"เฉลิม " ใช้อำนาจเถื่อน บังคับผู้ว่าฯทุกจังหวัดสั่งเคเบิลทีวี หยุดเผยแพร่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ผ่าน ASTV ด้านแกนนำพันธมิตรฯ ตอบโต้ด้วยการออกประกาศต่อสู้ "สนธิ" ลั่นไม่ถอยรัฐบาลเถื่อน ชี้คำสั่ง"เหลิม" มิชอบ ขัดรธน. เตรียมร้องศาลปกครองให้ความคุ้มครองจันทร์นี้ ชี้ปิดกั้น สร้างศัตรูทั่วประเทศ ส่วนผู้ประสานงานเครือข่ายอีสานกู้ชาติ จี้ ม.รามคำแหง ถอดปริญญาเอก "เป็ดเหลิม" ประธานคณะกรรมธิการสิทธิมนุษยชนฯ แนะตรวจสอบคำสั่ง ขณะที่ผู้ประกอบการธุรกิจเคเบิลทีวีช้ำ หวั่นธุรกิจเจ๊ง เพราะแฟนพันธ์แท้ขู่เลิกเป็นสมาชิก ยันเป็นคำสั่ง "เผด็จการ" ส่วนพันธมิตรฯ ขอนแก่นฮือล้อมจวนผู้ว่าฯ ขณะที่อีกหลายจังหวัด เตรียมตบเท้าเข้าสมทบกลุ่มพันธมิตรฯ ที่กรุงเทพฯ วันนี้
วานนี้ ( 13 มิ.ย.) มีการประชุมประจำเดือนของกระทรวงมหาดไทย โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุม ซึ่งการประชุมครั้งนี้ เป็นการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ
ในที่ประชุม นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เฝ้าติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวสาขาของกลุ่มพันธมิตร เพื่อประชาชนและประชาธิปัตย์ ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และหากจังหวัดใดมีทั้งกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มต่อต้าน ก็ต้องดูแลแก้ไขปัญหา อย่าให้เกิดการเผชิญหน้ากัน โดยควรเร่งชี้แจงทำความเข้าใจโดยด่วน
ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม ได้สั่งผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ฟังอยู่เตรียมปากกาขึ้นมาจดข้อกฎหมายที่ตนศึกษามา และนำไปชี้แจงกับประชาชนในพื้นที่ เคเบิลทีวี หรือสถานีโทรทัศน์ระบบบอกรับในจังหวัดที่รับเอาสัญญาณของช่องASTVไปเผยแพร่ต่อนั้น ถือเป็นการทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 85 ฐานโฆษณา หรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิด ซึ่งผู้ว่าฯ ต้องใช้มาตรการทางการปกครอง ขอร้องผู้ประกอบการเคเบิลทีวี ให้ยุติการออกอากาศ หากขอร้องแล้วไม่ได้รับความร่วมมือ ผู้ว่าฯต้องแจ้งความดำเนินคดี
โดยในที่ประชุม ร.ต.อ.เฉลิม สั่งให้ผู้ว่าฯ เรียกประชุมผู้บังคับการตำรวจแต่ละจังหวัด เพื่อหารือถึงการดำเนินการเรื่องนี้ ว่า ปล่อยให้มีการกระทำผิดได้อย่างไร การรับสัญญาณของASTVไปเผยแพร่ต่อ ต้องถือว่าเจ้าของเคเบิลมีส่วนร่วมในการกระทำผิดด้วย ผู้ว่าฯ ต้องเด็ดขาด อย่างไรก็ตามไม่ได้คิดทำเรื่องนี้เพราะถูกโจมตี หรืออาฆาตมาดร้ายพันธมิตรฯ แต่นายกรัฐมนตรี (นายสมัคร สุนทรเวช ) มอบหมาย ขอใช้บริการของกระทรวงมหาดไทย เพราะเคยทำได้ดีในเรื่องการดำเนินการกรณีเว็บไซต์ไม่เหมาะสม 29 เว็บไซต์
จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ได้แถลงข่าวหลังการประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ว่า การถ่ายทอดสดของASTV ซึ่งมีสถานีแม่อยู่ในกรุงเทพฯไปเผยแพร่ในภูมิภาคนั้น มีกระบวนการกฎหมาย ตนและคณะได้ทำการศึกษา ในประเด็นว่า 1. ใครเป็นคนทำผิด 2. ใครเป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิด 3. ใครเป็นผู้ใช้จ้างวานให้กระทำความผิด และ4. ใครเป็นผู้สนับสนุนให้กระทำความผิด แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 85 ระบุไว้ชัด ผู้ใดโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิด และความผิดนั้นมีโทษจำคุก ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ผู้นั้นต้องระวางโทษกึ่งหนึ่ง วรรค 2 ถ้าได้มีการกระทำผิดเพราะเหตุที่ได้มีการโฆษณา หรือประกาศตามวรรคแรก ผู้โฆษณาหรือประกาศต้องได้รับโทษเสมือนตัวการ คือ คนทำผิดรับโทษเท่าไร ผู้โฆษณาก็ต้องรับโทษเท่านั้น
"ถ้าผู้ประกอบการเคเบิ้ลทีวีเอารายละเอียดการถ่ายทอดสดไปจูนใส่เคเบิลทีวี และหรือนำเผยแพร่ ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีก็มีความผิด ซึ่งตนได้ขอไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ประสานกับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ให้ใช้มาตราการ 2 ส่วน คือ มาตรการทางการปกครอง ชี้แจงให้เกิดความเข้าใจว่า สิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่ผิดกฎหมาย ต้องถูกดำเนินคดี และจะดำเนินคดีได้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดต้องบันทึกเทป ต้องมีรายละเอียดและตำรวจต้องบันทึกเทปด้วยว่าเคเบิ้ลจังหวัดนั้น ได้ถ่ายทอดสดรับสัญญาณจากASTVซึ่งตรงนั้นก็เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี " ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวและตอกย้ำความเป็นรัฐบาลเถื่อนว่า "หากเรื่องนี้ผู้ว่าฯไม่ทำ ตำรวจไม่ทำ ก็ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก็จะมีความผิด" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
"เหลิม"เปิดศึกท้ารบคนดู ASTV ทั่วประเทศ
ในด้านของแกนนำพันธมิตรฯ นำโดย นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯร่วมแถลงข่าวในเวลา 18.00 น. โดยนายสุริยะใส หนึ่งในแกนนำ กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม มีคำสั่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศให้เคเบิ้ลทีวีท้องถิ่นระงับการเชื่อมต่อสัญญาณของสถานีโทรทัศน์ASTV ว่า คำสั่งดังกล่าว ใช้หลักยุทธศาสตร์ทางการเมืองคล้ายกับคดี นายสุนัย มโนมัยนอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดยใช้วิธีคุกคามแทรกแซงอำนาจตุลาการซึ่งการถ่ายทอดสดสัญญาณASTVนั้น ถูกต้องตามกฎหมายและได้รับการคุ้มครองตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด
ดังนั้น คำสั่งดังกล่าวของ ร.ต.อ.เฉลิม ถือเป็นคำสั่งที่มิชอบ ท้าทายอำนาจศาลและผิดรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 157 กรณีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและคุกคามสิทธิเสรีภาพประชาชน การอ้างว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯ ผิดกฎหมายและใช้ถ้อยคำหยาบคาย ยั่วยุ หมิ่นประมาทหรือผิดกฎหมายจราจรก็มีกฎหมายที่สามารถเอาผิดได้อยู่แล้ว
"การให้เหตุผลในการระงับการถ่ายทอดสดASTV ถือว่า ไม่ได้ทำให้ประชาชนมาชุมนุมลดน้อยลงไป ตรงกันข้ามมีประชาชนเข้าร่วมการชุมนุมมากขึ้นเช่นเดียวกับวันที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งสลายการชุมนุม คำสั่งดังกล่าวของ มท.1 แสดงให้เห็นถึงความไม่รู้กฎหมาย และกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวได้" นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบการปิดช่องสัญญาณได้ถ่ายทอดสัญญาณได้ลุกลามไปหลายสิบจังหวัด เช่น กทม., จ.ลพบุรี และจ.พัทลุง ซึ่งทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะรวบรวมหลักฐานและแถลงการณ์บนเวทีอีกครั้งหนึ่ง หากจะตีกรอบครอบคลุมอย่างเคร่งครัด คำสั่งดังกล่าวส่งผลไปยังสถานีฟรีทีวีทุกช่องรวมถึงวิทยุชุมชนหลายร้อยสถานีที่มีการรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯด้วย
อย่างไรก็ตาม นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงมวลชนกลุ่มพันธมิตรฯ จ.พัทลุงที่เตรียมเคลื่อนขบวนมายังบ้าน ร.ต.อ.เฉลิม แสดงให้เห็นว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ไม่พอใจเพราะรู้สึกว่า การกระทำดังกล่าวปิดหูปิดตาประชาชน ไม่ให้รับรู้ข้อมูลข่าวสารจึงมีสิทธิทวงถาม ส่วนตัวมองว่าเห็นว่าควรที่จะไปเพื่อทวงถามสิทธิความชอบธรรม แต่ทั้งนี้ต้องรอมติในที่ประชุมว่าจะไปวันไหน
ด้าน นายพิภพ กล่าวว่า เรียกร้องให้ ร.ต.อ.เฉลิม อย่าเอาเปรียบราชการชั้นผู้น้อยซึ่งไม่ควรใช้คำสั่งเป็นถ้อยคำ วาจาขอให้ย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ 14 ตุลา ที่รัฐบาลเผด็จการพยามปิดกั้นข้อมูลข่าวสารของนักศึกษาธรรมศาสตร์ ส่งผลให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมมากขึ้นจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลในที่สุด เชื่อว่าจะมีคนมาร่วมชุมนุมมากขึ้นเพื่อประท้วงคำสั่งของ ร.ต.อ.เฉลิม
อย่างไรก็ตาม ข้าราชการที่เป็นสมาชิกASTV รวมทั้งประชาชนจากหลายๆ หมู่บ้านเตรียมยกเลิกเป็นสมาชิกของเคเบิลทีวีแล้ว ซึ่งทำให้สูญเสียรายได้ ขณะนี้ภาคใต้จะมีม็อบประท้วงคำสั่งดังกล่าวที่ศาลาว่าการของแต่ละจังหวัด
ขณะที่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงธาตุแท้ของรัฐบาลเผด็จการที่ใช้อำนาจโดยมิชอบละเมิดสิทธิประชาชน คำสั่งดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญไม่สามารถใช้ได้ เป็นพฤติกรรมของพวกเผด็จการที่กลัวความจริงจะถูกเปิดเผย กลัวการตรวจสอบและกลัวความโปร่งใส
นอกจากนี้ นายสุริยะใส กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีกลุ่มผู้ชุมนุมหลายกลุ่มขอเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ นั้น ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้ปฏิเสธแต่เรื่องนี้จะต้องมีการประชุมหารือในที่ประชุมก่อน โดยกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะขอเข้าร่วมจะต้องยอมรับเงื่อนไขของพันธมิตรฯตามแนวทางขับไล่รัฐบาล ซึ่งหากเรียกร้องผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเองก็จะขอปฏิเสธไม่ให้เข้าร่วม
สำหรับบรรยากาศบนเวทีปราศรัยเมื่อเวลา 19.00 น. ผู้ปราศัยประกาศกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า สัญญาณถ่ายทอดสดของASTVได้ถูกตัดไปแล้ว จากนั้นเวลา 19.45 น. สัญญาณถ่ายทอดสดการชุมนุมฯ ในกรุงเทพฯ ได้หายไปประมาณ 3 นาที ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมโห่ร้องแสดงความไม่พอใจ หลังจากนั้นกลุ่มผู้บริหารASTVจะเดินทางไป สน.ชนะสงคราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดี
คนขอนแก่นล้อมจวนผู้ว่าฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปฏิกิริยาล่าสุด หลังจากนายจตน์ ธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการ จ.ขอนแก่น ได้เรียกประชุมผู้ประกอบการเคเบิ้ลทีวีท้องถิ่นในจังหวัด เพื่อขอความร่วมมือในการงดถ่ายทอดรายการจาก ASTV ตามคำสั่งของ ร.ต.อ.เฉลิม โดยอ้างว่า ASTV ถ่ายทอดการชุมนุมของพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นการกระทำผิดฐานทำให้สังคมเกิดความแตกแยก จึงขอความร่วมมือให้เคเบิลทีวีในจังหวัดงดการถ่ายทอดรายการจาก ASTV เริ่มตั้งแต่เวลา 6 โมงเย็นไปจนถึงเที่ยงของวันรุ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นมา เคเบิลทีวีในจังหวัดขอนแก่นได้ทยอยตัดสัญญาณ ASTV ทำให้ประชาชนที่เคยรับชมการถ่ายทอดการชุมนุมของพันธมิตรฯ ได้รวมตัวกันเดินทางไปที่หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมกับเปิดไฟหน้ารถ ทำให้นายเจตน์ หนีออกจากจวนไปตั้งแต่เวลาประมาณ 19.00 น.
