xs
xsm
sm
md
lg

บทความ

x

ความล้มเหลวของแผนล้อมปราบประชาชน!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สถานการณ์ ณ วันนี้เผยโฉมให้เห็นแล้วว่าแผนล้อมปราบประชาชนที่ใช้รูปแบบเดียวกันกับแผนล้อมปราบนักศึกษาเมื่อครั้งเหตุการณ์ 6 ตุลา กำลังล้มเหลวลงโดยลำดับแล้ว

แต่ดูเหมือนว่าคนที่หวังจะล้อมปราบประชาชนในรูปแบบเดียวกันกับการล้อมปราบในเหตุการณ์ 6 ตุลา ยังคงไม่ละความพยายามแต่ประการใด

รูปแบบการล้อมปราบนักศึกษาในเหตุการณ์เดือนตุลาคมเป็นอย่างไร?

ในขณะนั้นขบวนการนักศึกษาจัดชุมนุมในพื้นที่รั้วรอบขอบชิดในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คล้ายคลึงกับการชุมนุมของประชาชนในทำเนียบรัฐบาลปัจจุบัน

ในขณะนั้นฝ่ายปราบปรามใช้สื่อมวลชนของรัฐในการปลุกระดมประชาชนให้เห็นนักศึกษาเป็นศัตรู กล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ สั่งสมอาวุธสงครามและขุดอุโมงค์ตั้งบังเกอร์ คล้ายคลึงกับปัจจุบันที่ใช้สื่อมวลชนของรัฐปลุกระดมอย่างกว้างขวาง และบิดเบือนสร้างความเกลียดชังว่าผู้ชุมนุมในทำเนียบรัฐบาลเป็นผู้ทำลายชาติ และเป็นพวกเผด็จการ

ในขณะนั้นฝ่ายปราบปรามยังใช้พระสงฆ์องค์สำคัญบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้าว่าการฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป และต้องฆ่าคอมมิวนิสต์ให้หมด เพราะคอมมิวนิสต์จะทำลายศาสนา คล้ายคลึงกับปัจจุบันที่สื่อมวลชนของรัฐก็ได้ใช้พระสงฆ์บางรูปมาเป็นเครื่องมือ

ในขณะนั้นฝ่ายปราบปรามใช้กลุ่มอันธพาลที่ชื่อว่ากลุ่มกระทิงแดงและลูกเสือชาวบ้านเป็นมวลชนกองหน้า ใช้เป็นเครื่องมือเข้าปะทะ สร้างสถานการณ์รุนแรงทำร้ายและสังหารประชาชน

ในขณะนั้นนายสมัคร สุนทรเวช เป็นหนึ่งในขบวนการฝ่ายปราบปรามและมีบทบาทสำคัญในการปลุกระดมมวลชนเหมือนกับวันนี้ เป็นแต่ว่าปัจจุบันมีฐานะเป็นนายกรัฐมนตรี

เหตุการณ์ที่เป็นไปในวันนี้เห็นได้ชัดเจนว่ารูปแบบการล้อมปราบแบบเหตุการณ์ 6 ตุลา กำลังถูกนำมาใช้เต็มรูปแบบและอย่างเต็มที่ โดยมีนายสมัคร สุนทรเวช มีบทบาทสำคัญเช่นเดียวกัน

แล้วทำไมแผนล้อมปราบประชาชนในปัจจุบันนี้จึงมีแนวโน้มว่าจะล้มเหลว?

เพราะมีความแตกต่างในสาระสำคัญอย่างยิ่ง อย่างน้อยดังต่อไปนี้

ประการแรก มวลชนที่ปฏิเสธอำนาจรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะนักศึกษาหรือในพื้นที่กรุงเทพมหานครเท่านั้น แต่เป็นมวลชนทุกชนชั้น ทุกชนชาติ ทุกศาสนา ทุกวัฒนธรรมประเพณี ทุกสาขาอาชีพ และทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยมีชนชั้นกลางมีบทบาทนำ

ประการที่สอง มวลชนเหล่านี้ได้ผ่านการหล่อหลอมความรู้และความคิดทางการเมืองต่อเนื่องยาวนาน โดยมีองค์กรชี้นำที่ก้าวหน้า ฉลาด รู้ทัน และมีข่ายงานค่อนข้างกว้าง คุณภาพของมวลชนจึงสูงกว่า ก้าวหน้ากว่า และมีพละกำลังหลายๆ ด้านมากกว่าขบวนการนักศึกษาในเหตุการณ์ 6 ตุลา

ประการที่สาม มวลชนที่ยืนหยัดเป็นหลักเป็นสตรี ซึ่งทรหดอดทนตามวิสัยเพศแม่ จึงสามารถยืนหยัดได้อย่างยาวนานและมีกำลังทางเศรษฐกิจเกื้อหนุนอย่างล้นหลาม และสามารถรับมือกับกลยุทธ์หน่วงเหนี่ยวเวลาของฝ่ายปราบปรามอย่างได้ผล ทำให้การชุมนุมสามารถดำเนินต่อเนื่องได้ยาวนานล่วงร้อยวันมาแล้ว และไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนล้าหรือหยุดไปเองแต่ประการใดเลย

ประการที่สี่ ฝ่ายประชาชนมีสื่อหลักที่เปิดเผยข้อเท็จจริงสู่ภายนอกในระดับทั่วประเทศและทั่วโลกได้ ตีฝ่าแนวล้อมการปิดกั้นทางสื่ออย่างได้ผล ทำให้การบิดเบือนความจริงและการหลอกลวงไม่สามารถกระทำได้ตามอำเภอใจ

ประการที่ห้า ฝ่ายการเมืองทำความผิดพลาดอุกฤตฉกรรจ์ในทุกด้าน ไม่ว่าการคอร์รัปชั่น การใช้อำนาจข่มเหงประชาชน ทำร้ายประชาชน และการข่มเหงข้าราชการจนเกิดความไม่เป็นธรรมอย่างกว้างขวาง การขายอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ การบ่อนทำลายสถาบันของชาติอย่างชัดเจนต่อเนื่อง และการใช้อำนาจรัฐเพื่อฟอกผิดและเพื่อประโยชน์ของระบอบทุนสามานย์

ประการที่หก ฝ่ายประชาชนชูธงทางการเมือง “พิทักษ์รักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ โค่นระบอบทักษิณและขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ” อย่างโดดเด่น ธงการเมืองผืนนี้มีลักษณะเป็นธงธรรม ที่ทำให้เกิดความร่วมแรงร่วมใจของประชาชนอย่างกว้างใหญ่ไพศาล ธงแห่งธรรมชนิดนี้จึงย่อมได้รับความคุ้มครองปกปักรักษาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักรักษาแผ่นดินนี้

ประการที่เจ็ด ฝ่ายการเมืองไม่สามารถควบคุมกลไกรัฐอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด กลไกรัฐจำนวนมากยังมีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และรู้ดีว่ามีภัยคุกคามสถาบันสำคัญของชาติอยู่ คงมีแต่ฝ่ายตำรวจเท่านั้นที่ขึงขังเอาจริงเอาจัง แต่พอเวลาผ่านไปสถานการณ์คลี่คลายไป ตำรวจจำนวนหนึ่งก็เริ่มวางเฉย ไม่สนองตัณหาของนักการเมือง กระทั่งร่วมมือในบางระดับกับฝ่ายประชาชน ทำให้กลุ่มตำรวจที่แข็งขันต้องระมัดระวังเพราะไม่อาจรักษาความลับใด ๆ ในปฏิบัติการทั้งปวงเอาไว้ได้ แผนล้อมปราบหลายครั้งจึงถูกทำลายลง

ประการที่แปด ภาคประชาชนใช้ยุทธวิธีอหิงสาและสันติอย่างมั่นคง แม้ภายนอกจะเห็นว่าหน่อมแน้ม ไม่มีบทบาทเชิงรุก แต่แท้จริงนี่คือ “พลังแห่งจักรวาล” ชนิดหนึ่ง จึงมีอานุภาพมาก เป็นพลังที่สามารถข่มและทำลายความรุนแรงอย่างได้ผล ดังที่ได้เห็นแล้วว่ายิ่งถูกรังแกทำร้าย มวลชนก็ยิ่งเติบใหญ่

ด้วยประการต่างๆ เหล่านี้จึงทำให้การยืนหยัดต่อสู้ของภาคประชาชนดำรงอยู่ได้และขยายตัวไปได้ และทำให้แผนการล้อมปราบที่โหดเหี้ยมและล้าหลังกำลังล้มเหลวลง

ปฏิบัติการที่โหดเหี้ยมอำมหิตในการสลายการชุมนุมที่เกิดขึ้นแล้วทั้ง 4 ครั้ง คือตอนใกล้รุ่งของวันที่ 27 สิงหาคม 2551 เช้าตรู่ของวันที่ 29 สิงหาคม 2551 ช่วงค่ำของวันที่ 29 สิงหาคม 2551 และตอนดึกของคืนวันที่ 1 กันยายน 2551 จึงไม่เพียงแต่ล้มเหลวไม่เป็นท่าเท่านั้น กลับทำให้ทุกภาคส่วนของประเทศไทยตื่นตัวขึ้นอย่างกว้างขวาง แล้วเรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช ลาออก ทั้งเข้าร่วมการต่อสู้เพิ่มขึ้นอีกอย่างมหาศาล

สถานการณ์มาถึงจุดสำคัญหลังการประกาศภาวะฉุกเฉิน ที่ตอนต้นสร้างความยินดีปรีดาแก่ฝ่ายการเมือง แต่มาถึงขณะนี้ก็น่าจะรู้ตัวได้แล้วว่าอำนาจสูงสุดของรัฐในพื้นที่กรุงเทพมหานครได้หลุดจากมือตัวเองไปแล้ว

อำนาจนั้นและแรงกดดันจากทุกภาคส่วนจะทำให้นายสมัคร สุนทรเวช อยู่ไม่ได้ และจะทำให้สถานการณ์คืนสู่ความเป็นปกติสุขในเร็ววันเป็นแน่!
กำลังโหลดความคิดเห็น