม่มีทางหลุดรอดไปได้เด็ดขาด แต่วันนี้ นายอภิสิทธิ์ ทำตัวเหมือนหลักหลุดลอย คือ ทิ้งทุกอย่างไว้ที่พรรคร่วม ให้มีการโกงกิน และเปิดช่องให้ทุกกระทรวงกอบโกยผลประโยชน์มหาศาล ดังนั้น ถือว่ายุคนี้เป็นการกระจายการโกงกิน ไม่เหมือนสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เบ็ดเสร็จโกงกินอยู่คนเดียว” นายสนธิกล่าว

นายสนธิกล่าวต่อว่า ทุกวันนี้นายสุเทพบอกเป็นหนี้บุญคุณนายเนวิน ตนก็ไม่ว่าอะไรหากจะพูดเช่นนั้น แต่ตนเป็นคนที่เชื่อเรื่องเวรกรรม และยึดถือคำว่าบุญคุณเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นนายสุเทพ หรือ พล.อ.อนุพงษ์ ที่พูดถึงการต่อสู้ของคนเสื้อแดงกับพันธมิตรฯ ตนถือว่าสองคนนี้ไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่สนใจว่าที่ผ่านมา พันธมิตรฯ ต้องสูญเสียอะไรบ้าง เพื่อให้คนพวกนี้ได้เสวยสุข หรือได้ลาภยศต่างๆ จนถึงทุกวันนี้ ฉะนั้น ตนอยากให้ดูที่จุดประสงค์ของการต่อสู้ด้วยว่าออกมาเพื่ออะไร พันธมิตรฯ เหมือนเสื้อแดงหรือไม่ ที่มีจุดมุ่งหมายเดียว คือ ช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ให้พ้นผิด

“คนที่ขายแผ่นดินไทยให้เขมร หรือคนที่เจรจายกผลประโยชน์ไทยให้กับประเทศอื่น ถือว่าเป็นคนที่เลวที่สุด แต่ที่สำคัญ คือ เวลานี้คนในสังคมกลับเฉยเมยคนเลวพวกนี้ โดยไม่ยอมทำอะไรเลย ทำให้ทุกวันนี้ทุกส่วนของชาติบ้านเมืองล่มสลายหมด ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ หรือแม้แต่กระบวนการยุติธรรมก็ล่มสลาย ดังนั้น ก็ถือว่าไม่เหลืออะไรแล้ว นอกจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ที่พวกเรายังต้องปกป้อง ฉะนั้น ผมอยากฝากให้ทุกคนกล้าพอที่จะยืนอยู่บนความถูกต้อง และต้องปฏิเสธทุกอย่างที่เป็นความชั่วร้าย” นายสนธิกล่าว

นายสนธิกล่าวอีกว่า เวลานี้ตนไม่อยากใช้คำว่าพันธมิตรฯ แต่ขอใช้คำว่าคนที่รักชาติบ้านเมือง ซึ่งตนขอให้อดทน เพราะตอนนี้เรากำลังต่อสู้กับอสุรกายหลากหลายรูปแบบ โดยสิ่งที่สำคัญ คือ ต้องถามตัวเองก่อนว่ามีหลักหรือจุดยืนที่แน่นอนหรือไม่ ทั้งนี้ สำหรับตนแล้วไม่มีอะไรต้องหวั่นไหวกับสิ่งใด เนื่องจาก มีธรรมนำหน้า ยืนหยัดอยู่บนความจริงและความถูกต้อง ซึ่งถ้าหากมีเช่นนั้นเหมือนกัน เราก็ต้องผ่านขวากหนามนี้ไปให้ได้ โดยตนเชื่อว่าวันหนึ่งที่ถึงวันตาย ตนก็นอนตายตาหลับแล้ว เพราะดูคนบางคนที่มีวาสนาหรือได้เป็นถึงรองนายกฯ ตนอยากดูเวลาที่พวกนี้ใกล้ตาย เนื่องจากคนไม่ทำความดี จะต้องตายอย่างทรมาน ตายอย่างไร้ศักดิ์ศรี และปล่อยให้ลูกหลานรับช่วงต่อนามสกุลด้วยความขายขี้หน้า

“มีคนเข้าใจผิดว่ากำจัดผมแล้วจะทำให้พันธมิตรฯล่มสลาย ซึ่งผมเชื่อว่าการกำจัดผมไม่ได้แก้ปัญหาให้ชาติบ้านเมือง เพราะคนที่คิดจะทำร้ายกับผม เกิดขึ้นเนื่องจากมีความชั่วในตัวเอง ดังนั้น คนพวกนี้ ถือว่าสายตาสั้น เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ทั้งที่ผมพูดมาตลอดว่า การบริหารบ้านเมืองทำได้ไม่ยาก หากบริหารบ้านเมืองโดยเอาส่วนร่วมเป็นที่ตั้ง แต่วันนี้ ผมไม่สงสารนายอภิสิทธิ์ เพราะปัญหาทุกอย่างวันนี้มันเกิดขึ้น เนื่องจากไม่ได้เอาส่วนร่วมมาเป็นตัวตั้ง ฉะนั้นนั้น ความกล้าหาญจึงไม่เกิด” นายสนธิกล่าว

นายสนธิกล่าวอีกว่า ส่วนกรณี ก.ตร.ที่นายสุเทพ อาจจะไปรับปากกับ พล.อ.ประวิตร เพื่อให้ช่วยเหลือ พล.ต.อ.พัชรวาท แต่ในเมื่อถึงขั้นที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดไปแล้ว ดังนั้น ก็ต้องจบเรื่อง คือ ถ้านายสุเทพ มีความกล้าหาญพอที่จะไปบอกว่าเรื่องนี้ขอให้ช่วยไม่ได้ หากทำแบบนี้ ก็ถือว่าจบ ถ้าไม่เช่นนั้น ชาติบ้านเมืองก็จะพังทลาย เพราะคนไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเอง ดังนั้น นายกฯ ต้องกล้าหาญพอที่จะบอกว่า ป.ป.ช. ชี้มูลแล้ว จบแล้ว อย่าซื้อเวลาอีก เพราะเวลานี้เหมือนกับรัฐบาล นายอภิสิทธิ์พยายามพายเรือด้วยตาข้างเดียว เพื่อช่วยเหลือโจร ทำให้การเมืองตอนนี้ มีแต่คนจ้องรอจังหวะให้พันธมิตรฯ กับพวกเสื้อแดง เผชิญหน้ากัน เพื่อช่องให้มีการยึดอำนาจ จะได้ขึ้นครองทุกอย่าง ฉะนั้น พรรคประชาธิปัตย์ เวลานี้เปลี่ยนไปเยอะด้วยฝีมือคนๆเดียว ซึ่งตนมั่นใจว่าคนนี้ต่อไปจะไม่อยู่พรรคประชาธิปัตย์ โดยตอนนี้ตนถอยไม่ได้ แล้ว ถ้าหากบ้านเมืองเราเกิดไฟไหม้ เราจะปล่อยให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร หากนายกฯ ยังไม่กล้าตัดสินใจเรื่อง กตร. พันธมิตรฯ ก็อาจต้องรวมตัวกัน เพื่อรักษากฏกติกาบ้านเมือง อย่างคดีลอบยิงตน ถือเป็นเรื่องส่วนตัว ตนได้กรวดน้ำให้คนที่ทำไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

คำต่อคำ “สนธิ ลิ้มทองกุล”

         จินดารัตน์ - เราจะคุยกับแขกรับเชิญ ตัวจริง เสียงจริง คุณสนธิ ลิ้มทองกุล สวัสดีค่ะ คุณสนธิคะ 
         
         สนธิ - สวัสดีครับ คุณแอนครับ สวัสดีครับ ท่านผู้ชมครับ
        
         จินดารัตน์ - หลายคนคิดถึงนะคะ และคำถามแรก สั่งมาเลยว่า ต้องถามก่อนว่า คุณสนธิไปไหนมา หายไปไหนมา
        
         สนธิ - ต้องพยายามอธิบายก่อน โดยพื้นฐานแล้วผมเป็นคนที่เก็บเนื้อเก็บตัว ที่พี่น้องประชาชนเห็นผมตั้งแต่ปี 48 เพราะผมลุกขึ้นมาต่อสู้ ตอนนี้เหมือนกับการพักรบชั่วคราว แล้วผมก็เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบแสดงออกอะไร จริงๆ แล้วโดยพื้นฐานผมเป็นคนที่ค่อนข้าง ชอบอยู่อย่างสงบ
        
         จินดารัตน์ - ชอบอยู่เงียบๆ ไม่ทำตัวโด่งดัง
        
         สนธิ - ผมเป็นคนซึ่งไม่เชื่อในการเป็นวีรบุรุษ ผมคิดว่าภารกิจที่ทำไปตั้งแต่ปี 48 49 50 51 จนกระทั่งสุดท้าย หลังที่ถูกยิงแล้วก็ออกมา คิดว่าจบแล้วในระดับหนึ่ง สังเกตอย่าง ผมจะไปเฉพาะงานใหญ่ๆ เช่น งานรวมพลังที่สนามหลวง เพื่อจะให้กำลังใจ ให้กับองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ วันนั้นผมไป ซึ่งถึงแม้จะโดนลอบสังหารด้วยเอ็ม 79 ผมก็ไม่หวั่นเกรงอะไร เพราะผมเชื่อในหลักกฎแห่งกรรม หากผมต้องมีอะไรเป็นไปแล้ว ก็ให้เป็นไป ผมก็ได้อยู่เงียบๆ
        
         จินดารัตน์ - ถ้าถามแบบฝ่ายตรงข้ามถาม ที่เลือกไปแต่งานใหญ่ๆ เพราะกลัวหรือเปล่า โดนลอบยิง
        
         สนธิ - มันไม่ใช่ครับ เพราะผมคิดว่า บทบาทในขณะนี้ มันไม่มีการชุมนุมอะไร เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าผมใช้เวลาที่มีตอนนี้ หันมาศึกษาสถานการณ์ อ่านหนังสือ เดินทางไปโน้นนี่ เพื่อสังเกต ผมเป็นคนช่างสังเกต และเก็บรายละเอียดเล็กน้อยเข้ามา และศึกษาเรื่องราวต่างๆ และมีบทสรุปในใจของผม
        
         ผมคิดว่า การที่คนเรา คนหนึ่ง ทั้งชีวิตต้องออกมากระโดดโลดเต้น โดยที่บางครั้งไม่ใช่เวลาออกมากระโดดโลดเต้นนั้น ไร้สาระ ถ้าสมมติพรุ่งนี้เขาจะแก้รัฐธรรมนูญ แล้วขัดต่อเจตนารมณ์ของการต่อสู้ของพวกเราแต่ต้น ผมก็ออก แต่ถ้าเป็นเรื่องราวที่ผมคิดว่า เป็นปัญหา เช่น ปัญหาที่รัฐบาลสร้างทุกวันนี้ ผมจำเป็นต้องออกไปประท้วงเขาไหม ไม่จำเป็น
        
         จินดารัตน์ - ทำไมละคะ
        
         สนธิ - เพราะเขามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ เขาทำไม่ดี ผลไม่ดีก็ตกอยู่กับเขา แต่ถ้าอะไรเกิดขึ้น ที่ขัดหลักการ ศีลธรรม และคุณธรรม มันก็ต้องลุกขึ้นมาสู้ คือ ถ้าจะพูดเปรียบเทียบก็คือ เราเป็นคนรักสงบ เหมือนกับเราเป็นคนที่อยู่ในซอยซอยหนึ่ง เราเดินออกมา เราสังเกตชาวบ้านที่เดินผ่านซอย จะมีนักเลงหน้าปากซอย เขกกะบาลคนโน้นทีนึง ไถเงินคนโน้นคนนี้ทีนึง นั่นก็คือความเป็นอันธพาล ความเป็นกุ๊ยทางการเมือง เหมือนอย่างพวกทีมงานคุณทักษิณ ซึ่งเป็นกุ๊ยทางการเมืองรังแกประเทศ ประเทศผมหมายถึง พี่น้องประชาชนที่อยู่ในซอย ถ้าอย่างนั้นแล้ว พอมาเขกกะบาลผม ผมชกเลย พอผมชกปังปั๊บเข้ามารุมผมผมก็สู้ สู้ยิบตา สู้ไปสู้มาก็มีคนเห็นว่า เมื่อมีคนสู้แล้วเขาต้องเข้ามาช่วยผม พอสู้เสร็จเรียบร้อยไล่นักเลงปากซอยออกก็จบ เผอิญนักเลงปากซอยดันไปส่งตัวแทนเข้ามานั่งต่อ
        