จากนั้น ประชาชนจากที่ต่างๆ อาจารย์มารวมทั้งนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ทยอยเดินทางมาสมทบที่หน้าจวนผู้ว่าฯ มากขึ้นเรื่องๆ จนเวลาประมาณ 20.30 น.มีประมาณ 300-400 คน ซึ่งผู้ชุมนุมได้ส่งเสียงตะโกน "ผู้ว่าออกไป....เอาสัญญานคืนมา" ดังกึกก้องหน้าจวน โดยยืนยันว่าจะชุมนุมตลอดคืนจนกว่าจะมีการถ่ายทอดสัญญาน ASTV ดังเดิม ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 20 คน ตรึงกำลังไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าไปในจวนผู้ว่า
ขณะเดียวกัน ได้มีการส่งตัวแทนประชาชนส่วนหนึ่ง ไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ในข้อหาปิดกั้นเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเจตน์ถือเป็นคนใกล้ชิดของนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ขอนแก่น และเคยเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ต่อมาได้รับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนได้ดิบได้ดีเป็น รมช.มหาดไทย ทั้งนี้ นายเจตน์เพิ่งย้ายมาจากจังหวัดนครนายก และเหลือเวลารับราชการอีกไม่เกิน 5 เดือน
"สนธิ"เตรียมร้องศาลปกครอง
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ได้กล่าวกับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมชุมนุม โดยเริ่มย้อนอดีตให้เห็นถึงกรณีการปิดกั้นการรับรู้ข่าวสารของรัฐบาลทักษิณ เมื่อปี 2548 ที่เริ่มจากการปิดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ทางช่อง 9 จนนำไปสู่ความไม่พอใจของประชาชนที่ถูกปิดกั้นไม่ได้รับรู้ความจริง จนต้องออกมาขับไล่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ จนต้องออกไป
นายสนธิ กล่าวว่า คำสั่งของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ที่ห้ามเคเบิลทีวี ถ่ายทอดสัญญาณ เอเอสทีวีในครั้งนี้ เท่ากับเป็นการราดน้ำมันบนกองเพลิง และสาเหตุเป็นเพราะ ร.ต.อ.เฉลิม ทนไม่ได้ที่ความจริงต้องถูกเปิดโปง และคำสั่งครั้งนี้เหมือนกับว่า ได้เขียนใบมรณะบัตรให้แก่ตัวเอง และอายุของรัฐบาลนี้ได้หมดสิ้นแล้ว
"รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลเถื่อน ที่มาจากการโกงเลือกตั้ง ดังนั้นรัฐมนตรีเถื่อน คำสั่งจึงไม่ชอบ" นายสนธิ ระบุ พร้อมเตือนสมาคมเคเบิล ที่รับคำสั่งจากรัฐบาลเถื่อนชุดนี้จะเสียใจ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง เพราะนักการเมืองอยู่ได้อีกไม่นานจะต้องสูญเสียลูกค้า และนายสนธิได้เรียกร้องให้ผู้ที่เป็นสมาชิก ยกเลิกการเป็นสมาชิกให้หมด
นายสนธิ กล่าวว่า ในจันทร์ที่ 16 มิ.ย.นี้ จะส่งทนายความของASTVไปร้องศาลปกครอง เนื่องจากคำสั่งของ ร.ต.อ.เฉลิม ครั้งนี้เป็นคำสั่งมิชอบ และจะให้ประชาชนเป็นโจทก์ร่วม
"กฏหมายที่คุณเฉลิมอ้างสารพัดนั้น จะเหนือกว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุดที่ให้สิทธิกับประชาชนได้อย่างไร ดังนั้นเวลานี้คุณเฉลิม กำลังหาเรื่องกับคนทั่วประเทศ และขอเรียกร้องให้จดจำเป็นสัจจะวาจา ให้เช็กบิลคนในตระกูลอยู่บำรุงตลอดไป" นายสนธิกล่าว
ท้า"เหลิม"รีบสั่งปิด ASTV ด่วน
นายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 การที่จะปิดสถานีวิทยุ โทรทัศน์ หรือสื่อต่างๆ ไม่สามารถทำได้ ถ้าหากจะทำต้องมีกฎหมายเฉพาะเรื่องเท่านั้น แต่กฎหมายฉบับนั้น ยังไม่มีผลบังคับใช้ หากรัฐมนตรีทำเช่นนี้จริง ถือว่าเป็นการแทรกแซงสื่อ ถ้า ร.ต.อ.เฉลิม คิดว่าทำได้ ให้รีบทำอย่ารอช้า เดี๋ยวจะถือว่าเป็นการละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่
"ถ้าอยากทำ ให้รีบสั่งการผู้ว่าฯได้เลย ถ้าสั่งการแล้วอย่าลืมส่งสำเนาเอกสารไปให้ASTVด้วย สื่อจะได้ช่วยเผยแพร่ข่าวออกไป หรือว่าจะส่งสำเนามาที่วุฒิสภาก็ได้ เราจะได้ช่วยขยายข่าวนี้ให้" นายวรินทร์ กล่าว
คุกคามสื่อ-ปิดกันการรับรู้ข่าวสาร
วานนี้ (13 มิ.ย.) ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ นักรัฐศาสตร์อาวุโส กล่าวบนเวทีว่า ร.ต.อ.เฉลิม น่าจะลืมอ่านกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรหนึ่งไป ซึ่งเป็นมาตรา 69 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 50 ที่มีใจความว่า บุคคลย่อมมีสิทธิ์ต่อต้านโดยสันติวิธี ซึ่งการกระทำใดๆที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ จึงอยากจะให้ร.ต.อ.เฉลิมกลับไปอ่านรัฐธรรมนูญนี้อีกรอบ ซึ่งแท้ที่จริงพวกเราเผลอไป พวกเรามัวแต่เผลอกับการเลือกตั้ง ตื่นเต้นกับพรรคฝ่ายค้าน ตื่นเต้นกับการมีรัฐธรรมนูญ จนกระทั่งลืมไปว่ารัฐบาลที่มีอยู่นี้เป็นรัฐบาลที่มิชอบด้วยกฎหมายมาตั้งแต่ต้น
"การมิชอบด้วยกฎหมายของร.ต.อ.เฉลิม ที่เห็นได้ชัด คือ เรื่องการคุกคามเสรีภาพ และสิทธิเสรีภาพการรับรู้ของประชาชน ตลอดจนสิทธิที่จะชุมนุมโดยสงบ และที่ต่างประเทศก็มีการชุมนุมคัดค้านกัน ซึ่งไม่มีรัฐบาลประเทศไหนนำสิ่งเหล่านี้ไปเป็นข้ออ้างว่าทำให้หุ้นตก ทำให้เศรษฐกิจเสียหาย และไม่มีใครไปอ้างกฎหมายจราจร เพราะว่าใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ที่ออกมาอ้างแบบนี้ได้ทำลายเศรษฐกิจมากกว่าการออกมาเรียกร้องของประชาชนเป้น 10 เท่า" ดร.ปราโมทย์ กล่าว
ดร.ปราโมทย์ กล่าวต่อว่า ตนได้วิเคราะห์จากคำบอกที่ ร.ต.อ.เฉลิม ออกคำสั่งให้ผู้ว่าฯปิดเคเบิลทีวี ซึ่งแท้ที่จริงนั้นมันไม่ได้เป็นคำสั่ง อย่าเพิ่งประฌามผู้ว่าฯ เพียงแต่เป็นการให้ผู้ว่าคิดดูว่า เหมาะสมหรือไม่ ถ้าหากเป็นการผิดกฎหมายให้จัดการอย่าให้เปิดASTV แต่อันที่จริง ผู้ว่าฯน่าจะมีสมองที่โตกว่า ร.ต.อ.เฉลิม ถ้าเชื่อคำสั่งของ ร.ต.อ.เฉลิม ว่า ชอบด้วยกฎหมายก็รับกรรมไป ไม่สมควรเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอีกต่อไป เพราะท่านกำลังกระทำการคุกคามสิทธิ์เสรีภาพของสื่อ ทำลายสิทธิ์เสรีภาพในการรับรู้ของประชาชน ท่านต้องเป็นจำเลยในคดีรัฐธรรมนูญ ทั้งในคดีแพ่งและคดีอาญาอีกด้วย อีกทั้งไม่มีหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านปลัด เป็นเพียงคำพูดที่อวดอ้างไปตามสายไม่มีสาระเท่านั้นเอง
"ถ้าหากผู้ว่าราชการทั้งหลายเกิดบ้องตื้นทำตามคำสั่งของ ร.ต.อ.เฉลิม ผลที่จะกระทบไปทั่วโลก คือต่างประเทศจะต้องจ้องดู และเชื่อว่า รัฐบาลนี้คุกคามสื่อ นอกจากจะคุกคามสื่อแล้ว รัฐบาลนี้ยังใช้กลไกของรัฐอันเป็นกลไกของการปกครองเช่นเดียวกับตำรวจ ทำการคุกคามสื่อและสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ของประชาชน ซึ่งตนขอย้ำอีกครั้งว่าขอให้ท่านผู้ว่าราชการพินิจพิเคราะห์ อย่าตามใจแล้วคิดว่าจะได้ดี หรือได้ตำแหน่งที่ดีกว่าเดิมโดยไม่คำนึงถึงแบบแผนของระเบียบราชการ" ดร.ปราโมทย์ กล่าว
สภาทนายชี้ต้องดูว่า"ชอบโดย กม.หรือไม่"
นายเดชอุดม ไกรฤกษ์ นายกสภาทนายความ ให้ความเห็นถึงกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม ประกาศให้ผู้ว่าฯทั่วประเทศ ใช้กฎหมายแจ้งจับสถานีโทรทัศน์ ASTV ได้ทันที รวมถึงเคเบิลทีวี ที่มีการรับสัญญาณไปเผยแพร่ ว่า จะต้องดูด้วยว่า คำสั่งที่ออกโดย รมว.มหาดไทย ชอบโดยกฎหมายหรือไม่ เพราะกฎหมายสามารถดำเนินการกับผู้กระทำผิดได้ อย่างไรก็ตาม หากจะใช้วิธีการอารยะขัดขืน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
จี้ ม.รามถอดปริญญาเอก"เป็ดเหลิม"
นายไทกร พลสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายอีสานกู้ชาติ กล่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายวานนี้วันเดียวกัน กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง กว่า 50 คน ได้ติดต่อเข้ายื่นหนังสือกับ นายคิม ไชยแสนสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยรามคำแหง และสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ถอดถอนวิทยานิพนธ์ ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ที่เชื่อว่าเป็นวิทยานิพนธ์กำมะลอ และไร้มาตรฐานของวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยมาตรฐานทั่วไป และเพื่อศักดิ์ศรีของชาวรามคำแหง โดยอย่าปล่อยให้นักการเมืองเข้ามาหากินกับมหาวิทยาลัย
