แกนนำพันธมิตรฯ เตรียมออกประกาศอารยะขัดขืนฉบับที่ 2 ตอบโต้คำสั่งเคเบิลทีวีท้องถิ่นระงับถ่ายทอดสัญญาณเอเอสทีวี ชี้เป็นการละเมิดสิทธิการรับรู้ข่าวสารตามรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันยังเป็นการละเมิดอำนาจศาลที่คุ้มครองการออกอากาศของเอเอสทีวีด้วย พร้อมท้าให้ลงนามอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรอย่าสั่งแต่ปาก เตือนจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวคนลุกฮือทั่วประเทศ
วันนี้ (13 มิ.ย.) เวลา 18.00 น. แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดย นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯร่วมแถลงข่าว โดยนายสุริยะใส กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศให้เคเบิ้ลทีวีท้องถิ่นระงับการเชื่อมต่อสัญญาณของสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ว่าในเวลา 20.00 น.จะประกาศแถลงการฉบับที่ 2 เป็นการแสดงท่าทีต่อคำสั่งดังกล่าวรวมถึงการใช้มาตรการตอบโต้ตามหลักอารยะขัดขืนและตามแนวทางกฎหมาย
นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า คำสั่งดังกล่าวใช้หลักยุทธศาสตร์ทางการเมืองคล้ายกับคดี นายสุนัย มโนมัยนอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ โดยใช้วิธีคุกคามแทรกแซงอำนาจตุลาการซึ่งการถ่ายทอดสดสัญญาณเอเอสทีวีนั้น ถูกต้องตามกฎหมายและได้รับการคุ้มครองตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ดังนั้น คำสั่งดังกล่าวของ ร.ต.อ.เฉลิม ถือเป็นคำสั่งที่มิชอบ ท้าทายอำนาจศาลและผิดรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 157 กรณีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและคุกคามสิทธิเสรีภาพประชาชน การอ้างว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯ ผิดกฎหมายและใช้ถ้อยคำหยาบคาย ยั่วยุ หมิ่นประมาทหรือผิดกฎหมายจราจรก็มีกฎหมายที่สามารถเอาผิดได้อยู่แล้ว
“การให้เหตุผลในการระงับการถ่ายทอดสดเอเอสทีวี ถือว่าไม่ได้ทำให้ประชาชนมาชุมนุมลดน้อยลงไป ตรงกันข้ามมีประชาชนเข้าร่วมการชุมนุมมากขึ้นเช่นเดียวกับวันที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งสลายการชุมนุม คำสั่งดังกล่าวของ มท.1 แสดงให้เห็นถึงความไม่รู้กฎหมาย และกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวได้” นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบการปิดช่องสัญญาณได้ถ่ายทอดสัญญาณได้ลุกลามไปหลายสิบจังหวัด เช่น กทม. ลพบุรี พัทลุง ซึ่งทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะรวบรวมหลักฐานและแถลงการณ์บนเวทีอีกครั้งหนึ่ง หากจะตีกรอบครอบคลุมอย่างเคร่งครัด คำสั่งดังกล่าวส่งผลไปยังสถานีฟรีทีวีทุกช่องรวมถึงวิทยุชุมชนหลายร้อยสถานีที่มีการรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯด้วย
อย่างไรก็ตาม นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงมวลชนกลุ่มพันธมิตรฯ จ.พัทลุงที่เตรียมเคลื่อนขบวนมายังบ้าน ร.ต.อ.เฉลิม แสดงให้เห็นว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ไม่พอใจเพราะรู้สึกว่า การกระทำดังกล่าวปิดหูปิดตาประชาชน ไม่ให้รับรู้ข้อมูลข่าวสารจึงมีสิทธิทวงถาม ส่วนตัวมองว่าเห็นว่าควรที่จะไปเพื่อทวงถามสิทธิความชอบธรรม แต่ทั้งนี้ต้องรอมติในที่ประชุมว่าจะไปวันไหน
