ตร.ยัน “สมัคร” คนเดียวเท่านั้นที่สั่งสลายม็อบพันธมิตรฯ ได้

“พัชรวาท” ประชุมเครียดหาช่องยุติการชุมนุมโดยสันติวิธี ตำรวจอ้างพันธมิตรฯ ควรยุติการชุมนุมไม่สร้างเงื่อนไขใหม่ หลัง “เจ๊เพ็ญ” ลาออก พปช.ถอนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ โฆษก ตร.ยันเจรจาให้ถึงที่สุด เพราะปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมืองไม่คิดปราบปรามแตกหักเพราะการชุมนุมไม่ใช้อาชญากรยันคนสั่งสลายชุมนุมได้คือนายกรัฐมนตรีเท่านั้น

วันนี้ (31 พ.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งมี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รรท.ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุม ร่วมกับ บช.น. โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็ได้เดินทางกลับทันทีโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว

ทั้งนี้ พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งร่วมการประชุมได้ออกมากล่าวถึงการประชุมว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างประชุมประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีข้อสรุปเบื้องต้นว่ายังไม่ถึงขึ้นใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสะลายการชุมนุม เพียงแต่จะเข้ามาดูแลความสงบเรียนร้อยในบ้านเมือง เพื่อหาวิธีการให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุมโดยสันติวิธี

พล.ต.ท.จงรัก กล่าวอีกว่า ทั้งนี้จุดมุ่งหมายของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เรียกร้องรัฐบาลก็ยอมถอยหมดแล้ว ทั้งเรื่องของนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ยอมลาออกจากตำแหน่ง และการถอนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งน่าจะหมดเงือนไขในการชุมนุม บ้านเมืองจะได้กลับไปสู่สภาพปกติ การวางเงื่อนไขใหม่ในการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลซึ่งเข้ามาทำงานจากการเลือกตั้งของประชาชนนั้นไม่ถูกต้อง ผิดกฎหมาย แต่เมื่อยังมีการชุมนุมกันอยู่ก็จะต้องมีการวางแนวทางในการดำเนินการต่อไป ซึ่งการชุมนุมบนพื้นผิดจราจรนั้นผิดกฎหมายจราจร และมีการแจ้งความซึ่งอาจมีการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุม และอาจเป็นเงือนไขในการสลายการชุมนุมได้เช่นกัน

ภายหลังการประชุม พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ก.ในฐานะรองโฆษก ตร. ได้แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติให้เพิ่มจำนวนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อควบคุมการชุมนุมอีกประมาณ 1,000 นาย แต่ยืนยันเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ใช้ความรุนแรง หรือการปราบปรามแบบแตกหักกับผู้ชุมนุม เพราะการชุมนุมครั้งนี้เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง ซึ่งสามารถเจรจาตกลงกันได้

ส่วนกนณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงเช้า พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ถือเป็นสิ่งที่ตำรวจต้องนำมาปฏิบัติ แต่การแก้ไขปัญหาครั้งนี้ไม่ใช่คดีอาชญากรรม เป็นปัญหาทางการเมืองก็ต้องแก้ไขแบบการเมือง โดยใช้ยุทธวิธีเจรจาพูดคุยกัน ไม่ต้องใช้กำลังที่ผ่านมามา ตำรวจได้ประสานงานกและเจรจากับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมมาตลอด แต่ยุทธวิธีในการแก้ไขปัญหา ถ้าจำเป็นต้องใช้กำลังก็จะใช้อย่างละมุนละม่อม ไม่ดำเนินการแบบแตกหักหรือให้บรรลัยกันไปข้างหนึ่ง ไม่อยากเห็นภาพความขัดแย้งที่มีความรุนแรงในประเทศไทยอีก เพราะประเทศชาติบอบช้ำกับความรุนแรงลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง

พล.ต.ต.สุรพล กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้มีการประสานกับแกนนำ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปรื้อถอนและขนย้ายเวที รวมทั้งสิ่งของของกลุ่มผู้ชุมนุม ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นการเจรจา โดยในเวลาประมาณ 17.00 น. เจ้าพนักงานจราจรจะนำประกาศเกี่ยวกับการชุมนุมปิดกั้นช่องทางจราจรผิดกฎหมายให้ผู้ชุมนุมได้ทราบ และตำรวจจะปฏิบัติตามขั้นตอน โดยนายกฯ ก็ไม่ได้เร่งรัดเวลา แต่อยากให้สังคมเห็นใจกับทุกฝ่าย ส่วนสถานที่ที่เตรียมไว้ให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายไปชุมนุมได้มีหลายที่ เช่น ลานคนเมือง กทม. สวนจตุจักร สวนลุมพินี ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ได้มีการเตรียมกำลังทุกส่วนไว้พร้อมแล้ว

“ถ้าการเจรจาไม่เป็นผลสำเร็จ ทำให้เกิดความรุนแรงเพิ่มขึ้น ประชาชนได้รับความเสียหาย อำนาจการตัดสินใจครั้งสุดท้ายที่จะสลายการชุมนุมต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกฯ เป็นผู้สั่งการให้ตำรวจปฏิบัติ” รองโฆษก ตร. กล่าว

ด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 ได้มีคำสั่งให้ตำรวจสังกัด บก.น.1 ตั้งแต่ระดับ ผกก.เป็นต้นไป ประกอบด้วย สน.ชนะสงคราม นางเลิ้ง ดุสิต สามเสน มักกะสัน บางโพ ห้วยขวาง พญาไท และ ดินแดง เตรียมพร้อมสนับสนุนบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์

นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้ตรวจสอบกลุ่มจักรยานยนต์ต้องสงสัยที่จะมุ่งหน้าไปยังที่ชุมนุม โดยเฉพาะพื้นที่พิเศษบริเวณสนามหลวง และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย