xs
xsm
sm
md
lg

สินค้าเกษตร-อาหารออร์เดอร์พุ่ง ไทย-เทศแห่ตุนรับมือโควิด-19

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ส.อ.ท.เกาะติดโควิด-19 เริ่มส่งผลให้ทั้งคนไทยและต่างชาติแห่ตุนสินค้าอุปโภค บริโภค มีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้นต่อเนื่อง เร่งทุกส่วนรับมือสร้างสมดุลให้เพียงพอ ลั่นคนไทยโชคดีที่มีภาคเกษตรสมบูรณ์ ทำให้ไม่ต้องกลัวอาหารจะไม่พอ รับหวั่นภัยแล้งฉุดปริมาณการผลิต ปีนี้ลด 20-30%

นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การแพร่ระบาดเชื้อโรคไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกรวมถึงไทย ทำให้คำสั่งซื้อในประเทศ ในส่วนของสินค้าในกลุ่มของใช้จำเป็น ทั้งอุปโภค บริโภคมีสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอาหารและเกษตรแปรรูป อุปกรณ์การแพทย์ ยา อาหารเสริม เป็นต้น ส่วนคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ ล่าสุดพบว่าเริ่มมีเข้ามาต่อเนื่องในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ทั้งจากสหรัฐฯ จีน และสหภาพยุโรปบางส่วน ซึ่งไทยนับเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ อันดับ11 ของโลก

"โควิด-19 ในไทยเริ่มมีผู้ติดเชื้อสูงขึ้น และอาจนำไปสู่การปิดเมือง หรือล็อกดาวน์ ได้เช่นกัน ดังนั้นสมาชิก ส.อ.ท.ได้เตรียมมาตรการที่จะให้ภาคการผลิตทั้งหมด 42 กลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็น ที่ต้องเตรียมพร้อมการผลิตไว้อย่างสม่ำเสมอ ให้คนงานได้ทำงานปกติ เพื่อไม่ให้กระทบกรณีที่มีคำสั่งซื้อเข้ามามาก รวมถึงการวางระบบขนส่งในการกระจายสินค้าให้เพียงพอ เพื่อสร้างสมดุล ทั้งการผลิตให้สอดรับกับความต้องการในประเทศ และส่งออกด้วย"นายเกรียงไกร กล่าว

นายศักดิ์ชัย อุ่นจิตติกุล ประธานสถาบันอุตสาหกรรมเพื่อการเกษตร ส.อ.ท. กล่าวว่า โควิด-19 ที่แพร่ระบาดในไทย ทำให้สินค้าภาคการเกษตรและอาหารแปรรูป มีความต้องการสูงขึ้นมาก ทั้งข้าว พืชผัก ผลไม้ ฯลฯ เพราะประชาชนบางส่วนมีการกักตัวอยู่ในบ้าน หรือทำงานจากบ้าน (work from home)ทำให้เริ่มกลับมาทำอาหารทานเอง เพื่อความปลอดภัยในสุขภาพ ขณะที่ต่างประเทศ ที่ทยอยล็อกดาวน์ ทำให้มีการกักตุนอาหาร ซึ่งไทยก็จะมีโอกาสในการเข้าไปทำตลาดทดแทนในส่วนนี้ได้มากขึ้นเช่นกัน

"ผมคิดว่า คนไทยโชคดีที่มีอุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร ปศุสัตว์ ประมงที่เข้มแข็งประเทศหนึ่งของโลก และคนไทยจะมีอาหารอย่างเพียงพอแน่นอน แต่ก็ต้องบริหารจัดการให้ดีด้วย อย่ากักตุนเกินจำเป็น และต้องมองระยะยาว เพื่อทำให้ภาคเกษตรไทยเข้มแข็งกว่านี้ ให้ประโยชน์นั้นตกถึงเกษตรกรอย่างแท้จริง โดยการผลักดันไปสู่เกษตรปลอดภัย เป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ไร้สารตกค้าง" นายศักดิ์ชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องติดตามคือ ภาวะภัยแล้งในปีนี้ว่าจะรุนแรงมากน้อยเพียงใด ซึ่งเบื้องต้นที่เริ่มมีผลกระทบต่อปริมาณน้ำในเขื่อนต่างๆ ลดลง หากฝนไม่มากต่อเนื่อง ยอมรับว่าจะส่งผลกระทบให้ภาคการผลิตในสินค้าเกษตรภาพรวมลดลงไปราว 20-30% จากปีก่อน ดังนั้นเรื่องการวางแผนระบบน้ำ และนำเทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการ ต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย แม้ที่ฝ่านมาทุกฝ่ายตระหนักดีว่าภาคเกษตรนั้นเป็นกลไกหนึ่งที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทย แต่ยังคงตื่นตัวไม่มาก ที่จะวางระบบบริหารจัดการที่เป็นระยะยาว และก่อให้เกิดความยั่งยืน ดังนั้น จึงเป็นว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องวางยุทธศาสตร์แห่งชาติให้มีการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมทั้งระยะสั้น กลาง และยาว
กำลังโหลดความคิดเห็น