อย่างไรก็ตาม อธิการบดี รวมทั้งรองอธิการบดี ที่อยู่ในอาคาร ปฏิเสธจะมารับหนังสือ กลับเก็บตัวเงียบ มีเพียงเจ้าหน้าที่สำนักอธิการบดีมหาวิทยาลัยฯ มารับหนังสือจากตัวแทนนักศึกษา 5 คนเท่านั้น โดยแจ้งว่า จะนำหนังสือดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยรามคำแหงโดยด่วน
นายไทกร ระบุอีกว่า หลังจากการยื่นหนังสือดังกล่าว ทำให้นักศึกษารามคำแหงโดยทั่วไป เกิดอาการตื่นตัว โดยเฉพาะนักศึกษาใหม่ที่เปิดเทอมแล้ว จับกลุ่มกันพูดคุยตามซุ้มต่างๆ ของรามคำแหง ถึงการเข้ายื่นหนังสือเพื่อถอดถอนวิทยานิพนธ์ของ ร.ต.อ.เฉลิม โดยหลายคนเห็นว่า หากไม่มีการถอดถอนวิทยานิพนธ์ฉบับดังกล่าว จะทำให้รามคำแหงขาดความน่าเชื่อถือ
ขณะเดียวกัน 1-2 วันนี้ นักศึกษารามคำแหง เตรียมตั้งเวทีภายในสถาบันเพื่อชี้แจงให้นักศึกษาทั่วไปทราบถึงวิทยานิพนธ์กำมะลอ ที่ไร้มาตรฐานฉบับนี้ และหากอธิการบดี ยังคงเมินเฉย นักศึกษากลุ่มนี้ก็อาจจะต้องถึงขั้นประท้วงขับไล่อธิการบดี ซึ่งถือว่าเป็นคนของนายรังสรรค์ แสงสุข อดีตอธิการบดีฯ ที่เป็นนักประสานผลประโยชน์และสมคบกับระบอบทักษิณ และสร้างเครือข่ายเพื่อรับใช้พรรคไทยรักไทยในอดีต
"นักศึกษารามคำแหง เขาอับอาย ที่ร.ต.อ.เฉลิม สร้างความเสื่อมเสียให้กับสถาบัน เขามองว่า ม.รามฯ ทำไมถึงขายปริญญาให้กับ ร.ต.อ.เฉลิม ขณะที่อาจารย์ คิม ก็ไม่กล้าออกตัวเพื่อเป็นศัตรูกับนายรังสรรค์ ไม่กล้าออกมาเรียกร้องศักดิ์ศรีของสถาบัน เพราะเขาเป็นลูกน้องกัน" นายไทกร กล่าว
เสี้ยม ม.รามฯ ชน ม.เกษตรฯ
ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงการปราศรัยบนเวที การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่พาดพิงถึง ม.รามคำแหงนั้น ทราบว่านายกฯ ม.รามคำแหง และประธานสภาการนักศึกษา ม.รามคำแหง หารือแล้วว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีการไปยื่นหนังสือให้ ม.เกษตรศาสตร์ ให้ดำเนินการกับนายภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์ ม.เกษตรศาสตร์ ที่ขึ้นเวทีกลุ่มพันธมิตรฯ และพูดจาดูถูกเหยียบย่ำ ม.รามคำแหง หากไม่มีการดำเนินการกับนายภูวดล ม.รามคำแหง ก็จะทำสงครามกับ ม.เกษตรศาสตร์ จากนั้นจะเป็นคิวจัดการ นายสนธิ และศิษย์เก่า ม.รามคำแหง คนอื่นๆ ต่อไป
รัฐบาลต้องการเห็นประชาชนโง่
จากกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ออกมาระบุว่าจะใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 85 มาจัดการกับสถานีโทรทัศน์ASTV และเคเบิ้ลอื่นๆ โดยอ้างว่าเป็นการโฆษณาชวนเชื่อประชาชนให้ร่วมกระทำความผิดนั้น นายสมชาย แสวงการ ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา บอกว่า รัฐมนตรีฯต้องดูกฎหมายให้รอบคอบ เพราะประชาชนมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญในการชุมนุมโดยสันติ
ส่วนการจะใช้มาตรา 85 ของประมวลกฎหมายอาญามาจัดการ โดยอ้างว่าเป็นการชักจูง นายสมชายเห็นว่าผู้ว่าฯจังหวัดแต่ละจังหวัดที่ได้รับคำสั่ง และรัฐมนตรีฯต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะสิทธิ และเสรีภาพในการนำเสนอข่าวสารเป็นสิทธิอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งมาตรา 45 วรรค 4 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญระบุว่า การห้ามหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนอื่น เสนอข่าวสาร หรือแสดงความคิดเห็นทั้งหมดหรือบางส่วน หรือแทรกแซงด้วยวิธีการใดๆ เพื่อลิดรอนเสรีภาพตามมาตรานี้ จะกระทำมิได้
อีกทั้งรัฐธรรมนูญ 2550 ยังมีอีกหลายมาตรา ที่ให้สิทธิและเสรีภาพประชาชนในการชุมนุม ซึ่งการกระทำในลักษณะนี้อาจมองได้ว่า เป็นการสกัดกั้นการนำเสนอข่าวสารของASTV
"หากการกระทำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยครั้งนี้ ประจักษ์ได้ว่าเป็นการบริหารราชการแผ่นดินมิชอบ ในฐานะที่เป็นสมาชิกวุฒิสภา และเป็นประธานฯจะต้องเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ และอาจนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯว่าขัดกับสิทธิ และเสรีภาพหรือไม่ ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกวุฒิสภาหลายคนให้ความสนใจในเรื่องนี้"
ขณะที่นายวรินทร์ เทียมจรัส สมาชิกวุฒิสภา บอกว่า การที่จะปิดสื่อสารมวลชน ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไม่สามารถกระทำได้ เพราะในรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 ได้คุ้มครองไว้ และแม้ว่าขณะนี้จะมีกฎหมายประกอบกิจการวิทยุและโทรทัศน์แล้ว แต่กลไกยังไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะยังไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระเข้ามาควบคุมดูแล ส่วนจะใช้อำนาจตามกฎหมายอื่น ก็ไม่สามารถกระทำได้เช่นกัน
เคเบิลทั่วปท.ต้านคำสั่ง"เป็ดเหลิม"
จากคำสั่งของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ให้เอาผิดสถานีโทรทัศน์ ASTV และให้มีเคเบิลทีวีที่มีการรับสัญญาณไปเผยแพร่อาจจะมีความผิดจนถึงขั้นสั่งหยุดการถ่ายทอดสัญญาณ ทำให้เกิดปฎิกิริยาอย่างรุนแรงจากสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ที่สำคัญผู้ประกอบการเคเบิลทีวีทั่วประเทศต่างแสดงท่าทีคัดค้าน"คำสั่ง"ดังกล่าว
นายเกษม อินทร์แก้ว นายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรายังทราบแน่ชัด พวกเราคงยังทำตามไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าจะตอบคำถามประชาชนอย่างไร เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่ ต้องการที่จะชมช่องสัญญาณของ ASTV หากปิดไป สมาชิกคงจะยอมและทางเราไม่มีคำตอบที่ชัดเจนให้
ดังนั้น หากทางรัฐมนตรีมหาดไทย จะให้กำหนดแพร่ภาพจริงๆ จะต้องทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรมาใช้ชัดเจน เพื่อที่เราจะได้ตอบคำถามกับประชาชนได้ว่า หยุดแพร่ภาพเพราะอะไร ซึ่งในวันจันทร์ 16 มิ.ย.นี้ คณะกรรมการสมาคมฯ พร้อมเดินทางไปพบกับร.ต.อ.เฉลิม เพื่อสอบถามความชัดเจนในเรื่องการดังกล่าว
ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีในพื้นที่ภาคตะวันออก กล่าวว่า เราจะยังไม่หยุดแพร่ภาพสัญญาณของ ASTV อย่างแน่นอน จนกว่าจะมีหนังสือออกมาจากกระทรวงมหาดไทย หรือคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดว่า ให้หยุดแพร่ภาพอย่างชัดเจน
"ที่ผ่านมา แค่สัญญาณ ASTV ไม่ชัดเจน สมาชิกจะโทรศัพท์มาต่อจำนวนมาก และประกาศว่า หากเคเบิลทีวีเข้าข้างรัฐบาลพร้อมจะเลิกเป็นสมาชิก ทั้งที่เราก็เป็นเพียงสื่อกลางเผยแพร่ข่าวสารในทั้ง 2 ด้าน ดังนั้น หากจะให้หยุดแพร่ภาพจริงๆ คงต้องมีคำตอบที่ชัดเจน"
รัฐบาลเผด็จการสั่งถอดสัญญาณ ASTV
แหล่งข่าวผู้ประกอบการเคเบิลทีวีรายหนึ่งใน จ.ชลบุรี กล่าวว่า ตามข่าวการให้สัมภาษณ์ของ มท.1 ที่ระบุว่า จะเอาผิดกับผู้ประกอบการเคเบิ้ลทีวีที่แพร่ภาพการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ถือว่าเป็นคำสั่งเผด็จการ ที่ผู้ประกอบการไม่สามารถปฏิบัติตามได้ และยืนยันจะแพร่ภาพต่อไปจนกว่า มท.1 จะชี้แจงได้ว่าการแพร่ภาพการชุมนุมผิดกฎหมายตามมาตราใด
"ยังบอกไม่ได้ว่า ในที่สุดเราจะต้องปิดช่อง ASTV หรือไม่ แต่ในช่วงเวลานี้ บอกได้เลยว่า เราทำหน้าที่ในฐานะสื่อสารมวลชน ที่มีความจำเป็นต้องเผยแพร่ข้อมูลทุกด้านให้แก่สมาชิกได้รับทราบ ซึ่ง ASTV มีแฟนประจำที่ดูทั้งวันทั้งคืนเป็นจำนวนมาก และหากเราปิดจะชี้แจงกับสมาชิกว่าอย่างไร ดังนั้น การที่จะสั่งไม่ให้แพร่ภาพก็ต้องดูว่า มท.1 ใช้กฎหมายข้อใดซึ่งก็ต้องแจ้งมาให้ชัดเจน เพราะหากเป็นเพียงคำขู่ที่กล่าวเพียงวาจา ถือเป็นเรื่องเผด็จการ และมันก็ไม่ต่างอะไรกับการกระทำของรัฐบาลทักษิณในช่วง 2-3 ปีก่อน และสุดท้ายการก็จะปลุกมวลชนให้ลุกฮือและเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯมากกว่าที่เป็นอยู่"
"เป็ดเฉลิม"ทำลายธุรกิจเคเบิลทีวี
ด้านผู้ประกอบการเคเบิลทีวีพานทอง กล่าวว่า มาตรการดังกล่าว ผู้ประกอบการหวั่นส่งผลกระทบต่อธุรกิจ และหากเกิดขึ้นหน่วยงานใดหรือใครจะมาเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งเรื่องนี้ผู้ประกอบการขอให้จังหวัดเห็นใจต่อปัญหาดังกล่าวด้วย แต่เมื่อเป็นการขอความร่วมมือจากจังหวัด ผู้ประกอบการก็ต้องปฏิบัติตามในเรื่องนี้
นายอรรถสิทธิ์ เชื้อชูชาติ กรรมการบริหาร ชมรมผู้ประกอบการเคเบิลทีวี จ.ชลบุรี ที่เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มผู้ประกอบการในทุกพื้นที่ของจังหวัด 19 ราย กล่าวว่า แม้ ASTV จะมิใช่ปัจจัยบวกหรือลบ ที่จะมีผลต่ออัตราการเติบโตหรือลดลงของยอดสมาชิก แต่ก็ต้องยอมรับว่า ASTV โดยเฉพาะช่อง News 1 ได้กลายเป็นโปรแกรมหลัก ที่ถูกบรรจุในผังรายการของแต่ละผู้ประกอบการไปแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการแต่ละแห่ง มักจะถูกสอบถามจากผู้ต้องการติดตั้งเคเบิลทีวีรายใหม่อยู่ตลอดว่า มีคลื่นสัญญาณดังกล่าวในผังรายการหรือไม่ และหากเคเบิลทีวีรายใด้ไม่มีช่องสัญญาณนี้ ลูกค้ารายใหม่ก็จะตัดสินใจหันไปติดตั้งจาน ASTV แทน
ในส่วนดำเนินงานของโสภณเคเบิลทีวี พัทยา ที่ในวันนี้มีสมาชิกในเขตพื้นที่เมืองพัทยาไม่น้อยกว่า 1 หมื่นคน
นายอรรถสิทธิ์ กล่าวว่า ในฐานะผู้จัดการ บริษัท โสภณเคเบิลทีวี พัทยาว่า หากวันใดการดึงสัญญาช่อง News 1 มีปัญหา บริษัทฯ จะถูกต่อว่าจากสมาชิกเป็นจำนวน ทำให้ต้องใช้ระบบสำรองเพื่อป้องกันการไม่สามารถแพร่ภาพได้ คือหากสัญญาณดาวเทียมมีปัญหาและถูกรบกวนบ่อย บริษัทจะใช้วิธีดึงภาพจากระบบอินเตอร์เน็ท เพื่อแพร่ภาพให้สมาชิกได้ชมแทน
ในส่วนของ จ.ภูเก็ต จากการสอบถามไปยังผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่นรายหนึ่ง ซึ่งให้บริการในเขตพื้นที่ อ.เมืองภูเก็ต ระบุว่า ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ จ.ภูเก็ต โทร.มาขอความร่วมมือให้หยุดถ่ายทอดสัญญาณดาวเทียมช่อง ASTV แล้ว ซึ่งในส่วนของตนนั้นจะยื้อถ่ายทอดสัญญาณดาวเทียมช่อง ASTV ต่อไปจนถึงที่สุด ซึ่งไม่ทราบว่า จะถึงเมื่อไหร่ แต่หากสถานการณ์รุนแรงจนอยากเกินควบคุม ก็คงต้องหยุดการส่งสัญญาณช่อง ASTV เนื่องจากหากไม่ทำตามก็จะถูกสั่งปิดกิจการทันที อันจะทำให้มีผลกระทบต่อธุรกิจ
นายณัชจรงค์ เอกเพิ่มทรัพย์ ประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลคิดย้อนกลับไปถึงช่วงที่สั่งถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ออกจากช่อง 9 ว่า เหตุการณ์ และปฏิกิริยาของประชาชนเป็นอย่างไร และครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน หากการดำเนินการใด ๆ ของรัฐบาลที่เป็นการยั่วยุอารมณ์ของประชาชน จนนำมาซึ่งสถานการณ์ที่รุนแรงจนยากเกินการควบคุม รมว.มหาดไทย และนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐบาล(ครม.)นอมินีทั้งหมดต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และหากเคเบิลทีวีท้องถิ่นระงับสัญญาณการออกอากาศช่อง ASTV จริงนั้น ในส่วนของ จ.ภูเก็ต ประชาชนสามารถเดินทางมารับชมการถ่ายทอดบรรยากาศการรวมตัวของพี่น้องพันธมิตรฯจากถนนราชดำเนินได้ที่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต ได้ทำการตั้งจอโปรเจคเตอร์มาตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.51 เป็นต้นมา และขณะนี้ได้เริ่มถ่ายทอดสัญญาณเสียงเร็วกว่าทุกวันด้วย
ASTV ทำให้ยอดสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ
สำหรับ จ.สงขลา ถือว่า สถานีโทรทัศน์เคเบิลทีวีท้องถิ่น ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันมีผู้ให้บริการ 4 ราย กระจายอยู่ในทั้ง อ.เมืองสงขลา, หาดใหญ่ และสะเดา
ส่วนที่ จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีท้องถิ่นเองก็ไม่ได้หวั่นไหวกับคำสั่งดังกล่าว และยังคงเปิดให้บริการลูกค้าตามปกติ ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกเพิ่มขึ้นราว 60% ในช่วงที่พันธมิตรฯมีการเคลื่อนไหวเพื่อเปิดโปง ล้วงลึกปัญหารอบด้านที่ส่งผลกระทบต่อปากท้องประชาชน การทุจริต และสมบัติของประเทศ
NGO แพร่ลั่นปิดสัญญาณเข้ากรุงทันที
ส่วนที่ จ.แพร่ ผู้ชม ASTV ส่วนใหญ่ได้รับชมจากเคเบิลทีวี ที่ประจำอยู่ในอำเภอต่างๆ โดยเฉพาะเคเบิลทีวีใน อ.เมือง อ.สูงเม่น ยังคงได้รับชมโทรทัศน์อยู่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดนายพงศ์ศักดิ์ พลายเวช ผู้ว่าฯแพร่ ยังไม่กล้าตัดสินใจในการสั่งให้เคเบิลทีวีปิดสัญญาณของ ASTV อย่างไรก็ดี ถ้ามีการสั่งปิดก็จะเดินทางเข้า กทม.ทันที
พันธมิตรฯเมืองน้ำดำร่วมชุมนุม
นายสุระพงษ์ ยะนะโชติ แกนนำกลุ่มพันธมิตรกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในวันอังคารที่ 17 มิ.ย.นี้ ทางกลุ่มฯจะเข้าไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯที่กรุงเทพฯ โดยจะเดินทางไปประมาณอย่างน้อย 50 คน และขอเรียกร้องให้ นายสมัครฯ อย่ายุบสภา แต่ให้ลาออกแล้วปล่อยให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แล้วให้ "เฉลิม" เข้าไปว่าความให้เอง เพื่อเป็นการทดสอบความรู้ที่เรียนมา
วานนี้ ( 13 มิ.ย.) มีการประชุมประจำเดือนของกระทรวงมหาดไทย โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุม ซึ่งการประชุมครั้งนี้ เป็นการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ
ในที่ประชุม นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เฝ้าติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวสาขาของกลุ่มพันธมิตร เพื่อประชาชนและประชาธิปัตย์ ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และหากจังหวัดใดมีทั้งกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มต่อต้าน ก็ต้องดูแลแก้ไขปัญหา อย่าให้เกิดการเผชิญหน้ากัน โดยควรเร่งชี้แจงทำความเข้าใจโดยด่วน
ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม ได้สั่งผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ฟังอยู่เตรียมปากกาขึ้นมาจดข้อกฎหมายที่ตนศึกษามา และนำไปชี้แจงกับประชาชนในพื้นที่ เคเบิลทีวี หรือสถานีโทรทัศน์ระบบบอกรับในจังหวัดที่รับเอาสัญญาณของช่องASTVไปเผยแพร่ต่อนั้น ถือเป็นการทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 85 ฐานโฆษณา หรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิด ซึ่งผู้ว่าฯ ต้องใช้มาตรการทางการปกครอง ขอร้องผู้ประกอบการเคเบิลทีวี ให้ยุติการออกอากาศ หากขอร้องแล้วไม่ได้รับความร่วมมือ ผู้ว่าฯต้องแจ้งความดำเนินคดี
โดยในที่ประชุม ร.ต.อ.เฉลิม สั่งให้ผู้ว่าฯ เรียกประชุมผู้บังคับการตำรวจแต่ละจังหวัด เพื่อหารือถึงการดำเนินการเรื่องนี้ ว่า ปล่อยให้มีการกระทำผิดได้อย่างไร การรับสัญญาณของASTVไปเผยแพร่ต่อ ต้องถือว่าเจ้าของเคเบิลมีส่วนร่วมในการกระทำผิดด้วย ผู้ว่าฯ ต้องเด็ดขาด อย่างไรก็ตามไม่ได้คิดทำเรื่องนี้เพราะถูกโจมตี หรืออาฆาตมาดร้ายพันธมิตรฯ แต่นายกรัฐมนตรี (นายสมัคร สุนทรเวช ) มอบหมาย ขอใช้บริการของกระทรวงมหาดไทย เพราะเคยทำได้ดีในเรื่องการดำเนินการกรณีเว็บไซต์ไม่เหมาะสม 29 เว็บไซต์
จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ได้แถลงข่าวหลังการประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ว่า การถ่ายทอดสดของASTV ซึ่งมีสถานีแม่อยู่ในกรุงเทพฯไปเผยแพร่ในภูมิภาคนั้น มีกระบวนการกฎหมาย ตนและคณะได้ทำการศึกษา ในประเด็นว่า 1. ใครเป็นคนทำผิด 2. ใครเป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิด 3. ใครเป็นผู้ใช้จ้างวานให้กระทำความผิด และ4. ใครเป็นผู้สนับสนุนให้กระทำความผิด แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 85 ระบุไว้ชัด ผู้ใดโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิด และความผิดนั้นมีโทษจำคุก ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ผู้นั้นต้องระวางโทษกึ่งหนึ่ง วรรค 2 ถ้าได้มีการกระทำผิดเพราะเหตุที่ได้มีการโฆษณา หรือประกาศตามวรรคแรก ผู้โฆษณาหรือประกาศต้องได้รับโทษเสมือนตัวการ คือ คนทำผิดรับโทษเท่าไร ผู้โฆษณาก็ต้องรับโทษเท่านั้น
"ถ้าผู้ประกอบการเคเบิ้ลทีวีเอารายละเอียดการถ่ายทอดสดไปจูนใส่เคเบิลทีวี และหรือนำเผยแพร่ ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีก็มีความผิด ซึ่งตนได้ขอไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ประสานกับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ให้ใช้มาตราการ 2 ส่วน คือ มาตรการทางการปกครอง ชี้แจงให้เกิดความเข้าใจว่า สิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่ผิดกฎหมาย ต้องถูกดำเนินคดี และจะดำเนินคดีได้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดต้องบันทึกเทป ต้องมีรายละเอียดและตำรวจต้องบันทึกเทปด้วยว่าเคเบิ้ลจังหวัดนั้น ได้ถ่ายทอดสดรับสัญญาณจากASTVซึ่งตรงนั้นก็เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี " ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวและตอกย้ำความเป็นรัฐบาลเถื่อนว่า "หากเรื่องนี้ผู้ว่าฯไม่ทำ ตำรวจไม่ทำ ก็ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก็จะมีความผิด" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
"เหลิม"เปิดศึกท้ารบคนดู ASTV ทั่วประเทศ
ในด้านของแกนนำพันธมิตรฯ นำโดย นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯร่วมแถลงข่าวในเวลา 18.00 น. โดยนายสุริยะใส หนึ่งในแกนนำ กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม มีคำสั่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศให้เคเบิ้ลทีวีท้องถิ่นระงับการเชื่อมต่อสัญญาณของสถานีโทรทัศน์ASTV ว่า คำสั่งดังกล่าว ใช้หลักยุทธศาสตร์ทางการเมืองคล้ายกับคดี นายสุนัย มโนมัยนอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดยใช้วิธีคุกคามแทรกแซงอำนาจตุลาการซึ่งการถ่ายทอดสดสัญญาณASTVนั้น ถูกต้องตามกฎหมายและได้รับการคุ้มครองตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด
ดังนั้น คำสั่งดังกล่าวของ ร.ต.อ.เฉลิม ถือเป็นคำสั่งที่มิชอบ ท้าทายอำนาจศาลและผิดรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 157 กรณีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและคุกคามสิทธิเสรีภาพประชาชน การอ้างว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯ ผิดกฎหมายและใช้ถ้อยคำหยาบคาย ยั่วยุ หมิ่นประมาทหรือผิดกฎหมายจราจรก็มีกฎหมายที่สามารถเอาผิดได้อยู่แล้ว
"การให้เหตุผลในการระงับการถ่ายทอดสดASTV ถือว่า ไม่ได้ทำให้ประชาชนมาชุมนุมลดน้อยลงไป ตรงกันข้ามมีประชาชนเข้าร่วมการชุมนุมมากขึ้นเช่นเดียวกับวันที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งสลายการชุมนุม คำสั่งดังกล่าวของ มท.1 แสดงให้เห็นถึงความไม่รู้กฎหมาย และกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวได้" นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบการปิดช่องสัญญาณได้ถ่ายทอดสัญญาณได้ลุกลามไปหลายสิบจังหวัด เช่น กทม., จ.ลพบุรี และจ.พัทลุง ซึ่งทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะรวบรวมหลักฐานและแถลงการณ์บนเวทีอีกครั้งหนึ่ง หากจะตีกรอบครอบคลุมอย่างเคร่งครัด คำสั่งดังกล่าวส่งผลไปยังสถานีฟรีทีวีทุกช่องรวมถึงวิทยุชุมชนหลายร้อยสถานีที่มีการรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯด้วย
อย่างไรก็ตาม นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงมวลชนกลุ่มพันธมิตรฯ จ.พัทลุงที่เตรียมเคลื่อนขบวนมายังบ้าน ร.ต.อ.เฉลิม แสดงให้เห็นว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ไม่พอใจเพราะรู้สึกว่า การกระทำดังกล่าวปิดหูปิดตาประชาชน ไม่ให้รับรู้ข้อมูลข่าวสารจึงมีสิทธิทวงถาม ส่วนตัวมองว่าเห็นว่าควรที่จะไปเพื่อทวงถามสิทธิความชอบธรรม แต่ทั้งนี้ต้องรอมติในที่ประชุมว่าจะไปวันไหน
ด้าน นายพิภพ กล่าวว่า เรียกร้องให้ ร.ต.อ.เฉลิม อย่าเอาเปรียบราชการชั้นผู้น้อยซึ่งไม่ควรใช้คำสั่งเป็นถ้อยคำ วาจาขอให้ย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ 14 ตุลา ที่รัฐบาลเผด็จการพยามปิดกั้นข้อมูลข่าวสารของนักศึกษาธรรมศาสตร์ ส่งผลให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมมากขึ้นจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลในที่สุด เชื่อว่าจะมีคนมาร่วมชุมนุมมากขึ้นเพื่อประท้วงคำสั่งของ ร.ต.อ.เฉลิม
อย่างไรก็ตาม ข้าราชการที่เป็นสมาชิกASTV รวมทั้งประชาชนจากหลายๆ หมู่บ้านเตรียมยกเลิกเป็นสมาชิกของเคเบิลทีวีแล้ว ซึ่งทำให้สูญเสียรายได้ ขณะนี้ภาคใต้จะมีม็อบประท้วงคำสั่งดังกล่าวที่ศาลาว่าการของแต่ละจังหวัด
ขณะที่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงธาตุแท้ของรัฐบาลเผด็จการที่ใช้อำนาจโดยมิชอบละเมิดสิทธิประชาชน คำสั่งดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญไม่สามารถใช้ได้ เป็นพฤติกรรมของพวกเผด็จการที่กลัวความจริงจะถูกเปิดเผย กลัวการตรวจสอบและกลัวความโปร่งใส
นอกจากนี้ นายสุริยะใส กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีกลุ่มผู้ชุมนุมหลายกลุ่มขอเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ นั้น ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้ปฏิเสธแต่เรื่องนี้จะต้องมีการประชุมหารือในที่ประชุมก่อน โดยกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะขอเข้าร่วมจะต้องยอมรับเงื่อนไขของพันธมิตรฯตามแนวทางขับไล่รัฐบาล ซึ่งหากเรียกร้องผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเองก็จะขอปฏิเสธไม่ให้เข้าร่วม
สำหรับบรรยากาศบนเวทีปราศรัยเมื่อเวลา 19.00 น. ผู้ปราศัยประกาศกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า สัญญาณถ่ายทอดสดของASTVได้ถูกตัดไปแล้ว จากนั้นเวลา 19.45 น. สัญญาณถ่ายทอดสดการชุมนุมฯ ในกรุงเทพฯ ได้หายไปประมาณ 3 นาที ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมโห่ร้องแสดงความไม่พอใจ หลังจากนั้นกลุ่มผู้บริหารASTVจะเดินทางไป สน.ชนะสงคราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดี
คนขอนแก่นล้อมจวนผู้ว่าฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปฏิกิริยาล่าสุด หลังจากนายจตน์ ธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการ จ.ขอนแก่น ได้เรียกประชุมผู้ประกอบการเคเบิ้ลทีวีท้องถิ่นในจังหวัด เพื่อขอความร่วมมือในการงดถ่ายทอดรายการจาก ASTV ตามคำสั่งของ ร.ต.อ.เฉลิม โดยอ้างว่า ASTV ถ่ายทอดการชุมนุมของพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นการกระทำผิดฐานทำให้สังคมเกิดความแตกแยก จึงขอความร่วมมือให้เคเบิลทีวีในจังหวัดงดการถ่ายทอดรายการจาก ASTV เริ่มตั้งแต่เวลา 6 โมงเย็นไปจนถึงเที่ยงของวันรุ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นมา เคเบิลทีวีในจังหวัดขอนแก่นได้ทยอยตัดสัญญาณ ASTV ทำให้ประชาชนที่เคยรับชมการถ่ายทอดการชุมนุมของพันธมิตรฯ ได้รวมตัวกันเดินทางไปที่หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมกับเปิดไฟหน้ารถ ทำให้นายเจตน์ หนีออกจากจวนไปตั้งแต่เวลาประมาณ 19.00 น.
