ทนายกู้ชาติสอนกฏหมายดอกเตอร์ "เหลิมกำมะลอ" เตือนให้รอรับหมายศาลได้เลย ย้ำวันจันทร์นี้จะฟ้องต่อศาลปกครองกราวรูด "หมัก"จำเลยที่ 1 "เหลิม"ที่ 2 ผู้ว่าฯจำเลยที่ 3 ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กระทำขัดรัฐธรรมนูญปิดกั้นสิทธิการรับรู้ข่าวสาร ชี้แม้หัวหมอสั่งด้วยวาจาก็ไม่อาจพ้นผิดได้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ให้ข้อมูลทางกฎหมาย
วันนี้(14 มิ.ย.) ที่เวทีสะพานมัฆวานฯ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความเอเอสทีวี ย้ำว่า ในบ่ายวันจันทร์ที่ 16 มิถุนายนนี้ให้ นายสมัคร สุนทรเวช และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรอรับหมายศาลได้เลย เนื่องจากตนเองจะรับมอบอำนาจไปฟ้องศาลปกครอง กรณีใช้คำสั่งมิชอบ ขัดรัฐธรรมนูญกรณีสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศสั่งเคเบิลทีวีท้องถิ่นระงับการถ่ายทอดสัญญาณของเอเอสทีวี
นายสุวัตร กล่าวว่ารัฐธรรมนูญให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน และที่ผ่านมาในช่วงการใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 ศาลปกครองยังให้การคุ้มครอง แต่ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ยิ่งให้การคุ้มครองมากกว่าเดิมเสียอีก พร้อมทั้งยกตัวอย่างการให้สิทธิเสรีภาพของประชาชนที่กำหนดในหมดที่ 7 ที่ว่าด้วยเรื่องเสรีภาพของสื่อมวลชนในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งการปิดกิจการหนังสือพิมพ์หรือมวลชนใดก็ตามจะกระทำมิได้
ทนายความผู้นี้ยังได้ยกตัวอย่างมาตรา 46 ที่ระบุว่าพนักงานหรือลูกจ้างเอกชนหรือสื่ออื่นๆมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เว้นแต่ขัดจริยธรรม ดังนั้นการสั่งการไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมหรือเจ้าของกิจการขัดขวางการแสดงความคิดเห็นหรือว่าใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้บังคับไม่ได้ ดังนั้นผู้ว่าฯหรือเจ้าของกิจการเคเบิลฯไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม
ถามว่าประชาชนสามารถเอาผิดได้หรือไม่ นายสุวัตร กล่าวว่า กรณีชาวบ้านไม่อาจดูเอเอสทีวีถือเป็นผู้เสียหายแล้ว สามารถแจ้งความที่สถานีตำรวจในแต่ละพื้นที่ ให้ดำเนินคดีกับผู้ว่าฯที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ละเมิดสิทธิในการรับรู้ข่าวสารแล้วให้คัดสำเนาถ่ายเอกสารส่งมาที่ตนเองหรือสถานีเอเอสทีวี ซึ่งจะได้รวบรวมเป็นคดีเดียวกัน ดดยขณะนี้ได้ร่างคำฟ้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว
นายสุวัตร กล่าวว่า จำเลยที่ 1 คือ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 2 คือ ร.ต.อ.เฉลิม ส่วนจำเลยที่ 3 จะเป็นผู้ว่าฯในแต่ละจังหวัดที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พร้อมทั้งกล่าวว่า กรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม มีท่าทีเปลี่ยนไปเมื่อวานพูดอย่างวันนี้พูดอีกอย่างนั้น เหมือนลิ้นไม่มีกระดูกกระดกไปได้เรื่อยๆ
ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม อ้างเรื่องกฎหมายจราจรมาเอาผิดนั้น นายสุวัตร กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคยมีคำพิพากษาของศาลฎีกา ซึ่งมีขึ้นก่อนการรัฐประหารกรณีแกนนำพันธมิตรฯถูกฟ้องหากว่าเคลื่อนขบวนกีดขวาง แต่ศาลได้สั่งยกฟ้อง รวมทั้งอัยการสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว
ถามว่ากรณีของ ร.ต.อ.เฉลิม ได้เลี่ยงความผิดโดยการสั่งด้วยวาจานั้น นายสุวัตร กล่าวว่า ได้บันทึกเทปเป็นหลักฐานเอาไว้แล้ว และกรณีที่ผู้ว่าทำหนังสือไปถึงเจ้าของกิจการเคเบิลฯในทำนองขอความร่วม ซึ่งกรณีแบบนี้ศาลปกครองเคยชี้ว่าเป็นคำสั่งทางการปกครองแล้วและว่า ในวันยื่นฟ้องในวันจันทร์จะขอให้ศาลบรรเทาทุกข์ชั่วคราวด้วย ส่วนคดีแพ่งจะแยกฟ้องต่างหาก ซึ่งเชื่อว่าศาลคงจะเมตตา ขณะเดียวกันยังได้เตือนไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจหากไม่รับแจ้งความจากประชาชนให้ระวังข้อหาการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วย โดยให้ประชาชนจดชื่อ ยศของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นหากไม่ยอมรับแจ้งความ
