ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ประเมินชะตากรรม “ทักษิณ” ดิ้นเฮือกสุดท้ายก่อนเพื่อไทยล่มสลาย ชี้ ส.ส.ไข่แม้วฆ่าตัวตายกลางสภาทั้งหยาบคาย และเนื้อหาไร้สาระ เชื่อกลุ่มงูเห่าท้าทายหวังให้ขับออกจากพรรค ประเมินสุดท้าย ส.ส.เหลือไม่ถึง 100 เสียง ยัน “กษิต” เป้าหมายใหญ่เพราะรู้ทันยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศ
วันนี้ (22 มี.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวประเมินสถานการณ์หลังเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ทำให้ พตท.ทักษิณ ชินวัตร และแกนนำ นปช.ต้องเหนื่อยยากลำบากขึ้น เพราะไม่สามารถลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล โดยเฉพาะตัวนายกรัฐมนตรีลงได้อย่างที่คิด ภาพรวมการอภิปรายยังเป็นการมุ่งทำลายความน่าเชื่อถือ ของบุคคลมากกว่าการตรวจสอบนโยบาย ที่ประชาชนอยากเห็น
แม้แต่การเปิดประเด็นไซฟ่อนเงิน 258 ล้านบาทที่โยงกับพรรคประชาธิปัตย์และบริษัท ทีพีไอ จริงๆ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้เวทีอภิปราย ก็สามารถยื่นเรื่องให้ กกต.และอัยการสูงสุด หรือศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว
นายสุริยะใสยังได้ตอกย้ำอีกว่า ประชาชนคงรับรู้ดีแล้วว่า พรรคเพื่อไทยเป็นเพียงกองกำลังส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในสภาเท่านั้น ไม่ใช่การทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างที่ควรจะเป็นตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะท่าทีที่ก้าวร้าว หยาบคายของ ส.ส.บางคน ได้ทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐสภาลงอย่างย่อยยับ เป็นที่อับอายไปทั่วโลก
จากนี้ไปกลุ่ม นปช.จะเคลื่อนไหวนอกสภารุนแรงมากขึ้นเพื่อหยุดรัฐบาลทุกวิถีทาง ซึ่งคงไม่ง่ายเช่นกัน เพราะนับวันยิ่งสูญเสียความชอบธรรม และการเกิดกลุ่มงูเห่าในพรรคเพื่อไทย ถือเป็นการท้าทาย พ.ต.ท.ทักษิณโดยตรง และหวังให้พรรคเพื่อไทยขับออกจากพรรค เพื่อย้ายพรรค ซึ่งคงไม่กล้าขับออก เป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่ายิ่งปล่อยสถานการณ์ไปแบบนี้พรรคเพื่อไทยจะแตกแยกกันภายใน จนอาจเหลือ ส.ส.ไม่ถึงร้อยคน
ส่วนกรณี นายกษิต ภิรมย์ ได้รับเสียงไว้วางใจน้อยกว่าคนอื่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะโครงสร้างทางอำนาจของรัฐบาล และรัฐสภาชุดปัจจุบันยังไม่ลงตัวยังไม่นิ่งพอว่าใครขั้วไหนกลุ่มไหน พรรคเล็กๆ 2-3 พรรคยังไม่กำหนดท่าทีว่าจะยืนอยู่กับใคร ระหว่างขั้วอำนาจไม่เอาระบอบทักษิณ กับขั้วจงรักภักดีต่อระบอบทักษิณ
แม้แต่นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปชป.ที่เพิ่งย้ายมาจากพรรคมัชฌิมาธิปไตย ที่งดออกเสียงให้นายกษิต ก็ย่อมชี้ให้เห็นวิธีคิดที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ เพราะการปลดนายกษิตไม่ใช่วิธีลดความขัดแย้งหรือสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช. นายเกียรติกร ควรตระหนักรู้ว่าถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้กลับมามีอำนาจอีกครั้งกลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่หยุดเคลื่อนไหว
ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์จะมองว่าเป็นเรื่องสิทธิของนายเกียรติกรไม่ได้ เพราะวิธีคิดแบบนี้อันตรายต่อยุทธศาสตร์ ของพรรคในฐานะแกนนำรัฐบาล ต้องทำความเข้าใจหรือตักเตือน ถ้าปล่อยไปจะทำให้สังคมเข้าใจว่าในพรรคประชาธิปัตย์มีคนคิดแบบนายเกียรติกร ไม่น้อยเช่นกัน
เชื่อว่านายกฯ คงไม่บ้าจี้ปลดนายกษิตออก เพราะการอยู่ในตำแหน่งของนายกษิต สร้างความยากลำบากให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะการใช้ยุทธศาสตร์ โลกล้อมประเทศถูกตอบโต้และรู้เท่าทันจากกระทรวงการต่างประเทศมากขึ้น เพราะฝีมือของนายกษิตนั่นเอง เป็นเหตุให้กลุ่มเครือข่ายระบอบทักษิณ ต้องเอาประเด็นปลดนายกษิต มาเป็นประเด็นนำ จากเดิมที่เอาเรื่องยุบสภาและแก้รัฐธรรมนูญมาเป็นประเด็นนำ