         จินดารัตน์ - นอมินี
        
         สนธิ - นอมินี มาก็ไม่ได้รังแกอะไรมา แต่ก็จะมาหาทางที่จะดำเนินการเพื่อให้นักเลงเก่ากลับมา พวกผมก็สู้อีก สู้จนกระทั่งในที่สุดแล้วก็มีคนซึ่งพอที่จะเชื่อใจได้ เคยคิดว่าอย่างนั้นนะ มา ก็ปรากฏว่า เขาก็ยังไม่ได้แสดงออกอะไรที่ให้ผมเห็นเด่นชัด ยกเว้นมีบางเรื่องเท่านั้นเองที่ผมคิดว่าเขาขาดความกล้าหาญ แต่ผมถือว่า การที่เขาขาดความกล้าหาญในที่สุด แล้วสังคมจะเป็นคนตัดสินเขาเอง แล้วผมคิดว่าไม่มีเหตุผล เพราะทุกวันนี้ เดินออกหน้าปากซอยก็ไม่ได้โดนรังแก เพียงแต่อาจจะโดนถากถาง หรือว่าเห็นพฤติกรรมที่รู้สึกมันอุบาทว์ อุจจาดตา อย่างเช่น แทนที่จะมารังแกชาวบ้านก็มายืนปัสสาวะรดรั้วชาวบ้าน

         เหมือนกับกรณีการที่ ก.ตร.ส่งเรื่องกลับไปเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ มันก็อึดอัดใจ แต่ว่าถ้าเมื่อใดก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญยังยืนยันอยู่ว่า ทุกอย่าง หรือว่าความถูกต้อง ป.ป.ช.มี แล้วยังดึงดันอยู่ ก็แสดงว่า คนยืนหน้าปากซอยเริ่มกลายเป็นกุ๊ยแล้ว เมื่อนั้นก็เจอกัน ผมคิดว่าคนจริงไม่ต้องโชว์ออฟ ไม่ต้องแหกปากแสดงอาการเหมือน พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือไม่ต้องเดินแกว่งแขน เดินกร่างเหมือนรองนายกฯ บางคน นึกออกไหมครับ ไม่จำเป็น คนจริง นักเลงจริงอยู่เงียบๆ
        
         จินดารัตน์ - ถ้าทำถึงเวลาทำเลย
        
         สนธิ - ถ้าเวลาสู้ก็ลุกขึ้นมาสู้เลย คือยืนยันเดี๋ยวนี้คุณแอน แล้วฝากบอกไปทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคุณจตุพร หรือใครก็ตาม คุณเผด็จ ภูมิปฏิภาณ คุณไพวงษ์ เตชะณรงค์ คุณเฉลิม อยู่บำรุง ผมไม่ได้กลัวพวกคุณหรอก แล้วผมไม่รู้สึกเลย ผมเห็นพวกคุณไม่มีความหมายเลยในสายตาผม แล้วบอกให้รู้ด้วยว่า นักเลงจริงเขาไม่รับจ้างคน เขาอยู่อย่างสงบ ฝึกจิต อยู่กับเพื่อนฝูง พี่น้องครอบครัว แล้วก็ทำงานเงียบๆ หาความรู้ใส่ตัว เอื้ออาทร ไม่รังแกคน แต่วันใดถ้าพี่น้องโดนรังแก หรือว่าขัดต่อศีลธรรมจนทนไม่ไหว คนที่สงบมันลุกขึ้นมา แล้วมันจะเป็นคนที่น่ากลัวที่สุด เพราะว่า ความตายมันยังไม่กลัวเลยถึงวันนั้น เพราะฉะนั้นจะไปกลัวอะไรกับไอ้พวกปากสุนัขพวกนี้ ผมถือเป็นเรื่องธรรมดา คนที่เที่ยวมาด่าว่า ผมหายไปโน้นไปนี่
        
         จินดารัตน์ - หอบลูกเมียหนีไปแล้ว
        
         สนธิ - หอบลูกเมียหนี พวกนี้เขาไม่ดูเงาหัวตัวเขา ไม่ดู ไม่ได้หายไปไหนหรอก ผมเดินทางไปสหรัฐฯ ผมไปเมืองซานฟรานซิสโก และไปที่ลอสแองเจลิส ไปพบปะประชาชนคนไทย ไปพูดจาเล่าถึงสถานการณ์ให้พี่น้องทราบ และผมก็ถือโอกาสไปศึกษา และผมก็เดินทางไปประเทศจีน ไปปักกิ่ง ไปเซี่ยงไฮ้ ไปฮ่องกง ไปไต้หวัน ระหว่างทางผมก็ศึกษาตลอด ศึกษาสิ่งแวดล้อม ศึกษาการเมืองเขา
 
         ผมไปรักษาตัว เพราะผมมีปัญหาเรื่องขา ขาขวาผมตอนนี้ มีข่าวดีว่า หายเยอะแล้ว ต้องไปฝังเข็มกับหมอจีน ที่เมืองจีน มันเป็นหมู่บ้านหมอฝังเข็มโดยเฉพาะ และเช้าๆ ลุกขึ้นมารำไทเก็ก เพื่อที่จะออกเส้น เพราะเส้นผมเหมือนหมอนรองกระดูกมันเคลื่อนไปทับเส้น และตรงก้นมันจะเป็นที่รวมเส้น ถ้าพี่น้องประชาชนที่สังเกตผมจะเห็นว่า ผมเจ็บขามานานแล้ว แต่งวดนี้ ตั้งแต่รักษามาครั้งนี้ ผมสามารถยืนอยู่ได้ครึ่งชั่วโมงโดยไม่ปวด แต่ถ้านานกว่านั้นจะเริ่มปวดนิดหน่อย แต่ถ้านั่งก็จะหาย แต่สมัยก่อนไม่ได้เลย 3-5 นาที ปวดแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว ผมก็ไปรักษาตัวของผม เหมือนกับจะมีรางบอกเหตุว่า ต้องสู้อีกครั้ง
        
         จินดารัตน์ - ไปฟื้นฟูร่างกาย ให้แข็งแรงและสมบูรณ์ที่สุด
        
         สนธิ - ผมก็ไปสัมผัสประเทศจีน ฮ่องกง และไต้หวัน ผมก็ไปเรียนรู้อะไรเยอะ ไปเรียนรู้การเมืองประเทศจีนเขา ไปเรียนรู้ความเปลี่ยนแปลงของประเทศจีน ซึ่งผมเคยเข้าประเทศจีนครั้งแรกเมื่อปี 2535 เมื่อ 17 ปี ที่แล้ว 18 ปีที่แล้ว ผมเข้ากับปีนี้ ระหว่างนั้นผมก็ไปตลอด เปลี่ยนไปเยอะ และผมก็ได้ข้อคิด ได้ปรัชญาการเมือง ได้อะไรต่ออะไรหลายอย่าง และผมมามองทุกอย่าง มองความก้าวหน้าของเขา มองทุกอย่าง และผมก็สรุปว่า ประเทศไทยดีที่สุด
        
         จินดารัตน์ - ทำไมคิดอย่างนั้นคะ คุณสนธิ
        
         สนธิ - เพราะประเทศไทยมีพระเจ้าอยู่หัวฯ เพราะประเทศไทย พระเจ้าอยู่หัวฯพระองค์ท่านเหมือนเทพ พระองค์ท่านมองเห็นเหมือนอรหันต์ ตาทิพย์ พระองค์ท่านเห็นเศรษฐกิจพอเพียง เป็นทางออก บางครั้งพอเราไปสัมผัสกับคำว่า เศรษฐกิจพอเพียงจากคำพูด เราก็บอก พอเพียงๆ แต่ถ้าได้ผ่านอะไรมาอย่างผม แล้วไปเห็น เห็นการเจริญเติบโตของประเทศจีน เห็นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติของเขา เห็นการเร่งที่จะให้ทุกคนมีทรัพย์ สมบัติ วัตถุ และมองไปในอนาคตว่า โลกจะเป็นยังไง ประเทศจีนจะเป็นยังไง ทรัพยากรที่เขาต้องมาใช้เพื่อจะสร้างวัตถุต่างๆ เขาเอามาจากไหน เห็นเขาไปซื้อเหมือง ไปได้สัมปทานเหมืองที่อัฟกานิสถาน เห็นเขาไปลงทุนที่ปากีสถาน เห็นไปลงทุนที่เขมร ลงทุนที่ลาว ที่นู้นนี่ ทั้งหมดทำเพื่อจะเอาทรัพยากรธรรมชาติกลับมาผลิตรถยนต์ ตู้เย็น เพื่อทำนู้นนี่ และผมก็ถามตัวเองว่า มิน่า ประเทศจีนถึงต้องเดินทางและไปหาทางที่จะไปเป็นเจ้าของทรัพยากรต่างๆ
 
         ผมก็มองว่า และถ้าทุกคนคิดอย่างนี้ เขมรก็คิดอย่างนี้ ไทยก็คิดอย่างนี้ เวียดนามก็คิดอย่างนี้ ทรัพยากรที่มีน้อยนิดมันจะหมดไป ผมก็มองย้อนหลังว่า เราจะอยู่ยังไง อยู่ได้ ถ้าเรารู้จักพอเพียง นี่คือหลักธรรมชั้นสูงเลยนะ

         คำว่า พอเพียง เป็นหลักธรรมชั้นสูง เป็นหลักธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพุทธเจ้า หรือความมีสมถะ คือ มีแค่ไหนใช้แค่นั้น และมองบ้านเรา ผมไปมาหมด ไม่มีเมืองไหน น่าอยู่เท่าเมืองไทย แต่ว่า เขาขาด เสียอย่างเดียวเมืองไทย เสียตรงการเมืองมันเลว นักการเมืองใช้ไม่ได้ นั่นข้อที่ 1 ข้อที่ 2 เมืองไทยมีปัญหาขาดผู้นำจริงๆ ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ ที่สำคัญต้องกล้าหาญ เราไม่มีจริงๆ เราปล่อยให้ประเทศวุ่นวายอย่างนี้มาตลอดหลายปี โดยไม่ได้เอาความถูกต้องเป็นตัวตั้ง และเราก็สมานฉันท์กับสิ่งผิด

         ผมคิดว่า ชีวิตคนเราถ้าจะมีชีวิตอยู่ มันต้องเริ่มจากกลัดกระดุมเม็ดแรกต้องถูกก่อน ถ้าเม็ดแรกกลัดผิด มันผิดทุกเม็ด เพราะฉะนั้น สังคมจะอยู่ได้ต้องอยู่บนพื้นฐานความถูกต้อง ถ้าบนพื้นฐานความถูกต้องไม่ยอมรับแล้ว มันต้องสู้จนกระทั่งความถูกต้องกลับมา
        
         จินดารัตน์ - อันนี้ คือกระดุมเม็ดแรก
        
         สนธิ - เม็ดแรก เมื่อความถูกต้องกลับมาแล้ว ทุกอย่างมันจะแก้ด้วยตัวเองหมด ความถูกต้องมีตรงไหน ยกตัวอย่าง คุณทักษิณ กระทั่งถึงคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เหมือนกันเลย คุณทักษิณ ไม่ได้ทำอะไรให้ถูกต้อง ทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง ทำเพื่อกลุ่มตัวเอง สร้างปัญหามา เรื่องมันควรจะจบ โยงไปถึงยุคคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ

         อย่างกรณี ป.ป.ช.ตัดสินเรื่องตำรวจ มันต้องจบไปแล้ว แต่คุณสุเทพไม่จบ คุณสุเทพกลับไปเป็นเครื่องมือของตำรวจบางคน และกลุ่มอำนาจใหม่บางคน เพื่อลุกขึ้นมาปกป้องคุณพัชรวาท เพราะฉะนั้นแล้วระหว่างคุณสุเทพกับคุณทักษิณไม่ได้ต่างอะไรกันเลย คือไม่ยอมยืนอยู่บนความถูกต้อง ถ้าคุณสุเทพยืนอยู่บนความถูกต้อง ในฐานะประธาน ก.ตร. คุณสุเทพต้องชี้แจงชัดเจนว่า การดำเนินคดีกับตำรวจทำได้ 2 อย่าง

