หน.พรรคประชามติ ย้ำ “แม้ว” คือตัวปัญหาของประเทศ เสนอผ่าทางตัน ร้อง 5 พรรคร่วมถอนยวงทิ้ง พปช.จับมือ ปชป.ตั้งรัฐบาลปริ่มน้ำ ชี้ “สมัคร” สู้ตายไม่ยอมทิ้งเก้าอี้เว้นแต่ยุบสถา หรือปฏิวัติ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายประมวล รุจนเสรี ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (2 มิ.ย.) นายประมวล รุจนเสรี หัวหน้าพรรคประชามติ ผู้ที่เคยโด่งดังด้วยงานเขียนเรื่อง “พระราชอำนาจ” ได้แถลงข่าวเปิดหนังสืออีก 2 เล่ม คือ “ปฏิวัติ วัฒนธรรม” และ “อำนาจเงิน อำนาจรัฐ” โดยมีเนื้อหาสะท้อนแนวคิดการเมืองในปัจจุบันที่จะต้องมีการปฏิวัติความคิดกันใหม่ โดยมีการหยิบยกปัญหาวัฒนธรรมทางการเมืองที่มีอ่อนด้อย ไม่เหมาะสม เพื่อให้คนไทยได้ช่วยกันปฏิวัติความคิดก่อนที่กระแสทุนเสรีโลกาภิวัตน์จะกลืนชาติไทย และวัฒนธรรมไทย แผ่นดิน และทรัพยากรของประเทศให้หมดไป
นายประมวลยังได้วิเคราะห์ถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันว่า ขณะนี้การเมืองไทยกำลังเดินไปสู่ทางตัน เพราะความขัดแย้งถูกขยายไปในวงกว้างขึ้น จากการต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมก็กลายมาเป็นต่อต้านระบอบทักษิณ โดยการเรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขณะที่นายสมัครก็ออกมาตอบโต้ว่าจะมีการสลายม็อบทำให้ฝ่ายกลุ่มผู้ชุมนุมได้รับความเห็นใจเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการต่อสู้ในวันนี้ย้อนกลับไปเหมือนปี 48-49 ความรู้สึกของประชาชนได้รับการยืนยันชัดเจนมากขึ้นในเรื่องพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทั้งจาก กกต.และการยอมรับของนายสมัครเอง เกมต่อสู้ของกลุ่มพันธมิตรฯ จึงดึง พ.ต.ท.ทักษิณมาเป็นเงื่อนไข ดังนั้นเรื่องนี้ไม่มีทางจบเพราะเชื่อว่านายสมัครไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“ในฐานะที่ผมอยู่ในวงการการเมืองมาพอสมควร ได้รู้จัก พี่เหนาะ(เสนาะ เทียนทอง) พี่หาร(ศิลปอาชา) น้องเชษฐา (พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร) น้องสุวิทย์ (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) และน้องอนงค์วรรณ (นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน) ว่าต้องคิดทบทวนตัวเอง ตอนเลือกตั้งใหม่ๆ เข้าไปร่วมรัฐบาลเพราะความชัดเจนในเรื่องนอมินียังไม่เกิดขึ้น แต่เวลาผ่านไป 4 เดือน ทั้งนายสมัคร และพลังประชาชนไม่ได้ให้คุณค่ากับพรรคร่วมรัฐบาลเลย อยากเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือคิดจะทำประชามติก็ไม่เคยหารือ คิดเองทำเอง ผมรู้ว่าพรรคร่วมก็มีความอึดอัด ถ้าจะผ่าทางตัน พรรคร่วมรัฐบาลต้องย้ายค่ายมารวมกับพรรคประชาธิปัตย์ ยอมเป็นรัฐบาลปริ่มน้ำ มี ส.ส.เกินเพียง7 เสียง คือ 247 เสียง ถ้าทำดีๆ ก็ไปได้”
นายประมวล กล่าวว่า เมื่อผ่าทางตันแล้ว สิ่งที่ควรทำ คือ ไม่ต้องมีการพูดถึงการแก้รัฐธรรมนูญไป3 ปี และเดินหน้าแก้ปัญหาความทุกข์ยากของประชาชน ให้ทุกฝ่ายมีโอกาสบริหารแต่ละกระทรวงเพิ่มมากขึ้น และในอนาคตหากมีการถอดถอน ส.ส.ที่เสนอแก้รัฐธรรมนูญ ก็อาจจะทำให้มีจำนวน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเพิ่มขึ้นมาอีก ในส่วนของซีกสภาก็ยังเป็นของพรรคพลังประชาชน 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งประธานสภา และรองประธานสภาฯ ดังนั้น การตรวจสอบก็จะเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างเต็มที่
“ตอนนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแกนนำทั้ง 5 พรรค มีคนบอกว่าพวกนี้ถอนตัวไม่ได้ เพราะไปรับอะไรเขามา ผมไม่เชื่อ และโอกาสนี้จะเป็นการพิสูจน์ว่าเรื่องที่กล่าวหาไม่เป็นความจริง”
นายประมวลยังกล่าววิเคราะห์ต่อว่า หากการเมืองเข้าสู่วิกฤตจริงๆ หากจะให้นายสมัครลาออกเชื่อว่า คนที่จะมาแทนก็ยังเป็นคนที่ พ.ต.ท.ทักษิณไว้วางใจ ไม่ว่าจะเป็นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หรือ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เชื่อว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ก็ไม่ยอม แม้หากมีการยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่สุดท้ายก็จะกลับมาเหมือนเดิม ทุกคนก็รู้ว่าใครเป็นรัฐบาล อำนาจรัฐอยู่ที่ใคร จึงไม่มีทางไป ถ้าจะถอยก็ไม่รู้จะถอยอย่างไร
“วันนี้เขาเอาประเด็นกฎหมายที่ใหญ่กว่ามากลบเรื่องเล็ก รัฐบาลใช้กฎหมายจราจรซึ่งเป็นกฎหมายเล็กมาจัดการการชุมนุม ที่กฎหมายใหญ่อนุญาตในเรื่องของสิทธิเสรีภาพ แต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ วันที่ 4 มิ.ย.ที่กลุ่มมหาประชาชนพิทักษ์ประชาธิปไตย นัดชุมนุมใหญ่ ไม่แน่ใจว่าจะควบคุมได้หรือไม่ หากมีการปะทะกันก็น่าเสียใจ โอกาสที่ไม่ควรได้เห็นก็จะเกิดขึ้น ซึ่งข้อเสนอของผมได้ตรงกับที่ทางกลุ่มพันธมิตรเรียกร้อง เพียงแต่ผมได้เสนอเพิ่มเติมให้ไปจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์”
นายประมวลยังเชื่อว่า ในพรรคพลังประชาชนก็มีความต้องการที่จะเปลี่ยนตัวนายกฯ แต่เชื่อว่าคนอย่างนายสมัครต้องสู้ตาย ไม่ยอมง่ายๆ และไม่ยอมลาออกอย่างแน่นอน การจะเอานายสมัครลงได้มี 2 ทาง คือ ต้องยุบสภา หรือปฏิวัติเท่านั้น เวลานี้การต่อสู้ขยายวงกว้างเป็นเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ยังเป็นตัวปัญหา เพราะแม้จะมีการปฏิวัติไปแล้วก็ยังไม่จบ อย่างไรก็ตาม ในการเสนอแนวคิดดังกล่าวตนจะเดินสายพบหัวหน้าพรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลเพื่อเสนอแนวทางดังกล่าวด้วย