“สมเกียรติ” ย้ำพันธมิตรฯ ชุมนุมต่อเหตุ “พลังแม้ว” ดันคนเลวสืบทอดอำนาจ

“สมเกียรติ”ยันพันธมิตรฯ มีความชอบธรรมชุมนุมต่อ เหตุ “พลังแม้ว” เตรียมนำคนเลวกลับมาบริหารบ้านเมือง ขณะ รธน.มาตรา 69, 70, 71 ระบุบุคคลมีหน้าที่รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และปกป้องผลประโยชน์ของชาติ เสียใจ “เสนาะ” กลับไปหนุนคนโกงชาติ ที่ตัวเองเคยด่าเอาไว้

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย 

วานนี้ (9 ก.ย.) เวลา 23.00 น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีปราศรัย ภายในทำเนียบรัฐบาลว่าเมื่อ วันที่ 8 ก.ย. ที่ผ่านมานายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีได้สาบานต่อศาล รธน.ว่าตนไม่เคยได้รับค่าตอบแทนจากกรณีการจัดรายการชิมไปบ่นไปเลย ซึ่งหากตนเรียกร้องก็ขอให้เกิดความบรรลัย วายวอด ซึ่งผลตัดสินวันนี้ศาล รธน. ด้วยมติ 9:0 ก็ตัดสินความจริงออกมาแล้วว่า นายสมัคร ผิดจริงจนมีผลให้ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่านายสมัคร คงจะวอดวายไป ตามที่ได้เคยกล่าวสาบานเอาไว้

ทั้งนี้ การกระทำของพรรคพลังประชาชนที่จะเสนอชื่อนายสมัครเป็นนายกอีกครั้ง ถือว่ากำลังตบหน้าประชาชนเป็นครั้งที่สอง ซึ่งครั้งแรกนายสมัครและคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ เคยตบหน้าประชาชนโดยการที่ไม่ยอมออกจากตำแหน่งทั้งที่ ศาล รธน.เคยตัดสินแล้วเมื่อ 8 ก.ค. 51 ว่าแถลงการณ์ร่วมเขาพระวิหาร เป็นสนธิสัญญาต้องนำเสสนอขอความเห็นชอบต่อรัฐสภา ดังนั้น ครม.ทั้งชุดจึงกระทำความผิด และควรออกจากตำแหน่งตั้งแต่ครั้งนั้นแล้ว แต่วันนี้นายสมัคร ก็ยังดื้อด้าน ตบหน้าประชาชนอีกครั้ง ด้วยการไม่ยอมออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่ถึงแม้จะถูกศาล รธน. ตัดสินให้พ้นตำแหน่งแล้ว เพราะพรรคพลังประชาชน กำลังจะใช้แผนสกปรก ใช้เสียง ส.ส.ข้างมากในสภา โหวตให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

ซึ่งหลังจากนายสมัครถูกตัดสินให้พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปแล้วก็มีสื่อมวลชนจำนวนมาก ถามตนว่าเหตุใดพันธมิตรฯ จึงยังไม่ยุติการชุมนุม ตนก็ต้องของตอบว่า ตนเชื่อว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ยังมีความชอบธรรมในการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลชุดนี้อยู่ เห็นได้จากบทความที่ท่านผู้พิพากษาอาวุโส ในศาลภาษีอากรกลาง นายยินดี วัชระพงษ์ ต่อสุวรรณ ได้เคยเขียนเอาไว้ว่า “มาตรา 69 ของ รธน. กำหนดว่าบุคคลย่อมมีสิทธิ์ ต่อต้านโดยสันติวิธี ซึ่งการกระทำใดๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้อำนาจมาในการปกครอง โดยวิถีทางที่ไม่ได้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยที่บัญญัติไว้ใน รธน.นี้ซึ่งก็คือ การซื้อเสียง ดังนั้น เมื่อวันนี้คนของพรรคพลังประชาชน ได้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง จนศาลตัดสินให้ใบแดง และกำลังจะโดนยุบพรรคแล้ว ก็เป็นสิ่งที่บอกได้ว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯ ยังมีความชอบธรรมที่จะดำเนินต่อไป

นายสมเกียรติ กล่าวด้วยว่า หากมีใครมาถามหรือคิดจะมาจับกุมตัวผู้ชุมนุมอีก ก็ให้บอกคนเหล่านั้นไปเลยว่า พวกเรามาชุมนุมถูกต้องตามหลักกฎหมาย รธน. มาตรา 69 ข้างต้น และมาตรา 70 ที่บอกว่า บุคคลมีหน้าที่รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมไปถึงมาตรา 71 ที่ระบุว่า บุคคลมีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ซึ่งตนเชื่อว่าเมื่อบอกไปเช่นนี้แล้ว ก็คงไม่มีใครกล้ามาจับกุมผู้ชุมนุมอีก เพราะเราทุกคนมาเพื่อปกป้องชาติ และรักษาผลประโยชน์ของชาติ

นายสมเกียรติ ยังกล่าวถึงนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ด้วยว่า ตนรู้สึกเสียใจมากกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของนายเสนาะในวันนี้เป็นอย่างมาก เพราะเมื่อครั้งก่อน 19 ก.ย. นายเสนาะได้เคยขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ร่วมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาแล้ว โดยกล่าวสารพัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่าเป็นคนไม่ดี เป็นคนโกงชาติ โกงแผ่นดิน ควรขับไล่ให้พ้นแผ่นดิน และถามคนทั้งชาติว่า จะเอาทักษิณ หรือเอาประเทศไทย วันนี้ตนจึงอยากถามว่า สิ่งที่นายเสนาะกำลังทำอยู่ขณะนี้คืออะไร เหตุใดจึงส่งเสริมให้คนเลว ที่เป็นลิ่วล้อของระบอบทักษิณ มีอำนาจอยู่ในสภา โดยที่ไม่เคยอภิปรายถึงการบริหารบ้านเมืองโดยไม่ชอบธรรมของคนเหล่านั้นเลย

นายสมเกียรติ กล่าวด้วยว่า สภาในวันนี้ใกล้อับจนลงทุกที เพราะหากในวันศุกร์นี้รัฐสภาจะเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แล้วถ้าเลือกคนไม่ดีเข้ามา บ้านเมืองก็จะวิกฤติไปอีก ซึ่งตนก็เดาได้เลยว่าเสียงส่วนใหญ่ของสภา ก็คงจะเลือกคนเลวมาบริหารประเทศอีก ดังนั้นการชุมนุมของพันธมิตรฯ จึงจำเป็นต้องมีอยู่ต่อไป เพราะเราไม่อยากให้การชุมนุมในครั้งนี้ เป็นเหมือนการเตะหมูเข้าจมูกหมา หรือตีงูให้กากิน อย่างเมื่อครั้งเหตุการณ์ 14 ตุลา หรือ เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ที่เมื่อประชาชนยุติการชุมนุมแล้ว อำนาจนักการเมืองที่ฉ้อฉลก็กลับเข้ามาอีก แต่การชุมนุมของพันธมิตรฯ ในครั้งนี้เราจะดำรงอยู่จนกว่า ระบอบประชาประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะดำรงอยู่อย่างมั่นคงและยั่งยืนนั่นเอง