         อย่างแรกคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินคดีเอง คุณแอนเป็นพันตำรวจเอกทำผิด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมา มีมูลไหม มีมูลดำเนินการ จนพิสูจน์ว่าผิด พอผิดเสนอเข้า ก.ตร.ว่าคุณแอนผิด ก็เสนอว่า กติกามีว่าอย่างไร ถ้าผิดแบบนี้ให้ปลดออก ผิดแบบนี้ร้ายแรงให้ไล่ออกแล้วดำเนินคดี ตำรวจทำได้ด้านหนึ่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
 
         อีกด้านหนึ่งคือ ป.ป.ช. ก็มีสิทธิ์ทำ เพราะ ป.ป.ช.เป็นองค์กรอิสระอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ มีหน้าที่ต้องทำ ไม่ใช่ทำเฉพาะตำรวจ ทำเกี่ยวกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวกับข้าราชการ เมื่อ ป.ป.ช.ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชี้มูลว่า คุณพัชรวาทผิด คุณเพิ่มศักดิ์ผิด คุณสุชาติ เหมือนแก้วผิด ก็ส่งเรื่องที่ชี้มูลไปให้ ก.ตร. ก.ตร.มีหน้าที่ 2 อย่างเท่านั้นเอง อย่างแรกก็คือว่า ปลดออก อย่างที่ 2 ไล่ออก มีแค่นี้ทำได้แค่นี้ นี่คือความถูกต้อง ถ้าคุณสุเทพยืนอยู่บนความถูกต้อง เรื่องก็จบ ก็ไม่ต้องมานั่งคิด เออประเทศไทยก็ยังน่าอยู่
        
         จินดารัตน์ - แต่เขาบอกว่า ถ้าคุณสุเทพคิดว่าเรื่องนี้ตำรวจตัดสินใจถูกต้องแล้ว พอโยนไปให้นายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน ก.ต.ช.
        
         สนธิ - ท่านนายกฯ ท่านต้องมีความกล้าหาญ ท่านก็ยังขาดความกล้าหาญ ไม่รู้จะไปเกรงใจใครทำไม เรื่องชาติ เรื่องบ้านเรื่องเมือง เรื่องส่วนรวม จะไปเกรงใจใครไม่ได้แล้ว การทำงาน คุณแอน 2548 มาจนกระทั่งปัจจุบัน ผมเรียนรู้อยู่อย่างหนึ่ง เมื่อใดคุณแอนทำงานให้ส่วนรวม ทำงานให้ชาติบ้านเมือง ไม่เอาเรื่องส่วนตัว ไม่เอาเพียงเพราะว่าไปรับปาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าจะดูแลน้องชายให้ดี แล้วเขาจะสนับสนุนให้มาเป็นนายกฯ หรือเป็นรัฐบาล ถ้าไม่เอาตรงนี้มารวม ทำเรื่องส่วนรวมแก้ไม่ยากเลย ผมเรียนรู้มา เพราะตั้งแต่ปี 48 เป็นต้นมาจนกระทั่งวันนี้ ผมทำเรื่องส่วนรวมทั้งสิ้น ไม่เคยทำเรื่องส่วนตัวเลย ส่วนตัวจะเป็นอะไรช่างมัน อะไรรับได้ก็รับไป ลูกปืนยังรับมาเลยอย่าว่าแต่คดีความเลย เพราะฉะนั้นแล้วถ้านักการเมืองทุกคน ประชาชนคนไทยทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่มีอำนาจ คนที่มีบทบาทหน้าที่ ก็อีกก็โยงกลับไปหาพระราชดำรัสพระเจ้าอยู่หัวฯ ผมถึงบอกเมืองไทยโชคดีที่มีพระเจ้าอยู่หัวฯ โชคดีตรงไหน

         คำพูดของพระองค์ท่านเหมือนกับว่าพระองค์ท่านเห็นทะลุ รู้ด้วยตัวเองมาแล้วว่า มันต้องเป็นอย่างนี้นะ พระองค์ท่านมีพระราชดำรัสชัดๆ พระองค์ท่านมีพระราชดำรัสว่า คนเรามีหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด แค่นั้นเอง ฟังดูเหมือนง่าย แต่ฟังให้ดีๆ ตีความให้ดีๆ มันลึกซึ้ง คุณเป็นนักการเมือง คุณมีหน้าที่ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต คุณเป็นตำรวจ คุณมีหน้าที่จะต้องทำงานด้วยความตรงไปตรงมา มีเมตตาธรรม ขณะเดียวกันต้องไม่ทำผิดกฎหมาย คุณเป็นรองนายกรัฐมนตรี อย่างคุณสุเทพ เป็นถึงประธาน ก.ตร. คุณมีหน้าที่รักษากฎหมายให้เคร่งครัด ถ้าคุณสุเทพทำหน้าที่ของตัวเอง ถ้าตำรวจทำหน้าที่ของตัวเอง ถ้านายกฯ ในฐานะผู้บริหารสูงสุดของชาติ ทำหน้าที่ที่ตัวเองต้องทำ เพราะว่าเป็นหน้าที่ต้องทำ ดั่งพระราชดำรัสพระเจ้าอยู่หัวฯ คุณแอน ปัญหาไม่มี

         เพราะฉะนั้นแล้ว ผมไปที่ไต้หวัน ผมก็เห็นความขัดแย้ง 2 ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่ไม่เอาประเทศจีน ฝ่ายของนายเฉิน สุย เปี่ยน อีกฝ่ายหนึ่งคือ นายหม่า อิงจิ่ว ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีพรรคก๊กมินตั๋ง ผมเห็นความขัดแย้งตคลอดเวลาแต่ไม่จบ เพราะว่าเขาไม่มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเหมือนอย่างพระเจ้าอยู่หัวฯ เรามีพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งสุดยอดมนุษย์ เราต้องกราบไหว้บูชาพระองค์ท่าน ขอให้พระองค์ท่านมีอายุยืนนานเป็นร้อยๆ ปี ให้ผมตาย ให้ลูกผมตาย ให้พระองค์ยังมีชีวิตอยู่ เพราะพระองค์ท่านเปี่ยมไปด้วยทศพิธราชธรรม เปี่ยมไปด้วยความอัจฉริยะภาพ คำพูดสั้นๆ ใครมีหน้าที่อะไรทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ให้รู้จักพอเพียง เราไปห้ามคนทำชั่วไม่ได้ แต่เราต้องส่งเสริมให้คนดีมีอำนาจ
        
         จินดารัตน์ - เพราะฉะนั้นวันนี้สิ่งที่นายกรัฐมนตรีทำทุกอย่าง ไม่ว่าหนังสือพิมพ์จะพาดหัวว่า มาร์คหักเทพเทือก คุณสนธิว่านี่คือความกล้าแล้วหรือยังคะ
        
         สนธิ - ผมยังไม่คิดว่าการหักของนายกฯ มีบทพิสูจน์ ถ้านายกฯ จะหักเทพเทือกจริง นายกฯ ไม่ต้องหักเทพเทือก นายกฯ ทำงานเพื่อส่วนรวม ไม่ต้องหักหรอก เทพเทือกส่งเรื่องมา เรื่องจะเข้า ครม. นายกฯ บอกไม่ต้องเข้าเพราะว่ากฤษฎีกาเคยตีความมาแล้วว่า ป.ป.ช.มีอำนาจ เพราะฉะนั้นแล้วให้ ก.ตร.พิจารณาว่าจะให้ออก หรือจะไล่ออก ปลดออก จบ ท่านนายกฯ ต้องทำตรงนี้ ถ้าท่านนายกฯ ไม่ทำ ท่านนายกฯ ส่งต่อไปให้กฤษฎีกาตีความอีก ทั้งที่กฤษฎีกาตีความแล้ว เท่ากับท่านนายกฯ ไม่กล้าตัดสินใจ เมื่อท่านนายกฯ ไม่กล้าตัดสินใจบนพื้นฐานความถูกต้อง แล้วผมจะไปหวังอะไร วันนี้คดีความที่ยิงผมเงียบไปแล้ว
        
         จินดารัตน์ - เขาบอกเขาจะเริ่มต้นใหม่
        
         สนธิ - ผมไม่รู้เขาจะเริ่มยังไง
        
         จินดารัตน์ - เริ่มนับ 0 ใหม่
        
         สนธิ - นับ 0 ใหม่ เห็นหรือยัง ยิงด้วยอาวุธสงคราม 200 นัด คดีความตายไปแล้ว ท่านนายกฯ รักความยุติธรรม ท่านก็ต้องลุกขึ้นมาทำ หรือคดีที่ยิงตอนที่ผมพูดที่สนามหลวง เมื่อ 25 พฤศจิกายน
        
         จินดารัตน์ - จับมือใครดมไม่ได้
        
         สนธิ - จับมือใครดมไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อความถูกต้องมันไม่มี เมืองไทยถึงไม่น่าอยู่ ทั้งๆ ที่เมืองไทยเป็นเมืองที่ดีที่สุด เมื่อเทียบกับเวียดนาม เทียบกับลาว เทียบกับเขมร เทียบกับฮ่องกง เทียบกับไต้หวัน เมืองไทยดีที่สุด ไม่ดีอยู่อย่างเดียว ความถูกต้องไม่มี ความถูกต้องต้องมาก่อน เมื่อความถูกต้องมาแล้วทุกอย่างจะดีไปเอง
        
         จินดารัตน์ - แต่ความถูกต้องมันต้องเกิดมาจากคนใช้กฎหมายหรือผู้บริหารประเทศซิคะคุณสนธิ
        
         สนธิ - คุณแอน ก็เพราะว่าผมมองในความเห็นส่วนตัวผม การเมืองแก้ปัญหาประเทศชาติไม่ได้ในขณะนี้ถ้าการเมืองยังเป็นแบบนี้ เพราะการเมืองเป็นแบบนี้คือการเมืองทอนสตางค์ แลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน คุณแอนรู้ไหม สมัยก่อน สมัยที่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน คุณทักษิณยังอยู่ในอำนาจ ทุกอย่างมารวมที่ตัวคุณทักษิณหมดเพราะอะไร เพราะทุกกระทรวงการฉ้อราษฎร์บังหลวง การจะมีเปอร์เซ็นต์ มีผลประโยชน์ ทุกอย่าง ทีมงานคุณทักษิณคุมหมด โครงการอะไรก็ตาม ถ้านายใหญ่กับเมียนายใหญ่ไม่ไฟเขียว ไม่มีวันทำได้ รัฐมนตรีบางคนไปรีดไถโดยไม่มาบอกนายใหญ่ ไม่แบ่งเปอร์เซ็นต์ให้นายใหญ่ นายใหญ่ปรับ ครม.รัฐมนตรีคนนั้นเปลี่ยนตำแหน่งเลย เพราะฉะนั้นทุกคนก็เลยไปรวมศูนย์ที่คุณทักษิณ แต่วันนี้คุณอภิสิทธิ์ท่านทำตัวอยู่ลอยเหนือปัญหา ทุกอย่างเมื่อเป็นพรรคร่วมแล้ว แต่ละกระทรวงเลยมีการโกงกินกันทุกกระทรวง มหาศาล วันนี้การโกงกินกันไม่น้อยไปกว่าสมัยคุณทักษิณ เป็นเพียงแต่ว่าเป้ามันไม่ชัด
        
         จินดารัตน์ - อ๋อมันกระจาย
        
         สนธิ - สมัยก่อนมันรวมที่คุณทักษิณ โครงการสนามบิน โครงการสร้างถนน โครงการซื้อเครื่องบิน การแก้ภาษีสรรพสามิต ทำเพื่อให้โทรศัพท์มือถือ ธุรกิจโทรคมนาคมรวยขึ้นมา ทุกอย่างมันพุ่งไปที่คุณทักษิณหมด แต่มาวันนี้ กระทรวงคมนาคมจะสร้างสนามบินใหม่ จะสร้างเทอร์มินอลใหม่ อีก 70,000 กว่าล้าน ทั้งๆ ที่ลานบินเก่า ปัญหาเก่ายังแก้ไม่ตก ปิดสนามบินดอนเมืองไม่ให้เครื่องบินในประเทศลง เพื่อที่จะช่วยนักธุรกิจบางคนที่ทำธุรกิจอยู่ในสนามบิน และในขณะเดียวกันเพื่อที่จะอ้างว่า ปริมาณคนที่สนามบินสุวรรณภูมิเยอะเกินไปแล้ว จำเป็นต้องสร้างเทอร์มินอลใหม่ 70,000 กว่าล้าน เพื่อโกงกินกัน รถเมล์ 4,000 คัน การทุจริตที่กระทรวงสาธารณสุข ทุกจุดมีหมด เพียงแต่ละจุดเหมือนแผลที่พุพองทีละจุด เกาตรงนี้ หันมาเกาตรงนี้ เกาไปเกามา ในที่สุด กลายเป็นขี้เรื้อน เปื่อยทั้งตัว ซึ่งใกล้จุดนั้น
        
         จินดารัตน์ - คุณสนธิพูดอย่างนี้ ทำให้รู้สึกว่า ท่านนายกฯ ไม่รู้เลยเหรอ หรือทำอะไรอยู่ หรือไม่กล้าตัดสินใจ เอาง่ายๆ แม้แต่ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กับคมนาคม คนไทยทั้งประเทศแทบอยากจะร้องไห้ ว่า นี่เป็นตำแหน่งของตระกูลนี้เหรอ มันไม่เห็นหัวพวกเราเลยเหรอ
        
         สนธิ - การเมืองที่น่ากลัวที่สุดขณะนี้ คือ นักการเมืองไปผูกขาดการเมืองกับตัวเอง หมายความว่านักการเมือง ไปกำหนดกติกา และบอกว่า ถ้าคุณจะเข้ามาบริหารประเทศ ต้องเล่นวิธีนี้ วิธีเดียว และการเข้าซึ่งอำนาจ เป็นการเข้ามาที่ไม่ซื่อสัตย์
        
         ผมเคยเรียนถามพรรคพวกที่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ และหลายพรรค ผมบอกว่า พวกคุณไม่ได้หวั่นเกรงบางเหรอ พวกคุณไม่ได้สนใจเลยหรือว่า การเลือกตั้งนี่ อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลย ผมไปเจอรัฐมนตรีคนหนึ่ง ปัจจุบันนี้ ที่ต่างประเทศโดยบังเอิญ เขาบอก พี่รู้ไหมว่า ผมเฉลี่ยแล้ว ส.ส. 1 คน กว่าจะเข้าสภามาได้ใช้เงินเกือบ 100 ล้าน ผมก็นึกในใจ ถ้าอย่างนั้น ส.ส.เขตประมาณ 400 คน ก็ประมาณ 40,000 ล้าน มิน่า เมื่อเงินเป็นตัวกำหนด ที่มาของอำนาจ เมืองไทยมันจะมีอนาคตที่ไหน
        
          ด้วยเหตุนี้ คนถึงดูถูกเหยียดยามการเมืองใหม่ หาว่า การเมืองใหม่มีน้ำยาอะไร ถ้าเป็นน้ำยาเรื่องการซื้อเสียง ไม่มีน้ำยา แต่เราอยากให้หมู่บ้านหมู่บ้านนี้ ที่บรรดากำนันผู้ใหญ่บ้าน มาด้วยความชั่วทั้งหลาย ให้เห็นว่า อย่างน้อยมีคนที่อยากเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แต่ไม่เชื่อเรื่องความชั่ว

         ทำสำเร็จไหม ไม่ทราบ แต่การเมืองมาตั้งแต่สมัยคุณทักษิณ จนกระทั่งถึงคุณอภิสิทธิ์ วันนี้ น่าสนใจอย่าง คุณทักษิณ อยู่ 44 45 46 47 48 ยกเว้น 49 และคุณสมัคร 50 คุณสมชาย 51 และคุณอภิสิทธิ์ 52 ไม่มีหัวหน้ารัฐบาลคนไหน หรือรัฐบาลชุดไหน ลงมาจับต้องเรื่องความโปร่งใส ที่มาของการเลือกตั้ง ไม่มีใครพูดเรื่องหาทางระงับซื้อสิทธิ์ ขายเสียง เหมือนทุกคนยอมรับโดยปริยาย ว่า การเมืองไทย ต้องใช้เงินซื้อเสียงถึงจะมีสิทธิ์มีอำนาจ น่ากลัวมาก
        
         จินดารัตน์ - ด้วยเหตุนี้หรือเปล่า เขาถึงรุมเป็นกฐินสามัคคี ร่วมสกัดกั้นพรรคการเมืองใหม่
        
         สนธิ - อันนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่สุด ความจริงเขาไม่ต้องสกัดเรา เราก็ทำงานเต็มที่ แต่เราคงได้เสียงไม่มาก เพราะเราซื้อไม่ได้ แต่อย่างน้อยที่สุด ในหมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่ง ที่ทุกบ้านเปิดซ่องโสเภณี เปิดบ่อนการพนัน เปิดบาร์ขายเหล้า เราจะทำให้บ้านเราหลังนี้ เป็นบ้านปฏิบัติธรรม อยู่ด้วยความสงบ ให้คนเห็นข้อแตกต่าง สำเร็จไหมระยะยาว สำเร็จ แต่ต้องอดทน ต้องอดทนมาก

         คุณแอน ในประวัติศาสตร์ทุกครั้งในการต่อสู้ ธรรมะไม่เคยชนะอธรรมได้เร็ว ธรรมะจะโดนอธรรมรังแกจนบอบช้ำ และต้องถูกทดสอบตลอดเวลาว่า มีความอดทน มีขันติ มีตบะมากพอไหม ถูกรังแกด้วยการให้ร้ายป้ายสี ถูกรังแกด้วยการใช้อำนาจมิชอบ ถูกรังแกด้วยการเข่นฆ่า ล่าสังหาร ต้องอดทน
        
         จินดารัตน์ - ยิ่งสังคมไทยตั้ง 4-5 ปี ที่อยู่ภายใต้อาณัติการดูแลของคุณทักษิณ มันถูกมอมเมา มันถูกเปลี่ยนทัศนคติ คุณสนธิ ไม่คิดเหรอคะ ว่า มันเหมือนเป็นพรรคการเมืองในอุดมคติ ที่เกิดได้ยาก
        
         สนธิ - มันเป็นอะไรบางอย่างที่ต้องอดทนต่อกิเลสพวกนี้ คือถ้าผมเปลี่ยนสี หรือคนร่วมอุดมการณ์กับผมเปลี่ยนอีกข้าง มันง่าย มันได้ลาภ ได้ยศ ได้เกียรติปลอมๆ ได้การนับหน้าถือตาปลอมๆ ถามว่า อดทนได้ไหม เราต้องอดทนได้ ถ้าเราอดทนไม่ได้ เราก็ไม่ได้ต่างกว่าสัตว์พวกนั้น ถูกไหม หรือคิดว่า เราเป็นคน เราเป็นคนที่มีคุณธรรม มีศีลธรรม มีธรรมนำหน้า ต้องอดทน อย่าดีแตก
        
         จินดารัตน์ - คุณสนธิมั่นใจในความอดทน หรือการยึดมั่นในอุดมการณ์ของเหล่าพันธมิตรแค่ไหน
        
         สนธิ - พูดไม่ได้ เพราะพันธมิตรคือมนุษย์ มาจากหลายที่ แต่อย่างน้อยที่สุด ส่วนตัวผม เชื่อว่า พี่น้องหลายคน ไม่น้อย จับตาดูผมอยู่ ผมต้องอดทนให้ดู เพราะคนอย่างผม ถ้าไม่อดทน พลิกขั้ว พลิกข้าง เงินทองจะเอาเท่าไรก็ได้
        
         จินดารัตน์ - ถามจริงๆ มีคนติดต่อบ้างหรือเปล่า
        
         สนธิ - หลายครั้ง แต่ปฏิเสธไป จนกระทั่งรู้ว่า สนธิ ขอไม่ให้ ซื้อไม่ขาย ต้องฆ่ามัน
        
         จินดารัตน์ - นี่เป็นเหตุผลที่คุณสนธิ
        
         สนธิ - ส่วนหนึ่ง เพราะเสื้อแดงซื้อง่าย เสื้อแดงเกิดจากผลประโยชน์ สามารถจบได้ด้วยผลประโยชน์เช่นกัน แต่ผมไม่ใช่ผลประโยชน์ ถ้าเป็นผลประโยชน์ผมจะลุกสู้ทักษิณ ตั้งแต่ปี 48 ทำไม ถ้าผมสู้มา 48 49 50 51 52 จนกระทั่งวันนี้ จิตใจยังสู้อยู่ ไม่ได้หยุด จะสู้จนกว่าความถูกต้องจะกลับสู่สังคมไทย
        
         จินดารัตน์ - มันมีข่าวลือว่า เสื้อแดงกำจัดง่าย ถ้าฆ่าไม่ตาย ก็ผสมพันธุ์กันก็หมดเรื่อง
        
         สนธิ - อันนี้เป็นความจริง
        
         จินดารัตน์ - แต่เสื้อเหลืองมันลำบาก มันเป็นก้างชิ้นโต เพราะว่า หัวหน้ามันแกร่งเหลือเกิน เพราะฉะนั้นมันต้องตายสถานเดียว เคยได้ยินอย่างนี้ไหมคะ
        
         สนธิ - เคยได้ยินมานานแล้ว ผมไม่ประหลาดใจ เพราะมันเป็นบทพิสูจน์อันหนึ่ง ซึ่งผมดีใจ ว่าถ้าเขาพูดอย่างนี้ แสดงว่า สิ่งที่เราทำได้ผล อย่างน้อยที่สุด ผมเชื่อว่า มีคนประมาณดีๆ ชั่วๆ ก็ 10 กว่าล้านคน ที่มีอุดมการณ์เหมือนเรา ส่วนตัวจะเป็นยังไง ไม่รู้ บางคนอาจโกงแชร์คนนู้น บางคนยืมเงินคนนี้ไม่ใช้ แต่พอพูดถึงส่วนรวม คนพวกนี้ เขามีใจ สู้หมด เขารู้เขาไม่ได้สู้เพื่อตัวเขา เหมือนอย่างที่ผมพูด ผมไม่ได้สู้เพื่อตัวผม

         คุณแอน ผม 63 แล้ว คนอายุ 63 มันควรมีความสุข และคนอายุ 63 หลายคนในสังคมสมัยนี้เสียผู้เสียคนกันหมด เพราะถูกลาภ เข้ามาซื้อไป ทำให้ลืมอุดมการณ์ คนบางคนเป็นถึงพลเอก
        
         จินดารัตน์ - ทหารแก่นั่นหรือคะ
        
         สนธิ - ทหารแก่ คนนี้ไม่มีความหมายเหลือเลย ยังสู้ รปภ.ข้างหน้า ASTV ไม่ได้เลย รปภ. หน้า ASTV ยังสู้ แต่พลเอกบางคน กลับขายชาติ ขายเนื้อขายตัว คนที่ขายแผ่นดินไทยให้เขมร คนที่จงใจทำสนธิสัญญาให้เขมรได้เปรียบ คนที่เจรจาไปยกประเทศให้เขา เพื่อแลกประโยชน์ เป็นคนที่เลวจนไม่รู้จะพูดยังไง และที่สำคัญ วันนี้ สังคมไทยมองคนเลวๆ พวกนี้ ด้วยความเฉยเมย ที่น่ากลัวตรงนี้ พวกเราเฉยมากไป ธุระไม่ใช่

         ผมยกตัวอย่างเรื่องนี้มานาแล้ว คุณแอนรู้ไหมว่า สมัยหนึ่ง พรรคนาซีมันเกิดขึ้น คนเยอรมันเยอะเลยที่เห็นว่า พรรคนาซีอันตราย แต่คนเยอรมันบอกว่า ธุระไม่ใช่ นิ่งเฉย จนกระทั่งพรรคนาซีเติบใหญ่ และอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ มีอำนาจเด็ดขาดในเยอรมนี ตอนนั้น คนที่ไม่เห็นด้วยกับอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ จะลุกมาต้านก็ไม่ได้แล้ว

         ฉันใดฉันนั้น พูดถึงอิสลาม เหมือนกัน อิสลามหัวรุนแรงเกิดขึ้น อิสลามที่ไม่ใช่หัวรุนแรง ที่ไม่เห็นด้วย เงียบ ไม่รวมตัวกันแล้วหาทางระงับพวกนี้ ปล่อยจนกระทั่งเกิดกระบวนการอัลกออิดะห์ เกิดกระบวนการเจไอ เกิดหลายๆ กระบวนการจนกระทั่งห้ามไม่ได้ แล้วมานั่งเสียใจ สังคมไทยก็เหมือนกัน วันนึงชาติบ้านเมืองล่มสลาย ซึ่งวันนี้ทุกส่วนของชาติบ้านเมืองมันล่มสลายหมด สงฆ์ก็ล่มสลาย กระบวนการยุติธรรมก็ล่มสลาย ข้าราชการก็ล่มสลาย ทหารก็ล่มสลาย ตำรวจก็ล่มสลาย ครูก็ล่มสลาย มันไม่เหลืออะไรแล้วคุณแอน เหลืออยู่อย่างเดียว ยังเหลือพระเจ้าอยู่หัวฯ กับสมเด็จพระนางเจ้าฯ เท่านั้น ที่เราต้องปกป้องพระองค์ท่าน

         ถ้าจะพูด ผมเหมือนชนกลุ่มน้อย สังคมไทยกลายเป็นว่า คนที่ทำความดี กล้าพอที่จะยืนอยู่บนความถูกต้อง ปฏิเสธลาภยศ ปฏิเสธกิเลส กลายเป็นสิ่งแปลกไปแล้วในสังคมไทย กลับกลายเป็นว่า คนที่คอร์รัปชั่นเก่ง คนที่เอาเงินซื้อตำแหน่ง ซื้อความยุติธรรม คนที่เอาเงินซื้อประชาชนเข้ามาเพื่อตัวเองเข้ามาอยู่ในสภา คนที่แอบจับมือกันเพื่อตัวเองเป็นรัฐบาล แล้วยอมให้เสียงที่มาสนับสนุนตัวนั้นฉ้อราษฎร์บังหลวงเต็มไปหมด เพียงเพื่อให้ตัวเองเป็นรัฐบาลได้ กลับกลายเป็นเรื่องธรรมดา แล้วนี่สังคมไทยไม่ล่มสลายแล้วเมื่อไหร่จะล่มสลาย

         ถ้าไม่มีพวกเราลุกขึ้นมา 193 วัน ป่านนี้ประเทศไทยเป็นอะไรไปแล้ว คุณสมัคร สุนทรเวช กำลังจะแก้รัฐธรรมนูญ เราย้อนหลังไปนิดนึง ผมอยากจะเตือนความจำ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ และพรรคประชาธิปัตย์ วันนั้นถ้าไม่มีพวกเราออกไปต่อสู้ วันนี้เขาแก้รัฐธรรมนูญเรียบร้อยแล้ว คุณทักษิณถูกนิรโทษกรรมด้วยการแก้รัฐธรรมนูญกลับมา คุณทักษิณมีอำนาจต่อไปได้
        
         จินดารัตน์ - คุณอภิสิทธิ์ก็เป็นผู้นำฝ่ายค้านต่อไป
        
         สนธิ - ต่อไปตลอดชีวิต ที่สำคัญคือการสู้ของพวกเรานั้นสู้ด้วยจิตที่บริสุทธิ์ที่สุดไม่เคยหวังอะไรเลย มีพวกเราใครบ้างที่เคยได้อะไร ไม่เคย
        
         จินดารัตน์ - มันเจ็บใจ
        
         สนธิ - มีแต่พ่อแม่น้องโบว์ ที่ต้องเสียลูกสาวที่ตัวเองรักหวงแหนไป มีแต่แจ๊ค ชุมพร ขาต้องขาด กลายเป็นคนขาเดียว ผมยังจำได้ว่าผมรับปาก แจ๊ค ชุมพร เขาว่าส่วนตัวผมจะช่วยเขา 500,000 บาท ผมไม่ลืมผมอยากจะพูดให้เขาได้ยิน ว่ารอสักนิดหนึ่ง รอให้ผมมีเงินอีกสักหน่อยเดี๋ยวผมจะไปให้เขา คุณตี๋เท้าขาด ตี๋ ชิงชัยแขนขาด คนพวกนี้คือคนที่ เป็นเหมือนคนในยุคเยอรมนี ที่เห็นพรรคนาซีแล้วยอมไม่ได้ ลุกขึ้นมาเพื่อให้พรรคนาซีหยุด ถ้าไม่มีการตาย ถ้าไม่มีอะไรทั้งสิ้น ไม่มี 193 วัน แล้ว 193 วันจากวันแรกจนถึงวันสุดท้าย เหลืออยู่ประเด็นเดียวที่เราสู้มาตลอดและไม่เคยเปลี่ยน คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เรื่องอื่นเลย ถูกพลิกแพลงถูกบิดเบือนทุกอย่าง

         การที่เราไปสนามบินสุวรรณภูมินั้น เราไปเพราะว่า คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กำลังจะเดินทางกลับมาจากอเมริกาใต้ เราจะไปประท้วงคุณสมชายที่นั่น เราไม่ได้ไปปิดสนามบินสุวรรณภูมิ หลักฐานในที่ประชุมของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ที่คุณวุฒิพันธ์ เป็นประธานตอนนั้น ก็พิสูจน์ชัดเจนว่า คุณเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ เป็นคนสั่งปิดสนามบิน ไม่ใช่เรา ก็ถูกบิดเบือนว่า เราเป็นคนปิดสนามบิน เพราะฉะนั้นการถูกบิดเบือน การถูกใส่ร้าย การถูกทำร้ายด้วย M79 มันเป็นส่วนหนึ่งของการทำลายพวกเรา แล้วพวกเราทำเพื่ออะไร เพื่อให้ชาติบ้านเมืองอยู่ได้ เพื่อไม่ให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ แล้ววันนี้ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ บอกว่า เขาเป็นหนี้บุญคุณ คุณเนวิน ชิดชอบ เขาไม่รู้จักพันธมิตรฯ
 
         ผมจะบอกอะไรให้อย่างนึงคุณแอน ผมเชื่อในเรื่องเวรกรรม ผมเชื่อมาก ใครก็ตามไม่รู้ถึงบุญคุณแผ่นดิน พันธมิตรฯ รู้ถึงบุญคุณแผ่นดิน สู้ให้กับแผ่นดิน ไม่ได้หวังอะไรเลย คุณอนุพงษ์ เผ่าจินดา คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ พูดตลอดเวลา เสื้อแดง เสื้อเหลืองคือตัวป่วนบ้านป่วนเมือง แค่พูดออกมาแค่นี้ก็ชี้ให้ถึงวุฒิภาวะทางปัญญาของคนๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารบก อีกคนเป็นรองนายกรัฐมนตรีว่า ไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว 193 วันที่เราตายไป วันนี้จบลงสิ้น ใครมีอำนาจ ใครได้ลาภใครได้ยศ ก็พวกคุณทั้งนั้น ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ คุณอนุพงษ์ยังอยู่เป็นผู้บัญชาการทหารบก พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคยเผาบ้านเผาเมืองใครไหม ไม่เคย
        
         จินดารัตน์ - เคยขู่จะจับลูกเมียใครเป็นตัวประกันไหม
        
         สนธิ - ไม่เคย มีแต่เคยถูกยิงด้วย M79 M16 ผมโดนยิงด้วยลูกปืน ตำรวจสลายการชุมนุม คนตายไป 10 กว่าคน พิการไป 20-30 คน บาดเจ็บเป็นร้อยๆ คน เราได้อะไรบ้าง เราได้อยู่อย่างเดียว เรารักษาชาติ ศาสนา และราชบัลลังก์เอาไว้แค่นั้นเอง แต่คนอื่นเข้ามานั่งจากผลพวงตรงนี้แล้วบอกว่า เสื้อแดงเสื้อเหลืองคือตัวป่วน
        
         จินดารัตน์ - ที่น่าเจ็บใจคือตรงนี้แหละคะคุณสนธิ เพราะว่า นอกจากผู้บริหารประเทศ หรือ ผบ.ทบ.แล้ว มันยังมีคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่ชอบเปรียบเทียบว่า เห็นไหมพวกเสื้อแดงเสื้อเหลืองออกมาป่วนบ้านป่วนเมือง แต่เขาไม่คิดว่าเสื้อเหลืองออกมาสู้เพื่อใคร เสื้อแดงออกมาสู้เพื่อใคร มันน่าเจ็บใจ เพราะพี่น้องพันธมิตรฯ หลายคนรู้สึกโกรธแค้นเมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้ คุณสนธิคิดว่า วันนี้คำพูดเหล่านี้มันโดนกรอกหูทุกวันโดยสื่อเลือกข้างก็แล้วแต่ จะทำให้พันธมิตรฯ ฝ่อลงไป เล็กลงไปไหม หรือแม้แต่ย่อท้อไม่เอาอีกแล้ว สู้ไม่ไหวแล้ว
        
         สนธิ - การเป็น ผมไม่อยากใช้คำว่าพันธมิตรฯ ผมอยากใช้คำว่า การรักชาติรักบ้านรักเมือง
        
         จินดารัตน์ - คนรักชาติรักบ้านรักเมือง
        
         สนธิ - คนรักชาติรักบ้านรักเมือง ต้องอดทน ต้องอดทน เรากำลังสู้กับอธรรมหลายรูปหลายแบบ อสูรกายมันมีหลายแบบ บางคนก็แปลงเป็นมนุษย์ บางคนก็แปลงเป็นคนดีแต่จิตใจชั่วช้า ที่สำคัญคือ หลักเราแน่นไหม เหมือนผมทุกวันนี้ หลักผมแน่น ผมมั่นใจ ผมไม่หวั่นไหว ไม่ว่าจะมีภัยมาผมก็ไม่หวั่นไหว ไม่ว่าจะมีอะไรผมก็ไม่หวั่นไหว ไม่ว่าใครจะพูดอะไรผมก็ไม่หวั่นไหว เพราะว่าผมเอาธรรมนำหน้า
 
         ผมเคยพูดให้พี่น้องประชาชนฟังมาหลายครั้ง บอกได้ครั้งแรกที่ออกมาสู้กับคุณทักษิณ พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านบอก สนธิให้เอาธรรมนำหน้า ผมไม่เข้าใจคำว่า ธรรมนำหน้าคืออะไร มาช่วงหลังผมถึงเข้าใจ ยืนอยู่บนความจริง ยืนอยู่บนความถูกต้อง ความจริงกับความถูกต้องมันจะผิดไปไม่ได้ ก็มันพิสูจน์แล้ว เหมือนที่เราพิสูจน์แล้วว่า พระพุทธเจ้ามีจริง เราเชื่อไหม เราเชื่อ ถ้าเราเชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง เราเชื่อในพระธรรมคำสั่งสอนพระพุทธเจ้าไหม เราเชื่อ เพราะว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ที่พระธรรมคำสั่งสอนพระพุทธเจ้าไม่สามารถที่จะตอบไม่ได้ ตอบได้ทุกเรื่อง อธิบายได้หมดทุกเรื่อง มันเป็นความจริง มันเป็นสัจธรรม

         เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เรารู้เรายืนอยู่บนความจริง เรามีอยู่อย่างเดียวคือ ต้องมีขันติ อุเบกขา เพราะต้องมีขันติ อุเบกขา เราถึงจะมีตะบะได้ ถึงจะมีบารมีขึ้นมาได้ แต่กว่าจะถึงวันนั้นเราต้องผ่านขวากหนามขนาดไหน แต่คุณแอน ผมเชื่อว่า เมื่อผมแก่ตัวลงไป ซึ่งผมก็แก่แล้ว แก่มากกว่านี้อีก ผมเชื่อว่าวันหนึ่งซึ่งผมตายไป ผมนอนตายตาหลับ คนบางคนมีอำนาจวาสนา ยิ่งใหญ่ บางคนเป็นรองนายกฯ ผมอยากดูวันซึ่งเขาไม่ได้เป็นรองนายกฯ แล้วผมอยากดูวันที่โรคภัยไข้เจ็บที่อยู่ในตัวเขา
        
         จินดารัตน์ - มันสำแดงฤทธิ์
        
         สนธิ - มันสำแดงฤทธิ์ออกมา เหมือนสำแดงฤทธิ์ให้คุณสมัคร ผมอยากจะไปยืนข้างๆ เตียงในวันที่เขาใกล้ตาย ผมจะจับมือเขาแล้วบอกว่า ให้นึกถึงพุทโธ พุทโธ นึกถึงพุทโธไว้มากๆ คุณอาจจะโชคดี เพราะชีวิตคุณทำกรรมมามาก ตายอย่างทนทรมาน แก่ตัวอย่างไร้ศักดิ์ศรี สิ้นไปอย่างไม่มีความหมาย แล้วพลอยให้ลูกหลานที่ใช้นามสกุลตัวเองนั้นถูกดูถูกเหยียดหยาม มันวัดกันตรงนั้นนะคุณแอน มันไม่ได้วัดกันตรงที่วันนี้ ตำแหน่งรองนายกฯ ตำแหน่งรัฐมนตรี ไม่ได้วัดกันตรงนี้ การวัดตรงนี้คือการหลงในโมหะโทสะ กิเลส
        
