เป็นไปตามคาด ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำพิพากษาเมื่อบ่ายวันที่ 9 กันยายน 2551 ว่านายสมัคร สุนทรเวช ขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเพราะฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กรณีจัดรายการทางโทรทัศน์รายการชิมไปบ่นไป และรายการยกโขยง 6 โมงเช้า โดยได้รับผลประโยชน์ตอบแทน เป็นผลให้ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันทีที่ศาลรัฐธรรมนูญพิพากษา
ลบล้างสิ่งที่นายสมัคร สุนทรเวช ได้ประกาศต่อหน้าพวกใส่เสื้อแดงที่อุดรธานีที่ว่าจะไม่ยุบสภา ไม่ลาออกจนสิ้น แสดงให้เห็นว่าในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์นั้นศาลรัฐธรรมนูญหาได้แยแสใดๆ ต่อสิ่งที่นายสมัคร สุนทรเวชได้ประกาศไป
นายสมัคร สุนทรเวช จึงไม่ได้ใหญ่คับฟ้ามาจากไหน ที่สุดแล้วก็อยู่ใต้ฟ้าเหมือนเราท่านนั่นแหละ
เมื่อนายกรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งในกรณีเช่นนี้ จึงเป็นผลให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่งทันทีตามไปด้วย
การพ้นจากตำแหน่งในกรณีเช่นนี้ทั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากอำนาจหน้าที่ทั้งปวงทันที ไม่สามารถรักษาการในตำแหน่งต่อไปได้ เพราะการจะรักษาการต่อไปได้หรือไม่นั้น ไม่เป็นไปโดยอัตโนมัติในทุกกรณี แต่จะต้องมีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญรับรองให้มีอำนาจรักษาการเฉพาะกรณีเท่านั้น นั่นคือกรณีที่มีการยุบสภา
นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเมื่อพ้นจากตำแหน่งในกรณีเช่นนี้ จึงไม่มีอำนาจหน้าที่รักษาการต่อไป ดังที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้ไว้นั้นแล้ว จึงเป็นอันว่าขณะนี้มีสุญญากาศทางการเมืองเกิดขึ้น และข้าราชการทั้งปวงจะไปยอมรับฟังหรือคำสั่งใดๆ ของพวกที่พ้นจากตำแหน่งไม่ได้โดยเด็ดขาด ใครฝ่าฝืนก็จะเป็นการทำผิดกฎหมาย
แล้วถามว่า กรณีจะเป็นอย่างไรต่อไป?
เมื่อคณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งเช่นนี้ รัฐธรรมนูญบัญญัติให้สภาผู้แทนราษฎรประชุมเลือกผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวัน
เมื่อคัดเลือกได้ตัวคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว สภาผู้แทนราษฎรต้องนำความกราบบังคมทูลพระมหากษัตริย์เสนอชื่อผู้นั้นเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้งต่อไป
ขอให้พิจารณารัฐธรรมนูญมาตรา 171 ก็จะเห็นชัดว่าเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ที่จะทรงแต่งตั้งหรือไม่ ความเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญนี้จะเกิดขึ้นได้เมื่อพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งเท่านั้น
กระบวนการคัดเลือกในสภาผู้แทนราษฎรเป็นแค่กระบวนการเบื้องต้นหรือเป็นเงื่อนไขในการเสนอชื่อผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ดังนั้นหากไม่ทรงแต่งตั้ง ก็ต้องคัดเลือกกันใหม่ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ
ที่แล้วๆ มาเมื่อสภาเสนอชื่อผู้ใด ก็จะทรงโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเสมอ จึงทำให้หลงลืมกันไปว่าพระมหากษัตริย์ไม่มีพระราชอำนาจเช่นว่านี้ ต้องไม่ลืมว่าที่แล้วๆ มานั้น บ้านเมืองไม่ได้อยู่ในวิกฤติที่สุดในโลก บ้านเมืองไม่ได้ตกอยู่ในสภาพใกล้ล่มจมและไม่ได้ตกอยู่ในสภาพที่นักการเมืองไร้ความรับผิดชอบถึงขนาดสร้างสถานการณ์ที่จะทำให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นเหมือนกับที่เป็นอยู่ในขณะนี้
