xs
xsm
sm
md
lg

บทความ

x

หมายเหตุ:ปัญหาชายแดนใต้…ปาหี่รอบสอง!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปาหี่แหกตาประชาชนเรื่องการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้รอบแรกจบไปด้วยอาการหน้าแหกเย็บไม่ติดไม่ทันไร ก็มีปาหี่รอบใหม่ในเรื่องเดียวกันเกิดขึ้นอีกแล้ว คราวนี้ไปโผล่ขึ้นที่อินโดนีเซีย

“โจรใต้” ที่รับสมอ้างแสดงปาหี่รอบแรกใช้ชื่อว่า “กลุ่มใต้ดิน” แต่ตัวแสดงรอบที่สองนี้ใช้ชื่อใหม่ว่า “กลุ่มผู้นำชุมชนจังหวัดชายแดนภาคใต้”

ตัวละครกลุ่มใหม่ไปโผล่แสดงที่อินโดนีเซียแต่ไม่เปิดเผยชื่อหรือภาพให้เห็นว่าเป็นใคร มีความสำคัญอย่างไร มีบทบาทอย่างไรในเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

ที่สำคัญคือตัวกลางที่อ้างว่าเป็นผู้จัดการเจรจานั้นเป็นนักการเมืองระดับสูงของอินโดนีเซีย มีสายสนกลในโยงใยกับภริยาของนักการเมืองใหญ่คนหนึ่ง และคนที่อ้างตนว่าเป็นผู้แทนรัฐบาลไทยก็มีสายสนโยงใยเกี่ยวข้องเป็นกลุ่มเดียวกัน แม้ว่าภายหลังจะมีชื่อปรากฏเป็นทีมงานของนายสมัคร สุนทรเวช

เรื่องนี้แม้ว่าซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากกว่าปาหี่รอบแรก เพราะคนวางแผนและเขียนบทมีเชิงชั้นแพรวพราวยิ่งกว่าผู้กำกับการแสดงคนแรก แต่ก็พอเห็นได้ว่าเป็นเรื่องของการอ่อยเหยื่อ เพื่อให้นักการเมืองใหญ่บางคนฮุบเหยื่อนี้

พูดกันให้ถึงที่สุด เป้าหมายของการเล่นปาหี่ทั้งสองคราวเหมือนกัน เป็นแต่วิธีการและลีลาการแสดงซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากกว่ากัน แต่ที่น่าสมเพชก็คือเอาปัญหาใหญ่ของบ้านเมืองไปเป็นเครื่องมือแสวงหาอำนาจวาสนาในทางการเมืองเพื่อตนเองเท่านั้น

ทำไมถึงกล่าวว่าเป็นปาหี่รอบใหม่? ก็เพราะว่ามันเป็นเรื่องของการแสดงปาหี่ ไม่มีผลจริงแม้แต่สักเท่าขี้เล็บ


ก็อินโดนีเซียหรือนักการเมืองใหญ่ของอินโดนีเซียที่ทำตัวเป็นตัวกลางจัดการเจรจาเรื่องนี้เป็นใคร มีบทบาทและความสามารถที่จะพูดจาหรือเกี่ยวข้องกับขบวนการที่ก่อความไม่สงบอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่เพียงใด

ก็ต้องตอบว่าอินโดนีเซียก็เป็นประเทศที่มีปัญหาและไม่มีน้ำยาแก้ไขปัญหาแบ่งแยกดินแดนของตัวเองเลย

ปัญหาแบ่งแยกดินแดนที่เกิดขึ้นบนเกาะติมอร์ก็แก้ไม่ตก ในที่สุดก็ต้องเสียดินแดนโดยการแบ่งแยกติมอร์ด้านตะวันออก ออกไปเป็นประเทศติมอร์ตะวันออก

ปัญหาแบ่งแยกดินแดนที่เกิดขึ้นแถบอาเจะห์ก็ยังแก้ไม่ตก และยังเป็นปัญหาคาราคาซังมาจนถึงทุกวันนี้

แล้วใครเล่าที่เป็นส่วนสำคัญในขบวนการแบ่งแยกดินแดนของอินโดนีเซีย ทั้งติมอร์ตะวันออกและอาเจะห์

ก็เป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามเหมือนกัน แต่ต่างสำนักคิดกัน ในอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย พี่น้องมุสลิมส่วนใหญ่นับถือนิกายซุนหนี่ สำนักคิดชาฟาอี

ต้องขออภัยพี่น้องมุสลิมที่ต้องใช้คำว่านิกาย ทั้ง ๆ ที่ในอิสลามนั้นไม่นิยมเรียกนิกาย อย่างมากก็เรียกว่าสำนักคิด แต่ความจำกัดด้วยภาษา เมื่อใช้คำว่านิกายก็จะเข้าใจได้ง่ายกว่า จึงขอได้โปรดเข้าใจตามนี้

ส่วนพวกที่เกี่ยวข้องในการแบ่งแยกติมอร์และอาเจะห์ ถึงแม้จะเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามเหมือนกับประชากรส่วนใหญ่ของอินโดนีเซีย แต่มีสำนักคิดใหม่เข้าไปครอบงำ

รัฐบาลอินโดนีเซียและมาเลเซียไม่ต้อนรับสำนักคิดใหม่ที่ว่านี้และได้ทำการต่อสู้ทั้งทางหลักการแห่งศาสนา ตลอดจนการแพร่ขยายของสำนักคิดดังกล่าวมาเป็นเวลานานแล้ว

ส่วนในประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน สำนักคิดใหม่ที่ว่านี้ได้แผ่อิทธิพลเข้ามาในวงการศึกษาศาสนามาร่วม 20 ปีแล้ว มีสถาบันการศึกษาอิสลามหลายแห่งได้รับเอาสำนักคิดใหม่นี้ แม้ว่าการปฏิบัติภายนอกจะไม่แสดงตนให้ปรากฏก็ตามที
ดังนั้นการสนับสนุนจากสำนักคิดใหม่จึงโถมประดังหลั่งล้นทั่วไปในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และกำลังลุกลามเข้ามายังส่วนกลางและจังหวัดต่างๆ

สำนักคิดใหม่ที่ว่านี้เดิมตั้งหลักปักฐานอยู่ที่ซาอุดิอาระเบีย อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ของพระมหากษัตริย์แห่งซาอุดิอาระเบีย

ครั้นถึงพระมหากษัตริย์รัชกาลปัจจุบัน ทรงเห็นว่าสำนักคิดใหม่นี้เกี่ยวข้องกับชาติมหาอำนาจ จึงทรงตั้งความรังเกียจและทรงเลิกจ้างบรรดาครูผู้สอนศาสนาร่วมหมื่นคน

สำนักคิดใหม่นี้จึงจำต้องย้ายไปวางหลักปักฐานใหม่ในอัฟกานิสถานและปากีสถาน

ขบวนการอัลกออิดะห์ของโอซามะห์บินลาดินนั้นแม้เคยร่วมอยู่กับสำนักคิดนี้ แต่ในที่สุดก็เห็นว่ามหาอำนาจได้ครอบงำแทรกแซงและใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายอิสลามและมุสลิม จึงทำการต่อสู้กับอำนาจครอบงำเบื้องหลังนั้นอย่างเด็ดเดี่ยว

กลายเป็นขบวนการมุสลิมที่ทำการต่อสู้กับมหาอำนาจที่มุ่งร้ายหมายใช้อิสลามและมุสลิมทำลายอิสลามและมุสลิมตามยุทธศาสตร์โลกของชาติมหาอำนาจนั้น

เมื่อเป็นเช่นนี้อินโดนีเซียจึงไม่มีสมรรถนะหรือขีดความสามารถที่จะเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เลย และแท้จริงแล้วรัฐบาลอินโดนีเซียก็มีธาตุแท้ที่เป็นปรปักษ์กับสำนักคิดใหม่และขบวนการที่โยงใยอยู่ในภูมิภาคนี้

ปาหี่รอบสองจึงใช้ชื่อผู้แสดงว่ากลุ่มผู้นำชุมชนมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเผยนัยให้เห็นอยู่แล้วว่าไม่ใช่แกนนำหรือผู้มีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

ดังนั้นปาหี่เรื่องนี้ในรอบที่สองจึงไม่มีผลต่อสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ถึงกระนั้นก็มีผลต่อการเมืองในยามกลียุค

เพราะใครบางคนฮุบเหยื่อรายนี้แล้ว!
กำลังโหลดความคิดเห็น