จากนั้น ประชาชนจากที่ต่างๆ อาจารย์มารวมทั้งนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ทยอยเดินทางมาสมทบที่หน้าจวนผู้ว่าฯ มากขึ้นเรื่องๆ จนเวลาประมาณ 20.30 น.มีประมาณ 300-400 คน ซึ่งผู้ชุมนุมได้ส่งเสียงตะโกน "ผู้ว่าออกไป....เอาสัญญานคืนมา" ดังกึกก้องหน้าจวน โดยยืนยันว่าจะชุมนุมตลอดคืนจนกว่าจะมีการถ่ายทอดสัญญาน ASTV ดังเดิม ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 20 คน ตรึงกำลังไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าไปในจวนผู้ว่า
ขณะเดียวกัน ได้มีการส่งตัวแทนประชาชนส่วนหนึ่ง ไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ในข้อหาปิดกั้นเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเจตน์ถือเป็นคนใกล้ชิดของนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ขอนแก่น และเคยเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ต่อมาได้รับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนได้ดิบได้ดีเป็น รมช.มหาดไทย ทั้งนี้ นายเจตน์เพิ่งย้ายมาจากจังหวัดนครนายก และเหลือเวลารับราชการอีกไม่เกิน 5 เดือน
"สนธิ"เตรียมร้องศาลปกครอง
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ได้กล่าวกับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมชุมนุม โดยเริ่มย้อนอดีตให้เห็นถึงกรณีการปิดกั้นการรับรู้ข่าวสารของรัฐบาลทักษิณ เมื่อปี 2548 ที่เริ่มจากการปิดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ทางช่อง 9 จนนำไปสู่ความไม่พอใจของประชาชนที่ถูกปิดกั้นไม่ได้รับรู้ความจริง จนต้องออกมาขับไล่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ จนต้องออกไป
นายสนธิ กล่าวว่า คำสั่งของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ที่ห้ามเคเบิลทีวี ถ่ายทอดสัญญาณ เอเอสทีวีในครั้งนี้ เท่ากับเป็นการราดน้ำมันบนกองเพลิง และสาเหตุเป็นเพราะ ร.ต.อ.เฉลิม ทนไม่ได้ที่ความจริงต้องถูกเปิดโปง และคำสั่งครั้งนี้เหมือนกับว่า ได้เขียนใบมรณะบัตรให้แก่ตัวเอง และอายุของรัฐบาลนี้ได้หมดสิ้นแล้ว
"รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลเถื่อน ที่มาจากการโกงเลือกตั้ง ดังนั้นรัฐมนตรีเถื่อน คำสั่งจึงไม่ชอบ" นายสนธิ ระบุ พร้อมเตือนสมาคมเคเบิล ที่รับคำสั่งจากรัฐบาลเถื่อนชุดนี้จะเสียใจ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง เพราะนักการเมืองอยู่ได้อีกไม่นานจะต้องสูญเสียลูกค้า และนายสนธิได้เรียกร้องให้ผู้ที่เป็นสมาชิก ยกเลิกการเป็นสมาชิกให้หมด
นายสนธิ กล่าวว่า ในจันทร์ที่ 16 มิ.ย.นี้ จะส่งทนายความของASTVไปร้องศาลปกครอง เนื่องจากคำสั่งของ ร.ต.อ.เฉลิม ครั้งนี้เป็นคำสั่งมิชอบ และจะให้ประชาชนเป็นโจทก์ร่วม
"กฏหมายที่คุณเฉลิมอ้างสารพัดนั้น จะเหนือกว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุดที่ให้สิทธิกับประชาชนได้อย่างไร ดังนั้นเวลานี้คุณเฉลิม กำลังหาเรื่องกับคนทั่วประเทศ และขอเรียกร้องให้จดจำเป็นสัจจะวาจา ให้เช็กบิลคนในตระกูลอยู่บำรุงตลอดไป" นายสนธิกล่าว
ท้า"เหลิม"รีบสั่งปิด ASTV ด่วน
นายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 การที่จะปิดสถานีวิทยุ โทรทัศน์ หรือสื่อต่างๆ ไม่สามารถทำได้ ถ้าหากจะทำต้องมีกฎหมายเฉพาะเรื่องเท่านั้น แต่กฎหมายฉบับนั้น ยังไม่มีผลบังคับใช้ หากรัฐมนตรีทำเช่นนี้จริง ถือว่าเป็นการแทรกแซงสื่อ ถ้า ร.ต.อ.เฉลิม คิดว่าทำได้ ให้รีบทำอย่ารอช้า เดี๋ยวจะถือว่าเป็นการละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่
"ถ้าอยากทำ ให้รีบสั่งการผู้ว่าฯได้เลย ถ้าสั่งการแล้วอย่าลืมส่งสำเนาเอกสารไปให้ASTVด้วย สื่อจะได้ช่วยเผยแพร่ข่าวออกไป หรือว่าจะส่งสำเนามาที่วุฒิสภาก็ได้ เราจะได้ช่วยขยายข่าวนี้ให้" นายวรินทร์ กล่าว
คุกคามสื่อ-ปิดกันการรับรู้ข่าวสาร
วานนี้ (13 มิ.ย.) ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ นักรัฐศาสตร์อาวุโส กล่าวบนเวทีว่า ร.ต.อ.เฉลิม น่าจะลืมอ่านกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรหนึ่งไป ซึ่งเป็นมาตรา 69 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 50 ที่มีใจความว่า บุคคลย่อมมีสิทธิ์ต่อต้านโดยสันติวิธี ซึ่งการกระทำใดๆที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ จึงอยากจะให้ร.ต.อ.เฉลิมกลับไปอ่านรัฐธรรมนูญนี้อีกรอบ ซึ่งแท้ที่จริงพวกเราเผลอไป พวกเรามัวแต่เผลอกับการเลือกตั้ง ตื่นเต้นกับพรรคฝ่ายค้าน ตื่นเต้นกับการมีรัฐธรรมนูญ จนกระทั่งลืมไปว่ารัฐบาลที่มีอยู่นี้เป็นรัฐบาลที่มิชอบด้วยกฎหมายมาตั้งแต่ต้น
"การมิชอบด้วยกฎหมายของร.ต.อ.เฉลิม ที่เห็นได้ชัด คือ เรื่องการคุกคามเสรีภาพ และสิทธิเสรีภาพการรับรู้ของประชาชน ตลอดจนสิทธิที่จะชุมนุมโดยสงบ และที่ต่างประเทศก็มีการชุมนุมคัดค้านกัน ซึ่งไม่มีรัฐบาลประเทศไหนนำสิ่งเหล่านี้ไปเป็นข้ออ้างว่าทำให้หุ้นตก ทำให้เศรษฐกิจเสียหาย และไม่มีใครไปอ้างกฎหมายจราจร เพราะว่าใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ที่ออกมาอ้างแบบนี้ได้ทำลายเศรษฐกิจมากกว่าการออกมาเรียกร้องของประชาชนเป้น 10 เท่า" ดร.ปราโมทย์ กล่าว
ดร.ปราโมทย์ กล่าวต่อว่า ตนได้วิเคราะห์จากคำบอกที่ ร.ต.อ.เฉลิม ออกคำสั่งให้ผู้ว่าฯปิดเคเบิลทีวี ซึ่งแท้ที่จริงนั้นมันไม่ได้เป็นคำสั่ง อย่าเพิ่งประฌามผู้ว่าฯ เพียงแต่เป็นการให้ผู้ว่าคิดดูว่า เหมาะสมหรือไม่ ถ้าหากเป็นการผิดกฎหมายให้จัดการอย่าให้เปิดASTV แต่อันที่จริง ผู้ว่าฯน่าจะมีสมองที่โตกว่า ร.ต.อ.เฉลิม ถ้าเชื่อคำสั่งของ ร.ต.อ.เฉลิม ว่า ชอบด้วยกฎหมายก็รับกรรมไป ไม่สมควรเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอีกต่อไป เพราะท่านกำลังกระทำการคุกคามสิทธิ์เสรีภาพของสื่อ ทำลายสิทธิ์เสรีภาพในการรับรู้ของประชาชน ท่านต้องเป็นจำเลยในคดีรัฐธรรมนูญ ทั้งในคดีแพ่งและคดีอาญาอีกด้วย อีกทั้งไม่มีหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านปลัด เป็นเพียงคำพูดที่อวดอ้างไปตามสายไม่มีสาระเท่านั้นเอง
"ถ้าหากผู้ว่าราชการทั้งหลายเกิดบ้องตื้นทำตามคำสั่งของ ร.ต.อ.เฉลิม ผลที่จะกระทบไปทั่วโลก คือต่างประเทศจะต้องจ้องดู และเชื่อว่า รัฐบาลนี้คุกคามสื่อ นอกจากจะคุกคามสื่อแล้ว รัฐบาลนี้ยังใช้กลไกของรัฐอันเป็นกลไกของการปกครองเช่นเดียวกับตำรวจ ทำการคุกคามสื่อและสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ของประชาชน ซึ่งตนขอย้ำอีกครั้งว่าขอให้ท่านผู้ว่าราชการพินิจพิเคราะห์ อย่าตามใจแล้วคิดว่าจะได้ดี หรือได้ตำแหน่งที่ดีกว่าเดิมโดยไม่คำนึงถึงแบบแผนของระเบียบราชการ" ดร.ปราโมทย์ กล่าว
สภาทนายชี้ต้องดูว่า"ชอบโดย กม.หรือไม่"
นายเดชอุดม ไกรฤกษ์ นายกสภาทนายความ ให้ความเห็นถึงกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม ประกาศให้ผู้ว่าฯทั่วประเทศ ใช้กฎหมายแจ้งจับสถานีโทรทัศน์ ASTV ได้ทันที รวมถึงเคเบิลทีวี ที่มีการรับสัญญาณไปเผยแพร่ ว่า จะต้องดูด้วยว่า คำสั่งที่ออกโดย รมว.มหาดไทย ชอบโดยกฎหมายหรือไม่ เพราะกฎหมายสามารถดำเนินการกับผู้กระทำผิดได้ อย่างไรก็ตาม หากจะใช้วิธีการอารยะขัดขืน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
จี้ ม.รามถอดปริญญาเอก"เป็ดเหลิม"
นายไทกร พลสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายอีสานกู้ชาติ กล่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายวานนี้วันเดียวกัน กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง กว่า 50 คน ได้ติดต่อเข้ายื่นหนังสือกับ นายคิม ไชยแสนสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยรามคำแหง และสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ถอดถอนวิทยานิพนธ์ ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ที่เชื่อว่าเป็นวิทยานิพนธ์กำมะลอ และไร้มาตรฐานของวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยมาตรฐานทั่วไป และเพื่อศักดิ์ศรีของชาวรามคำแหง โดยอย่าปล่อยให้นักการเมืองเข้ามาหากินกับมหาวิทยาลัย
อย่างไรก็ตาม อธิการบดี รวมทั้งรองอธิการบดี ที่อยู่ในอาคาร ปฏิเสธจะมารับหนังสือ กลับเก็บตัวเงียบ มีเพียงเจ้าหน้าที่สำนักอธิการบดีมหาวิทยาลัยฯ มารับหนังสือจากตัวแทนนักศึกษา 5 คนเท่านั้น โดยแจ้งว่า จะนำหนังสือดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยรามคำแหงโดยด่วน
นายไทกร ระบุอีกว่า หลังจากการยื่นหนังสือดังกล่าว ทำให้นักศึกษารามคำแหงโดยทั่วไป เกิดอาการตื่นตัว โดยเฉพาะนักศึกษาใหม่ที่เปิดเทอมแล้ว จับกลุ่มกันพูดคุยตามซุ้มต่างๆ ของรามคำแหง ถึงการเข้ายื่นหนังสือเพื่อถอดถอนวิทยานิพนธ์ของ ร.ต.อ.เฉลิม โดยหลายคนเห็นว่า หากไม่มีการถอดถอนวิทยานิพนธ์ฉบับดังกล่าว จะทำให้รามคำแหงขาดความน่าเชื่อถือ
ขณะเดียวกัน 1-2 วันนี้ นักศึกษารามคำแหง เตรียมตั้งเวทีภายในสถาบันเพื่อชี้แจงให้นักศึกษาทั่วไปทราบถึงวิทยานิพนธ์กำมะลอ ที่ไร้มาตรฐานฉบับนี้ และหากอธิการบดี ยังคงเมินเฉย นักศึกษากลุ่มนี้ก็อาจจะต้องถึงขั้นประท้วงขับไล่อธิการบดี ซึ่งถือว่าเป็นคนของนายรังสรรค์ แสงสุข อดีตอธิการบดีฯ ที่เป็นนักประสานผลประโยชน์และสมคบกับระบอบทักษิณ และสร้างเครือข่ายเพื่อรับใช้พรรคไทยรักไทยในอดีต
"นักศึกษารามคำแหง เขาอับอาย ที่ร.ต.อ.เฉลิม สร้างความเสื่อมเสียให้กับสถาบัน เขามองว่า ม.รามฯ ทำไมถึงขายปริญญาให้กับ ร.ต.อ.เฉลิม ขณะที่อาจารย์ คิม ก็ไม่กล้าออกตัวเพื่อเป็นศัตรูกับนายรังสรรค์ ไม่กล้าออกมาเรียกร้องศักดิ์ศรีของสถาบัน เพราะเขาเป็นลูกน้องกัน" นายไทกร กล่าว
เสี้ยม ม.รามฯ ชน ม.เกษตรฯ
ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงการปราศรัยบนเวที การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่พาดพิงถึง ม.รามคำแหงนั้น ทราบว่านายกฯ ม.รามคำแหง และประธานสภาการนักศึกษา ม.รามคำแหง หารือแล้วว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีการไปยื่นหนังสือให้ ม.เกษตรศาสตร์ ให้ดำเนินการกับนายภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์ ม.เกษตรศาสตร์ ที่ขึ้นเวทีกลุ่มพันธมิตรฯ และพูดจาดูถูกเหยียบย่ำ ม.รามคำแหง หากไม่มีการดำเนินการกับนายภูวดล ม.รามคำแหง ก็จะทำสงครามกับ ม.เกษตรศาสตร์ จากนั้นจะเป็นคิวจัดการ นายสนธิ และศิษย์เก่า ม.รามคำแหง คนอื่นๆ ต่อไป
รัฐบาลต้องการเห็นประชาชนโง่
จากกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ออกมาระบุว่าจะใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 85 มาจัดการกับสถานีโทรทัศน์ASTV และเคเบิ้ลอื่นๆ โดยอ้างว่าเป็นการโฆษณาชวนเชื่อประชาชนให้ร่วมกระทำความผิดนั้น นายสมชาย แสวงการ ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา บอกว่า รัฐมนตรีฯต้องดูกฎหมายให้รอบคอบ เพราะประชาชนมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญในการชุมนุมโดยสันติ
ส่วนการจะใช้มาตรา 85 ของประมวลกฎหมายอาญามาจัดการ โดยอ้างว่าเป็นการชักจูง นายสมชายเห็นว่าผู้ว่าฯจังหวัดแต่ละจังหวัดที่ได้รับคำสั่ง และรัฐมนตรีฯต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะสิทธิ และเสรีภาพในการนำเสนอข่าวสารเป็นสิทธิอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งมาตรา 45 วรรค 4 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญระบุว่า การห้ามหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนอื่น เสนอข่าวสาร หรือแสดงความคิดเห็นทั้งหมดหรือบางส่วน หรือแทรกแซงด้วยวิธีการใดๆ เพื่อลิดรอนเสรีภาพตามมาตรานี้ จะกระทำมิได้
อีกทั้งรัฐธรรมนูญ 2550 ยังมีอีกหลายมาตรา ที่ให้สิทธิและเสรีภาพประชาชนในการชุมนุม ซึ่งการกระทำในลักษณะนี้อาจมองได้ว่า เป็นการสกัดกั้นการนำเสนอข่าวสารของASTV
"หากการกระทำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยครั้งนี้ ประจักษ์ได้ว่าเป็นการบริหารราชการแผ่นดินมิชอบ ในฐานะที่เป็นสมาชิกวุฒิสภา และเป็นประธานฯจะต้องเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ และอาจนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯว่าขัดกับสิทธิ และเสรีภาพหรือไม่ ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกวุฒิสภาหลายคนให้ความสนใจในเรื่องนี้"
ขณะที่นายวรินทร์ เทียมจรัส สมาชิกวุฒิสภา บอกว่า การที่จะปิดสื่อสารมวลชน ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไม่สามารถกระทำได้ เพราะในรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 ได้คุ้มครองไว้ และแม้ว่าขณะนี้จะมีกฎหมายประกอบกิจการวิทยุและโทรทัศน์แล้ว แต่กลไกยังไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะยังไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระเข้ามาควบคุมดูแล ส่วนจะใช้อำนาจตามกฎหมายอื่น ก็ไม่สามารถกระทำได้เช่นกัน
เคเบิลทั่วปท.ต้านคำสั่ง"เป็ดเหลิม"
จากคำสั่งของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ให้เอาผิดสถานีโทรทัศน์ ASTV และให้มีเคเบิลทีวีที่มีการรับสัญญาณไปเผยแพร่อาจจะมีความผิดจนถึงขั้นสั่งหยุดการถ่ายทอดสัญญาณ ทำให้เกิดปฎิกิริยาอย่างรุนแรงจากสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ที่สำคัญผู้ประกอบการเคเบิลทีวีทั่วประเทศต่างแสดงท่าทีคัดค้าน"คำสั่ง"ดังกล่าว
นายเกษม อินทร์แก้ว นายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรายังทราบแน่ชัด พวกเราคงยังทำตามไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าจะตอบคำถามประชาชนอย่างไร เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่ ต้องการที่จะชมช่องสัญญาณของ ASTV หากปิดไป สมาชิกคงจะยอมและทางเราไม่มีคำตอบที่ชัดเจนให้
ดังนั้น หากทางรัฐมนตรีมหาดไทย จะให้กำหนดแพร่ภาพจริงๆ จะต้องทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรมาใช้ชัดเจน เพื่อที่เราจะได้ตอบคำถามกับประชาชนได้ว่า หยุดแพร่ภาพเพราะอะไร ซึ่งในวันจันทร์ 16 มิ.ย.นี้ คณะกรรมการสมาคมฯ พร้อมเดินทางไปพบกับร.ต.อ.เฉลิม เพื่อสอบถามความชัดเจนในเรื่องการดังกล่าว
ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีในพื้นที่ภาคตะวันออก กล่าวว่า เราจะยังไม่หยุดแพร่ภาพสัญญาณของ ASTV อย่างแน่นอน จนกว่าจะมีหนังสือออกมาจากกระทรวงมหาดไทย หรือคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดว่า ให้หยุดแพร่ภาพอย่างชัดเจน
"ที่ผ่านมา แค่สัญญาณ ASTV ไม่ชัดเจน สมาชิกจะโทรศัพท์มาต่อจำนวนมาก และประกาศว่า หากเคเบิลทีวีเข้าข้างรัฐบาลพร้อมจะเลิกเป็นสมาชิก ทั้งที่เราก็เป็นเพียงสื่อกลางเผยแพร่ข่าวสารในทั้ง 2 ด้าน ดังนั้น หากจะให้หยุดแพร่ภาพจริงๆ คงต้องมีคำตอบที่ชัดเจน"
รัฐบาลเผด็จการสั่งถอดสัญญาณ ASTV
แหล่งข่าวผู้ประกอบการเคเบิลทีวีรายหนึ่งใน จ.ชลบุรี กล่าวว่า ตามข่าวการให้สัมภาษณ์ของ มท.1 ที่ระบุว่า จะเอาผิดกับผู้ประกอบการเคเบิ้ลทีวีที่แพร่ภาพการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ถือว่าเป็นคำสั่งเผด็จการ ที่ผู้ประกอบการไม่สามารถปฏิบัติตามได้ และยืนยันจะแพร่ภาพต่อไปจนกว่า มท.1 จะชี้แจงได้ว่าการแพร่ภาพการชุมนุมผิดกฎหมายตามมาตราใด
"ยังบอกไม่ได้ว่า ในที่สุดเราจะต้องปิดช่อง ASTV หรือไม่ แต่ในช่วงเวลานี้ บอกได้เลยว่า เราทำหน้าที่ในฐานะสื่อสารมวลชน ที่มีความจำเป็นต้องเผยแพร่ข้อมูลทุกด้านให้แก่สมาชิกได้รับทราบ ซึ่ง ASTV มีแฟนประจำที่ดูทั้งวันทั้งคืนเป็นจำนวนมาก และหากเราปิดจะชี้แจงกับสมาชิกว่าอย่างไร ดังนั้น การที่จะสั่งไม่ให้แพร่ภาพก็ต้องดูว่า มท.1 ใช้กฎหมายข้อใดซึ่งก็ต้องแจ้งมาให้ชัดเจน เพราะหากเป็นเพียงคำขู่ที่กล่าวเพียงวาจา ถือเป็นเรื่องเผด็จการ และมันก็ไม่ต่างอะไรกับการกระทำของรัฐบาลทักษิณในช่วง 2-3 ปีก่อน และสุดท้ายการก็จะปลุกมวลชนให้ลุกฮือและเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯมากกว่าที่เป็นอยู่"
"เป็ดเฉลิม"ทำลายธุรกิจเคเบิลทีวี
ด้านผู้ประกอบการเคเบิลทีวีพานทอง กล่าวว่า มาตรการดังกล่าว ผู้ประกอบการหวั่นส่งผลกระทบต่อธุรกิจ และหากเกิดขึ้นหน่วยงานใดหรือใครจะมาเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งเรื่องนี้ผู้ประกอบการขอให้จังหวัดเห็นใจต่อปัญหาดังกล่าวด้วย แต่เมื่อเป็นการขอความร่วมมือจากจังหวัด ผู้ประกอบการก็ต้องปฏิบัติตามในเรื่องนี้
นายอรรถสิทธิ์ เชื้อชูชาติ กรรมการบริหาร ชมรมผู้ประกอบการเคเบิลทีวี จ.ชลบุรี ที่เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มผู้ประกอบการในทุกพื้นที่ของจังหวัด 19 ราย กล่าวว่า แม้ ASTV จะมิใช่ปัจจัยบวกหรือลบ ที่จะมีผลต่ออัตราการเติบโตหรือลดลงของยอดสมาชิก แต่ก็ต้องยอมรับว่า ASTV โดยเฉพาะช่อง News 1 ได้กลายเป็นโปรแกรมหลัก ที่ถูกบรรจุในผังรายการของแต่ละผู้ประกอบการไปแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการแต่ละแห่ง มักจะถูกสอบถามจากผู้ต้องการติดตั้งเคเบิลทีวีรายใหม่อยู่ตลอดว่า มีคลื่นสัญญาณดังกล่าวในผังรายการหรือไม่ และหากเคเบิลทีวีรายใด้ไม่มีช่องสัญญาณนี้ ลูกค้ารายใหม่ก็จะตัดสินใจหันไปติดตั้งจาน ASTV แทน
ในส่วนดำเนินงานของโสภณเคเบิลทีวี พัทยา ที่ในวันนี้มีสมาชิกในเขตพื้นที่เมืองพัทยาไม่น้อยกว่า 1 หมื่นคน
นายอรรถสิทธิ์ กล่าวว่า ในฐานะผู้จัดการ บริษัท โสภณเคเบิลทีวี พัทยาว่า หากวันใดการดึงสัญญาช่อง News 1 มีปัญหา บริษัทฯ จะถูกต่อว่าจากสมาชิกเป็นจำนวน ทำให้ต้องใช้ระบบสำรองเพื่อป้องกันการไม่สามารถแพร่ภาพได้ คือหากสัญญาณดาวเทียมมีปัญหาและถูกรบกวนบ่อย บริษัทจะใช้วิธีดึงภาพจากระบบอินเตอร์เน็ท เพื่อแพร่ภาพให้สมาชิกได้ชมแทน
ในส่วนของ จ.ภูเก็ต จากการสอบถามไปยังผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่นรายหนึ่ง ซึ่งให้บริการในเขตพื้นที่ อ.เมืองภูเก็ต ระบุว่า ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ จ.ภูเก็ต โทร.มาขอความร่วมมือให้หยุดถ่ายทอดสัญญาณดาวเทียมช่อง ASTV แล้ว ซึ่งในส่วนของตนนั้นจะยื้อถ่ายทอดสัญญาณดาวเทียมช่อง ASTV ต่อไปจนถึงที่สุด ซึ่งไม่ทราบว่า จะถึงเมื่อไหร่ แต่หากสถานการณ์รุนแรงจนอยากเกินควบคุม ก็คงต้องหยุดการส่งสัญญาณช่อง ASTV เนื่องจากหากไม่ทำตามก็จะถูกสั่งปิดกิจการทันที อันจะทำให้มีผลกระทบต่อธุรกิจ
นายณัชจรงค์ เอกเพิ่มทรัพย์ ประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลคิดย้อนกลับไปถึงช่วงที่สั่งถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ออกจากช่อง 9 ว่า เหตุการณ์ และปฏิกิริยาของประชาชนเป็นอย่างไร และครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน หากการดำเนินการใด ๆ ของรัฐบาลที่เป็นการยั่วยุอารมณ์ของประชาชน จนนำมาซึ่งสถานการณ์ที่รุนแรงจนยากเกินการควบคุม รมว.มหาดไทย และนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐบาล(ครม.)นอมินีทั้งหมดต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และหากเคเบิลทีวีท้องถิ่นระงับสัญญาณการออกอากาศช่อง ASTV จริงนั้น ในส่วนของ จ.ภูเก็ต ประชาชนสามารถเดินทางมารับชมการถ่ายทอดบรรยากาศการรวมตัวของพี่น้องพันธมิตรฯจากถนนราชดำเนินได้ที่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต ได้ทำการตั้งจอโปรเจคเตอร์มาตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.51 เป็นต้นมา และขณะนี้ได้เริ่มถ่ายทอดสัญญาณเสียงเร็วกว่าทุกวันด้วย
ASTV ทำให้ยอดสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ
สำหรับ จ.สงขลา ถือว่า สถานีโทรทัศน์เคเบิลทีวีท้องถิ่น ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันมีผู้ให้บริการ 4 ราย กระจายอยู่ในทั้ง อ.เมืองสงขลา, หาดใหญ่ และสะเดา
ส่วนที่ จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีท้องถิ่นเองก็ไม่ได้หวั่นไหวกับคำสั่งดังกล่าว และยังคงเปิดให้บริการลูกค้าตามปกติ ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกเพิ่มขึ้นราว 60% ในช่วงที่พันธมิตรฯมีการเคลื่อนไหวเพื่อเปิดโปง ล้วงลึกปัญหารอบด้านที่ส่งผลกระทบต่อปากท้องประชาชน การทุจริต และสมบัติของประเทศ
NGO แพร่ลั่นปิดสัญญาณเข้ากรุงทันที
ส่วนที่ จ.แพร่ ผู้ชม ASTV ส่วนใหญ่ได้รับชมจากเคเบิลทีวี ที่ประจำอยู่ในอำเภอต่างๆ โดยเฉพาะเคเบิลทีวีใน อ.เมือง อ.สูงเม่น ยังคงได้รับชมโทรทัศน์อยู่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดนายพงศ์ศักดิ์ พลายเวช ผู้ว่าฯแพร่ ยังไม่กล้าตัดสินใจในการสั่งให้เคเบิลทีวีปิดสัญญาณของ ASTV อย่างไรก็ดี ถ้ามีการสั่งปิดก็จะเดินทางเข้า กทม.ทันที
พันธมิตรฯเมืองน้ำดำร่วมชุมนุม
นายสุระพงษ์ ยะนะโชติ แกนนำกลุ่มพันธมิตรกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในวันอังคารที่ 17 มิ.ย.นี้ ทางกลุ่มฯจะเข้าไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯที่กรุงเทพฯ โดยจะเดินทางไปประมาณอย่างน้อย 50 คน และขอเรียกร้องให้ นายสมัครฯ อย่ายุบสภา แต่ให้ลาออกแล้วปล่อยให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แล้วให้ "เฉลิม" เข้าไปว่าความให้เอง เพื่อเป็นการทดสอบความรู้ที่เรียนมา