เครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี (ANFREL ) ออกแถลงการณ์ วันนี้ (14 ต.ค.) เรียกร้องประเทศไทยและคนไทย เดินหน้าแก้ปัญหาทางการเมือง โดยใช้วิถีทางประชาธิปไตย ล้มเลิกความคิดที่จะให้ทหารทำการรัฐประหาร โดยเฉพาะ น.พ.ประเวศ วะสี และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ไม่ว่าความคิดนี้จะมาจากความต้องการช่วยผ่าทางตันทางการเมือง หรือเป็นความพยายามของใคร เพื่อผลประโยชน์ฝ่ายใดก็ตาม เพื่อเป็นการตัดวงจรอุบาทว์ทางการเมือง และเพื่อไม่ให้การปกครองประเทศในลักษณะดังกล่าวกลายเป็นวัฒนธรรมการปกครองของภูมิภาคนี้อีกต่อไป
ทั้งนี้ ANFREL เชื่อว่า หากมีการยึดอำนาจรัฐ หรือรัฐประหารอีกครั้ง ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่มีแบบอย่างทางการเมืองที่น่าเชื่อถือมากประเทศหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย จะกลายเป็นประเทศที่ล้าหลังทางการเมือง รวมทั้งจะมีผลกระทบต่อประเทศต่างๆ ที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยในประเทศสมาชิกอาเซียนอีกด้วย ดังนั้น จึงหวังว่าทุกฝ่ายในประเทศไทยจะได้เรียนรู้บทเรียนจากการรัฐประหารครั้งที่แล้ว ว่าการใช้วิธีการดังกล่าวเพื่อกอบกู้ประเทศชาติเป็นผลเสียมากกว่าผลดี ซึ่งคนไทยเป็นผู้รับผลกระทบโดยตรง และผลข้างเคียงอย่างมาก และยังสร้างความยากลำบากให้กับผู้ก่อการรัฐประหาร ซึ่งจะถูกประณามมากกว่าเก่าด้วย
ANFREL ระบุว่า จากประสบการณ์ในหลายประเทศ ซึ่งขัดแย้งกันมานาน และเคยเสียเลือดเนื้อกันมาแล้ว สุดท้ายต่างหาทางออกด้วยการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน โดยการประชุมร่วมกัน และนำเรื่องนี้ขึ้นสู่วาระแห่งชาติโดยด่วน เพื่อสร้างบรรยากาศความสมานฉันท์ ลดความขัดแย้ง และได้ทางออกที่เป็นรูปธรรม ซึ่งทุกฝ่ายจะเป็นผู้กำหนดอนาคตของชาติด้วยตัวเอง
ทั้งนี้ ANFREL เชื่อว่า หากมีการยึดอำนาจรัฐ หรือรัฐประหารอีกครั้ง ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่มีแบบอย่างทางการเมืองที่น่าเชื่อถือมากประเทศหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย จะกลายเป็นประเทศที่ล้าหลังทางการเมือง รวมทั้งจะมีผลกระทบต่อประเทศต่างๆ ที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยในประเทศสมาชิกอาเซียนอีกด้วย ดังนั้น จึงหวังว่าทุกฝ่ายในประเทศไทยจะได้เรียนรู้บทเรียนจากการรัฐประหารครั้งที่แล้ว ว่าการใช้วิธีการดังกล่าวเพื่อกอบกู้ประเทศชาติเป็นผลเสียมากกว่าผลดี ซึ่งคนไทยเป็นผู้รับผลกระทบโดยตรง และผลข้างเคียงอย่างมาก และยังสร้างความยากลำบากให้กับผู้ก่อการรัฐประหาร ซึ่งจะถูกประณามมากกว่าเก่าด้วย
ANFREL ระบุว่า จากประสบการณ์ในหลายประเทศ ซึ่งขัดแย้งกันมานาน และเคยเสียเลือดเนื้อกันมาแล้ว สุดท้ายต่างหาทางออกด้วยการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน โดยการประชุมร่วมกัน และนำเรื่องนี้ขึ้นสู่วาระแห่งชาติโดยด่วน เพื่อสร้างบรรยากาศความสมานฉันท์ ลดความขัดแย้ง และได้ทางออกที่เป็นรูปธรรม ซึ่งทุกฝ่ายจะเป็นผู้กำหนดอนาคตของชาติด้วยตัวเอง