         จินดารัตน์ - สวมหัวโขน
        
         สนธิ - สวมหัวโขน งงไปหมด ไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองคือใคร เข้ามาเพื่ออะไร ถ้ารู้ตัวเองคือใคร เข้ามาเพื่ออะไร ทำงานเพื่อส่วนรวม เพื่อแผ่นดิน ต้องซื่อสัตย์ ที่สำคัญต้องกล้าหาญตัดสินใจ อย่าไปยึดติด คนที่ยึดติดวันนี้ที่อยากอยู่ในตำแหน่งต่อไป เป็นคนที่ไม่เข้าใจพระธรรมคำสั่งสอน ไม่เข้าใจว่าทุกอย่างในโลกล้วนอนิจจัง มันอนัตตาหมด มันไม่มีอะไรจริงๆ วันนี้คุณสมัครมีอะไร
        
         จินดารัตน์ - ไม่มีอะไรเหลือ
        
         สนธิ - แม้กระทั่งคนอย่างคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ไม่มีอะไร คุณทักษิณมีอะไร มีแต่ทวิตเตอร์ แค่นั้น แสดงออกความมีกิเลสด้วยทวิตเตอร์ตัวเอง
        
         จินดารัตน์ - เป็นเครื่องระบายอารมณ์
        
         สนธิ - เป็นเครื่องระบายอารมณ์ ไม่มีอะไร แต่ชีวิตผมมีความเย็นฉ่ำอยู่ในใจ เพราะผมรู้ผมทำอะไรให้ชาติบ้านเมือง ผมมองตาคุณแอนสนิทใจ คนที่ผมเอ่ยชื่อมาหลายคนที่ด่าผมว่าผม มองตาผมในใจต้องหลบทันที เพราะเขารู้ว่าของผมของจริงของเขาของปลอม นักหนังสือพิมพ์บางคนที่เขียนด่าผมทุกวันนี้ เขียนเว็บไซต์ด่าผม รับเงินคุณทักษิณมาเท่าไหร่เพื่อด่า บางคนทำเก่งกล้าฉกาจฉกรรจ์ ที่ดินของตัวเองก็เป็นที่รุกป่าสงวน ทำผิดอยู่เต็มตัวแต่ทำเก่ง คนพวกนี้เป็นของปลอม เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อทุกอย่างเป็นอนัตตา เป็นความว่างเปล่า ชีวิตมีแต่ความว่างเปล่า เพราะฉะนั้นแล้วอะไรที่ไม่ว่างเปล่า คือการทำคุณงามความดีให้แผ่นดิน
        
         จินดารัตน์ - ชื่อจะยังหลงเหลืออยู่
        
         สนธิ - แน่นอนครับ
        
         จินดารัตน์ - เดี๋ยวพักกันก่อนนะคะคุณสนธิ ช่วงหน้ากลับมามีข่าวลือหนาหูว่าจะมีกฐินสามัคคีรอบ 2 อีกแล้วสำหรับคุณสนธิ ถามว่าวันนี้คุณสนธิกลัวไหม คงได้คำตอบไปแล้ว แต่ว่ามันมีหลักการในความเชื่ออย่างหนึ่งว่า เมื่อสนธิ ลิ้มทองกุล ตายไปแล้วเสื้อเหลืองจะสูญสลายไปด้วยจริงหรือเปล่า ช่วงหน้ากลับมาคุยกันค่ะ

          จินดารัตน์ - กลับมาช่วงสุดท้ายรายการ แอน จินดารัตน์ เรากำลังคุยอยู่กับ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล คุยให้หายคิดถึงไปเลย เพราะว่า มีพี่น้องทางบ้านส่งข้อความมามากมาย ต้องเรียกว่า มากเป็นประวัติการณ์ของ SMS ในค่ำคืนวันนี้ ส่งเข้ามาส่วนใหญ่ คิดถึงและเป็นห่วงคุณสนธิ เรื่องที่มีข่าวลือ กันหนาหูมาก บอกว่า ต้องเอาตัวหัวให้ตายก่อน สีเหลืองกำจัดง่ายเลย ถ้าถึงเวลานั้น จะสูญสลายกันไปเอง
        
         สนธิ - ผมว่าเขาเข้าใจผิดอย่างที่ผมบอก ผมไม่เป็นวีรบุรุษของใคร ผมมีหน้าที่อะไรต้องทำ ผมจะทำ และผมเชื่อว่า การที่จะกำจัดผมไปคนหนึ่ง ไม่ได้แก้ปัญหาชาติบ้านเมือง และไม่ได้เป็นการขจัดอุปสรรค ที่จะทำให้เขาสามารถที่จะเข้าโกงกินชาติบ้านเมืองได้ ผมคิดว่า ปัญหาอุปสรรคใหญ่ที่สุด คือตัวเขาเอง คนที่คิดจะทำร้ายผม อุปสรรคใหญ่คือตัวเขา เพราะเขาคืออุปสรรคตัวเองเขาเอง คือความชั่วของเขา จะเป็นตัวทำลายเขา

         เพราะฉะนั้น ถ้าเขาคิดเป็น ถ้าเขารักชาติบ้านเมือง เหมือนที่พวกเรารักชาติบ้านเมือง เขาต้องหยุด และต้องมาร่วมกับเรา คนพวกนี้ สายตาสั้น ตาเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว ผมพูดมาหลายครั้ง บอกตลอดเวลาว่า การบริหารชาติบ้านเมือง ณ วันนี้ บริหารไม่ยาก ณ เวลาไหนก็บริหารไม่ยาก ถ้าเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง เพราะฉะนั้น คนบอกว่า น่าสงสารนายกฯคนโน้น คนนี้ ผมไม่สงสาร เพราะถ้าเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้งบริหารได้ทันที ความกล้าจะเกิดขึ้น เหมือนอย่างกรณีที่คนบอกว่า คุณสุเทพขัดขา ถ้าเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง คุณสุเทพขัดไม่ได้หรอก
        
         จินดารัตน์ - พอคุณสนธิพูดอย่างนี้ แอนนึกถึงคำพูดการวิเคราะห์ของบางคน เขาบอกว่า นายกฯกับรองนายกฯเล่นละคร
        
         สนธิ - ผมไม่อยากพูดขนาดนั้น ผมกำลังบอกว่า เมื่อใดก็ตาม คนที่อาสาเข้ามาทำงานให้ชาติบ้านเมือง ต้องเสียสละ และต้องกล้าหาญ การเสียสละ การกล้าหาญและการซื่อสัตย์ 3 ตัวนี้ คือการเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง

         ผมเคยวิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และผมก็ถามว่า ทำไมรัฐบาลทำไม่ได้ ปรากฏว่า มาดูลึกๆ ที่ทำไม่ได้ เพราะเอาเรื่องส่วนตัวเป็นตัวตั้ง เอาผลประโยชน์พรรคเป็นตัวตั้ง ถ้านายกฯอภิสิทธิ์เอาเรื่องส่วนรวมเป็นตัวตั้ง เรื่องหวยออนไลน์ แต่พอมาเรื่องตำรวจ ก.ตร. ท่านเอาเรื่องส่วนตัวเป็นตัวตั้ง ไม่ยอมเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง
         เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านจะเป็นลักษณะแบบนี้ ถ้าท่าน ปัญหาตำรวจ ปัญหา ก.ตร. ปัญหาคุณสุเทพ ถ้าท่านกล้าตัดสินใจเหมือนหวยออนไลน์ จบแล้ว แต่พอถึงเรื่องนี้ ท่านไม่กล้า เพราะว่ามีความเป็นนายกฯ ที่ต้องพึ่งพาเขา ก็เอาเรื่องส่วนตัว ถ้าอยากเป็นนายกฯต่อแต่ถ้าท่านตัดสินใจเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ท่านจะได้พวกเราหมดเลย
        
         จินดารัตน์ -ประชาชนอยู่ข้างท่านแน่ๆ
        
         สนธิ - ประชาชนอยู่ข้างท่านหมดเลย เหมือนกับที่ประชาชนชมท่านเรื่องหวยออนไลน์
        
         จินดารัตน์ - แต่ถ้ามองในมุมมองของคุณอภิสิทธิ์ ท่านนายกฯ ท่านอาจจะคิดอีกแบบว่า ถ้าไปกล้าตัดฉับอย่างนั้น แทนที่จะได้อยู่บริหารประเทศต่อ ทำสิ่งดีๆ ค่อยๆ ทำทีละอย่าง
        
         สนธิ - ไม่ใช่ คุณแอนเข้าใจผิด กรณีของตำรวจ 3 คน ที่ ก.ตร. โดยคุณสุเทพ บอกให้เสนอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เรื่องมันจบไปแล้ว คือ คุณสุเทพ อาจไปรับปากกับ พลเอกประวิตร หรือใครก็ตาม ว่า จะพยายามดูแลช่วยเหลือ พล.ต.อ.พัชรวาท อันนี้ไม่ผิด ขอกันไป คุณขอผม ผมขอคุณ ให้กันได้ แต่พอถึงขั้น ป.ป.ช.ตัดสิน ชี้มูลว่าผิด ต้องจบแล้ว ต้องมีกล้าหาญพอที่จะบอกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เรื่องคุณพัชรวาท จบแล้วนะครับ ผมช่วยอะไรไม่ได้แล้ว

         เพราะฉะนั้น การที่ทำแบบนี้ แสดงว่าไม่ยอมจบ ถ้าไม่ยอมจบ ชาติบ้านเมืองพังทลาย หลักการไม่มีเหลือ ทุกอย่างแตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะฉะนั้น ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เหมือนอย่างที่พระเจ้าอยู่หัวฯพูด ใครมีหน้าที่อะไร ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด

         เพราะฉะนั้น นายกฯเอง จะต้องกล้าหาญพอที่จะบอกคุณสุเทพ บอกว่าเรื่องคุณพัชรวาทจบแล้วนะ เพราะมันจบที่ ป.ป.ช.แล้ว ทำอะไรล้ำกว่านั้นไม่ได้ อุตส่าห์ยื้อเรื่อง ดึงเรื่องให้ ตั้งแต่ถูกพิจารณาว่า มีข้อหาทุจริตเรื่องงบประชาสัมพันธ์ ก็ยังไม่ให้พิจารณา ส่งเรื่องให้กฤษฎีกาตีความ ส่งให้ปลัดสำนักนายกเป็นคนจัดการ ซื้อเวลาตลอดเวลา จนกระทั่งสุดท้าย ถึงทางตัน คือ ป.ป.ช. ชี้แล้ว ต้องจบแล้ว ช่วยได้แค่นี้
        
         จินดารัตน์ - มันชัดเจนแล้ว ทุกคนก็รู้
        
         สนธิ - ถูกต้อง ต้องพอแค่นี้ หลักการตรงนี้ต้องยืน เพราะถ้าหลักการตรงนี้ไม่ยืน ทำลายหลักการตรงนี้เพียงต้องการให้มีชีวิตอยู่ต่อและทำงานให้ที่ตัวเองคิดว่า จะเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง มันกลับผิดหลักการมากขึ้น เพราะแค่หลักการตรงนี้ยังรักษาไม่ได้ และผมจะเชื่อใจได้อย่างไร ว่าอีกหน่วยคุณจะรักษาได้ ไม่ได้หรอก
        
         จินดารัตน์ - มาตรฐานท่านดูแกว่งๆ เรื่องหวยออนไลน์ ตรงเลย
        
         สนธิ - ท่านขึ้นยังงี้ไง พอมาเรื่องนี้ท่านยังงี้เลย เพราะฉะนั้นแล้ว ผมคิดว่า ปัญหานี้ใหญ่ เหตุผลหนึ่ง ซึ่งพวกเรา พวกมีอุดมการณ์ร่วมกัน เป็นพวกน่ากลัวสำหรับพวกที่ต้องการทำร้ายผม ก็เพราะพวกเรายืนในหลักการ พวกเราไม่กลัว และผมเชื่อมั่น อย่างน้อยที่สุด แกนนำที่เหลือ ทั้ง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง คุณพิภพ ธงไชย คุณสมศักดิ์ โกสัยสุข และ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ก็พวกเขามีความมั่นคง และมีจิตใจต่อสู้เพื่อความถูกต้อง

         ผมตายไปคน ไม่มีความหมายหรอก อย่างมากก็เคียดแค้นกัน เสียใจ แต่หลักการก็ต้องเดินต่อ อุดมการณ์ คือ มันไม่มีอะไรจะกลัว ถามว่า ระวังตัวไหม ก็ระวังตัว แต่ไม่มีอะไรจะกลัว
        
         จินดารัตน์ - แซวเล่นๆ ว่า มีหมอดูเคยทำนายดวงคุณสนธิว่า อายุ 99 หัวแม่โป้งเพิ่งเริ่มชา
        
         สนธิ - คือ ถ้ามีชีวิตอยู่เป็นภาระคนอื่น อย่าอยู่ ถ้ามีชีวิตแล้วเป็นประโยชน์ต่อสังคม ต่อชาติบ้านเมืองอยู่ไปเถอะ จะกี่ปีก็ตาม เหมือนพระเจ้าอยู่หัวฯ พระองค์ท่าน เป็นพ่อของแผ่นดิน มีประโยชน์กับชาติบ้านเมือง ขอให้พระองค์ท่าน มีชีวิตอยู่ไปตลอด บางคน แก่เพราะกินข้าว เฒ่า เพราะอยู่นาน ก็อย่าอยู่เลย แปลก สมัยนี้ คนอายุมากที่เคยมีชื่อเสียง ประวัติดี เสียผู้เสียคนหมด เพราะเงินตัวเดียว เสียคนตอนแก่จริงๆ ผมไม่รู้หนังสืองานศพจะเขียนถึงคนพวกนี้ยังไง คงเขียนยากนะ
        
         จินดารัตน์ - คุณสนธิ ช่วงสุดท้าย อยากให้คุณสนธิลองวิเคราะห์การเมือง ช่วงระยะเวลาเข้มข้นสั้นๆ เสื้อแดงกำลังหึ่ม นายกฯจะเอาอยู่ไหม สถานการณ์เมืองจะเป็นยังไง คุณทักษิณจะได้กลับมาอีกไหม
        
         สนธิ - คุณแอน และท่านผู้ชม ถ้าจำได้ ผมเคยพูดนานแล้ว ผมบอกว่า พลังสีแดงกับสีเหลืองที่สู้กัน คือพลังศีลธรรม กับพลังที่ไม่ถูกต้อง พลังสีแดง เสื้อแดง สู้อยู่ประเด็นเดียวคือ ให้คุณทักษิณกลับมา ไม่สนใจว่า คุณทักษิณทำอะไรผิดมาก่อน แต่ตะแบงว่าคุณทักษิณต้องกลับมา และโกหกพวกเสื้อแดงเยอะ พวกแกนนำ ว่า คุณทักษิณช่วยคืนหนี้ไอเอ็มเอฟ ซึ่งนี่ก็เป็นข้อโกหก

         คือหนี้ไอเอ็มเอฟต้องให้เครดิต พรรคประชาธิปัตย์ เขาทำเศรษฐกิจดีขึ้นแล้ว ทำให้เขาสามารถคืนเงินได้เร็วก่อนล่วงหน้า เขาหยุดเงินกู้งวดสุดท้าย เมื่อหยุดแล้ว ทำให้การจ่ายเงินเร็วขึ้น คุณทักษิณเลยมาเอาประโยชน์ตรงนี้ ตรงนี้ คนก็ไม่เข้าใจ

         บอกว่า คุณทักษิณอยู่ ทำให้ราคายางสูง ก็โกหกอีก ที่ราคายางสูง เพราะเศรษฐกิจจีนโต และจีนกำลังเริ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ ความต้องการยางสูง ทำให้ยางในประเทศไทยสูง สูงจนกระทั่งทุกวันนี้ คุณทักษิณ โกหกอีก

         คุณทักษิณ ทำให้เศรษฐกิจดี ไปศึกษาดู ช่วงคุณทักษิณอยู่ จีดีพีที่คุณทักษิณคุยนักหนาของประเทศไทย ยังแพ้ลาว ลาวยังสูงกว่าเรา ของเราก็ขึ้นแต่ระดับไม่สูงนัก มีสูงกว่าเราเยอะ เวียดนามก็สูงกว่าเรา อินโดนีเซียก็สูงกว่าเรา มาเลเซียก็สูงกว่า ซึ่งก็สูงกันหมดทั่วภูมิภาค นี่ก็โกหกอีกแล้ว

         บอกคุณทักษิณไม่เคยกู้หนี้ ใครบอก คุณทักษิณกู้ไป 1.7 ล้านล้าน ทำโครงการ ดูตัวเลข อยู่ที่กระทรวงการคลังมีหมด ของพวกนี้ ผู้นำเสื้อแดงเอาไปโกหกพวกเสื้อแดงด้วยกัน พวกเสื้อแดงก็เลย บางทีเวลามีเรื่องราว พวกเสื้อแดงร้องลั่น ไปไล่คุณทักษิณทำไม คุณทักษิณไม่ผิด คุณทักษิณทำชาติบ้านเมืองเจริญ

         ทีนี้ พวกเราลุกขึ้นเพื่อต่อต้านพลังชั่วร้าย คือคุณทักษิณ เมื่อสู้กันแล้ว ในที่สุด คุณทักษิณพ่าย เพราะตอนนั้น ทหารเข้ามา ทีนี้พอเข้ามาเสร็จเรียบร้อย แทนที่จะเข้าใจเหตุการณ์ต่างๆ กลับมองว่า การยึดอำนาจเหมือนทุกครั้ง ที่ผู้ถูกยึดจะหลบหนีไปต่างประเทศและอยู่เงียบๆ และสมบัติพลัดกันชมต่อไป
 
         พล.อ.สุรยุทธ์ ท่านไม่สนใจอะไร ผมไม่อยากพูดถึงมากนัก เพราะท่านเป็นองคมนตรี ก่อนผมมีเรื่องพูดถึงท่านเยอะมาก ท่านทำอะไรไว้ท่านรู้อยู่แก่ใจ แล้วสิ่งที่ผมเคยพูดถึงท่านสมัยหนึ่งที่ตอนที่ท่านมีอำนาจอยู่ ถ้าคุณแอนไปเปิดรายการที่ผมออก ยามเฝ้าแผ่นดิน ดูดีๆ เป็นความจริงทุกอย่าง ไม่ผิด ผมเป็นคนแรกที่วิพากษ์วิจารณ์คุณสุรยุทธ์ จนกระทั่ง จำได้ไหมท่านให้ผมออกช่อง 11 รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ออก 11 วันแล้วท่านสั่งหยุด คนสงสัยท่านสั่งหยุดเพราะอะไร วันนี้เพิ่งจะถึงบางอ้อ
        
         จินดารัตน์ - ทราบแล้วหรอคะ
        
         สนธิ - ท่านยอมรับเอง ท่านบอกสมัยท่านเป็นนายกฯ ท่านคุยคุณทักษิณ 3-4 ครั้ง ก็คงจะมีสักครั้งคุณทักษิณบอกว่า คุณสุรยุทธ์ถ้าจะสมานฉันท์กันต้องให้คุณสนธิหยุดในเรื่องของช่อง 11 เพราะถ้าให้ผมออกต่อป่านนี้เมืองไทยไม่ใช่อย่างนี้
        
         จินดารัตน์ - ขนาดออกแค่ 11 วันนะคะ
        
         สนธิ - 11 วันนี่เปลี่ยนไปเยอะเลย ทีนี้พอเริ่มมีการเลือกตั้งขึ้นมา คุณทักษิณพร้อมหมดแล้วเพราะเครือข่ายเขาวางไว้หมด นั่นคือที่มาของพรรคพลังประชาชน คุณสมัครก็ขึ้นมา คุณทักษิณเลยจะใช้คุณสมัครแก้รัฐธรรมนูญ ที่เหลือ 193 วันก็เป็นประวัติศาสตร์ ไม่ต้องเล่าอีกแล้ว ทีนี้พอถึงสุดท้ายปังปั๊บ เขายุบพรรคพลังประชาชน ตรงนั้นเลยเกิดช่องว่างทางการเมือง เลยก่อให้เกิดกลุ่มอำนาจใหม่ที่มีความรู้สึกว่า ถ้าเราเข้ามาตอนนี้เราก็มาเสียบได้ เพราะฉะนั้นแล้ววิธีการเสียบก็คือจัดรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นมา โดยชูประชาธิปัตย์ หวังว่าพรรคประชาธิปัตย์จะขายภาพที่ดี ทุกคนหวังว่าน่าจะเอาชาติบ้านเมืองไปได้ แต่ปรากฏว่าเนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้เป็นการจัดตั้งประเภทกู้หนี้ยืมสิน เป็นหนี้เป็นสินเขา เป็นหนี้พรรคร่วม ก็เลยต้องปิดตาข้างนึงพายเรือให้โจรนั่ง ปล่อยให้เรือปล้นชาติปล้นแผ่นดิน
        
         จินดารัตน์ - เข้ามากอบโกยกัน
        
         สนธิ - กอบโกย แต่พยายามจะปกป้องเท่าที่จะสามารถปกป้องได้ แต่ปกป้องไป เมื่อไหร่ไปเหยียบตีนหัวหน้าโจร หัวหน้าโจรก็ขู่
        
         จินดารัตน์ - ลุกขึ้นมาเอาขันเคาะกะบาล 1 ที
        
         สนธิ - ขันเคาะกะบาลบอก เดี๋ยวไม่เป็นรัฐบาลนะ ก็เลยต้องยอมเขา เพราะฉะนั้นแล้วการเมืองขณะนี้มีตาอยู่จ้องอยู่ จ้องเพื่อให้พวกเราลุกขึ้นมาแล้วปะทะกับเสื้อแดง จะได้เข้าล็อกที่บอกว่า แดงกับเหลืองมันป่วนบ้านป่วนเมือง ถ้ามันปะทะกันปังปั๊บ ก็ถือโอกาสจัดการรวบหมดเลย คนบางคนก็สามารถเป็นนายกฯ ได้ทันทีจากการยึดอำนาจ ในขณะเดียวกัน ผมเชื่อว่าคนบางคนไม่คิดจะอยู่พรรคประชาธิปัตย์ต่อไป คือพรรคประชาธิปัตย์จะดีๆ ชั่วๆ เป็นพรรคที่อย่างน้อยที่สุดไม่เคยทำร้ายทำลายความรู้สึกประชาชน ไม่เชื่อถามคนใต้ดู แต่วันนี้พรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนไปเยอะ เปลี่ยนไปเพราะคนๆ เดียว ผมอยากให้พี่น้องชาวใต้พิจารณาให้ดีๆ คนๆ นี้แน่ใจเลย 100% จะไม่มีวันอยู่พรรคประชาธิปัตย์อีกต่อไป 100%
        
         จินดารัตน์ - เพราะทุกวันนี้คนแซวกัน
        
         สนธิ - พอมาถึงจุดขณะนี้มันเดินไม่ออก มันจะเดินออกได้ยังไง นายกฯ จะใช้อำนาจก็ไปติดหนี้บุญคุณ พอติดหนี้บุญคุณหลักการก็เสีย การคอร์รัปชั่นกระทรวงนี้ก็มีกระทรวงนั้นก็มี เพราะฉะนั้นแล้วนายกฯ ต้องพยายามเดินไต่ลวด
        
         จินดารัตน์ - ประคองกันที่สุด
        
         สนธิ - ประคองกันที่สุดโดยหวังว่าจะขายตัวนายกฯ ความซื่อสัตย์ของนายกฯ ความหล่อเหลาของนายกฯ ทุกอย่าง เอาน่าหยวนๆ น่า เห็นใจนายกฯ แต่ทุกคนไม่รู้ว่าความเห็นใจ ความหยวนนี้มันทำให้การเมืองเสียมากขึ้น ในที่สุดทำให้นายกฯ เสียด้วย ในที่สุดแล้วก็เสียด้วย เพราะว่าวันนี้บางคนซึ่งเคยร่วมกับรัฐบาลคุณทักษิณ บอกว่า ผมไม่เอาแล้วคุณทักษิณจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมไม่ยอม นัยของคนพวกนี้คุยกันภายในคือ ทักษิณพลาดเพราะจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ถ้าเราออกมาปกป้อง เราไม่จาบจ้วง เราไม่ยุ่ง จะโกงกินอะไรโกงกินไป แต่การโกงกินอันนี้ในที่สุดคือการทำลายสถาบันหลักทุกสถาบัน
        
         จินดารัตน์ - นี่หละที่คนเขากลัวกัน เขาบอกว่ามีกลุ่มนักการเมืองกลุ่มเดิมๆ หน้าเดิมๆ น่ากลัวกว่าทักษิณ ชินวัตร
        
         สินธิ - คนพวกนี้เลยไปมองว่าเขาเป็นเจ้าของประเทศไทย เปลี่ยนรัฐมนตรีก็เอาน้องสาวขึ้นมา
        
         จินดารัตน์ - สมบัติผลัดกันชม
        
         สนธิ - สมบัติผลักดันชมไง
        
         จินดารัตน์ - ข้ามหัวประชาชน 60 กว่าล้านคน
        
         สนธิ - ทั้งหมดอยู่ในมือคนไม่กี่คนเท่านั้นเอง โกงกินกันมหาศาล นี่คือการเมืองในปัจจุบัน ในขณะนี้และหาทางออกไม่ได้ด้วย
        
         จินดารัตน์ - คุณสนธิ พอฟังแบบนี้แล้วทักษิณอาจจะเป็นปัญหาที่ไม่ใหญ่สักเท่าไหร่ แต่อนาคต
        
         สนธิ - มันก็ใหญ่พอๆ กัน ทุกเรื่องใหญ่หมดตอนนี้
        
         จินดารัตน์ - ถ้าวันหนึ่งทักษิณหายไปจากสารระบบแล้ว ยังไงก็ไม่สามารถกลับมาได้แล้ว แดงก็หายไปแล้ว แต่กลุ่มนักการเมืองเข้มแข็งขึ้นทุกวัน ทั้งการคอร์รัปชั่น เงินทองที่เขามีอยู่ มันจะยิ่งน่ากลัวเพิ่มขึ้นไปอีกรึเปล่า
        
         สนธิ - ใช่ครับ น่ากลัว ด้วยเหตุนี้เราถึงยอมไม่ได้ เราก็ต้องสู้ทุกวิถีทาง เราต้องสู้ด้วยจิตวิญญาณของเรา เราต้องสู้เพื่อความถูกต้อง เราต้องสู้ในระบบ ในขณะเดียวกันอะไรก็ตามถ้ามันผิดศีลธรรม ผิดหลักการ คือวันนี้ถ้าใครมาทำลายหลักการ ผมยกตัวอย่างเรื่อง ป.ป.ช. ถ้าทำลายหลักการ ป.ป.ช. ป.ป.ช.ชี้แล้วยังไม่ฟังกัน หมายความว่า รัฐไทยไม่ใช่นิติรัฐอีกต่อไปแล้ว ผมเชื่อว่าพันธมิตรฯ ลุกขึ้นมาสู้ มันก็ต้องมีเหตุผล
        
         จินดารัตน์ - จริงๆ มันเป็นไปโดยธรรมชาติ
        
         สนธิ - เป็นไปโดยธรรมชาติจริงๆ
        
         จินดารัตน์ - เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้ ท่านผู้ชม ตี 5 ตื่นมาวิ่งกันค่ะ วิ่งทุกเช้าเตรียมตัวให้พร้อม ฟิตร่างกาย คุณสนธิต้องไปฝังเข็มให้หาย
        
         สนธิ - มันถอยไม่ได้คุณแอน ถ้าอุดมการณ์เราเหมือนกัน บ้านไฟไหม้เราจะนั่งดูอยู่เฉยๆ ได้ยังไง เราอุตส่าดับไฟกองนี้แล้วไฟกองนั้นยังครุกรุ่นอยู่ คือ เราดับไฟคุณทักษิณไปแล้ว ไฟนักการเมืองน้ำเน่าที่ยังโกงกินก็ยังอยู่ แล้วก็ใช้อำนาจบาทใหญ่ ลุแก่อำนาจ แม้กระทั่ง ป.ป.ช.ชี้มูลแล้วยังไม่ยอมรับคำตัดสินของ ป.ป.ช. ยังตะแบง แล้วถ้ายังตะแบงต่อไปแล้วถ้า ป.ป.ช.ยังชี้มูล แล้วถ้าเกิดอีกอาทิตย์หนึ่ง ป.ป.ช.ชี้มูลว่า ก.ตร.ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ถ้านายกฯ ยังไม่กล้าตัดสินใจเรื่องนี้
        
         จินดารัตน์ - เราเอายังไงดีคะ
        
         สนธิ - พันธมิตรฯ ก็ต้องประท้วงแล้ว นี่ผมยกตัวอย่างนะ เป็นความเห็นส่วนตัวผมนะ พันธมิตรฯ ก็ต้องประท้วงแล้ว อย่าใช้คำว่าพันธมิตรฯ ก็ได้ ประชาชนที่รักชาติรักบ้านรักเมือง ไม่อยากให้กติกา ไม่อยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างพังไป สำหรับผม คุณยิงผมแล้วคุณตรวจสอบคดีผมแล้วคุณทำเล่นๆ แล้วคุณก็เงียบหายไปผมยังทำใจได้นะ เพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัวผม ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวผม เป็นเรื่องที่ผมกรวดน้ำให้ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าคุณมาทำลายหลักการ ป.ป.ช.ซึ่งอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ แล้วคุณมีหน้าที่ต้องปกป้อง แล้วคุณไม่กล้าหาญพอจะปกป้อง แล้วคุณผ่องเรื่องนี้ไปที่กฤษฎีกา อีกอาทิตย์นึง อีกเดือนนึง คนไปร้อง ป.ป.ช.ว่า ก.ตร.ชุดนี้ปฏิบัติมิชอบ ถ้า ป.ป.ช.เกิดประชุมด่วนเรื่องนี้ แล้วเขาชี้ว่า ก.ตร.ปฏิบัติโดยมิชอบ แล้วถ้าวันนั้นรัฐบาลยังไม่กล้าตัดสินใจ จัดการกับ ก.ตร.ชุดนี้ ยังส่งให้กฤษฎีกาตีความอีก ตรงนั้นหละคือจุดที่ผมคิดว่า ประชาชนต้องประท้วงแล้ว ไม่จำเป็นเรื่องคุณทักษิณ นี่คือความกลัวที่คนไม่ทำงานเพื่อส่วนรวมกลัวพวกเรา
        
         จินดารัตน์ - เขาถึงบอก แหมก้างชิ้นโต กำจัดยากเหลือเกิน หนังเหนียวเหลือเกิน คุณสนธิวันนี้มีคุณผู้ชมทางบ้านส่งข้อความมาเยอะ แอนจะเลือกอ่าน จากชุมแพ สถานการณ์ปัจจุบันถึงข้างหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป คุณสนธิตอบแล้วนะคะ กทม. บอกว่าเมื่อเดือนธันวาคมได้ดูฟรีทีวี ขวัญชัยเสื้อแดงไปปิดล้อมวัดหลวงตามหาบัว จริงหรือเปล่า
        
         สนธิ - ธันวาคม ผมไม่ทราบ
        
         จินดารัตน์ - จากปทุม ขอให้คุณสนธิสู้ๆ รักคุณสนธิมาก หาดใหญ่ อยากให้คุณสนธิเขียนคอลัมน์ใน ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ จะรออ่าน มีโอกาสเป็นไปได้ไหมคะ
        
         สนธิ - พอไหวครับ
        
         จินดารัตน์ - กทม.อีกสายหนึ่งบอกว่า คิดถึงคุณสนธิมากนะคะ คุณลงมงคลบอกว่า เราต้องปกป้องตัวเอง เพราะเราพึ่งพาตำรวจไทยไม่ได้อีกต่อไปแล้ว และดีใจที่เห็นคุณสนธิอีกครั้งหนึ่ง พันธมิตรฯ บ้านโป่งบอกว่า เราจะต้องโค่นระบอบทักษิณให้หมดซากไปจริงๆ อีกสายนึงจาก กทม.บอกว่า เมื่อไหร่คุณสนธิจะมาจัดรายการที่ ASTV อีก มีโอกาสไหมคะ
        
         สนธิ - มีครับ ผมคิดว่าอาจจะต้องให้พรรคการเมืองใหม่มาซื้อเวลา เพราะผมเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่แล้ว ผมอาจจะเอาเวลากู๊ดมอร์นิ่งไทยแลนด์กลับมาอีกที
        
         จินดารัตน์ - อ๋อเวลาเดิมตอนเช้า
        
         สนธิ - เวลาเดิมตอนเช้า เพราะว่าราคาที่ขายตอน 06.00 น.มันถูก
        
         จินดารัตน์ - พรรคการเมืองใหม่ไม่ค่อยมีตังค์ จากคุณลีลูกจีนรักชาติ บอกว่า คิดถึงและเป็นห่วงคุณสนธิมาก ขอให้สุขภาพแข็งแรง จากพี่ติ๋ว ดี.ซี. มาไกลเลยนะคะ ดีใจที่เห็นคุณสนธิ พันธมิตรฯ ดี.ซี.ยืนหยัดสู้ ให้กำลังใจคุณสนธิตลอดเวลา แล้วอีกหลายสายอีกหลายข้อความที่ส่งมาทาง SMS วันนี้ต้องขอบคุณคุณผู้ชมเป็นอย่างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำลังใจที่ให้คุณสนธิ รู้ใช่ไหมคะว่ามีคนเป็นห่วงเยอะ
        
         สนธิ - ทราบครับ แล้วก็ไม่รู้จะเอ่ยคำว่าขอบคุณให้ซาบซึ้งไปกว่านี้ได้อย่างไร เอาเป็นว่าทุกวันนี้อุดมการณ์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น ถ้าเห็นผมหายเงียบไปไม่ได้แปลว่าผมเลิกต่อสู้ แต่ว่าอย่างที่เรียนให้ทราบว่า ผมก็เหมือนนักรบ พอยามสงบผมก็ไปทำไร่ไถนา พอยามต้องสู้อริราชศัตรู ผมก็ทิ้งจอบทิ้งเสียม หยิบดาบหยิบหอกมาสู้รบต่อ เพียงแต่ว่าผมไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษ ไม่ได้คิดว่าตัวเองดัง อยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมเนื้อเจียมตัว ไปไหนมาไหนนอกจากคนที่ดูแลความปลอดภัยแล้ว เดินทางไปต่างประเทศก็ไปคนเดียว เช็กอินก็เช็กอินธรรมดา เดินผ่านศุลกากรก็ธรรมดา ตม.ก็ธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ
        
         จินดารัตน์ - มีคนแอบเห็นคุณสนธินั่งกินกาแฟอยู่มุมตึกที่ต่างประเทศ
        
         สนธิ - จริงรึเปล่า ไม่ใช่มุมตึกเข้าใจผิด นั่งบนพื้นเลยครับ นั่งยองๆ กินกาแฟ สูบบุหรี่ นั่งดูรถราผ่านไปจิตใจล่องลอยไป
        
         จินดารัตน์ - เดี๋ยววันหลังจะเอาภาพมาให้ดู เดี๋ยวให้คุณผู้ชมดูว่าคุณสนธิก็เป็นคนธรรมดาคนนึง ไปเมืองนอกก็ไปคนเดียวอยู่คนเดียว นั่งกับพื้นมุมตึก คุณสนธิบอกว่าวันนี้ไม่เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนอย่างเดียวคือ อายุมันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ต้องถามคุณผู้ชมทางบ้านว่า แล้ววันนี้คุณผู้ชมพร้อมจะออกมาต่อสู้ทุกเมื่อด้วยหรือเปล่าคะ ขอบคุณทุกสาย ขอบคุณทุกการรับชม และทุกๆ กำลังใจ วันนี้ขอบคุณคุณสนธิเป็นอย่างสูง พรุ่งนี้เป็นประธานในพิธีเปิด
        
         สนธิ - พรรคการเมืองใหม่
        
         จินดารัตน์ - ที่ทำการพรรคการเมืองใหม่ ขอบพระคุณค่ะให้กำลังใจค่ะ วันนี้ลาไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ





กำลังโหลดความคิดเห็น