ด้าน นายพิภพ กล่าวว่า เรียกร้องให้ ร.ต.อ.เฉลิม อย่าเอาเปรียบราชการชั้นผู้น้อยซึ่งไม่ควรใช้คำสั่งเป็นถ้อยคำ วาจาขอให้ย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ 14 ตุลา ที่รัฐบาลเผด็จการพยามปิดกั้นข้อมูลข่าวสารของนักศึกษาธรรมศาสตร์ ส่งผลให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมมากขึ้นจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลในที่สุด เชื่อว่าจะมีคนมาร่วมชุมนุมมากขึ้นเพื่อประท้วงคำสั่งของ ร.ต.อ.เฉลิม
อย่างไรก็ตาม ข้าราชการที่เป็นสมาชิกเอเอสทีวี รวมทั้งประชาชนจากหลายๆ หมู่บ้านเตรียมยกเลิกเป็นสมาชิกของเคเบิลทีวีแล้ว ซึ่งทำให้สูญเสียรายได้ ขณะนี้ภาคใต้จะมีม็อบประท้วงคำสั่งดังกล่าวที่ศาลาว่าการของแต่ละจังหวัด
ขณะที่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงธาตุแท้ของรัฐบาลเผด็จการที่ใช้อำนาจโดยมิชอบละเมิดสิทธิประชาชน คำสั่งดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญไม่สามารถใช้ได้ เป็นพฤติกรรมของพวกเผด็จการที่กลัวความจริงจะถูกเปิดเผย กลัวการตรวจสอบและกลัวความโปร่งใส
นอกจากนี้ นายสุริยะใส กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีกลุ่มผู้ชุมนุมหลายกลุ่มขอเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ นั้น ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้ปฏิเสธแต่เรื่องนี้จะต้องมีการประชุมหารือในที่ประชุมก่อนโดยกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะขอเข้าร่วมจะต้องยอมรับเงื่อนไขของพันธมิตรฯตามแนวทางขับไล่รัฐบาล ซึ่งหากเรียกร้องผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเองก็จะขอปฏิเสธไม่ให้เข้าร่วม
สำหรับบรรยากาศบนเวทีปราศรัยเมื่อเวลา 19.00 น. ผู้ปราศัยประกาศกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า สัญญาณถ่ายทอดสดของเอเอสทีวีได้ถูกตัดไปแล้ว จากนั้นเวลา 19.45 น. สัญญาณถ่ายทอดสดการชุมนุมฯ ในกรุงเทพฯ ได้หายไปประมาณ 3 นาที ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมโห่ร้องแสดงความไม่พอใจ หลังจากนั้นกลุ่มผู้บริหารเอเอสทีวีจะเดินทางไป สน.ชนะสงคราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดี
วันนี้ (13 มิ.ย.) เวลา 18.00 น. แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดย นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯร่วมแถลงข่าว โดยนายสุริยะใส กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศให้เคเบิ้ลทีวีท้องถิ่นระงับการเชื่อมต่อสัญญาณของสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ว่าในเวลา 20.00 น.จะประกาศแถลงการฉบับที่ 2 เป็นการแสดงท่าทีต่อคำสั่งดังกล่าวรวมถึงการใช้มาตรการตอบโต้ตามหลักอารยะขัดขืนและตามแนวทางกฎหมาย
นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า คำสั่งดังกล่าวใช้หลักยุทธศาสตร์ทางการเมืองคล้ายกับคดี นายสุนัย มโนมัยนอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ โดยใช้วิธีคุกคามแทรกแซงอำนาจตุลาการซึ่งการถ่ายทอดสดสัญญาณเอเอสทีวีนั้น ถูกต้องตามกฎหมายและได้รับการคุ้มครองตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ดังนั้น คำสั่งดังกล่าวของ ร.ต.อ.เฉลิม ถือเป็นคำสั่งที่มิชอบ ท้าทายอำนาจศาลและผิดรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 157 กรณีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและคุกคามสิทธิเสรีภาพประชาชน การอ้างว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯ ผิดกฎหมายและใช้ถ้อยคำหยาบคาย ยั่วยุ หมิ่นประมาทหรือผิดกฎหมายจราจรก็มีกฎหมายที่สามารถเอาผิดได้อยู่แล้ว