ดังนั้นในสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ หากนักการเมืองยังคงเห็นแก่ตัวและพวกพ้อง เสนอชื่อคนที่ไม่เหมาะไม่ควรเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว พระมหากษัตริย์ก็ทรงมีพระราชอำนาจที่จะไม่ทรงแต่งตั้ง และเป็นที่สุดได้ ก็จะต้องพิจารณาคัดเลือกกันใหม่
พรรคร่วมรัฐบาลอีกห้าพรรคจึงต้องแบกรับเอาภารกิจนี้ในการพิจารณาทางการเมืองว่าจะเอาอย่างไรกันแน่ หากทำความผิดพลาดก็ต้องรับผิดชอบ บทเรียนที่พรรคร่วมรัฐบาลขาดความรับผิดชอบแล้วก่อให้เกิดกรณีพฤษภาทมิฬจนถูกกล่าวขานว่าเป็นพรรคมารแล้วต้องเอาหัวมุดดินนับสิบปีนั้นควรจะได้ตระหนักรับผิดชอบให้จงดี อย่าให้เกิดความผิดพลาดซ้ำอีก
การสรรหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีภาพลักษณ์ดี เป็นกลาง เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายและมีความสามารถที่เชื่อได้ว่าจะนำพาชาติออกจากวิกฤติได้จึงเป็นความจำเป็นสูงสุดของชาติในขณะนี้ และนี่คือความรับผิดชอบร่วมกันของบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
แล้วการที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางท่านแถลงว่าจะอุ้มคุณสมัคร สุนทรเวช กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกจะว่าอย่างไร
ก็เป็นสิทธิของท่านที่แถลงเช่นนั้น เพราะใครมีปากก็สามารถพูดอะไรก็ได้ แต่ที่พูดนั้นจะเป็นประโยชน์กับชาติบ้านเมืองหรือไม่และเป็นไปได้หรือไม่ย่อมเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
คุณสมัครย่อมรู้กระจ่างแก่ใจตัวเองดีว่าแม้อยากเป็นนายกรัฐมนตรีสักเพียงใด แต่เวลาและสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยให้เป็นนายกรัฐมนตรีที่จะเป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองได้อีกต่อไปแล้ว
ประการแรก สังขารไม่เอื้ออำนวย มีโรคภัยสารพัดที่กำเริบขึ้น ทุกวันนี้ก็นอนแทบไม่หลับ พักผ่อนแทบไม่ได้ จะหลับนอนที่ไหนก็ต้องลับลวงพรางร่ำไป
ประการที่สอง ครอบครัวลูกเมียพากันเดือดร้อนเป็นทุกข์ถ้วนหน้า จนบ้านช่องก็ไม่เป็นปกติสุข
ประการที่สาม คดีความต่างๆ รุมเร้าเข้ามาถึงตัวมากหลาย คดีอาญาเรื่องหมิ่นประมาทซึ่งศาลพิพากษาจำคุกเพราะทำความผิดหลายครั้งไม่หลาบจำ ก็จะตัดสินในชั้นอุทธรณ์ในวันที่ 25 กันยายนนี้ อาจถูกจำคุกไปเลยเพราะต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและไม่มีปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นสาระที่จะฎีกาได้ก็ได้ หากรับเป็นนายกรัฐมนตรีอีกก็ไม่ทันที่จะได้แถลงนโยบายเข้าทำงานก็ต้องพ้นตำแหน่งอีกแล้ว บ้านเมืองไม่ใช่ของเล่นที่จะทำเช่นนี้ได้ นอกจากนี้ยังมีคดีที่ ป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะวินิจฉัยอยู่อีกหลายเรื่องที่จะมีผลให้ต้องพ้นจากตำแหน่งอีก
ประการที่สี่ จะเป็นการเข้าทางพันธมิตรฯ ที่หากเป็นเช่นนั้นแล้ว มหาชนก็จะยิ่งพรั่งพรูออกมาไล่รัฐบาลจนต้องล้มไปในที่สุด
ด้วยสี่ประการนี้จึงยากที่นายสมัคร สุนทรเวช จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก
แล้วถามว่าถ้าไม่ใช่นายสมัคร สุนทรเวช แล้วจะเป็นใคร? ก็ต้องตอบว่าใครก็ได้ที่ไม่ใช่หุ่นเชิดตัวใหม่ เพราะสถานการณ์ในขณะนี้ไม่ใช่กรณีที่ไม่ต้องการหุ่นเชิดตัวหนึ่งแล้วจะยอมรับเอาหุ่นเชิดตัวใหม่แต่ประการใด หากยังดื้อรั้นเอาหุ่นเชิดตัวใหม่มาต่อยอดสืบทอดจากหุ่นเชิดตัวเดิมแล้ว ไม่เพียงแต่จะไม่ได้รับการยอมรับจนทำอะไรไม่ได้เท่านั้น แต่ผู้คนเขาจะพร้อมใจกันออกมากวาดล้างนักการเมืองน้ำเน่าจนเกลี้ยงแผ่นดินเป็นแน่นอน
นักการเมืองจะเห็นแก่ตัวเอาหุ่นเชิดตัวใหม่มายัดเยียดให้กับชาติบ้านเมืองแล้วถูกเขารื้อโรงหุ่นจนสิ้นซากหรือว่าจะมีสำนึกเห็นแก่ชาติเอาคนดีมีฝีมือมานำพาชาติออกจากวิกฤติที่สุดในโลก ทำให้ชาติไม่ล่มจม คงจะรู้กันในวันสองวันนี้.
ลบล้างสิ่งที่นายสมัคร สุนทรเวช ได้ประกาศต่อหน้าพวกใส่เสื้อแดงที่อุดรธานีที่ว่าจะไม่ยุบสภา ไม่ลาออกจนสิ้น แสดงให้เห็นว่าในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์นั้นศาลรัฐธรรมนูญหาได้แยแสใดๆ ต่อสิ่งที่นายสมัคร สุนทรเวชได้ประกาศไป
นายสมัคร สุนทรเวช จึงไม่ได้ใหญ่คับฟ้ามาจากไหน ที่สุดแล้วก็อยู่ใต้ฟ้าเหมือนเราท่านนั่นแหละ
เมื่อนายกรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งในกรณีเช่นนี้ จึงเป็นผลให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่งทันทีตามไปด้วย
การพ้นจากตำแหน่งในกรณีเช่นนี้ทั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากอำนาจหน้าที่ทั้งปวงทันที ไม่สามารถรักษาการในตำแหน่งต่อไปได้ เพราะการจะรักษาการต่อไปได้หรือไม่นั้น ไม่เป็นไปโดยอัตโนมัติในทุกกรณี แต่จะต้องมีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญรับรองให้มีอำนาจรักษาการเฉพาะกรณีเท่านั้น นั่นคือกรณีที่มีการยุบสภา
นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเมื่อพ้นจากตำแหน่งในกรณีเช่นนี้ จึงไม่มีอำนาจหน้าที่รักษาการต่อไป ดังที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้ไว้นั้นแล้ว จึงเป็นอันว่าขณะนี้มีสุญญากาศทางการเมืองเกิดขึ้น และข้าราชการทั้งปวงจะไปยอมรับฟังหรือคำสั่งใดๆ ของพวกที่พ้นจากตำแหน่งไม่ได้โดยเด็ดขาด ใครฝ่าฝืนก็จะเป็นการทำผิดกฎหมาย
แล้วถามว่า กรณีจะเป็นอย่างไรต่อไป?
เมื่อคณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งเช่นนี้ รัฐธรรมนูญบัญญัติให้สภาผู้แทนราษฎรประชุมเลือกผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวัน
เมื่อคัดเลือกได้ตัวคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว สภาผู้แทนราษฎรต้องนำความกราบบังคมทูลพระมหากษัตริย์เสนอชื่อผู้นั้นเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้งต่อไป
ขอให้พิจารณารัฐธรรมนูญมาตรา 171 ก็จะเห็นชัดว่าเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ที่จะทรงแต่งตั้งหรือไม่ ความเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญนี้จะเกิดขึ้นได้เมื่อพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งเท่านั้น
กระบวนการคัดเลือกในสภาผู้แทนราษฎรเป็นแค่กระบวนการเบื้องต้นหรือเป็นเงื่อนไขในการเสนอชื่อผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ดังนั้นหากไม่ทรงแต่งตั้ง ก็ต้องคัดเลือกกันใหม่ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ
ที่แล้วๆ มาเมื่อสภาเสนอชื่อผู้ใด ก็จะทรงโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเสมอ จึงทำให้หลงลืมกันไปว่าพระมหากษัตริย์ไม่มีพระราชอำนาจเช่นว่านี้ ต้องไม่ลืมว่าที่แล้วๆ มานั้น บ้านเมืองไม่ได้อยู่ในวิกฤติที่สุดในโลก บ้านเมืองไม่ได้ตกอยู่ในสภาพใกล้ล่มจมและไม่ได้ตกอยู่ในสภาพที่นักการเมืองไร้ความรับผิดชอบถึงขนาดสร้างสถานการณ์ที่จะทำให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นเหมือนกับที่เป็นอยู่ในขณะนี้
ดังนั้นในสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ หากนักการเมืองยังคงเห็นแก่ตัวและพวกพ้อง เสนอชื่อคนที่ไม่เหมาะไม่ควรเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว พระมหากษัตริย์ก็ทรงมีพระราชอำนาจที่จะไม่ทรงแต่งตั้ง และเป็นที่สุดได้ ก็จะต้องพิจารณาคัดเลือกกันใหม่
พรรคร่วมรัฐบาลอีกห้าพรรคจึงต้องแบกรับเอาภารกิจนี้ในการพิจารณาทางการเมืองว่าจะเอาอย่างไรกันแน่ หากทำความผิดพลาดก็ต้องรับผิดชอบ บทเรียนที่พรรคร่วมรัฐบาลขาดความรับผิดชอบแล้วก่อให้เกิดกรณีพฤษภาทมิฬจนถูกกล่าวขานว่าเป็นพรรคมารแล้วต้องเอาหัวมุดดินนับสิบปีนั้นควรจะได้ตระหนักรับผิดชอบให้จงดี อย่าให้เกิดความผิดพลาดซ้ำอีก
การสรรหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีภาพลักษณ์ดี เป็นกลาง เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายและมีความสามารถที่เชื่อได้ว่าจะนำพาชาติออกจากวิกฤติได้จึงเป็นความจำเป็นสูงสุดของชาติในขณะนี้ และนี่คือความรับผิดชอบร่วมกันของบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
แล้วการที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางท่านแถลงว่าจะอุ้มคุณสมัคร สุนทรเวช กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกจะว่าอย่างไร
ก็เป็นสิทธิของท่านที่แถลงเช่นนั้น เพราะใครมีปากก็สามารถพูดอะไรก็ได้ แต่ที่พูดนั้นจะเป็นประโยชน์กับชาติบ้านเมืองหรือไม่และเป็นไปได้หรือไม่ย่อมเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
คุณสมัครย่อมรู้กระจ่างแก่ใจตัวเองดีว่าแม้อยากเป็นนายกรัฐมนตรีสักเพียงใด แต่เวลาและสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยให้เป็นนายกรัฐมนตรีที่จะเป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองได้อีกต่อไปแล้ว
ประการแรก สังขารไม่เอื้ออำนวย มีโรคภัยสารพัดที่กำเริบขึ้น ทุกวันนี้ก็นอนแทบไม่หลับ พักผ่อนแทบไม่ได้ จะหลับนอนที่ไหนก็ต้องลับลวงพรางร่ำไป
ประการที่สอง ครอบครัวลูกเมียพากันเดือดร้อนเป็นทุกข์ถ้วนหน้า จนบ้านช่องก็ไม่เป็นปกติสุข
ประการที่สาม คดีความต่างๆ รุมเร้าเข้ามาถึงตัวมากหลาย คดีอาญาเรื่องหมิ่นประมาทซึ่งศาลพิพากษาจำคุกเพราะทำความผิดหลายครั้งไม่หลาบจำ ก็จะตัดสินในชั้นอุทธรณ์ในวันที่ 25 กันยายนนี้ อาจถูกจำคุกไปเลยเพราะต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและไม่มีปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นสาระที่จะฎีกาได้ก็ได้ หากรับเป็นนายกรัฐมนตรีอีกก็ไม่ทันที่จะได้แถลงนโยบายเข้าทำงานก็ต้องพ้นตำแหน่งอีกแล้ว บ้านเมืองไม่ใช่ของเล่นที่จะทำเช่นนี้ได้ นอกจากนี้ยังมีคดีที่ ป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะวินิจฉัยอยู่อีกหลายเรื่องที่จะมีผลให้ต้องพ้นจากตำแหน่งอีก
ประการที่สี่ จะเป็นการเข้าทางพันธมิตรฯ ที่หากเป็นเช่นนั้นแล้ว มหาชนก็จะยิ่งพรั่งพรูออกมาไล่รัฐบาลจนต้องล้มไปในที่สุด
ด้วยสี่ประการนี้จึงยากที่นายสมัคร สุนทรเวช จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก
แล้วถามว่าถ้าไม่ใช่นายสมัคร สุนทรเวช แล้วจะเป็นใคร? ก็ต้องตอบว่าใครก็ได้ที่ไม่ใช่หุ่นเชิดตัวใหม่ เพราะสถานการณ์ในขณะนี้ไม่ใช่กรณีที่ไม่ต้องการหุ่นเชิดตัวหนึ่งแล้วจะยอมรับเอาหุ่นเชิดตัวใหม่แต่ประการใด หากยังดื้อรั้นเอาหุ่นเชิดตัวใหม่มาต่อยอดสืบทอดจากหุ่นเชิดตัวเดิมแล้ว ไม่เพียงแต่จะไม่ได้รับการยอมรับจนทำอะไรไม่ได้เท่านั้น แต่ผู้คนเขาจะพร้อมใจกันออกมากวาดล้างนักการเมืองน้ำเน่าจนเกลี้ยงแผ่นดินเป็นแน่นอน
นักการเมืองจะเห็นแก่ตัวเอาหุ่นเชิดตัวใหม่มายัดเยียดให้กับชาติบ้านเมืองแล้วถูกเขารื้อโรงหุ่นจนสิ้นซากหรือว่าจะมีสำนึกเห็นแก่ชาติเอาคนดีมีฝีมือมานำพาชาติออกจากวิกฤติที่สุดในโลก ทำให้ชาติไม่ล่มจม คงจะรู้กันในวันสองวันนี้.