“พาณิชย์” เผยส่งออกเดือน ก.พ. 63 มีมูลค่า 20,641.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4.47% ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ทำเศรษฐกิจและการค้าโลกชะลอตัว และยังได้รับผลกระทบจากน้ำมันลด คาดแนวโน้มชะลอตัวต่อ มั่นใจสินค้าอาหาร เครื่องนุ่งห่ม มีโอกาสส่งออกพุ่ง แถมมีข่าวดี บาทอ่อนค่า หลายประเทศอัดฉีดเศรษฐกิจ คาดหากส่งออกทำได้เดือนละกว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งปีมีโอกาสบวก
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือน ก.พ. 2563 มีมูลค่า 20,641.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4.47% และการนำเข้ามีมูลค่า 16,744.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4.30% ส่งผลให้เกินดุลการค้ามูลค่า 3,897.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนยอดรวม 2 เดือนของปี 2563 (ม.ค.-ก.พ.) มีมูลค่า 40,267.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 0.81% การนำเข้ามีมูลค่า 37,925.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 6.32% ได้ดุลการค้า มูลค่า 2,341.6 ล้านเหรียญสหรัฐ
ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกในเดือน ก.พ. 2563 ลดลง มาจากราคาน้ำมันที่ลดลง และฐานสูงของอาวุธในการซ้อมรบในปีก่อน รวมทั้งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลกชะงักลง กระทบต่อเศรษฐกิจและการส่งออกของหลายประเทศ รวมทั้งไทย ทำให้การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ลดลง 3% และสินค้าอุตสาหกรรมลดลง 5.2%
ด้านตลาดส่งออก ตลาดหลักลดลง 21.5% โดยส่งออกไปสหรัฐฯ ลด 37% เพราะฐานการส่งออกอาวุธปีก่อนสูง แต่ถ้าหักอาวุธออก การส่งออกเพิ่มขึ้น 18.3% สหภาพยุโรป เพิ่ม 1.7% ญี่ปุ่น ลด 11.1% ตลาดศักยภาพสูง เพิ่ม 2.8% เช่น อาเซียน 5 ประเทศ เพิ่ม 6.3% CLMV เพิ่ม 5.8% จีน ลด 2% เอเชียใต้ ลด 0.1% ตลาดศักยภาพระดับรอง ลด 2.8% เช่น ลาตินอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย รัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS และทวีปแอฟริกา ลดลง 2.8% , 6.2% , 14.2% และ 18.1% ตามลำดับ แต่ตลาดตะวันออกกลาง เพิ่ม 16.4%
น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่า แม้การส่งออกภาพรวมจะลดลง แต่มีสินค้าหลายๆ ตัวของไทยที่มีการส่งออกเพิ่มขึ้น จากการมีจุดแข็งด้านความหลากหลายของสินค้าและการกระจายตัวของตลาด เช่น ไก่สดแช่เย็น แช่แข็ง อาหารทะเลแช่แข็งและกระป๋อง ผัก ผลไม้กระป๋องและแปรรูป สิ่งปรุงรสอาหาร ผลิตภัณฑ์ข้าว นมและผลิตภัณฑ์นม เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน เครื่องนุ่งห่มและเครื่องแต่งกาย ที่ยังคงขยายตัวได้ดี รวมถึงสินค้าอื่นๆ ที่มีการเร่งรัดการส่งออกเมื่อช่วงปลายปี 2562 ได้ส่งผลดีในช่วงนี้ เช่น ข้าว ในตลาดตุรกี ยางพาราในจีน ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ในอินเดียและตุรกี ผลิตภัณฑ์ยางในอินเดีย
ส่วนแนวโน้มการส่งออก มองว่า แรงกดดันจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการค้าโลกในระยะสั้น และกลาง ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ และมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีการปิดเมือง ปิดพรมแดน จะส่งผลกระทบต่อการขนส่ง ซัปพลายเชน ซึ่งจะมีผลกดดันการส่งออกของไทยในเดือน มี.ค. 2563 ที่น่าจะยังติดลบอยู่ แต่มองว่า การที่เงินบาทอ่อนค่า และหลายประเทศใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน การคลัง จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทย โดยหากจากนี้ไปส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละ 20,598 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งปีจะขยายตัว 0% แต่หากสามารถส่งออกได้เกิน 20,598 ล้านเหรียญสหรัฐ การส่งออกไทยทั้งปีจะเป็นบวก แต่หากน้อยกว่านั้นก็จะติดลบ