“การให้เหตุผลในการระงับการถ่ายทอดสดเอเอสทีวี ถือว่าไม่ได้ทำให้ประชาชนมาชุมนุมลดน้อยลงไป ตรงกันข้ามมีประชาชนเข้าร่วมการชุมนุมมากขึ้นเช่นเดียวกับวันที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งสลายการชุมนุม คำสั่งดังกล่าวของ มท.1 แสดงให้เห็นถึงความไม่รู้กฎหมาย และกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวได้” นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบการปิดช่องสัญญาณได้ถ่ายทอดสัญญาณได้ลุกลามไปหลายสิบจังหวัด เช่น กทม. ลพบุรี พัทลุง ซึ่งทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะรวบรวมหลักฐานและแถลงการณ์บนเวทีอีกครั้งหนึ่ง หากจะตีกรอบครอบคลุมอย่างเคร่งครัด คำสั่งดังกล่าวส่งผลไปยังสถานีฟรีทีวีทุกช่องรวมถึงวิทยุชุมชนหลายร้อยสถานีที่มีการรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯด้วย
อย่างไรก็ตาม นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงมวลชนกลุ่มพันธมิตรฯ จ.พัทลุงที่เตรียมเคลื่อนขบวนมายังบ้าน ร.ต.อ.เฉลิม แสดงให้เห็นว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ไม่พอใจเพราะรู้สึกว่า การกระทำดังกล่าวปิดหูปิดตาประชาชน ไม่ให้รับรู้ข้อมูลข่าวสารจึงมีสิทธิทวงถาม ส่วนตัวมองว่าเห็นว่าควรที่จะไปเพื่อทวงถามสิทธิความชอบธรรม แต่ทั้งนี้ต้องรอมติในที่ประชุมว่าจะไปวันไหน
ด้าน นายพิภพ กล่าวว่า เรียกร้องให้ ร.ต.อ.เฉลิม อย่าเอาเปรียบราชการชั้นผู้น้อยซึ่งไม่ควรใช้คำสั่งเป็นถ้อยคำ วาจาขอให้ย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ 14 ตุลา ที่รัฐบาลเผด็จการพยามปิดกั้นข้อมูลข่าวสารของนักศึกษาธรรมศาสตร์ ส่งผลให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมมากขึ้นจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลในที่สุด เชื่อว่าจะมีคนมาร่วมชุมนุมมากขึ้นเพื่อประท้วงคำสั่งของ ร.ต.อ.เฉลิม
อย่างไรก็ตาม ข้าราชการที่เป็นสมาชิกเอเอสทีวี รวมทั้งประชาชนจากหลายๆ หมู่บ้านเตรียมยกเลิกเป็นสมาชิกของเคเบิลทีวีแล้ว ซึ่งทำให้สูญเสียรายได้ ขณะนี้ภาคใต้จะมีม็อบประท้วงคำสั่งดังกล่าวที่ศาลาว่าการของแต่ละจังหวัด
ขณะที่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงธาตุแท้ของรัฐบาลเผด็จการที่ใช้อำนาจโดยมิชอบละเมิดสิทธิประชาชน คำสั่งดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญไม่สามารถใช้ได้ เป็นพฤติกรรมของพวกเผด็จการที่กลัวความจริงจะถูกเปิดเผย กลัวการตรวจสอบและกลัวความโปร่งใส
นอกจากนี้ นายสุริยะใส กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีกลุ่มผู้ชุมนุมหลายกลุ่มขอเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ นั้น ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้ปฏิเสธแต่เรื่องนี้จะต้องมีการประชุมหารือในที่ประชุมก่อนโดยกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะขอเข้าร่วมจะต้องยอมรับเงื่อนไขของพันธมิตรฯตามแนวทางขับไล่รัฐบาล ซึ่งหากเรียกร้องผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเองก็จะขอปฏิเสธไม่ให้เข้าร่วม
สำหรับบรรยากาศบนเวทีปราศรัยเมื่อเวลา 19.00 น. ผู้ปราศัยประกาศกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า สัญญาณถ่ายทอดสดของเอเอสทีวีได้ถูกตัดไปแล้ว จากนั้นเวลา 19.45 น. สัญญาณถ่ายทอดสดการชุมนุมฯ ในกรุงเทพฯ ได้หายไปประมาณ 3 นาที ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมโห่ร้องแสดงความไม่พอใจ หลังจากนั้นกลุ่มผู้บริหารเอเอสทีวีจะเดินทางไป สน.ชนะสงคราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดี