มติ พปช.เอกฉันท์ หนุน “หมัก” นั่งนายกฯต่อ ยันมีคุณสมบัติครบถ้วน อ้างพ้นสภาพนายกฯ ถือว่ารับโทษแล้ว ย้ำปฏิบัติถูกต้องตามกรอบ กม. ทำหน้าที่รักษาประชาธิปไตย และทำตามเสียงส่วนใหญ่ เตรียมรวบรัดโหวตในสภาวันศุกร์นี้
วันนี้ (9 ก.ย.) ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยคดีชิมไปบ่นไปของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน แถลงว่า พรรคมีจุดยืนเคารพคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายกฯ ก็แสดงท่าทีเคารพคำตัดสินของศาลมาตั้งแต่ต้น พรรคเคารพกฎหมายและระบบตุลาการ ซึ่งต่างจากกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่ไม่เคารพคำตัดสินของศาล
ร.ท.กุเทพ กล่าวต่อว่า แม้กรณีจะมีผลให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ นายสมัคร หมดไป แต่พรรคไม่หวั่นวิตก และการเมืองยังเดินหน้าต่อไปได้ กรณีที่นายกฯ ถูกคำวินิจฉัย การพ้นสภาพนายกฯ ก็ถือว่าได้รับโทษไปแล้ว และไม่มีบทบัญญัติใดห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง ความเป็น ส.ส.ก็ยังอยู่ ดังนั้นคุณสมบัติการเป็นนายกฯ ก็ยังมีครบถ้วน
“ดังนั้น ที่ประชุมพรรคมีมติเป็นเอกฉันท์สนับสนุนให้หัวหน้าพรรคกลับมาเป็นนายกฯ ต่อไป ในการเลือกที่ที่ประชุมสภา ตามที่ประธานสภาจะนัดหมายในไม่กี่วันจากนี้” ร.ท.กุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่า ในที่ประชุมมีการเสนอหรือไม่ หากยังให้ นายสมัคร กลับมาเป็นนายกฯ จะทำให้เหตุการณ์บานปลายและควรถามความเห็นจากพรรคร่วมรัฐบาลก่อน ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ที่ประชุมไม่มีความเห็นในทำนองดังกล่าว มีความเห็นเพียงทำนองเดียวเท่านั้นว่าจะใช้สิทธิสนับสนุนนายสมัครต่อไป เพราะการกระทำของนายสมัครไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรง และไม่ได้ทำความเสียหายต่อประเทศ เป็นเพียงความเข้าใจข้อกฎหมายคลาดเคลื่อน และการพ้นจากตำแหน่งก็ถือเป็นการลงโทษแล้ว
ต่อข้อถามว่า จะให้พรรคร่วมเสนอบุคคลอื่นขึ้นมาหรือไม่ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า เป็นข้อเสนอที่แกนนำแต่ละพรรคจะคุยกันต่อไป
เมื่อถามว่า ไม่ได้คิดเผื่อถึงกรณีคดีหมิ่นประมาท ที่ นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตผู้ว่าราชการ กทม.ฟ้อง นายสมัคร ใช่หรือไม่ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้คิดถึงขั้นนั้น ซึ่งที่ผ่านมาพรรคพลังประชาชนเคยพบกับความยากลำบากมาตลอด และก็พยายามต่อสู้เพื่อหาช่องทางเดินตามกรอบกฎหมาย ส่วนอนาคตจะมีปัญหาอย่างไรก็ต้องหาทางแก้ปัญหาไป
เมื่อถามว่า ได้มีการเสนอให้นายกฯ เสียสละ เพื่อผ่าทางตันหรือไม่ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ไม่จำเป็นเพราะวิกฤตที่เกิดขึ้น เนื่องจากคนจำนวนหนึ่งใช้บรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้องกดดันรัฐบาล ซึ่งการกระทำเข้าข่ายกบฏ แต่คนไม่สนใจ อีกทั้งการกดดันให้นายกฯ ลาออก หรือยุบสภาก็ไม่ใช่เป็นการผ่าทางตันแต่อย่างใด ทั้งนี้ การเลือกนายสมัครกลับมาไม่ได้แปลว่าพรรคดื้อด้าน แต่เราถูกกระทำมาโดยตลอด เมื่อศาลมีคำวินิจฉัยมาเช่นนี้ เราก็เดินไปตามกรอบกฎหมาย ซึ่งแม้มีคนส่วนหนึ่งขับไล่รัฐบาล แต่คนส่วนมากอยากให้รัฐบาลอยู่ต่อไป ซึ่งเราต้องต่อสู้ต่อไปเพื่อปกป้องประชาธิปไตย และต่อสู้กับการเมืองใหม่ที่พันธมิตรฯ ซึ่งไม่ใช่ประชาธิปไตยเต็มร้อย
ทั้งนี้ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ส่วนการเลือกนายกฯ จะมีขึ้นทันที ซึ่งทาง นายชัย ชิดชอบ ประธานสภา คงจะนัดหมายในเร็ววันนี้ ส่วนจะเป็นเมื่อไรก็คงแล้วแต่ประธานจะนัด โดยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 177 จะต้องเลือกใหม่ภายใน 30 วัน
