โฆษกมาร์คเชื่อคนไทยสาธุ หลัง “แม้ว” ขอลาไปรับใช้เขมร แนะขอยศสมเด็จมหาอัครเดโชจาก “ฮุนเซน” หลังถูกถอดยศและขอคืนเครื่องราชฯ ชี้ “แม้ว” หันไปใช้ SMS เล่นสงครามสื่อกับรัฐบาลไทย หลังสื่อสิ่งพิพม์ในมือเจ๊งหมด อัด “นพเหล่” ทำตัวเป็นโฆษกเขมร ไม่ปกป้องศักดิ์ศรีประเทศไทย
วันนี้ (6 พ.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทวิตเตอร์หลังจากรัฐบาลไทยมีท่าทีต่อประเทศกัมพูชา เหมือนเด็กได้ของเล่นโดยพาดพิงมายังรัฐบาล โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่าทำไมเด็กจัง และมีท่าทีโอเวอร์รีแอ็ก ซึ่งไทยมีท่าทีอ่อนน้อมที่สุดแล้ว แต่ด้วยความจำเป็นที่ต้องประกาศท่าทีเพื่อรักษาศักดิ์ศรีและเกียรติยศของประเทศไทย มิเช่นนั้นแล้วศักดิ์ศรีของประเทศก็จะไม่มี หาก พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวหาว่านายอภิสิทธิ์มีท่าทีรุนแรงเกินไปต่อรัฐบาลกัมพูชา ดังนั้น ตนอยากถามกลับต่อท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงกรณีที่มีการเผาสถานฑูต และเรียกฑูตกลับมา พร้อมประกาศอย่างแข็งกร้าวและกร้าวร้าวมากที่สุดว่า จะไปบุกประเทศกัมพูชาถึงกรุงพนมเปญ ตนจึงอยากถามว่าท่าทีอันไหนที่โอเว่อร์รีแอ็คมากกว่ากัน
นายเทพไทกล่าวว่า การแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาของสมเด็จฯ ฮุนเซน ถือเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งในยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศ และวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังเคลื่อนไหวกดดันใช้สมเด็จฯ ฮุนเซนเป็นหมากเดินเกมภายนอกประเทศ ขณะเดียวกันก็ใช้พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เป็นตัวขับเคลื่อนภายในประเทศ หากดูจากสื่อในเครือข่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกไว้ชัดเจนว่าใช้ 2 แนวทางเพื่อสยบความเคลื่อนไหว ซึ่งหมายถึง พล.อ.เปรม ติลณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ซึ่งตนไม่อยากบอกว่าเป็นการใช้ 2 แนวทางในการทำลายประเทศไทย
ส่วนข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลว่ามีการปิดกั้น sms นั้น นายเทพไทกล่าวว่า คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เปิดสงครามสื่อกับประเทศไทยมาหลายรอบและประสบความล้มเหลว ตั้งแต่หนังสือ Red News และ Voice of Taksin กำลังจะล้มเหลวขาดทุนและกำลังจะปิดตัวไป เพราะสื่อสิ่งพิมพ์คนต้องซื้อ เมื่อประชาชนไม่นิยมซื้อก็ทำให้ธุรกิจนี้ขาดทุนและต้องปิดไปแต่ เลยกลับมาใช้สื่อที่ลงทุนน้อยและบังคับให้ประชาชนเสพ คือสื่อ sms ฉะนั้น วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังเปิดสงครามสื่อโดยใช้ sms และรัฐบาลก็ไม่ได้ปิดกั้นตามที่กล่าวหา ก็ยังเห็นมี sms จากพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เป็นระยะ แต่รัฐบาลก็พยายามจะติดตามดูว่า มีข้อความใดบ้างที่หมิ่นเหม่ต่อความเสียหายต่อประเทศชาติ
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ขอกราบลาคนไทยไปทำงานให้กับประเทศกัมพูชานั้น ตนคิดว่าถ้อยคำนี้อาจทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หลงตัวเองและเข้าใจผิดว่าประชาชนคนไทยยังอาลัยอาวร การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตัดขาดการเป็นคนไทยด้วยตัวเอง เพื่อที่จะไปอยู่เขมร เป็นเรื่องที่คนไทยทั้งประเทศน่าจะอนุโมทนาสาธุ และคงไม่เสียดาย
นายเทพไทยังกล่าวว่า การที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ระบุว่าท่าทีของรัฐบาลรุนแรงเกินกว่าเหตุซึ่งสอดคล้องกับโฆษกรัฐบาลกัมพูชา ตนไม่เข้าใจว่าวันนี้นายนพดลมีฐานะเป็นโฆษกให้รัฐบาลกัมพูชาภาคภาษไทยในประเทศไทยหรือไม่ เพราะเป็นการแก้ต่างให้กับรัฐบาลกัมพูชามากกว่าปกป้องศักดิ์ศรีของประเทศไทย จึงอยากถามว่าหากนายนพดลต้องการปกป้องสมเด็จฯ ฮุนเซนและรัฐบาลกัมพูชาก็วครแสดงท่าทีเหมือนกับจ้านายที่ประกาศลาออกจากความเป็นคนไทย และไปพำนักและทำหน้าที่อยู่ในกัมพพูชา
ส่วนที่นายนพดลบอกว่าสมเด็จฯ ฮุนเซนแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งเหมือนกัน แต่นายนพดลคงลืมไปว่าที่เหมือนกันคือมาจากการการเลือกตั้งที่โกงมาหรือเปล่า หรือมีการใช้อำนาจเหนือระบบเหมือนกันหรือเปล่า ตนคิดว่าสมเด็จฯ ฮุนเซน และ พ.ต.ท.ทักษิณมีความแตกต่างกัน และมีความเหมือนกันอยู่หลายประเด็น
“สมเด็จฯ ฮุนเซนมาจากสงครามล้างเผ่าพันธุ์ ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรัฐบาลท่ามกลางการฆ่าตัดตอน พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มคนเสื้อแดง ขณะที่สมเด็จฯ ฮุนเซนก็เข้ามามีอำนาจต่อจากเขมรแดง และยศถาบรรดาศักดิ์ ในฐานะที่เป็นสมเด็จอัครมหาเดโชฮุนเซน แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อ สตช.ริบเครื่องราชฯ อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปขอยศสมเด็จมหาอัครเดโชจากกัมพูชา จะได้เป็นสมเด็จอย่างสมใจ และจากท่าทีของลิ่วล้อทั้งหมด ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคนเหล่านี้ไม่รู้สึกเจ็บปวดเหมือนคนไทยทั้งประเทศ ที่รู้สึกเจ็บปวด และสนับสนุนให้รัฐบาลมีท่าที แต่ชัดเจนมีคนส่วนหนึ่งยังแสดงท่าทีปกป้องกัมพูชาเสมือนไม่ใช่คนไทย”