ด้าน นายศุภชัย โพธิ์สุ รองโฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ที่ประชุมพรรคพิจารณารอบคอบแล้วที่จะเสนอ นายสมัคร เป็นนายกฯ ต่อไป เพราะไม่ว่าจะมีการลาออก หรือยุบสภา พันธมิตรฯ ก็ประกาศชัดเจนว่าจะไม่หยุดการชุมนุม ซึ่งเป้าหมายของพันธมิตรฯ คือการสถาปนาการเมืองใหม่ 70 : 30 แต่พลังประชาชนยืนยันว่าเราต้องยืนหยัดในระบอบประชาธิปไตย
นายศุภชัย กล่าวด้วยว่า หลังจากที่บรรดาสมาชิกพรรคฟังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยจบลง นายนิสิต สินธุไพร ได้ลุกขึ้นขอให้พรรคมีมติสนับสนุนนายสมัครเป็นนายกฯ ต่อไป ซึ่งที่ประชุมก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยไม่มีความเห็นต่างเลย
ขณะที่ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รองโฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า นับจากนี้ พรรคยืนยันจะดำเนินการตามกติกาโดยกระบวนการเลือกนายกฯ ก็จะรอการเรียกประชุมสภาของประธานสภา
“เหตุผลที่พรรคยังสนับสนุนนายหัวหน้าพรรค เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือเรียกว่าเป็นคดีหน่อมแน้ม ทำให้ประเทศเกิดสุญญากาศ แต่เราก็จะเดินหน้าตามกติกาและกฎหมายบ้านเมืองต่อไป” นายบุญจง กล่าว
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า นายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เตรียมจะเสนอให้ประธานสภานัดประชุมสภาเพื่อเลือกนายกฯ ในวันศุกร์ที่ 12 ก.ย.นี้
ผู้สื่อรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ เวลา 14.00 น.พรรคพลังประชาชนได้จัดประชุม ส.ส.พรรค โดยมี นายสุวัฒน์ วรรณะศิริกุล ส.ส.กทม.เป็นประธานในที่ประชุม ซึ่งมีแกนนำพรรคเข้าร่วมบางตา เนื่องจากส่วนใหญ่ติดประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ที่ จ.อุดรธานี
รายงานข่าวจากพรรคพลังประชาชน ระบุว่า ในช่วงหนึ่งของการประชุมได้มีการหยิบยกเรื่องคดีชิมไปบ่นไปของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ซึ่งทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี ขึ้นมาหารือ โดย ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน ได้เสนอให้ ส.ส.มีมติสนับสนุนนายสมัครเป็นนายกฯ ต่อไป เพื่อรักษาศักดิ์ศรี เนื่องจากที่ผ่านมาพรรคหาเสียงกับประชาชนด้วยการชูนายสมัครขึ้นมาเป็นนายกฯ อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส. นครราชสีมา และ นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม กลุ่มอีสานพัฒนา ได้ลุกขึ้นแย้งว่า ไม่เห็นด้วย ที่ ส.ส.จะสรุปความเห็นในตอนนี้ เพราะยิ่งจะทำให้สถานการณ์ไม่จบ และบานปลายมากขึ้น อีกทั้งต้องฟังพรรคร่วมรัฐบาลด้วย เพื่อไม่ให้เกิดการเปลี่ยนขั้ว
ด้าน พ.ต.ท.สมชาย กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าอย่าเพิ่งแสดงท่าทีใดๆ ในตอนนี้ ควรรอดูสถานการณ์ก่อน ไม่เช่นนั้นสถานการณ์จะบานปลาย ส่วนการจะเสนอนายสมัครกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง ก็ควรฟังพรรคร่วมรัฐบาลก่อน เพราะพรรคร่วมก็มีสิทธิจะเสนอคนมาพิจารณาเป็นนายกฯ คนต่อไป ทั้งนี้ผู้ที่จะมาเป็นนายกฯ คนใหม่ ควรมีความประนีประนอม ซึ่งในฐานะที่ตนเป็นกรรมาธิการทหารเห็นว่าทางที่ดีที่สุดในการแก้ไขบ้านเมือง คือ การเจรจา
ขณะที่ นายวัฒนา เซ่งไพเราะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชาชน และโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า มติของที่ประชุมภาค กทม.สนับสนุนให้ นายสมัคร กลับมาเป็นนายกฯ ซึ่ง นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ก็ได้โทรศัพท์มาแสดงความห่วงใย และเห็นว่า ควรสนับสนุนนายสมัครเป็นนายกฯ ต่อไป